Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อพ.สธ

อพ.สธ

Published by nudyna, 2021-06-29 07:13:23

Description: อพ.สธ 61

Search

Read the Text Version

บทสรปุ สำหรับผู้บริหำร โครงการอนรุ กั ษ์พนั ธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารี (อพ.สธ.) ได้ดาเนินมาต้ังแต่ปี พ.ศ. 2535 โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือสร้างความเข้าใจและตระหนักถึง ความสาคัญของพันธุกรรมพืชต่าง ๆ ท่ีมีอยู่ในประเทศไทย ก่อให้เกิดกิจกรรมร่วมคิด ร่วมปฏิบัติ ท่ีนา ผลประโยชน์มาถงึ ประชาชนชาวไทย ตลอดจนให้มีการจดั ทาระบบข้อมูลพันธุกรรมพืชให้แพร่หลายสามารถสื่อ ถึงกันได้ท่ัวประเทศ ภายใต้ 3 ฐานทรัพยากร ได้แก่ ทรัพยากรชีวภาพ ทรัพยากรกายภาพ และทรัพยากร วัฒนธรรมและภูมิปัญญาใน 3 กรอบการดาเนินงาน 8 กิจกรรมหลัก กรอบกำรเรียนรู้ทรัพยำกร กิจกรรมท่ี ๑. กจิ กรรมปกปักทรัพยากร กิจกรรมที่ ๒. กิจกรรมสารวจเกบ็ รวบรวมทรัพยากร กิจกรรมที่ ๓. กจิ กรรมปลูก รักษาทรัพยากร กรอบกำรใช้ประโยชน์ กิจกรรมที่ ๔. กิจกรรมอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทรัพยากร กจิ กรรมที่ ๕. กจิ กรรมศูนย์ข้อมูลทรัพยากร กิจกรรมท่ี ๖. กิจกรรมวางแผนพัฒนาทรัพยากร กรอบกำรสร้ำง จิตสำนึก กจิ กรรมที่ ๗. กจิ กรรมสร้างจติ สานึกในการอนรุ ักษ์ทรัพยากร กิจกรรมที่ ๘. กิจกรรมพิเศษสนบั สนุน การอนุรักษ์ทรพั ยากร กรมการพฒั นาชุมชน มีภารกิจหลักสาคัญในการส่งเสริมการพัฒนาทุนชุมชน เพ่ือสรา้ งความ เข้มแข็งให้กับชุมชน ตามแผนยุทธศาสตร์กรมการพัฒนาชุมชน พ.ศ. 2560 - 2564 ยุทธศาสตร์ที่ 3 เสริมสร้าง ทุนชุมชนให้มีประสิทธิภาพและมีธรรมาภิบาล (ทุนธรรมชาติ ทุนกายภาพ ทุนมนุษย์ ทุนสังคม และทุน การเงิน) โดยมเี ปา้ ประสงคใ์ หช้ ุมชนสามารถจัดการทุนชุมชนเพื่อเป็นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซ่ึง ในการดาเนินงานพัฒนาทุนชุมชนตามยุทธศาสตรด์ ังกล่าว ของกรมการพัฒนาชมุ ชนมีความสอดคล้องกับการ ดาเนินโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพ-รัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี (อพ.สธ.) ตามแผนแม่บท อพ.สธ. ระยะ 5 ปีท่ีหก (1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 – 30 กันยายน พ.ศ. 2564) สานักพัฒนาทุนและองค์กรการเงินชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน จึงได้จัดทาโครงการ เสริมสร้างศักยภาพทุนชุมชนตามแนวพระราชดาริโครงการอนุรักษ์พันธุ กรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือสนองพระราชดาริ ตามกรอบ การเรียนรู้ทรัพยากร กิจกรรมที่ 3 กิจกรรมปลูกรักษาทรัพยากร ส่งเสริมให้พ้ืนที่หน่วยดาเนินการเป้าหมาย เป็นแหลง่ รวบรวมพันธกุ รรมพืช มีความพรอ้ มและมีศักยภาพรองรับการเป็นแหล่งเรียนรู้พันธุกรรมพืชไดอ้ ยา่ ง มีประสิทธิภาพ โดยให้ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง ในสังกัดสถาบันการพัฒนาชุมชน ดาเนินกิจกรรมท่ี 3 กิจกรรมปลูกรักษาทรัพยากร ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพ รัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) การประเมินผลโครงการฯ ใช้แบบสอบถาม โดยวิธีการประเมินออนไลน์ในรูปแบบ Google Form ผลการประเมินพบวา่ ผ้เู ขา้ อบรมเป็นเพศชายมากกว่าหญงิ คิดเป็นรอ้ ยละ รอ้ ยละ 51.28 และ 48.71 ผู้เข้า อบรมมีอายุต่ากว่า ๓1 ปี,อายุระหว่าง ๓1 – 35 ปี,อายุระหว่าง 36 – 40 ปี,อายุระหว่าง 41 - 45 ปี,อายุ ระหว่าง 46 - 50 ปี,อายุระหว่าง 51 - 55 ปี,อายุระหว่าง 56 - 60 ปี และอายุ 60 ปี คิดเป็นร้อยละ 5.12, ๒.56,5.12,2.56,20.51,7.69,7.69 และ 48.71 ตามลาดับ ข้อมูลการศึกษา พบว่า ร้อยละ 12.82 จบการศึกษาระดับต่ากว่าประถมศึกษา ร้อยละ 58.97 จบการศึกษาระดับประถมศึกษา ร้อยละ 12.82 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ร้อยละ 10.25 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

ร้อยละ 12.82 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ร้อยละ 2.56 จบการศึกษาระดับปริญญาโท ร้อยละ 2.56 จบการศึกษาระดบั อ่ืนๆ (ปวช,ปวส.) การบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ พบว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรม แสดงความคิดเห็นต่อการบรรลุ วตั ถุประสงค์ของโครงการภาพรวมอยู่ในระดับมาก คา่ เฉล่ีย 4.45 แยกเป็นรายประเด็น ดังต่อไปนี้ เพ่อื สนอง พระราชดาริในโครงการฯ ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย ๔.56 เพื่อส่งเสริมให้ ศพช.ลาปางมีความ พรอ้ ม มีศักยภาพรองรับการเปน็ แหลง่ เรยี นร้พู นั ธุกรรมพืชและสมนุ ไพรถน่ิ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาพรวมอยู่ ในระดับมาก ค่าเฉล่ีย ๔.46 เพ่ือให้เจ้าหน้าท่ีและประชาชนในรอบพ้ืนท่ี ศพช.ลาปาง มีความรู้ ความเข้าใจ ในโครงการฯ ค่าเฉลยี่ 4.33 ก่อนเข้าร่วมโครงการ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจด้านวิชาการในภาพรวมอยู่ในระดับ มาก ค่าเฉล่ีย ๔.๒๒ และเมื่อพิจารณารายวิชาพบว่า ผเู้ ข้ารบั การฝึกอบรมมีความรคู้ วามเขา้ ใจในหัวข้อวิชา ตามลาดับดังน้ี วิชาตามรอยเท้าพ่อ มีความรคู้ วามเข้าใจในระดับมาก ค่าเฉล่ีย ๔.๓๑ และวิชากิจกรรมแห่ง การอนุรักษ์และปกปักเพื่อรักษา มคี วามรูค้ วามเข้าใจในระดับมาก คา่ เฉล่ยี ๔.๑๒ หลังเข้าร่วมโครงการ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจด้านวิชาการในภาพรวมอยู่ในระดับ มากทส่ี ุด คา่ เฉลย่ี ๔.๕๖ และเมอ่ื พิจารณารายวิชาพบวา่ ผู้เข้ารับการฝกึ อบรมมีความรคู้ วามเขา้ ใจในหัวข้อ วิชาตามลาดับดังนี้ วิชาตามรอยเท้าพ่อ มีความรู้ความเข้าใจในระดับมากท่ีสุด ค่าเฉล่ีย ๔.๕๘ และวิชา กจิ กรรมแหง่ การอนุรกั ษแ์ ละปกปกั เพอื่ รักษา มีความรู้ความเขา้ ใจในระดบั มากทส่ี ดุ คา่ เฉล่ีย ๔.๕๓ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมคี วามคิดเห็นเก่ยี วกับการนาความรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงาน โดยภาพรวมอยู่ ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 4.35 โดยพบว่าสามารถนาความรู้ในวิชาตามรอยเท้าพ่อ อยู่ในระดับมาก ค่าเฉล่ีย 4.38 รองลงมาวิชากิจกรรมแห่งการอนุรักษ์และปกปักรักษา อยู่ในระดับมาก ค่าเฉล่ีย 4.33 และผู้เข้ารับ การอบรมมคี วามพงึ พอใจภาพรวมของโครงการอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลย่ี 4.33 ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย ดา้ นวิชาการ 1. ควรใหค้ วามรเู้ ฉพาะเรอ่ื งที่ชดั เจนมากกวา่ นี้ ใหส้ ามารถนาไปปฏบิ ตั ิได้ ๒. ควรจัดโครงการฯอยา่ งต่อเนอ่ื ง ซ่งึ เปน็ โครงการทีเ่ หมาะสมเขา้ กับชมุ ชน ๓. ตอ้ งการให้มีการสง่ เสรมิ ด้านการตลาดของสนิ ค้าในชมุ ชน ด้านบริหารโครงการ 1. การทาโครงการควรเนน้ ให้เกดิ ผลระยะยาว และย่งั ยนื -

คำนำ กรมการพัฒนาชุมชน มีภารกิจหลักสาคัญในการส่งเสริมการพัฒนาทุนชุมชน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ให้กับชุมชน ตามแผนยุทธศาสตรก์ รมการพัฒนาชุมชน พ.ศ. 2560 - 2564 ยุทธศาสตร์ท่ี 3 เสริมสร้างทุนชุมชน ให้มีประสิทธิภาพและมีธรรมาภิบาล (ทุนธรรมชาติ ทุนกายภาพ ทุนมนุษย์ ทุนสังคม และทุนการเงิน) โดยมี เป้าประสงคใ์ ห้ชมุ ชนสามารถจัดการทุนชุมชนเพื่อเปน็ ฐานในการพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคม ซึง่ ในการดาเนินงาน พัฒนาทุนชุมชนตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว ของกรมการพัฒนาชุมชนมีความสอดคล้องกับการดาเนินโครงการ อนุรักษ์พันธกุ รรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ตามแผนแม่บท อพ.สธ. ระยะ 5 ปีที่หก (1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 – 30 กันยายน พ.ศ. 2564) การเข้าร่วม สนองพระราชดาริโครงการอนุรักษ์พนั ธุกรรมพืชอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี (อพ.สธ.) กรมการพัฒนาชุมชน มุ่งใช้ แผนแม่บท อพ.สธ.-พช. เป็นเครื่องมือและกลไกการ ดาเนินงาน เพื่อสนองพระราชดาริในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพ รตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง ได้รับมอบหมายจากกรมการพัฒนาชุมชน จัดทาโครงการ เสริมสร้างศักยภาพทุนชุมชนตามแนวพระราชดาริโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) ประจาปี 2561 กลุ่มเปา้ หมายเป็นประชาชนพ้นื ที่ รอบศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง จานวน 30 คน และเจ้าหน้าท่ีศูนย์ฯ จานวน 10 คน รวมท้ังส้ิน 40 คน ดาเนินการวันท่ี 25 กันยายน 2561 ณ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนอง พระราชดาริในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี (อพ.สธ.) เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) และเป็นแหล่งรวบรวมพันธุกรรมพืชและสมุนไพรพื้นถิ่น ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง จึงได้จดั ทาเอกสารรายงานผลการดาเนินงานโครงการเสริมสร้าง ศักยภาพทุนชุมชนตามแนวพระราชดาริโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ประจาปี 2561 เพ่ือให้ผู้เก่ียวข้องได้ทราบผลการ ดาเนินงาน คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่า เอกสารรายงานผลการดาเนินงานฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการ ปฏิบตั งิ านของหนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวขอ้ ง และผทู้ ่สี นใจได้เป็นอยา่ งดี ศนู ย์ศกึ ษำและพัฒนำชุมชนลำปำง ตุลำคม ๒๕61

สารบญั หน้า คานา ๑ สารบัญ ๒ บทสรุปสาหรับผู้บริหาร ๒ สว่ นท่ี ๑ บทนา 2 2 ความเปน็ มา ๒ วัตถปุ ระสงค์ 2 กลุม่ เปา้ หมาย 2 ขน้ั ตอนและวธิ กี ารดาเนินงาน 3 งบประมาณดาเนนิ การ ๓ ระยะเวลาดาเนนิ การ ขอบเขตเนอ้ื หาหลักสตู รและกจิ กรรมเสริมคุณค่า 4 สถานทด่ี าเนินการ ๙ ผลทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั 11 ตัวชีว้ ดั ความสาเรจ็ สว่ นที่ ๒ สรปุ เน้อื หาวชิ าการ กิจกรรมและผลการดาเนินงาน 14 กิจกรรมอบรมเพม่ิ ความรู้ 14 วิชา ตามรอยเท้าพ่อ 14 วิชา กจิ กรรมแห่งการอนุรักษ์ และปกป้องเพื่อรักษา 16 กจิ กรรมปลกู รักษาพนั ธกุ รรมพชื และสมนุ ไพรพน้ื ถ่นิ 19 ส่วนท่ี ๓ การประเมินผลโครงการ รปู แบบและวิธกี ารประเมิน 20 การเก็บรวบรวมข้อมูล 23 การวเิ คราะห์ข้อมูล 27 สว่ นที่ 1 ข้อมลู ทั่วไป สว่ นท่ี 2 ความคิดเหน็ ตอ่ โครงการ สว่ นที่ 3 ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะอ่ืนๆ ภาคผนวก ประมวลภาพการฝึกอบรม ทะเบยี นรายชอื่ ผูเ้ ขา้ รับการฝึกอบรม ตารางการฝึกอบรม

สว่ นท่ี 1 บทนำ 1. ควำมเปน็ มำ โครงการอนรุ กั ษ์พนั ธกุ รรมพืชอนั เน่อื งมาจากพระราชดาริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) ไดด้ าเนนิ มาตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2535 โดยมวี ตั ถุประสงค์เพื่อสรา้ งความเขา้ ใจและตระหนกั ถึงความสาคัญ ของพันธุกรรมพืชต่าง ๆ ท่ีมีอยู่ในประเทศไทย ก่อให้เกิดกิจกรรมร่วมคิด ร่วมปฏิบัติ ที่นาผลประโยชน์มาถึง ประชาชนชาวไทย ตลอดจนใหม้ กี ารจัดทาระบบข้อมลู พนั ธุกรรมพืชใหแ้ พร่หลายสามารถส่ือถึงกนั ได้ท่วั ประเทศ กรมการพัฒนาชุมชน มีภารกิจหลักสาคัญในการส่งเสริมการพัฒนาทุนชุมชน เพ่ือสร้างความเข้มแข็ง ให้กับชุมชน ตามแผนยุทธศาสตร์กรมการพัฒนาชุมชน พ.ศ. 2560 - 2564 ยุทธศาสตร์ที่ 3 เสรมิ สรา้ งทุนชุมชน ให้มีประสิทธิภาพและมีธรรมาภิบาล (ทุนธรรมชาติ ทุนกายภาพ ทุนมนุษย์ ทุนสังคม และทุนการเงิน) โดยมี เป้าประสงค์ให้ชุมชนสามารถจัดการทุนชุมชนเพื่อเป็นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งในการ ดาเนินงานพัฒนาทุนชุมชนตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว ของกรมการพัฒนาชุมชนมีความสอดคล้องกับการดาเนิน โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ตามแผนแมบ่ ท อพ.สธ. ระยะ 5 ปีท่หี ก (1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 – 30 กันยายน พ.ศ. 2564) ปี พ.ศ. 2560 กรมการพัฒนาชุมชน ได้รับพระราชทานพระราชานุญาต ให้เข้าร่วมสนองพระราชดาริ ในโครงการอนุรกั ษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ตามแผนแม่บท อพ.สธ. ระยะ 5 ปีท่ีหก (1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 - 30 กันยายน พ.ศ. 2564) โดย อพ.สธ. กาหนดแนวทางและแผนการดาเนินงานภายใต้ 3 กรอบการดาเนนิ งาน 8 กิจกรรม ใน 3 ฐานทรพั ยากร ได้แก่ ทรัพยากรกายภาพ ทรัพยากรชีวภาพ ทรัพยากรวัฒนธรรมและภูมิปัญญา ท้ังนี้ ตามกรอบการเรียนรู้ ทรัพยากร กิจกรรมท่ี 3 กิจกรรมปลูกรักษาทรัพยากร มีเป้าหมายเพื่อนาทรัพยากรที่มีค่า ใกล้สูญพันธ์ุ หรือ ต้องการเพิ่มปริมาณเพื่อนามาใช้ประโยชน์ไปเพาะพันธุ์ ปลูก เลี้ยง และขยายพันธุ์เพ่ิมในพ้ืนท่ีที่ปลอดภัย เรยี กว่าพ้ืนที่ปลูกรักษาทรพั ยากร รวมถึงการสง่ เสรมิ ให้เพิ่มพ้ืนท่ีรวบรวมพันธ์ุทรัพยากรตามพ้นื ทขี่ องหน่วยงาน ท่ีเข้าร่วมสนองพระราชดาริโครงการ อพ.สธ. ด้วย ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชนได้จัดทาแผนแม่บท อพ.สธ. -พช. และแผนปฏิบัตงิ านของหนว่ ยงานให้สอดคลอ้ งกับแผนแม่บท อพ.สธ. ระยะ 5 ปที ่หี ก (1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 - 30 กันยายน พ.ศ. 2564) โดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการดาเนินงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรม พืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) กรมการพัฒนา ชมุ ชน ดังน้ัน เพื่อเป็นการสนองพระราชดาริและขับเคล่ือนการดาเนินงานในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) ตามกรอบการเรยี นรู้ ทรัพยากร กิจกรรมที่ 3 กิจกรรมปลูกรักษาทรัพยากร โดยส่งเสรมิ ให้พ้ืนท่ีหนว่ ยดาเนินการเป้าหมายทม่ี ีความ พร้อมและมีศักยภาพเป็นแหล่งเรียนรู้พันธุกรรมพืชพ้ืนถ่ิน ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง จึงได้จัดทา โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ขึน้ ตามกจิ กรรมที่ 3 กิจกรรมปลกู รกั ษาทรพั ยากร

๒ 2. วตั ถปุ ระสงค์ 2.1 เพ่ือสนองพระราชดาริในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเดจ็ พระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) 2.2 เพ่ือให้เจ้าหน้าท่ีศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปางและประชาชนในพื้นท่ีรอบศูนย์ศึกษาและ พัฒนาชุมชนลาปาง มีความรู้ ความเข้าใจ ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) 2.3 เพ่ือส่งเสริมให้ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง มีความพร้อมและมีศักยภาพรองรับการเป็น แหล่งเรียนรพู้ นั ธกุ รรมพืชและสมนุ ไพรพืน้ ถิ่นได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 3. กลุ่มเป้ำหมำย 15 คน กล่มุ เป้าหมาย รวมท้งั ส้นิ 40 คน ดงั นี้ 15 คน - ประชาชนชุมชนบ้านหนองห้าตะวันตก 10 คน - ประชาชนชุมชนบ้านกาดใต้ - เจ้าหนา้ ทศ่ี นู ยศ์ กึ ษาและพัฒนาชุมชนลาปาง 4. ขั้นตอนและวธิ ีดำเนนิ กำร ๔.1 ประชมุ วางแผนเตรยี มความพร้อมการฝึกอบรมในโครงการฯ 2 กิจกรรม คือ ๔.1.1 กิจกรรมอบรมเพ่ิมความรู้ให้แก่ข้าราชการ ลูกจ้าง และประชาชนท่ัวไป ในการอนุรักษ์ พนั ธกุ รรมพืชอนั เนือ่ งมาจากพระราชดาริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) ๔.1.2 กจิ กรรมปลกู รกั ษาพันธกุ รรมพชื และสมุนไพรพื้นถน่ิ ๔.2 ประสานงานประชาชนในพื้นทีร่ อบศนู ยฯ์ พรอ้ มแจ้งแผนการฝกึ อบรมตามโครงการฯ ๔.3 ดาเนินการจัดฝึกอบรมตามหลกั สตู รตามแผนการฝึกอบรม ๔.4 สรุปและประเมินผลโครงการพร้อมรายงานผลการดาเนนิ งาน 5. งบประมำณดำเนนิ กำร 78,300 (เจด็ หม่นื แปดพนั สามร้อยบาทถ้วน) 6. ระยะเวลำดำเนินกำร วันท่ี 25 กนั ยายน 2561 7. ขอบเขตเนอื้ หำของหลักสตู รและกิจกรรมเสรมิ หลักสูตร - วิชาตามรอยเทา้ พ่อ - วชิ ากจิ กรรมแหง่ การอนรุ ักษแ์ ละปกปกั เพอ่ื รักษา - ปลูกรกั ษาพันธุกรรมพชื และสมนุ ไพรพ้นื ถ่ิน (ปลูกตน้ ไม้) 8. สถำนที่ดำเนนิ กำร ศูนยศ์ ึกษาและพฒั นาชมุ ชนลาปาง

