Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารสรุปผลโครงการ มบ.ศกพ.ปี64

เอกสารสรุปผลโครงการ มบ.ศกพ.ปี64

Published by nudyna, 2021-05-20 10:41:22

Description: เอกสารสรุปผลโครงการ มบ.ศกพ.ปี64

Search

Read the Text Version

๙๕  แผนกำรใช้พนื้ ทีเ่ พือ่ กำรเกษตร  บำ้ นดิน  อำคำรอเนกประสงค์ รองรับกำรประชมุ เครอื ข่ำยในพืน้ ที่  อโุ มงค์ต้นไม้  แผนกำรปลกู พชื ผกั สวนครัว  กำรสรำ้ งเครอื ข่ำยชมุ ชน  อน่ื ๆ 4. กำรสรุปแบบ สรุปลงสีให้ชัดเจน ส่วนใดเป็นโคก ส่วนใดเป็นหนอง ส่วนใดเป็นนำ มีรำยละเอียดที่สมบูรณ์ เพื่อนำ ผลงำนกำรออกแบบไปใชใ้ นกำรดำเนินงำนโคก หนอง นำ ในพ้นื ทต่ี อ่ ไป

๙๖ แบบสรปุ ผลกำรประเมนิ รำยวชิ ำฯ วิชำ กำรออกแบบเชิงภูมิสังคมไทย ตำมหลักกำรพัฒนำภูมิสังคมอย่ำงยั่งยืน เพื่อกำรพ่ึงตนเองและ รองรบั ภัยพิบัติ ช่อื วทิ ยำกร นำยเกรยี งไกร สงิ ห์แกว้ นักทรัพยำกรบุคคลชำนำญกำร สว่ นท่ี ๑ ควำมคดิ เหน็ เกี่ยวกับเนื้อหำวิชำ หัวขอ้ ระดบั ควำมคดิ เห็น ค่ำเฉลย่ี กำร 4.53 แปลผล ๑.กำรบรรลุวัตถปุ ระสงคข์ องรำยวชิ ำ มำกที่สดุ มำก ปำนกลำง น้อย นอ้ ยท่ีสุด มำก 156 108 10 0 0 ทส่ี ุด (56.9%) (0.0%) (39.4%) (3.6%) (0.0%) ๒.ควำมชดั เจนของเนอ้ื หำวชิ ำ 155 106 13 0 0 4.51 มำก (56.6%) (38.7%) (4.7%) (0.0%) (0.0%) ทส่ี ุด ๓.ควำมรู้ ทักษะ ที่ได้รบั เพมิ่ เตมิ จำก 159 103 12 0 0 4.53 มำก วชิ ำนี้ (58%) (37.6%) (4.4%) (0.0%) (๐.0%) ท่ีสดุ ๔.ควำมสำมำรถนำไปประยุกต์ใช้ 154 106 14 0 0 4.51 มำก (56.2%) (38.7%) (5.1%) (0.0%) (0.0%) ทส่ี ดุ ภำพรวม 4.52 มำก ที่สุด จำกตำรำงท่ี ๑ ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 274 คน แสดงควำมคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหำวิชำกำรออกแบบเชิงภูมิ สังคมไทย ตำมหลักกำรพัฒนำภูมิสังคมอย่ำงยั่งยืน เพื่อกำรพึ่งตนเองและรองรับภัยพิบัติ โดยภำพรวมอยู่ใน ระดบั มำกที่สดุ คำ่ เฉล่ีย 4.52 โดยแยกพจิ ำรณำตำมลำดับควำมพงึ พอใจได้ ดงั นี้ 1. กำรบรรลุวตั ถุประสงคข์ องรำยวิชำ ระดบั มำกท่สี ดุ คำ่ เฉลีย่ 4.53 2. ควำมชัดเจนของเนอ้ื หำวชิ ำ ระดบั มำกที่สดุ คำ่ เฉลีย่ 4.51 3. ควำมรู้ ทกั ษะ ทไ่ี ด้รับเพ่มิ เติมจำกวิชำน้ี ระดับมำกท่ีสุด ค่ำเฉลี่ย 4.53 4. ควำมสำมำรถนำไปประยุกต์ใช้ ระดบั มำกทีส่ ุด คำ่ เฉลี่ย 4.51 ส่วนที่ ๒ ควำมพงึ พอใจต่อวทิ ยำกร หวั ข้อ ระดบั ควำมพงึ พอใจ ค่ำเฉลี่ย กำร 4.53 แปลผล ๑.ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอด/ มำกท่ีสุด มำก ปำนกลำง น้อย น้อยทสี่ ดุ บรรยำย มำก 160 100 14 0 0 ที่สุด (58.4%) (0.0%) (36.5%) (5.1%) (0.0%) ๒.เทคนคิ และวธิ ีกำรทใี่ ช้ในกำรถำ่ ยทอด 150 106 18 0 0 4.48 มำก ควำมรู้ (54.7%) (38.7%) (6.6%) (0.0%) (0.0%) ๓.กำรเปดิ โอกำสใหซ้ กั ถำม แสดงควำม 149 109 15 1 0 4.48 มำก คดิ เห็น (54.4%) (39.8%) (5.5%) (0.3%) (๐.0%) ๔.กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรยี นรู้ 152 108 13 0 0 4.50 มำก (55.5%) (39.4%) (4.7%) (0.0%) (๐.0%) ๕.บคุ ลิกภำพ (กำรแตง่ กำย ทำ่ ทำง 148 105 20 0 0 4.46 มำก นำ้ เสียง ฯลฯ) (54%) (38.3%) (7.3%) (0.0%) (๐.๐%) ภำพรวม 4.49 มำก

๙๗ จำกตำรำงท่ี 2 ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 274 คน แสดงควำมพึงพอใจต่อวิทยำกรในวิชำกำรออกแบบเชิงภูมิ สังคมไทย ตำมหลักกำรพัฒนำภูมิสังคมอย่ำงยั่งยืน เพื่อกำรพ่ึงตนเองและรองรับภัยพิบัติ โดยภำพรวมอยู่ใน ระดับ มำก ค่ำเฉล่ีย 4.49 โดยแยกพจิ ำรณำเปน็ รำยประเดน็ ตำมลำดบั ไดด้ ังนี้ 1. ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอด/บรรยำย ระดับมำกทสี่ ุด คำ่ เฉล่ีย 4.53 2. เทคนิคและวธิ ีกำรท่ใี ชใ้ นกำรถำ่ ยทอดควำมรู้ ระดับมำก คำ่ เฉลี่ย 4.48 3. กำรเปิดโอกำสให้ซกั ถำม แสดงควำมคิดเหน็ ระดับมำก คำ่ เฉลย่ี 4.48 4. กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรียนรู้ ระดบั มำก คำ่ เฉล่ีย 4.50 5. บุคลกิ ภำพ (กำรแต่งกำย ทำ่ ทำง น้ำเสียง ฯลฯ) ระดบั มำก ค่ำเฉลย่ี 4.46 สง่ิ ทที่ ำ่ นประทบั ใจในวิทยำกรทำ่ นนค้ี อื - ชอบนนั ทนำกำร - สำมำรถนำควำมรกู้ ลบั ไปใช้ในพนื้ ท่ี - วิทยำกรใหค้ วำมเปน็ กนั เองดี - บรรยำยดี - ทมุ่ เทกับกจิ กรรมและมีสว่ นร่วมดี - เขำ้ ใจอธบิ ำยชัดเจน - กำรถำ่ ยทอดมองเหน็ ภำพเสมือนจริง - สภุ ำพ สอนเขำ้ ใจ - เกดิ กำรมีควำมสุขสำมัคคี - มีมนุษย์สมั พันธด์ ี ทุ่มเท - ทำให้เขำ้ ใจยิง่ ขึน้ สง่ิ ทว่ี ทิ ยำกรควรปรบั ปรุงคือ - เรื่องกำรส่อื สำร ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม อน่ื ๆ - เร่อื งกำรสอื่ สำร

๙๘ 11. วิชำ ฝกึ ปฏิบตั กิ ำรสรำ้ งหนุ่ จำลอง(กระบะทรำย)กำรจดั กำรพน้ื ทต่ี ำมหลกั ทฤษฎใี หมป่ ระยกุ ต์ สู่ โคก หนอง นำ โมเดล วิทยำกร นำยเกรียงไกร สิงหแ์ กว้ นักทรพั ยำกรบคุ คลชำนำญกำร นำงสำวศรัญยำ ปำปลูก นกั ทรพั ยำกรบุคคลปฏบิ ัติกำร วตั ถปุ ระสงค์ 1. ให้ผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรมมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจกำรออกแบบกำรจัดกำรพื้นท่ีเชิงภูมิสังคมไทย อย่ำงยง่ั ยนื เพ่ือกำรพงึ่ ตนเองและรองรับภยั พิบัติ “โคก หนองนำ โมเดล” 2. ใหผ้ ้เู ข้ำรบั กำรฝึกอบรม ไดฝ้ ึกปฏบิ ัติกำรออกแบบพน้ื ท่ีบนโตะ๊ ทรำย 3. สร้ำงแรงบันดำลใจในกำรดำเนินชีวิตด้วยหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง โดยเรียนรู้จำก ประสบกำรณ์จริง และกำรถ่ำยทอดปจั จัยควำมสำเรจ็ ระยะเวลำ จำนวน 5 ชัว่ โมง ขอบเขตเนอ้ื หำ 1. กำรฝึกปฏิบัติกำรสร้ำงหุ่นจำลอง(กระบะทรำย)กำรจัดกำรพ้ืนท่ีตำมหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นำ โมเดล 2. นำเสนอในแต่ละประเด็นเนื้อหำ ฝึกปฏิบัติสร้ำงหุ่นจำลองกำรจัดกำรพ้ืนท่ีตำมหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นำ โมเดล” 3. กิจกรรมเวทีเสวนำ “สืบสำนศำสตรพ์ ระรำชำ สกู่ ำรพัฒนำทย่ี ั่งยืน” เทคนคิ / วธิ กี ำร/กระบวนกำร บรรยำยประกอบสอื่ ฝกึ ปฏิบัติ นำเสนอผลงำน เวทเี สวนำ ข้ันตอน/กำรดำเนนิ กำร 1. กำรฝึกปฏิบัติ กำรสร้ำงหุ่นจำลอง(กระบะทรำย)กำรจัดกำรพ้ืนที่ตำมหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่“โคก หนอง นำ โมเดล” แบ่งเป็น กลุ่ม 4 กลุ่ม ทำกิจกรรมออกแบบขนำดพ้ืนที่ ๑ – ๓ ไร่ของตัวแทนสมำชิกกลุ่มบอกปัญหำ อุปสรรค ข้อจำกัดทุกอย่ำงของกลุ่ม ใหอ้ อกแบบเปล่ียนแปลงได้ ตำมภูมิสังคมและตำมควำมต้องกำรของเจ้ำของแปลง แต่ต้องประหยัดและไม่เปล่ียนโซนของเดิมมำกเกินไป มเี วลำฝกึ ปฏิบัติ 2 ช่ัวโมง

๙๙ 2. วิทยำกรมอบหมำยงำน โดยให้ผู้เข้ำ อบรมแบ่งกลุ่มพร้อมนำเสนอในแต่ละประเด็น เนื้อหำ ฝึกปฏิบัติสร้ำงหุ่นจำลองกำรจัดกำรพ้ืนที่ ตำมหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นำ โมเดล” 3. วิทยำกรสรปุ โคก-หนอง-นำ โมเดล คือ กำรจดั กำรพน้ื ทีซ่ ึ่งเหมำะกับพ้ืนท่ีกำรเกษตร ซง่ึ เป็น ผสมผสำนเกษตรทฤษฎีใหม่ เข้ำกับภูมิปัญญำ พ้ืนบ้ำนที่อยู่อย่ำงสอดคล้องกับธรรมชำติในพ้ืนท่ีน้ัน ๆ โคก หนอง นำ โมเดล เป็นกำรที่ให้ธรรมชำติจัดกำรตัวมันเองโดยมี มนุษย์เป็นส่วนส่งเสริมให้มันสำเร็จเร็ว ขึ้นอยำ่ งเป็นระบบ โคก-หนอง-นำ โมเดล มีองค์ประกอบดงั นี้ ๑. โคก: พื้นทส่ี งู - ดินท่ีขุดทำหนองน้ำน้ันให้นำมำทำโคก บนโคกปลูก \"ปำ่ 3 อย่ำง ประโยชน์ 4 อย่ำง” ตำมแนวทำงพระรำชดำริ - ปลูกพืช ผัก สวนครัว เลี้ยงหมู เล้ียงไก่ เลี้ยงปลำ ทำ ให้พออยู่ พอกิน พอใช้ พอร่มเย็น เป็นเศรษฐกิจพอเพียงขั้น พ้ืนฐำน ก่อนเข้ำสู่ขั้นก้ำวหน้ำ คือ ทำบุญ ทำทำน เก็บรักษำ ค้ำขำยและเชื่อมโยงเป็นเครือข่ำย ปลูกที่อยู่อำศัยให้สอดคล้อง กับสภำพภมู ปิ ระเทศ และภมู ิอำกำศ 2. หนอง: หนองน้ำหรอื แหล่งน้ำ - ขดุ หนองเพ่อื กกั เก็บน้ำไว้ใช้ยำมหนำ้ แลง้ หรอื จำเปน็ และเป็นที่รับนำ้ ยำมน้ำทว่ ม(หลมุ ขนมครก) - ขุด \"คลองไส้ไก่” หรือคลองระบำยน้ำรอบพื้นท่ีตำมภูมิปัญญำชำวบ้ำน โดยขุดให้คดเค้ียวไปตำม พืน้ ทเ่ี พ่อื ให้น้ำกระจำยเตม็ พืน้ ที่เพ่ิมควำมชุ่มช้นื ลดพลังงำนในกำรรดน้ำต้นไม้ - ทำฝำยทดน้ำ เพ่ือเก็บน้ำเข้ำไว้ในพ้ืนท่ีให้มำกที่สุด โดยเฉพำะเม่ือพื้นที่โดยรอบไม่มีกำรกักเก็บน้ำ นำ้ จะหลำกลงมำยังหนองนำ้ และคลองไส้ไก่ ใหท้ ำฝำยทดน้ำเกบ็ ไว้ใช้ยำมหนำ้ แลง้ - พฒั นำแหล่งนำ้ ในพื้นท่ี ทง้ั กำรขดุ ลอก หนอง คู คลอง เพ่อื กักเก็บน้ำไว้ใช้ยำมหนำ้ แล้งและเพิ่มกำร ระบำยน้ำยำมนำ้ หลำก 3. นำ - พ้ืนท่นี ำนั้นให้ปลกู ขำ้ วอนิ ทรียพ์ ืน้ บำ้ น โดยเร่มิ จำกกำรฟืน้ ฟูดนิ ดว้ ยกำรทำเกษตรอินทรยี ย์ ่ังยนื คืน ชีวิตเล็ก ๆ หรือจุลินทรีย์กลับคืนแผ่นดินใช้กำรควบคุมปริมำณน้ำในนำเพื่อคุมหญ้ำทำให้ปลอดสำรเคมีได้ ปลอดภัยทง้ั คนปลูก คนกิน - ยกคนั นำให้มีควำมสูงและกว้ำง เพอ่ื ใช้เป็นทรี่ ับน้ำยำมน้ำทว่ ม ปลูกพชื อำหำรตำมคันนำ

๑๐๐ 4. กจิ กรรมเวทเี สวนำ “สบื สำนศำสตรพ์ ระรำชำ สกู่ ำรพฒั นำทยี่ ง่ั ยนื ” 1. พิธีกร(นำงสำวศรัญยำ ปำปลูก) กล่ำวเกริ่นนำเข้ำสู่ กิจกรรมเวทีเสวนำ “สืบสำนศำสตร์พระรำชำ สู่กำรพัฒนำที่ย่ังยืน” 2. พิธกี รแนะนำประวตั ิผูเ้ ข้ำร่วมเวทีเสวนำ ท้ัง 2 ท่ำน 3. อธิบำยรูปแบบกำรดำเนินกิจกรรมในลักษณะพูดคุยและ แลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่ำงเป็นกันเอง โดยพิธีกรเป็นผู้ต้ังคำถำมแต่ละ ประเด็นคำถำม ผู้เข้ำร่วมเวทีเสวนำท้ัง 2 ท่ำน จะพูดคุยและ แลกเปล่ียนเรียนรู้ ประมำณคนละ 20 นำที โดยประเด็นคำถำมมี 3 ประเดน็ ดังนี้ 1) ควำมเปน็ มำของท่ำนก่อนเขำ้ ร่วมโครงกำรน้ี อะไรคือจดุ เปลี่ยน ? 2) ท่ำนมีแนวทำงกำรทำงำนหรือแนวคิดในกำรขับเคลื่อนหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงในพ้ืนท่ี อยำ่ งไร , กำรออกแบบและพฒั นำพน้ื ที่ ในรูปแบบ “โคก หนอง นำ โมเดล” 3) อนำคตคดิ ว่ำท่ำนจะทำอะไรต่อไป หลงั เสร็จสนิ้ จำกกำรฝกึ อบรมในครัง้ น้ี 4. ช่วงท้ำยเปิดเวทีให้ผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรมได้มีโอกำสซักถำมและแลกเปล่ียนเรียนรู้เพิ่มเติม ประมำณ 10นำที ผลกำรเรยี นรู้ จำกสถำนกำรณ์ที่เกิดข้ึน ทั้งกำรแพร่ระบำดของโรค ภำวะเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหำทำงสังคม กำรเมือง และ ปญั หำทำงด้ำนทรัพยำกรและสงิ่ แวดล้อมท่ีกำลังเสื่อมโทรม ทำใหเ้ กิดวกิ ฤตกำรณ์ภัยธรรมชำติ เชน่ นำ้ ทว่ ม ภยั แลง้ มลพิษ ทำงอำกำศ รวมถึงกำรขำดแคลนควำมม่ันคงทำงอำหำรกับหลำยประเทศ รวมท้ังประเทศไทย พระบำทสมเด็จพระ เจ้ำอยู่หัว ในหลวงรัชกำลที่ 9 พระองค์ได้ทรงพระรำชทำน “หลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นหลักในกำร ชีวติ ดว้ ยทำงสำยกลำง เป็นแนวทำงรอดพ้นวกิ ฤตใหแ้ ก่ประชำชนดำเนินชำวไทย โดยผู้เข้ำร่วมเวทีเสวนำ “สืบสำนศำสตร์พระรำชำ สู่กำรพัฒนำท่ีย่ังยืน” ของโครงกำรพัฒนำหมู่บ้ำน เศรษฐกิจพอเพียง ประจำปีงบประมำณ พ.ศ. 2564 กิจกรรมย่อยที่ 1 สร้ำงและพัฒนำกลไกขับเคลื่อนในระดับพื้นท่ี กิจกรรมย่อยท่ี 1.1 สร้ำงแกน นำขบั เคลื่อนหมบู่ ้ำนเศรษฐกิจพอเพยี ง ร่นุ ที่ 1 - 3 มดี งั นี้ รนุ่ ท่ี 1 1. นำยอำนวย ผัดสัก ผู้นำต้นแบบกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตตำมหลัก ทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นำโมเดล” ตำบลป่ำสัก อำเภอเมืองลำพูน

๑๐๑ จังหวดั ลำพนู ทม่ี กี ำรน้อมนำแนวคดิ ตำมหลักปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพียงมำปรบั ใช้ในกำรบริหำรจัดกำรพ้นื ท่ี จำนวน 7 ไร่ มำขุดเป็นสระกักเก็บน้ำ จำนวน 3 แห่ง แบ่งเป็น พ้ืนที่นำ จำนวน 3 ไร่ พ้ืนที่สวน จำนวน 2 ไร่ โดยปลูกไม้ยืนต้น เช่น พยุง สัก ประดู่ ยำงนำ ไม้ผล เช่น ลำไย กล้วย และพืชผักหลำกหลำยชนิด ซ่ึงผลผลิตท่ีได้จำกกำรทำกำรเกษตร สำมำรถนำมำเป้นแหลง่ อำหำรไว้บริโภค ลดรำยจ่ำยภำยในครัวเรือน และแบ่งปันกันในชุมชนได้ ซ่ึงปัจจัยท่ีทำให้เกดิ ควำมสำเร็จ คือ ต้องมำจำก “ใจ” ท่ีอยำกทำจริง และ “ควำมสุข” ท่ีได้จำกกำรสืบสำน รักษำ และต่อยอดแนว พระรำชดำริของในหลวง รัชกำลที่ 9 และได้เผยแพร่ควำมรู้และแนวคิดให้กับคนในชุมชนและผู้ที่สนใจในกำรเข้ำมำ ศึกษำเรียนรูใ้ นกำรพฒั นำคุณภำพชีวิตดว้ ยหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี ง 2. นำยสมคิด ธีระสิงห์ ประธำนกลุ่ม “สวนสำมแสน” ตำบลล้ี อำเภอล้ี จังหวัดลำพูน มีแนวคิดในกำรน้อมนำหลักปรัชญำของเศรษฐกิจ พอเพียงมำปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ยึดแนวคิด 3 แสน ได้แก่ แสนพอดี แสนคุ้ม แสนภูมิใจ กลำยเปน็ แหล่งเรียนรู้ในชุมชนทส่ี ำมำรถเขำ้ มำเรียนรู้ และสำมำรถนำ ไปปรับใช้ในกำรดำเนินชีวิตของตนเอง ปลูกพืชผักอินทรีย์ผสมผสำนกับ ภูมิ ปัญญำท้องถ่ิน โดยไม่พ่ึงพำสำรเคมี ผลิตปุ๋ยหมักเองเพื่อช่วยลดต้นทุน เพิ่มคุณภำพผลผลิต ตลอดจนมีกำรออกแบบพื้นท่ีตำมภูมิสังคม โดยแบ่งพื้นท่ีสร้ำงฐำนเรียนรู้ “โคก หนอง นำ โมเดล” ภำยในสวนสำมแสน มีกำรขุดหนองเพ่ือกักเก็บน้ำ และทำแปลงนำ เลี้ยงปลำในนำข้ำว มีบ่อกบและปลูกพืชผักบนคันนำ ทองคำ ปรับปรุงป่ำ 5 ระดับ ที่แสดงถึงกำรบริหำรจัดกำรน้ำ กำรใช้ประโยชน์จำกพ้ืนท่ี เพื่อสร้ำงควำมมั่นคงทำง อำหำรของชมุ ชน รุ่นที่ 2 1. นำยอดิศักดิ์ สุขสม เกษตรกรจำกตำบลวังธง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ที่มีกำรบริหำรจัดกำรพื้นที่ จำนวน 1 ไร่ 1 งำน 23 ตำรำงวำ มำทำกำรเกษตรแบบผสมผสำน สร้ำงรำยได้ภำยในครัวเรือน จำกเดิมท่ีทำ กำรเกษตรเชิงเด่ียว ปรับเปล่ียนมำเป็นรูปแบบกำรเกษตรแบบผสมผสำน โดยใช้ ทรัพยำกรในชุมชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปลูกพืชหลำกหลำยชนิดมำกข้ึน ท้ังไม้ผล พืชผักสวนครัว และกำรเลี้ยงสัตว์ ตำมแนวทำงปรัชญำของเศรษฐกิจ พอเพยี ง 2. นำยชณภพ ไกรศักดิ์ ผู้นำชุมชนท้องถ่ินทำงด้ำนเกษตรกรรมสู่ อำหำรปลอดภัย และแหล่งเรียนรู้กำรใช้น้ำและผลผลิตในแปลงตำมแนวทำง ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งของเทศบำลตำบลสูงเมน่ จังหวัดแพร่ ที่ไร่นำสวน ผสม “น้ำครึ่งแกว้ ” น้อมนำศำสตร์พระรำชำสู่ควำมม่ันคง มง่ั คง่ั ย่ังยืน ปลุกข้ำว แบบปลอดสำรเคมีและพืชไร่ เล้ียงปลำในสระ เล้ียงไก่ไข่แบบเศรษฐกิจพอเพียง ดว้ ยวิธีธรรมชำติ เลีย้ งหมูในสวน โดยนำมูลของหมูมำผลิตเปน็ แก๊สชวี ภำพ แสดง ให้เห็นถึงกำรใช้ทรัพยำกรในชุมชนอย่ำงคุ้มค่ำ สำมำรถต่อยอดสร้ำงมูลค่ำเพ่ิม ก่อให้เกิดควำมอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ และควำมยง่ั ยืน

๑๐๒ ร่นุ ที่ 3 1. นำยสุระพล จันทร์ศรี ปรำชญ์เกษตรของแผ่นดินจังหวัดลำปำง สำขำปรำชญ์เกษตรผู้นำชุมชนและเครือข่ำย ประจำปี 2564 ตำบลแจ้ห่ม อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปำง มีกำรขยำยผลกำรน้อมนำหลักปรัชญำของ เศรษฐกิจพอเพียงมำปฏิบัติ สู่ โคก หนอง นำ ในกำรพัฒนำพื้นที่กำรเกษตร เพื่อ กำรบริหำรจัดกำรน้ำ โดยเน้นกำรทำเกษตรแบบผสมผสำน และบูรณำกำรร่วมกับ ภูมิปัญญำพื้นบ้ำนทั้งด้ำนปศุสัตว์ ประมงและเกษตรได้แก่ กำรปลูกป่ำ5 ระดับ ปลกู พชื ผกั ปลอดภัย กำรเพำะเลี้ยงกบ กำรขดุ บ่อกักเก็บน้ำ ซึง่ เป็นตน้ แบบพ้ืนทน่ี ำร่องในกำรทำเกษตรโดยนำปรัชญำของ เศรษฐกจิ พอเพยี งเข้ำมำประยุกต์ใชใ้ นพื้นท่ีของตนเอง เพือ่ ให้เกิดกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตทด่ี ี สำมำรถพึง่ ตนเองได้ 2. นำงบุปผำ หมดดี ปรำชญช์ มุ ชนด้ำนเศรษฐกิจพอเพียง ตำบล บ้ำนขอ อำเภอเมืองปำน แหล่งเรียนรู้ด้ำนไร่นำสวนผสมของชุมช และเป็น ศูนย์เรียนรู้กำรเพ่ิมประสิทธิภำพกำรผลิตสินค้ำเกษตร ปรับพ้ืนที่มำทำเกษตร แบบผสมผสำน ช่วยสร้ำงรำยได้ให้กับชำวบ้ำนในชุมชน จำกกำรขวนขวำยหำ ควำมรู้อย่ำงต่อเน่ือง ทดลองปฏิบัติจริง โดยเริ่มแรกเพำะเห็ดฟำง เห็ดนำงฟ้ำ ขำยในหมู่บ้ำน สู่กำรเพำะเห็ดเองจนครบกระบวนกำรพร้อมสร้ำงโรงเรือน และขยำยผลต่อเน่ืองในกำรทำเกษตรไร่นำสวนผสม โดยกำรปลูกพืชผักสวนครัว เลี้ยงแพะ เล้ียงปลำ เลี้ยงกบใน กระชัง ตลอดจนมีกำรวำงแผนท่ีจะนำควำมรู้แบละประสบกำรณืที่ได้รับมำปรับใช้ในกำรพัฒนำพื้นท่ีของตนเอง ในรูปแบบ โคก หนอง นำ ตอ่ ไป

๑๐๓ แบบสรปุ ผลกำรประเมนิ รำยวชิ ำฯ วิชำ ฝึกปฏบิ ัตกิ ำรสร้ำงหุน่ จำลอง (กระบะทรำย) กำรจัดกำรพ้ืนทตี่ ำมหลักทฤษฎีใหม่ ประยกุ ต์สู่ โคก หนอง นำ โมเดล ผู้รับผดิ ชอบ นำยเกรียงไกร สงิ ห์แกว้ นกั ทรัพยำกรบุคคลชำนำญกำร สว่ นท่ี ๑ ควำมคดิ เห็นเกี่ยวกับเนอ้ื หำวชิ ำ หวั ข้อ มำกท่สี ดุ ระดบั ควำมคดิ เหน็ นอ้ ยที่สุด ค่ำเฉลยี่ กำร แปลผล มำก ปำนกลำง นอ้ ย ๑.กำรบรรลวุ ัตถุประสงค์ของรำยวชิ ำ 163 100 11 0 0 4.55 มำก (59.5%) (36.5%) (4%) (0.0%) (0.0%) ที่สุด ๒.ควำมชัดเจนของเนือ้ หำวชิ ำ 159 105 10 0 0 4.54 มำก (58%) (38.3%) (3.6%) (0.0%) (0.0%) ที่สุด ๓.ควำมรู้ ทกั ษะ ทีไ่ ดร้ บั เพม่ิ เติมจำก 160 106 8 0 0 4.55 มำก วิชำนี้ (58.4%) (38.7%) (2.9%) (0.0%) (๐.0%) ท่ีสดุ ๔.ควำมสำมำรถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ 159 105 10 0 0 4.54 มำก (58%) (38.3%) (3.6%) (0.0%) (0.0%) ทส่ี ดุ ภำพรวม 4.54 มำก ทส่ี ดุ จำกตำรำงท่ี ๑ ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 274 คน แสดงควำมคิดเห็นเก่ียวกับเนื้อหำวิชำ ฝึกปฏิบัติกำรสร้ำง หุ่นจำลอง (กระบะทรำย) กำรจดั กำรพืน้ ที่ตำมหลักทฤษฎใี หม่ ประยกุ ต์สู่ โคก หนอง นำ โมเดล โดยภำพรวม อย่ใู นระดบั มำกทสี่ ดุ คำ่ เฉล่ีย 4.54 โดยแยกพจิ ำรณำตำมลำดับควำมพงึ พอใจได้ ดังนี้ 1. กำรบรรลุวัตถุประสงค์ของรำยวชิ ำ ระดบั มำกท่ีสุด ค่ำเฉล่ีย 4.24 2. ควำมชดั เจนของเนือ้ หำวชิ ำ ระดับมำกทสี่ ุด ค่ำเฉลี่ย 4.26 3. ควำมรู้ ทักษะ ทีไ่ ดร้ บั เพิ่มเตมิ จำกวชิ ำนี้ ระดบั มำกทส่ี ุด คำ่ เฉลยี่ 4.31 4. ควำมสำมำรถนำไปประยุกตใ์ ช้ ระดบั มำกทีส่ ุด คำ่ เฉลีย่ 4.28 สว่ นที่ ๒ ควำมพึงพอใจต่อวิทยำกร หวั ขอ้ มำกทสี่ ดุ ระดับควำมพึงพอใจ นอ้ ยทีส่ ุด คำ่ เฉลยี่ กำร แปลผล มำก ปำนกลำง น้อย ๑.ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอด/ 161 100 13 0 0 4.54 มำก บรรยำย (58.8%) (36.5%) (4.7%) (0.0%) (0.0%) ท่สี ดุ ๒.เทคนคิ และวิธีกำรทีใ่ ช้ในกำรถ่ำยทอด 164 98 11 1 0 4.55 มำก ควำมรู้ (59.9%) (35.8%) (4%) (0.4%) (๐.0%) ท่สี ดุ ๓.กำรเปิดโอกำสใหซ้ กั ถำม แสดงควำม 160 100 14 0 0 4.53 มำก คดิ เหน็ (58.4%) (36.5%) (5.1%) (0.0%) (๐.0%) ทีส่ ุด ๔.กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรยี นรู้ 164 102 8 0 0 4.56 มำก (59.9%) (37.2%) (2.9%) (0.0%) (๐.0%) ทีส่ ุด

๑๐๔ ๕.บคุ ลิกภำพ (กำรแต่งกำย ท่ำทำง 159 101 14 0 0 4.52 มำก น้ำเสียง ฯลฯ) (58%) (36.9%) (5.1%) (0.0%) (๐.๐%) ที่สุด ภำพรวม 4.54 มำก จำกตำรำงท่ี 2 ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 274 คน แสดงควำมพึงพอใจต่อวิทยำกรในวิชำฝึกปฏิบัติกำรสร้ำง หนุ่ จำลอง (กระบะทรำย) กำรจัดกำรพนื้ ที่ตำมหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกตส์ ู่ โคก หนอง นำ โมเดล โดยภำพรวม อย่ใู นระดบั มำกทสี่ ุด คำ่ เฉลย่ี 4.54 โดยแยกพิจำรณำเปน็ รำยประเด็น ตำมลำดับไดด้ งั นี้ 1. ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอด/บรรยำย ระดับมำกที่สดุ ค่ำเฉลย่ี 4.54 2. เทคนคิ และวธิ กี ำรที่ใช้ในกำรถำ่ ยทอดควำมรู้ ระดบั มำกทสี่ ุด คำ่ เฉลย่ี 4.55 3. กำรเปดิ โอกำสใหซ้ กั ถำม แสดงควำมคิดเห็น ระดบั มำกท่สี ดุ ค่ำเฉล่ีย 4.53 4. กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรียนรู้ ระดบั มำกทส่ี ดุ ค่ำเฉลีย่ 4.56 5. บคุ ลิกภำพ (กำรแตง่ กำย ท่ำทำง น้ำเสียง ฯลฯ) ระดับมำกที่สุด ค่ำเฉล่ีย 4.52 สงิ่ ทท่ี ำ่ นประทบั ใจในวทิ ยำกรทำ่ นน้ีคอื - ตั้งใจสนบั สนุนกิจกรรมไดด้ ี - สนกุ สนำนรนื่ เริงดี - ทำให้เข้ำใจข้อมูลมำกขึน้ - กริยำมำรยำทเรยี บร้อย - เปน็ กนั เองและตอบคำถำมข้อสงสัยได้ชดั เจนดีมำก สงิ่ ทวี่ ทิ ยำกรควรปรบั ปรุงคือ - กำรสอ่ื สำร ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ อ่ืน ๆ - ไม่มี

๑๐๕ 12. วชิ ำ Team Building ฝกึ ปฏบิ ตั กิ ำรบรหิ ำรจดั กำรในภำวะวกิ ฤติ “หำอยู่ หำกนิ ” วทิ ยำกร 1. นำงอรุณศรี เดชะเทศ ตำแหนง่ นักจัดกำรงำนทั่วไปชำนำญกำร 2. ทมี วิทยำกร ศพช.ลำปำง วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ ให้ผูเ้ ข้ำรับกำรฝึกอบรมเข้ำใจกำรพ่งึ ตนเองและกำรใชท้ รพั ยำกรทมี่ ีอยอู่ ย่ำงจำกดั ให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุด 2. เพอ่ื ให้ผเู้ ขำ้ รับกำรฝกึ อบรมรู้จักกำรดำรงชวี ติ ในภำวะวกิ ฤต/กำรประสบภัยพิบัติ 3. เพอ่ื ให้ผูเ้ ขำ้ รบั กำรฝกึ อบรมรจู้ กั กำรวำงแผนกำรทำงำนเปน็ ทมี ได้ฝึกวินัยและคุณธรรม ระยะเวลำ 4 ชว่ั โมง ขอบเขตเนอ้ื หำ 1. กำรอธิบำยเป้ำหมำยวัตถุประสงค์ 2. กำรกำหนดหลักเกณฑ์ กติกำและเง่อื นไข 3. กำรบริหำรจดั กำรกำรทำงำนเป็นทมี ภำยใตภ้ ำวะวิกฤต 4. กำรปฏบิ ัติกิจกรรมรว่ มกันภำยใตภ้ ำวะวิกฤต 5. สรุปและถอดบทเรียน ขน้ั ตอน/วธิ กี ำร 1. วทิ ยำกรแนะนำตนเอง และสรำ้ งบรรยำกำศกำรเรยี นรดู้ ว้ ยกำรทักทำย ชวนคยุ เตรยี มควำมพร้อม ด้วยกำรปรบมือใส่รหัสเตรียมควำมพร้อม 3 : 3 : 7 เกริ่นนำถึงสถำนกำรณ์กำรเกิดวิกฤตและภัยพิบัติ โดย หำกมีเหตุกำรณ์เกิดข้ึนจริง ผู้เข้ำรับกำรอบรมโดยเฉพำะอย่ำงย่ิงครัวเรือนต้นแบบท่ีเป็นแกนนำ จะต้องมีกำร บริหำรจัดกำรพร้อมทั้งเตรียมควำมพร้อมในกำรช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติได้อย่ำงไร ซ่ึงเป็นคำถำมให้ผู้เข้ำ รับกำรอบรมได้วำงแผนก่อนที่จะลงมือในกำรปฏิบัติจริงภำคสนำม จำกน้ันวิทยำกรนำเข้ำสู่บทเรียนด้วยกำร กล่ำวถึงวัตถุประสงค์ ขอบเขตของวชิ ำ ประเด็นทจี่ ะดำเนนิ กิจกรรม ขอ้ ตกลงและกติกำ ในกระบวนกำรเรียนรู้ รว่ มกัน 2. วิทยำกรสร้ำงกลยุทธให้เห็นว่ำวิชำน้ี จะเป็น วิชำที่ผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรมต้องเผชิญกับควำมลำบำกใน กำรดำเนินกิจกรรมนี้ เนื่องจำกผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรม จะต้องจัดหำวัสดุ/อุปกรณ์ท่ีจำเป็นในกำรดำรงชีวิตด้วย ตนเอง 3. วิทยำกรและคณะ จัดเตรียมวัสดุ, อุปกรณ์ เครอื่ งครัว และวัตถุดบิ ตำ่ งๆเท่ำทจ่ี ำเปน็ 4. ช้ีแจง กฎ กติกำ พร้อมกับอธิบำยแผนผังใน กำรหำวตั ถุดิบ (ช้แี จงวำ่ พน้ื ทไ่ี หนอนญุ ำต พ้ืนทีไ่ หนไม่อนุญำต) และใหแ้ ตล่ ะหมูบ่ ้ำนส่งทีมสนั ทนำกำรหมู่บ้ำน ละ 2 คน มำรว่ มกับวทิ ยำกรกลำงในกำรนำสนั ทนำกำร

๑๐๖ 5. มอบเชื้อเพลิง ในกำรจุดไฟให้กับทุกกลุ่ม ไม้ขีดไฟแบบตลับ (ตำมแต่วิทยำกรจะกำหนด) ดังน้ี แจกตลบั ไมข้ ีดไฟโดยกำรให้จบั ฉลำก ข้ำงในบรรจุไม้ขดี ไฟ 1 กำ้ น, 2 กำ้ น หรอื บรรจุ 2 ก้ำนแต่ข้ำงในไม่มีหัว เช้ือสำหรับจุด ทำให้เกิดอุปสรรคต่อผู้เข้ำรับกำรอบรม โดยมีกติกำว่ำห้ำมเปิดก่อนและให้นำตลับไม้ขีดไฟ กลับมำคืนให้วิทยำกรในตอนสรุปถอดบทเรียน หำกไม่ เป็นไปตำมนั้นจะถูกวิทยำกรทำโทษท้ังกลุ่ม เพ่ือเป็นกำร สร้ำงวินัยและกำรทำงำนเป็นทมี 6. ถ้วย ชำม ช้อน เคร่ืองปรุงประกอบอำหำร น้ำปลำ พริก กระเทียม รสดี ฯลฯ (วิทยำกรและคณะจะใช้ กุศโลบำย ยำมวิกฤตแม้มีเงินก็ไม่สำมำรถซ้ือของที่ต้องกำร ได้ ดังนั้นต้องนำควำมสำมำรถมำแลกเพ่ือให้ได้มำซึ่งส่ิงที่ ต้องกำร โดยจะให้แต่ละหมู่บ้ำนส่งผู้แทนมำทำกำรแสดง เพื่อแลกกับวัตถุดิบท่ีใช้ในกำรประกอบอำหำรเช่น ให้ทำ กิจกรรมภำพรวมของตำบล โดยให้ทุกหมู่บ้ำนต้ังแถว กำนันส่ังเรียกแถว ใส่รหัส 3 : 3 : 7 พร้อมกันทั้ง 4 หมู่บ้ำน จำกน้ันวิทยำกรและคณะให้ทุกหมู่บ้ำนทำกำรแสดงในภำพรวมโดยให้ร้องเพลงปลูกป่ำ 5 ระดับทำ ท่ำทำงและสัญลักษณป์ ระกอบ เพลงปลูกปำ่ 5 ระดับ “ปลูกป่ำมี 5 ระดับๆ ฟังให้ได้ศัพท์กลับไปปลูกป่ำ หน่ึงสูง สองกลำง สำมเตี้ย หนึ่งสูง สองกลำง สำมเตยี้ สเี่ รี่ยดนิ หำ้ กนิ หวั จึก๊ คลอ่ งแคล่ว คร้ืนเครง คึกคัก คล่องแคลว่ ครื้นเครง คึกคัก ผัวขุด จกึ๊ จ๊กึ เมยี ปลูก จั๊กจ๊ัก คึกคัก ผวั ขุด จกึ๊ จึก๊ เมียปลกู จก๊ั จั๊ก” จำกนั้นวิทยำกรและคณะ ให้แต่ละหมู่บ้ำนได้ เตรียมกำรแสดงพร้อมท้ังท่ำทำงประกอบทุกหมู่บ้ำนเพื่อ แลกกับวัตถุดิบท่ีใช้เป็นเมนูหลักในกำรประกอบอำหำร ได้แก่ ผักไชยำ หรือผักคะน้ำแม็คซิโก หมู่บ้ำนที่เหลือช่วย ปรบมือและให้กำลังใจหมู่บ้ำนที่กำลังทำกำรแสดง เมื่อทำ กำรแสดงแต่ละหมู่บ้ำนเสร็จแล้วก็จะให้ไปประจำท่ีท่ีได้ จดั เตรียมใหเ้ พ่อื เตรยี มควำมพร้อม แบง่ คน แบ่งงำน บรหิ ำร จัดกำรภำยในทีม ระหว่ำงช่วงเวลำท่ีกำหนด ทีมวิทยำกร จะให้แต่ละหมู่บ้ำนมำรว่ มกันเล่นกิจกรรมต่ำงๆ เพ่ือแลกกับวัตถุดิบ และเครื่องปรุงที่จำเป็น โดยให้ส่งตัวแทน ตำมท่วี ทิ ยำกรตอ้ งกำรมำเลน่ เกมส์เพื่อแขง่ ขนั กนั โดยผู้ชนะจะได้เลือกวตั ถดุ บิ ตำมท่วี ิทยำกรกำหนด เชน่ เกมส์คีบลกู ปงิ ปอง จะใหแ้ ต่ละหมู่บ้ำนส่งลูกบ้ำนมำหมู่ละ 5 คน โดยมีวัสดุ/อุปกรณ์ให้แต่ละหมู่บ้ำน ได้แก่ ตะเกียบหมู่บ้ำนละ 2 คู่ ลูกปิงปองหมู่บ้ำนละ 1 ลูก และจำน หมู่บ้ำนละ 1 ใบ โดยจะมี กรรมกำรกลำงประจำแต่ละหมู่บ้ำน กติกำคือ ให้ใช้ตะเกียบคีบลูก ปงิ ปองส่งต่อกันให้ครบทกุ คน หมูบ่ ำ้ นไหนเสร็จกอ่ นจะเปน็ ผู้ชนะ เกมส์ว่ิงเปี้ยวซุปเปอร์แมน ให้ส่งตัวแทนหมู่บ้ำนละ 8 คน กติกำ ให้แบ่งเป็น 2 ฝ่ังๆ ละ 4 คน วัสดุ/อุปกรณ์ คือ กำงเกงในหมู่บ้ำนละ 1 ตวั ใหฟ้ ังเสยี งสญั ญำณจำกกรรมกำรกลำงจึงเรมิ่ โดยคนแรกของฝัง่ หนึง่ เรม่ิ ใสก่ ำงเกงในให้เรียบร้อย และวิง่

๑๐๗ ไปหำทีมตนเองให้เร็วที่สุดโดยให้สมำชิกฝ่ังตรงข้ำมนุ่ง กำงเกงในให้เรียบร้อยและกลับไปอยู่ด้ำนหลังทีมตนเอง ทำ เช่นนี้จนครบทัง้ 8 คน ทมี ไหนเสร็จกอ่ นจะเป็นผู้ชนะ กำรตอบคำถำมที่ผ่ำนกำรเรียนรู้มำ เพื่อแลกกับวัตถุดิบ ไปประกอบอำหำร โดยให้แต่ละหมู่บ้ำนสลับกันส่งผู้ทจ่ี ะตอบ คำถำมมำยังจุดอำนวยกำร จำกนั้นทีมวิทยำกรจะทำกำรถำม คำถำม และนับ 1 2 3 เพ่อื ให้ผูท้ ี่จะตอบคำถำมวงิ่ มำตอบยัง จุดท่ที มี วทิ ยำกรยนื อยู่ โดยจะต้องตอบคำถำมภำยใน 10 วินำที เท่ำนั้น เมื่อตอบถูกก็ได้วัตถุดิบไปประกอบอำหำร แต่ หำกตอบผดิ ก็จะใหค้ นถดั ไปมำตอบ สรำ้ งกำรเรียนรู้และควำมสนุกสนำน เกมส์ตีกอล์ฟ ให้ส่งตัวแทนหมู่บ้ำนละ 2 คน กติกำ ให้แบ่งเป็น 2 ฝ่ังๆ ละ 1 คน วัสดุ/อุปกรณ์ คือ เชือก มะเขือยำว ลูกมะนำว วิทยำกรทดสอบผู้เล่นเกมส์ โดยให้ เต้นเพลงผลไม้ “แอบเป้ิล มะละกอ กล้วย ส้ม” ซึ่งท่ำเต้น จะใช้ส่วนเอว เด้งซ้ำย ขวำ หน้ำ และหลัง ตำมลำดับ จำกน้ันให้ผู้เล่นเกมส์ โอน้อยออกและเป่ำยิงฉุบ เพื่อเลือก อุปกรณ์ก่อน-หลัง ซึ่งในกำรเลือกอุปกรณ์จะให้เลือกเชือกท่ี ทำกำรผูกกับมะเขือไว้ ขึ้นอยู่กับควำมโชคดีว่ำจะได้มะเขือ ยำวหรอื สนั้ หรอื รูปร่ำงบดิ เบยี้ วไป จำกน้นั ได้เลอื กลกู มะนำว กอ่ นทีม่ ขี นำดเลก็ กลำง ใหญแ่ ล้วแต่ผ้เู ขำ้ เลน่ เกมสส์ ำมำรถเลือกเองได้ จำกน้ันให้ผู้เข้ำเล่นกิจกรรมยืนประจำจุดทั้ง 2 ฝ่ัง กติกำกำรเร่ิมเล่น เกมส์ ใหผ้ ู้เลน่ มัดเชือกท่ีมีมะเขือผูกตดิ อยตู่ ำมท่ีตนเองเลือกได้ไว้ที่เอว โดยคำดหวังควำมสูงท่ีจะใช้ตีลูกมะนำวด้วยกำรเหวย่ี งจำกเอว เพื่อส่ง ลูกมะนำวจำกอีกฝ่ังหนึ่งไปถึงอีกฝ่ัง จำกน้ันให้เอำเชือกท่ีผูกมะเขือ สลบั ใหก้ ับเพ่ือนผเู้ ลน่ อีกคน ตีลูกมะนำวกลับมำยงั จุดเร่ิมตน้ ทีมไหนตี กลบั มำถงึ ก่อนจะได้รบั วตั ถุดบิ ไปในจำนวน 5 4 3 2 อยำ่ งตำมลำดบั ซง่ึ แตล่ ะเกมสจ์ ะสรำ้ งสสี นั และควำมสนุกสนำน ควำมสำมคั คี และ ท่ีสำคัญแต่ละหมู่บ้ำนมีกำรวำงแผนร่วมกัน โดยจะได้รับวัตถุดิบท่ี ต้องกำรของแต่ละหมู่บ้ำนเพื่อนำไปประกอบอำหำร จำกนั้นเวลำท่ี เหลือคณะวิทยำกรจำกศูนย์ศึกษำและพัฒนำชุมชนลำปำง ร่วมกัน สร้ำงควำมบันเทิงโดยมีสมำชิกแต่ละหมู่บ้ำน/ตำบลสนุกสนำนร่วมกัน จนได้เวลำที่กำหนดวทิ ยำกรจะส่งสัญญำณให้แต่ละหมู่บ้ำนได้เตรยี มควำมพร้อมเพ่ือรับกำรตรวจเยี่ยมและชิม อำหำรตำมท่ีแต่ละหม่บู ำ้ นไดจ้ ัดเตรยี มไว้ 7. คัดเลือกตวั แทนแตล่ ะหมบู่ ำ้ นเปน็ กรรมกำรกลำง ตรวจใหค้ ะแนนอำหำร ตำมเกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน โดยกรรมกำรจะไม่ให้คะแนนหมู่บ้ำนของตนเอง (รสชำด คุณภำพวัสดุ ควำมสวยงำมกำรจัดวำง กำรนำเสนอ ผลงำน กำรนำทรัพยำกร/วัตถุดิบมำใช้ประกอบอำหำรอย่ำงคุ้มค่ำ) แต่ละหมู่บ้ำนส่งผู้แทนอธิบำยสรรพคุณ ของวัตถุดิบทใ่ี ชใ้ นกำรประกอบอำหำรผลกำรตดั สินของคณะกรรมกำรเกินกงึ่ หน่ึงถอื วำ่ เปน็ เอกฉนั ท์

๑๐๘ 8. รับประทำนอำหำรพร้อมกัน จำกสิ่งท่ีมีและช่วยกันทำในกำรรับประทำนอำหำรทุกหมู่บ้ำนจะ ร่วมกันรับประทำนอำหำรท่ีร่วมกันทำ สลับสับเปลี่ยนกันไปทุกหมู่บ้ำน สร้ำงควำมสัมพันธ์อันดี ควำมสมำน สำมคั คี แก่หมคู่ ณะ สรปุ ผลผลกำรเรียนรู้ วิชำ Team Building ฝึกปฏิบัติกำรบริหำรจัดกำรในภำวะวิกฤติ “หำอยู่ หำกิน” เป็นกำรประยุกต์และจำลองสถำนกำรณ์ กำรใช้ชีวิตในยำม เกิดภัยพิบัติและยำมวิกฤต ขณะท่ีอยู่กันเป็นกลุ่มก้อน กำรที่สมำชิกมีควำม หลำกหลำยทั้งในเร่ือง เพศ อำยุ กำรศึกษำ ควำมแตกต่ำงด้ำนกำยภำพ สังคม ฯลฯ ดังนั้น ผู้นำหรือผู้ใหญ่บ้ำนต้องมีกำรวำงแผนและกำรบริหำร จัดกำรที่ดี ขณะเดียวกันแต่ละหมู่บ้ำนก็จะต้องดูแลสมำชิกของตนเองภำยใต้ ควำมมีวินัยและคุณธรรม แต่สถำนกำรณ์ท่ีคับขันและชุลมุนวุ่นวำย ผู้นำจะ มองแต่กลุม่ ก้อนของตนเอง พยำยำมให้สมำชิกของตนอยู่รอดปลอดภยั ให้ไดใ้ นสถำนกำรณ์ทีค่ บั ขันอยำ่ งดีท่ีสุด กำรแย่งชงิ อำหำรกำรใหไ้ ด้มำซึง่ อำหำรและปจั จยั ต่ำงๆ สมำชิกของกลมุ่ ต้องกำรไมว่ ำ่ จะถูกต้องหรือผิดกต็ ำม จำกนั้น แต่ละหมู่บ้ำนได้ออกมำสรุปถอดบทเรียนตำม ประเด็นท่ีได้รับจำกกำรปฏิบัติกิจกรรม Team Building ฝึกปฏิบัติกำรบริหำรจัดกำรในภำวะวิกฤติ “หำอยู่ หำกิน” ตำมประเด็น ดงั นี้ 1) หมบู่ ้ำนของทำ่ นมีกำรวำงแผนกำรทำงำน อยำ่ งไร 2) หำกเกดิ ปญั หำและอปุ สรรค ท่ำนแกไ้ ขปญั หำอยำ่ งไร 3) ส่งิ ทไ่ี ดร้ ับจำกกำรปฏิบัติกิจกรรม Team Building ฝกึ ปฏบิ ตั กิ ำรบริหำรจดั กำรในภำวะวกิ ฤติ “หำอยู่ หำกิน” ผลกำรถอดบทเรียน 1) กำรวำงแผนกำรทำงำน โดยใช้หลักกสิกรรมธรรมชำติ 5 ข้ันตอน ได้แก่ 1. กำรแบ่งคน แบ่งงำน 2. กำรลงมือปฏิบัติกิจกรรม 3. กำรประสำนงำน 4. กำรติดตำมประเมินผล 5. ฝ่ำยสนับสนุน สวัสดิกำร แต่ ทุกฝำ่ ยปรับตำมควำมเหมำะสมตำมสถำนกำรณ์ เพอื่ ใหก้ ำรปฏิบัตงิ ำนประสบผลสำเรจ็ 2) กำรแก้ไขปัญหำ เนื่องจำกมีควำมหลำกหลำยทั้งในเร่ือง เพศ อำยุ กำรศึกษำ ควำมแตกต่ำงด้ำน กำยภำพ สังคม ผู้นำจะมีควำมสำคัญมำกในสภำวกำรณ์ท่ีเกิดปญั หำ กำรแกไ้ ขปญั หำผู้นำจะเห็นควำมแตกต่ำง ของสมำชิกภำยในกลุ่ม จำกประสบกำรณ์ของสมำชิก จึงสำมำรถแก้ไขปัญหำและผ่ำนวิกฤตไปได้ในที่สุด กำร บริหำรจัดกำร คน/ทรพั ยำกร/กำรวำงแผน ในยำมวกิ ฤตผู้นำมคี วำมสำคัญมำก ผู้ใหญบ่ ้ำนจะตอ้ งมกี ำรสั่งกำร ท่ีชัดเจน กำรบรหิ ำรจดั กำรทุกอยำ่ งในเวลำที่จำกดั ภำยใตส้ ภำวกำรณท์ ี่กดดัน

๑๐๙ 3) สิ่งท่ีได้รับจำกกำรปฏิบัติกิจกรรม Team Building ฝึกปฏิบัติกำรบริหำรจัดกำรในภำวะวิกฤติ “หำอยู่ หำกิน” กำรนำวิธีกำรไปประยุกต์ใช้ในพื้นท่ีจริง กรณีที่ เกิดภัยพิบัติ กิจกรรมดังกล่ำวเป็นกำรให้ผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรมได้ เรียนรู้ประสบกำรณ์เพื่อนำไปปรับใช้ในสถำนกำรณ์ท่ีอำจจะเกิด ภัยพิบัติจริง มีประสบกำรณ์กำรบริหำรจัดกำร กำรมีวินัย มี คณุ ธรรม กำรไม่เอำเปรยี บ กำรเห็นอกเห็นใจกัน กำรชว่ ยเหลือ เก้ือกูลซ่ึงกันและกัน ควำมสำมัคคีท่ีเกิดข้ึนเป็นสิ่งท่ีสำคัญท่ีสุดที่ จะทำใหท้ ุกคนอยรู่ อดจำกภยั พบิ ัติ ดงั คำกล่ำว “สำมคั คี คือ พลังค้ำจนุ แผน่ ดนิ ไทย”

๑๑๐ แบบสรปุ ผลกำรประเมนิ รำยวชิ ำฯ วชิ ำ Team Building ฝึกปฏิบัตกิ ำรบริหำรจดั กำรในภำวะวิกฤติ ชอ่ื วิทยำกร นำงอรณุ ศรี เดชะเทศ นกั จดั กำรงำนทวั่ ไปชำนำญกำร และทมี วิทยำกร ศพช.ลำปำง สว่ นที่ ๑ ควำมคิดเหน็ เก่ียวกบั เนอื้ หำวิชำ หวั ขอ้ มำกท่สี ุด ระดบั ควำมคิดเหน็ น้อยท่สี ุด คำ่ เฉลี่ย กำร แปลผล มำก ปำนกลำง น้อย ๑.กำรบรรลุวัตถุประสงค์ของรำยวิชำ 163 96 15 0 0 4.54 มำก (59.5%) (35%) (5.5%) (0.0%) (0.0%) ท่ีสุด ๒.ควำมชดั เจนของเนือ้ หำวิชำ 156 101 17 0 0 4.50 มำก (56.9%) (36.9%) (6.2%) (0.0%) (0.0%) ๓.ควำมรู้ ทกั ษะ ท่ไี ดร้ บั เพ่ิมเติมจำก 153 105 16 0 0 4.50 มำก วิชำน้ี (55.8%) (38.3%) (5.8%) (0.0%) (๐.0%) ๔.ควำมสำมำรถนำไปประยกุ ต์ใช้ 160 95 19 0 0 4.51 มำก (58.4%) (34.7%) (6.9%) (0.0%) (0.0%) ท่ีสุด จำกตำรำงที่ ๑ ภำพรวม 4.51 มำก ทส่ี ดุ ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 274 คน แสดงควำมคิดเห็นเกี่ยวกับเน้ือหำวิชำ Team Building ฝึก ปฏิบัติกำรบริหำรจัดกำรในภำวะวิกฤติ โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำกท่ีสุด ค่ำเฉลี่ย 4.51 โดยแยกพิจำรณำ ตำมลำดบั ควำมพงึ พอใจได้ ดงั นี้ 1. กำรบรรลวุ ัตถุประสงคข์ องรำยวิชำ ระดบั มำกท่สี ุด ค่ำเฉลย่ี 4.54 2. ควำมชัดเจนของเนอื้ หำวชิ ำ ระดบั มำก ค่ำเฉลี่ย 4.50 3. ควำมรู้ ทกั ษะ ทีไ่ ดร้ ับเพม่ิ เตมิ จำกวิชำน้ี ระดับมำก ค่ำเฉลยี่ 4.50 4. ควำมสำมำรถนำไปประยุกตใ์ ช้ ระดบั มำกทสี่ ุด ค่ำเฉล่ยี 4.51 สว่ นท่ี ๒ ควำมพึงพอใจต่อวทิ ยำกร หวั ขอ้ ระดบั ควำมพงึ พอใจ คำ่ เฉลี่ย กำร 4.51 แปลผล ๑.ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอด/ มำกที่สดุ มำก ปำนกลำง น้อย นอ้ ยท่สี ดุ บรรยำย มำก 156 103 14 1 0 ที่สุด (56.9%) (0.0%) (37.6%) (5.1%) (0.4%) ๒.เทคนิคและวิธกี ำรท่ใี ช้ในกำรถำ่ ยทอด 159 99 15 1 0 4.51 มำก ควำมรู้ (58%) (36.1%) (5.5%) (0.4%) (0.0%) ท่สี ุด ๓.กำรเปิดโอกำสให้ซักถำม แสดงควำม 162 97 14 1 0 4.53 มำก คิดเห็น (59.1%) (35.4%) (5.1%) (0.4%) (๐.0%) ทีส่ ุด ๔.กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรยี นรู้ 166 94 13 1 0 4.55 มำก (60.6%) (34.3%) (4.7%) (0.4%) (๐.0%) ที่สุด ๕.บุคลิกภำพ (กำรแตง่ กำย ท่ำทำง 163 97 13 1 0 4.54 มำก นำ้ เสียง ฯลฯ) (59.5%) (35.4%) (4.7%) (0.4%) (๐.๐%) ท่สี ดุ ภำพรวม 4.53 มำก ทสี่ ดุ

๑๑๑ จำกตำรำงท่ี 2 ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 274 คน แสดงควำมพึงพอใจต่อวิทยำกรในวิชำ Team Building ฝึก ปฏิบัติกำรบริหำรจัดกำรในภำวะวิกฤติ โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำกท่ีสุด ค่ำเฉลี่ย 4.53 โดยแยกพิจำรณำ เป็นรำยประเด็น ตำมลำดบั ไดด้ งั นี้ 1. ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอด/บรรยำย ระดบั มำกทส่ี ุด ค่ำเฉล่ยี 4.51 2. เทคนิคและวิธกี ำรทีใ่ ชใ้ นกำรถ่ำยทอดควำมรู้ ระดับมำกที่สุด คำ่ เฉลย่ี 4.51 3. กำรเปดิ โอกำสให้ซกั ถำม แสดงควำมคิดเห็น ระดับมำกทีส่ ุด คำ่ เฉลีย่ 4.53 4. กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรียนรู้ ระดบั มำกทส่ี ุด คำ่ เฉลีย่ 4.55 5. บุคลิกภำพ (กำรแต่งกำย ทำ่ ทำง นำ้ เสยี ง ฯลฯ) ระดบั มำกทีส่ ุด คำ่ เฉล่ยี 4.54 สง่ิ ทที่ ำ่ นประทบั ใจในวทิ ยำกรทำ่ นนี้คอื - น่ำรกั ทุกคน - วทิ ยำกรทกุ คนมคี วำมเป็นกันเองสนุกสนำนดี - กำรถำ่ ยทอดควำมรู้ ให้ควำมรไู้ ด้ดี - พูดจำไพเรำะทกุ ท่ำน - สนุกสนำนได้รับควำมร้ดู ีมำก - ชดั เจนทมุ่ เท เปน็ กนั เอง สง่ิ ทวี่ ทิ ยำกรควรปรบั ปรุงคือ - ไม่มี ข้อเสนอแนะเพ่มิ เตมิ อ่ืน ๆ - ขอบคณุ ทีมงำนครูฝกึ และขอบพระคุณศูนย์ศึกษำและพัฒนำชมุ ชนจงั หวดั ลำปำง มำ ณ ทีน่ ด้ี ว้ ยครับ ควำมรู้ท่ไี ดร้ บั จะนำไปขยำยเครือขำ่ ยใหช้ มุ ชนตอ่ ไป - ท่ำทำงเข้มแตเ่ ต็มด้วยมำรยำทที่ดี

๑๑๒ 13. วิชำ กำรขบั เคลอื่ นสบื สำนศำสตรพ์ ระรำชำ กลไก 3 5 7 วทิ ยำกร นำยเกรียงไกร สงิ ห์แก้ว นกั ทรพั ยำกรบุคคลชำนำญกำร วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพ่ือให้ผู้เข้ำรับกำรประชุมได้รบั ทรำบ ตระหนักรู้และเข้ำใจควำมหมำยที่แท้จริงของกำรขับเคล่ือน ศำสตร์พระรำชำ ด้วยหลักกลไก ๓๕๗ ๒. เพื่อใหผ้ เู้ ข้ำรับกำรประชุมไดม้ องเห็นถึงกำรเช่ือมโยงกำรขับเคล่ือนศำสตร์พระรำชำดว้ ยหลักกลไก ๓๕๗ กบั กำรขับเคลอ่ื นงำนกรมกำรพัฒนำชมุ ชน ระยะเวลำ จำนวน ๑ ช่วั โมง ขอบเขตเน้อื หำ ๑. กลไกกำรขับเคลือ่ นศำสตรพ์ ระรำชำ กลไก ๓๕๗ ๒. ปรัชญำ ๓ ระบบ ๓. ทฤษฎีใหม่กว่ำ ๔๐ ทฤษฎตี ำมศำสตร์พระรำชำ ๔. แนวทำงในกำรปฏบิ ตั ิในกำรใช้ชีวิต ในกำรทำงำนตำมศำสตร์พระรำชำ ๕. นวัตกรรม เคล็ดวชิ ำกวำ่ ๔๘,๐๐๐ นวัตกรรม ๖. กำรบรหิ ำรแบบคนจน กำรทำงำนแบบคนจน เทคนิค / วิธกี ำร บรรยำยประกอบสื่อ ขน้ั ตอน/กำรดำเนินกำร กลไกกำรขับเคลื่อนสืบสำนศำสตร์พระรำชำกลไก 357 จำกพระรำชประสงค์ของพระบำทสมเด็จ พระปรเมนทรรำมำธิบดีศรีสินทรมหำวชิรำลงกรณ พระวชิรเกล้ำเจ้ำอยู่หัว ในหลวงรัชกำลที่ 10 ในกำรสืบ สำนตอ่ ยอดศำสตร์พระรำชำ เพอ่ื สรำ้ งควำมอยดู่ ีมีสุขแก่ประชำชน พระองคท์ รงเริ่มตน้ ด้วยกำรปลุกจติ อำสำที่ มีอยู่ในใจของคนไทยทุกคน มำเป็นแรงขับเคลื่อนซึ่งกำรที่ทุกคนจะร่วมกันขับเคล่ือนสืบสำนศำสตร์พระรำชำ เพ่ือให้บรรลุเป้ำหมำยควำมย่ังยืนนั้น จะต้องมีวิธีกำรคิดแบบองค์รวม ทำอย่ำงเป็นระบบ ขับเคล่ือนกำร ดำเนินงำนไปพรอ้ ม ๆ กันอยำ่ งเปน็ แบบแผนไมแ่ ตกแยกไปคนละทิศทำง “สืบสำนศำสตรพ์ ระรำชำ” พระรำชประสงค์ของในหลวงรัชกำลที่ 10 “เรำจะสืบสำน รักษำ และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพ่ือประโยชน์สุข แห่งอำณำรำษฎร ตลอดไป” พระปฐมบรมรำชโองกำรของในหลวงรัชกำลท่ี 10 วนั ที่ 4 พฤษภำคม 2562 โดยควำมหมำยของคำวำ่ สืบสำน รกั ษำ และตอ่ ยอด ในทน่ี ี่คอื กำรสืบสำนศำสตรพ์ ระรำชำ รักษำภูมิ ปญั ญำของบรรพบรุ ุษ และต่อยอดนวตั กรรมและเทคโนโลยีทเ่ี หมำะสมกับภูมสิ งั คม นน่ั เอง

๑๑๓ จำกที่ได้กล่ำวมำ ด้วยพระปรีชำสำมำรถและสำยพระเนตรอันกว้ำงไกลของกษัตริย์นักบินพระองค์นี้ จึงทรงมีพระรำชประสงค์ให้มีกำรฝึกจิตอำสำ 904 หลักสูตรหลักประจำ “เป็นเบ้ำ เป็นแม่พิมพ์” ที่มีกำร ประยุกตแ์ นวพระรำชดำรเิ กษตรทฤษฎีใหมเ่ พ่ือพึ่งพำตนเองและรองรบั ภัยพิบตั โิ ดยมรี ะยะเวลำกำรฝึก 50 วนั มีผู้เขำ้ รับกำรฝึกรนุ่ ละประมำณ 500 คน ซง่ึ กำรฝกึ จติ อำสำ 904 ใน 3 ร่นุ แรก ได้ใชพ้ ืน้ ที่ฝึกท่ีศูนย์กสิกรรม ธรรมชำติมำบเอื้อง อำเภอบ้ำนบึง จังหวัดชลบุรี มีกำรจำลอง กำรใช้ชีวิตในโลกอนำคตซ่ึงมนุษยชำติอำจจะ ต้องเผชิญกับสภำพอำกำศที่แปรปรวน เกิดภัยพิบัติต่ำง ๆ ผู้เข้ำรับกำรฝึกจึงต้องเรียนรู้กำรใช้ชีวิตให้พร้อม รับมือกับควำมเส่ียงในโลกอนำคตเหล่ำน้ัน เช่น ได้มีกำรปรับพ้ืนที่สำหรับกำรดำรงชีวิต มีกำรกักเก็บน้ำฝน อย่ำงเป็นระบบ อำหำรกำรกินที่ได้มำจำกปลำท่ีเลี้ยงและพืชพรรณธัญญำหำรที่ปลูกเอง จึงทำให้ไม่มีต้นทุน ทำงอำหำร ซ่ึงองค์ควำมรเู้ หลำ่ นเี้ ป็นส่งิ ท่ีในหลวง รัชกำลที่ 9 ทรงสอนพวกเรำมำเป็นเวลำช้ำนำนแลว้ เปน็ ภมู ิ ปัญญำบรรพบุรษุ แตเ่ หตุใดเรำจึงไมเ่ ชอื่ เรำไม่เคยสนใจเพรำะคนไทยไมเ่ ชื่อคนไทยด้วยกันเอง ใ น ส่ ว น พ้ื น ที่ ฝึ ก ก็ มี ก ำ ร ข ย ำ ย เพิ่มข้ึนเร่ือย ๆ เช่นกัน จำก 10 ไร่ เป็น 30 ไร่ 40 ไร่ จนปัจจุบันเป็นพ้ืนท่ีเกือบ 200 ไร่ ผู้ท่ีเข้ำรับกำรฝึกมีหลำยช่วงวัย ที่มำจำกต่ำงสำขำอำชีพ ทั้งทหำร ระดับพลเอก นักเรียนนำยร้อย พยำบำล อธิกำรบดี คณบดี ข้ำรำชกำร นิสิต นักศึกษำ ฯลฯ ท้งั น้ใี นหลวงรัชกำลที่ 10 ทรงมุ่งเน้นไปทีก่ ลมุ่ เยำวชนเป็นหลัก ทรง เล็งเห็นว่ำกำรท่ีจะสืบสำนงำนของพระ รำชบิดำให้ย่ังยืนนับร้อยนับพันปี จำเป็น อย่ำงย่ิงทจี่ ะต้องวำงรำกฐำนเข้ำไปในระบบโครงสรำ้ งของสงั คมโดยเฉพำะอย่ำงยง่ิ โครงสรำ้ งทำงกำรศกึ ษำ 3 ระดบั 5 กลไก 7 ภำคี’ กุญแจสำคัญของกำรขับเคลื่อนสบื สำนศำสตรพ์ ระรำชำ หลักกำรขับเคล่ือนสืบสำนศำสตร์พระรำชำให้ยั่งยืน ซึ่งเป็นกำรพัฒนำท่ีมีประชำชนเป็นแกนกลำง และภำคีอื่น ๆ ร่วมบูรณำกำรเพื่อเสริมกลไกเดิมของภำครัฐที่มีอยู่ เป็นกำรขับเคล่ือนในพื้นที่ 3 ระดับ เป็นอย่ำงน้อย คือ ระดับชุมชนหรือลุ่มน้ำ ระดับจังหวัดหรือภูมิภำค และระดับชำติ ภำยใต้กำรมีส่วนร่วมของ 5 กลไก ที่จะช่วยหนุนเสริมงำนขับเคลื่อนสืบสำนศำสตร์พระรำชำ ประกอบด้วยกลไกกำรประสำนงำนภำคี เครือข่ำย กลไกแผนงำนและยุทธศำสตร์เชิงบูรณำกำร กลไกกำรติดตำมและประเมินผล กลไกกำรจัดกำร ควำมรู้ อันเป็นองค์ควำมรู้ท่ีได้จำกกำรปฏิบัติท่ีต้องนำมำจัดทำเป็นตำรำหรือคู่มือเฉพำะในแต่ละพ้ืนที่ และ กลไกกำรสื่อสำรสังคมให้รับรู้ ร่วมด้วย กำรบูรณำกำรของ 7 ภำคี คือ ภำครัฐท่ีให้กำรสนับสนุนด้ำน งบประมำณ กฎหมำย รวมถึงเคร่ืองมือต่ำง ๆ ภำควิชำกำรและสถำบันกำรศึกษำ ภำคศำสนำ ภำคประชำชน ภำคเอกชน ภำคประชำสังคม และภำคสื่อมวลชน ระบบ 3-5-7 นี้ จะช่วยหนุนเสริมให้กำรขับเคลื่อนสืบสำนศำสตร์พระรำชำ บรรลุเป้ำหมำยควำม ยั่งยืนของโลกได้ท้ัง 17 ข้อ ซ่ึงในควำมเป็นจริงแล้ว แม้สิ่งที่ในหลวงรัชกำลท่ี 9 ได้ทรงปฏิบัติพระรำชกรณีย กิจมำตลอดระยะเวลำ 70 ปีของกำรครองรำชย์ จะทำให้บรรลุเป้ำหมำยควำมยั่งยืนได้เกือบครบทั้ง 17 ข้อ แล้ว แต่พระองค์ทรงเน้นท่ีข้อ 2 เป็นหลัก ในเรื่องกำรขจัดควำมอดอยำกและสร้ำงควำมม่ันคงทำงอำหำร ซ่ึง ครั้งหน่ึงเคยมีสอื่ ต่ำงชำตมิ ำขอพระรำชทำนพระบรมรำชำนญุ ำต สัมภำษณ์พระองค์ว่ำทรงกำลังสู้รบกับระบบ

๑๑๔ คอมมิวนิสต์อยู่หรือ ? พระองค์พระรำชทำนสัมภำษณ์กลับไปว่ำทรงกำลังสู้รบอยู่กับควำมอดอยำกควำมหิว โหยของประชำชนภำยในชำติหำกถำมว่ำทำไมจึงเลือกพื้นท่ีของ กฟผ. ในกำรดำเนินงำนขับเคลื่อนสืบสำน ศำสตร์พระรำชำก็ตอบได้โดยเปรียบเทียบว่ำถ้ำประเทศไทยเป็นร่ำงกำยมนุษย์ กฟผ. ก็เปรียบได้ว่ำเป็นระบบ ประสำท (Nervous System) ท่ีทำหน้ำที่ส่งผ่ำนพลังงำนไปทั่วร่ำงกำยหรือประเทศ หำกระบบประสำทชำรุด เสียหำยร่ำงกำยหรือประเทศก็เดินหน้ำต่อไม่ได้ จึงเป็นเร่ืองจำเป็นอย่ำงยิ่งที่จะต้องทำให้ระบบประสำทของ ประเทศแข็งแกร่ง ให้มคี วำมม่ันคงทำงพลังงำนนอกจำกนี้ ด้วยสมรรถภำพขององค์กำร ศักยภำพของบคุ ลำกร และเคร่ืองมือต่ำง ๆ หำก กฟผ. ดำเนินงำนอย่ำงถูกต้องและจริงจัง ก็เช่ือม่ันได้ว่ำในพ้ืนที่กำรดำเนินงำนของ กฟผ.จะเป็นต้นแบบทำงด้ำนควำมย่ังยืนของโลกได้ภำยในระยะเวลำไม่เกิน 3 ปี และน่ีเองคือเป้ำหมำยท่ีจะ สร้ำงควำมยั่งยืนให้เกิดข้ึนในโลกให้ได้ โดยเร่ิมจำกประเทศไทยเป็นพื้นที่แรกด้วย ‘ศำสตร์ของพระรำชำ 2 ปรชั ญำ 3 ระบบ ปรชั ญำแบง่ ออกเปน็ 3 ระบบคือ 1. เอกนิยม (Monism) ได้แก่พวกท่ีถือว่ำ ควำมแท้จริงของสรรพสิ่งมีเพียงสิ่งเดียว จะเป็นรูปธรรม (สสำร) หรือนำมธรรม (จิต) กไ็ ด้ 2. ทวินยิ ม (Dualism) ได้แกพ่ วกทีถ่ อื ว่ำ ควำมแท้จริงของสรรพส่งิ มี 2 อยำ่ งเป็นของคู่กัน คือเปน็ ท้งั รปู ธรรม (สสำร) และนำมธรรม (จิต) 3. พหุนิยม (Pluralism) ได้แก่พวกที่ถือว่ำ ควำมแท้จริงของปฐมธำตุมีจำนวนมำกมำยอำจจะเป็น รูปธรรม (สสำร) หรือนำมธรรม (จติ ) กไ็ ด้ ทฤษฎีใหม่กว่ำ 40 ทฤษฎีตำมศำสตรพ์ ระรำชำ คอื 1. แกล้งดนิ 2. ปลูกหญำ้ แฝก 3. กำรห่มดิน 4. ดนิ เสือ่ มโทรม (ดนิ ดำน) 5. บำรุงดิน 6. ฝนหลวง 7. หนอง 8. คลองไสไ้ ก่ 9. ฝำยชะลอน้ำ + คันกั้นนำ้ 10. เขอื่ นกกั เกบ็ 11. โครงกำรแกม้ 12. โคก หนอง นำ โมเดล 13. นำ้ ดีไล่น้ำเสยี 14. อธรรมปรำบอธรรม 15. ระบบลม แสงแดด 16. ระบบบำบัดน้ำเสียแบบสิง่ ประดษิ ฐ์ 17. ระบบสระเติม 18. กังหันชยั พัฒนำ 19. กำรบริหำรจัดกำรนำ้ จำกภผู ำสมู่ หำนที 20. ป่ำ 3 อย่ำง ประโยชน์ 4 อยำ่ ง 21. กำรปลูกปำ่ ทดแทน 22. พระรำชดำรสั ภเู ขำปำ่ 23. ป่ำเปียก 24. ปำ่ ไม้สำธติ 25. ปลูกปำ่ บนทสี่ ูง 26. ปลูกป่ำในใจคน 27. ปลูกป่ำตน้ นำ้ ลำธำร หรือกำรปลูกปำ่ ธรรมชำติ 28. ปลูกป่ำโดยไม่ต้องปลกู 29. กำรอนรุ กั ษ์สตั ว์ป่ำ 30. กำรอนรุ ักษ์พันธ์พุ ืช 31. มลพษิ และกำรเปล่ียนแปลงภูมอิ ำกำศ 32. กำรจดั กำรสงิ่ แวดล้อม (ขยะชุมชน) 33. กำรศกึ ษำ 34. สหกรณ์ 35. รำงวัล ควำมสำเรจ็ ด้ำนกำรพฒั นำมนษุ ย์ 36. บวร 37. ทำแบบคนจน 38. เศรษฐกจิ พอเพยี ง 39. ข้ำว 40. พลงั งำนทดแทน 4. แนวทำงในกำรปฏิบัติในกำรใช้ชีวิต ในกำรทำงำนตำมศำสตร์พระรำชำปรัชญำของเศรษฐกิจ พอเพียง ทท่ี รงปรบั ปรุงพระรำชทำนเป็นทม่ี ำของนิยำม \"3 ห่วง 2 เงือ่ นไข\" ๕. กำรบริหำรแบบคนจน กำรทำงำนแบบคนจน แบบคนจน...ไม่ติดตำรำ“แบบที่เรียกว่ำทำแบบคน จน คือ ทำวิธกี ำรแบบคนจน ไมไ่ ด้มีกำรลงทนุ มำกหลำยอยำ่ งของเขำ

๑๑๕ แบบสรปุ ผลกำรประเมนิ รำยวชิ ำฯ วิชำ กำรขับเคล่อื นสบื สำนศำสตรพ์ ระรำชำ กลไก 3 5 7 ชอ่ื วทิ ยำกร นำยเกรียงไกร สิงห์แกว้ นกั ทรพั ยำกรบุคคลชำนำญกำร สว่ นที่ ๑ ควำมคดิ เห็นเกย่ี วกับเนือ้ หำวิชำ หัวขอ้ มำกทสี่ ุด ระดับควำมคดิ เหน็ นอ้ ยทสี่ ดุ ค่ำเฉลี่ย กำร แปลผล มำก ปำนกลำง นอ้ ย ๑.กำรบรรลุวัตถุประสงคข์ องรำยวิชำ 238 128 17 0 0 4.57 มำก (62.1%) (33.4%) (4.4%) (0.0%) (0.0%) ทส่ี ุด ๒.ควำมชดั เจนของเน้ือหำวิชำ 242 124 16 0 0 4.59 มำก (63.2%) (32.4%) (4.2%) (0.0%) (0.0%) ทีส่ ดุ ๓.ควำมรู้ ทกั ษะ ที่ไดร้ บั เพ่มิ เติมจำก 233 134 14 0 1 4.56 มำก วชิ ำนี้ (60.8%) (35%) (3.7%) (0.0%) (๐.3%) ทีส่ ดุ ๔.ควำมสำมำรถนำไปประยกุ ต์ใช้ 236 129 15 0 1 4.57 มำก (61.6%) (33.7%) (3.9%) (0.0%) (0.3%) ท่ีสดุ ภำพรวม 4.57 มำก ทสี่ ดุ จำกตำรำงที่ ๑ ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 382 คน แสดงควำมคิดเห็นเกี่ยวกับเน้ือหำวิชำ กำรขับเคล่ือน สืบสำน ศำสตร์พระรำชำ ด้วยกลไก 3 5 7 โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำกที่สุด ค่ำเฉลี่ย 4.46 โดยแยกพิจำรณำ ตำมลำดบั ควำมพึงพอใจได้ ดังนี้ 1. กำรบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ของรำยวชิ ำ ระดับมำกที่สดุ ค่ำเฉลีย่ 4.57 2. ควำมชดั เจนของเน้อื หำวิชำ ระดบั มำกทส่ี ุด ค่ำเฉล่ีย 4.59 3. ควำมรู้ ทกั ษะ ท่ไี ดร้ ับเพิ่มเตมิ จำกวชิ ำนี้ ระดบั มำกท่สี ดุ ค่ำเฉล่ยี 4.56 4. ควำมสำมำรถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ระดับมำกที่สดุ ค่ำเฉลยี่ 4.57 สว่ นที่ ๒ ควำมพึงพอใจต่อวิทยำกร หัวข้อ มำกทีส่ ดุ ระดับควำมพงึ พอใจ น้อยท่ีสุด ค่ำเฉลี่ย กำรแปล ผล มำก ปำนกลำง น้อย ๑.ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอด/ 250 123 10 0 0 4.62 มำกทส่ี ดุ (2.6%) (0.0%) (0.0%) บรรยำย (65.3%) (32.1%) ๒.เทคนคิ และวธิ กี ำรท่ใี ช้ในกำรถำ่ ยทอด 253 114 15 1 0 4.61 มำกที่สุด ควำมรู้ (66.1%) (29.8%) (3.9%) (0.3%) (๐.0%) ๓.กำรเปิดโอกำสใหซ้ ักถำม แสดงควำม 229 139 14 0 0 4.56 มำกท่ีสดุ คดิ เหน็ (59.8%) (36.3%) (3.7%) (0.0%) (๐.0%) ๔.กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรยี นรู้ 245 123 13 0 1 4.59 มำกทส่ี ดุ (64%) (32.1%) (3.4%) (0.0%) (๐.3%) ๕.บคุ ลกิ ภำพ (กำรแต่งกำย ทำ่ ทำง น้ำเสียง ฯลฯ) 229 132 19 0 0 4.55 มำกทีส่ ุด (59.8%) (34.5%) (5%) (0.0%) (๐.๐%) ภำพรวม 4.59 มำกทส่ี ดุ

๑๑๖ จำกตำรำงที่ 2 ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 382 คน แสดงควำมพึงพอใจต่อวิทยำกรในวิชำ กำรขับเคล่ือน สืบสำน ศำสตร์พระรำชำ ด้วยกลไก 3 5 7 โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำกที่สุด ค่ำเฉล่ีย 4.59 โดยแยกพิจำรณำเป็น รำยประเด็น ตำมลำดบั ไดด้ ังน้ี 1. ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอด/บรรยำย ระดับมำกที่สุด คำ่ เฉล่ยี 4.62 2. เทคนคิ และวิธีกำรทีใ่ ช้ในกำรถำ่ ยทอดควำมรู้ ระดบั มำกที่สุด คำ่ เฉลย่ี 4.61 3. กำรเปดิ โอกำสใหซ้ ักถำม แสดงควำมคดิ เหน็ ระดบั มำกทสี่ ดุ ค่ำเฉลยี่ 4.56 4. กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรยี นรู้ ระดับมำกท่สี ดุ คำ่ เฉลี่ย 4.59 5. บคุ ลิกภำพ (กำรแต่งกำย ท่ำทำง นำ้ เสียง ฯลฯ) ระดับมำกท่ีสุด คำ่ เฉล่ยี 4.55 สง่ิ ทที่ ำ่ นประทบั ใจในวิทยำกรทำ่ นนคี้ อื - วทิ ยำกรมีวิธีกำรนำเสนอเรำ้ ใจ ไม่มีง่วงเลย - สนุกสดใส อ่ิมใจ - บรรยำยไดเ้ นื้อหำสำระดี - ควำมรูแ้ น่น - มคี วำมแปลกใหม่ ไดเ้ พิม่ เติมนำไปประยกุ ต์ให้ - เกง่ คลอ่ งแคล้ว - ชัดเจน สง่ิ ทว่ี ทิ ยำกรควรปรบั ปรุงคือ - ทำ่ ทำงและอำรมณ์ ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม อ่ืน ๆ - เวลำน้อยเกนิ ไป

๑๑๗ 14. วชิ ำ แผนปฏบิ ตั กิ ำร “ยทุ ธศำสตรก์ ำรขบั เคลอื่ นปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งสกู่ ำรปฏบิ ตั ิ” วทิ ยำกร นำงอภิญญำ โกมลรัตน์ ผู้อำนวยกำรศูนย์ศกึ ษำและพฒั นำชุมชนลำปำง ผู้รับผิดชอบวิชำ นำงอญั ชลี ป่งแก้ว นักทรพั ยำกรบุคคลชำนำญกำร วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือให้ผู้เข้ำอบรมมีแนวทำง/เป้ำหมำยในกำรขับเคล่ือนหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงท่ี สอดคลอ้ งกับบรบิ ทพื้นท่ี ระยะเวลำ จำนวน 3 ชั่วโมง ขอบเขตเนอ้ื หำ 1. ควำมรู้ควำมเข้ำใจเรื่องยุทธศำสตร์ และควำมเป็นมำของโครงกำรพัฒนำพ้ืนที่ต้นแบบกำรพัฒนำ คณุ ภำพชวี ติ ตำมหลักทฤษฎใี หม่ประยุกตส์ ู่โคกหนองนำโมเดล 2. บทบำทภำรกจิ ของครัวเรอื นต้นแบบกำรพฒั นำคุณภำพชีวติ /นักพฒั นำพ้ืนทตี่ ้นแบบ(นพต.) 3. ยทุ ธศำสตรห์ รือประเดน็ สำคัญ ในกำรขบั เคล่อื นกำรดำเนนิ งำนใหบ้ รรลผุ ลสำเรจ็ 4. งำน/ กิจกรรม ในกำรดำเนินงำนตำมบทบำทภำรกิจของครัวเรือนต้นแบบกำรพัฒนำคุณภำพชีวิต และนักพัฒนำพ้นื ที่ตน้ แบบ 5. กำรจัดทำแผนปฏิบัติกำร ขับเคลื่อนงำน/กิจกรรม ในบทบำทหน้ำที่ครัวเรือนต้นแบบกำรพัฒนำ คณุ ภำพชีวิต /นกั พฒั นำพน้ื ทีต่ น้ แบบ เทคนคิ /วธิ กี ำร 1. บรรยำยประกอบสื่อ PowerPoint และคลิปวีดโี อ 2. แบง่ กลุม่ ระดมสมอง ตำมใบงำน 3. นำเสนอ แลกเปลยี่ น สรุปผล ขนั้ ตอน/กำรดำเนินกำร วิทยำกรแนะนำตัว เกริ่นนำ เตรียมควำมพร้อมในกำร เรียนรู้ให้เห็นควำมสำคัญของทักษะกำรฟังและกำรจับประเด็นผ่ำน กจิ กรรมกำรเล่ำนิทำน สรำ้ งควำมรูค้ วำมเขำ้ ใจเรอื่ งยุทธศำสตร์ และ ควำมเป็นมำของโครงกำรพัฒนำพ้ืนที่ต้นแบบกำรพัฒนำคุณภำพ ชีวิต ตำมหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคกหนองนำโมเดล จำกวีดีทัศน์ สรุปตัดต่อจำกกำรอบรม ผ่ำนระบบ Video Conference ของ ผู้อำนวยกำรกลุ่มงำนฯ นักวิชำกำรพัฒนำชุมชน และพัฒนำกำร อำเภอทัว่ ประเทศ ในวันท่ี 3 ธันวำคม 2563 ท่ี ศพช.นครนำยก

๑๑๘ วิทยำกรสรุปเช่ือมโยงโครงกำรพัฒนำพื้นท่ีต้นแบบฯ และ บทบำทภำรกิจของผู้แทนครัวเรือนพัฒนำ พื้นท่เี รยี นรู้ “โคก หนอง นำ โมเดล”ในโครงกำรพัฒนำหม่บู ำ้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง ประจำปีงบประมำณ 2564 วิทยำกรชวนคุย เร่ืองยุทธศำสตร์หรือประเด็นสำคัญ ในกำรขับเคล่ือนกำรดำเนินงำนให้บรรลผุ ลสำเรจ็ ของผูแ้ ทนครัวเรอื นพัฒนำพืน้ ทีเ่ รียนรู้ “โคก หนอง นำ โมเดล” และบรรยำยประกอบสื่อ ppt.งำน/ กจิ กรรม ในกำรดำเนนิ งำนตำมบทบำทภำรกิจของผูแ้ ทนครัวเรือนพฒั นำพน้ื ที่เรียนรู้ “โคก หนอง นำ โมเดล”

๑๑๙ มอบหมำยใบงำนให้แต่ละกลุ่มสี/หมู่บ้ำน 4 กลุ่ม ระดมสมอง จัดทำแผนปฏิบัติกำร ขับเคล่ือนงำน/ กิจกรรม ในบทบำทหน้ำท่ีของผู้แทนครัวเรือนพัฒนำพ้ืนท่ีเรียนรู้ “โคก หนอง นำ โมเดล” ประเด็นกิจกรรม/ ระยะเวลำ/ข้ันตอนวิธีกำรและประโยชน์ท่ีคำดว่ำจะได้รับ และรำยละเอียดกิจกรรม ในข้ันเตรียมกำร/ ข้ันดำเนินกำร/ข้ันประเมินผลและประชำสัมพันธ์ แล้วให้ส่งตัวแทนแต่ละกลุ่ม นำเสนอตัวอย่ำงแผนปฏิบัติ กำรฯ วทิ ยำกรสรุปเชอ่ื มโยง เติมเต็มและเปดิ โอกำสใหแ้ ลกเปลีย่ นซกั ถำม

๑๒๐ สรปุ ผลกำรเรยี นรู้ ผู้เข้ำอบรมแต่ละกลุ่มสี ต่ำงให้ควำมสนใจ ร่วมกันระดมสมอง เสนอควำมคิดเพ่ือออกแบบวำงแผน ปฏิบัติกำรร่วมกัน ให้กิจกรรมที่ต้องทำสำมำรถปฏิบัติได้จริงตำมกำหนดเวลำ เม่ือมีข้อสงสัยระหว่ำงวำงแผน ปฏิบัติกำร ก็มีกำรแลกเปล่ียนและซักถำมทีมวิทยำกร กำรนำเสนอของผู้แทนครัวเรือนพัฒนำพื้นที่เรียนรู้ “โคก หนอง นำ โมเดล”ได้รับควำมสนใจท่จี ะนำไปปรบั ประยกุ ตใ์ ชใ้ นกำรลงมือปฏบิ ตั จิ รงิ ในพนื้ ที่/หมู่บ้ำนของ ตนเองตอ่ ไป

๑๒๑ แบบสรปุ ผลกำรประเมนิ รำยวชิ ำฯ วชิ ำ กำรจดั ทำแผนปฏบิ ตั ิกำร “ยทุ ธศำสตร์กำรขบั เคลอ่ื นปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี งสู่กำรปฏิบัติ” ช่อื วิทยำกร นำงอภิญญำ โกมลรตั น์ ผู้อำนวยกำรศนู ยศ์ ึกษำและพฒั นำชุมชนลำปำง ผ้รู ับผดิ ชอบวชิ ำ นำงอัญชลี ป่งแกว้ นักทรัพยำกรบุคคลชำนำญกำร สว่ นที่ ๑ ควำมคิดเหน็ เก่ยี วกบั เนื้อหำวิชำ หวั ข้อ ระดับควำมคิดเหน็ คำ่ เฉลี่ย กำร 4.61 แปลผล ๑.กำรบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ของรำยวชิ ำ มำกทส่ี ุด มำก ปำนกลำง นอ้ ย น้อยท่สี ดุ มำก 240 132 8 0 0 ทส่ี ุด (62.7%) (0.0%) (34.5%) (2.1%) (0.0%) ๒.ควำมชัดเจนของเนื้อหำวิชำ 249 124 6 0 0 4.64 มำก (65%) (32.4%) (1.6%) (0.0%) (0.0%) ท่สี ุด ๓.ควำมรู้ ทักษะ ท่ไี ดร้ บั เพิม่ เตมิ จำก 233 140 6 0 0 4.59 มำก วชิ ำน้ี (60.8%) (36.6%) (1.6%) (0.0%) (๐.0%) ท่ีสดุ ๔.ควำมสำมำรถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ 234 137 7 0 0 4.60 มำก (61.1%) (35.8%) (1.8%) (0.0%) (0.0%) ที่สุด ภำพรวม 4.61 มำก ที่สุด จำกตำรำงท่ี ๑ ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 382 คน แสดงควำมคิดเห็นเก่ียวกับเน้ือหำวิชำ กำรจัดทำแผนปฏิบัติ กำร ยุทธศำสตร์กำรขับเคลื่อนปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงสู่กำรปฏิบัติ โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำกท่ีสุด ค่ำเฉลย่ี 4.61 โดยแยกพิจำรณำตำมลำดับควำมพงึ พอใจได้ ดงั น้ี 1. กำรบรรลวุ ัตถุประสงค์ของรำยวชิ ำ ระดับมำกท่ีสดุ ค่ำเฉล่ยี 4.61 2. ควำมชดั เจนของเน้อื หำวชิ ำ ระดับมำกที่สุด คำ่ เฉลยี่ 4.64 3. ควำมรู้ ทักษะ ทไี่ ดร้ บั เพิม่ เตมิ จำกวิชำนี้ ระดบั มำกท่ีสุด ค่ำเฉล่ยี 4.59 4. ควำมสำมำรถนำไปประยุกตใ์ ช้ ระดับมำกทสี่ ุด ค่ำเฉล่ีย 4.60 สว่ นท่ี ๒ ควำมพงึ พอใจต่อวทิ ยำกร หัวขอ้ มำกที่สุด ระดับควำมพึงพอใจ นอ้ ยทส่ี ดุ ค่ำเฉล่ีย กำร แปลผล มำก ปำนกลำง นอ้ ย ๑.ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอด/ 248 126 5 0 0 4.64 มำก (1.3%) (0.0%) (0.0%) บรรยำย (64.8%) (32.9%) ๒.เทคนิคและวิธีกำรทใี่ ช้ในกำรถ่ำยทอด 247 126 6 0 0 4.63 มำก ควำมรู้ (64.5%) (32.9%) (1.6%) (0.0%) (0.0%) ๓.กำรเปิดโอกำสใหซ้ ักถำม แสดงควำม 251 116 8 1 0 4.64 มำก คิดเห็น (65.5%) (30.3%) (2.1%) (0.3%) (๐.0%) ๔.กำรสร้ำงบรรยำกำศในกำรเรียนรู้ 244 130 3 0 0 4.63 มำก (63.7%) (33.9%) (0.8%) (0.0%) (๐.0%) ๕.บคุ ลกิ ภำพ (กำรแต่งกำย ท่ำทำง 238 127 9 0 0 4.61 มำก น้ำเสยี ง ฯลฯ) (62.1%) (33.2%) (2.3%) (0.0%) (๐.๐%) ภำพรวม 4.63 มำก

๑๒๒ จำกตำรำงที่ 2 ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 382 คน แสดงควำมพึงพอใจต่อวิทยำกรในวิชำ กำรจัดทำแผนปฏิบัติ กำร ยุทธศำสตร์กำรขับเคลื่อนปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงสู่กำรปฏิบัติ โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำก ค่ำเฉลย่ี 4.63 โดยแยกพจิ ำรณำเปน็ รำยประเดน็ ตำมลำดับไดด้ ังน้ี 1. ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอด/บรรยำย ระดับมำก ค่ำเฉล่ยี 4.64 2. เทคนคิ และวิธีกำรที่ใชใ้ นกำรถ่ำยทอดควำมรู้ ระดับมำก ค่ำเฉลย่ี 4.63 3. กำรเปดิ โอกำสใหซ้ ักถำม แสดงควำมคดิ เหน็ ระดบั มำก คำ่ เฉลี่ย 4.64 4. กำรสร้ำงบรรยำกำศในกำรเรียนรู้ ระดบั มำก ค่ำเฉลี่ย 4.63 5. บคุ ลิกภำพ (กำรแต่งกำย ท่ำทำง น้ำเสยี ง ฯลฯ) ระดบั มำก คำ่ เฉลีย่ 4.61 สงิ่ ทท่ี ำ่ นประทบั ใจในวิทยำกรทำ่ นนค้ี อื - ขอบคณุ ในควำมทมุ่ เทของวทิ ยำกรทุกทำ่ น - อัธยำศยั ดี - คุณธรรม=คุณ-นะ-ทำ! กลับไปต้องกลับไปทำงำนและต้องริเรมิ่ สรำ้ งสรรค์งำน ก่อร่ำงสร้ำงกลุ่ม สรำ้ ง ศนู ยก์ ำรเรยี นรู้นอกห้องเรียนใหค้ นในครอบครัว สมกับทใี่ นหลวงเรำพระองคท์ ่ำนไดว้ ำงแผนอนำคตไว้ได้ไกล มำกสดุ ท้ำยกต็ ้องกลบั มำเปน็ คนพัฒนำบำ้ นเมอื งชุมชนเรำ เกิดมำเป็นคนตอ้ งตอบแทนบุญคณุ ชำติ ศำสน์ พระมหำกษัตรยิ ค์ ุณแผน่ ดนิ บรรพบุรษุ ทเ่ี สียเลือด เสยี เนอ้ื เสยี สละเพื่อคนไทยมำจนถึงทกุ วันนี้ ขอขอบคุณ เจำ้ ของสถำนท่ีกำรเรยี นรู้ ครอู ำจำรย์ทุก ๆคนท่ีไดม้ อบควำมรู้ เบกิ ควำมคดิ ใหม่ๆให้...เปิดมุมมองทดี่ ี ๆให้ ดแู ลกันและกันทั้ง 5 วนั น้ี ซำบซ้งึ ใจเป็นทส่ี ดุ และทีข่ ำดไม่ไดก้ ็คอื แม่ครัวท่ที ำอำหำรทกุ มือ้ ให้ได้ทำนนะ สงิ่ ทว่ี ทิ ยำกรควรปรบั ปรงุ คอื - ระยะเวลำ ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเตมิ อื่น ๆ - ระยะเวลำนำนไป

๑๒๓ กิจกรรมเสรมิ หลกั สตู ร วชิ ำ สขุ ภำพพง่ึ ตน พฒั นำ 3 ขมุ พลงั “พลงั กำย พลงั ใจ พลงั ปญั ญำ” วทิ ยำกรหลัก ทมี วทิ ยำกร ศพช. ลำปำง วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพื่อใหผ้ ูเ้ ข้ำรับกำรฝึกอบรมได้ยืดเส้นยดื สำยออกกำลังกำยกอ่ นกำรฝกึ อบรม ๒. เพื่อพฒั นำพลังกำยพลังใจและพลงั ปัญญำ ด้วยกำรทำสมำธิ ระยะเวลำ จำนวน 3 ชั่วโมง ขอบเขตเนือ้ หำ ๑. กำรพฒั นำพลังกำย ด้วยกำรออกกำลังกำย 2. กำรพฒั นำพลงั ใจ กำรพัฒนำพลังปัญญำ ดว้ ยกำรทำสมำธิ เทคนิค/วธิ กี ำร ๑. วิทยำกรนำกระบวนกำรในกจิ กรรม ๒. วิทยำกรเปดิ สอื่ วดิ ีทัศน์ประกอบกิจกรรม ข้นั ตอน/กำรดำเนินกำร ทีมวิทยำกรประจำวันพูดคุยเกร่ินนำ เรียกสติควำมพร้อมของเช้ำวันใหม่ ทบทวนวันวำนกำรเรียนรู้ ในวันท่ีผ่ำนมำในมุมมองท่ีเป็นประโยชน์ต่อกำรนำไปใช้ในกำรนำหลักกสิกรรมธรรมชำติสู่ระบบเศรษฐกิจ พอเพียงกับกำรพัฒนำของกรมกำรพัฒนำชุมชนซ่ึงสอดคล้องกับ ยุทธศำสตร์กำรพัฒนำประเทศที่เหมำะสมตำมระบบโครงกำร ทำงสังคมในมิติต่ำง ๆ ทุกระบบและสร้ำงฐำนควำมรู้ให้เป็น ภูมิคุ้มกันต่อกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงรู้เท่ำทันควบคู่ไปกับกำร กระจำยควำมเจริญและกำรพัฒนำประเทศอย่ำงสมดุลระหว่ำง สังคมชนบทและสังคมเมืองตำมปรำกฏกำรณ์และสถำนกำรณ์ ของสังคมอย่ำงเป็นธรรมและทั่วถึงโดยใช้ฐำนควำมรู้ของคน ชุมชนในกำรแก้ไขปัญหำโดยมีเป้ำหมำยที่จะนำพำชีวิตเข้ำสู่ แนวทำงตำมวถิ ีชวี ิตเศรษฐกจิ พอเพยี ง (โคกหนองนำโมเดล) ส่ิงเดียวท่ีจะพำคนไทยกลับบ้ำนได้คือต้องน้อมนำหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบำทสมเด็จพระเจำ้ อยหู่ วั ฯรัชกำลที่ 9 มำเปน็ แนวทำงในกำรดำเนนิ ชวี ติ

๑๒๔ กำรพัฒนำ 3 ขุมพลัง กำรพัฒนำพลังสมำธิพลังจิตใจพลังกำยโดยเริ่มจำกกำรปลุกสมองให้พร้อม สำหรับกำรรับรู้เร่ืองรำวใหม่ๆท่ีจะได้รับวิทยำกรใหน้ ง่ั นั่งสมำธิพร้อมกับมีเสียงดนตรีดังเบำๆให้จิตใจสงบไม่ คิดฟุ้งซำ่ น ต่อด้วยกำรออกกำลังกำยเบำๆเพื่อเป็นกำร กระตุ้นร่ำงกำยโดยใช้กำรออกกำลังกำยหลังจำกน้ัน วทิ ยำกรได้นำเล่นกจิ กรรมเพอื่ เรียกควำมพร้อม สำหรับรำยละเอยี ดกิจกรรมท่ีทีมวิทยำกรใช้ เพ่ือกำรพัฒนำ 3 ขุมพลังน้ัน แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ซ่ึง ได้ดำเนินกำรในเวลำช่วงเช้ำ ก่อนกำรทำกิจกรรมทำง วิชำกำรในแต่ละวัน ในช่วงเช้ำวันที่ 2 – 5 ของกำร ฝึกอบรม แบ่งออกได้ดังนี้ 1. กำรออกกำลังกำยด้วย 10 ท่ำพยำยม ซึ่งมี วิทยำกรนำออกกำลังกำย ซ่ึงใช้เวลำประมำณ 15 นำที และผ่อนคลำย 5 นำที โดยให้ผู้เข้ำอบรมได้ทำตำม ได้แก่ 1) เศียรสะบัด 2) ต่อหมัดคู่ 3) แล้วชูเข่ำ 4) เกำตำตุ่ม 5) จุ่มให้ลึก 6) ศึกข้ำมเศียร 7) เวียนรอบตวั 8) ทัวร์ขำ้ งหลงั 9) ตงั้ ยบุ ข้อ 10) ตอ่ ตบมือ 2. กำรออกกำลังกำยประกอบส่ือ ซ่ึงทำงทีม วิทยำกร ได้นำมำใช้ โดยมีคณะวิทยำกร ได้นำผู้เข้ำรับ กำรฝกึ อบรม ดว้ ยทำ่ ทำง ประกอบกับ วีดที ศั น์ที่เปดิ ซ่ึง เป็นกำรอบอุ่นร่ำงกำย และกระตุ้นกำรรับรู้สู่ควำมพร้อม ในกำรเรียนรสู้ ่ิงใหม่ๆ ในช่วงเชำ้ และตลอดทั้งวันได้ ดียงิ่ ขึน้ 3. กำรฝึกทำสมำธิ และสงบจิตใจ โดยมีวิทยำกรนำกระบวนกำร ให้ผูเ้ ขำ้ รับกำรฝกึ อบรมได้ฝึกจิตใจ ตนเอง ซ่ึงกำรมีสมำธิที่ดีน้ัน ย่อมทำให้เกิดปัญญำ นำไปสู่ควำมคิด และกำรแก้ไขปัญหำที่พบเจอใน ชวี ติ ประจำวันไดด้ ีย่ิงขึน้ ตลอดจนควำมพร้อมในกำรเรียนรสู้ ง่ิ ใหม่ๆ สรุปผลกำรเรียนรู้ หลังจำกกำรพัฒนำ 3 ขุมพลังแล้ว วิทยำกรประจำวันซักซ้อมกระบวนกำรเรียนรู้ของในแต่ละวัน เพ่ือเตรียมพร้อมให้กับผู้เข้ำรับกำรอบรมว่ำ ในวันน้ันจะได้รับกำรเรียนรู้แลกเปล่ียนในเร่ืองใด ทำให้ผู้เข้ำรับ กำรอบรมไดท้ รำบและเตรียมตัวท่ีจะเรียนรใู้ นวนั น้ันอย่ำงไร ผู้เข้ำรับกำรอบรมมีส่วน ร่วมในกิจกรรม เป็นกำรกระตุ้นกำร รับกำรเรียนรู้ของในแต่ละวันได้ดี ผู้ เข้ำอบรมสนใจในกระกำรบวนกำร สร้ำงกำรพัฒนำ 3 ขุมพลัง และจะ นำไปประยุกต์ใช้ต่อในพื้นที่ของ ตนเอง เพ่ือให้พื้นที่ได้รับประโยชน์ และเลง็ เห็นถงึ กำรพฒั นำ 3 ขมุ พลงั

๑๒๕ แบบสรปุ ผลกำรประเมนิ รำยวชิ ำฯ วชิ ำ สุขภำพพ่งึ ตน พัฒนำ 3 ขมุ พลงั “พลังกำย พลงั ใจ พลงั ปัญญำ” ชือ่ วทิ ยำกร ทมี วทิ ยำกร ศพช.ลำปำง ส่วนท่ี ๑ ควำมคิดเหน็ เก่ียวกบั เนอื้ หำวชิ ำ ระดบั ควำมคิดเห็น หัวข้อ มำกท่สี ุด มำก ปำนกลำง น้อย น้อยทส่ี ดุ คำ่ เฉลย่ี กำรแปลผล ๑.กำรบรรลุวตั ถุประสงคข์ องรำยวชิ ำ 191 125 20 1 0 4.50 มำก (56.7%) (37.1%) (5.9%) (0.3%) (0.0%) ๒.ควำมชดั เจนของเนื้อหำวิชำ 196 122 18 00 4.52 มำกท่สี ดุ (58.2%) (36.2%) (5.3%) (0.0%) (0.0%) ๓.ควำมรู้ ทักษะ ทไี่ ดร้ บั เพ่มิ เติมจำก 207 107 19 01 4.55 มำกทสี่ ดุ วชิ ำนี้ (61.4%) (31.8%) (5.6%) (0.0%) (๐.3%) ๔.ควำมสำมำรถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ 185 128 20 0 1 4.48 มำก (54.9%) (38%) (5.9%) (0.0%) (0.3%) ภำพรวม 4.51 มำกทส่ี ดุ จำกตำรำงที่ ๑ ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 337 คน แสดงควำมคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหำวิชำสุขภำพพ่ึงตน พัฒนำ 3 ขุมพลัง “พลังกำย พลังใจ พลังปัญญำ” โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำกที่สุด ค่ำเฉล่ีย 4.51 โดยแยกพิจำรณำ ตำมลำดบั ควำมพงึ พอใจได้ ดงั นี้ 1. กำรบรรลุวตั ถปุ ระสงค์ของรำยวชิ ำ ระดบั มำก คำ่ เฉล่ีย 4.50 2. ควำมชดั เจนของเน้อื หำวชิ ำ ระดบั มำกที่สดุ คำ่ เฉล่ีย 4.52 3. ควำมรู้ ทกั ษะ ทไี่ ดร้ บั เพม่ิ เติมจำกวชิ ำน้ี ระดบั มำกท่สี ดุ ค่ำเฉลยี่ 4.55 4. ควำมสำมำรถนำไปประยกุ ต์ใช้ ระดบั มำก ค่ำเฉลย่ี 4.48 ส่วนท่ี ๒ ควำมพงึ พอใจต่อวทิ ยำกร หวั ขอ้ ระดบั ควำมพึงพอใจ คำ่ เฉลยี่ กำร 4.55 แปลผล ๑.ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอด/ มำกท่สี ุด มำก ปำนกลำง น้อย น้อยที่สดุ 4.51 บรรยำย มำก ๒.เทคนคิ และวิธกี ำรที่ใช้ในกำรถ่ำยทอด 205 111 20 0 0 ที่สดุ ควำมรู้ (60.8%) (0.0%) (32.9%) (5.9%) (0.0%) มำก 190 0 ที่สดุ (56.4%) 129 18 0 (0.0%) (38.3%) (5.3%) (0.0%) ๓.กำรเปิดโอกำสใหซ้ กั ถำม แสดงควำม 185 129 19 2 0 4.48 มำก คิดเหน็ (54.9%) (38.3%) (5.6%) (0.6%) (๐.0%) ๔.กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรยี นรู้ 191 120 24 0 0 4.49 มำก (56.7%) (35.6%) (10.3%) (0.0%) (๐.0%) ๕.บคุ ลิกภำพ (กำรแต่งกำย ทำ่ ทำง นำ้ เสียง ฯลฯ) 186 123 23 0 0 4.49 มำก (55.2%) (36.5%) (6.8%) (0.0%) (๐.๐%) ภำพรวม ๔.50 มำก

๑๒๖ จำกตำรำงที่ 2 ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 337 คน แสดงควำมพึงพอใจต่อวิทยำกรในวิชำสขุ ภำพพ่ึงตน พัฒนำ 3 ขุมพลัง “พลังกำย พลังใจ พลังปัญญำ”โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำก ค่ำเฉลี่ย 4.50 โดยแยกพิจำรณำเป็น รำยประเด็น ตำมลำดับไดด้ งั นี้ 1. ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอด/บรรยำย ระดบั มำก คำ่ เฉล่ยี 4.55 2. เทคนคิ และวธิ กี ำรทใ่ี ช้ในกำรถ่ำยทอดควำมรู้ ระดบั มำก คำ่ เฉลย่ี 4.51 3. กำรเปิดโอกำสให้ซักถำม แสดงควำมคดิ เห็น ระดบั มำก ค่ำเฉลย่ี 4.49 4. กำรสร้ำงบรรยำกำศในกำรเรยี นรู้ ระดบั มำก คำ่ เฉลีย่ 4.49 5. บคุ ลกิ ภำพ (กำรแต่งกำย ท่ำทำง น้ำเสียง ฯลฯ) ระดบั มำก คำ่ เฉล่ยี 4.50 ส่งิ ที่ท่ำนประทบั ใจในวทิ ยำกรท่ำนนค้ี อื - กำรใหค้ วำมรู้ นำเสนอได้ดี ทำให้ไมเ่ บอ่ื - สนกุ วิทยำกรสอนไมง่ ว่ ง - มีควำมเปน็ กนั เองและแนะนำกับผู้อบรม - ไดร้ บั ควำมรู้ ชดั เจน สร้ำงสรรค์ - กระตุ้นควำมต่ืนตวั ได้มำก ๆ - ประทับใจกำรใหค้ วำมรู้ และควำมจรงิ ใจ สิง่ ที่วทิ ยำกรควรปรับปรงุ คอื - ไมม่ ี ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม อน่ื ๆ - มีกิจกรรมให้เยอะ

๑๒๗ วชิ ำ กตญั ญตู อ่ สถำนที่ พฒั นำจติ ใจ ทำบญุ ตกั บำตร วทิ ยำกร ทมี วิทยำกร ศพช. ลำปำง วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อให้ผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรมรู้จักกำรวำงแผนกำรทำงำนเป็นทีม ได้ฝึกวินัยและคุณธรรม กตัญญูต่อ สถำนที่ รู้คุณของท่ีอยู่อำศัย รู้คุณของกำรศึกษำวิชำควำมรู้ที่ทำให้เรำเข้ำสู่ภำวะมีวิชำควำมรู้ รู้คุณท้ังท่ี ประกอบอำชพี กำรงำนและสืบสำนมรดกวฒั นธรรมแล้ว กำรทำบญุ ตกั บำตรเพ่มิ ควำมเปน็ สิรมิ งคลแกช่ ีวิต ระยะเวลำ จำนวน 3 ชัว่ โมง ขอบเขตเนื้อหำ กำรทำกิจกรรมแบบพ่ึงตนเอง และใช้ทรัพยำกรที่มีอย่ำงจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดำรงชีวิต วำงแผนกำรทำงำนเป็นทีม ฝึกวินัยและคุณธรรมรู้คุณของท่ีอยูอ่ ำศัย รู้คุณของกำรศึกษำวิชำควำมรู้ท่ีทำใหเ้ รำ เข้ำสูภ่ ำวะมวี ิชำควำมรู้ รู้คุณท้งั ท่ปี ระกอบอำชีพกำรงำนและสบื สำนมรดกวัฒนธรรมแลว้ เทคนิค/วิธีกำร ๑. กำรเรยี นรู้จำกกำรปฏิบัติ กำรดแู ลรับผดิ ชอบโซนทไ่ี ดร้ บั มอบหมำย ๒. กำรบรหิ ำรจดั กำรรำยกล่มุ / รนุ่ ข้นั ตอน/กำรดำเนนิ กำร ทีมวิทยำกรทำกำรแบ่งกลุ่ม ของผู้เข้ำรับกำร ฝึกอบรม และมอบหมำยภำรกิจพ้ืนที่รับผิดชอบในแต่ ละหมู่บ้ำน ในกำรบำเพ็ญประโยชน์ และแสดงควำม กตัญญูต่อสถำนที่ฝึกอบรม ภำยในศูนย์ศึกษำและ พัฒนำชุมชนลำปำง กำรรับผิดชอบโซนรักษำควำม สะอำด โซนกำรทำเสวยี นต้นไม้ กำรพัฒนำ 3 ขุมพลัง กำรพัฒนำพลังสมำธิ พลังจิตใจพลังกำยโดยเร่ิมจำกกำรปลุกสมองให้พร้อม สำหรับกำรรับรูเ้ รื่องรำวใหม่ๆที่จะไดร้ ับวิทยำกรให้นงั่ นงั่ สมำธพิ ร้อมกับมีเสียงดนตรดี ังเบำๆให้จติ ใจสงบไม่คิด ฟ้งุ ซำ่ นตอ่ ด้วยกำรออกกำลงั กำยเบำๆเพือ่ เป็นกำรกระตุ้นร่ำงกำยโดยใช้กำรออกกำลังกำยหลงั จำกนัน้ วิทยำกร ไดน้ ำเล่นกจิ กรรมเพอ่ื เรียกควำมพรอ้ ม สำหรับรำยละเอียดกิจกรรมที่ทีมวิทยำกรใช้ เพ่อื กำรพฒั นำ 3 ขุมพลงั น้ัน แบ่งออกเปน็ 3 ช่วง ซง่ึ ได้ ดำเนินกำรในเวลำช่วงเช้ำ ก่อนกำรทำกิจกรรมทำงวิชำกำรในแต่ละวัน ในช่วงเช้ำวันท่ี 2 – 5 ของกำร ฝึกอบรม แบง่ ออกไดด้ งั นี้ 1. กำรออกกำลังกำยด้วย 10 ทำ่ พยำยม ซึง่ มีวิทยำกรนำออกกำลงั กำย ซ่งึ ใชเ้ วลำประมำณ 15 นำที และผ่อนคลำย 5 นำที โดยให้ผู้เข้ำอบรมได้ทำตำม ได้แก่ 1) เศียรสะบัด 2) ต่อหมัดคู่ 3) แล้วชูเข่ำ 4) เกำตำตมุ่ 5) จุม่ ใหล้ กึ 6) ศึกขำ้ มเศยี ร 7) เวียนรอบตวั 8) ทัวรข์ ำ้ งหลัง 9) ตงั้ ยุบขอ้ 10) ต่อตบมือ

๑๒๘ 2. กำรออกกำลังกำยประกอบสื่อ ซึ่งทำงทีมวิทยำกร ได้นำมำใช้ โดยมีคณะวิทยำกร ได้นำผู้เข้ำรับ กำรฝึกอบรม ด้วยท่ำทำง ประกอบกับ วีดีทัศน์ที่เปิด ซ่ึงเป็นกำรอบอุ่นร่ำงกำย และกระตุ้นกำรรับรู้สู่ควำม พร้อม ในกำรเรียนรู้สง่ิ ใหมๆ่ ในชว่ งเชำ้ และตลอดท้ังวันได้ดียิ่งข้นึ 3. กำรฝึกทำสมำธิ และสงบจิตใจ โดยมีวิทยำกร นำกระบวนกำร ให้ผ้เู ข้ำรบั กำรฝกึ อบรมไดฝ้ ึกจติ ใจตนเอง ซึ่งกำรมีสมำธิที่ดีน้ัน ย่อมทำให้เกิดปัญญำ นำไปสู่ ควำมคิด และกำรแก้ไขปัญหำท่ีพบเจอในชีวิตประจำวัน ได้ดยี ิ่งขน้ึ ตลอดจนควำมพรอ้ มในกำรเรียนรสู้ งิ่ ใหม่ๆ สรุปผลกำรดำเนินกำร เป็นอีกกิจกรรมท่ีสร้ำงกำรเรียนรู้ กำรวำงแผน กำรแบ่งคน แบ่งงำน ให้ตรงกับควำมถนัดและศักยภำพ ของแต่ละบุคคล “Put the right man on the right job” จนเกิดเป็นพลังควำมสำมัคคี สร้ำงผลงำน ควำมสำเร็จฝำกไว้ให้กับ ศพช. ลำปำง ซ่ึงได้เสวียนต้นไม้สำหรับเป็นธนำคำรใบไม้ กำรรักษำควำมสะอำดใน พ้ืนที่โซนที่รับผิดชอบของแต่ละหมู่เป็นกำรสร้ำงวินัยให้เกิดข้ึน รวมถึงกำรได้ร่วมกันกำรทำบุญ ตักบำตร สร้ำงบญุ กุศลเพ่มิ ควำมเปน็ สิริมงคลแกช่ วี ติ

๑๒๙ แบบสรปุ ผลกำรประเมนิ รำยวชิ ำฯ วิชำ กตัญญูตอ่ สถำนท่ี พัฒนำจติ ใจ ทำบญุ ตักบำตร ชื่อวิทยำกร ทมี วิทยำกร ศพช.ลำปำง ส่วนท่ี ๑ ควำมคิดเหน็ เกย่ี วกบั เน้ือหำวชิ ำ หัวข้อ มำกทีส่ ุด ระดับควำมคิดเห็น นอ้ ยที่สดุ ค่ำเฉล่ยี กำร แปลผล มำก ปำนกลำง นอ้ ย ๑.กำรบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคข์ องรำยวชิ ำ 243 123 17 0 0 4.59 มำก (63.4%) (32.1%) (4.4%) (0.0%) (0.0%) ที่สดุ ๒.ควำมชัดเจนของเนื้อหำวิชำ 234 130 19 0 0 4.56 มำก (61.1%) (33.9%) (5%) (0.0%) (0.0%) ท่สี ดุ ๓.ควำมรู้ ทักษะ ทไ่ี ดร้ บั เพิ่มเตมิ จำก 232 134 16 0 0 4.56 มำก วิชำนี้ (60.6%) (35%) (4.2%) (0.0%) (๐.0%) ที่สุด ๔.ควำมสำมำรถนำไปประยกุ ต์ใช้ 239 126 15 1 0 4.58 มำก (62.4%) (32.9%) (3.9%) (0.3%) (0.0%) ที่สดุ ภำพรวม 4.57 มำก ทสี่ ดุ จำกตำรำงที่ ๑ ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 382 คน แสดงควำมคิดเห็นเก่ียวกับเนื้อหำวิชำ กตัญญูต่อสถำนท่ี พัฒนำจิตใจ ทำบุญตักบำตร โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำกที่สุด ค่ำเฉลี่ย 4.46 โดยแยกพิจำรณำตำมลำดับ ควำมพึงพอใจได้ ดังนี้ 1. กำรบรรลุวตั ถปุ ระสงค์ของรำยวชิ ำ ระดับมำกทสี่ ุด คำ่ เฉลยี่ 4.59 2. ควำมชัดเจนของเนือ้ หำวชิ ำ ระดับมำกที่สดุ คำ่ เฉล่ยี 4.56 3. ควำมรู้ ทักษะ ที่ไดร้ บั เพิ่มเติมจำกวิชำนี้ ระดับมำกทส่ี ุด ค่ำเฉลย่ี 4.56 4. ควำมสำมำรถนำไปประยกุ ต์ใช้ ระดบั มำกทสี่ ดุ คำ่ เฉลีย่ 4.58 ส่วนท่ี ๒ ควำมพงึ พอใจต่อวิทยำกร หวั ขอ้ ระดับควำมพงึ พอใจ คำ่ เฉลย่ี กำร 4.59 แปลผล ๑.ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถำ่ ยทอด/ มำกท่ีสุด มำก ปำนกลำง นอ้ ย นอ้ ยท่สี ุด บรรยำย มำก 243 123 17 0 0 ที่สดุ (63.4%) (0.0%) (32.1%) (4.4%) (0.0%) ๒.เทคนคิ และวิธกี ำรที่ใชใ้ นกำรถ่ำยทอด 237 134 11 0 0 4.59 มำก ควำมรู้ (61.9%) (35%) (2.9%) (0.0%) (0.0%) ที่สุด ๓.กำรเปิดโอกำสให้ซกั ถำม แสดงควำม 232 133 17 1 0 4.55 มำก คดิ เหน็ (60.6%) (34.7%) (4.4%) (0.3%) (๐.0%) ที่สดุ ๔.กำรสรำ้ งบรรยำกำศในกำรเรยี นรู้ 233 130 19 0 0 4.56 มำก (60.8%) (33.9%) (5%) (0.0%) (๐.0%) ทสี่ ดุ ๕.บคุ ลิกภำพ (กำรแต่งกำย ท่ำทำง 227 122 29 0 0 4.52 มำก น้ำเสยี ง ฯลฯ) (59.3%) (31.9%) (7.6%) (0.0%) (๐.๐%) ทส่ี ดุ ภำพรวม 4.56 มำก ทส่ี ดุ

๑๓๐ จำกตำรำงที่ 2 ผู้ตอบแบบประเมิน จำนวน 382 คน แสดงควำมพึงพอใจต่อวิทยำกรในวิชำ กตัญญูต่อสถำนท่ี พัฒนำจิตใจ ทำบุญตักบำตร โดยภำพรวมอยู่ในระดับ มำกท่ีสุด ค่ำเฉลี่ย 4.41 โดยแยกพิจำรณำเป็นรำย ประเดน็ ตำมลำดับไดด้ งั นี้ 1. ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอด/บรรยำย ระดับมำกที่สุด คำ่ เฉลยี่ 4.59 2. เทคนคิ และวธิ กี ำรทีใ่ ชใ้ นกำรถำ่ ยทอดควำมรู้ ระดบั มำกท่สี ดุ ค่ำเฉลี่ย 4.59 3. กำรเปดิ โอกำสใหซ้ กั ถำม แสดงควำมคิดเหน็ ระดับมำกท่สี ุด ค่ำเฉลี่ย 4.55 4. กำรสร้ำงบรรยำกำศในกำรเรียนรู้ ระดบั มำกท่สี ุด คำ่ เฉลยี่ 4.56 5. บคุ ลิกภำพ (กำรแตง่ กำย ทำ่ ทำง นำ้ เสียง ฯลฯ) ระดับมำกท่สี ดุ คำ่ เฉลยี่ 4.52 สงิ่ ทที่ ำ่ นประทบั ใจในวิทยำกรทำ่ นนค้ี อื - เทคนิคกำรพูด - อธั ยำศัยดี ใหค้ ำแนะนำดี - เปน็ กนั เองทุกท่ำนค่ะ - เหมำะสมกบั วชิ ำที่ไดร้ ับ - ทุกคนเก่ง สง่ิ ทวี่ ทิ ยำกรควรปรบั ปรงุ คือ - ไมม่ ี ข้อเสนอแนะเพิม่ เติม อ่ืน ๆ - อยำกมำอีกหลังเสร็จสิ้นโครงกำร

๑๓๑ กจิ กรรม “ในหลวง ในดวงใจ” วิทยำกรหลัก นำงสำวศรญั ยำ ปำปลกู นักทรัพยำกรบคุ คลปฏบิ ตั กิ ำร วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือให้ผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรม ตระหนักถึงควำมสำคัญของสถำบันพระมหำกษัตริย์ พระบำทสมเด็จ พระบรมชนกำธิเบศร มหำภมู ิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร (รัชกำลท่ี 9) ท่ีทรงงำนหนกั เพ่ือประชำชน และประเทศไทย 2. เพ่อื ใหผ้ ูเ้ ขำ้ รับกำรฝึกอบรมสำนึกในพระมหำกรุณำธิคุณ และรว่ มสืบสำน รกั ษำ และต่อยอด ตำม พระปฐมบรมรำชโองกำรของพระบำทสมเด็จพระปรเมนทรรำมำธิบดีศรสี ินทรมหำวชริ ำลงกรณ์ พระวชริ เกล้ำ เจ้ำอยู่หัว ระยะเวลำ จำนวน ๑ ชวั่ โมง ขอบเขตเนื้อหำ 1. พระรำชกรณียกิจของพระบำทสมเด็จพระบรมชนกำธิเบศร มหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรม นำถบพิตร (รัชกำลที่ 9) สู่พระรำชปณิธำนของพระบำทสมเด็จพระปรเมนทรรำมำธิบดีศรีสินทรมหำวชิรำลง กรณ์ พระวชิรเกลำ้ เจำ้ อยูห่ ัว 2. หลักกำรทรงงำนของรชั กำลที่ ๙ พระบำทสมเดจ็ พระบรมชนกำธเิ บศร มหำภมู ิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร และพระรำชกรณียกิจของรัชกำลท่ี ๑๐ พระบำทสมเด็จพระปรเมนทรรำมำธิบดีศรีสินทรม หำวชิรำลงกรณ พระวชิรเกล้ำเจำ้ อย่หู ัว ในกำรสืบสำน รักษำ และต่อยอดโครงกำรอันเนอื่ งมำจำกพระรำชดำริ ตลอดจนแนวพระรำชดำรขิ องรัชกำรที่ ๙ ในกำรบำบัดทุกข์และบำรุงสุขให้แก่ประชำชน และพัฒนำประเทศชำติให้เจริญกำวหน้ำ และเพื่อให้เกิด ประโยชนส์ งู สุดแก่ ปวงประชำชำวไทยสบื ไป เทคนิค/วิธกี ำร 1. วิทยำกรใช้สื่อวิดีทศั น์ “เรื่องในหลวง ในดวงใจ” ใหผ้ ู้เข้ำรบั กำรฝกึ อบรมได้ดูและสะท้อนควำมรู้สึกที่ มีตอ่ สถำบันพระมหำกษัตรยิ ์ 2. กำรเขียนใบปณิธำนถวำยควำมดี สรปุ ผลกำรเรยี นรู้ 1. วิทยำกรใช้ส่ือวิดีทัศน์ “เรื่องในหลวง ในดวงใจ” ให้ผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรมได้ดูและสะท้อนควำมรู้สึกท่ีมีต่อ สถำบันพระมหำกษัตริย์

๑๓๒ 2. กำรเขยี นใบปณธิ ำนถวำยควำมดี เริ่มต้นจำกพิธีกรเตรียมควำมพร้อมของผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรมสำหรับกำรเข้ำสู่วิชำ ในหลวงในดวงใจ (เทิดทูน สถำบันพระมหำกษัตริย์) จำกน้ันวิทยำกรเปิดวีดีทัศน์ในเร่ือง หลักกำรทรงงำนของรัชกำลท่ี ๙ และพระรำชกรณียกิจของ รัชกำลท่ี ๑๐ ในกำรสืบสำน รกั ษำ และต่อยอดโครงกำรอันเนื่องมำจำกพระรำชดำริและแนวพระรำชดำริของรชั กำลท่ี ๙ ในกำรบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชำชน และพัฒนำประเทศชำติให้เจริญก้ำวหน้ำ เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ปวง ประชำชำวไทยสืบไป วิทยำกรกล่ำวเชิญชวนผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรมทุกท่ำน ร่วมทำควำมดี ด้วยกำรเขียนคำปณิธำนเพ่ือแสดงควำมจงรักภักดี และต้ังปณิธำนควำมดี ถวำยแด่รัชกำลท่ี ๙ และรัชกำลท่ี ๑๐ ในประโยคที่ว่ำ “ดิฉันอยำกให้ทุกท่ำน นำเอำวิชำควำมรู้ที่ได้รับจำกกำรฝึกอบรมในคร้ังน้ี นำไปปรับใช้ให้เกิด ประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและชุมชน เพื่อดำเนินตำมรอยเบ้ืองพระยุคลบำล ด้วยสำนึกในพระมหำกรุณำธิคุณอันหำท่ีสุดมิได้ และร่วมทำควำมดีด้วยกำร เขียนปณิธำนถวำยแด่พระบำทสมเด็จพระปรเมนทร รำมำธิบดีศรีสินทร มหำวชิรำลงกรณ พระวชิรเกล้ำเจ้ำอยู่หัว” จำกน้ัน วิทยำกรเชิญทีมงำนแจกใบปณิธำนถวำยควำมดีให้กับผู้ เข้ำรับกำรฝึกอบรมทุกคนเขียน พร้อมกับกำรเปิดเพลง “ตำมรอยเท้ำพ่อ” เม่ือผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรมเขียนใบปณิธำนถวำยควำมดีเสร็จสิ้น วิทยำกร กล่ำวนำเตรียมถวำยควำมเคำรพพระบรมฉำยำลักษณ์ ดังนี้ ทั้งหมดตรง!! “เตรียมถวำยควำมเคำรพพระบรมฉำยำลักษณ์ พระบำทสมเด็จพระ ปรเมนทรรำมำธิบดศี รสี นิ ทรมหำวชิรำลงกรณ พระวชริ เกล้ำเจำ้ อย่หู วั ดว้ ยกำรร้องเพลงสรรเสรญิ พระบำรมรี ่วมกัน”

๑๓๓ วิทยำกรนำร้องเพลงสรรเสริญพระบำรมี และถวำยใบปณิธำนควำมดีต่อหน้ำพระบรมฉำยำลักษณ์ พระบำทสมเดจ็ พระปรเมนทรรำมำธิบดีศรสี ินทร มหำวชริ เกล้ำเจำ้ อยู่หัว ผลกำรเรยี นรู้ ผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรม มีควำมสนใจและต้ังใจในกำรตั้งปณิธำนถวำย ควำมดีต่อสถำบันของชำติ ศำสนำและพระมหำกษัตริย์ เกิดควำมซำบซ้ึงในพระ มหำกรณุ ำธิคุณของพระบำทสมเด็จพระบรมชนกำธิเบศร มหำภูมพิ ลอดุลย เดชมหำรำชบรมนำถบพิตร รัชกำลที่ ๙ และพระรำชกรณียกิจของ พระบำทสมเด็จพระปรเมนทรรำมำธิบดีศรีสินทร มหำวชิรเกล้ำเจ้ำอยู่หัว รัชกำลท่ี 10 ท่ีจะสืบสำน รักษำ และต่อยอดโครงกำรอันเน่ืองมำจำก พระรำชดำรแิ ละแนวทำงพระรำชดำริของรัชกำลที่ ๙ อกี ทง้ั ยังก่อให้เกิดแรงบันดำลใจในกำรทำงำน เพื่อพัฒนำพืน้ ท่ี ของตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และประเทศชำติ ตอ่ ไป กำรเขยี นปณธิ ำนถวำยควำมดี รนุ่ ที่ 1 - นำเอำควำมรเู้ รอ่ื งกำรทำเกษตรแบบพอเพียงทไี่ ด้รับไปเผยแพรค่ นในชุมชน เพื่อสรำ้ งควำมยงั่ ยืนให้ชุมชน - น้อมนำปฏิบัตติ ำมหลกั ปรชั ญำเศรษฐกจิ พอเพยี ง อดออม พ่ึงพำตนเองให้จงได้ - ประพฤตติ นเปน็ แบบอย่ำงทดี่ ีให้กับชำวบำ้ นตลอดไป - ทำเพ่ือชุมชนให้อยดู่ ี กนิ ดี มีสุขภำพดีตลอดไป - นอ้ มนำคำทพี่ ่อสอนและนำไปปฏิบัติจนสุดควำมสำมำรถ - ตั้งใจฝกึ ปฏิบัติและขับเคลือ่ นโคก หนอง นำ ใหด้ ีท่ีสดุ - ดำรงไว้ในวถิ พี อเพียง พออยู่ พอกนิ จะซอ่ื สัคย์และสจุ รติ พัฒนำแผด่ ินเกิดของตนเองใหด้ ยี ิง่ ๆ ขึ้นไป - ทำเศรษฐกิจพอเพียงใหส้ ำเรจ็ จะประหยัด อดออม และมีควำมเพยี ร - สรำ้ งควำมสขุ ควำมพออยู่ พอกิน ของพนี่ อ้ งในชมุ ชน - นำพำคนในชุมชนใหพ้ น้ จำกควำมอดอยำกยำกไร้ พบควำมรักควำมสำมัคคี ตำมศำสตร์พระรำชำ - สบื สำนพฒั นำโคก หนอง นำ เพอ่ื เป็นแหลง่ อำหำรของแผ่นดนิ พอ่ - มงุ่ มัน่ สืบสำน เกษตรทฤษฎใี หม่ “โคก หนอง นำ” ให้สำเร็จ และเผยแพรใ่ นชมุ ชนให้จงได้ - ใช้หนีท้ ่ใี หใ้ นเวลำ 2 ปีนี้ และช่วยเพ่ือนในชมุ ชนท่ีมหี นี้ใหห้ มดด้วยกัน - ทำแต่ควำมดี พฒั นำชมุ ชน - ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิเป็นตัวอย่ำงแบบอยำ่ งท่ดี ี และเผยแพร่เศรษฐกิจพอเพยี งใหก้ ับชมุ ชนได้เข้มแขง็

๑๓๔ - พัฒนำคน พัฒนำชมุ ชน สร้ำงควำมมัน่ คงให้กับตนเองและชุมชน - ตง้ั ใจทำเกษตรอนิ ทรยี ์ และยึดหลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง - ตัง้ ใจ ใฝ่รู้ นำไปปฏบิ ตั ิสชู่ มุ ชนในกำรพฒั นำทรัพยำกรธรรมชำติ ตอ่ ไป - ทำตำมหลกั ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง ด้วย 3 ไม่ “ไมล่ บลู่ ไม่ทำลำย ไม่ทะเลำะ” - เดินตำมรอยพอ่ สู่ควำมยัง่ ยนื - ตั้งใจประกอบวิชำชพี กำรเกษตรให้เป็นตวั อยำ่ งกำรเรียนรูใ้ หก้ บั คนท่วั ไป - เรียนรู้ ลงมือทำ ไม่มสี ่ิงใดทีท่ ำแล้วจะล้มเหลวไปตลอด - สืบสำนกำรพฒั นำตนเองและพฒั นำชุมชนในกำรทำเกษตรพอเพียงและทฤษฎใี หม่ให้ตอ่ ยอดและพฒั นำต่อไป - นำปรชั ญำเศรษฐกิจพอเพียง หลักกสิกรรมธรรมชำตไิ ปใชใ้ นชีวติ - ด้วยศรทั ธำในส่ิงทพ่ี ่อทำ จะขอทำตำมศรัทธำ - ทมุ่ เทนำควำมรคู้ วำมสำมำรถท่ีมพี ร้อมน้อมนำหลกั ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงสคู่ รอบครัว ชมุ ชน และสงั คม - ขอปณธิ ำนสำนตอ่ โครงกำรของพอ่ มิใหพ้ ่อผดิ หวงั - คิดดี ทำดี - ทำเกษตรอนิ ทรยี ์บนวิถีควำมพอเพยี ง - ดำเนินชีวิตบนทำงสำยกลำง ด้วยหลักปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงตำมรอยพ่อหลวงของแผ่นดิน จะยึดมั่น ทำนุ บำรุง รักษำเกษตรพอเพียงตลอดไป - ตง้ั ใจจะนำควำมรู้ที่ไดร้ ับในกำรอบรมคร้งั นี้ไปพัฒนำชุมชนดว้ ยควำมมุ่งมั่น ไม่ยอ่ ทอ้ เพื่อใหป้ วงชนของพระองค์มีควำม ย่งั ยืนทำงอำหำรและมั่นคง - ตง้ั ใจไปพฒั นำชุมชนของตนเองให้มั่นคง ย่งั ยืน รม่ เย็น - พง่ึ พำตนเองและจะปฏบิ ัติตำมศำสตรพ์ ระรำชำดว้ ยควำมเพียรและเปน็ ศนู ยเ์ รยี นรู้ในวันหนึ่ง - ขยัน ประหยัด อดทน ลด ละ เลิกอบำยมุข - จะตำมรอยพ่อให้ถงึ ฝง่ั ใหไ้ ด้ จะไมย่ ่อทอ้ ไมว่ ำ่ จะเหน่อื ยเพียงใด จะสจู้ นถงึ ทส่ี ุด - กำรพัฒนำเพื่อครอบครัวและคนในชุมชนได้มีชีวิตท่ีพออยู่ พอกิน พอใช้ในชีวิตประจำวัน เพ่ิมรำยได้ ลดรำยจ่ำยใน ครวั เรือน - อดทนทำตำมคำสอนของพ่อ ศำสตร์พระรำขำดว้ ยควำมต้ังใจไม่ยอ่ ทอ้ ต่ออุปสรรค - เปลยี่ นควำมคิด ปรับทัศนคติ ขยันลงมอื ทำ ขยำยให้ชมุ ชน - ทำเกษตรอินทรีย์ ปลกู ปำ่ ให้สมบูรณ์เพมิ่ พืน้ ท่ีสีเขียวใหแ้ ผ่นดนิ ไทย ตำมรอยเทำ้ พอ่ - ทำตำมแนวทฤษฎเี ศรษฐกิจพอเพียงให้บรรลุควำมสำเรจ็ อย่ำงมน่ั คงยัง่ ยืน - นอ้ มนำ เขำ้ ใจ เขำ้ ถงึ มงุ่ มน่ั พฒั นำชมุ ชนตอ่ ไป - จะจงรกั ภักดตี ่อชำติ ศำสนำ พระมหำกษตั รยิ ์ และตง้ั ใจทำโคก หนอง นำ ให้เกิดผลสำเร็จ รุ่นท่ี 2 - นำศำสตรพ์ ระรำชำไปปรับใช้ใหส้ ำเร็จและยั่งยืน - ทำโครงกำร โคก หนอง นำ โมเดล ให้สำเรจ็ ตำมควำมประสงค์ และจะนำไปพัฒนำในหมู่บำ้ น - ปฏบิ ตั เิ ดนิ ตำมรอยเท้ำพอ่ จนสำเรจ็ ภำยในระยะเวลำ 5 ปี - ทำควำมดีตอ่ ครอบครัว ชุมชน ตำบล และเพื่อคนไทยท้งั ประเทศ

๑๓๕ - ทำควำมดีเพ่ือแผ่นดิน ทำตำมรอยของพ่อรัชกำลที่ 9 และรัชกำลที่ 10 เพือ่ ชำตไิ ทย - ประโยชน์ของเพอื่ นมนษุ ยเ์ ปน็ กจิ ทหี่ นง่ึ ประโยชน์สว่ นตนเปน็ กจิ ที่สอง - ทำงำนใหเ้ กิดประโยชน์สงู สดุ - ตำมรอยพ่อ อยู่อยำ่ งพอเพียง - เป็น “นักพัฒนำ นกั บุญ” ยดึ หลกั กำรดำเนินชีวติ ตำมหลกั ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพยี ง ตอไป - น้อมนำตำมแนวพระรำชดำรไิ ปปฏบิ ัตใิ นกำรดำรงชวี ติ - ขยนั อดออม ประหยดั และเดินตำมรอยพ่อ - เปน็ ขำ้ ของแผน่ ดนิ ทีซ่ อื่ สัตย์ จะประกอบอำชพี ดว้ ยควำมขยนั อดทน ประหยดั สจุ ริต - ทำตำมรอยเทำ้ พ่อตลอดไป และจงรกั ภกั ดีตอ่ ชำติ ศำสนำ พระมหำกษตั รยิ ์ - ทำควำมดแี ละจะดำเนินโครงกำรทไ่ี ด้รับมำอยำ่ งยงั่ ยนื - นำควำมรู้ท่ีได้รับไปปฏิบัติให้จงได้ และจะนำควำมรู้ไปขยำยให้กับหมู่บ้ำน เพ่ือให้เกิดควำมสุข ควำมพอกิน พอใช้ พอ ร่มเย็น - ขยัน อดทน ประหยัด ประพฤตดิ ี ทำดถี วำยแดพ่ ระองค์ ทรงพระเจริญย่ิงยืนนำน - ต้ังใจทำงำน สำนตอ่ สง่ิ ท่พี ่อสร้ำงให้ชุมชนม่ันคงและเข้มแข็ง ต่อไป - นำเอำควำมร้ทู ี่ได้จำกกำรอบรมไปต่อยอด เพ่ือพฒั นำหม่บู ้ำนให้มีควำมเจริญกำ้ วหน้ำและมั่นคง - จะปฏบิ ัตติ ำมหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพ่อื ช่วยเหลอื สงั คม - นำหลักเศรษฐกจิ พอเพียงไปใช้ในชีวติ ประจำวนั และขยำยให้ได้ทุกครวั เรือนในชุมชน - โคก หนอง นำ โมเดล คอื หวั ใจ จะทำให้ได้ - ปฏิบัติตำมคำสอนของพ่อ ปรชั ญำเศรษฐกิจพอเพียง “เรำทำได้ ดว้ ยมือเรำ” - พัฒนำตน พัฒนำคน และพฒั นำงำน จำกควำมร้คู วำมสำมำรถท่ีไดร้ ับจำกกำรอบรมในครั้งน้ี - นำโครงกำร โคก หนอง นำ นีไ้ ปต่อยอดในหมู่บ้ำนและชุมชนให้มีควำมเป็นอยู่พอเพียง - จะดำรงชีวิตอยำ่ งพอเพยี ง - สบื สำน รกั ษำ ต่อยอด โคก หนอง นำ โมเดล - เป็นผูน้ ำท่ีดี มคี วำมซอ่ื สตั ย์ อดทน นอ้ มนำคำสอนพ่อไปปฏิบตั ิใชเ้ กิดควำมพอเพียงสูล่ ูกหลำนสบื ไป - ทำงำนด้วยควำมต้ังใจ อดทน และซื่อสตั ย์ - ปฏบิ ตั งิ ำนในพ้ืนทีด่ ว้ ยควำมซ่ือสัตย์ อดทน มุ่งมั่นในหนำ้ ที่ - นอ้ มนำศำสตร์พระรำชำไปปฏบิ ตั ใิ หก้ บั ชมุ ชนตลอดไป - ประหยัด อดทน เป็นคนดี - นำศำสตรข์ องพ่อหลวงรัชกำลท่ี 9 และรชั กำลที่ 10 ไปสำนตอ่ เพ่ือส่วนรวม - เดนิ ตำมรอยเท้ำพอ่ ตำมศำสตร์พระรำชำ เศรษฐกิจพอเพียง ให้มนั่ คง มงั่ ค่ัง ยงั่ ยนื - นำเอำพระรำชดำรแิ ละคำสอนของพระองค์ นำไปปฏบิ ตั ใิ นชวี ิตประจำวัน รุ่นท่ี 3 - นำเศรษฐกจิ พอเพยี งไปปฏบิ ตั ติ ำมแนวทำงของพอ่ ให้ชุมชน พอกนิ พออยู่ พอใช้ พอรม่ เย็น - ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่ำงท่ีดี และนำควำมรู้บทเรียนท่ีได้รับไปขยำยผลต่อยอดขยำยสู่ชุมชน เพ่ือตำมรอยพ่อ ต่อไป - ปฏบิ ัติลงมือทำให้สำเรจ็ ใหจ้ งได้ ภำยใน 5 ปี และขยำยองคค์ วำมรสู้ ่ชู ุมชนต่อไป

๑๓๖ - พฒั นำตนเองและชุมชนให้ม่ันคง ย่งั ยืน พอเพียง - เดินตำมรอยเท้ำพอ่ รัชกำลท่ี 9 ดว้ ยควำมมั่งมัน่ ตำมปรัชญำเศรษฐกิจพอเพยี ง - นำปรัชญำเศรษฐกจิ พอเพียง “โคก หนอง นำ” ไปใช้ในครัวเรอื น ชุมชน และทำเป็นศูนย์เรียนรู้ ต่อไป - ทำกำรเกษตรจำกกำรใช้สำรเคมสี ูเ่ กษตรปลอดสำรและเกษตรอินทรีย์ - ต้ังจติ ต้ังใจ ทำควำมดี เพอ่ื ตอบแทนพระคุณของพระองค์ทำ่ นด้วยควำมจริงใจ - ทำทีด่ ินแปลงนเี้ ป็นศนู ยเ์ รียนรูแ้ ละเป็นทีท่ ำกนิ - นำเอำหลักเศรษฐกิจพอเพยี งทฤษฎใี หม่ มำประยกุ ตใ์ ชเ้ พอื่ กำรพึ่งพำตนเอง - ทำควำมดี พฒั นำชุมชน และสบสำนบำ้ นเกดิ ใหด้ สี ุดควำมสำมำรถ - ทำใหท้ นี่ ำของตนเองงเปน็ แหลง่ อำหำร พึง่ ตนเองได้ และแบง่ ปันใหช้ มุ ชน - ต้ังใจทำโครงกำร โคก หนอง นำ โมเดล ไว้เป็นแบบอย่ำง เป็นแหล่งศึกษำเรียนรู้ของตนเองและคนท่ัวไปมำศึกษำ - ทำเกษตรอนิ ทรยี ์ โดยใช้ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพยี งนำทำงก้ำวตำมรอยเท้ำพ่อ - ซือ่ สัตย์ เชือ่ ม่ัน และต้ังใจทำ - นำศำสตร์ของพ่อไปเปน็ แรงบันดำลใจ เพื่อไปปรับใช้และสบื สำนต่อ - จะจงรักภักดตี ลอดไปและจำทำเกษตรอนิ ทรยี ์ให้ได้ ทำใหช้ ุมชนของตนเองเข้มแขง็ - ทำเกษตรผสมผสำนทไ่ี ม่ใชส้ ำรเคมีในทีด่ นิ ทำกนิ ของตนเอง - ตั้งศูนย์เรยี นร้เู ชิงทอ่ งเท่ยี ว เป็นแบบอย่ำงเศรษฐกิจพอเพยี ง ตำมรอยพ่อ - น้อมนำเอำปรัชญำของพ่อไปปรับใช้ท้ังในครอบครัว ชุมชน หมู่บ้ำน ตำบล อำเภอ และจะทำตนเป็นต้นแบบให้จง ได้ - ต้ังใจทำ โคก หนอง นำ โมเดล โดยเรว็ เพื่อครอบครัว เพือ่ ชมุ ชน และชำติ ให้สำเร็จใน 2 ปี - นำวิชำทไี่ ด้รับกำรอบรมไปทำและเผยแพรใ่ หก้ บั ประชำชนให้มำกท่ีสุด

๑๓๗ สว่ นท่ี 3 สรุปวเิ ครำะหป์ ระเมนิ ผล โครงกำรพฒั นำหมบู่ ำ้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง ประจำปีงบประมำณ พ.ศ. 2564 กจิ กรรมท่ี 1 สรำ้ งและพฒั นำกลไกขบั เคลอื่ นในระดบั พน้ื ท่ี กจิ กรรมยอ่ ยที่ 1.1 สรำ้ งแกนนำขบั เคลือ่ นหมบู่ ำ้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง หลกั สตู รเพม่ิ ทักษะระยะสนั้ กำรพฒั นำกสกิ รรมสรู่ ะบบเศรษฐกจิ พอเพยี ง รปู แบบ โคก หนอง นำ โมเดล วนั ที่ 15 ก.พ. - 5 มี.ค. 2564 ณ ศูนยศ์ กึ ษำและพฒั นำชมุ ชนลำปำง กำรประเมินผลโครงกำรพัฒนำหมู่บ้ำนเศรษฐกิจพอเพียง ประจำปี 2564 กิจกรรมท่ี 1 สร้ำงและพัฒนำกลไกขับเคล่ือนในระดับพ้ืนที่ กิจกรรมย่อยที่ 1.1 สร้ำงแกนนำขับเคลื่อนหมู่บ้ำน เศรษฐกิจพอเพยี ง กลุ่มเปำ้ หมำยได้แก่ แกนนำหมูบ่ ำ้ นเศรษฐกิจพอเพยี งและครวั เรือนเจ้ำของแปลง 1 ไร่ และ 3 ไร่ จังหวัดลำพูน แพร่ และลำปำง Google Form ผลกำรจัดเก็บข้อมูล พบว่ำ ผู้เข้ำร่วมกิจกรรม ท้ังหมด จำนวน 356 คน ตอบแบบประเมิน จำนวน 314 คน กำรวิเครำะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม SPSS for Window เพื่อหำค่ำควำมถ่ี ร้อยละ และค่ำเฉล่ีย โดยเกณฑ์กำรประเมินผล แบ่งออกเป็น ๕ ระดบั คอื มำกท่ีสดุ มำก ปำนกลำง นอ้ ย น้อยท่ีสุด โดยมีเกณฑก์ ำรแปล คำ่ คะแนน ดงั น้ี คะแนนเฉลีย่ ๔.๕๑ – ๕.๐๐ หมำยถงึ ระดับควำมคดิ เห็น/ควำมพงึ พอใจมำกทส่ี ดุ คะแนนเฉลีย่ ๓.๕๑ – ๔.๕๐ หมำยถึง ระดบั ควำมคดิ เหน็ /ควำมพึงพอใจมำก คะแนนเฉลย่ี ๒.๕๑ – ๓.๕๐ หมำยถงึ ระดบั ควำมคิดเหน็ /ควำมพึงพอใจปำนกลำง คะแนนเฉล่ีย ๑.๕๑ – ๒.๕๐ หมำยถงึ ระดับควำมคิดเห็น/ควำมพึงพอใจน้อย คะแนนเฉล่ีย ๑.๐๐ – ๑.๕๐ หมำยถึง ระดับควำมคิดเห็น/ควำมพึงพอใจน้อยที่สดุ สว่ นท่ี 1 ขอ้ มลู ทว่ั ไป เพศ หญงิ ชาย หญิง ๓๗% ชำย ๖๓% เพศชำย จำนวน 198 คน (รอ้ ยละ 63) เพศหญงิ จำนวน 116 คน (ร้อยละ 37) อำยเุ ฉลย่ี 50 ปี

๑๓๘ สว่ นที่ ๒ ควำมคดิ เหน็ ตอ่ โครงกำร ๒.1 กำรบรรลวุ ตั ถุประสงค์ของโครงกำร ระดบั กำรบรรลวุ ตั ถุประสงค์ กำร วตั ถุประสงค์ มำกทส่ี ุด มำก ปำน นอ้ ย น้อย ค่ำเฉล่ยี แปร กลำง ทีส่ ดุ ผล 1. มคี วำมรู้ ทัศนะคติ ทักษะควำม เข้ำใจ ในกำรน้อมนำหลกั ปรัชญำ 166 121 11 00 1 4.51 มำก ของเศรษฐกจิ พอเพียงประยกุ ต์สู่ (52.9%) (38.5%) (3.5%) (0.0%) (0.3%) ท่ีสุด กำรปฏบิ ตั ิ 2. เพอ่ื สง่ เสรมิ กำรเรียนรู้ กำรน้อม นำหลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ 162 128 8 0 1 4.50 มำก พอเพยี งประยกุ ตส์ ู่กำรปฏบิ ัติใน (51.6%) (40.8%) (2.5%) (0.0%) (0.3%) รปู แบบ \"โคก หนอง นำ โมเดล\" 3. สำมำรถออกแบบเชงิ ภูมิ 137 133 26 2 1 4.34 มำก สงั คมไทยตำมหลักกำรพฒั นำภูมิ (43.6%) (42.4%) (8.3%) (0.6%) (0.3%) สังคมอย่ำงย่งั ยืน 4. เกดิ เครอื ขำ่ ยกำรขับเคล่อื น โครงกำรพฒั นำพื้นที่ตน้ แบบกำร 145 136 15 1 1 4.41 มำก พัฒนำคณุ ภำพชวี ติ ตำมหลกั ทฤษฎี (46.2%) (43.3%) (4.8%) (0.3%) (0.3%) ใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นำ โมเดล ภำพรวม 4.44 มำก จำกตำรำงที่ 2.1 พบวำ่ ผู้เข้ำร่วมกิจกรรม แสดงควำมคิดเห็นต่อกำรบรรลุวัตถุประสงค์ของหลักสูตร จำกผู้ตอบ แบบสอบถำมจำนวน 314 คน โดยภำพรวมอยใู่ นระดบั มำก คำ่ เฉล่ีย 4.44 จำแนกประเดน็ ได้ ดงั นี้ 1. มีควำมรู้ ทัศนะคติ ทักษะควำมเข้ำใจ ในกำรน้อมนำหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง ประยุกต์สกู่ ำรปฏบิ ัติอยู่ในระดบั มำกที่สดุ คำ่ เฉล่ีย 4.51 2. เพ่ือส่งเสริมกำรเรียนรู้ กำรน้อมนำหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์สู่กำร ปฏบิ ัตใิ นรูปแบบ \"โคก หนอง นำ โมเดล\"อย่ใู นระดบั มำก ค่ำเฉล่ีย 4.50 3. สำมำรถออกแบบเชิงภูมิสังคมไทยตำมหลักกำรพัฒนำภูมิสังคมอย่ำงย่ังยืนอยู่ในระดับ มำก ค่ำเฉลยี่ 4.34 4. เกิดเครือข่ำยกำรขับเคล่ือนโครงกำรพัฒนำพื้นท่ีต้นแบบกำรพัฒนำคุณภำพชวี ิตตำมหลัก ทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นำ โมเดลอยใู่ นระดบั มำก คำ่ เฉลีย่ 4.41

๑๓๙ ๒.๒ ควำมรคู้ วำมเขำ้ ใจและทกั ษะทำงวชิ ำกำร ๒.๒.๑ ควำมรคู้ วำมเข้ำใจและทกั ษะ (ก่อนกำรทำกจิ กรรม) ระดบั ควำมรู้ควำมเข้ำใจ กำร แปล หวั ข้อกจิ กรรม มำกท่ีสุด มำก ปำนกลำง นอ้ ย น้อย คำ่ เฉลยี่ ผล ทสี่ ุด มำก 1. วชิ ำ กจิ กรรมกลมุ่ สมั พันธ์ 86 107 87 22 3.76 มำก (24.2%) (34.1%) (27.7%) (7%) 5 3.80 มำก 2. วชิ ำ “เรยี นรตู้ ำรำบนดิน” 25 (1.6%) 3.86 88 96 85 (8%) 3.87 มำก 3. วิชำ เขำ้ ใจ เข้ำถงึ พฒั นำ ศำสตร์ (28%) (30.6%) (27.1%) 21 4 3.78 พระรำชำกบั กำรพฒั นำท่ยี ่งั ยนื (6.7%) (1.3%) 3.75 มำก 4. วิชำ “กำรแปลงปรชั ญำเศรษฐกิจ 90 101 81 3.82 มำก พอเพยี งส่กู ำรปฏบิ ตั ิแบบเป็นขั้นเป็น (28.7%) (32.2%) (25.8%) 19 2 3.78 มำก ตอน” (6.1%) (0.6%) 3.79 5. วิชำ “ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 84 114 78 3.91 มำก \"ทฤษฎบี นั ได 9 ข้ันสคู่ วำมพอเพียง\"” (26.8%) (26.3%) (24.8%) 30 2 (9.6%) (0.6%) 3.77 มำก 6. วิชำ “หลกั กสิกรรมธรรมชำติ” 89 100 72 3.74 (28.3%) (31.8%) (22.9%) 35 7 3.86 มำก 7. วิชำ “กำรแบ่งกลุ่มฝึกปฏบิ ัตฐิ ำน (11.1%) (2.2%) 4.02 เรียนรู้” 81 104 74 3.84 มำก 8. วชิ ำ ถอดบทเรยี นผำ่ นสอ่ื “วถิ ภี ูมิ (25.8%) (33.1%) (23.6%) 25 3 3.86 ปญั ญำไทยกบั กำรพงึ่ ตนเองในภำวะ (8%) (1%) มำก วิกฤต” 85 106 78 3 3.83 มำก (27.1%) (33.8%) (24.8%) 32 (1%) มำก 9. วิชำ สขุ ภำพพงึ่ ตน พัฒนำ 3 ขมุ พลัง (10.2%) มำก 82 106 74 3 10. วชิ ำ ฝกึ ปฏบิ ตั ิจติ อำสำพฒั นำชมุ ชน (26.1%) (33.8%) (23.6%) 24 (1%) มำก เอำมือสำมคั คีพัฒนำพื้นที่ตำมหลกั (7.6%) ทฤษฎใี หม่ 82 107 80 5 มำก 11. วิชำ “กำรออกแบบเชิงภมู ิศำสตร์ (26.1%) (34.1%) (25.5%) 20 (1.6%) (6.4%) สังคมไทยตำมหลักกำรพัฒนำภมู ิสงั คมอยำ่ ง 92 115 69 3 ยั่งยนื เพ่อื พึง่ ตนเองและรองรับภยั พิบัติ” (29.3%) (36.6%) (22%) 28 (1%) (8.9%) 12. วชิ ำ ฝึกปฏบิ ตั ิกำร สรำ้ งหุ่นจำลอง 82 110 72 7 (26.1%) (35%) (22.9%) 32 (2.2%) 13. วชิ ำ Team Building ฝกึ (10.2%) ปฏิบัตกิ ำรบรหิ ำรจดั กำรในภำวะวกิ ฤติ 78 103 77 4 (24.8%) (32.8%) (24.5%) 25 (1.3%) 14. กตญั ญตู อ่ สถำนทฯ่ี (8%) 93 104 70 17 4 15. วิชำ “กำรขบั เคลื่อนสืบสำนศำสตร์ (29.6%) (33.1%) (22.3%) (5.4%) (1.3%) พระรำชำกลไก 357” 28 16. วชิ ำ “จัดทำแผนปฏบิ ตั ิกำร 110 106 59 (8.9%) 3 \"ยทุ ธศำสตร์กำรขบั เคล่อื นปรัชญำของ (35%) (33.8%) (18.8%) (1%) เศรษฐกิจพอเพียงส่กู ำรปฏบิ ตั ิ\" 24 5 96 97 71 (7.6%) (1.6%) (30.6%) (30.9%) (22.6%) 5 97 95 75 (1.6%) (30.9%) (30.3%) (23.9%) ภำพรวม

๑๔๐ จำกตำรำงที่ ๒.๒.๑ พบวำ่ ก่อนเข้ำร่วมโครงกำร ผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรมมีควำมรู้ควำมเข้ำใจด้ำนวิชำกำรในภำพรวมอยู่ในระดับ มำกคำ่ เฉลีย่ 3.83 และเมื่อพจิ ำรณำรำยวิชำพบว่ำ ผเู้ ข้ำกจิ กรรมมคี วำมรู้ควำมเข้ำใจในกจิ กรรม ดงั น้ี 1. วิชำ “กิจกรรมกลุ่มสัมพนั ธ์” ระดับมำก คำ่ เฉลย่ี 3.76 2. วิชำ “เรียนรตู้ ำรำบนดิน” ระดับมำก ค่ำเฉลีย่ 3.80 3. วิชำ “เข้ำใจ เขำ้ ถงึ พฒั นำ ศำสตรพ์ ระรำชำกบั กำรพัฒนำทย่ี ่งั ยืน” ระดับมำก คำ่ เฉลย่ี 3.86 4. วิชำ “กำรแปลงปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงสู่กำรปฏิบัติแบบเป็นข้ันเป็นตอน” ระดับมำก ค่ำเฉลย่ี 3.87 5. วิชำ “ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง \"ทฤษฎีบันได 9 ข้ันสู่ควำมพอเพียง\"”ระดับมำก ค่ำเฉลี่ย 3.78 6. วชิ ำ “หลักกสิกรรมธรรมชำติ” ระดบั มำก คำ่ เฉลย่ี 3.75 7. วชิ ำ “กำรแบง่ กลุ่มฝึกปฏบิ ัตฐิ ำนเรียนรู้” ระดบั มำก คำ่ เฉล่ีย 3.82 8. วิชำ “ถอดบทเรียนผ่ำนสื่อ \"วิถีภูมิปัญญำไทยกับกำรพึ่งตนเองในภำวะวิกฤต\"” ระดับมำก ค่ำเฉลย่ี 3.78 9. วิชำ “สุขภำพพ่ึงตน พัฒนำ 3 ขมุ พลัง” ระดับมำก ค่ำเฉลย่ี 3.79 10. วชิ ำ “ฝกึ ปฏบิ ัติจิตอำสำพัฒนำชุมชน เอำมอื สำมัคคีพัฒนำพ้ืนท่ีตำมหลักทฤษฎีใหม่” ระดบั มำก ค่ำเฉล่ีย 3.91 11. วิชำ “กำรออกแบบเชงิ ภมู ศิ ำสตร์สงั คมไทยตำมหลกั กำรพฒั นำภมู สิ งั คมอย่ำงย่ังยืนเพ่อื พง่ึ ตนเอง และรองรบั ภัยพิบตั ”ิ ระดบั มำก ค่ำเฉลี่ย 3.77 12. วิชำ “ฝึกปฏบิ ัตกิ ำร สรำ้ งหุน่ จำลอง” ระดบั มำก คำ่ เฉล่ยี 3.74 13. วิชำ “Team Building ฝึกปฏบิ ตั กิ ำรบริหำรจดั กำรในภำวะวิกฤต”ิ ระดบั มำก คำ่ เฉลยี่ 3.86 14. “กตัญญตู ่อสถำนที่ฯ” ระดบั มำก คำ่ เฉล่ยี 4.02 15. วชิ ำ “กำรขับเคลื่อนสบื สำนศำสตรพ์ ระรำชำกลไก 357” ระดับมำก ค่ำเฉลี่ย 3.84 16. วชิ ำ “จัดทำแผนปฏิบตั ิกำรยุทธศำสตร์กำรขบั เคลื่อนปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งสู่กำรปฏิบัติ” ระดับมำก ค่ำเฉลย่ี 3.86 ๒.๒.๒ ควำมรูค้ วำมเขำ้ ใจและทักษะ (หลงั กำรทำกจิ กรรม) ระดบั ควำมร้คู วำมเขำ้ ใจ กำร หวั ข้อกิจกรรม มำก มำก ปำนกลำง นอ้ ย น้อย ค่ำเฉลีย่ แปล ท่ีสดุ ที่สดุ ผล 1. วิชำ กิจกรรมกลมุ่ สมั พนั ธ์ 160 132 8 0 0 4.50 มำก 2. วิชำ “เรียนรตู้ ำรำบนดิน” (51%) (42%) (2.5%) (0.0%) (0.0%) 157 137 5 10 4.50 มำก (50%) (43.6%) (1.6%) (0.3%) (0%) 3. วชิ ำ “โครงกำรพัฒนำพ้ืนทต่ี น้ แบบ 165 126 9 0 0 4.52 มำก กำรพัฒนำคุณภำพชีวิตตำมหลักทฤษฎี (52.5%) (40.1%) (2.9%) (0%) (0%) ทส่ี ุด ใหม่ ประยกุ ต์สโู่ คกหนอง นำ โมเดล”

๑๔๑ 4. วิชำ “กำรแปลงปรัชญำเศรษฐกจิ 166 127 7 0 0 4.53 มำก พอเพยี งสกู่ ำรปฏิบตั แิ บบเปน็ ข้ันเปน็ (0%) (0.0%) ทีส่ ดุ ตอน” (52.9%) (40.4%) (2.2%) 5. วชิ ำ “ปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพียง 161 126 12 0 0 4.49 มำก \"ทฤษฎบี ันได 9 ขน้ั สคู่ วำมพอเพยี ง\"” (51.3%) (40.1%) (3.8%) (0.0%) (0.0%) 6. วชิ ำ “หลกั กสกิ รรมธรรมชำติ” 150 138 9 1 0 4.46 มำก (47.8%) (43.9%) (2.9%) (0.3%) (0.0%) 7. วชิ ำ “กำรแบ่งกลมุ่ ฝึกปฏบิ ตั ิฐำน 165 120 11 0 0 4.52 มำก เรยี นรู้” (0%) (0.0%) ทีส่ ุด (52.5%) (38.2%) (3.5%) 8. วิชำ “ถอดบทเรยี นผำ่ นสอ่ื \"วิถภี ูมิ 155 133 10 1 0 4.47 มำก ปัญญำไทยกับกำรพง่ึ ตนเองในภำวะ (0.3%) (0%) (49.4%) (42.4%) (3.2%) วิกฤต\"” 9. วิชำสขุ ภำพพ่งึ ตน พฒั นำ 3 ขมุ พลัง 151 131 13 3 0 4.44 มำก (48.1%) (41.7%) (4.1%) (1%) (0%) 10. วิชำ ฝกึ ปฏบิ ตั จิ ติ อำสำพัฒนำชมุ ชน 169 114 13 1 0 4.51 มำก เอำมอื สำมคั คพี ฒั นำพน้ื ทีต่ ำมหลกั (53.8%) (36.3%) (4.1%) (0.3%) (0%) ทส่ี ุด ทฤษฎใี หม่ 11. วชิ ำ “กำรออกแบบเชงิ ภมู ิศำสตร์ สังคมไทยตำมหลักกำรพฒั นำภูมสิ งั คม 149 134 15 1 0 4.44 มำก อย่ำงยง่ั ยืนเพื่อพ่งึ ตนเองและรองรบั ภยั (47.5%) (42.7%) (4.8%) (0.3%) (0%) พิบตั ิ” 12. วิชำ พื้นฐำนกำรออกแบบเพอื่ กำร 144 135 15 4 0 4.40 มำก (45.9%) (43%) (4.8%) (1.3%) (0%) จดั กำรพนื้ ท่ี 13. วิชำ ฝึกปฏบิ ตั ิกำร สรำ้ งหนุ่ จำลอง 158 124 13 11 4.47 มำก (50.3%) (39.5%) (4.1%) (0.3%) (0.3%) 14. วชิ ำ Team Building ฝกึ ปฏบิ ัตกิ ำร 175 112 6 21 4.54 มำก (55.7%) (35.7%) (1.9%) (0.6%) (0.3%) ทส่ี ุด บริหำรจดั กำรในภำวะวิกฤติ 15. วชิ ำ “กำรขบั เคล่ือนสบื สำนศำสตร์ 167 119 13 1 0 4.50 มำก พระรำชำกลไก 357” (53.2%) (37.9%) (4.1%) (0.3%) (0%) 16. วิชำ “จัดทำแผนปฏิบตั กิ ำร 160 130 6 10 4.51 มำก \"ยทุ ธศำสตรก์ ำรขับเคล่ือนปรชั ญำของ ที่สดุ เศรษฐกจิ พอเพียงสู่กำรปฏบิ ตั ิ\" (51%) (41.4%) (1.9%) (0.3%) (0%) ภำพรวม 4.49 มำก จำกตำรำงท่ี ๒.๒.2 พบวำ่ หลังเข้ำร่วมโครงกำร ผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรมมีควำมรู้ควำมเข้ำใจด้ำนวิชำกำรในภำพรวมอยู่ในระดับ มำก ค่ำเฉลีย่ 4.49 และเมือ่ พจิ ำรณำรำยวิชำพบวำ่ ผู้เข้ำกจิ กรรมมคี วำมรู้ควำมเขำ้ ใจในกิจกรรม ดงั นี้ 1. วชิ ำ “กิจกรรมกลุ่มสัมพนั ธ์” ระดบั มำก คำ่ เฉลีย่ 4.50 2. วิชำ “เรียนรตู้ ำรำบนดิน” ระดบั มำก คำ่ เฉลย่ี 4.50 3. วชิ ำ “เข้ำใจ เข้ำถงึ พัฒนำ ศำสตรพ์ ระรำชำกับกำรพัฒนำท่ียั่งยืน” ระดบั มำกท่สี ดุ คำ่ เฉลย่ี 4.52

๑๔๒ 4. วิชำ “กำรแปลงปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงสู่กำรปฏิบัติแบบเป็นข้ันเป็นตอน” ระดับมำกท่ีสุด ค่ำเฉลย่ี 4.53 5. วิชำ “ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง \"ทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ควำมพอเพียง\"” ระดับมำก ค่ำเฉลีย่ 4.49 6. วชิ ำ “หลกั กสกิ รรมธรรมชำติ” ระดบั มำก คำ่ เฉล่ีย 4.46 7. วิชำ “กำรแบ่งกลุ่มฝกึ ปฏิบตั ิฐำนเรยี นรู้” ระดบั มำกที่สุด คำ่ เฉลี่ย 4.52 8. วิชำ “ถอดบทเรียนผ่ำนส่ือ \"วิถีภูมิปัญญำไทยกับกำรพ่ึงตนเองในภำวะวิกฤต\"” ระดับมำก คำ่ เฉลย่ี 4.47 9. วชิ ำ “สุขภำพพงึ่ ตน พัฒนำ 3 ขุมพลงั ” ระดับมำก ค่ำเฉล่ีย 4.44 10. วิชำ “ฝึกปฏิบัติจิตอำสำพัฒนำชุมชน เอำมือสำมัคคีพัฒนำพื้นท่ีตำมหลักทฤษฎีใหม่” ระดบั มำกท่ีสุด ค่ำเฉลีย่ 4.51 11. วิชำ “กำรออกแบบเชงิ ภูมิศำสตร์สงั คมไทยตำมหลักกำรพัฒนำภูมสิ ังคมอย่ำงยงั่ ยนื เพอ่ื พงึ่ ตนเอง และรองรบั ภยั พิบตั ”ิ ระดบั มำก ค่ำเฉลย่ี 4.44 12. วชิ ำ “ฝึกปฏิบตั ิกำร สรำ้ งหุน่ จำลอง” ระดับมำก คำ่ เฉล่ยี 4.40 13. วิชำ “Team Building ฝกึ ปฏิบตั ิกำรบริหำรจดั กำรในภำวะวิกฤติ” ระดบั มำก คำ่ เฉลย่ี 4.47 14. “กตญั ญูต่อสถำนทีฯ่ ” ระดบั มำกทส่ี ดุ คำ่ เฉลย่ี 4.54 15. วิชำ “กำรขบั เคล่ือนสบื สำนศำสตรพ์ ระรำชำกลไก 357” ระดบั มำก คำ่ เฉล่ยี 4.50 16. วิชำ “จดั ทำแผนปฏบิ ตั ิกำรยุทธศำสตร์กำรขบั เคลื่อนปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพยี งสู่กำรปฏิบัติ” ระดบั มำกทส่ี ดุ คำ่ เฉล่ยี 4.51 2.3 ประโยชนข์ องหวั ขอ้ วชิ ำต่อกำรนำควำมรู้ไปปรบั ใชใ้ นกำรปฏบิ ตั ิงำน ประโยชนข์ องหัวข้อวชิ ำ กำร แปล หัวขอ้ กิจกรรม มำก มำก ปำนกลำง น้อย นอ้ ย คำ่ เฉลีย่ ผล ท่สี ุด ทีส่ ุด 4.50 มำก 1. วชิ ำ กจิ กรรมกลมุ่ สัมพันธ์ 154 139 5 00 4.53 4.51 มำก (49%) (44.3%) (1.6%) (0.0%) (0.0%) ท่ีสดุ 4.54 2. วชิ ำ “เรียนรตู้ ำรำบนดนิ ” 164 129 5 00 4.55 มำก 4.51 ที่สุด (52.2%) (41.1%) (1.6%) (0%) (0%) มำก 3. วชิ ำ “โครงกำรพัฒนำพืน้ ท่ตี น้ แบบ 160 127 9 0 0 ที่สุด กำรพัฒนำคณุ ภำพชีวิตตำมหลกั ทฤษฎี (51%) (40.4%) (2.9%) (0.0%) (0%) ใหม่ ประยกุ ตส์ ู่โคกหนอง นำ โมเดล” มำก ทีส่ ุด 4. วิชำ “กำรแปลงปรัชญำเศรษฐกจิ 171 117 9 00 พอเพยี งส่กู ำรปฏบิ ตั ิแบบเป็นข้ันเป็น (0%) (0.0%) มำก ตอน” (54.5%) (37.3%) (2.9%) ทสี่ ดุ 5. วชิ ำ “ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง 174 116 8 00 (0%) (0.0%) \"ทฤษฎบี ันได 9 ขน้ั สคู่ วำมพอเพียง\"” (55.4%) (36.9%) (2.5%) 6. วิชำ “หลกั กสิกรรมธรรมชำติ” 160 123 10 0 0 (51%) (39.2%) (3.2%) (0.0%) (0.0%)

๑๔๓ 7. วิชำ “กำรแบ่งกลมุ่ ฝึกปฏิบตั ิฐำน 166 119 9 0 0 4.53 มำก เรยี นรู้” (52.9%) (37.9%) (2.9%) (0%) (0.0%) ทส่ี ุด 8. วชิ ำ “ถอดบทเรยี นผำ่ นสือ่ \"วถิ ีภูมิ ปญั ญำไทยกบั กำรพึง่ ตนเองในภำวะ 161 127 6 0 0 4.52 มำก วิกฤต\"” (51.3%) (40.4%) (1.9%) (0%) (0%) ที่สดุ 9. วชิ ำ สุขภำพพงึ่ ตน พัฒนำ 3 ขมุ พลงั 156 129 9 0 0 4.50 มำก (49.7%) (41.1%) (2.9%) (0%) (0%) ที่สดุ 10. วิชำ ฝกึ ปฏบิ ตั จิ ติ อำสำพัฒนำชมุ ชน 170 123 3 0 0 4.56 มำก เอำมือสำมคั คพี ฒั นำพน้ื ทตี่ ำมหลกั (54.1%) (39.2%) (1%) (0%) (0%) ท่ีสุด ทฤษฎใี หม่ 11. วชิ ำ “กำรออกแบบเชิงภูมศิ ำสตร์ สงั คมไทยตำมหลกั กำรพัฒนำภมู สิ งั คม 157 132 9 0 0 4.49 มำก อยำ่ งย่ังยนื เพือ่ พง่ึ ตนเองและรองรบั ภัย (50%) (42%) (2.9%) (0%) (0%) พิบตั ิ” 12. วิชำ พนื้ ฐำนกำรออกแบบเพอื่ กำร 147 138 9 0 0 4.46 มำก จดั กำรพ้นื ท่ี (46.8%) (43.9%) (2.9%) (0%) (0%) 13. วิชำ ฝกึ ปฏบิ ัตกิ ำร สรำ้ งหุน่ จำลอง 159 124 11 0 0 4.50 มำก (50.6%) (39.5%) (3.5%) (0%) (0%) 14. วชิ ำ Team Building ฝกึ ปฏบิ ัตกิ ำร 175 111 7 0 0 4.57 มำก (0%) (0%) ที่สุด บริหำรจดั กำรในภำวะวกิ ฤติ (55.7%) (35.4%) (2.2%) 15. วชิ ำ “กำรขบั เคลื่อนสืบสำนศำสตร์ 159 127 8 0 0 4.51 มำก (0%) (0%) ท่ีสดุ พระรำชำกลไก 357” (50.6%) (40.4%) (2.5%) 16. วิชำ “จดั ทำแผนปฏิบตั กิ ำร 160 124 11 0 0 4.50 มำก \"ยทุ ธศำสตร์กำรขบั เคล่อื นปรัชญำของ เศรษฐกิจพอเพียงสู่กำรปฏิบตั \"ิ (51%) (39.5%) (3.5%) (0.0%) (0.0%) ภำพรวม 4.52 มำก ทสี่ ดุ จำกตำรำงที่ ๒.๒.๑ พบวำ่ ผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรมแสดงควำมคิดเห็นต่อประโยชน์ของหัวข้อวิชำต่อกำรนำควำมรู้ไปปรับใช้ในกำร ปฏิบัติงำนในภำพรวมอยู่ในระดับมำกท่ีสุด ค่ำเฉลี่ย 4.52 และเมื่อพิจำรณำรำยวิชำพบว่ำ ผู้เข้ำกิจกรรมมี ควำมรู้ควำมเข้ำใจในกิจกรรม ดงั นี้ 1. วชิ ำ “กิจกรรมกล่มุ สัมพนั ธ์” ระดบั มำก ค่ำเฉลย่ี 4.50 2. วชิ ำ “เรยี นรู้ตำรำบนดนิ ” ระดบั มำกทสี่ ดุ คำ่ เฉล่ยี 4.53 3. วชิ ำ “เขำ้ ใจ เข้ำถึง พฒั นำ ศำสตร์พระรำชำกบั กำรพฒั นำทย่ี ่ังยนื ” ระดับมำกท่สี ดุ ค่ำเฉลีย่ 4.51 4. วิชำ “กำรแปลงปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงสู่กำรปฏิบัติแบบเป็นข้ันเป็นตอน” ระดับมำกที่สุด คำ่ เฉลี่ย 4.54 5. วิชำ “ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง \"ทฤษฎีบันได 9 ข้ันสู่ควำมพอเพียง\"” ระดับมำกท่ีสุด ค่ำเฉลี่ย 4.55 6. วชิ ำ “หลักกสิกรรมธรรมชำติ” ระดับมำกท่ีสุด คำ่ เฉลี่ย 4.51

๑๔๔ 7. วชิ ำ “กำรแบง่ กลมุ่ ฝกึ ปฏิบตั ฐิ ำนเรียนรู้” ระดับมำกที่สุด ค่ำเฉลี่ย 4.53 8. วิชำ “ถอดบทเรียนผ่ำนสื่อ \"วิถีภูมิปัญญำไทยกับกำรพึ่งตนเองในภำวะวิกฤต\"” ระดับมำกท่ีสุด ค่ำเฉลี่ย 4.52 9. วชิ ำ “สุขภำพพึ่งตน พฒั นำ 3 ขุมพลงั ” ระดับมำก คำ่ เฉล่ยี 4.50 10. วชิ ำ “ฝกึ ปฏิบตั จิ ิตอำสำพฒั นำชุมชน เอำมอื สำมัคคีพัฒนำพื้นที่ตำมหลักทฤษฎีใหม่” ระดบั มำก ที่สุด คำ่ เฉล่ยี 4.56 11. วชิ ำ “กำรออกแบบเชิงภมู ศิ ำสตรส์ งั คมไทยตำมหลักกำรพัฒนำภมู ิสังคมอย่ำงยงั่ ยืนเพอื่ พ่งึ ตนเอง และรองรับภัยพบิ ตั ”ิ ระดบั มำก ค่ำเฉล่ยี 4.49 12. วิชำ “ฝกึ ปฏิบตั กิ ำร สรำ้ งหุ่นจำลอง” ระดบั มำก ค่ำเฉลี่ย 4.46 13. วชิ ำ “Team Building ฝกึ ปฏิบัตกิ ำรบริหำรจัดกำรในภำวะวิกฤติ” ระดบั มำก ค่ำเฉลีย่ 4.50 14. “กตัญญตู อ่ สถำนทฯี่ ” ระดบั มำกทส่ี ุด คำ่ เฉล่ยี 4.57 15. วิชำ “กำรขับเคลือ่ นสืบสำนศำสตร์พระรำชำกลไก 357” ระดบั มำกที่สดุ ค่ำเฉล่ยี 4.51 16. วิชำ “จดั ทำแผนปฏิบตั ิกำรยทุ ธศำสตร์กำรขบั เคลื่อนปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพียงสู่กำรปฏิบัติ” ระดับมำก คำ่ เฉลย่ี 4.50 ๒.4 ควำมพงึ พอใจต่อภำพรวมของโครงกำร ระดบั ควำมพงึ พอใจ ค่ำ กำร เฉลยี่ แปลผล หวั ข้อ มำกทส่ี ดุ มำก ปำน น้อย น้อย กลำง ทส่ี ุด ๑.กระบวนกำร ขน้ั ตอนกำรใหบ้ ริกำร ๑.๑ ควำมเหมำะสมของ 205 83 6 0 0 4.67 มำก สถำนท่ี (65.3%) (26.4%) (1.9%) (๐.0%) (๐.0%) ที่สดุ ๑.๒ ควำมเหมำะสมของ 171 112 13 0 0 4.53 มำก ระยะเวลำ (54.5%) (35.7%) (4.1%) (0.0%) (0.0%) ทีส่ ุด ๑.๓ ควำมเหมำะสมของ 160 109 25 1 1 4.43 มำก ช่วงเวลำ (51%) (34.7%) (8%) (0.3%) (0.3%) ๑.๔ กำรจัดลำดับขน้ั ตอนกำร 178 105 10 3 0 4.54 มำก จดั กิจกรรม (56.7%) (33.4%) (3.2%) (1%) (๐.๐%) ทส่ี ุด ๒.วทิ ยำกร 214 77 4 1 0 4.70 มำก (68.2%) (24.5%) (1.3%) (0.3%) (๐.๐%) ทสี่ ุด ๒.๑ ควำมรอบรู้ ใน เน้อื หำของวทิ ยำกร 205 83 7 0 0 4.67 มำก ๒.๒ ควำมสำมำรถ (65.3%) (26.4%) (2.2%) (0%) (๐.๐%) ท่ีสุด ในกำรถำ่ ยทอด ควำมรู้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook