หัวข้อเร่อื ง 1. ความหมายของการบญั ชี 2. จดุ ประสงค์ของการบญั ชี 3. ประโยชน์ของข้อมูลการบัญชี และผใู้ ช้ประโยชนจ์ ากบญั ชี 4. ขอ้ สมมติตามแมบ่ ทการบัญชี 5. ข้อแนะนาเกีย่ วกับการเรียนวชิ าบญั ชี บทนา เนอื้ หาสาระในบทนี้ กลา่ วถงึ คาจากัดความของ “การบญั ชี” จุดประสงค์ของการบญั ชี ประโยชนข์ องข้อมลู การบญั ชี และผใู้ ช้ประโยชน์จากบญั ชี ข้อสมมติตามแมบ่ ทการบัญชี และ ขอ้ แนะนาเก่ยี วการเรยี นวิชาบญั ชี การบญั ชีจึงมีบทบาทและมีความสาคญั ในกิจการ ทกุ ประเภท ไมว่ า่ จะดาเนินการโดยหวังผลกาไรหรอื ไม่ จาเปน็ ต้องใชข้ อ้ มูลในการกาหนด นโยบาย วางแผน ควบคุม และตดั สนิ ใจ พร้อมทั้งสามารถนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวันในการจัดทา บัญชีครัวเรือนตามแนวคิดหลักเศรษฐกจิ พอเพียง ให้มปี ระสทิ ธภิ าพยิง่ ข้ึน จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม 1. ให้ความหมายของการบัญชไี ด้ 2. อธิบายจดุ ประสงคข์ องการบญั ชีได้ 3. บอกประโยชนข์ องข้อมูลการบัญชแี ละผ้ใู ช้ประโยชนจ์ ากบัญชไี ด้ 4. อธบิ ายข้อสมมติตามแมบ่ ทการบัญชี 5. ปฏบิ ัติตามขอ้ แนะนาเกี่ยวกบั การเรยี นวชิ าบัญชไี ด้
บญั ชเี บื้องต้น 1 2 1. ความหมายของการบญั ชี ตามคานิยามของสมาคมผู้สอบบัญชรี บั อนุญาตแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (AICPA) มาจากคาเต็มว่า The American Institute of Certified Public Accountants ซึ่งได้ให้ คาจากัด ความเกยี่ วกับการบัญชีไว้ดังนี้ การบัญชี (Accounting) เปน็ ศิลปะของการจดบนั ทึกรายการหรอื เหตกุ ารณ์ ทีเ่ กยี่ วกบั การเงนิ ไว้ในรูปเงนิ ตรา การจัดหมวดหมู่หรอื จาแนกประเภทของรายการเหลา่ น้นั การสรปุ ผล รวมท้งั การตคี วามหมายของผลเหล่าน้นั สมาคมนักบญั ชีและผ้สู อบบัญชรี ับอนุญาตแหง่ ประเทศไทยได้ใหค้ าจากดั ความของ “การบญั ชี” ดงั นี้ การบญั ชี หมายถึง ศิลปะการเกบ็ รวบรวม บันทกึ จาแนก และทาสรุปขอ้ มูลอนั เกี่ยวกบั เหตกุ ารณท์ างเศรษฐกิจในรูปตวั เงนิ ผลงานข้นั สุดท้ายของการบัญชี คอื การใหข้ อ้ มลู ทางการเงิน ซึง่ เปน็ ประโยชน์ตอ่ บุคคลหลายฝา่ ย และผ้สู นใจในกจิ กรรมของกิจการ จากคาจากดั ความที่กลา่ วมาขา้ งต้น พอสรุปได้วา่ “การบญั ชี” เป็นการจดบันทกึ รายการค้า ตา่ ง ๆ ทีเ่ กดิ ข้นึ เกีย่ วกบั การรับเงิน และการจ่ายเงนิ หรือสิ่งของที่มีมูลค่าเป็นตัวเงินไวใ้ นสมดุ บัญชี อยา่ งสมา่ เสมอ โดยจดั แยกประเภท เป็นระเบยี บ ถูกต้องตามหลักการ และสามารถแสดงผลการ ดาเนนิ งาน พร้อมทัง้ ฐานะการเงินของกจิ การในระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่งได้ เพือ่ ใหเ้ ป็น ประโยชนต์ อ่ การตัดสินใจเชงิ เศรษฐกจิ ส่วนคาว่า การจดั ทาบัญชี (Bookkeeping) สมาคมนักบญั ชแี ละผูส้ อบบัญชีรบั อนญุ าต แหง่ ประเทศไทย (ส.บช.) ได้ใหค้ าจากดั ความวา่ หมายถึง “การจดบนั ทกึ ทางการบญั ชี ซงึ่ ประกอบดว้ ยการเก็บรวบรวมขอ้ มูลและเอกสาร บันทึกรายการในสมุดบัญชขี ้ันต้น จาแนกและจดั หมวดหมู่รายการในสมดุ บัญชขี ั้นปลาย ลกั ษณะงานการจัดทาบัญชีจะซา้ ซากและเปน็ งานเสมยี น ผปู้ ฏบิ ัตงิ านหนา้ ท่นี เ้ี รยี กวา่ ผจู้ ดั ทาบัญชี ( Bookkeeper) ซึ่งแตกต่างกับ นักบญั ชี (Accountant) คือ ผทู้ ่ีทาหนา้ ที่เก่ยี วกบั การบญั ชี การบนั ทกึ บญั ชี การจัดทางบการเงิน การวางแผนระบบบัญชี ให้กจิ การ ควบคมุ การบนั ทกึ บัญชที ง้ั หมด กาหนดนโยบายทางการบญั ชี สามารถประกอบอาชีพ ผู้สอบบัญชีใหค้ าปรึกษาทางภาษีอากรของกิจการต่าง ๆ ตามมาตรบานการบัญชที ่รี บั รองโดยทวั่ ไป เปน็ ตน้ บทท่ี 1 ความรเู้ บือ้ งต้นเก่ียวกับบัญชี
บัญชเี บอ้ื งต้น 1 3 2. จดุ ประสงค์ของการบัญชี การบญั ชมี จี ดุ ประสงค์ ดงั น้ี 1. เพื่อจดบันทึกรายการคา้ ตา่ ง ๆ ท่เี กดิ ข้ึนโดยเรียงลาดับก่อนหลัง และจาแนกประเภท ของรายการค้าไวอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ 2. เพอ่ื ใหก้ ารจดบันทึกรายการคา้ นน้ั ถกู ต้อง เป็นไปตามหลกั การบัญชี และตาม กฎหมายว่าดว้ ยการบัญชี 3. เพ่ือแสดงผลการดาเนินงานในรอบระยะเวลาหน่ึง และแสดงฐานะทางการเงินของ กจิ การในรอบระยะเวลาหนงึ่ 4. การทาบญั ชเี ปน็ การรวบรวมสถิตอิ ยา่ งหนง่ึ ท่ชี ว่ ยในการบริหารงาน และให้ขอ้ มลู อัน เปน็ ประโยชนใ์ นการวางแผนการดาเนนิ งาน และควบคุมกิจการให้ประสบผลสาเร็จตามความ มุ่งหมาย 3. ประโยชนข์ องขอ้ มูลการบญั ชี และผใู้ ช้ประโยชนจ์ ากบัญชี ประโยชนข์ องข้อมูลการบญั ชพี อสรปุ ไดด้ งั นี้ 1. ช่วยให้เจ้าของกจิ การสามารถควบคมุ ดูแล รักษาสนิ ทรัพย์ของกจิ การได้ 2. ชว่ ยให้ทราบผลการดาเนนิ งานของกจิ การ ในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ว่ามี ผลกาไร หรอื ขาดทนุ เป็นจานวนเงินเทา่ ใด 3. ช่วยใหท้ ราบฐานะทางการเงินของกิจการ ณ วนั ใดวันหนึ่ง ว่ามสี นิ ทรัพย์ หนส้ี นิ และ ส่วนของเจ้าของเป็นจานวนเงินเท่าใด 4. ขอ้ มลู ทางการบญั ชีเปน็ ประโยชน์ต่อผบู้ รหิ าร ชว่ ยในการกาหนดนโยบาย ในการ วางแผนและชว่ ยในการตดั สินใจตา่ ง ๆ ในการบรหิ ารงานไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 5. ข้อมลู ทางบญั ชที จี่ ดบันทึกไว้ สามารถชว่ ยในการตรวจสอบหาข้อผิดพลาด ในการ ดาเนนิ งานได้ ผู้ใช้ประโยชน์จากการบัญชีพอสรุปได้ ดังนี้ 1. เจ้าของหรอื ผู้ถือหุ้น จะสนใจถึงฐานะทางการเงนิ ของกจิ การที่ตนเองมสี ่วนไดเ้ สยี ตลอดจนผลตอบแทนทจ่ี ะได้รับ ซ่ึงการทจ่ี ะทราบถึงฐานะการเงินของกจิ การตลอดจน ผลการ ดาเนนิ งานของกจิ การได้ตอ้ งอาศัยข้อมลู ทางการบญั ชี 2. เจา้ หน้ีการค้าและผู้ให้เงนิ กูย้ มื ใช้ขอ้ มูลทางการบญั ชปี ระกอบการตัดสินใจวา่ จะให้ เครดิตหรือไม่ บทท่ี 1 ความรูเ้ บอ้ื งตน้ เกี่ยวกบั บญั ชี
บัญชเี บื้องต้น 1 4 3. นักลงทนุ นกั ลงทนุ จะเพ่มิ ความม่ันใจในการลงทุน กิจการยอ่ มต้องมีฐานะการเงนิ และ ผลการดาเนนิ ทดี่ ี 4. หนว่ ยงานรัฐบาล เช่น กรมสรรพากร ใช้ข้อมลู ทางการบญั ชปี ระกอบการพิจารณาใน การเรยี กเก็บภาษี 5. บุคคลภายในองค์กร ได้แก่ ผ้บู รหิ ารระดบั สูง ผูจ้ ัดการฝา่ ยตา่ ง ๆ เช่น ผู้จัดการฝ่าย ผลิต ฝา่ ยขาย ฝา่ ยจัดการ ฯลฯ ซ่ึงจะนาขอ้ มูลทางการบัญชีไปใชใ้ นการบรหิ ารต่อไป 4. ขอ้ สมมติตามแม่บทการบัญชี แม่บทบัญชี งบการเงินท่กี จิ การตา่ ง ๆ ได้จัดทาข้นึ มีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อไปใช้ประโยชน์ในการตดั สนิ ใจ เชิงเศรษฐกจิ ของผู้ใช้ ดงั น้ันการจัดทางบการเงินจาเปน็ ต้องมีหลกั เกณฑ์และขอ้ สมมติทางการ บัญชีในการจดั ทา เพ่อื ให้งบการเงนิ แสดงขอ้ มูลทีถ่ ูกตอ้ งยุติธรรมต่อผู้ใชเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน เดียวกนั แม่บทบญั ชี (Accounting Framework) เป็นเกณฑใ์ นการจัดทาและนาเสนองบการเงนิ ใน เรอื่ งเก่ยี วกับวตั ถปุ ระสงค์ กลุม่ ผูใ้ ช้งบการเงนิ ลักษณะเชงิ คณุ ภาพของงบการเงนิ องคป์ ระกอบของ งบการเงนิ และคานยิ ามขององคป์ ระกอบนัน้ รวมถงึ เกณฑ์ในการรับรรู้ ายการในงบแสดงฐานะ การเงนิ งบกาไรขาดทนุ การวดั มลู คา่ รายการ และแนวคิดเกี่ยวกับทุนและ การรักษาระดบั ทนุ ท่ี ใชว้ ัดผลกาไรในงบการเงนิ โดยมีสมาคมนกั บญั ชีและผู้สอบบัญชรี บั อนุญาตแห่งประเทศไทยเปน็ ผู้ ออกใช้ เม่อื วนั ท่ี 25 กมุ ภาพนั ธ์ 2542 สาหรับแม่บทบัญชที อ่ี อกน้มี ีวัตถปุ ระสงค์ใช้เป็นเกณฑ์ใน การปรบั ปรุงมาตรฐานการบัญชที ่ีใช้อยใู่ นปัจจุบันและพฒั นามาตรฐานการบัญชีท่จี ะใชใ้ นอนาคต ให้สอดคล้องกบั มาตรฐานการบัญชรี ะหว่างประเทศ (International Accounting Standard หรอื IAS) บทท่ี 1 ความร้เู บื้องต้นเกีย่ วกบั บัญชี
บญั ชีเบื้องต้น 1 5 แมบ่ ทบญั ชสี าหรับการจัดทาและนาเสนองบการเงนิ วัตถุประสงค์ ลกั ษณะของงบการเงิน ใหข้ ้อมูลท่ีมีประโยชนต์ อ่ การตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ ขอ้ สมมติ เกณฑค์ งคา้ ง ความสมดุลระหวา่ งประโยชน์ การดาเนินงานต่อเนือ่ ง ข้อจำกดั ทันเวลา ท่ไี ด้รับกับต้นทนุ ทเี่ สยี ไป ความสมดลุ ของลกั ษณะ เชงิ คุณภาพ ลกั ษณะเชงิ คุณภำพ ถูกตอ้ งและยตุ ิธรรมหรอื ถกู ตอ้ งตามควร ลักษณะแรก เข้าใจได้ เกี่ยวกบั การตัดสินใจ เช่ือถอื ได้ เปรยี บเทยี บได้ ลักษณะรอง นัยสาคญั ตัวแทน เน้ือหาสาคัญ ความเปน็ กลาง ความระมัดระวงั ความครบถว้ น อนั เท่ียงธรรม กวา่ รปู แบบ แหล่งทมี่ า : รูปจาก “แมบ่ ทการบญั ชี” ของ สมาคมนักบัญชแี ละผู้สอบบญั ชรี ับอนุญาต แหง่ ประเทศไทย ข้อสมมตติ ามแมบ่ ทการบญั ชี มดี งั น้ี 1. เกณฑ์คงคา้ ง (Accrual Basis) เป็นข้อสมมตทถี่ ือวา่ งบการเงนิ ต้องจัดทาขึ้นภายใตเ้ กณฑค์ งค้าง โดยต้องรับรู้รายการและ เหตกุ ารณท์ างการบัญชเี มือ่ เกดิ รายการ ไม่ใชเ่ ม่ือรบั หรือจ่ายเงนิ สดหรอื รายการเทียบเทา่ เงินสด ยกเว้นขอ้ มูลที่เกีย่ วข้องกบั กระแสเงินสด ดงั นั้นเกณฑ์คงคา้ งเปน็ วธิ กี ารบญั ชีทใี่ ช้เป็นหลักในการ พจิ ารณาบันทึกรายไดแ้ ละค่าใชจ้ ่ายใหอ้ ย่ใู นงวดเวลาตา่ งๆ โดยคานงึ ถึงรายได้ที่ พึงรบั และ ค่าใชจ้ ่ายท่ีพงึ จ่าย เพื่อให้แสดงผลการดาเนินงานของแตล่ ะงวดเวลานนั้ อยา่ งเหมาะสม ท้งั น้ีโดยไม่ คานงึ ถึงรายรับและรายจา่ ยเปน็ เงินสดว่าได้เงนิ มาแล้วหรือจา่ ยเงนิ ไปแลว้ หรอื ไม่ตามเกณฑ์เงินสด 2. การดาเนนิ งานตอ่ เนอื่ ง (Going Concern ) โดยทว่ั ไปงบการเงนิ จัดทาขึ้นตามขอ้ สมมตทิ วี่ ่า กิจการจะดาเนนิ งานอยา่ งตอ่ เนอื่ งและ ดารงอยตู่ อ่ ไปในอนาคต ดงั นั้นจงึ สมมตวิ ่ากจิ การไม่มเี จตนาหรอื มคี วามจาเป็นทจี่ ะเลกิ กจิ การ บทที่ 1 ความรู้เบอื้ งตน้ เก่ียวกบั บญั ชี
บญั ชีเบื้องต้น 1 6 หรอื ลดขนาดของการดาเนินงานอยา่ งมสี าระสาคัญ หากกจิ การมีเจตนาหรือความจาเปน็ ดังกล่าว งบการเงนิ ตอ้ งจดั ทาข้นึ โดยใช้เกณฑ์อ่ืน และต้องเปดิ เผยเกณฑท์ ่ีใชน้ นั้ ในงบการเงนิ ดว้ ย การดาเนินงานไปอย่างต่อเนื่อง ต้องดารงอย่ตู ลอดไปโดยแบง่ เป็นงวด ๆ ตามกาหนดงวด บัญชขี องธุรกิจ เชน่ 3 เดอื น 6 เดอื น หรือ 1 ปี การจัดทาบญั ชใี นปจั จบุ นั ผู้จดั ทาบัญชีจะตอ้ งศกึ ษาและเขา้ ใจเกีย่ วกับแม่บทการบญั ชีเป็น หวั ใจสาคญั โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ในการจดั ทารายงานการเงนิ และการนาเสนองบการเงนิ เพ่ือให้ ผใู้ ช้งบการเงินได้ใช้ประโยชนใ์ นการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ ในด้านการบรหิ ารจดั การอยา่ งถกู ตอ้ ง และทส่ี าคัญขอ้ มลู ตอ้ งเชอ่ื ถอื ได้และเป็นธรรมตอ่ ทกุ ฝา่ ย ดังนั้น สภาวชิ าชีพบัญชีในพระบรม ราชูปถัมภโ์ ดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการกากับดูแลประกอบวิชาชีพไดท้ าการปรบั ปรุง แมบ่ ทการบัญชี โดยกาหนดขึ้นมาเพ่ือวางแนวคดิ ทเี่ ปน็ พ้นื ฐานในการจัดทาและนาเสนองบการเงิน แก่ผู้ใช้ทีเ่ ป็นบุคคลภายนอก และเพ่อื สนองตามพระราชดาริของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดลุ ยเดช พระองคท์ รงเหน็ ความสาคัญของการทาบญั ชีและตอ้ งการใหช้ าวบา้ นทาบญั ชีเป็น ขอ้ สมมติฐานของการบัญชี ตามขอ้ กาหนดของสมาคมนกั บญั ชีและผูส้ อบบัญชีรับอนุญาต แห่งประเทศไทยได้กาหนดไว้ เพอ่ื เป็นแนวคิดพ้ืนฐานของการบญั ชเี ปน็ หลกั เกณฑ์ที่สาคัญในการ จัดทางบการเงนิ มีดังนี้ 1. หลกั ในการใชห้ นว่ ยเงินตราในการบญั ชี การบันทกึ บญั ชีจาเป็นตอ้ งมีเงินตราเขา้ มา เก่ยี วข้อง เพราะเงินเปน็ สอ่ื กลางในการแลกเปล่ียน ทาให้ผูอ้ า่ นรายงานการเงินเข้าใจไดง้ า่ ย 2. หลักความเป็นหน่วยของกิจการ ในทางการบญั ชีใหถ้ ือวา่ กิจการเป็นบคุ คลสมมตุ ิ แยกต่างหากจากเจา้ ของกจิ การ จึงต้องทาบญั ชขี องกจิ การแยกจากเจ้าของเพอ่ื ให้การบญั ชนี ั้น แสดงฐานะการเงินและผลการดาเนินงานเฉพาะกจิ การเท่านน้ั ไมเ่ กย่ี วกบั เจา้ ของกจิ การ 3. หลกั การใชห้ ลกั ฐานอันเทย่ี งธรรม การบันทกึ รายการบัญชี และการจัดทารายงาน การเงนิ จาเป็นต้องใช้หลกั ฐานและข้อเทจ็ อนั เที่ยงธรรมท่บี ุคคลต่าง ๆ ยอมรบั และเช่ือถอื ได้ หลกั ฐานต่าง ๆ น้นั จะตอ้ งปราศจากความลาเอยี ง และพยายามหลกี เลีย่ งความคิดเห็นสว่ นบคุ คล หรือมอี คตติ อ่ บุคคลใดบุคคลหน่ึงโดยเฉพาะ 4. หลักรอบเวลา ผู้ใช้ประโยชนข์ องข้อมูลทางการบัญชี ยอ่ มตอ้ งการทราบผลการ ดาเนินงานของหน่วยงานนัน้ ๆ ในระยะเวลาตา่ ง ๆ ดังนน้ั จึงต้องมีการแบง่ การดาเนินงานออกเปน็ รอบเวลา เรียกว่า งวดบัญชี เพ่อื ประโยชนใ์ นการเปรียบเทยี บงบการเงนิ 5. หลกั ความดารงอยู่ของกิจการ นักบญั ชีมีข้อสมมตุ ฐิ านเบ้ืองตน้ ว่า กิจการที่จัดต้งั ขึ้น แล้ว ไมต่ ั้งใจทีจ่ ะเลกิ ดาเนินงาน แตต่ ั้งวตั ถุประสงคท์ ่จี ะดาเนนิ งานตอ่ ไปเรอ่ื ย ๆ โดยไมม่ กี าร บทท่ี 1 ความรเู้ บือ้ งตน้ เกีย่ วกบั บัญชี
บญั ชเี บือ้ งตน้ 1 7 กาหนดระยะเวลาวา่ จะเลกิ กิจการเม่ือไร และมชี ว่ งเวลาเพ่ือการดาเนินงานนานพอทจ่ี ะปฏบิ ตั ิตาม แผนงาน และข้อผกู พันตา่ ง ๆ ท่ไี ดก้ อ่ ขนึ้ จนกว่าจะแลว้ เสร็จ 6. หลักราคาทุน ในการบันทึกรายการสนิ ทรัพย์ และหน้ีสนิ ถอื เกณฑร์ าคาตน้ ทุน ซงึ่ เกิด จากการซื้อขายทีค่ านวณได้อย่างมหี ลกั เกณฑ์ โดยไม่คานึงถึงราคาในอดีต หรอื อนาคต ตลอดจน ราคาตามความคดิ เหน็ ของบุคคลใด ๆ 7. หลกั การเกิดขนึ้ ของรายได้ ทางการบัญชรี ายไดเ้ กดิ ข้นึ เมื่อการส่งมอบสนิ ค้า หรือ บรกิ ารให้แกล่ กู คา้ ตามจานวนเงนิ ที่รบั หรือคาดว่าจะได้รบั 8. หลกั การจับคู่ค่าใช้จา่ ยกบั รายได้ หลกั การจับคคู่ า่ ใช้จา่ ยกับรายไดเ้ ปน็ แนวทางสาหรบั การตัดสินวา่ รายการใดบา้ งทีจ่ ะเป็นค่าใชจ้ า่ ยในงวดบัญชนี น้ั ๆ โดยการบันทกึ รายไดต้ ามหลกั การ เกิดขนึ้ ของการไดก้ อ่ น แลว้ จึงนาคา่ ใช้จ่ายไปจับคู่กับรายได้ เพอื่ หาผลการดาเนนิ งานของกิจการ 9. หลกั เงินคา้ ง เป็นหลกั ท่ีใช้ในการคานวณหาผลกาไรขาดทนุ โดยพิจารณารายได้ และ คา่ ใช้จา่ ยสาหรบั งวดบัญชีน้นั ๆ รายไดแ้ ละค่าใช้จา่ ยทีต่ อ้ งนามาพจิ ารณาตามหลกั เงินคงคา้ ง ได้แก่ รายไดค้ ้างรบั รายไดร้ บั ลว่ งหน้า คา่ ใชจ้ ่ายค้างจา่ ย ค่าใชจ้ ่ายจ่ายลว่ งหนา้ วสั ดสุ ้นิ เปลือง คา่ เส่อื ม ราคาสนิ ทรพั ย์ และการคิดคา่ เพอื่ หนี้สงสยั จะสญู 10. หลักโดยประมาณ การหาผลการดาเนนิ งานของกิจการในงวดบญั ชีหนึง่ ๆ ทาได้โดย การนารายไดแ้ ละคา่ ใช้จา่ ยในงวดบัญชีน้ัน ๆ มาคานวณ กจิ การบางอยา่ งอาจมลี กั ษณะซับซ้อน ไมอ่ าจหารายได้และค่าใช้จ่ายได้อย่างถูกตอ้ ง แน่นอน จึงต้องอาศยั หลักการประมาณและดลุ ย พินจิ มาประกอบ เช่น การหาคา่ เสือ่ มราคาสินทรพั ย์ ทาได้โดยการประมาณจากอายุการใช้งาน 11. หลักความสมา่ เสมอ งบการเงนิ ทจ่ี ัดทาขน้ึ ในระยะเวลาที่ต่างกนั โดยอาศัยมาตรฐาน หรือวธิ บี ญั ชเี ดยี วกัน โดยยดึ หลักความสมา่ เสมอย่อมมีประโยชนช์ ่วยในการตดั สนิ ใจได้ดีกว่า งบบัญชที ่ที าขึน้ โดยอาศยั หลักการบนั ทึกบัญชีทแี่ ตกตา่ งกนั 12. หลกั การเปิดเผยขอ้ มูลอยา่ งเพยี งพอ การเปดิ เผยขอ้ มูลอย่างเพยี งพอ หมายความว่าถ้า ไม่เปิดเผยข้อมูลนั้นแลว้ จะทาใหผ้ ใู้ ชง้ บการเงินเกิดความเข้าใจผดิ ในสาระสาคัญได้ การเปิดเผย ขอ้ มลู ไม่มีกฎเกณฑ์ทแ่ี นน่ อนวา่ เปดิ เผยข้อมลู อย่างเพยี งพอ ควรมีลกั ษณะอยา่ งไร แตห่ มายถงึ การเปิดเผยรปู แบบการจดั ทารายการขอ้ มูลในงบการเงนิ และหมายเหตุประกอบงบการเงนิ เกณฑใ์ นการวัดค่า ตามแม่บทบัญชีมีดังน้ี ราคาทนุ เดมิ การบันทึกสินทรัพยด์ ้วยจานวนเงนิ หรอื รายการเทียบเท่าเงินสดท่ีจา่ ยไป หรอื บันทกึ ด้วยมูลคา่ ยตุ ธิ รรมของสง่ิ ทนี่ าไปแลกสนิ ทรัพยม์ า ณ เวลาทไี่ ด้มา ซึง่ สินทรัพย์น้ัน บนั ทึกหนีส้ นิ ด้วยจานวนเงนิ ทไี่ ดร้ บั จากการกอ่ ภาระผูกพนั หรือบนั ทกึ ดว้ ยจานวนเงินสดหรือ บทท่ี 1 ความรเู้ บ้อื งต้นเกยี่ วกับบญั ชี
บญั ชเี บ้ืองตน้ 1 8 รายการเทยี บเท่าเงินสดทีค่ าดวา่ จะต้องจา่ ยเพือ่ ชาระหนี้สินทีเ่ กิดจากการดาเนินงานตามปกติ ของ กิจการ ราคาทนุ ปจั จุบัน การแสดงสนิ ทรัพย์ดว้ ยจานวนเงินสดหรือรายการเทียบเทา่ เงินสด ท่ี ตอ้ งจ่ายในขณะน้นั เพือ่ ใหไ้ ดม้ าซ่ึงสินทรัพย์ชนดิ เดียวกันหรือสินทรพั ยท์ ีเ่ ท่าเทยี มกัน และการ แสดงหน้สี ินด้วยจานวนเงนิ สดหรือรายการเทยี บเท่าเงนิ สดทตี่ ้องใช้ชาระภาระผกู พนั ในขณะนนั้ มูลคา่ ทจี่ ะได้รบั การแสดงสินทรพั ย์ด้วยจานวนเงนิ สด หรอื รายการเทยี บเทา่ เงนิ สด ทอี่ าจไดม้ าในขณะนน้ั หากกจิ การขายสินทรัพยโ์ ดยมิใชก่ ารบงั คบั ขาย และการแสดงหนีส้ ินด้วย มูลค่าท่ีตอ้ งจ่ายคืนหรือด้วยจานวนเงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสดท่ีคาดว่าจะตอ้ งจ่ายเพอื่ ชาระ หนท้ี เี่ กดิ จากการดาเนินงานตามปกตขิ องกิจการ มลู ค่าปัจจบุ นั การแสดงสินทรพั ย์ดว้ ยมลู ค่าปจั จุบันของกระแสเงนิ สดรบั สทุ ธิ ในอนาคต ซง่ึ คาดวา่ จะได้รบั ในการดาเนินงานตามปกตขิ องกจิ การ และการแสดหนี้สนิ ด้วยมลู คา่ ปัจจบุ ันของกระแสเงนิ สดจา่ ยสทุ ธซิ ง่ึ คาดว่าจะตอ้ งจ่ายในการชาระหนี้สินภายใตก้ ารดาเนนิ งาน ตามปกติของกิจการ 5. ข้อแนะนาเก่ียวกบั การเรยี นวิชาบัญชี 1. ควรอ่านหนงั สือในแตล่ ะบทอย่างนอ้ ย 2 ครัง้ เรอ่ื งใดทย่ี งั ไมเ่ ขา้ ใจใหถ้ ามครูผสู้ อน ทนั ที 2. ควรทาแบบฝกึ ทักษะด้วยตนเองอย่างสมา่ เสมอ ถกู ตอ้ ง รวดเร็ว 3. การตัวเขยี นหนังสอื และตวั เลขให้อา่ นง่าย ชัดเจนและสะอาด 4. การเขียนตัวเลขทางบัญชี ควรปฏบิ ัติดงั น้ี 4.1 ตัวเลขทกุ จานวนต้ังแต่ 3 หลกั ขน้ึ ไปใหใ้ สเ่ คร่อื งหมาย , โดยนบั จาก จดุ ทศนยิ มไปทางซา้ ยมอื ทุก 3 ตัว และการเขยี นเลขใหเ้ ขยี นตรงหลักกันเสมอ เชน่ 4,675.50 35,500.25 312,800.75 บทที่ 1 ความรู้เบอ้ื งต้นเกย่ี วกับบญั ชี
บญั ชเี บื้องตน้ 1 9 4.2 การเขยี นตัวเลขในช่องจานวนเงนิ ใหเ้ ขียนหลักหน่วยของจานวนบาท ใกลเ้ ส้นแบง่ ชอ่ งบาทและชอ่ งสตางคเ์ สมอ จานวนเงิน บาท สต. 5,400 75 5,400 25 4.3 การเขยี นจานวนสตางค์ทจ่ี ะเขยี นในชอ่ งสตางค์ ถา้ ไมม่ ใี ห้ใช้ - หรือ 00 แต่มกั นิยมใช้ - มากกว่า จานวนเงิน บาท สต. 1,400 75 25,600 - 350,000 - 5,500 25 4.4 การเขยี นตวั เลข ถา้ มีการเขียนผิด การทาบัญชีไมค่ วรลบ เพราะอาจแสดงถึงการ ทจุ ริตได้ ให้แก้ไข โดยใช้ไม้บรรทดั วางทบั เขยี นเสน้ ขนานลงบนตวั เลขที่ผดิ และแกไ้ ขตวั เลขท่ี ถกู ต้องไวเ้ หนอื ตัวเลขทผ่ี ดิ และใหล้ งลายมือชอื่ ของผทู้ าบญั ชนี ้ันกากับไวด้ ว้ ย เชน่ 3,580.25 45,300.50 139,700.75 บทที่ 1 ความรเู้ บอื้ งต้นเก่ยี วกบั บัญชี
บัญชเี บอื้ งต้น 1 10 4.5 การเขยี น วนั เดือน ปี ในรูปแบบของบัญชีให้เขียน ปี เดอื น วัน แต่เวลาอ่านให้อ่าน วัน เดอื น ปี การเขยี น พ.ศ. ถา้ อยใู่ นหน้าเดียวกนั ให้เขยี น พ.ศ. เพียงครั้งเดียว ในช่อง พ.ศ. ของ ทุกหนา้ การเขียนเดือน นิยมเขียนอกั ษรยอ่ ของแต่ละเดือน ถา้ อยูเ่ ดอื นเดยี วกันใหเ้ ขยี นเดอื น เพียงครง้ั เดียวในแต่ละหนา้ บญั ชี และการเขยี นวนั ท่ี ใหเ้ รียงตามลาดบั เหตุการณท์ เ่ี กิดรายการคา้ ขึน้ กอ่ นหลงั เช่น พ.ศ. 25XX เดอื น วันท่ี ม.ค. 1 2 3 บทท่ี 1 ความรู้เบ้อื งตน้ เก่ยี วกบั บญั ชี
บญั ชเี บ้ืองตน้ 1 11 สรุปหนว่ ยเรียนท่ี 1 ความร้เู บือ้ งตน้ เก่ียวการบญั ชี 1. การบญั ชี หมายถึง การจดบันทึกรายการคา้ ต่าง ๆ ทีเ่ กดิ ขึน้ เกี่ยวกบั การรบั เงิน และ การจา่ ยเงนิ หรือสงิ่ ของที่มมี ลู ค่าเปน็ ตัวเงินไวใ้ นสมดุ บญั ชีอยา่ งสมา่ เสมอ โดยจดั แยกประเภท เปน็ ระเบียบ ถูกต้องตามหลกั การ และสามารถแสดงผลการดาเนินงาน พรอ้ มทง้ั ฐานะการเงินของ กิจการในระยะเวลาใดระยะเวลาหน่งึ ได้ เพือ่ ใหเ้ ป็นประโยชนต์ ่อการตัดสินใจเชิงเศรษฐกจิ 2. จดุ ประสงคข์ องการบญั ชี เพื่อจดบนั ทกึ รายการต่าง ๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ เรียงตามลาดบั กอ่ นหลงั และสรุปผลการดาเนินงานตามระยะทก่ี าหนด ใช้เป็นหลกั ฐานในการอา้ งอิง เป็นเครอ่ื งมือในการ ควบคมุ และตรวจสอบการวางแผนการดาเนนิ ธุรกจิ 3. ประโยชน์ของขอ้ มูลการบญั ชี และผใู้ ช้ประโยชนจ์ ากบญั ชี บัญชมี ีประโยชนใ์ นการใช้ เปน็ หลักฐานแสดงให้ทราบวา่ ผลการดาเนินงานท่ีผา่ นมาเปน็ อยา่ งไร และสามารถใช้บัญชี ควบคุมการบริหาร เพ่ือป้องกนั ความผิดพลาดทเ่ี กดิ ขึ้น ช่วยให้ทราบฐานะการเงินของกิจการวา่ มี สินทรัพย์ หนส้ี ิน เงินเงินทุน ตลอดจนใช้ในการคานวณแสดงผลการดาเนินงานวา่ มกี าไรหรอื ขาดทนุ เทา่ ไร และเจ้าของกจิ การ เจ้าหนีก้ ารค้าและผูใ้ ห้กยู้ มื นกั ลงทุน หนว่ ยงานรฐั บาล บุคคล ภายในองค์กร บุคคลและหน่วยงานเหลา่ นีเ้ ป็นผ้ใู ช้ข้อมลู ทางการบญั ชีไปใช้ในการบริหารตอ่ ไป 4. ขอ้ สมมติตามแมบ่ ทการบัญชี ไม่ถอื เป็นมาตรฐานการบัญชี แต่เป็นกรอบหรือแนวคิด พ้นื ฐานในการจดั ทาและนาเสนองบการเงิน กาหนดและนามาตรฐานการบัญชมี าปฏิบตั ิ เพ่ือเป็น แนวทางปฏิบัติสาหรบั เร่อื งท่ยี งั ไม่มมี าตรฐานการบัญชรี ับรอง เพื่อให้ผ้ใู ชง้ บการเงนิ มคี วามเขา้ ใจ และปฏิบัตใิ นแนวทางเดยี วกัน 5. ข้อแนะนาเก่ียวกบั การเรยี นวชิ าบญั ชี ทผี่ ศู้ กึ ษาควรทราบ และปฏบิ ัติ คือ อา่ นหนงั สอื เพ่ือศกึ ษาภาคทฤษฎใี ห้เข้าใจ ทาแบบฝกึ หัดทบทวนอย่างสมา่ เสมอ เขยี นตัวอกั ษรและตวั เลขให้ อา่ นงา่ ย สะอาดเรยี บรอ้ ย ตวั เลขใหใ้ ช้ตัวเลขอารบิค และเขยี นใหต้ รงหลัก ให้ใส่เคร่ืองหมาย . แบ่งหลักตวั เลข และเคร่อื งหมาย - แทนจานวนเงินท่ีไมม่ ีเศษสตางค์ เม่อื เขียนตัวเลขผิดจะไม่ใช้ ยางลบ จะใชว้ ิธขี ดี เสน้ ขนานลงบนตัวเลขทผี่ ิด แล้วเขียนตัวเลขใหม่ทถี่ ูกต้องเหนอื ตวั เลขทผี่ ิดนน้ั และเซ็นชือ่ กากับ บทท่ี 1 ความรู้เบอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั บัญชี
บญั ชเี บอ้ื งตน้ 1 12 1 Accounting ศพั ทบ์ ญั ชี 2 Accrual Basis 3 Going Concern การบญั ชี 4 Assumption เกณฑค์ งคา้ ง 5 Accounting Framework การดาเนนิ งานตอ่ เน่อื ง 6 Accounting ขอ้ สมมติตามแม่บทการบัญชี 7 Bookkeeping แมบ่ ทการบญั ชี 8 Bookkeeper นกั บญั ชี การจดั ทาบัญชี ผทู้ าบัญชี บทท่ี 1 ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกยี่ วกบั บญั ชี
บัญชีเบื้องตน้ 1 13 แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยท่ี 1 คาชีแ้ จง จงทาเครื่องหมายกากบาท () ลงหน้าขอ้ ทีถ่ ูกตอ้ งทีส่ ุด 1. ข้อใดหมายถึงแมบ่ ทการบญั ชี ก. Framework ข.Accounting Framework ค. Accounting ง. Financial Statements 2. ขอ้ ใดมใิ ชว่ ตั ถปุ ระสงคข์ องการบญั ชี ก. เพือ่ ทาให้กจิ การไดร้ ับผลกาไร ข. เพ่อื ทราบผลการดาเนินงานท่ผี ่านมา ค. เพื่อทราบว่ากจิ การมสี นิ ทรัพย์ หนีส้ นิ และทนุ เท่าใด ง. เพือ่ ถูกต้องตามกฎหมาย 3. ขอ้ ใดคือความหมายของการบญั ชี ก. การจดั หมวดหมแู่ ละสรปุ ผล ข. การบันทกึ รายการคา้ เปล่ยี นแปลงฐานะการเงนิ ค. การบันทกึ รายการค้าลงในสมุดบญั ชี ง. ถูกทุกข้อ 4. ขอ้ ใดคอื ข้อสมมติฐานตามแมบ่ ทการบญั ชี ก. เกณฑ์เงนิ สด ข. เกณฑค์ งคา้ ง ค. เกณฑ์คงคา้ งและดาเนนิ งานตอ่ เน่อื ง ง. เกณฑ์คงค้างและเกณฑ์เงนิ สด 5. ขอ้ ใดเป็นประโยชน์ของการบัญชี ก. เพอ่ื ทราบผลการดาเนนิ งานวา่ มีกาไรหรอื ขาดทนุ เท่าใด ข. เพื่อถูกต้องตามกฎหมาย ค. เพอ่ื ลดขาดทนุ ทีอ่ าจจะเกดิ ข้ึน ง. กาไรหรือขาดทนุ ของกิจการ บทท่ี 1 ความรเู้ บ้อื งต้นเกีย่ วกับบัญชี
บัญชีเบือ้ งตน้ 1 14 6. การเก็บใบเสรจ็ รบั เงินหรือหลกั ฐานการซ้อื – ขายเกีย่ วกบั การดาเนินธรุ กจิ คอื ลกั ษณะขอ้ ใด ก. การสรปุ ขอ้ มูล ข. การจาแนก ค. การรวบรวมขอ้ มูล ง. การจดบนั ทกึ 7. คาวา่ “ฐานะการเงิน” หมายถงึ อะไร ก. สว่ นในสนิ ทรัพยข์ องเจ้าของกจิ การ ข. ผลการดาเนินงานของกจิ การ ค. สินทรัพย์ หนส้ี ินและทุนของกจิ การ ง. กาไรหรือขาดทุนของกิจการ 8. ข้อใดเป็นการเขยี นตวั เลขท่ีใสเ่ คร่ืองหมายถกู ต้อง ก. 3,500.75.- ข. 8,922.- ค. 6,895 ง. “9,250” 9. ขอ้ ใดเป็นข้อแนะนาในการเรียนบัญชีทถี่ ูกตอ้ ง ก. ควรอ่านหนงั สอื แตล่ ะบทอยา่ งน้อย 2 ครงั้ ข. ควรทาแบบฝกึ หดั อยา่ งสมา่ เสมอ ค. ตัวเลขทกุ ๆ จานวน ตั้งแต่ 3 หลักขนึ้ ไปให้ใส่เคร่ืองหมาย , ง. ถกู ทกุ ขอ้ 10. การแบง่ หมวดหมูข่ องบญั ชีประเภทตา่ ง ๆ คือขอ้ ใด ก. การจาแนก ข. การสรปุ ผลข้อมลู ค. การใหข้ อ้ มลู ง. การบันทกึ ขอ้ มูล บทที่ 1 ความร้เู บอ้ื งต้นเก่ยี วกับบญั ชี
บญั ชเี บอื้ งต้น 1 15 แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยท่ี 1 ตอนที่ 1 จงทาเครือ่ งหมายกากบาท () ลงหน้าข้อท่ถี ูกตอ้ งทีส่ ดุ 1. ข้อใดคอื ความหมายของการบญั ชี ก. การจัดหมวดหมแู่ ละสรุปผล ข. การบันทึกรายการคา้ เปล่ยี นแปลงฐานะการเงนิ ค. การบันทึกรายการค้าลงในสมุดบัญชี ง. ถกู ทุกขอ้ 2. ข้อใดมใิ ช่วตั ถุประสงค์ของการบญั ชี ก. เพื่อทาใหก้ ิจการไดร้ ับผลกาไร ข. เพื่อทราบผลการดาเนินงานทผี่ ่านมา ค. เพอื่ ทราบว่ากจิ การมีสนิ ทรัพย์ หน้ีสนิ และทนุ เท่าใด ง. เพอ่ื ถกู ตอ้ งตามกฎหมาย 3. ขอ้ ใดเป็นประโยชนข์ องการบัญชี ก. เพือ่ ทราบผลการดาเนนิ งานว่ามีกาไรหรือขาดทนุ เทา่ ใด ข. เพ่อื ถูกตอ้ งตามกฎหมาย ค. เพือ่ ลดขาดทุนทอี่ าจจะเกดิ ขน้ึ ง. กาไรหรือขาดทุนของกิจการ 4. ขอ้ ใดหมายถึงแมบ่ ทการบญั ชี ก. Framework ข.Accounting Framework ค. Accounting ง. Financial Statements 5. ข้อใดคอื ข้อสมมตฐิ านตามแมบ่ ทการบัญชี ก. เกณฑเ์ งินสด ข. เกณฑค์ งค้าง ค. เกณฑค์ งคา้ งและดาเนนิ งานต่อเนื่อง ง. เกณฑค์ งค้างและเกณฑ์เงินสด บทท่ี 1 ความรู้เบอื้ งต้นเกยี่ วกบั บญั ชี
บญั ชีเบ้ืองตน้ 1 16 6. ข้อใดเปน็ ขอ้ แนะนาในการเรียนบัญชีท่ีถูกตอ้ ง ก. ควรอา่ นหนังสือแต่ละบทอย่างนอ้ ย 2 ครัง้ ข. ควรทาแบบฝกึ หดั อย่างสม่าเสมอ ค. ตัวเลขทกุ ๆ จานวน ต้ังแต่ 3 หลกั ข้นึ ไปใหใ้ ส่เครอ่ื งหมาย , ง. ถูกทกุ ข้อ 7. ขอ้ ใดเปน็ การเขียนตวั เลขทีใ่ สเ่ ครอ่ื งหมายถูกต้อง ก. 3,500.75.- ข. 8,922.- ค. 6,895 ง. “9,250” 8. การเกบ็ ใบเสรจ็ รับเงินหรือหลกั ฐานการซ้อื – ขายเกี่ยวกบั การดาเนนิ ธุรกิจคือลกั ษณะข้อใด ก. การสรปุ ข้อมูล ข. การจาแนก ค. การรวบรวมขอ้ มลู ง. การจดบันทกึ 9. การแบ่งหมวดหม่ขู องบัญชปี ระเภทต่าง ๆ คือขอ้ ใด ก. การจาแนก ข. การสรปุ ผลข้อมูล ค. การใหข้ ้อมูล ง. การบนั ทึกข้อมูล 10. คาว่า “ฐานะการเงนิ ” หมายถงึ อะไร ก. สว่ นในสนิ ทรพั ย์ของเจา้ ของกิจการ ข. ผลการดาเนนิ งานของกจิ การ ค. สนิ ทรพั ย์ หน้สี ินและทุนของกิจการ ง. กาไรหรือขาดทุนของกจิ การ บทที่ 1 ความรเู้ บ้ืองต้นเก่ียวกบั บัญชี
บัญชเี บ้อื งต้น 1 17 กจิ กรรมเสรมิ ทกั ษะ หนว่ ยท่ี 1 ตอนท่ี 1 จงทาเคร่อื งหมายกากบาท () ลงหน้าขอ้ ทถ่ี กู ตอ้ งทส่ี ุด 1. ข้อใดคอื ความหมายของการบญั ชี ก. การจัดหมวดหมแู่ ละสรุปผล ข. การบนั ทึกรายการคา้ เปลีย่ นแปลงฐานะการเงนิ ค. การบันทึกรายการค้าลงในสมดุ บญั ชี ง. ถกู ทกุ ข้อ 2. ข้อใดมใิ ช่วัตถุประสงคข์ องการบัญชี ก. เพอ่ื ทาใหก้ จิ การไดร้ ับผลกาไร ข. เพอ่ื ทราบผลการดาเนนิ งานท่ีผา่ นมา ค. เพ่อื ทราบวา่ กิจการมสี นิ ทรัพย์ หนีส้ นิ และทนุ เทา่ ใด ง. เพ่ือถูกตอ้ งตามกฎหมาย 3. ขอ้ ใดเป็นประโยชนข์ องการบญั ชี ก. เพอ่ื ทราบผลการดาเนินงานวา่ มกี าไรหรอื ขาดทุนเท่าใด ข. เพอ่ื ถกู ตอ้ งตามกฎหมาย ค. เพอ่ื ลดขาดทนุ ท่ีอาจจะเกดิ ข้ึน ง. กาไรหรอื ขาดทนุ ของกิจการ 4. ข้อใดหมายถงึ แมบ่ ทการบญั ชี ก. Framework ข.Accounting Framework ค. Accounting ง. Financial Statements 5. ขอ้ ใดคอื ข้อสมมตฐิ านตามแมบ่ ทการบญั ชี ก. เกณฑเ์ งนิ สด ข. เกณฑค์ งค้าง ค. เกณฑ์คงค้างและดาเนนิ งานตอ่ เนอื่ ง ง. เกณฑ์คงค้างและเกณฑเ์ งนิ สด บทที่ 1 ความรู้เบอื้ งต้นเกยี่ วกบั บัญชี
บญั ชีเบอื้ งต้น 1 18 6. ขอ้ ใดเปน็ ขอ้ แนะนาในการเรียนบัญชที ถ่ี ูกต้อง ก. ควรอา่ นหนังสือแต่ละบทอย่างนอ้ ย 2 ครงั้ ข. ควรทาแบบฝึกหดั อย่างสมา่ เสมอ ค. ตวั เลขทกุ ๆ จานวน ตง้ั แต่ 3 หลักขึ้นไปใหใ้ สเ่ คร่อื งหมาย , ง. ถูกทกุ ขอ้ 7. ข้อใดเป็นการเขยี นตวั เลขทใี่ ส่เคร่อื งหมายถกู ตอ้ ง ก. 3,500.75.- ข. 8,922.- ค. 6,895 ง. “9,250” 8. การเก็บใบเสรจ็ รบั เงนิ หรือหลักฐานการซอ้ื – ขายเกย่ี วกับการดาเนินธุรกจิ คอื ลักษณะขอ้ ใด ก. การสรุปข้อมูล ข. การจาแนก ค. การรวบรวมข้อมลู ง. การจดบนั ทกึ 9. การแบ่งหมวดหมขู่ องบญั ชีประเภทตา่ ง ๆ คือข้อใด ก. การจาแนก ข. การสรุปผลขอ้ มูล ค. การใหข้ อ้ มลู ง. การบนั ทกึ ขอ้ มลู 10. คาวา่ “ฐานะการเงิน” หมายถึงอะไร ก. สว่ นในสินทรพั ยข์ องเจา้ ของกิจการ ข. ผลการดาเนินงานของกิจการ ค. สินทรัพย์ หนีส้ นิ และทุนของกจิ การ ง. กาไรหรือขาดทุนของกจิ การ ตอนท่ี 2 จงตอบคาถามตอ่ ไปนใี้ ห้ไดใ้ จความสมบรู ณ์ 1. จงอธบิ ายความหมายของการบญั ชี ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- บทท่ี 1 ความรเู้ บือ้ งต้นเกย่ี วกบั บญั ชี
บัญชเี บ้ืองตน้ 1 19 2. ให้อธบิ ายจุดประสงคข์ องการบัญชี ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 3. จงสรปุ สาระสาคัญของแม่บทการบัญชี มาพอเขา้ ใจ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 4. วธิ ีปฏิบัติตามขอ้ แนะนาเกี่ยวกบั การเรยี นวิชาการบญั ชี มอี ะไรบ้างจงอธิบาย ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 5. จงอธิบายข้อสมมตทิ างการบัญชมี อี ะไรบ้าง จงอธิบาย ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- บทท่ี 1 ความรเู้ บ้ืองตน้ เก่ียวกบั บัญชี
บญั ชีเบอ้ื งตน้ 1 20 ตอนท่ี 3 แบบฝึกปฏิบตั ิ 1. จงเขียนเคร่ืองหมายจุลภาค ( , ) ในจานวนเงินต่อไปนี้ลงในตารางให้ถูกต้องตามหลักการบญั ชี ท่ีรบั รองทั่วไป จานวนเลข จานวนเงิน บาท สต. 2000 20000 200000 2000000 20000000 2. จงนาตวั เลขในช่อง “จานวนเลข” ไปบนั ทึกในชอ่ งจานวนเงินพรอ้ มแสดงยอดรวมใหถ้ ูกตอ้ ง ตามหลักการบัญชีทรี่ บั รองท่ัวไป จานวนเลข จานวนเงิน บาท สต. 250 5,800.10 22,900.20 45,400.40 375,000 2,867,500.30 รวม บทท่ี 1 ความรเู้ บื้องตน้ เกี่ยวกับบัญชี
บญั ชีเบื้องตน้ 1 21 3. จงแกไ้ ขตวั เลขตอ่ ไปนี้ ขอ้ ท่ี ตัวเลขท่ผี ดิ ตัวเลขท่ถี ูกตอ้ ง วิธีแกไ้ ขตัวเลขทางบัญชี 12,000.- ตัวอยา่ ง 21,000.- 12,000.- 21,000.- 1 1,800.- 8,100.- 2 19,199.- 19,919.- 3 79,215.- 97,215.- 4 4,500.- 5,400.- 5 100,050.- 1,000.50 4. จงเขยี นตัวย่อของเดอื นต่าง ๆ ใหถ้ กู ตอ้ ง เดือน ตัวยอ่ เดอื น ตวั ยอ่ มกราคม กรกฎาคม กมุ ภาพนั ธ์ สิงหาคม มีนาคม กนั ยายน เมษายน ตลุ าคม พฤษภาคม พฤศจิกายน มิถนุ ายน ธนั วาคม 5. จงเขยี นตวั เลขตอ่ ไปนเ้ี ปน็ ตัวอกั ษร จานวนเงิน (ตัวอักษร) ลาดับ จานวนเงนิ (ตวั เลข) 1 533.25 2 1,599.75 3 21,505.- 4 120,864.- 5 6,060,500.- บทท่ี 1 ความรูเ้ บอ้ื งตน้ เกี่ยวกับบญั ชี
บญั ชีเบอ้ื งตน้ 1 22 6. จงเขียนจานวนเงนิ ตอ่ ไปนเ้ี ป็นตวั เลขและหายอดรวม ลาดบั จานวนเงนิ (ตัวอกั ษร) จานวนเงนิ (ตัวเลข) 1 สองรอ้ ยสามบาทถ้วน 2 สามหม่ืนยี่สบิ หา้ บาทถ้วน 3 หา้ พนั ห้าร้อยเกา้ สิบเกา้ บาทย่สี บิ ห้าสตางค์ 4 หนึง่ แสนสามพนั ห้าสบิ สามบาทถว้ น 5 สล่ี า้ นสองแสนหนึ่งพันบาทถ้วน รวม 7. ข้อความต่อไปน้ี ขอ้ ใดถกู เขียนเครื่องหมาย ขอ้ ใดผิดเขียนเครอ่ื งหมายผิด ลงใน ช่องว่างท่ีกาหนด ---------5.1 การทาบญั ชีไม่ตอ้ งเรยี งลาดับเหตกุ ารณ์ก่อนหลงั ---------5.2 การทาบญั ชตี วั เลขทใ่ี ชต้ ้องเปน็ เลขอารบคิ ---------5.3 การทาบญั ชีตัวเลขทุกสามหลัก ให้ใส่เคร่อื งหมาย , เช่น 123,456,50 ---------5.4 การทาบญั ชไี มต่ อ้ งมแี บบฟอร์มทาอย่างไรก็ได้ ---------5.5 การทาแบบฝกึ หัดต้องทาใหถ้ กู ต้อง ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งเรยี บรอ้ ย ชัดเจน ---------5.6 การเขยี นตวั เลข ถ้าผดิ ใชย้ างลบ ลบไมไ่ ด้ ให้ขีดเส้นแก้ไขแลว้ เซ็นตช์ ่อื กากบั ---------5.7 เพอ่ื ใหเ้ รียนบัญชไี ด้ดี ต้องอ่านใบความรู้ก่อนแลว้ มาฟงั คาอธิบายจากผสู้ อน ในหอ้ งเรยี น ---------5.8 จานวนเงินที่ไมม่ เี ศษสตางค์ ชอ่ งสตางคใ์ หเ้ ขยี นเครอ่ื งหมาย - ---------5.9 ประโยชน์ของการบญั ชี คอื ชว่ ยให้เจ้าของรู้เหตกุ ารณ์ลว่ งหน้าว่ามีกาไรหรอื ขาดทนุ ---------5.10 การทาแบบฝกึ เรยี นไดอ้ ย่างรวดเร็ว ตอ้ งลอกแบบฝึกหดั จากเพอื่ น บทท่ี 1 ความร้เู บอื้ งตน้ เกย่ี วกับบญั ชี
บญั ชเี บอ้ื งต้น 1 23 เอกสารอ้างอิง จีรพันธ์ จนั ทน์โรจน์. บญั ชเี บื้องต้น 1. กรุงเทพมหานคร : สานกั พิมพศ์ ูนยส์ ่งเสรมิ อาชีวะ,2549. พะยอม สงิ ห์เสน่ห์ และนีรนชุ เมฆวิชัย. การบญั ชกี ารเงิน. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ชวนพิมพ์, 2541. นกั บัญชี และผู้สอบบัญชรี ับอนุญาตแหง่ ประเทศไทย, สมาคม. มาตรฐานการบญั ชขี องไทย ฉบับรวมเล่ม พ.ศ.2544 เล่ม 1. กรงุ เทพฯ : ศนู ย์หนังสอื จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2538. นันท์ ศรสี ุวรรณ. บัญชเี บือ้ งตน้ 1. กรุงเทพมหานคร : สานกั พิมพว์ ังอังษร, 2546. ธารี หิรัญรศั มี. รศ. การบัญชีเบ้ืองตน้ 1. กรุงเทพฯ : ศูนยห์ นงั สือจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2538. สมสกุล ศรเี มฆ. (2555). วชิ าบญั ชีเบอื้ งต้น 1. [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://somsakul.com/ (วันทส่ี บื คน้ : 30 มกราคม 2555). อานาจ รตั นสุวรรณ และอรรถพล ตริตานนท์. การบญั ชขี ้ันต้น. กรงุ เทพมหานคร : ศนู ย์หนังสอื จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, 2550. บทท่ี 1 ความร้เู บ้ืองตน้ เกี่ยวกบั บัญชี
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: