คำนำ หนังสือท่ีมีอยู่โดยท่ัวไปจะมีลักษณะเป็นเอกสารที่จัดพิมพ์ด้วย กระดาษแต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและความเปล่ียนแปลง ด้านอิเล็กทรอนิกส์ท่ีมีการพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดย้ังทาให้มีการ คิดค้นวิธีการใหม่โดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยดึงให้เกิดเป็น หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (E-Book) โดยขอ้ มูลและเนอื้ หา นาหนงั สือก็ยังคง สภาพเดิมแต่จะได้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ท่ีทันสมัยและทาให้ผู้เรียนเกิด ความสนใจในการเรยี นมากขน้ึ โดยสอื่ การสอนหนงั สอื อเิ ล็กทรอนิกส์ (E-Book) เร่ือง นิราศภูเขา ทอง เพ่ือการอ่านจับใจความสาคัญ เป็นการนาเนื้อหาความรู้ในระดับ มัธยมศึกษาช้ันปีที่ 1 จากหนังสือเรียนภาษาไทยวรรณคดีวิจักษ์ ม.1 เรื่อง นิราศเขาทองของสุนทรภู่ และ ความหมายของการอ่านจบั ใจความ สาคัญ ความสาคัญของการอ่านจับใจความสาคัญ ตลอดจนเทคนิคการ อ่านจับใจความสาคัญซึ่งยังมีการจัดทาเน้ือหาอีกท้ังยังมีการสร้างสื่อ ประกอบการเรียนการสอนเป็นวีดีโอคลิปเสียงร่วม การออกแบบ กิจกรรมการเรียนรู้และแบบฝึกต่างๆเพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จาก บทเรียนสื่อการสอนอเิ ล็กทรอนกิ ส์ E- Book สกลรัฐ ชโยดม
สำรบัญ 1 แบบทดสอบก่อนเรียน 2 กำรอำ่ นจบั ใจควำมสำคญั 3 ควำมหมำยของกำรอ่ำน จบั ใจควำมสำคญั 4 หลกั กำรจับใจ อ่ำนควำมสำคัญ 5 วิธีจบั ใจควำมสำคญั 6 กำรอ่ำนจบั ใจควำมสำคญั 7 กำรพจิ ำรณำตำแหน่ง ใจควำมสำคัญ
สำรบัญ (ตอ่ ) 8 ภมู ิหลงั วรรณกรรม 9 ควำมเป็นมำ 10 นิรำศ 11 ตัวอย่ำงนริ ำศ 12 ประวตั สิ ุนทรภู่ 13 ผลงำนของสนุ ทรภู่ 14 เนอ้ื หำเร่อื งนริ ำศภูเขำทอง
สำรบญั (ตอ่ ) 15 ลักษณะคำประพันธ์ 16 ศัพท์เสรมิ รู้ 17 คลปิ วดี ีโอ เร่ือง นิรำศภูเขำทอง 18 กิจกรรมเสริมควำมเข้ำใจ ในนิรำศ ภเู ขำทอง 19 ลอ่ งเรอื ตำมลอย นริ ำศภูเขำทอง 20 จบั ค่โู ยงควำมสัมพันธ์ 21 แบบทดสอบหลงั เรยี น
สำรบญั (ตอ่ ) 22 บรรณำนกุ รม 23 ผูจ้ ัดทำ
คำแนะนำสำหรับผู้สอน 1. ครูควรศกึ ษาและทาความเข้าใจเกีย่ วกับหลกั การอา่ นจับ ใจความสาคญั 2. ครคู วรศึกษาและทาความเขา้ ใจเกี่ยวกับภูมิหลังและ เนอื้ หา วรรณคดเี รอ่ื งนริ าศภูเขาทอง 3. ครูควรคน้ คว้าและอา่ นเน้ือหาทเ่ี ก่ียวข้องเพม่ิ เตมิ จาก หนงั สอื เรียน คมู่ ือครู และหนังสอื เสริมประสบการณ์ ต่างๆ ในเร่อื ง นิราศภูเขาทอง
คำแนะนำสำหรับผสู้ อน (ต่อ) 4. ครูชี้แจงขั้นตอน และอธิบายการใช้หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (E-BOOK) โดยละเอยี ด เพอื่ ให้นักเรยี นเขา้ ใจเก่ียวกบั ง การใช้หนงั สืออิเล็กทรอนิกส์ (E-BOOK) ในแต่ละชัว่ โมง 5. ในขณะนกั เรยี นปฏิบัตกิ จิ กรรม ครคู วรใหก้ ารดูแลอย่าง ท่วั ถึงและให้คาแนะนากบั นกั เรียนทไ่ี มเ่ ขา้ ใจในกิจกรรม ตา่ งๆ และ กระตนุ้ ให้นกั เรยี นปฏบิ ตั กิ ิจกรรมด้วยตนเอง ใหม้ ากทส่ี ดุ ตาม ความสามารถของนกั เรยี น 6. หลงั จากใช้ส่อื หนังสอื อิเลก็ ทรอนิกส์ (E-BOOK) ครูควร สรุปองคค์ วามรู้ท่ไี ด้จากการทาแบบฝกึ หดั หลังจากทา กจิ กรรมเสรจ็ ให้นกั เรยี นไดเ้ ขา้ ใจอยา่ งละเอียด
คำแนะนำสำหรับผ้เู รียน 1. สอื่ การสอนเรือ่ ง นริ าศภูเขาทอง เพื่อการอ่านจับใจความ สาคัญ ประกอบไปด้วยหนังสอื อิเล็กทรอนิกส์ E- Book และ ในกิจกรรมท้ายบท 2. เมือ่ นกั เรยี นเปดิ หนงั สืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ E- Book ใหน้ ักเรียน ศกึ ษาคาแนะนาสาหรับผเู้ รยี นและเครือ่ งมือในหนังสอื อเิ ลก็ ทรอนกิ สใ์ ห้เขา้ ใจก่อนเริ่มเข้าสบู่ ทเรียน 3. กอ่ นการใชห้ นังสอื อเิ ล็กทรอนิกส์ E -Book นกั เรยี นต้องทา แบบทดสอบก่อนเรยี น กอ่ นการทากิจกรรมและทา แบบฝึกหัด หลงั เรียนหลงั จากใชช้ ุดการสอนทงั้ หมด 4. นกั เรียนควรทากิจกรรมการเรียนรู้ ดว้ ยความมุ่งมัน่ ตงั้ ใจไม่ ลอกเพ่อื น 5. หากมีข้อสงสัยใหส้ อบถามครูผู้ควบคมุ การจัดกิจกรรม การเรียนการสอน
แบบฝกึ หดั ก่อนเรียน คำชีแ้ จง แบบฝึกหดั กอ่ นเรียนมีขอ้ สอบจานวน 10 ขอ้ ให้เลอื กกากคาตอบทีถ่ ูกตอ้ ง เพียง 1 ข้อ 1. ข้อใดแสดงถึงสัจธรรมของชีวิตได้ดที ่ีสุด ก. งิว้ นรกสิบหกองคลุ แี หลม ดงั ขวากแซมเสี้ยมแทรกแตกไสว ใครทาชคู้ ทู่ า่ นครัน้ บรรลัย กต็ ้องไปปนี ต้นน่าขนพอง ข. ถึงอารามนามวัดประโคนปกั ไม่เหน็ หลักลือเล่าวา่ เสาหิน เปน็ สาคัญปันแดนในแผ่นดนิ มริ สู้ ิ้นสุดชอื่ ทีล่ ือชา ค. ถงึ บางจากจากวดั พลัดพีน่ อ้ ง มามวั หมองม้วนหน้าไมฝ่ า่ ฝืน เพราะรักใคร่ใจจืดไม่ยดื ยืน จงึ ต้องขนื ในพรากมาจากเมือง ง. โอเ้ จดีย์ทีส่ ร้างยงั ร้างรกั เสียดายนกั นึกนา่ นา้ ตากระเดน็ กระนีห้ รอื ชื่อเสียงเกยี รติยศ จะมหิ มดล่วงหน้าทนั ตาเหน็ 2. ขอ้ ใดสะท้อนให้เห็นวฒั นธรรมในการแตง่ กายของคนไทยสมัยกอ่ น ก. ตรงหนา้ โรงโพงพางเขาวางราย ข. ท้งั ผดั หนา้ จับเขม่าเหมอื นชาวไทย ค. ไอล้ าหนึง่ ครงึ่ ท่อนกลอนมันมาก ง. ทงั้ สิ่งของขาวเหลอื งเครื่องสาเภา
แบบฝกึ หดั ก่อนเรยี น คำชี้แจง แบบฝกึ หัดก่อนเรียนมีขอ้ สอบจานวน 10 ขอ้ ให้เลอื กกากคาตอบทถี่ ูกต้อง เพยี ง 1 ข้อ 3. ข้อใดสะทอ้ นขนบธรรมเนียมในอดตี ได้มากท่ีสดุ ก. เคยหมอบรบั กับพระจมื่นไวย แล้วลงในเรือที่นั่งบลั ลังกท์ อง ข. ไปพน้ วดั ทศั นารมิ ท่านา้ แพประจาจอดรายเขาขายของ ค. ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพร้อมเพรยี งมาเมยี งมอง ง. มาทางท่าหน้าจวนจอมผรู้ ั้ง คิดถึงคร้ังกอ่ นมานา้ ตาไหล 4. ข้อใดกล่าวถึงศลิ ปะสถาปัตยกรรมของเจดีย์ภเู ขาทอง ก. อยู่กลางทุง่ รงุ่ โรจนส์ นั โดษเด่น เปน็ ทเี่ ล่นนาวาคงคาใส ข. ท่ีองค์ก่อยอ่ เหลยี่ มสลบั กัน เป็นสามชนั้ เชงิ ชานตระหง่านงาม ค. ทงั้ องคฐ์ านราญรา้ วถึงเกา้ แสก เผลอแยกยอดสดุ กห็ ลุดหัก ง. โอ้ผา่ นเกล้าเจา้ ประคุณของสนุ ทร แตป่ างก่อนเคยเฝา้ ทุกเช้าเยน็ 5. ขอ้ ใดไม่ไดก้ ลา่ วถึงสิ่งกอ่ สรา้ งในบรเิ วณเจดยี ภ์ เู ขาทอง ก. ทพี่ ื้นลานฐานบัทม์ถดั บันได คงคงลัยลอ้ มรอบเป็นขอบคัน ข. มีเจดยี ว์ ิหารเป็นลานวัด ในจังหวัดวงแขวงกาแพงก้นั ค. บนั ไดมสี ี่ด้านสาราญร่นื ตา่ งชมชื่นชวนกนั ข้นึ ชน้ั สาม ง. ประทักษิณจินตนาพยายาม ไดเ้ สรจ็ สามรอบคานบั อภวิ นั ท์
แบบฝกึ หดั ก่อนเรยี น คำชี้แจง แบบฝึกหัดกอ่ นเรียนมขี ้อสอบจานวน 10 ข้อ ใหเ้ ลอื กกากคาตอบท่ถี ูกตอ้ ง เพยี ง 1 ขอ้ 6. ขอ้ ใดไม่ไดก้ ลา่ วถึงงานหตั ถกรรม แพประจาจอดรายเขาขายของ ก. ไปพน้ วดั ทศั นารมิ ทา่ น้า ทง้ั สง่ิ ของขาวเหลืองเครอื่ งสาเภาฯ ข. มีแพรผ้าสารพัดสีม่วงตอง มขี อ้ งขังก้งุ ปลาไวค้ ้าขาย ค. ถึงบา้ นญวนลว้ นแตโ่ รงแลสะพร่งั พวกหญิงชายพร้อมเพรยี งมาเมยี งมอง ง. ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย 7. ขอ้ ใดไมป่ รากฏวัฒนธรรมการแตง่ กาย ก. ถึงเกรด็ ย่านบ้านมอญแตก่ ่อนเกา่ ข. ผหู้ ญิงเกล้ามวยงามตามภาษา ค. เดี๋ยวนม้ี อญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา ง. ทั้งผัดหนา้ จับเขมา่ เหมือนชาวไทย 8. ความเชอื่ ในขอ้ ใดแตกตา่ งจากข้ออื่น สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย ก. ทาบญุ บวชกรวดน้าขอสาเรจ็ ใหผ้ อ่ งพน้ ภยั พาลสาราญกายฯ ข. ขอเดชะอานุภาพพระทศพล จะได้ผาสุกสวสั ดิ์จากดั ภัย ค. ขอให้สมคะเนเถดิ เทวา ตราบนพิ พานภาคหนา้ ให้ถาวร ง. ขอสมหวังตงั้ ประโยชนโ์ พธญิ าณ
แบบฝึกหดั กอ่ นเรยี น คำชแี้ จง แบบฝึกหัดกอ่ นเรยี นมีขอ้ สอบจานวน 10 ข้อ ใหเ้ ลือกกากคาตอบทีถ่ ูกตอ้ ง เพียง 1 ขอ้ 9. ข้อใดบอกประวตั คิ วามเป็นมาของสถานท่ี ก. ตลาดแกว้ แล้วไม่เหน็ ตลาดต้ัง สองฟากฝง่ั ก็แต่ลว้ นสวนพฤกษา ข. ประทานนามสามโคกเปน็ เมอื งตรี ช่อื ปทุมธานเี พราะมบี ัว ค. ถงึ เกรด็ ยา่ นบ้านมอญแต่กอ่ นเก่า ผหู้ ญงิ เกลา้ มวยงามตามภาษา ง. โอ้ปางหลงั ครั้งสมเด็จพระบรมโกศ มาผกู โบสถ์ก็ไดม้ าบูชาช่นื 10. ช่วงเวลาใดแตกตา่ งจากข้ออ่นื ก. พอตรตู่ รู่สรุ ยิ ์ฉายขนึ้ พรายพรรณ ให้ลอ่ งวนั หนึง่ มาถงึ ธานี ข. พอรอนรอนออ่ นแสงพระสุรยิ น ถงึ ตาบลกรุงเกา่ ยิ่งเศรา้ ใจ ค. จนแจ่มแจง้ แสงตะวนั เหน็ พันธผุ์ กั ดนู า่ รกั บรรจงสง่ เกสร ง. คร้นั รุง่ เช้าเขา้ เป็นวนั อโุ บสถ เจรญิ รสธรรมาบูชาฉลอง
เฉลยแบบฝึกหดั ก่อนเรยี น คำช้ีแจง แบบฝึกหัดก่อนเรยี นมขี ้อสอบจานวน 10 ขอ้ ให้เลอื กกากคาตอบท่ีถกู ต้อง เพยี ง 1 ขอ้ 1. ขอ้ ใดแสดงถึงสจั ธรรมของชวี ติ ไดด้ ที สี่ ุด ก. งวิ้ นรกสบิ หกองคุลแี หลม ดงั ขวากแซมเสีย้ มแทรกแตกไสว ใครทาชู้คู่ทา่ นครั้นบรรลยั ก็ตอ้ งไปปนี ตน้ น่าขนพอง ข. ถึงอารามนามวัดประโคนปกั ไมเ่ หน็ หลักลอื เลา่ ว่าเสาหนิ เป็นสาคญั ปันแดนในแผน่ ดิน มิรสู้ ้นิ สดุ ชือ่ ท่ลี อื ชา ค. ถงึ บางจากจากวดั พลัดพน่ี อ้ ง มามวั หมองม้วนหนา้ ไม่ฝา่ ฝืน เพราะรักใคร่ใจจืดไม่ยดื ยืน จึงตอ้ งขืนในพรากมาจากเมอื ง ง. โอ้เจดีย์ทส่ี ร้างยงั รา้ งรกั เสยี ดายนักนึกนา่ น้าตากระเด็น กระนห้ี รอื ช่อื เสยี งเกียรตยิ ศ จะมหิ มดลว่ งหน้าทันตาเห็น 2. ข้อใดสะท้อนใหเ้ หน็ วฒั นธรรมในการแตง่ กายของคนไทยสมัยก่อน ก. ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย ข. ทงั้ ผดั หนา้ จบั เขม่าเหมือนชาวไทย ค. ไอล้ าหนง่ึ ครึง่ ท่อนกลอนมันมาก ง. ท้งั สง่ิ ของขาวเหลืองเครื่องสาเภา
เฉลยแบบฝกึ หดั กอ่ นเรียน คำชีแ้ จง แบบฝึกหัดก่อนเรยี นมีขอ้ สอบจานวน 10 ขอ้ ใหเ้ ลือกกากคาตอบทถ่ี ูกต้อง เพยี ง 1 ขอ้ 3. ข้อใดสะท้อนขนบธรรมเนียมในอดตี ไดม้ ากทสี่ ุด ก. เคยหมอบรับกับพระจม่ืนไวย แลว้ ลงในเรอื ท่ีนัง่ บลั ลังกท์ อง ข. ไปพน้ วดั ทัศนาริมท่าน้า แพประจาจอดรายเขาขายของ ค. ตรงหนา้ โรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพร้อมเพรยี งมาเมยี งมอง ง. มาทางท่าหน้าจวนจอมผู้รง้ั คดิ ถงึ ครงั้ ก่อนมาน้าตาไหล 4. ข้อใดกล่าวถึงศลิ ปะสถาปัตยกรรมของเจดยี ภ์ ูเขาทอง ก. อยู่กลางท่งุ ร่งุ โรจน์สันโดษเด่น เปน็ ท่ีเล่นนาวาคงคาใส ข. ท่อี งค์ก่อยอ่ เหลี่ยมสลับกนั เป็นสามช้ันเชิงชานตระหง่านงาม ค. ทง้ั องค์ฐานราญรา้ วถึงเกา้ แสก เผลอแยกยอดสุดก็หลดุ หกั ง. โอ้ผา่ นเกลา้ เจา้ ประคุณของสุนทร แตป่ างกอ่ นเคยเฝ้าทกุ เช้าเย็น 5. ขอ้ ใดไม่ได้กล่าวถงึ ส่งิ ก่อสรา้ งในบริเวณเจดียภ์ ูเขาทอง ก. ท่ีพ้นื ลานฐานบัทมถ์ ดั บนั ได คงคงลยั ลอ้ มรอบเป็นขอบคนั ข. มเี จดยี ์วหิ ารเปน็ ลานวัด ในจังหวัดวงแขวงกาแพงก้ัน ค. บันไดมีสี่ดา้ นสาราญรื่น ต่างชมชื่นชวนกันขึน้ ช้ันสาม ง. ประทกั ษิณจินตนาพยายาม ไดเ้ สร็จสามรอบคานบั อภิวนั ท์
เฉลยแบบฝึกหัดกอ่ นเรียน คำชแี้ จง แบบฝึกหดั ก่อนเรยี นมขี อ้ สอบจานวน 10 ขอ้ ให้เลือกกากคาตอบท่ีถกู ต้อง เพียง 1 ขอ้ 6. ขอ้ ใดไม่ไดก้ ล่าวถึงงานหัตถกรรม แพประจาจอดรายเขาขายของ ก. ไปพ้นวัดทัศนาริมท่านา้ ทัง้ สิง่ ของขาวเหลอื งเคร่อื งสาเภาฯ ข. มีแพรผ้าสารพัดสมี ่วงตอง มขี ้องขงั กุง้ ปลาไวค้ า้ ขาย ค. ถึงบา้ นญวนล้วนแตโ่ รงแลสะพรง่ั พวกหญิงชายพร้อมเพรยี งมาเมยี งมอง ง. ตรงหนา้ โรงโพงพางเขาวางราย 7. ข้อใดไม่ปรากฏวัฒนธรรมการแต่งกาย ก. ถงึ เกรด็ ยา่ นบ้านมอญแต่กอ่ นเก่า ข. ผู้หญงิ เกล้ามวยงามตามภาษา ค. เดีย๋ วนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา ง. ทงั้ ผัดหน้าจบั เขม่าเหมอื นชาวไทย 8. ความเชอ่ื ในข้อใดแตกตา่ งจากขอ้ อ่ืน สรรเพชญโพธญิ าณประมาณหมาย ก. ทาบญุ บวชกรวดน้าขอสาเรจ็ ใหผ้ อ่ งพ้นภัยพาลสาราญกายฯ ข. ขอเดชะอานุภาพพระทศพล จะได้ผาสุกสวสั ด์ิจากดั ภยั ค. ขอใหส้ มคะเนเถดิ เทวา ตราบนิพพานภาคหนา้ ให้ถาวร ง. ขอสมหวงั ต้ังประโยชน์โพธญิ าณ
เฉลยแบบฝึกหัดก่อนเรยี น คำช้แี จง แบบฝึกหัดกอ่ นเรียนมขี อ้ สอบจานวน 10 ขอ้ ให้เลอื กกากคาตอบท่ีถกู ต้อง เพยี ง 1 ขอ้ 9. ข้อใดบอกประวัตคิ วามเปน็ มาของสถานที่ ก. ตลาดแกว้ แลว้ ไม่เหน็ ตลาดตั้ง สองฟากฝงั่ ก็แต่ล้วนสวนพฤกษา ข. ประทานนามสามโคกเปน็ เมืองตรี ชอ่ื ปทุมธานเี พราะมบี ัว ค. ถึงเกรด็ ยา่ นบา้ นมอญแตก่ อ่ นเก่า ผู้หญงิ เกลา้ มวยงามตามภาษา ง. โอป้ างหลงั ครงั้ สมเดจ็ พระบรมโกศ มาผกู โบสถก์ ไ็ ด้มาบชู าช่ืน 10. ชว่ งเวลาใดแตกตา่ งจากขอ้ อ่ืน ก. พอตรตู่ รู่สุรยิ ์ฉายขึ้นพรายพรรณ ใหล้ อ่ งวนั หนง่ึ มาถงึ ธานี ข. พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุรยิ น ถงึ ตาบลกรุงเกา่ ยงิ่ เศร้าใจ ค. จนแจ่มแจง้ แสงตะวันเห็นพันธุ์ผัก ดนู ่ารักบรรจงสง่ เกสร ง. ครนั้ รงุ่ เชา้ เข้าเป็นวันอุโบสถ เจรญิ รสธรรมาบูชาฉลอง
กำรอ่ำนจบั ใจควำมสำคญั ความหมายของการอา่ นจบั ใจความสาคัญ คือ การอ่านเพ่ือจบั ใจความหรือข้อคิด ความคิดสาคัญหลัก ของข้อความ หรอื เรื่องทอี่ า่ น เป็นขอ้ ความที่คลุมข้อความอ่ืน ๆ ใน ย่อหน้าหน่ึง ๆ ไวท้ ้งั หมด ใจความสาคัญ หมายถึง ใจความที่สาคัญ และเด่นท่ีสุดใน ย่อหน้า เป็นแก่นของย่อหน้าที่สามารถครอบคลุมเนื้อความใน ประโยคอื่นๆ ในย่อหน้านั้นหรือประโยคท่ีสามารถเป็นหัวเร่ืองของ ย่อหน้าน้ันได้ ถ้าตัดเน้ือความของประโยคอ่ืนออกหมด หรือ สามารถเป็นใจความหรือประโยคเด่ียวๆ ได้ โดยไม่ต้องมีประโยค อื่นประกอบ ซ่ึงในแต่ละย่อหน้าจะมีประโยคในความสาคัญเพียง ประโยคเดียว หรืออย่างมากไม่เกิน 2 ประโยค ใจความรอง หมายถึง ใจความ หรือประโยคที่ขยายความ ประโยคใจความสาคัญ เป็นใจความสนับสนุนใจความสาคัญให้ ชัดเจนขึ้น อาจเป็นการอธิบายให้รายละเอียด ให้คาจากัดความ ยกตัวอย่าง เปรียบเทียบ หรือแสดงเหตุผลอย่างถ่ีถ้วน เพื่อ สนับสนุนความคิด ส่วนท่ีมิใช่ใจความสาคัญ และมิใช่ใจความรอง แต่ชว่ ยขยายความใหม้ ากขึน้ คอื รายละเอยี ด
หลักกำรจบั ใจควำมสำคัญ 1. ตงั้ จดุ มุง่ หมายในการอา่ นให้ชัดเจน 2. อา่ นเร่อื งราวอย่างคร่าวๆ พอเข้าใจ และเกบ็ ใจความ สาคญั ของ แตล่ ะยอ่ หน้า 3. เมือ่ อา่ นจบใหต้ ั้งคาถามตนเองว่า เร่อื งทอี่ า่ น มีใคร ทาอะไรที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร 4. นาสิ่งทส่ี รุปไดม้ าเรียบเรยี งใจความสาคัญใหมด่ ว้ ย สานวนของตนเองเพ่อื ให้เกดิ ความสละสลวย
วิธจี ับใจควำมสำคญั วิธีการจับใจความมีหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับความชอบว่า อย่างไร เช่น การขีดเส้นใต้ การใช้สีต่างๆ กัน แสดงความสาคัญ มากน้อยของข้อความ การบันทึกย่อเป็นส่วนหนึ่งของการอ่านจับ ใจความสาคัญท่ีดี แต่ผู้ที่ย่อควรย่อด้วยสานวนภาษาและสานวน ของตนเองไม่ควรย่อด้วยการตัดเอาข้อความสาคัญมาเรียงต่อกัน เพราะอาจทาให้ผู้อ่านพลาดสาระสาคัญบางตอนไปอันเป็นเหตุให้ การตีความผิดพลาดคลาดเคล่ือนได้ วิธีจับใจความสาคัญมีหลัก ดงั นี้ 1. พิจารณาทีละย่อหน้า หาประโยคใจความสาคัญของแต่ ละยอ่ หน้า 3. ตดั ส่วนที่เป็นรายละเอียดออกได้ เช่น ตัวอย่าง สานวน โวหาร อุปมาอุปไมย (การเปรียบเทียบ) ตัวเลข สถิติ ตลอดจน คาถามหรือคาพดู ของผู้เขยี นซงึ่ เป็นสว่ นขยายใจความสาคัญ 3. สรปุ ใจความสาคญั ด้วยสานวนภาษาของตนเอง
กำรพจิ ำรณำตำแหนง่ ใจควำมสำคัญ ๑. เป็นประโยคหลักของข้อความในย่อหน้า โดยมีประโยค อ่นื ๆ ชว่ ยเสรมิ หรืออธบิ ายขยายความใหม้ คี วามละเอียดชัดเจนมาก ข้ึน เช่น น้าเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สาคัญ และจาเป็นต่อการ ดารงชวี ติ ของมนุษย์ สัตว์และพืช ส่งิ มีชวี ิตถา้ ขาดนา้ จะต้องตาย จากข้อความข้างต้นประโยคสาคัญ คือ น้าเป็นทรัพยากรธรรมชาติ ท่ีสาคัญและจาเป็นต่อการดารงชีวิต ส่วนคาสาคัญของข้อความอยู่ ในประโยคสาคญั คือ “น้า” ๒. เป็นประโยคที่มักจะมีคาสาคัญปรากฏอยู่ในประโยคนั้น เช่น น้าสะอาด คือ น้าที่ไม่มีสิ่งสกปรกและเชื้อโรคเจือปน การทา น้าให้สะอาด ทาได้โดยการต้ม การใช้สารเคมี การกรอง และการ กล่นั จากข้อความขา้ งตน้ ประโยคสาคญั คือ นา้ สะอาด คอื น้าที่ไม่มี สิ่งสกปรกและเชื้อโรคเจือปน ส่วนคาสาคัญของข้อความอยู่ใน ประโยคสาคญั คอื “นา้ สะอาด”
กำรพิจำรณำตำแหน่งใจควำมสำคัญ ๓. เป็นประโยคหลักที่อาจปรากฏอยู่ตอนต้น ตอนกลาง หรือ ตอนท้ายของย่อหน้า อย่างใดอย่างหนึ่งข้ึนอยู่กับวัตถุประสงค์ของ ผูเ้ ขียน เชน่ - ประโยคสาคญั อยูต่ อนตน้ ของยอ่ หน้า ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งให้พลังงานความร้อนและแสงสว่าง ความ รอ้ นจากด้วยอาทิตย์ ทาให้โลกอบอุ่น แสงจากดวงอาทิตย์ทาให้เรา เหน็ ส่งิ ตา่ ง ๆ ประโยคสาคัญ คอื “ดวงอาทติ ยเ์ ป็นแหล่งให้พลังงาน ความรอ้ นและแสงสว่าง” อย่ตู อนต้นของยอ่ หนา้ - ประโยคสาคญั อยตู่ อนกลางของยอ่ หนา้ แม่เสือและลูกเสือ ๓ ตัว อาศัยอยู่ในป่าละเมาะใกล้ทุ่งหญ้า ต้นไม้และใบหญ้า ในบริเวณน้ันเร่ิมมีสีเหลือง เพราะถูกแสงแดด แผดเผา ส่วนน้าในลาธารก็แห้งขอดแม่เสือจึงพาลูกเสือเดินทาง ออกมาจากบริเวณนั้นมุ่งหน้าตรงไปยังทิศตะวันตก ซึ่งมีภูเขาลูก ใหญ่อยู่เบื้องหน้า แม่เสือคาดหวังว่าท่ีภูเขาลูกน้ันจะต้องมีอาหาร อดุ มสมบรู ณ์ เพราะมันแลเห็นต้นไม้และใบหญา้ เขียวชอมุ่ ต่างจากท่ี มันอยู่ ประโยคสาคัญ คือ “แม่เสือจึงพาลูกเสือเดินทางออกมาจาก บริเวณ” อยตู่ อนกลางของยอ่ หนา้
กำรพจิ ำรณำตำแหน่งใจควำมสำคัญ - ประโยคสาคญั อยตู่ อนท้ายของยอ่ หน้า เป็นท่ีทราบกันดีว่า ปลาวาฬเป็นสัตว์ช่างคุยและยังเป็นนักร้อง เพลง แต่บัดนี้ไทราบเพ่มิ เติมว่าการส่งเสียงร้องเพลงหรือคุยกันของ ปลาวาฬ มไิ ดเ้ ป็นการสอ่ื สารของปลาวาฬแบบปกติธรรมดา แต่เป็น การเตอื นภยั และบอกสภาพแวดลอ้ มรอบตัวของปลาวาฬ ปลาวาฬ เป็นสัตวเ์ ลยี้ งลูกด้วยนมท่ีมีขนาดใหญท่ ่ีสุดในโลกชนิดแรกท่ีมีระบบ เรดาร์เสียงนา ประโยคสำคัญ คือ “ปลาวาฬเป็นสัตว์เล้ียงลูกด้วย นมท่ีมีระเรดาร์เสียงนา” อยู่ตอนท้ายของย่อหน้า เป็นประโยค สาคัญสรุปเนอ้ื ความของยอ่ หน้าน้ีวา่ ปลาวาฬมีระบบเรดาร์เสียงนา ทาง เพอื่ เตอื นภยั และบอกสภาพแวดล้อมรอบตวั ของปลาวาฬ มิใช่ เสียงร้องเพลงหรือพดู คยุ ของปลาวาฬ
ควำมเปน็ มำ สุนทรภู่แต่งนิราศภูเขาทองในปี พ.ศ. ๒๓๗๓ สมัยรัชกาลท่ี ๓ ขณะบวชอยู่ที่ วัดราชบุรณะ (วัดเลียบ) เวลาน้ันมีอายุได้ ๕๕ ปี โดยเ ล่ าเ ร่ือ งการเ ดิน ทา งจา กวัดรา ชบุรณ ะไป จังห วัด พระนครศรีอยธุ ยา เพอ่ื นมัสการพระเจดียภ์ ูเขาทอง
นริ ำศ นิราศเป็นงานประพันธ์ประเภทหน่ึงของไทย มีมาตั้งแต่ สมัยโบราณ เท่าที่ปรากฏหลักฐาน ในปัจจุบัน นิราศเรื่องแรกของ ไทยนน้ั ไดแ้ ก่ โคลงนิราศหรภิ ุญชัย ซ่ึงแตง่ ข้นึ ในสมัยกรงุ ศรีอยุธยา เน้ือหาของนิราศส่วนใหญ่มักเป็นการคร่าครวญของกวี (ชาย) ต่อสตรีอันเป็นท่ีรัก เน่ืองจากต้องพลัดพรากจากนางมาไกล อยา่ งไรกต็ าม นางในนิราศท่ีกวีพรรณนาว่าจากมานั้น อาจมีตัวตน จรงิ หรอื ไม่ก็ได้ แตก่ วีสว่ นใหญ่ถือว่านางผูเ้ ป็นท่ีรักเป็นปัจจัยสาคัญ ท่ีจะเอ้ือให้กวีแต่งนิราศได้ไพเราะ แม้ในสมัยหลังกวีอาจไม่ได้ให้ ความสาคัญเรื่องการคร่าครวญถึงนาง แต่เน้นที่การบันทึก ระยะทาง เหตุการณ์ และอารมณ์ แต่ก็ยังคงมีบทครวญถึงนาง แทรกอยู่ ดังเชน่ ที่สุนทรภู่แตง่ นิราศภเู ขาทอง ทั้ง ๆ ท่ีกาลังบวชอยู่ สุนทรภู่กย็ ังเห็นว่าการครวญถึงสตรีเป็นสิ่งจาเป็นในการแต่งนิราศ จงึ กล่าวไว้ ในกลอนตอนท้ายนิราศเร่ืองน้วี ่า ใช่จะมที ่ีรักสมัครมาด แรมนิราศรา้ งมติ รพิสมยั ซง่ึ คร่าครวญทาทพี ริ ้พี ิไร ตามนสิ ัยกาพย์กลอนแต่ก่อนมา เหมอื นแมค่ รัวคว่ั แกงพะแนงผัด สารพัดเพียญชนังเครื่องมังสา อนั พรกิ ไทยใบผกั ชเี หมอื นสกี า ตอ้ งโรยหนา้ เสียสักหนอ่ ยอรอ่ ยใจ จงทราบความตามจรงิ ทกุ สิง่ สน้ิ อย่านึกนินทาแกลง้ แหนงไฉน นกั เลงกลอนนอนเปลา่ ก็เศรา้ ใจ จึงร่าไรเรื่องรา้ งเลน่ บา้ งเอย
นิรำศ (ต่อ) เกรด็ ความรู้ วดั ราชบูรณราชวรวิหารหรอื วดั เลียบ เปน็ วัดเกา่ แก่สร้างขน้ึ ตงั้ แตส่ มัยอยธุ ยาโดยพ่อคา้ ชาวจีน วัดน้ีนบั เป็นหนึ่งใน ๓ วัดสาคัญ ประจาราชธานี คือ วดั มหาธาตุ วัดราชประดิษฐ์ และวัดราชบูรณะ แต่เน่ืองจากวัดราชบูรณะ ต้ังอยู่ใกล้สถานที่สาคัญทางยุทธศาสตร์ คือ สะพานพระพุทธยอดฟ้าฯและโรงไฟฟ้า เป็นเหตุให้สิ่งก่อสร้าง สาคัญภายในวัดโดยเฉพาะพระอุโบสถซ่ึงมี ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ฝีมือขรัวอินโข่งถูกระเบิดทาลายในระหว่างสงครามโลกครั้งท่ี ๒ คงเหลอื แตพ่ ระปรางคซ์ ึ่งสร้างในสมยั รชั กาลที่ ๓
ประวตั ผิ ู้แตง่ \"สุนทรโวหาร (ภู่) เรียกกันโดยทั่วไปว่า “สุนทรภู่” เกิดเม่ือ วันที่ ๒๖ มิถุนายน มารดาเป็นชาวเมืองฉะเชิง พ.ศ. ๒๓๒๙ บิดา เป็นชาวบ้านกร่า เมืองแกลง จังหวัดระยอง มารดาเป็นชาว เมือง ฉะเชิงเทรา ได้รับการศึกษาในสานักวัดชีปะขาว เมื่ออายุย่างเข้า ๒๒ ปี ขณะเดินทางไปหาบิดาซึ่งบวชอยู่ท่ี เมืองแกลงท่านได้แต่ง นิราศเร่ืองแรก คือ นิราศเมืองแกลง เม่ือกลับจากเมืองแกลงแล้ว ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กของพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ สุนทรภู่ได้แต่ง นิราศพระบาทเป็นเร่ือง ที่สอง เม่ือปลาย พ.ศ. ๒๓๕๐ คราวตาม เสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ข้ึนไปนมัสการพระพุทธบาท จังหวัด สระบุรี นอกจากนี้ยังได้แต่งนิราศเรื่องอื่นๆ อีก เช่น นิราศภูเขา ทอง นิราศพระประธม นิราศเมอื งเพชร เป็นตน้
ประวัตผิ แู้ ตง่ (ต่อ) สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธ เลศิ หล้านภาลัยโดยได้ แสดงความสามารถในการแต่งกลอนจนเป็น ท่ีพอพระราชหฤทัย ได้รับพระราชทานบรรดาศักด์ิ เป็นขุนสุนทร โวหาร และได้เป็นพระอาจารย์ถวายพระอักษรแก่สมเด็จพระเจ้า ลูกยาเธอ เจ้าฟ้า อาภรณ์ เม่ือรัชกาลท่ี ๒ สวรรคต สุนทรภู่ได้ออก บวช ขณะบวชได้เดินทางไปหัวเมืองต่างๆ และ เป็นพระอาจารย์ ถวายพระอักษรแก่เจ้าฟา้ ชายกลางและเจ้าฟ้าชายป๋ิว เมื่อสุนทรภู่ ลาสิกขาบท ได้เข้ารับราชการอยู่กับพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ พระ เจา้ ลูกยาเธอในพระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกลา้ เจ้าอยู่หัว เมื่อพระองค์ เจ้าลักขณานุคุณส้นิ พระชนม์ กรมหม่ืนอัปสรสุดาเทพ ทรงชุบเลี้ยง สุนทรภู่ต่อมา คร้ันในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว สุนทรภู่ได้เข้า รับราชการอยู่กับพระบาทสมเด็จพระป่ิน เกล้าเจ้าอยู่หัว และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระสุนทร โวหาร รับราชการระยะหลังอยู่ ๕ ปี ถึงแก่กรรมใน พ.ศ. ๒๓๙๔ รวมอายไุ ด้ ๗๐ ปี
ผลงำนทำงด้ำนวรรณคดีของสุนทรภู่ ๑. นิราศ มีจานวน ๙ เร่ือง คือ นิราศเมืองแกลง นิราศพระ บาท นริ าศภูเขาทอง นริ าศเมืองเพชร นริ าศวดั เจา้ ฟา้ นิราศอิเหนา นิราศสุพรรณ ราพนั พลิ าป และนิราศพระประธม ๒. นิทานมีจานวน ๕ เรื่อง คือ โคบุตร พระอภัยมณี พระไชย สรุ ยิ า ลักษณวงศ์ และสิงหไตรภพ ๓. บทละครมี ๑ เรื่อง คอื อภยั นรุ าช ๔. บทเสภามี ๒ เรอ่ื ง คือ เสภาเร่ืองขุนช้างขุนแผนตอนกาเนิด พลายงาม และ เสภาพระพงศาวดาร ๕. สุภาษติ มี ๒ เรอ่ื ง คอื สวัสดิรักษา เพลงยาวถวายโอวาท ๖. บทเห่กล่อมมี ๔ เร่ือง คือ เห่เร่ืองจับระบา เห่เร่ืองกากี เห่ เรอื่ งพระอภยั มณี และเห่เรืองโคบตุ ร
ผลงำนทำงดำ้ นวรรณคดีของสุนทรภู่ (ต่อ) วรรณคดีของสุนทรภู่ได้รับการยกย่องว่ามีคุณค่าสูง โดยเฉพาะ นิราศ สุนทรภู่ มิได้เพ่งเล็งความรักอย่างเดียว หากแต่สอดแทรกคติ ธรรม ตานาน และอารมณ์ของกวี ลักษณะวรรณคดีของสุนทรภู่มี ลกั ษณะเฉพาะตนดงั นี้ ๑. ด้านวรรณศิลป์ สุนทรภู่จะเขียนกลอนโดยใช้ถ้อยคา สามัญ มีความลึกซ้ึงและ สร้างจินตนาการได้แจ่มชัด คากลอนมี สัมผัสใน มลี ลี าจงั หวะและเสยี งของคากลมกลืนกนั ๒. ด้านความรู้สุนทรภู่จะสอดแทรกความรู้ไว้ตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นนิทานพื้นบ้าน ตานาน นิยาย ประเพณี ประวัติสถานท่ี เกร็ดความรู้ต่างๆ สภาพของสงั คมและความเปน็ อยู่ของ ประชาชน ๓. ด้านคติธรรม สุนทรภู่จะสอดแทรกแง่คิดเกี่ยวกับความ จริงแห่งชีวิต และคติธรรม ต่างๆ เพื่อยกระดับจิตใจของผู้อ่านให้ สงู ขึน้ แง่คิดเหลา่ นัน้ สอนผู้อา่ นให้ประกอบความดี ละความช่ัวทั้งสน้ิ ๔. ด้านสร้างองค์ประกอบของเร่ือง ได้แก่ การสร้างฉาก โครงเร่ือง ตัวละคร จะมี ความใกล้เคียงกบั ชีวิตจริงและสภาพความ เป็นจริง ตัวละครจะมีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึกนึกคิด เช่นเดียวกับคน ท่ัวไป ทาให้เรื่องมีความสนุกและนา่ อ่าน
เร่อื งย่อ สุนทรภเู่ ริ่มเรื่องด้วยการปรารภถึงสาเหตุท่ีต้องออกจากวัดราช บุรณะและการเดินทางโดยเรือพร้อมหนูพัดซ่ึงเป็นบุตรชาย ล่องไป ตามลาน้าเจ้าพระยาผ่านพระบรมมหาราชวัง จนมาถึงวัดประโคน ปัก ผ่านโรงเหล้า บางจาก บางพลู บางโพ บ้านญวน วัดเขมา ตลาดแก้ว ตลาดขวัญ บางธรณี เกาะเกร็ด บางพูด บ้านใหม่ บาง เดอื่ บางหลวง เชิงราก สามโคก บ้านงิ้ว เกาะใหญ่ราชคราม จนถึง กรุงเก่าเมื่อเวลาเย็น โดยจอดเรือพกั ท่ีท่าน้าวัดพระเมรุ คร้ันรุ่งเช้า จึงไปนมัสการเจดีย์ภูเขาทองส่วนขากลับ สุนทรภกู่ ล่าวแต่เพียงว่า เมื่อถึงกรุงเทพ ได้จอดเทียบเรือท่าน้าหน้าวัดอรุณราชวรารามราช วรมหาวหิ าร
เน้อื เรอื่ งนิรำศภเู ขำทอง รบั กฐินภญิ โญโมทนา ๏เดือนสิบเอด็ เสร็จธรุ ะพระวสา ออกจากวดั ทศั นาดูอาวาส ชลุ ีลาลงเรอื เหลืออาลยั สามฤดูอยู่ดีไมม่ ีภยั เมือ่ ตรษุ สารทพระวสาไดอ้ าศัย โออ้ าวาสราชบรุ ณะพระวหิ าร มาจาไกลอารามเมอ่ื ยามเย็น เหลอื ราลึกนกึ นา่ นา้ ตากระเดน็ แตน่ น้ี านนบั ทิวาจะมาเห็น จะยกหยิบธิบดเี ป็นทตี่ ้งั เพราะขุกเข็ญคนพาลมารานทาง จง่ึ จาลาอาวาสนริ าศรา้ ง ก็ใชถ้ ังแทนสัดเห็นขัดขวาง มาอ้างว้างวญิ ญาณใ์ นสาครฯ ๏ ถงึ หน้าวังดงั หนึง่ ใจจะขาด คดิ ถึงบาทบพติ รอดศิ ร โอ้ผา่ นเกล้าเจ้าประคณุ ของสนุ ทร แตป่ างก่อนเคยเฝา้ ทกุ เช้าเย็น พระนพิ พานปานประหน่งึ ศรี ษะขาด ด้วยไรญ้ าติยากแค้นถึงแสนเขญ็ ท้ังโรคซ้ากรรมซดั วบิ ัตเิ ป็น ไม่เลง็ เห็นทซี่ ึ่งจะพึ่งพา จะสร้างพรอุตสา่ ห์สง่ สว่ นบญุ ถวาย ประพฤติฝา่ ยสมถะทงั้ วสา เป็นสิ่งของฉลองคณุ มลุ ิกา ขอเปน็ ข้าเคียงพระบาททกุ ชาติไปฯ คดิ ถงึ ครั้งก่อนมาน้าตาไหล ๏ ถึงหนา้ แพแลเห็นเรอื ทีน่ ่ัง แล้วลงในเรอื ทีน่ งั่ บัลลงั กท์ อง เคยหมอบรับกบั พระจมื่นไวย เคยรบั ราชโองการอา่ นฉลอง เคยทรงแตง่ แปลงบทพจนารถ มิไดข้ ้องเคอื งขดั หัทยา จนกฐนิ สิ้นแมน่ า้ แลลาคลอง ละอองอบรสรืน่ ชนื่ นาสา เคยหมอบใกล้ไดก้ ล่นิ สคุ นธ์ตลบ วาสนาเรากส็ นิ้ เหมือนกล่นิ สุคนธ์ฯ สิ้นแผ่นดินสน้ิ รสสุคนธา
เน้ือเร่ืองนริ ำศภูเขำทอง (ต่อ) ๏ ดูในวังยังเห็นหอพระอัฐิ ตัง้ สติเตมิ ถวายฝ่ายกุศล ท้ังปนิ่ เกล้าเจ้าพภิ พจบสกล ใหผ้ ่องพ้นภยั สาราญผ่านบรุ นิ ทร์ฯ ไม่เหน็ หลกั ลือเล่าว่าเสาหิน ๏ ถงึ อารามนามวดั ประโคนปัก มริ สู้ นิ้ สดุ ชื่อที่ลอื ชา เปน็ สาคญั ปันแดนในแผน่ ดนิ แม้นมอดมว้ ยกลับชาติวาสนา ขอเดชะพระพุทธคณุ ชว่ ย อยูค่ ่ฟู ้าดินได้ดังใจปอง อายุยืนหม่ืนเทา่ เสาศลิ า แพประจาจอดรายเขาขายของ ไปพน้ วัดทัศนารมิ ท่าน้า ทัง้ สิ่งของขาวเหลอื งเครอื่ งสาเภาฯ มีแพรผ้าสารพัดสมี ว่ งตอง มคี ันโพงผกู สายไว้ปลายเสา ให้มวั เมาเหมือนหนึ่งบ้าเปน็ นา่ อาย ๏ ถึงโรงเหลา้ เตากลัน่ ควันโขมง สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย โอบ้ าปกรรมน้านรกเจียวอกเรา ไม่ใกลก้ รายแกล้งเมินกเ็ กินไป ทาบุญบวชกรวดนา้ ขอสาเร็จ สุดจะหักห้ามจิตคดิ ไฉน ถึงสรุ าพารอดไมว่ อดวาย แตเ่ มาใจนีป้ ระจาทุกคา่ คนื ฯ ไม่เมาเหล้าแลว้ แต่เรายงั เมารกั มามัวหมองม้วนหนา้ ไมฝ่ า่ ฝนื ถึงเมาเหลา้ เช้าสายกห็ ายไป จึงตอ้ งขนื ในพรากมาจากเมือง เคยใส่ซองส่งใหล้ ว้ นใบเหลือง ๏ ถงึ บางจากจากวดั พลัดพี่นอ้ ง ท้ังพลดั เมอื งพลดั สมรมาร้อนรน เพราะรักใคร่ใจจดื ไมย่ ดื ยืน ร่มริโรธรุกขมูลใหพ้ นู ผล ถงึ บางพลคู ิดถึงคู่เมือ่ อยคู่ รอง ใหผ้ ่องพน้ ภัยพาลสาราญกายฯ ถงึ บางพลดั เหมือนพี่พลดั มาขัดเคือง ถึงบางโพธิ์โอ้พระศรีมหาโพธ์ิ ขอเดชะอานภุ าพพระทศพล
เนอื้ เรื่องนริ ำศภเู ขำทอง (ตอ่ ) ๏ ถงึ บ้านญวนล้วนแตโ่ รงแลสะพรงั่ บ่มขี ้องขงั กุ้งปลาไว้ค้าขาย ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย พวกหญงิ ชายพรอ้ มเพรยี งมาเมยี งมอง จะเหลยี วกลับลับเขตประเทศสถาน ทรมานหมน่ ไหม้ฤทัยหมอง ถึงเขมาอารามอร่ามทอง พง่ึ ฉลองเลิกงานเม่อื วานซืนฯ ๏ โอป้ างหลงั ครั้งสมเด็จพระบรมโกศ มาผูกโบสถ์ก็ได้มาบูชาชน่ื ชมพระพมิ พร์ มิ ผนงั ยงั ย่งั ยืน ทั้งแปดหมนื่ ส่พี นั ไดว้ นั ทา โอ้คร้ังนี้มไิ ด้เหน็ เลน่ ฉลอง เพราะตวั ตอ้ งตกประดาษวาสนา เปน็ บญุ นอ้ ยพลอยนกึ โมทนา พอนาวาติดชลเข้าวนเวียน ดนู ้าวง่ิ กล้ิงเชี่ยวเป็นเกลยี วกลอก กลบั กระฉอกฉาดฉนั ฉวดั เฉวียน บ้างพลงุ่ พล่งุ วงุ้ วงเหมอื นกงเกวยี น ดูเปล่ียนเปลีย่ นควา้ งคว้างเปน็ หว่างวน ทั้งหวั ท้ายกรายแจวกระชากจว้ ง ครรไลล่วงเลยทางมากลางหน โอเ้ รอื พน้ วนมาในสาชล ใจยงั วนหวงั สวาทไม่คลาดคลาฯ ๏ ตลาดแก้วแลว้ ไม่เหน็ ตลาดต้งั สองฟากฝั่งก็แต่ล้วนสวนพฤกษา โอร้ ินรนิ กลิน่ ดอกไม้ใกล้คงคง เหมอื นกลิ่นผ้าแพรดาร่ามะเกลือ เหน็ โศกใหญ่ใกล้น้าระกาแฝง ทง้ั รกั แซงแซมสวาทประหลาดเหลือ เหมือนโศกพท่ี ีร่ ะกากซ็ า้ เจือ เพราะรักเรือ้ แรมสวาทมาคลาดคลาย ถงึ แขวงนนท์ชลมารคตลาดขวญั มีพว่ งแพแพรพรรณเขาคา้ ขาย ทั้งของสวนล้วนแต่เรอื เรยี งราย พวกหญงิ ชายชุมกนั ทุกวนั คนื ฯ
เนอื้ เรอื่ งนริ ำศภเู ขำทอง (ต่อ) ๏ มาถึงบางธรณีทวีโศก ยามวิโยคยากใจให้สะอน้ื โอ้สธุ าหนาแน่นเปน็ แผน่ พ้นื ถงึ สีห่ มนื่ สองแสนทง้ั แดนไตร เมื่อเคราะห์ร้ายกายเรากเ็ ทา่ นี้ ไม่มีทีพ่ สธุ าจะอาศัย ล้วนหนามเหนบ็ เจ็บแสบคับแคบใจ เหมอื นนกไร้รงั เร่อยเู่ อกาฯ ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา ๏ ถึงเกรด็ ย่านบ้านมอญแต่กอ่ นเกา่ ท้งั ผดั หนา้ จับเขม่าเหมอื นชาวไทย เด๋ียวน้มี อญถอนไรจกุ เหมอื นตุก๊ ตา เหมือนอย่างเยี่ยงชายหญิงทงิ้ วิสยั โอส้ ามญั ผนั แปรไมแ่ ท้เทย่ี ง ท่ีจิตใครจะเป็นหนึง่ อย่าพงึ คิดฯ นีห่ รือจติ คิดหมายมีหลายใจ มีคนรกั รสถ้อยอร่อยจติ จะชอบผดิ ในมนษุ ย์เพราะพดู จาฯ ๏ ถึงบางพดู พดู ดเี ปน็ ศรศี กั ดิ์ จะหาบ้านใหมม่ าดเหมือนปรารถนา แมน้ พูดช่วั ตัวตายทาลายมติ ร จะได้ผาสกุ สวัสดจิ์ ากดั ภยั บังเกิดชาตแิ มลงหวี่มีในไส้ ๏ ถึงบา้ นใหม่ใจจติ กค็ ิดอา่ น อปุ ไมยเหมือนมะเดือ่ เหลอื ระอา ขอให้สมคะเนเถิดเทวา ส้เู สียศักดิ์สงั วาสพระศาสนา ถงึ บางเดือ่ โอม้ ะเด่ือเหลอื ประหลาด ถงึ นางฟ้าจะมาใหไ้ มไ่ ยดฯี เหมอื นคนพาลหวานนอกยอ่ มขมใน ถงึ บางหลวงเชงิ รากเหมอื นจากรกั เปน็ ลว่ งพ้นรนราคราคา
เนอื้ เรือ่ งนิรำศภูเขำทอง (ต่อ) ๏ ถึงสามโคกโศกถวลิ ถึงป่ินเกลา้ พระพทุ ธเจา้ หลวงบารุงซึง่ กรงุ ศรี ประทานนามสามโคกเปน็ เมืองตรี ชื่อปทมุ ธานีเพราะมีบวั โอพ้ ระคณุ สูญลับไมก่ ลับหลงั แต่ชอื่ ตง้ั ก็ยงั อย่เู ขารทู้ ั่ว โอเ้ ราน้ที ่สี ุนทรประทานตัว ไมร่ อดช่วั เชน่ สามโคกยิ่งโศกใจ ส้นิ แผ่นดนิ สิ้นนามตามเสดจ็ ตอ้ งเท่ยี วเตรด็ เตรห่ าท่อี าศัย แม้นกาเนิดเกดิ ชาตใิ ดใด ขอให้ได้เปน็ ข้าฝา่ ธุลี สนิ้ แผ่นดินขอใหส้ ิ้นชีวิตบา้ ง อย่าร้รู า้ งบงกชบทศรี เหลืออาลยั ใจตรมระทมทวี ทุกวนั น้ีก็ซังตายทรงกายมาฯ ไมม่ ฝี ูงสัตวส์ งิ กิ่งพฤกษา ๏ ถึงบา้ นงว้ิ เหน็ แตง่ ิว้ ละล่ิวสูง นกึ กน็ ่ากลวั หนามขามขามใจ ดว้ ยหนามดกรกดาษระดะตา ดงั ขวากแซมเส้ยี มแทรกแตกไสว ง้วิ นรกสบิ หกองคลุ แี หลม กต็ อ้ งไปปนี ต้นน่าขนพอง ใครทาชูค้ ู่ทา่ นคร้ันบรรลัย ยังคลาดแคล้วครองตัวไมม่ ัวหมอง เราเกิดมาอายเุ พยี งนี้แล้ว เจียนจะต้องปนี บา้ งหรืออย่างไรฯ ทุกวันน้ีวิปรติ ผิดทานอง ตดั สวาทตดั รกั มยิ ักไหว ถึงเกาะใหญร่ าชครามพอยามเยน็ ๏ โอค้ ดิ มาสารพัดจะตดั ขาด ระวงั ทงั้ สตั ว์นา้ จะทาเข็ญ ถวลิ หวงั นงั่ นกึ อนาถใจ เทย่ี วซอ่ นเร้นตีเรอื เหลือระอาฯ ดูห่างย่านบ้านชอ่ งท้งั สองฝ่งั เป็นที่อย่ผู รู้ า้ ยไม่วายเวน้
เนอื้ เรือ่ งนิรำศภเู ขำทอง (ตอ่ ) ๏ พระสุรยิ งลงลับพยบั ฝน ดูมัวมนมดื มิดทุกทศิ า ถึงทางลัดตัดทางมากลางนา ทั้งแฝกคาแขมกกขนึ้ รกเรีย้ ว เปน็ เงาง้านา้ เจ่ิงดูเวิ้งว้าง ทงั้ กวา้ งขวางขวัญหายไมว่ ายเหลียว เห็นดุ่มดุ่มหน่มุ สาวเสยี งกราวเกรยี ว ล้วนเรือเพรียวพรอ้ มหนา้ พวกปลาเลย เขาถอ่ คล่องว่องไวไปเปน็ ยดื ๆ เรอื เราฝืดเฝอื มานิจจาเอ๋ย ต้องถ่อคา้ ร่าไปทั้งไมเ่ คย ประเดี๋ยวเสยสวบตรงเข้าพงรก กลับถอยหลังรั้งรอเฝา้ ถ่อถอน เรือขย่อนโยกโยนกระโถนหก เงยี บสงดั สตั ว์ปา่ คณานก นา้ ค้างตกพรา่ งพรายพระพายพดั ไม่เหน็ คลองตอ้ งคา้ งอยกู่ ลางทุ่ง พอหยุดยุงฉชู่ มุ มารมุ กัด เป็นกลุ่มกลมุ่ กลมุ้ กายเหมือนทรายซัด ตอ้ งนง่ั ปดั แปะไปมิได้นอนฯ
เนื้อเรื่องนิรำศภเู ขำทอง (ต่อ) ๏ แสนวติ กอกเอ๋ยมาอา้ งวา้ ง ในท่งุ กวา้ งเห็นแตแ่ ขมแซมสลอน จนดึกดาวพราวพรา่ งกลางอัมพร กาเรียนร่อนรอ้ งกอ้ งเม่อื สองยาม ท้ังกบเขียดเกรยี ดกรดี จังหรดี เรื่อย พระพายเฉ่อื ยฉวิ ฉิววะหวิวหวาม วังเวงจิตคิดคะนงึ ราพงึ ความ ถึงเม่ือยามยงั อดุ มโสมนสั สารวลกบั เพ่อื นรกั สะพรกั พรอ้ ม อย่แู วดลอ้ มหลายคนปรนนบิ ัติ โอ้ยามเข็ญเห็นอยู่แต่หนพู ัด ชว่ ยนงั่ ปดั ยงุ ให้ไม่ไกลกาย จนเดอื นเดน่ เห็นกอกระจับจอก ระดะดอกบวั เผื่อนเมอ่ื เดอื นหงาย เห็นร่องน้าลาคลองท้ังสองฝา่ ย ข้างหนา้ ทา้ ยถ่อมาในสาคร จนแจ่มแจ้งแสงตะวนั เหน็ พันธุผ์ ัก ดูนา่ รักบรรจงสง่ เกสร เหลา่ บวั เผือ่ นแลสลา้ งริมทางจร ก้ามกงุ้ ซ้อนเสียดสาหร่ายใตค้ งคา สายตงิ่ แกมแซมสลับต้นตบั เต่า เปน็ เหล่าเหล่าแลรายท้ังซ้ายขวา กระจับจอกดอกบวั บานผกา ดาษดาดขู าวด่งั ดาวพราย โอ้เช่นน้ีสีกาไดม้ าเห็น จะลงเล่นกลางทุ่งเหมอื นม่งุ หมาย ทีม่ เี รือนอ้ ยน้อยจะลอยพาย เท่ยี วถอนสายบวั ผันสันตะวา ถงึ ตวั เราเล่าถ้ายังมโี ยมหญิง ไหนจะน่ิงดดู ายอายบปุ ผา คงจะใชใ้ หศ้ ิษยท์ ตี่ ิดมา อตุ ส่าห์หาเอาไปฝากตามยากจน นีจ่ นใจไมม่ เี ท่าขเ้ี ลบ็ ขเ้ี กียจเก็บเลยทางมากลางหน พอรอนรอนออ่ นแสงพระสรุ ยิ น ถงึ ตาบลกรุงเก่ายิ่งเศร้าใจฯ
เนอื้ เร่อื งนริ ำศภเู ขำทอง (ต่อ) ๏ มาทางทา่ หน้าจวนจอมผู้ร้งั คดิ ถงึ คร้งั ก่อนมาน้าตาไหล จะแวะหาถา้ ทา่ นเหมือนเมื่อเปน็ ไวย กจ็ ะไดร้ บั นมิ นต์ขน้ึ บนจวน แต่ยามยากหากว่าถา้ ทา่ นแปลก อกมแิ ตกเสียหรือเราเขาจะสรวล เหมือนเขญ็ ใจใฝส่ ูงไม่สมควร จะตอ้ งมว้ นหนา้ กลบั อัประมาณฯ รมิ อารามเรอื เรียงเคียงขนาน ๏ มาจอดทา่ หน้าวัดพระเมรขุ ้าม ทัง้ เพลงการเก้ยี วแก้กันแซ่เซ็ง บ้างขึ้นลอ่ งรอ้ งลาเลน่ สาราญ ระนาดรับรัวคลา้ ยกบั นายเสง็ บ้างฉลองผ้าป่าเสภาขับ เมอื่ คราวเคร่งกม็ ใิ คร่จะไดด้ ู มีโคมรายแลอร่ามเหมือนสาเพ็ง ช่างยาวลากเลื้อยเจอ้ื ยจนเหน่อื ยหู อ้ายลาหนึง่ คร่งึ ทอ่ นกลอนมนั มาก จนลูกคูข่ อทเุ ลาวา่ หาวนอนฯ ไม่จบบทลดเลยี้ วเหมือนเงย้ี วงู จนสงัดเงยี บหลบั ลงกบั หมอน ไดฟ้ ังเล่นต่างตา่ งทีข่ า้ งวัด อ้ายโจรจรจจู่ ้วงเข้าล้วงเรอื ประมาณสามยามคล้าในอมั พร มันดาล่องน้าไปชา่ งไวเหลอื นาวาเอยี งเสยี งกกุ ลุกขึน้ รอ้ ง เหมือนเนือ้ เบอ้ื บา้ เลอะดเู ซอะซะ ไมเ่ ห็นหนา้ สานุศษิ ย์ทีช่ ิดเช้อื ไม่เสียของขาวเหลอื งเคร่ืองอัฏฐะ แตห่ นพู ดั จัดแจงจดุ เทียนสอ่ ง ชัยชนะมารได้ดงั ใจปองฯ ด้วยเดชะตบะบญุ กบั คณุ พระ
เนอื้ เรอื่ งนริ ำศภเู ขำทอง (ต่อ) ๏ ครั้นรงุ่ เชา้ เข้าเปน็ วันอุโบสถ เจริญรสธรรมาบูชาฉลอง ไปเจดียท์ ช่ี อื่ ภเู ขาทอง ดูสูงล่องลอยฟ้านภาลัย อยกู่ ลางทงุ่ รงุ่ โรจน์สันโดษเด่น เปน็ ท่ีเลน่ นาวาคงคาใส ทพ่ี ้นื ลานฐานบัทม์ถัดบันได คงคงลยั ลอ้ มรอบเปน็ ขอบคัน มเี จดยี ์วหิ ารเปน็ ลานวัด ในจงั หวัดวงแขวงกาแพงกั้น ที่องค์กอ่ ยอ่ เหล่ียมสลบั กนั เปน็ สามช้ันเชงิ ชานตระหง่านงาม บนั ไดมสี ี่ด้านสาราญร่นื ต่างชมชื่นชวนกนั ข้นึ ชั้นสาม ประทกั ษณิ จนิ ตนาพยายาม ได้เสร็จสามรอบคานับอภิวันท์ มหี อ้ งถ้าสาหรบั จดุ เทยี นถวาย ดว้ ยพระพายพดั เวยี นอย่เู หียนหนั เป็นลมทกั ษิณาวรรตนา่ อศั จรรย์ แตท่ กุ วันนี้ชราหนกั หนานกั ทงั้ องค์ฐานราญรา้ วถงึ เกา้ แฉก เผยแยกยอดทรุดกห็ ลุดหกั โอเ้ จดียท์ ี่สรา้ งยังรา้ งรกั เสยี ดายนักนกึ นา่ น้าตากระเด็น กระน้ีหรอื ช่อื เสียงเกยี รตยิ ศ จะมหิ มดล่วงหนา้ ทนั ตาเหน็ เป็นผ้ดู มี มี ากแล้วยากเย็น คิดกเ็ ป็นอนิจจังเสยี ท้งั นัน้ ฯ
เน้อื เรือ่ งนริ ำศภเู ขำทอง (ตอ่ ) ๏ ขอเดชะพระเจดยี ค์ ีรีมาศ บรรจธุ าตทุ ต่ี ้งั นรังสรรค์ ขา้ อตุ ส่าห์มาเคารพอภิวนั ท์ เปน็ อนันต์อานิสงส์ดารงกาย จะเกิดชาติใดใดในมนษุ ย์ ใหบ้ รสิ ุทธิ์สมจติ ท่คี ดิ หมาย ทง้ั ทกุ ข์โศกโรคภยั อย่าใกลก้ ราย แสนสบายบรบิ ูรณป์ ระยูรวงศ์ ท้ังโลโภโทโสแลโมหะ ให้ชนะใจไดอ้ ยา่ ใหลหลง ขอฟุ้งเฟื่องเรืองวชิ าปัญญายง ท้ังใหท้ รงศลี ขันธใ์ นสนั ดาน อีกสองส่งิ หญงิ รา้ ยแลชายช่วั อย่าเมามัวหมายรักสมคั รสมาน ขอสมหวงั ต้งั ประโยชนโ์ พธญิ าณ ตราบนิพพานชาติหนา้ ใหถ้ าวรฯ พบพระธาตสุ ถิตในเกสร ๏ พอกราบพระปะดอกปทุมชาติ ประคองซอ้ นเชญิ องคล์ งนาวา สมถวิลยนิ ดีชลุ ีกร ใส่ขวดแก้ววางไว้ใกล้เกศา กับหนพู ดั มัสการสาเรจ็ แลว้ ไม่ปะตาตนั อกย่ิงตกใจ มานอนกรงุ รุ่งขน้ึ จะบูชา ใจจะขาดคิดมาน้าตาไหล แสนเสยี ดายหมายจะชมบรมธาตุ เสยี น้าใจเจียนจะด้ินส้นิ ชีวัน โอ้บญุ น้อยลอยลับครรไลไกล กาเริบโรคร้อนฤทยั เฝา้ ใฝ่ฝนั สดุ จะอยู่ดูอนื่ ไมฝ่ นื โศก ให้ลอ่ งวนั หนงึ่ มาถึงธานฯี พอตรู่ตรู่สรุ ยิ ์ฉายขน้ึ พรายพรรณ
เน้อื เรอื่ งนิรำศภเู ขำทอง (ตอ่ ) ๏ ประทับทา่ หนา้ อรุณอารามหลวง ค่อยสรา่ งทรวงทรงศลี พระชนิ สีห์ นริ าศเร่อื งเมอื งเก่าของเรานี้ ไวเ้ ปน็ ทโี่ สมนสั ทัศนา ด้วยไดไ้ ปเคารพพระพทุ ธรปู ทั้งสถปู บรมธาตุพระศาสนา เป็นนิสยั ไวเ้ หมอื นเตอื นศรัทธา ตามภาษาไม่สบายพอคลายใจ ใชจ่ ะมีทีร่ กั สมัครมาด แรมนิราศรา้ งมิตรพสิ มยั ซ่ึงครวญคร่าทาทีพริ พ้ี ไิ ร ตามนิสัยกาพย์กลอนแตก่ ่อนมา เหมือนแม่ครวั ค่วั แกงพะแนงผดั สารพดั เพียญชนงั เครื่องมังสา อนั พรกิ ไทยใบผักชเี หมือนสีกา ตอ้ งโรยน่าเสียสักหน่อยอรอ่ ยใจฯ จงทราบความตามจรงิ ทุกสิ่งสน้ิ อยา่ นึกนินทาแถลงแหนงไฉน นกั เลงกลอนนอนเปล่ากเ็ ศรา้ ใจ จงึ ร่าไรเรอ่ื งรา้ งเลน่ บา้ งเอยฯ
ลกั ษณะคำประพันธ์ นิราศภูเขาทองมคี วามยาวทง้ั สนิ้ ๑๗๖ คากลอน แต่งเปน็ กลอนนิราศ โดยลักษณะ กลอนนริ าศนนั้ จะคลา้ ยกับกลอนสภุ าพแต่มลี ักษณะแตกต่างกนั คอื จะขน้ึ ต้นดว้ ยกลอน วรรครบั จะแตง่ ต่อไปกบ่ี ทกไ็ ด้ ให้คาสุดท้ายซึง่ เป็น วรรคส่งจะจบเรือ่ งดว้ ยคาวา่ เอย
คำศัพท์ เสรมิ รู้
คำศัพท์ คำศัพท์เสริมรู้ ข้อง ควำมหมำย คนั โพง เครอื่ งจักสานสาหรบั ใส่ปลา ปู รปู คล้ายตะกรา้ ปากแคบ ครี มี าศ อยา่ งคอหม้อดิน ชลุ ี เครื่องวดิ นา้ มีคันถือยาว ทักขิณาวัฏ ภเู ขาทอง (ครี ี หมายถงึ ภูเขา, มาศ หมายถึง ทอง) นภาลัย การประนมมือ, การไหว้ ตัดมาจาก อัญชลี นิราศ การเวยี นขวา (เวยี นเลย้ี วทางขวาอยา่ งเขม็ นาฬกิ า) ประทกั ษิณ ฟากฟ้า ไปจาก, การจากไป ผกู โบสถ์ การเวยี นขวา โดยให้สงิ่ ทเ่ี รานับถอื หรือผู้ที่เรานบั ถือเป็น ตน้ อย่ทู างขวาของผู้เวียน พระจมน่ื ไวย ผูกพัทธสมี า คอื การกาหนดเขตโบสถ์ มีหลักหนิ เป็น เครื่องหมาย ตาแหนง่ หวั หมืน่ มหาดเล็ก มสี รรเพชรภกั ดี ศรีสรรักษ์ ไวยวรนาถ และเสมอใจราช
คำศัพทเ์ สริมรู้ (ต่อ) คำศัพท์ ควำมหมำย พระวสา วันออกพรรษา ตรงกบั วนั ขึน้ สิบห้าคา่ เดอื นสบิ เอ็ด พระสรรเพชญ พระนามพระพทุ ธเจ้า แปลว่าผู้รู้ ภาษา ในทน่ี ี้เป็นคาโบราณ หมายถึง คนหรอื ชาตทิ พ่ี ดู ภาษานั้นๆ เชน่ มอญ ลาว ทวาย นงุ่ หม่ และแตง่ ตัวตามภาษา มลุ กิ า มหาดเล็กหรือผู้อยใู่ ต้บงั คบั บญั ชา เรือเพรยี ว เรือขดุ รปู คล้ายเรือแขง่ แต่ขนาดเล็กกว่า หัวยาวพองาม ท้ายสั้น เป็นเรือทข่ี ุนนางหรือผู้มีฐานะการเงนิ ทนี่ ยิ มใช้กัน วันอโุ บสถ ในสมยั ก่อน วุ้ง วนั ข้นึ ๑๕ คา่ และวนั แรม ๑๕ ค่า ถา้ เปน็ เดอื นขาดก็แรม สัด ๑๔ ค่า เป็นวนั ทีพ่ ระลงอุโบสถฟังพระปาตโิ มกข์ และเป็น เทยี นหนั วนั ท่ี พุทธศาสนกิ ชน ถืออโุ บสถศีลคอื ศีล ๘ เวา้ เปน็ เวง่ิ เข้าไป ช่อื มาตราตวงโบราณ รูปทรงกระบอก ใชต้ วงขา้ ว เปลี่ยนท่าทาง, พลิกแพลง
คลปิ วีดโี อ เรื่อง นริ ำศภูเขำทอง
กิจกรรมเสริมควำมเข้ำใจใน นิรำศภเู ขำทอง ของสุนทรภู่ ๑ ลอ่ งเรอื ตำมลอย ๒ นริ ำศภูเขำทอง เข้ำใจในนิรำศ 3 เช่ือมโยงควำมสมั พนั ธ์ เรอ่ื ง นิรำศน้ัน ภเู ขำทอง
ล่องเรือตำมลอยนริ ำศ ภูเขำทอง คำชี้แจง จากการทน่ี กั เรียนได้อา่ น เรอ่ื ง นริ าศภเู ขาทอง ใหน้ กั เรยี นเรียงลาดับสถานที่ และเติมคาในชอ่ งวา่ ง ทสี่ ุนทรภู่ที่นัง่ เรือผา่ น บนแผนทเี่ ดินดนิ ใหถ้ กู ต้อง เลอื กคำตอบไปเติมในชอ่ งว่ำงใหถ้ ูกต้อง ตลาดแก้ว บางพลู บางพลดั จวนผูร้ ้ัง ตลาดขวัญ โรงเหล้า เกาะเกร็ด บางพดู วัดเขมาภริ ตาราม บางโพ บา้ นญวน บางธรณี บางจาก สามโคก บ้านง้วิ บ้านใหม่ บางเด่ือ บางหลวง วังหลวง วดั ประโคกปกั
แบบเฉลยล่องเรือตำมลอยนิรำศ ภเู ขำทอง คำชแี้ จง จากการทีน่ ักเรียนไดอ้ ่าน เรอ่ื ง นริ าศภูเขาทอง ใหน้ ักเรียนเรยี งลาดบั สถานที่ และเติมคาในชอ่ งว่าง ที่สุนทรภู่ทีน่ ัง่ เรอื ผ่าน บนแผนทเ่ี ดินดิน ให้ถกู ตอ้ ง เลอื กคำตอบไปเติมในช่องว่ำงให้ถูกต้อง ตลาดแก้ว บางพลู บางพลดั จวนผูร้ ้ัง ตลาดขวญั โรงเหล้า เกาะเกร็ด บางพูด วัดเขมาภริ ตาราม บางโพ บ้านญวน บางธรณี บางจาก สามโคก บา้ นงิ้ว บ้านใหม่ บางเดือ่ บางหลวง วังหลวง วดั ประโคกปกั
Search