๓ 9. ผลทคี่ ำดว่ำจะได้รับ 9.1 ผู้ผ่านการฝึกอบรม สามารถนาความรูโ้ ครงการอนรุ ักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ไปใชใ้ นการอนุรักษ์และใช้ประโยชนพ์ ันธกุ รรมพืช และสมนุ ไพรพ้ืนถิ่นของตนเอง เพื่อใหเ้ กดิ ความย่งั ยนื ๙.2 แหล่งเรยี นรพู้ ันธุกรรมพืชและสมุนไพรพื้นถิ่น สามารถถา่ ยทอดองค์ความรู้ ด้านการอนุรักษ์และ ใช้ประโยชนพ์ นั ธกุ รรมพชื และสมุนไพรพื้นถ่นิ ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ แก่ประชาชนทเี่ ข้ามารับบริการ 10. ตัวชว้ี ัดควำมสำเร็จ 10.1 ร้อยละ 80 ของผู้ผ่านการฝึกอบรม มีความรู้ความเข้าใจในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอัน เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) 10.2 มีแหล่งเรียนรู้และรวบรวมพันธุกรรมพืชและสมุนไพรพ้ืนถ่ิน ท่ีสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านการอนรุ กั ษแ์ ละใชป้ ระโยชน์พันธกุ รรมพืชและสมุนไพรพ้นื ถ่นิ ได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

สว่ นที่ 2 สรุปเน้อื หาวิชาการ กจิ กรรมและผลการดาเนนิ การกจิ กรรม ผลการฝึกอบรมโครงการเสริมสร้างศักยภาพทุนชุมชนตามแนวพระราชดาริโครงการอนุรักษ์ พันธุกรรมพืชอัน เนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ประจาปี 2561 ดาเนินการวันที่ 25 กันยายน 2560 จานวน 1 วัน 2 กิจกรรม ณ ศูนย์ศึกษาและพัฒนา ชุมชนลาปาง จานวน 1 รุ่น กลุ่มเป้าหมาย คือ ประชาชนชุมชนบ้านหนองห้าตะวันตก จานวน 15 คน ประชาชนชมุ ชนบา้ นกาดใต้ จานวน 15 คน และเจา้ หน้าที่ศูนย์ศกึ ษาและพัฒนาชุมชนลาปาง จานวน 10 คน รวมทง้ั สิ้นจานวน 40 คน มีวัตถุประสงค์ เพือ่ สนองพระราชดารใิ นโครงการอนรุ ักษ์พนั ธุกรรมพืชอันเน่อื งมาจาก พระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) เพื่อส่งเสรมิ ความรู้ ความเข้าใจใหก้ ับ ประชาชน พรอ้ มการส่งเสริมให้ศูนยศ์ ึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง มคี วามพร้อมและมศี ักยภาพรองรบั การเป็น แหล่งเรียนรพู้ นั ธกุ รรมพชื และสมุนไพรพืน้ ถ่ินได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ ขอบเขตเน้อื หา/กจิ กรรม 1. กจิ กรรมอบรมเพ่ิมความรู้ให้แก่ข้าราชการ ลูกจ้าง และประชาชนทัว่ ไปในการอนรุ ักษ์พันธุกรรม พืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ประกอบด้วย 2 วชิ า สรุปสาระสาคญั ของเนือ้ หาวิชา ไดด้ งั น้ี ชื่อวิชา : ตามรอยเท้าพอ่ วิทยากร : รศ.ดร ชติ ิ ศรตี นทิพย์ สถาบนั วจิ ยั เทคโนโลยกี ารเกษตร มทร.ล้านนา ผศ.ปรญิ ญาวดี ศรตี นทิพย์ สถาบันวิจยั เทคโนโลยกี ารเกษตร มทร.ล้านนา ผศ.นภา ขันสุภา สถาบันวิจยั เทคโนโลยีการเกษตร มทร.ล้านนา อ.พทิ ักษ์ พทุ ธวรชยั สถาบนั วจิ ยั เทคโนโลยกี ารเกษตร มทร.ลา้ นนา สงั เขปวชิ า เนื้อหาเน้นการบรรยายและการตั้งคาถามประกอบส่ือกับผู้เข้าอบรม เรื่องความเป็นมา แนวพระราชดาริ ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมสี ายพระเนตรกว้างและยาวไกล ทรงเห็นความสาคัญของการอนุรกั ษ์พันธุกรรมพืช โดยทรงเริ่มดาเนนิ งานพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพ ต้ังแต่ปี 2503 รวมถึงข้อเท็จจรงิ และสถานการณ์ของทรัพยากรของประเทศ วิชานตี้ ้องการสร้างจิตสานึกให้ผเู้ ขา้ อบรมเกดิ ความตระหนกั และเห็นความสาคญั ทรัพยากรของประเทศไทย วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ทราบถึงความเป็นมา แนวพระราชดาริ ข้อเท็จจริงและสถานการณ์ด้านทรัพยากร ของประเทศไทย 2. เพือ่ ให้ผู้เขา้ อบรม เกิดความตระหนกั ในความสาคญั ทรัพยากรของประเทศไทย ประเด็นเน้อื หาการเรยี นรู้ : 1. ความเปน็ มาโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) และแนวพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร ในการอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพ 2. ขอ้ เท็จจริงและสถานการณ์ด้านทรัพยากรของประเทศไทย ระยะเวลา 1.30 ชวั่ โมง (90 นาท)ี

๕ วธิ กี าร/เทคนิค 1. การบรรยาย 2. การตง้ั คาถามเพื่อสร้างความตระหนักในความสาคญั ทรัพยากรของประเทศไทย 3. การเสรมิ ความชัดเจนของเนอื้ หาดว้ ยวีดีทศั น์ 4. การเติมเตม็ ใหข้ ้อคิด ขอ้ เสนอแนะ ส่อื /วัสดุ/อปุ กรณ์ 1. สไลด์ PPT 2. แผ่นพับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) 3. วดี ที ศั นเ์ จา้ ฟา้ นกั อนุรักษ์ : ตามรอยเท้าพ่อ 4. วดี ที ัศนเ์ จ้าฟ้านกั อนุรักษ์ : ฐานทรัพยากรท้องถิ่น คอื ฐานประเทศ การประเมนิ ผล : 1. การสังเกตพฤติกรรม 2. การประเมินการถ่ายทอด 3. การประเมินรายวชิ า เน้ือหาวชิ า ทน่ี ี่ (ปา่ ไมส้ าธติ โครงการสว่ นพระองค์สวนจิตรลดา) คอื ปา่ ที่มตี น้ ไม้นานาพนั ธ์จุ ากทวั่ ประเทศ ไมบ้ างอยา่ ง ท่สี ูญหายไปจากท้องถิ่นเดิม เราก็พบได้ในป่าแห่งนี้ ต้นยางนา 1,250 ต้นน้ี มาจากสายพันธุ์ต้นยางนาดั้งเดิม ของอาเภอท่ายาง จังหวดั เพชรบุรี ทแี่ ทบจะไม่มีให้เหน็ อีกแล้ว ถ้าพระบามสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ไม่ทรงเก็บเมล็ดพันธุ์มาปลูกไว้ให้พวกเราได้รู้จักในวันนี้ พระราชดาริ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมีสายพระเนตรกว้างและยาวไกล ทรงเห็นความสาคัญของการอนุรักษ์ พนั ธุกรรมพืช โดยทรงเริ่มดาเนินงานพฒั นาและอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ และความหลากหลายทางชวี ภาพ ตง้ั แตป่ ี 2503 พ.ศ. 2503 ทรงพยายามปกปกั ยางนา ในฤดูร้อนเกือบทุกปี พระบามสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จแปร พระราชฐาน ไปประทับแรม ณ วังไกลกงั วล อาเภอหัวหนิ จงั หวัดประจวบครี ขี นั ธ์ ในระยะแรกเสดจ็ พระราชดาเนิน โดยรถไฟ ต่อมาเสด็จฯ โดยรถยนต์ เม่อื เสด็จฯ ผ่านอาเภอทา่ ยาง จงั หวัดเพชรบรุ ี สองข้างทางมตี ้นยางขนาดใหญ่ ข้ึนอยู่มาก ทรงมีพระราชดาริที่จะสงวนป่าต้นยางนี้ไว้เป็นสวนสาธารณะ ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ แต่ไม่สามารถจัดถวายได้ตามพระราชประสงค์ เพราะมีราษฎรเข้ามาทาไร่ทาสวนในบริเวณนั้นมาก จะต้องจ่าย เงินทดแทนในการหาที่ใหมใ่ นอัตราทไ่ี มส่ ามารถจัดได้

๖ พ.ศ. 2504 ปา่ สาธิตทดลอง เม่ือไม่สามารถดาเนินการปกปักต้นยางนาท่ีอาเภอท่ายางได้ จึงทรงทดลองปลูกต้นยางเอง โดยทรงเพาะ เมล็ดยางที่เก็บจากต้นยางนาในเขตอาเภอท่ายาง ในกระถางบนพระตาหนกั เป่ียมสุข วังไกลกังวล อาเภอหัวหิน และทรงปลูกต้นยางนาเหล่าน้ันในแปลงทดลองใกล้พระตาหนักเรือนต้น สวนจิตรลดา พร้อมข้าราชบริพาร เมื่อวันท่ี 28 กรกฎาคม 2504 จานวน 1,250 ต้น แม้ต้นยางท่ีทา่ ยางสูญส้ิน แต่พันธุกรรมของยางนาเหล่าน้ัน ยังอนรุ ักษ์ไว้ได้ท่ีสวนจติ รลดา ตอ่ มาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นาพรรณไม้จากภูมิภาคตา่ ง ๆ ท่ัวประเทศ มาปลูกในบริเวณที่ประทับ สวนจิตรลดา เพื่อให้เป็นทีศ่ ึกษาพรรณไม้ของนิสติ นักศึกษาแทนที่จะต้องเดินทางไปทวั่ ประเทศ ด้วยทรงตระหนัก ในความสาคัญของทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง ดังพระราชดารัสท่ีพระราชทานไว้ว่า “ธรรมชาติแวดลอ้ มของเรา ไมว่ ่าจะเปน็ แผ่นดิน ป่าไม้ แม่น้า ทะเล และอากาศ มิได้เปน็ เพยี งสิง่ สวย ๆ งาม ๆ เท่านั้น หากแต่เป็นส่ิงจาเป็นสาหรับการดารงชีวติ ของเรา และการคุม้ ครองส่ิงแวดลอ้ มของเราไวใ้ หด้ ีนี้ ก็เท่ากับเป็นการ ปกปกั รักษาอนาคตไว้ให้ลกู หลานของเราด้วย พ.ศ. 2528 ทรงใช้เทคโนโลยีเพาะเลย้ี งเนอ้ื เยอื่ อนุรกั ษ์พืช ในวนั พืชมงคล วนั ที่ 9 พฤษภาคม 2528 พระบามสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดาเนินไปทรงเปิดอาคารหอ้ งปฏิบัติการ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชที่โครงการส่วนพระองค์ฯ สวนจิตรลดา และทรงมีพระราชกระแสให้อนุรักษ์ต้นขนุน หลังพระตาหนกั ไพศาลทกั ษิณ ในพระบรมมหาราชวัง ความสาเรจ็ ของการใชว้ ิธกี ารเพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือพืชขยายพนั ธุข์ นุนไพศาลทกั ษิณ นาไปสู่การขยายพันธุ์ ต้นไม้ที่มีลักษณะพิเศษ ซ่ึงเป็นเอกลักษณ์ของพระราชวังต่าง ๆ แล้วอนุรักษ์พนั ธ์ุไม้อีกหลายชนิด ไดแ้ ก่ พุดสวน มณฑา ยห่ี ุบ ทอ่ี ยู่ในพระบรมมหาราชวัง และสมอไทยในพระที่น่งั อมั พรสถานมงคล ในขณะเดียวกันก็ได้มีการพัฒนา เทคโนโลยกี ารเก็บรักษาพนั ธุกรรมของพืชเอกลักษณใ์ นสภาวะปลอดเชอื้ ในอุณหภมู ิตา่ เพือ่ ให้สามารถนามาใช้ ประโยชน์ได้ในอนาคต จนทาให้เก็บรักษาเนื้อเย่ือขนุนท่ีอุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส ในไนโตรเจนเหลว มเี น้อื เย่ือขนุนที่รอดชวี ิตอยไู่ ด้ 23 เปอรเ์ ซ็นต์ พ.ศ. 2529 ทรงให้อนรุ ักษ์พนั ธุกรรมหวาย ทรงมีพระราชดาริให้อนุรักษ์และขยายพันธ์ุหวายชนิดต่าง ๆ โดยการเพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือ เพ่ือเตรียมการ แกป้ ญั หาการขาดแคลนหวายในอนาคต หวายทมี่ คี ุณค่าทางเศรษฐกจิ และเป็นเปา้ หมาย คอื หวายข้อดา หวายนา้ ผึ้ง หวายตะคา้ ทอง หวายหอม หวายแดง หวายโป่ง หวายกาพวน หวายงวย และหวายขี้เส้ียน เมื่อขยายพันธไ์ุ ด้ต้น ทส่ี มบูรณข์ องหวายขอ้ ดาและหวายตะค้าทองแล้ว กไ็ ด้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ทาการทดลองปลูก ตน้ หวายเหล่านั้นในป่ายางนาใกล้พระตาหนักเรือนต้น สวนจิตรลดา และมพี ระราชดาริให้ทดลองปลูกที่ศูนย์ศึกษา การพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดาริ อาเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ และศูนย์ศึกษา การพฒั นาภพู านอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ จงั หวัดสกลนครอกี ดว้ ย

๗ การดาเนินการเก่ยี วกับหวายได้มีการขยายผลไปสู่ความร่วมมือระหว่างโครงการส่วนพระองค์ สวนจติ รลดา สานักพระราชวัง กับส่วนราชการจังหวัดตรัง จัดทาแปลงขยายพันธุ์หวายขึ้นในพื้นท่ี 1,000 ไร่ ที่ตาบลปะเหลียน อาเภอปะเหลยี น จังหวัดตรัง เมือ่ ปี พ.ศ. 2532 และได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นสวนเฉลมิ พระเกยี รติ พระบามสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่อนุรักษ์พนั ธุ์หวาย ชนิดต่าง ๆ ของประเทศไทยแล้ว ยังได้ใช้เป็นสถานศึกษาวิจัยและขยายพันธ์ุหวายเศรษฐกิจเพ่ือให้ผลประโยชน์ ถงึ ประชาชนอย่างกว้างขวางด้วย พ.ศ. 2529 สวนพืชสมนุ ไพร ในปี พ.ศ. 2529 นอกจากมีพระราชดาริให้มีการอนุรักษ์พันธ์ุหวายแล้ว ยังได้จัดทาสวนพืชสมุนไพรข้ึน ในโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เพ่ือรวบรวมพืชสมุนไพรมาปลูกเป็นแปลงสาธิต และรวบรวมข้อมูลสรรพคุณ ตลอดจนการนาไปใช้ประโยชน์กับทั้งให้มกี ารศึกษาการขยายพนั ธุ์พืชสมนุ ไพร โดยการเพาะเลีย้ งเนื้อเย่ือ และ เผยแพร่ความรู้ท่ีได้สปู่ ระชาชน ตลอดเวลากว่า 50 ปี ท่ีพระบามสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงงาน อนุรักษ์พัฒนา ท้ังเรื่องดิน แหล่งน้า ป่า และพืชพันธ์ุนานาชนิด มีสายพระเนตรคู่หน่ึง ติดตามเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด และเข้าใจในการทรงงานพัฒนาประเทศของพระองค์อยา่ งแท้จริง ในช่วง 4 - 5 ทศวรรษ ท่ีผ่านมา คนส่วนใหญ่ มองพระราชกรณียกิจ พระบามสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพียงแค่งานพัฒนา หรือพัฒนาชนบท แท้ที่จริงแล้วทรงเห็นเร่ืองการอนุรักษ์ธรรมชาติเป็นเรื่องสาคัญที่สุด เพราะเป็นกุญแจของ การพฒั นาอย่างยง่ั ยนื เม่ือกุญแจของการพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื คอื การมีธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อมท่ีอุดมสมบรู ณ์ ผลทไ่ี ด้รับ ตามมาก็คือแหล่งอาหาร เคร่ืองนงุ่ ห่ม แหล่งที่อยอู่ าศัย และคลังยารักษาโรค อันเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดารงชีวิต ทีท่ าให้คนสามารถพ่งึ พาตนเองได้ ขณะที่ประเทศไทยประสบภัยพิบตั ิ ภัยจากธรรมชาติทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี เรารู้หรอื ไม่วา่ สาเหตุทแี่ ท้จริง เกิดข้ึนจากทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกคุกคามมาอย่างยาวนาน และอาจจะหมดไปจากแผ่นดินไทยสักวันหนึ่ง วันน้ีพ้ืนท่ีป่าไม้ของไทย เหลือเพียง 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ของพ้ืนที่ประเทศ และยังคงถูกบุกรุกทาลายทุก ๆ ปี สิ่งมีชีวิตทัง้ พืชพนั ธ์ุและสัตว์หลากหลายชวี ิตในป่าตอ้ งสญู พนั ธุไ์ ป ทง้ั ๆ ท่ียังไมเ่ คยได้ศึกษาประโยชน์ บางชนิด

๘ ยงั ไม่เคยสารวจพบเลยเสยี ด้วยซ้า ทรัพยากรธรรมชาติทุก ๆ สิ่ง มคี วามเช่ือมโยงเกี่ยวพันกนั หากสงิ่ ใดสง่ิ หนึ่ง หมดส้นิ สญู ไป ก็จะสง่ ผลกระทบต่อสงิ่ อื่น ๆ ตอ่ สภาวะแวดลอ้ ม และทา้ ยสุดตอ่ การดารงชีวติ ของมนุษย์ พระราชดาริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี พ.ศ. 2535 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีพระราชดาริให้ดาเนินการโครงการ อนุรักษ์พันธุกรรมพืช เพื่อสนองแนวพระราชดาริและสืบสานพระราชปณิธานพระบามสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ งานการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชน้ี ได้ดาเนินมาเป็นเวลาหลายปี เริ่มต้ังแต่ท่ีเข้าใจว่าพระบามสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร ทรงหาพันธ์ุพืชต่าง ๆ ที่หายากปลูกเอาไว้ เพื่อคนร่นุ หลังจะได้เห็นได้ศึกษาต่อไป โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี หรือ อพ.สธ. มีกรอบการดาเนินงาน 3 กรอบงาน คอื กรอบการเรียนรทู้ รัพยากร กรอบการใชป้ ระโยชน์ และกรอบการสรา้ งจติ สานึก ภายใต้ 3 ฐานทรัพยากร ไดแ้ ก่ 1. ทรพั ยากรกายภาพ 2. ทรัพยากรชวี ภาพ 3. ทรัพยากรวัฒนธรรมและภูมิปญั ญา เพื่อปกปกั รกั ษาทรัพยากร พันธุกรรมพชื ในทุกทอ้ งถิ่นไว้ให้เปน็ สมบตั ขิ องประเทศ เพอ่ื ประโยชนแ์ ก่ลูกหลานไทยในอนาคต ด้วยทรงตระหนักว่า “การรกั ษท์ รพั ยากร คอื การรกั ชาติ รักแผ่นดนิ ” อพ.สธ. จงึ ได้เรง่ ดาเนินกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 เพ่ือปกปกั ผืนป่าด้ังเดิม สารวจ เก็บรวบรวมพนั ธ์ุไม้ก่อนที่จะถูกทาลาย และปลูกรักษาพนั ธุกรรมพืชไวใ้ นพ้ืนที่ปลอดภัย และถือเป็นความจาเป็น เร่งด่วนอย่างยิ่งที่ต้องปกปักรักษาฐานทรัพยากรท้องถิ่นไว้ให้ได้ ในการทางานเร่งด่วนพร้อม ๆ กัน ในพื้นที่ ทัง้ ประเทศต่อเนื่องยาวนานไม่มสี ิ้นสุด ต้องอาศัยความรว่ มมือจากประชาชน จากหน่วยงานทุกภาคสว่ น การพัฒนาคน ให้เกิดจิตสานึกรักและหวงแหนทรัพยากรท้องถิ่นจงึ เป็นเรื่องสาคัญอย่างยงิ่ ที่ตอ้ งปลูกฝังตงั้ แต่เยาว์วัย เพื่อให้ คนในชุมชนสามารถจัดการทรพั ยากรที่มีอยใู่ นทอ้ งถิ่นได้ดว้ ยตนเอง นาไปสู่การอนุรักษ์และใชป้ ระโยชนท์ รัพยากร พันธุกรรมพืชอย่างยั่งยืน นับจากก้าวแรกที่ทรงสืบสานพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพติ ร ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทุกก้าวอย่างของพระองค์ ได้เปิดเส้นทางแห่งการ อนุรกั ษไ์ ปสู่ทกุ ท้องถ่ินท่ัวประเทศ งานของโครงการอนุรักษพ์ นั ธุกรรมพชื ฯ ได้ขยายไปถึงองค์การบรหิ ารส่วนท้องถ่ิน ดาเนินงานอนุรักษ์ทรัพยากร อาทิ ทรัพยากรทางกายภาพ ทรัพยากรทางชีวภาพ ครอบคลุมไปถึงทรัพยากร ทางวัฒนธรรมภูมิปัญญา ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ทัง้ ในดา้ นเศรษฐกิจ ด้านการธารงรักษาสภาพแวดล้อมให้คง สภาพท่ีดี และด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมภูมิปัญญา ที่บรรพบุรุษได้ต้ังใจสืบสานกันมาให้ดารงอยู่และเกื้อกูล ประโยชน์แก่คนรุ่นน้ีและรุ่นต่อไป จุดหมายของเส้นทางตามรอยพระบาทก็คือความพออยู่พอกินของราษฎร เพราะทรงรู้ว่าฐานทรัพยากรท้องถ่ินที่แข็งแรงคือฐานประเทศที่ม่ันคง และจะเป็นหนทางสู่เศรษฐกิจพอเพียง คือการพ่งึ ตนเองไดใ้ นท่สี ดุ

๙ ชอื่ วิชา : กิจกรรมแห่งการอนุรักษ์ และปกปกั เพ่ือรกั ษา วิทยากร : รศ.ดร ชติ ิ ศรีตนทพิ ย์ สถาบันวจิ ัยเทคโนโลยีการเกษตร มทร.ลา้ นนา ผศ.ปรญิ ญาวดี ศรีตนทิพย์ สถาบนั วจิ ยั เทคโนโลยีการเกษตร มทร.ลา้ นนา ผศ.นภา ขนั สุภา สถาบันวจิ ยั เทคโนโลยกี ารเกษตร มทร.ล้านนา อ.พทิ ักษ์ พุทธวรชัย สถาบันวิจยั เทคโนโลยกี ารเกษตร มทร.ลา้ นนา สงั เขปวชิ า เนอ้ื หาเนน้ การบรรยายประกอบสื่อกบั ผู้เขา้ อบรม เรอ่ื ง แนวทางการดาเนินงานโครงการอนรุ กั ษพ์ นั ธุกรรมพืช อนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ตามแผนแมบ่ ท อพ.สธ. ระยะ 5 ปีท่ีหก (1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 – 30 กันยายน พ.ศ. 2564) วชิ านี้ต้องการให้ผู้เข้าอบรม มีความรู้ ความเขา้ ใจและมสี ่วนรว่ มในการอนรุ ักษ์และใชป้ ระโยชนท์ รัพยากรของท้องถน่ิ วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ทราบถึงแนวทางการดาเนินงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจาก พระราชดาริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ตามแผนแมบ่ ท อพ.สธ. ระยะ 5 ปีทห่ี ก (1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 – 30 กนั ยายน พ.ศ. 2564) 2. เพือ่ ให้ผเู้ ขา้ อบรม มีความรู้ ความเข้าใจและมสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมที่ 3 กิจกรรมปลูกรกั ษาทรัพยากร ประเดน็ เนื้อหาการเรียนรู้ : แนวทางการดาเนินงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพ รตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ตามแผนแม่บท อพ.สธ. ระยะ 5 ปที ่ีหก (1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 - 30 กนั ยายน พ.ศ. 2564) ระยะเวลา 1.30 ชว่ั โมง (90 นาที) วิธกี าร/เทคนิค 1. การบรรยาย 2. การเสรมิ ความชัดเจนของเน้อื หาด้วยวีดที ศั น์ สอ่ื /วัสดุ/อุปกรณ์ 1. สไลด์ PPT 2. วดี ีทศั น์เจา้ ฟ้านกั อนุรักษ์ : กจิ กรรมแหง่ การอนรุ ักษ์ 4. วีดีทศั น์เจ้าฟ้านักอนุรกั ษ์ : ปกปกั เพือ่ รักษา การประเมนิ ผล : 1. การสงั เกตพฤตกิ รรม 2. การประเมินการถา่ ยทอด 3. การประเมินรายวิชา เนอ้ื หาวชิ า ผนื ป่าหลายแห่งในวนั นี้ อาจยังคงสภาพธรรมชาตดิ ้ังเดิมไว้ได้ แต่ในหลายพ้ืนท่ีปา่ กาลังเปลี่ยนสภาพไป เม่ือต้องแลกกับการพัฒนา ภารกิจอนุรักษ์ทรัพยากรพันธ์ุพืชของประเทศให้ได้ประสิทธิผล จึงต้องเร่งทางาน พร้อมกันในทุกด้านทุกมิติให้ทันกับการเปล่ียนแปลง อพ.สธ. จึงได้วางแผนการอนุรักษ์พันธุ์พืชออกมาเป็น 8 กจิ กรรม เรม่ิ ต้นที่ (กจิ กรรมที่ 1 ปกปกั พนั ธุกรรมพืช) การปกปกั พนั ธุกรรมพืช ดว้ ยการรักษาพ้นื ทป่ี ่าดงั้ เดิม ให้มีกระจายอยู่ท่ัวประเทศ ในทุกเขตพรรณพฤกษชาติ เมื่อรักษาป่าไว้ได้ ฐานทรัพยากรท้องถ่ินท้ังทรัพยากร ชีวภาพ ทรัพยากรกายภาพ และภูมิปัญญาก็จะสามารถรักษาคงอยู่ต่อไปได้ ส่วนพื้นที่ป่าที่กาลังเปลี่ยนแปลง

๑๐ จากการพัฒนา ไม่ว่าจะจากการสร้างอา่ งเก็บน้าหรือการตดั ถนน อาจมีพืชพรรณบางชนิด เสย่ี งท่ีจะสญู หายไป ตลอดกาล เจ้าหน้าท่ีและอาสาสมัคร จึงต้องลงพื้นที่สารวจ และรวบรวมพันธ์ุไม้ใกล้สูญพันธ์ุ (กิจกรรมที่ 2 สารวจเก็บรวบรวม) มาให้ได้มากที่สุดก่อนที่พวกมันจะสูญหายไปกับการเปลี่ยนแปลง ต้นไม้ท่ียังมีชีวิต (กิจกรรมที่ 3 ปลูกรักษาพันธุกรรมพืช) จะถูกนาไปเพาะปลูกไว้ในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเน่ืองมาจาก พระราชดาริ และพ้ืนท่ีที่สนองพระราชดาริท่ัวประเทศ ส่วนเมล็ดและเน้ือเย่ือที่เก็บรวบรวมมาได้ จะถูกนาไป เก็บรักษาไว้ในธนาคารพืชพรรณ สวนจิตรลดา ที่นี่ (กิจกรรมที่ 4 อนุรักษ์และใช้ประโยชน์พันธุกรรมพืช) จะเน้นการเก็บให้หลากหลายมากที่สุดและจะต้องนามาศึกษา ประเมินในด้านต่าง ๆ เพ่ือค้นหาหนทางในการ อนุรกั ษ์และพัฒนาไปสู่การใช้ประโยชน์อยา่ งย่ังยนื ข้อมลู การสารวจและองคค์ วามรู้ (กิจกรรมท่ี 5 ศนู ย์ขอ้ มูล พันธุกรรมพืช) ท่ีได้จากการศึกษาวิจัยท้ังหมด จะถูกนามาจัดทาเป็นฐานข้อมูลต่าง ๆ ท่ีสื่อถึงกันทั่วประเทศ โดยศูนย์ขอ้ มูลพันธุกรรมพชื สวนจิตรลดา และหนว่ ยงานที่สนองพระราชดาริ ข้อมูลและพนั ธุกรรมล้าคา่ เหล่าน้ี (กจิ กรรมที่ 6 วางแผนพัฒนาพันธุ์พชื ) จะนาใช้ในการวางแผนพฒั นาพันธุพ์ ชื ในระยะยาว 30 – 50 ปี เพอื่ ให้ ประเทศไทยมพี ันธ์ไุ ม้ตามความต้องการในอนาคต เมื่อเทยี บกับผืนป่าอนั กวา้ งใหญ่ เจา้ หน้าที่และนักวิจยั ก็เป็น เพียงแค่คนกลุ่มเลก็ ๆ เท่านัน้ การจะดแู ลรักษาทรัพยากรของประเทศชาติให้คงอยู่ไว้ได้ ต้องอาศัยความรว่ มมือ จากประชาชน และหนว่ ยงานในทุกภาคสว่ น สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี จึงทรงมีพระราชดาริ ให้มุ่งเน้นการสร้างจิตสานึก (กิจกรรมท่ี 7 สร้างจิตสานึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช) ไปที่เยาวชนเป็นหลัก โดยดาเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน และพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ให้เป็นแหล่งสาหรับการเรียนรู้ นอกจากน้ี ยังเปิดโอกาสให้ประชาชน ภาครัฐ และเอกชน (กิจกรรมที่ 8 กิจกรรมพเิ ศษสนบั สนุนการอนุรักษ์พนั ธกุ รรมพืช) ได้เข้ามาศึกษาและร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านการจัดต้ังชมรม การจัดประชุมสัมมนา และนิทรรศการต่าง ๆ การดาเนินงานท้ัง 8 กิจกรรมน้ี ล้วนสอดประสานและส่งเสริมซ่ึงกันและกัน เพื่อให้การดาเนินงานอนุรักษ์ พันธุกรรมพืชสาเร็จลุล่วงโดยสมบูรณ์ เพื่ออนาคตประเทศไทยจะมีส่ิงแวดล้อมท่ีอุดมสมบูรณ์ให้ลูกหลานไทย ไดอ้ ยอู่ าศยั ใช้ประโยชนอ์ ย่างพอเพียง ความอดุ มสมบูรณ์ของทรัพยากร ไมไ่ ด้อยเู่ พยี งแค่ภายในเขตพน้ื ท่ีป่าธรรมชาติ ภายในพน้ื ทร่ี ับผดิ ชอบ ของกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเท่านั้น หากว่ายังกระจายอยู่ทั่วผืนแผ่นดินไทย และนี่คือสิ่งที่ทาให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงกังวลพระทัยว่าซักวันทรัพยากรเหล่านี้ อาจถึงกาลท่ีจะสูญส้ินไป การปกปกั เทา่ นั้นจึงจะรักษาทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดนิ ไวไ้ ด้ ด้วยพระบารมีขององคพ์ ระมหากษัตริย์และ เจ้าฟ้านักอนุรักษ์ จะสามารถปกป้องคุ้มครองธรรมชาติท่ีมีชีวิตไม่ให้เสื่อมสูญไปได้ และปักรากแห่งพันธุกรรม ของสิ่งมีชีวิต ให้หย่ังลึกลงในพ้ืนท่ีอันอุดมสมบูรณ์ให้สรรพชีวิตยังคงอยู่ในธรรมชาติท้องถ่ินเดิม ปกปัก พันธุกรรมส่ิงมีชีวิตในป่าที่กระจายอยู่ท่ัวประเทศทุกเขตพรรณพฤกษชาติ ปกปักทรัพยากรในพื้นท่ีสนอง พระราชดาริและปกปักโดยเจ้าของพ้ืนท่ี เริ่มต้นด้วยการทาขอบเขตพ้ืนท่ีปกปักพันธุกรรมพืช สารวจทารหัส ประจาต้นไม้ รหัสพิกัด เพื่อรวบรวมฐานข้อมูลในพื้นท่ีของ อพ.สธ. และหน่วยงานที่ร่วมสนองพระราชดาริ สารวจทารหัสพิกัด และค่าพิกัดของทรัพยากรธรรมชาติท่ีนอกเหนือจากพันธุกรรมพืช ทั้งสัตว์ จุลินทรีย์ ตลอดจนทรัพยากรทางกายภาพ สารวจและเกบ็ ข้อมลู วฒั นธรรมภมู ิปญั ญาท้องถ่ินต่าง ๆ ท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั การใช้ ทรัพยากรธรรมชาติ และสนับสนุนให้มีอาสาสมัครปกปกั รักษาทรัพยากรในพื้นที่สถานศึกษา ในระดับหมู่บ้าน ตาบล และประชาชนท่ีอยู่รอบ ๆ พื้นท่ีปกปักพันธุกรรมพืช ปัจจุบันมีหน่วยงานท่ีร่วมสนองพระราชดาริใน กิจกรรมปกปัก มากกวา่ 200 หนว่ ยงาน กระจายอยู่ในพ้ืนท่ีทุกจังหวัดทั่วประเทศในทกุ เขตพรรณพฤกษชาติ ครอบคลุมพ้ืนท่รี วมกวา่ 165,000 ไร่ อาทิ พื้นทีเ่ กาะแสมสาร จังหวดั ชลบุรี และเกาะข้างเคยี งของกองทพั เรือ ป่ารอบเขื่อน 12 เขื่อน ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สวนสัตว์เปิดเขาเขียว

๑๑ จังหวัดชลบรุ ี โดยองค์การสวนสตั ว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ เขาวงั เขมรในจังหวดั กาญจนบรุ ี พ้ืนที่รับผดิ ชอบของ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ศูนย์วิจัยและสถานีทดลองของกรมวิชาการเกษตร ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทาให้เกิดความร่วมมือร่วมใจของคนไทยในความพยายามรักษาทรัพยากร ให้คงอยตู่ ามธรรมชาตใิ นท้องถิ่นเดิม เพอ่ื พร้อมสาหรับการนาไปใชป้ ระโยชนอ์ ย่างยัง่ ยนื ในอนาคต ผลการเรยี นรู้ ผลจากการดาเนินกจิ กรรมต้องการให้ผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรมได้ตดิ ตามสถานการณ์การเปล่ียนแปลงของ โลก ท่ีส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เพราะอาจมีผลกระทบต่อการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช และผู้เข้าอบรมได้ ทราบถึงความเป็นมา แนวพระราชดาริ ข้อเท็จจรงิ และสถานการณ์ด้านทรพั ยากรของประเทศไทย ทาให้เกดิ ความ ตระหนักในความสาคญั ทรัพยากรของประเทศไทย ผู้เขา้ อบรมมีความสนใจและมคี วามตั้งใจในการเรยี นรู้ กจิ กรรมท่ี 2 กิจกรรมปลกู รักษาพนั ธุกรรมพชื และสมุนไพรพืน้ ถิน่ (ปลกู ต้นไม)้ วิทยากร : นายวเิ ชยี ร อินต๊ะพรม ปราชญก์ ารเกษตร วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมกี ารปลูกรักษาพนั ธกุ รรมพชื และสมุนไพรพนื้ ถิน่ ภายในพื้นทีข่ องศนู ย์ ศึกษาและพฒั นาชมุ ชนลาปาง เพื่อให้เปน็ แหลง่ รวบรวมพนั ธ์ุทรัพยากรในทอ้ งถนิ่ 2. จดั ทาแผนท่ี ทาพิกดั ทารหสั ประจาต้นพันธกุ รรมพชื และสมนุ ไพรพน้ื ถิ่น และบันทกึ ผลการเจรญิ เติบโต ตลอดจนการสารวจสภาพพ้ืนท่แี ละสร้างสิ่งอานวยความสะดวกในการปฏบิ ัตงิ าน เพือ่ รวบรวมเปน็ ฐานข้อมลู ระยะเวลา ๓ ชัว่ โมง ขอบเขตเนือ้ หา /กจิ กรรม เป็นการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริง มีกิจกรรมปลูกรักษาพันธุกรรมพืชและสมนุ ไพรพื้นถิ่น ในพ้ืนที่ของ ศูนย์ศึกษาและพฒั นาชุมชนลาปาง จานวน ๑๘ ชนิด รวม ๔๗๕ ต้น ดงั น้ี ที่ ชื่อพรรณไม้ จานวน(ตน้ ) 1 ต้นฝร่ังพันธก์ิ มิ จู 40 2 ตน้ รวงผึ้ง 5 3 ตน้ มะนาวพันธต์ าฮิติ 50 4 ต้นคะนา้ แมกซโิ ก 30 5 ตน้ หม่อน 30 6 ต้นขจร 10 7 ต้นเชอร่ี 10 8 ตน้ ชงโค 5 9 ตน้ เสาวรส 20 10 ตน้ มนั ปู 10 11 ตน้ ตะไคร้หอม 50 12 ตน้ มะยงชิด 5 13 ต้นเชียงดา 70

๑๒ ท่ี ชื่อพรรณไม้ จานวน(ต้น) 14 ตน้ จงิ จฉู ่าย 50 15 ตน้ มะเก๋ยี ง 30 16 ต้นมะแขวน่ 30 17 ตน้ มะรุม 10 18 ตน้ แค 20 เทคนคิ /วิธีการ/ขน้ั ตอน 1. บรรยายประกอบสือ่ power point การปลกู และการดูแลตน้ ไม้แตล่ ะชนดิ 2. เตรียมวัสดุอุปกรณ์ เคร่ืองมอื ขุดดิน เชน่ จอบ เสยี ม พล้ัว วัสดุบารุงดนิ ยาป้องกนั โรค/แมลง เช่น ดนิ ดา ปุย๋ คอก ปยุ๋ อนิ ทรยี ์ ยารองกน้ หลมุ พนั ธุ์พืชและสมนุ ไพรพืน้ ถนิ่ สาหรบั การปลกู ต้นไม้ 3. ลงพนื้ ที่ปลูกตน้ ไม้ตามที่ไดว้ างแผนไว้ ผลการเรยี นรู้ กิจกรรม ปลูกรักษาพันธุกรรมพืชและสมุนไพรพ้ืนถ่ิน (ปลูกต้นไม้) ทาให้ผู้เข้าอบรมฯมีทักษะใน เลือกพืน้ ท่ปี ลูก การปลูก ดแู ล บารงุ รกั ษา การใชป้ ระโยชน์ จากพันธไุ์ ม้แตล่ ะชนิดอยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม

สว่ นท่ี ๓ การประเมนิ ผลโครงการ การประเมินผลโครงการเสริมสร้างศักยภาพทุนชุนชุมชนตามแนวพระราชดาริ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ผลการจัดเก็บข้อมูลจาก แบบสอบถาม พบว่า ผู้เข้าอบรมทั้งหมด จานวน ๔๐ คน ตอบแบบประเมิน จานวน ๓๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๙๗.๕๐ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม SPSS for Window เพื่อหาค่าความถ่ี ร้อยละ และค่าเฉลี่ย โดยเกณฑ์การ ประเมนิ ผล แบ่งออกเปน็ ๕ ระดับคือ มากท่ีสดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยทีส่ ุด โดยมีเกณฑ์การแปลคา่ คะแนน ดังนี้ คะแนนเฉล่ีย ๔.๕๑ – ๕.๐๐ หมายถงึ ระดบั ความคิดเหน็ /ความพึงพอใจมากที่สุด คะแนนเฉล่ีย ๓.๕๑ – ๔.๕๐ หมายถึง ระดับความคิดเห็น/ความพึงพอใจมาก คะแนนเฉลีย่ ๒.๕๑ – ๓.๕๐ หมายถงึ ระดบั ความคดิ เห็น/ความพึงพอใจปานกลาง คะแนนเฉลยี่ ๑.๕๑ – ๒.๕๐ หมายถงึ ระดับความคิดเห็น/ความพึงพอใจนอ้ ย คะแนนเฉลีย่ ๑.๐๐ – ๑.๕๐ หมายถงึ ระดับความคดิ เหน็ /ความพึงพอใจน้อยทีส่ ุด ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง ดาเนินการฝึกอบรมโครงการเสริมสร้างศักยภาพทุนชุนชุมชนตามแนว พระราชดาริ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราช กุมารี (อพ.สธ.) จานวน ๑ รุ่น ในวันท่ี ๒๕ กันยายน ๒๕๖๑ กลุ่มเป้าหมายได้แก่ เจ้าหน้าท่ี ศพช.ลาปาง จานวน ๑๐ คน และ ประชาชนพน้ื ทใี่ กลเ้ คยี ง จานวน ๓๐ คน โดยมีจานวนผู้ตอบแบบประเมนิ ๓๙ คน แสดงตาราง ดังน้ี ส่วนที่ 1 ขอ้ มูลทั่วไป เพศ หญิง ชาย ชาย ๔๘.๗๑ % ๕๑.๒๘ % หญงิ เพศชาย จานวน ๒๐ คน (ร้อยละ ๕๑.๒๘) เพศหญิง จานวน ๑๙ คน (รอ้ ยละ ๔๘.๗๑)

๑๕ อายุ ๒๐ ๑๕ ๑๐ อายุ ๕ ๐ อายตุ ่ากวา่ ๓๑ ปี จ่านวน ๒ คน (ร้อยละ ๕.๑๒) อายรุ ะหว่าง ๓1 – 35 ปี จ่านวน ๑ คน (ร้อยละ ๒.๕๖) อายรุ ะหวา่ ง 36 – 40 ปี จ่านวน ๒ คน (ร้อยละ ๕.๑๒) อายุระหว่าง 41 – 45 ปี จ่านวน ๑ คน (รอ้ ยละ ๒.๕๖) อายุระหว่าง 46 – 50 ปี จ่านวน ๘ คน (ร้อยละ ๒๐.๕๑) อายุระหว่าง 51 – 55 ปี จ่านวน ๓ คน (ร้อยละ ๗.๖๙) อายุระหว่าง 56 –60 ปี จ่านวน ๓ คน (รอ้ ยละ ๗.๖๙) อายุ 60 ปีขน้ึ ไป จา่ นวน ๑๙ คน (ร้อยละ ๔๘.๗๑) การศกึ ษา ระดบั การศกึ ษา 20 จานวน ๕ คน (รอ้ ยละ ๑๒.๘๒) จานวน ๑๘ คน (รอ้ ยละ ๕๘.๙๗) 15 10 5 0 ระดบั ตา่ กว่าประถมศึกษา ระดับประถมศึกษา

๑๖ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จานวน ๕ คน (รอ้ ยละ ๑๒.๘๒) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน ๔ คน (ร้อยละ ๑๐.๒๕) ระดบั ปรญิ ญาตรี จานวน ๕ คน (รอ้ ยละ ๑๒.๘๒) ระดับปรญิ ญาโท จานวน ๑ คน (ร้อยละ ๒.๕๖) ระดบั อืน่ ๆ (ปวช., ปวส.) จานวน ๑ คน (รอ้ ยละ ๒.๕๖) ผู้ตอบแบบประเมินแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับความรู้ความเข้าใจด้านวิชาการ การนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ความพึงพอใจต่อการบริหารโครงการ และให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุง หลกั สตู รดงั น้ี สว่ นที่ ๒ ความคดิ เห็นตอ่ โครงการ ๒.1 การบรรลุวัตถปุ ระสงค์ของโครงการ วัตถปุ ระสงค์ มากทีสุด ระดบั การบรรลุวตั ถปุ ระสงค์ น้อยทีสุด การแปร มาก ปานกลาง น้อย คา่ เฉลีย ผล ๑.เพื่อสนองพระราชดารใิ นโครงการอนรุ ักษ์ ๒๓ 0 ๔.๕๖ มากทสี ดุ พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเดจ็ (๕๘.๙๗%) ๑๕ ๑ 0 (๐.๐๐%) พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (๓๘.๔๖%) (๒.๕๖%) (๐.๐๐%) ๔.๓๓ มาก (อพ.สธ) ๑๕ 0 ๒.เพ่อื ให้ จนท. และประชาชนในพ้ืนทร่ี อบ ศพช. (๓๘.๔๖%) ๒๒ ๒ 0 (๐.๐๐%) ลาปาง มคี วามรู้ ความเข้าใจ ในโครงการอนรุ กั ษ์ (๕๖.๔๑%) (๕.๑๒%) (๐.๐๐%) พนั ธกุ รรมพืชอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดารฯิ ๓.เพื่อส่งเสรมิ ให้ ศพช.ลาปาง มคี วามพรอ้ มและ ๒๐ ๑๗ ๒00 ๔.๔๖ มาก มีศักยภาพรองรับการเปน็ แหล่งเรยี นร้พู นั ธกุ รรม (๕๑.๒๘%) (๔๓.๕๘%) (๕.๑๒%) (๐.๐๐%) (๐.๐๐%) พชื และสมนุ ไพรถนิ่ ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ภาพรวม 4.๔๕ มาก จากตารางท่ี ๒.๑ พบว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรม แสดงความคิดเห็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ของหลักสูตร จากผู้ตอบแบบสอบถาม จานวน ๓๙ คน ภาพรวมอย่ใู นระดบั มาก คา่ เฉลยี่ ๔.๔๕ แยกเปน็ รายประเดน็ ตามลลาดับคะแนนได้ดังนี้ ๑. เพือสนองพระราชดา่ ริในโครงการอนรุ กั ษ์พันธุกรรมพชื อันเนืองมาจากพระราชดา่ ริ สมเดจ็ พระเทพ รัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี มีการบรรลุวัตถุประสงค์ในระดับมากทสี ดุ ค่าเฉลีย ๔.๕๖ ๒. เพือสง่ เสรมิ ให้ ศพช.ล่าปาง มีความพร้อมและมีศกั ยภาพรองรบั การเป็นแหลง่ เรียนรู้พันธุกรรมพชื และสมุนไพร ถินได้อย่างมีประสิทธภิ าพ มกี ารบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ในระดบั มาก ค่าเฉลยี ๔.๔๖ ๓. เพือให้ จนท. และประชาชนในพื้นทีรอบ ศพช.ล่าปาง มีความรู้ ความเข้าใจ ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนืองมาจากพระราชดา่ รฯิ มีการบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ในระดับมาก ค่าเฉลีย ๔.๓๓

๑๗ ๒.๒ ความรคู้ วามเขา้ ใจและทกั ษะทางวิชาการ ๒.๒.๑ ความรคู้ วามเข้าใจและทักษะ (กอ่ นการฝึกอบรม) หัวขอ้ วิชา มากทีสุด ระดับความรู้ความเขา้ ใจ น้อยทีสุด คา่ เฉลีย การ มาก ปานกลาง นอ้ ย แปลผล 1.ตามรอยเท้าพอ่ ๒๐ 0 ๔.๓๑ ๒.กจิ กรรมแห่งการอนรุ กั ษแ์ ละปกปักเพือรักษา (๕๑.๒๘%) ๑๑ ๘ 0 (๐.๐๐%) ๔.๑๒ มาก (๒๘.๒๐%) (๒๐.๕๑%) (๐.๐๐%) ๑๔ 0 ๔.๒๒ มาก (๓๕.๘๙%) ๑๖ ๙ 0 (๐.๐๐%) (๔๑.๐๒%) (๒๓.๐๗%) (๐.๐๐%) มาก ภาพรวม จากตารางที ๒.๒.๑ พบวา่ ก่อนเข้าร่วมโครงการ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจด้านวิชาการในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลีย ๔.๒๒ และเมอื พิจารณารายวิชาพบวา่ ผู้เข้ารับการฝกึ อบรมมคี วามรู้ความเขา้ ใจในหวั ขอ้ วิชาตามล่าดบั ดังน้ี ๑. วชิ าตามรอยเท้าพ่อ มีความรคู้ วามเขา้ ใจในระดับมาก ค่าเฉลีย ๔.๓๑ ๒. วิชากจิ กรรมแหง่ การอนรุ ักษ์และปกปักเพือรักษา มคี วามรู้ความเข้าใจในระดบั มาก คา่ เฉลีย ๔.๑๒ ๒.๒.๒ ความร้คู วามเขา้ ใจและทักษะ (หลังการฝึกอบรม) หวั ขอ้ วิชา ระดบั ความรู้ความเข้าใจ ค่าเฉลยี การ แปลผล 1.ตามรอยเท้าพอ่ มากทสี ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยทสี ดุ ๒.กิจกรรมแหง่ การอนรุ กั ษแ์ ละปกปักเพอื รักษา ๒๔ ๑๔ ๑ 0 0 4.๕๘ มากทสี ดุ (๖๑.๕๔%) (๓๕.๘๙%) (๒.๕๖%) (0.00%) (0.00%) ๒๒ ๑๖ ๑ 0 0 4.๕๓ มากทีสดุ (๕๖.๔๑%) (๔๑.๐๒%) (๒.๕๖%) (0.00%) (0.00%) ภาพรวม 4.๕๖ มากทสี ุด จากตารางที ๒.๒.๒ พบวา่ หลังเข้าร่วมโครงการ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจด้านวิชาการในภาพรวมอยู่ในระดับมากทีสุด ค่าเฉลยี ๔.๕๖ และเมอื พจิ ารณารายวชิ าพบว่า ผู้เขา้ รับการฝึกอบรมมคี วามรู้ความเข้าใจในหวั ข้อวชิ าตามล่าดบั ดังนี้ ๑. วิชาตามรอยเท้าพ่อ มีความรูค้ วามเข้าใจในระดับมากทีสดุ คา่ เฉลีย ๔.๕๘ ๒. วชิ ากจิ กรรมแห่งการอนุรักษแ์ ละปกปักเพือรักษา มีความรู้ความเข้าใจในระดับมากทสี ดุ ค่าเฉลีย ๔.๕๓

๑๘ 2.3 ประโยชนข์ องหัวขอ้ วชิ าตอ่ การนาความรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงาน หวั ข้อวิชา ระดับความคิดเห็น คา่ เฉลีย การ แปลผล 1.ตามรอยเทา้ พอ่ มากทสี ดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยทสี ุด ๒.กจิ กรรมแหง่ การอนุรกั ษแ์ ละปกปักเพือรกั ษา ๑๗ ๒๐ ๒ 0 0 4.๓๘ มาก (๔๓.๕๘%) (๕๑.๒๘%) (๕.๑๒%) (0.00%) (0.00%) ๑๕ ๒๒ ๒ 0 0 4.๓๓ มาก (๓๘.๔๖%) (๕๖.๔๑%) (๕.๑๒%) (0.00%) (0.00%) ภาพรวม 4.๓๕ มาก จากตารางที ๒.3 พบว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรมแสดงความคิดเห็นเกียวกับประโยชน์ของหัวข้อวิชาต่อการน่าความรู้ไปปรับใช้ในการ ปฏิบัติงานในแต่ละรายวชิ า โดยในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลีย 4.๓๕ และเมือพิจารณารายวชิ าพบว่า ผู้เขา้ รับการฝึกอบรม มรี ะดบั ความคดิ เห็นในหวั ขอ้ วชิ าตามล่าดับ ดังนี้ ๑. วิชาตามรอยเท้าพ่อ มคี วามรู้ความเข้าใจในระดบั มากทีสุด คา่ เฉลยี ๔.๓๘ ๒. วิชากจิ กรรมแห่งการอนรุ ักษ์และปกปักเพือรักษา มคี วามรคู้ วามเข้าใจในระดบั มากทีสดุ คา่ เฉลีย ๔.๓๓ ๒.4 ความพงึ พอใจตอ่ ภาพรวมของโครงการ หวั ขอ้ มากทสี ดุ ระดบั ความพงึ พอใจ น้อยทสี ุด ค่าเฉลยี การ มาก ปานกลาง นอ้ ย แปลผล ๑.ด้านวทิ ยากร ๑๖ ๑.๑ ความรอบรใู้ นหวั ขอ้ วชิ าของวทิ ยากร (๔๑.๐๒%) ๒๒ ๑ 0 0 ๔.๓๘ มาก (๕๖.๔๑%) (๒.๕๖%) (๐.0๐%) (๐.00%) ๑.๒ วทิ ยากรมีเทคนคิ /วธิ กี ารในการถ่ายทอด ๑๒ ใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย (๓๐.๗๖%) ๒๒ ๕ 0 0 ๔.๑๗ มาก ๑.๓ การใชส้ อื /อุปกรณป์ ระกอบการสอน (๕๖.๔๑%) (๑๒.๘๒%) (๐.0๐%) (๐.00%) เหมาะสม ๑๒ ๒.ด้านเจา้ หน้าที ทีใหบ้ รกิ าร (๓๐.๗๖%) ๒๐ ๗ 0 0 ๔.๑๒ มาก ๒.๑ กิรยิ ามารยาท การแต่งกายเหมาะสม (๕๑.๒๘%) (๑๗.๙๔%) (๐.0๐%) (๐.๐๐%) ๒.๒ เจ้าหนา้ ทีกระตือรอื ร้นเตม็ ใจให้บรกิ าร ๑๙ (๔๘.๗๑%) ๑๘ ๒ 0 0 ๔.๔๓ มาก ๓.ด้านสถานทีและสิงอ่านวยความสะดวก (๔๖.๑๕%) (๕.๑๒%) (๐.0๐%) (๐.0๐%) ๔.๔๖ มาก ๓.๑ ขนาดหอ้ งประชมุ /หอ้ งบรรยาย ๒๒ เหมาะสมกับจา่ นวนผเู้ ข้าร่วมโครงการ (๕๖.๔๑%) ๑๓ ๔ 0 0 ๓.๒ โสตทัศนปู กรณ์ทันสมยั /เหมาะสม (๓๓.๓๓%) (๑๐.๒๕%) (๐.0๐%) (๐.๐๐%) ๒๐ (๕๑.๒๘%) ๑๗ ๒ 0 0 ๔.๔๖ มาก (๔๓.๕๘%) (๕.๑๒%) (๐.0๐%) (๐.0๐%) ๑๕ (๓๘.๔๖%) ๒๒ ๒ 0 ๐ 4.๓๓ มาก (๕๖.๔๑%) (๕.๑๒%) (๐.0๐%) (๐.๐๐%)

๑๙ ๓.๓ เอกสารประกอบการฝกึ อบรมทที าง ๑๑ ๒๑ ๗ 0 ๐ 4.๑๐ มาก โครงการจดั ให้ (๒๘.๒๐%) (๕๓.๘๔%) (๑๗.๙๔%) (๐.0๐%) (๐.๐๐%) 4.๓๓ 4.๕๑ มาก ๓.๔ อาหารและอาหารว่าง/เครอื งดืม ๑๓ ๒๖ 0 0 ๐ มาก เหมาะสม ทั้งปริมาณและคณุ ภาพ (๓๓.๓๓%) (๖๖.๖๖%) (๐.0๐%) (๐.0๐%) (๐.๐๐%) 4.๓๓ ทสี ุด 3.๕ สถานทีเหมาะสม ๒๐ ๑๙ ๐ ๐ ๐ มาก (๕๑.๒๘%) (๔๘.๗๑%) (๐.๐๐%) (๐.๐๐%) (๐.๐๐%) ภาพรวม จากตารางที ๒.4 พบวา่ ผ้เู ขา้ รบั การฝกึ อบรมมคี วามพึงพอใจภาพรวมของโครงการอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลีย ๔.๓๓ โดยสามารถจ่าแนกเป็น รายประเดน็ ได้ดงั น้ี ๑. ดา้ นวทิ ยากร โดยเรียงลา่ ดับตามระดบั ความพึงพอใจได้ดังนี้ ๑.๑ ความรอบร้ใู นหวั ข้อวชิ าของวทิ ยากร พงึ พอใจในระดับมาก ค่าเฉลยี ๔.๓๘ ๑.๒ วทิ ยากรมเี ทคนคิ /วิธีการในการถ่ายทอดใหเ้ ขา้ ใจง่าย พงึ พอใจในระดบั มาก คา่ เฉลยี ๔.๑๗ 1.๓ การใชส้ อื /อุปกรณป์ ระกอบการสอนเหมาะสม พงึ พอใจในระดบั มาก ค่าเฉลีย ๔.๑๒ ๒. ดา้ นเจา้ หนา้ ที ทใี หบ้ รกิ าร โดยเรียงลา่ ดับตามระดับความพึงพอใจไดด้ ังน้ี ๒.๑ เจ้าหน้าทกี ระตือรือรน้ เตม็ ใจใหบ้ ริการ ผู้เข้ารบั การอบรมพงึ พอใจในระดับมาก ค่าเฉลีย ๔.๔๖ ๒.๒ กริ ิยามารยาท การแต่งกายเหมาะสม พึงพอใจในระดับมาก ค่าเฉลยี ๔.๔๓ ๓. ด้านสถานทีและสงิ อ่านวยความสะดวก โดยเรยี งล่าดับตามระดับความพงึ พอใจได้ดังน้ี ๓.๑ สถานทเี หมาะสม พึงพอใจในระดับมากทสี ุด ค่าเฉลีย ๔.๕๑ ๓.๒ ขนาดหอ้ งประชมุ /หอ้ งบรรยายเหมาะสมกับจ่านวนผเู้ ข้ารว่ มโครงการ พงึ พอใจในระดบั มาก คา่ เฉลีย 4.๔๖ ๓.๓ โสตทศั นูปกรณ์ทนั สมยั /เหมาะสม พอใจในระดบั มาก ค่าเฉลีย ๔.๓๓ ๓.๔ อาหารและอาหารว่าง/เครืองดืมเหมาะสม ทัง้ ปรมิ าณและคุณภาพ พึงพอใจในระดบั มาก ค่าเฉลีย ๔.๓๓ ๓.๕ เอกสารประกอบการฝกึ อบรมทีทางโครงการจดั ให้ พงึ พอใจในระดบั มาก คา่ เฉลีย ๔.๑๐ ข้อคิดเหน็ และข้อเสนอแนะ - ศนู ยฯ์ ลาปาง ควรเพ่ิมหลักสตู รในแนวทางแบบโครงการน้ีให้มากขึ้น - ควรใหค้ วามรู้เฉพาะเรื่องท่ีชัดแจ้งมากกวา่ นี้ ใหส้ ามารถไปปฏิบตั ิตามได้ - เปน็ โครงการท่ีเหมาะสม เข้ากบั ชมุ ชน และควรจัดโครงการแบบนตี้ ่อไป - ต้องการให้มีการส่งเสรมิ ด้านการตลาดของสินคา้ ในชุมชน - การทาโครงการควรเน้นใหเ้ กิดผลระยะยาว และยั่งยนื

ภาคผนวก - ประมวลภาพการฝกึ อบรม - ทะเบียนรายชอ่ื ผู้เขา้ อบรม - ตารางการฝกึ อบรม

ประมวลภาพการดาเนินกิจกรรม โครงการเสรมิ สรา้ งศักยภาพทนุ ชมุ ชนตามแนวพระราชดาริโครงการอนุรกั ษพ์ ันธกุ รรมพชื อันเน่อื งมาจาก พระราชดาริ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 วนั ท่ี 25 กนั ยายน ๒๕๖1 ณ ศูนย์ศกึ ษาและพฒั นาชุมชนลาปาง

ประมวลภาพการฝกึ อบรม โครงการเสริมสร้างศักยภาพทนุ ชุมชนตามแนวพระราชดาริโครงการอนรุ ักษพ์ นั ธกุ รรมพชื อนั เนือ่ งมาจาก พระราชดาริ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 วนั ท่ี 25 กนั ยายน ๒๕๖1 ณ ศูนย์ศกึ ษาและพัฒนาชมุ ชนลาปาง

ประมวลภาพการฝึกอบรม โครงการเสรมิ สรา้ งศักยภาพทนุ ชมุ ชนตามแนวพระราชดาริโครงการอนุรักษพ์ นั ธุกรรมพืชอนั เนือ่ งมาจาก พระราชดาริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 วันท่ี 25 กันยายน ๒๕๖1 ณ ศนู ยศ์ ึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง

ประเภทเอกสาร เอกสารรายงานผลการดาเนนิ งาน ลักษณะเอกสาร อัดสาเนาเย็บเลม่ จานวนหนา้ 31 หนา้ ชอื่ เอกสาร สรปุ ผลการดาเนินงานกิจกรรมโครงการเสรมิ สรา้ งศักยภาพทนุ ชุมชน พระราชดาริ โครงการอนรุ ักษ์พนั ธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ประจาปี 2561 ที่ปรกึ ษา นายวศิ ิษฏ์ บญุ ญาววิ ัฒน์ ผ้อู านวยการศนู ย์ศึกษาและพัฒนาชมุ ชนลาปาง คณะผู้จดั ทา นางสาวณัฐกฤตา ชัยตูม นกั ทรัพยากรบคุ คลปฏบิ ตั ิการ นางดวงธดิ า อานาจผูก นกั วิชาการพฒั นาชุมชนชานาญการ นางอัญชลี ปง่ แกว้ นกั ทรพั ยากรบคุ คลชานาญการ นายเกรยี งไกร สงิ หแ์ กว้ นักทรพั ยากรบคุ คลชานาญการ นางวภิ าดา วิบลู ย์พันธ์ นักทรัพยากรบคุ คลชานาญการ นายไกรฤกษ์ มูลเมอื ง นักวิชาการพัฒนาชุมชนชานาญการ นางอรุณศรี เดชะเทศ นกั จัดการงานทัว่ ไปชานาญการ ว่าท่ี ร.ต.ชยั ณรงค์ บวั คา นกั ทรัพยากรบคุ คล ประเมนิ ผล นายณฐั นิช รักขติวงศ์ นักทรพั ยากรบุคคลปฏบิ ตั กิ าร รวบรวม/พิมพ/์ เรียบเรียง นางสาวณัฐกฤตา ชยั ตูม นักทรพั ยากรบุคคลปฏบิ ัตกิ าร นายเกรียงไกร สิงหแ์ กว้ นักทรพั ยากรบุคคลชานาญการ ออกแบบปก ว่าที่ ร.ต.ชัยณรงค์ บวั คา นักทรัพยากรบคุ คล ปที ี่พิมพ์ ตลุ าคม ๒๕๖1 แหล่งเผยแพร่ สถาบันการพฒั นาชมุ ชน /สานักพฒั นาทนุ และองค์กรการเงนิ ชมุ ชน กลุ่มงานพัฒนา ทุนชุมชนตามแนวพระราชดาริ/ ศูนยศ์ กึ ษาและพัฒนาชุมชนลาปาง จานวน 3 เลม่ จัดพมิ พ์โดย ศนู ยศ์ กึ ษาและพัฒนาชมุ ชนลาปาง อาเภอเมืองลาปาง จังหวัดลาปาง โทรศัพท์ ๐๕๔ – ๘๒๙ – ๗๖๘ โทรสาร ๐๕๔ – ๘๒๙ – ๘๐๘ ---------------------------------------------


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook