คู่มือผรู้ บั บรกิ ารกจิ กรรมการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ดา้ น คา่ ยวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสงิ่ แวดลอ้ ม เร่อื ง ดาราศาสตร์ สแกนเพอื่ อา่ น E-Book ศูนยว์ ทิ ยาศาสตรเ์ พอื่ การศกึ ษาสระแกว้ สานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั สานกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร จัดทาโดย นายอาพร ทองอาจ
ก คำนำ คู่มือผู้รับบริการกิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัยด้านค่ายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม เป็นเอกสารสาหรับให้ผู้รับบริการปฏิบัติกิจกรรมท่ีกาหนดไว้ในฐานการเรียนรู้ค่ายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ผู้รับบริการมีสมรรถนะด้านค่ายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ สิ่งแวดล้อม ได้เรียนรู้ในองค์ความรู้และทักษะทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สามารถนามาแก้ปัญหาในชีวิต จริง ผา่ นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิง่ แวดลอ้ ม ซง่ึ กจิ กรรมการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ดา้ นค่าย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมจะเป็นกิจกรรมที่ทดสอบความรู้ความเข้าใจ และฝึกทักษะ ประสบการณ์ท่ีจาเป็นในฐานการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ท่ี สนุกสนานและท้าทายซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ผู้รับบริการมีศักยภาพในการเรียนรู้เพ่ิมข้ึน โดยกิจกรรมจะ ประกอบด้วยแบบทดสอบก่อนเรียน การแลกเปล่ียนเรียนรู้ท่ีเกิดจากการทางานร่วมกันในการรวบรวม ค้นหา ข้อมูล สรรหาและเลือกวิธีการแก้ปัญหา จนเกิดองค์ความรู้ที่สามารถแก้ปัญหาในกิจกรรมได้ตามเง่ือนไขและ ข้อจากัดต่าง ๆ ภายใต้การอานวยความสะดวกของผู้จัดกิจกรรม ท้ังนี้ ผู้รับบริการจะปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ท่ี เกี่ยวข้องกับฐานการเรยี นรู้ค่ายวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และส่ิงแวดล้อม และกิจกรรมที่กาหนดจะมีเฉลยแนว คาตอบใหผ้ ู้รบั บริการได้ตรวจสอบได้ด้วยตนเอง และแบบทดสอบหลังเรียนพรอ้ มเฉลยคาตอบ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้วหวังว่า คู่มือผู้รับบริการกิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัยด้าน ค่ายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และส่ิงแวดล้อม จะเป็นประโยชน์ต่อผู้รับบริการ เม่ือผู้รับบริการได้เรียนรู้จาก คู่มือดังกล่าว พร้อมได้ทดสอบและปฏิบัติกิจกรรมตามคาแนะนาในเอกสารอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ผูร้ บั บริการจะประสบความสาเรจ็ ในการเรียนรู้และปฏิบตั ิกิจกรรมจากฐานการเรียนรไู้ ดอ้ ย่างมคี ุณภาพ (นางยุวดี แจง้ กร) ผู้อานวยการศูนยว์ ทิ ยาศาสตร์เพ่ือการศึกษาสระแก้ว พฤษภาคม 2562
ข สำรบัญ หน้ำ คำนำ ก สำรบัญ ข ฐำนกำรเรียนรู้ เร่อื ง ดำรำศำสตร์ 1 2 กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ดาราศาสตร์ 2 กิจกรรมการทดสอบก่อนเรยี น 4 กจิ กรรมการแลกเปล่ยี นเรียนรเู้ รอ่ื งดาราศาสตร์ 4 กิจกรรมการใช้แผนท่ดี าว 7 กจิ กรรมการประดิษฐแ์ ผนทก่ี ล่มุ ดาวจักราศจี ากกระดาษ 9 กิจกรรมการใช้ปฏิทนิ 100 ปี 10 กจิ กรรมกลอ้ งโทรทรรศน์ 22 กิจกรรมการทดสอบหลงั เรยี นเรอ่ื งดาราศาสตร์ 24 กิจกรรมการประเมนิ ความพึงพอใจของผู้รับบริการเร่ืองดาราศาสตร์ 25 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น 25 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น
หน้า |1 ฐานการเรยี นรู้ เร่ือง ดาราศาสตร์
หน้า |2 กิจกรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง ดาราศาสตร์ แนวคิด การขึ้นการตกของดวงอาทิตย์ในเวลากลางวันและกลุ่มดาวฤกษ์ในเวลากลางคืนเป็นตัวบ่งบอกถึง กาลเวลาท่ีผ่านไปในแต่ละวัน ดังนั้น การรู้จักใช้แผนที่ดาวและแผนภาพกลุ่มดาวจักราศีจะทาให้เข้าใจการข้ึน การตกของดวงอาทิตย์และกลุ่มดาวฤกษ์ได้ง่ายข้ึน นอกจากนก้ี ารรูจ้ ักจาแนกประเภทกล้องโทรทรรศน์จะช่วยให้ สามารถเลือกกล้องโทรทรรศน์ ท่เี หมาะสมกบั การศกึ ษาเทหวัตถบุ นท้องฟ้าได้ชดั เจนขึ้น วตั ถปุ ระสงค์ เมื่อสิ้นสุดการปฏิบตั ิกจิ กรรมการเรียนรู้น้แี ล้ว ผู้รบั บริการสามารถ 1. ใช้แผนที่ดาวไดถ้ ูกตอ้ ง 2. ประดิษฐ์แผนที่กลุ่มดาวจักราศดี ว้ ยกระดาษ 3. อธบิ ายปฏิทนิ 100 ปี 4. จาแนกประเภทของกลอ้ งโทรทรรศน์ เนื้อหา 1. แผนท่ดี าว 2. กลมุ่ ดาวจักราศี 3. ปฏทิ นิ 100 ปี 4. กล้องโทรทรรศน์ ขน้ั ตอนการดาเนินกิจกรรมการเรยี นรู้ของผู้รับบรกิ าร แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรื่อง ดาราศาสตร์ 1. ในระบบสุริยะ แถบดาวเคราะห์น้อยอยู่ในบริเวณใด ก. อยู่แถบนอกสุดของระบบสุริยะ ข. อยู่ระหว่างดาวเคราะห์ช้ันในกับเขตของดาวหาง ค. อยู่ระหว่างดาวเคราะห์ช้ันนอกกับเขตของดาวหาง ง. อยู่ระหว่างดาวเคราะห์ชั้นในกับดาวเคราะห์ช้ันนอก 2. วันใดที่นักศกึ ษามองเหน็ ดวงจนั ทร์คร่ึงดวง ก. ขึน้ 15 ค่า แรม 15 คา่ ข. ขึ้น 15 คา่ แรม 8 ค่า ค. ขึน้ 8 คา่ แรม 8 ค่า ง. ข้นึ 8 ค่า แรม 15 ค่า
หน้า |3 3. เม่ือเกิดปรากฏการณจ์ นั ทรปุ ราคาเต็มดวงบนโลก ถ้านักศกึ ษายืนอยู่บนดวงจนั ทร์ จะเหน็ ปรากฏการณ์อะไร เกดิ ขึ้นท่ีดวงจันทร์ ก. จันทรปุ ราคาเต็มดวง ข. สุริยุปราคาเตม็ ดวง ค. นา้ ขนึ้ นา้ ลง ง. ข้างข้ึน ข้างแรม 4. ข้อใดต่อไปน้ี ถูกต้อง ก. ปแี สงเปน็ หน่วยของเวลา ข. โลกหมนุ รอบตัวเองใช้เวลา 1 เดอื น ค. ดวงอาทติ ยเ์ มื่ออยู่เหนือศรี ษะมีขนาดเทา่ กนั เม่อื อยู่ใกลข้ อบฟ้า ง. ดาวเคราะห์ในระบบสุรยิ ะมีเฉพาะดาวเสาร์ที่มีวงแหวน ดาวเคราะห์ดวงอน่ื ไม่มี 5. ถ้านักเรยี นมนี ้าหนัก 54 กิโลกรมั เมอ่ื อยูบ่ นโลก แต่ถ้าไปอยู่บนดวงจันทรจ์ ะมนี ้าหนักเท่าไร ก. 8 กโิ ลกรมั ข. 9 กโิ ลกรมั ค. 48 กิโลกรมั ง. เทา่ เดิม คอื 54 กิโลกรัม แบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่ือง กล้องโทรทรรศน์ (Telescope) 1. กล้องโทรทรรศนแ์ บบใดท่ีประกอบดว้ ยเลนส์นูน 2 อัน ก. กลอ้ งโทรทรรศนแ์ บบผสม ข. กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง ค. กลอ้ งโทรทรรศนแ์ บบหักเหแสง ง. กล้องโทรทรรศน์แบบคลื่นวิทยุ 2. กาลงั ขยายของภาพของกล้องโทรทรรศน์ หาไดจ้ ากสตู ร ก. ความยาวโฟกัสของเลนสว์ ัตถุ ข. ความยาวโฟกัสของเลนส์ตา ความยาวโฟกัสของเลนส์ตา ความยาวโฟกัสของเลนส์วตั ถุ ค. ความยาวโฟกสั ของเลนส์นา ง. ความยาวโฟกสั ของเลนส์นา . ความยาวโฟกสั ของเลนส์วตั ถุ ความยาวโฟกสั ของเลนส์ตา 3. ข้อความ 10X50 WA ท่ีปรากฏอยู่บนกล้องส่องทางไกลชนดิ สองตานน้ั ตัวเลข 10 ตัวแรก หมายถึง ก. ขนาดเส้นผ่าศูนยก์ ลางของเลนส์วัตถุ ข. ขนาดเสน้ ผา่ ศูนย์กลางของเลนส์ตา ค. ความยาวโฟกสั ของเลนส์วัตถุ ง. กาลงั ขยาย 4. ภาพที่มองเหน็ จากเลนสน์ า จากกลอ้ งโทรทรรศนท์ ั้ง 3 แบบ จะเป็นภาพอย่างไร ก. ภาพจรงิ หวั กลบั และ ไม่กลับดา้ นซา้ ยไปขวา ข. ภาพจรงิ หวั กลบั และ กลบั ดา้ นซา้ ยไปขวา ค. ภาพเสมือนหวั ตัง้ และ ไมก่ ลบั ดา้ นซ้ายไปขวา ง. ภาพเสมอื นหวั ตั้ง และ กลับดา้ นซ้ายไปขวา
หน้า |4 5. ภาพที่มองเหน็ จากเลนสต์ าของกล้องโทรทรรศน์แบบหกั เหแสงและแบบผสม จะเหมอื นกนั เป็นภาพ อยา่ งไร ก. ภาพจรงิ หัวกลบั และ ไม่กลบั ด้านซ้ายไปขวา ข. ภาพจรงิ หัวกลับ และ กลับดา้ นซ้ายไปขวา ค. ภาพเสมอื นหวั ตง้ั และ ไมก่ ลับด้านซ้ายไปขวา ง. ภาพเสมอื นหวั ตง้ั และ กลับดา้ นซา้ ยไปขวา กิจกรรม แลกเปลี่ยนเรยี นรเู้ รอ่ื งดาราศาสตร์ คาชแ้ี จง ให้ผรู้ ับบริการตอบคาถาม จานวน 4 ประเดน็ ดงั นี้ ประเดน็ ที่ 1 “ทา่ นร้จู ักแผนท่ีดาวหรือไม่ อยา่ งไร” ประเดน็ ท่ี 2 “ท่านเคยได้ประดษิ ฐ์แผนที่กลมุ่ ดาวจักราศีด้วยกระดาษหรือไม่ อย่างไร” ประเดน็ ท่ี 3 “ท่านเคยใชป้ ฏิทนิ 100 ปี หรือไม่ อย่างไร” ประเด็นที่ 4 “ทา่ นรู้จกั ประเภทของกลอ้ งโทรทรรศนห์ รอื ไม่ อยา่ งไร” (แนวการตอบ) ประเด็นท่ี 1 “ทา่ นรู้จกั แผนที่ดาวหรือไม่ อย่างไร” ร้จู ัก ไว้สาหรับหากลุ่มดาว ประเดน็ ที่ 2 “ทา่ นเคยได้ประดิษฐแ์ ผนที่กลุม่ ดาวจกั ราศดี ้วยกระดาษหรอื ไม่ อย่างไร” ไ่มเ่ คย ประเดน็ ท่ี 3 “ทา่ นเคยใช้ปฏทิ ิน 100 ปี หรือไม่ อย่างไร” ไม่เคย ประเดน็ ท่ี 4 “ท่านร้จู ักประเภทของกลอ้ งโทรทรรศนห์ รอื ไม่ อย่างไร” กจิ กรรมที่ 1 การใช้แผนทีด่ าว คาช้ีแจง 1. ผจู้ ัดกจิ กรรมแจกแผนทดี่ าวใหผ้ รู้ บั บริการศึกษาแผนทดี่ าวพร้อมทั้งให้ผู้รบั บรกิ ารปฏิบตั ิกิจกรรม เรือ่ งการใช้แผนทีด่ าว 2. ผจู้ ัดกิจกรรมอธบิ ายการใช้แผนทีด่ าวพรอ้ มสาธติ วิธกี ารใชแ้ ผนที่ดาว 3. ทดสอบการใชแ้ ผนท่ดี าวของผูร้ บั บรกิ ารโดยให้ผูร้ ับบรกิ ารโดยปรบั เปล่ียน วนั ที่ เดอื น และเวลาของ แผนที่ดาว 4. ใหผ้ ้รู บั บริการตอบคาถามในประเด็น “ท่านเห็นกลมุ่ ดาวฤกษ์กล่มุ ดาวใดบ้าง ใหอ้ ธิบาย” 5. ผู้รับบรกิ ารและผ้จู ัดกจิ กรรมสรุปสิง่ ทีไ่ ดเ้ รยี นรรู้ ่วมกัน
หน้า |5 ใบกจิ กรรมท่ี 1 เรือ่ ง การใช้แผนทด่ี าว วัตถปุ ระสงค์ 1. สามารถบอกกลุม่ ดาวฤกษ์ไดถ้ ูกตอ้ งตามกาหนดเวลาท่ตี ้ังไว้ 2. สามารถบอกทศิ ทางจากการดูกลุ่มดาวฤกษ์ เน้อื หา แผนที่ดาว เป็นเครอ่ื งมอื ท่ีใช้ประกอบการศกึ ษาและสังเกตกลมุ่ ดาวฤกษ์ซ่ึงเปน็ ดาวประจาท่ีบนทอ้ งฟา้ แผนทด่ี าวถูกจดั ทาข้นึ เพ่อื สะดวกในการบอกชื่อ ลักษณะรูปร่าง ทศิ ทางที่มองเห็นดาวฤกษ์ ณ ละตจิ ูดหนึ่งๆ ของผู้สังเกตบนพื้นโลก คาช้ีแจง ใหผ้ ูร้ บั บรกิ ารตอบคาถามต่อไปน้ี 1. จงบอกชอื่ ทิศ ตามคา่ มุมแอซิมธุ ตอ่ ไปนี้ แอซิมุธ ทศิ 0 องศา 45 องศา 90 องศา 135 องศา 180 องศา 225 องศา 270 องศา 315 องศา 360 องศา 2. จงบอกตาแหน่งดาวฤกษท์ ี่มีคา่ มุมแอซมิ ธุ และอลั ตจิ ูด แอซมิ ุธ อลั ติจดู ปรากฎทางทิศ อย่สู งู จากขอบฟ้า ทิศทางนั้น (องศา) 210 25 118 45 330 60 3. ดาวท่อี ย่ตู รงจุดเหนือศรี ษะ มีคา่ มุมอลั ติจูดกี่องศา....................................................................... 4. ในเดอื นตลุ าคม เวลา 18.00 น. จะเหน็ ดาวอัลแทร์ (ดาวตานกอินทรี) อยู่ตรงจุดเหนือศีรษะ ในวันที่ .............................................................................................................
หน้า |6 แนวทางการตอบใบกิจกรรมท่ี 1 เรอ่ื ง การใชแ้ ผนท่ดี าว 1. จงบอกชือ่ ทศิ ตามคา่ มุมแอซมิ ุธ ตอ่ ไปนี้ แอซมิ ุธ ทศิ 0 องศา เหนอื 45 องศา ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ 90 องศา ตะวนั ออก 135 องศา ตะวันออกเฉียงใต้ 180 องศา ใต้ 225 องศา ตะวนั ตกเฉียงใต้ 270 องศา ตะวนั ตก 315 องศา ตะวนั ตกเฉยี งเหนือ 360 องศา เหนอื 2. จงบอกตาแหน่งดาวฤกษท์ ่ีมคี ่ามุมแอซมิ ธุ และอลั ตจิ ดู แอซมิ ธุ อลั ตจิ ดู ปรากฎทางทิศ อยู่สูงจากขอบฟ้า ทศิ ทางน้ัน (องศา) 210 25 ตะวนั ตกเฉียงใต้ 118 45 ตะวันออกเฉยี งใต้ 25 330 60 ตะวนั ตกเฉยี งเหนอื 45 60 3. ดาวท่อี ยตู่ รงจดุ เหนือศีรษะ มีคา่ มมุ อลั ติจดู ก่ีองศา......90 องศา...... 4. ในเดือนตลุ าคม เวลา 18.00 น. จะเห็นดาวอลั แทร์ (ดาวตานกอินทร)ี อยู่ตรงจดุ เหนือศรี ษะ ในวนั ท.ี่ .....18…….
หน้า |7 กจิ กรรมที่ 2 การประดิษฐ์แผนท่กี ลุ่มดาวจกั ราศีจากกระดาษ คาชแ้ี จง 1. ผจู้ ัดกจิ กรรมแจกวัสดุอปุ กรณเ์ พ่ือประดิษฐก์ ลุ่มดาวจกั ราศจี ากกระดาษใหผ้ รู้ บั บรกิ ารศึกษา พร้อม ท้ังปฏบิ ตั ิกิจกรรม เรอ่ื งการประดษิ ฐ์แผนท่ีกล่มุ ดาวจักราศีจากกระดาษ 2. ผ้จู ดั กจิ กรรมอธบิ ายและสาธิตการประดิษฐ์แผนท่ีกล่มุ ดาวจกั ราศีจากกระดาษแล้วให้ผู้รบั บริการ ประดษิ ฐ์แผนที่กล่มุ ดาวจักราศี 3. ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารเปล่ียนวันที่ เดอื น และเวลา บอกกลุ่มดาวจักราศโี ดยการหมุนแผ่นภาพ และให้ ผู้รับบรกิ ารตอบคาถามในประเด็น “ท่านเห็นกลุ่มดาวจักราศกี ลุม่ ใดบ้าง ให้อธิบาย” โดยใหบ้ อกกล่มุ ดาวจกั ราศี ทก่ี าลังข้ึนทางทิศตะวนั ออก และไล่เรียงไปตามลาดับจนถึงกล่มุ ดาวจักราศที ก่ี าลงั จะตกในทางทิศตะวนั ตก พร้องให้อธิบาย 4. ผรู้ ับบริการและผูจ้ ัดกจิ กรรมสรปุ ส่ิงทไ่ี ด้เรียนรู้ร่วมกัน
หน้า |8 ใบกิจกรรมที่ 2 เรอื่ ง การประดิษฐ์แผนที่กลุ่มดาวจกั รราศีจากกระดาษ วัตถปุ ระสงค์ 1. สามารถประดิษฐแ์ ผนทกี่ ลุ่มดาวจักรราศีจากกระดาษได้ถูกต้อง 2. สามารถบอกช่ือกลมุ่ ดาวจักรราศีตามเวลาที่ต้องการดูได้ถูกต้อง วสั ดุ – อุปกรณ์ 1. กรรไกร คดั เตอร์ 2. แผ่นรองตดั 3. ตาไก่ ค้อน 4. กระดาษขนาด A4 หนา 180 แกรม จานวน 1 แผน่ เน้อื หา แผ่นภาพกล่มุ ดาวจักรราศี ประกอบด้วย ภาพกลมุ่ ดาวจักรราศีและช่อื เดอื น วนั ที่ และช่วงเวลา 18.00 – 06.00 น. โดยผู้รบั บรกิ ารเมือ่ ประดิษฐเ์ สรจ็ แล้ว สามารถใช้ดกู ลุ่มดาวจกั รราศีแตล่ ะชว่ งเวลาไดถ้ กู ต้อง คาช้แี จง ให้ผรู้ บั บรกิ ารทาแผนทก่ี ลุ่มดาวจักรราศโี ดยปฏบิ ัติตามข้นั ตอน ดงั น้ี 1. ใชก้ รรไกร หรือ คัตเตอรต์ ัดแบง่ คร่งึ กระดาษ จะไดแ้ ผน่ เวลา 1 แผน่ และแผ่นภาพกลุ่มดาวจักรราศี 12 กล่มุ อีก 1 แผน่ 2. ใช้ตาไก่เจาะรใู หท้ ะลุจดุ ศนู ยก์ ลางของแผน่ เวลาและแผน่ ภาพกลุ่มดาวจกั รราศี 12 กลุ่ม 3. นาแผ่นเวลาและแผ่นภาพกล่มุ ดาวจักรราศีมาประกบกัน โดยให้รูตรงกลางตรงกนั แล้วนาตาไก่อุด ตรงรูใชค้ ้อนตีให้แนน่ 4. ทดสอบการใช้งาน โดยการหมนุ แผน่ บนและแผ่นล่างสวนทางกนั ให้คล่อง ถา้ หมนุ ไมไ่ ด้แสดงถงึ แผน่ ภาพกลุ่มดาวจกั รราศนี ้นั ใช้ไม่ได้ ต้องทาใหม่ 5. ทดสอบความเขา้ ใจและความถูกต้องการใชง้ าน โดยใหผ้ ู้รับบริการหมนุ แผน่ วันที่ เดือน ใหต้ รงกบั เวลาที่ต้องการดู จากนั้นให้ผรู้ ับบรกิ ารบอกรายชอ่ื กลุ่มดาวจักรราศีทีม่ องเหน็ โดยใหเ้ รียงตามลาดับจากทิศ ตะวนั ออกไปยังทิศตะวนั ตก
หน้า |9 แนวทางการตอบใบกิจกรรมท่ี 2 เรือ่ ง การประดิษฐ์แผนท่ีกลมุ่ ดาวจกั รราศีจากกระดาษ ดจู ากผลงานการประดษิ ฐแ์ ผนทีก่ ลุ่มดาวจักรราศีจากกระดาษ กิจกรรมท่ี 3 การใชป้ ฏทิ นิ 100 ปี คาชีแ้ จง 1. ผ้จู ัดกจิ กรรมแจกปฏทิ นิ 100 ปี ใหผ้ รู้ ับริการศึกษา พร้องท้ังปฏบิ ัติกิจกรรม เรื่องการใชป้ ฏทิ ิน 100 ปี 2. ผู้จัดกจิ กรรมอธิบายวธิ ีการใชป้ ฏทิ นิ 100 ปี 3. ทดสอบการใชป้ ฏทิ นิ 100 ปีของผู้รบั บริการโดยใหผ้ รู้ บั บรกิ ารเปลย่ี นวันที่ เดือน พ.ศ. จากปฏิทิน 100 ปี และให้ผู้รบั บริการร่วมกนั ตอบคาถามในประเด็น “วันท่ีท่านเหน็ วันนัน้ เป็นวนั อะไร ให้อธิบาย” 4. ผ้รู บั บริการและผ้จู ัดกจิ กรรมสรปุ ส่งิ ท่ีไดเ้ รียนรรู้ ่วมกนั ใบกิจกรรมที่ 3 เรือ่ ง การใชป้ ฏทิ ิน 100 ปี วัตถุประสงค์ สามารถบอกวนั ตามเวลาที่กาหนด เน้ือหา ปฏิทิน คอื ระบบทใ่ี ช้ในการเรยี กช่อื ช่วงระยะเวลา เชน่ วัน เป็นต้น วนั เป็นทรี่ ้จู ักในฐานะวันปฏิทิน วนั จะขึน้ อยกู่ ับการเคลื่อนทขี่ องโลกหมุนรอบดวงอาทติ ย์และโลกหมุนรอบตวั เองด้วย คาช้ีแจง ให้ผู้รบั บริการตอบคาถามต่อไปน้ี 1. วันท่ี 16 มกราคม 2547 ตรงกบั วัน............................... 2. วันที่ 18 สิงหาคม 2552 ตรงกบั วัน............................... 3. วันที่ 22 มกราคม 2560 ตรงกบั วัน............................... 4. วันที่ 29 มกราคม 2563 ตรงกบั วัน............................... 5. วนั ที่ 14 มกราคม 2579 ตรงกบั วัน...............................
ห น ้ า | 10 แนวทางการตอบใบกจิ กรรมที่ 3 เรอ่ื ง การใชป้ ฏทิ ิน 100 ปี 1. วันท่ี 16 มกราคม 2547 ตรงกับวัน……ศุกร.์ ..... 2. วันท่ี 18 สงิ หาคม 2552 ตรงกบั วัน......องั คาร...... 3. วนั ที่ 22 มกราคม 2560 ตรงกับวัน.......พุธ....... 4. วันท่ี 29 มกราคม 2563 ตรงกับวัน.......เสาร.์ ...... 5. วันที่ 14 มกราคม 2579 ตรงกบั วัน.......จนั ทร.์ ..... กิจกรรมที่ 4 กล้องโทรทรรศน์ คาชแ้ี จง 1. ผ้จู ัดกจิ กรรมแจกใบความรู้และใบกิจกรรมท่ี 4 เรอื่ งกลอ้ งโทรทรรศน์ให้ผรู้ ับบริการศกึ ษา 2. ผู้จดั กิจกรรมอธิบายประเภทของกลอ้ งโทรทรรศน์ สว่ นประกอบ และหน้าทก่ี ารทางานของอุปกรณ์ แต่ละชน้ิ ส่วนของกลอ้ งโทรทรรศน์ 3. ผจู้ ัดกิจกรรมแจกใบกิจกรรม เรื่องกล้องโทรทรรศน์ และแบ่งกล่มุ ผู้รับบริการออกเปน็ 3 กลมุ่ เพ่ือ ศึกษาขอ้ ความว่าแก้ว และให้ผรู้ ับบริการตอบคาถามในประเด็น “ท่านมองเหน็ ภาพจากเลนสน์ าและภาพจาก กลอ้ งเลนสต์ ามของกล้องโทรทรรศนแ์ ตล่ ะประเภทแตกตา่ งกันอย่างไร” 4. ผรู้ ับบรกิ ารและผ้จู ดั กจิ กรรมสรปุ ส่ิงทไ่ี ดเ้ รยี นรู้ร่วมกนั ใบกิจกรรมท่ี 4 เรอ่ื ง กลอ้ งโทรทรรศน์ วตั ถปุ ระสงค์ 1. จาแนกประเภทกล้องโทรทรรศนไ์ ด้ 2. อธิบายส่วนประกอบและหน้าท่ีของอปุ กรณ์แตล่ ะชิน้ ส่วนของกลอ้ งโทรทรรศน์ 3. สามารถเปรยี บเทียบภาพท่ีมองเห็นจากกล้องเลนสน์ าและภาพจากกล้องเลนส์ตาของกลอ้ ง โทรทรรศน์ แตล่ ะประเภทได้ วัสดุ – อุปกรณ์ 1. กลอ้ งโทรทรรศน์ 3 ประเภท ได้แก่ กลอ้ งโทรทรรศน์แบบหกั เหแสง กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อน แสงและกล้องโทรทรรศน์แบบผสม 2. แผ่นภาพข้อความ “แก้ว”
ห น ้ า | 11 เนื้อหา กลอ้ งโทรทรรศน์ เป็นอปุ กรณ์ชนดิ หนึ่งทีช่ ่วยในการสังเกตวัตถบุ นท้องฟ้าไดช้ ดั เจนยง่ิ ขนึ้ แมว้ ่าวัตถุ ชนดิ นน้ั จะมีความสวา่ งน้อยหรอื จางมาก ปกตแิ ล้ว กล้องโทรทรรศน์จะใชใ้ นการสอ่ งเพ่ือสงั เกตดดู าวเคราะห์ กระจกุ ดาว กาแล็คซี่ และเนบวิ ลา คาชี้แจง 1. ผจู้ ดั กจิ กรรมติดต้ังกล้องโทรทรรศน์ทง้ั 3 ประเภท คือ กลอ้ งโทรทรรศน์แบบหักเหแสง กลอ้ ง โทรทรรศน์แบบสะทอ้ นแสง และกล้องโทรทรรศน์แบบผสม 2. ผจู้ ดั กิจกรรมอธบิ ายลกั ษณะกล้องโทรทรรศน์ทง้ั 3 ประเภท พร้อมกบั อธิบายการทางานของอุปกรณ์ แต่ละช้ินส่วนของกลอ้ งโทรทรรศน์ 3. ผู้จดั กิจกรรมอธบิ ายถงึ วิธกี ารคานวณหากาลังขยายของภาพ และใหผ้ ูร้ ับบรกิ ารทดลองคานวณหา กาลงั ขยายของภาพ ดังนี้ ประเภทของกล้อง ความยาวโฟกสั ของเลนส์ ความยาวโฟกสั ของเลนส์ กาลังขยายของภาพ โทรทรรศน์ วตั ถุ (mm) ตา (mm) 1. แบบหักเหแสง 2. แบบสะทอ้ นแสง 3. แบบผสม 4. ให้ผู้รบั บริการวาดภาพที่มองเห็นจากกลอ้ งโทรทรรศน์แบบหกั เหแสง ภาพท่เี ห็นจากกล้องเลนส์นา ภาพท่ีมองเห็นจากเลนสต์ า ของกล้องโทรทรรศน์แบบหกั เหแสง 5. ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารวาดภาพทมี่ องเหน็ จากกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง ภาพทเี่ หน็ จากกล้องเลนสน์ า ภาพทีม่ องเหน็ จากเลนส์ตา ของกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง
ห น ้ า | 12 6. ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารวาดภาพที่มองเห็นจากกล้องโทรทรรศนแ์ บบผสม ภาพที่เหน็ จากกล้องเลนส์นา ภาพทม่ี องเห็นจากเลนสต์ า ของกล้องโทรทรรศน์แบบผสม 7. ใหผ้ รู้ ับบรกิ ารสรุปกิจกรรมจากการมองภาพจากกล้องโทรทรรศนท์ ง้ั 3 ประเภท ตามคาถาม ดงั นี้ 7.1 ภาพทมี่ องเหน็ จากเลนส์นาจากกล้องโทรทรรศน์ทั้ง 3 ประเภท จะเป็นภาพ…….................. และ................................... 7.2 ภาพทม่ี องเห็นจากเลนส์ตาจากกล้องโทรทรรศน์แบบหกั เหแสงและแบบผสมจะเหมือนกัน คอื จะเป็นภาพ...............................................และ......................................... 7.3 ภาพทม่ี องเห็นจากเลนส์ตาของกลอ้ งโทรทรรศน์แบบสะทอ้ นแสงจะเปน็ ภาพ...................... และ....................................................
ห น ้ า | 13 แนวทางการตอบใบกิจกรรมท่ี 4 เรื่อง กล้องโทรทรรศน์ ประเภทของกล้อง ความยาวโฟกัสของ ความยาวโฟกัสของ กาลังขยายของภาพ โทรทรรศน์ เลนส์วัตถุ (mm) เลนส์ตา (mm) 30 1200/30 = 40 เทา่ 1. แบบหกั เหแสง 1200 15 1016/15 = 68 เท่า 2. แบบสะทอ้ นแสง 1016 30 2500/30 = 83 เท่า 3. แบบผสม 2500 4. ใหผ้ ้รู บั บรกิ ารวาดภาพที่มองเห็นจากกลอ้ งโทรทรรศน์แบบหกั เหแสง ภาพทเี่ หน็ จากกล้องเลนส์นาแก้ว แ ้กว ภาพทีม่ องเหน็ จากเลนสต์ า แก้ว ของกล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง 5. ให้ผู้รบั บริการวาดภาพท่มี องเห็นจากกลอ้ งโทรทรรศน์แบบสะทอ้ นแสง ภาพทีเ่ ห็นจากกล้องเลนส์นา ภาพทม่ี องเห็นจากเลนส์ตา ของกล้องโทรทรรศน์แบบสะทอ้ นแสง
ห น ้ า | 14 6. ให้ผ้รู บั บรกิ ารวาดภาพท่มี องเห็นจากกล้องโทรทรรศน์แบบผสม แก้ว ภาพท่เี ห็นจากกล้องเลนส์นา ภาพทีม่ องเห็นจากเลนสต์ า ของกลอ้ งโทรทรรศนแ์ บบผสม 7.1 ภาพจรงิ หวั กลับ และ กลับดา้ นซา้ ยไปขวา 7.2 ภาพเสมือนหวั ตั้ง และ กลบั ดา้ นซ้ายไปขวา 7.3 ภาพจรงิ หวั กลบั และ กลับดา้ นซ้ายไปขวา
ห น ้ า | 15 ใบความรู้สาหรบั ผู้รับบรกิ าร เรอ่ื ง กล้องโทรทรรศน์ กลอ้ งโทรทรรศน์ (Telescope) หรอื กลอ้ งดูดาว เป็นทศั นูปกรณซ์ งึ่ ประกอบดว้ ย เลนส์นูนสองชุด ทางานร่วมกัน หรือ กระจกเงาเวา้ ทางานร่วมกับเลนส์นนู เลนสน์ นู หรอื กระจกเงาเวา้ ขนาดใหญท่ ่ีอยู่ด้านใกล้ วตั ถทุ าหน้าที่รวมแสง ส่วนเลนส์นนู ที่อยู่ใกลต้ าทาหนา้ ที่เพิ่มกาลงั ขยาย การเพิ่มกาลงั รวมแสงชว่ ยใหน้ ักดารา ศาสตร์มองเหน็ วัตถทุ ่ีมีความสวา่ งน้อย การเพิ่มกาลงั ขยายช่วยใหน้ กั ดาราศาสตร์สามารถมองเหน็ รายละเอยี ด ของวัตถุมากขน้ึ กลอ้ งโทรทรรศนม์ สี ามประเภท คือ กล้องโทรทรรศนแ์ บบหักเหแสง กลอ้ งโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง และกล้องโทรทรรศน์แบบผสม กล้องส่องทางไกลชนดิ สองตา มีหลกั การทางานเชน่ เดยี วกับกล้องโทรทรรศน์ แบบหกั เหแสง เพียงแตใ่ ชป้ ริซมึ หกั เหแสงไปมาเพื่อลดระยะความยาวของลากล้อง หลักการของกล้องโทรทรรศน์ กล้องโทรทรรศน์ (Telescope) เป็นกลอ้ งส่องทางไกลซ่งึ นกั ดาราศาสตร์ใช้ศึกษาวัตถุท้องฟา้ มีสมบัติ ทส่ี าคญั 2 ประการ คือ ▪ ความสามารถในการรวมแสง - กล้องโทรทรรศน์สามารถรวมแสงได้มากกวา่ ดวงตาของ มนษุ ย์ ชว่ ยให้สามารถมองเห็นวัตถซุ งึ่ มคี วามสว่างน้อย เช่น เนบวิ ลา และกาแลก็ ซี ▪ ความสามารถในการขยาย - กลอ้ งโทรทรรศนช์ ่วยขยายขนาดของภาพ ทาให้มองเห็น รายละเอียดของวตั ถไุ ด้มากข้ึน เชน่ หลมุ บนดวงจันทร์ ดาวเคราะห์ ดาวคู่ เปน็ ต้น อปุ กรณ์ทีส่ าคัญของกล้องโทรทรรศน์คือ เลนส์นูน มีหนา้ ทร่ี วมแสงให้มาตกทีจ่ ดุ โฟกสั (Focus) เรา เรยี กระยะทางระหวา่ งจุดกึ่งกลางของเลนสก์ ับจุดโฟกสั วา่ \"ความยาวโฟกัส\" (Focal length) ▪ หากใช้เลนส์นนู ส่องมองวัตถุที่มีระยะใกล้กว่าความยาวโฟกัส เลนส์นนู จะชว่ ยในการขยาย ภาพ ▪ หากใช้เลนสน์ นู สอ่ งมองวัตถทุ ี่มีระยะไกลกวา่ ความยาวโฟกัส เลนสน์ ูนจะช่วยในการรวม แสง แลว้ ใหภ้ าพหวั กลับ ดงั ภาพท่ี 1
ห น ้ า | 16 ภาพที่ 1 เลนสน์ ูนหักเหแสงใหภ้ าพหวั กลับ ฮานส์ ลิเพอร์ฮี (Hans Lipperhey) ชา่ งทาแวน่ ชาวดตั ซ์ ด้ประดิษฐ์กลอ้ งส่องทางไกลตวั แรกของโลก ขึ้นในปี พ.ศ.2153 โดยการนาเลนส์นูนและเลนส์เวา้ มาเรยี งต่อกนั โดยมรี ะยะห่างเทา่ กบั ความยาวโฟกัสของ เลนสท์ ั้งสอง ปตี อ่ มา กาลเิ ลโอ กาลเิ ลโอ นกั ดาราศาสตรช์ าวอติ าลีไดน้ ากลอ้ งส่องทางไกลแบบน้มี าใช้ ศกึ ษาวตั ถุท้องฟา้ นกั วทิ ยาศาสตร์ในยุคต่อมาไดป้ รับปรุงกลอ้ งโทรทรรศนโ์ ดยใชเ้ ลนสน์ นู 2 ชดุ เลนสช์ ุด หนา้ มีขนาดใหญห่ ันไปยังวตั ถุทตี่ อ้ งการจะดูเรยี กว่า \"เลนสใ์ กลว้ ตั ถุ\" (Objective Lens) มหี นา้ ท่ีรวบรวม แสง เลนส์ชดุ หลงั มีขนาดเลก็ ใชส้ าหรับมองเรียกวา่ \"เลนส์ใกลต้ า\" (Eyepieces) มีหน้าทเ่ี พ่มิ กาลังขยาย เลนส์ทงั้ สองเรยี งต่อกันโดยมีระยะห่างเท่ากับความยาวโฟกัสของเลนสใ์ กลว้ ัตถุ (fo) และความยาวโฟกัสของ เลนสใ์ กลต้ า (fe) รวมกนั หรือ fo + fe กลอ้ งโทรทรรศนแ์ บบน้ใี หภ้ าพจริงหวั กลับดงั ท่ีแสดงในภาพที่ 2 ภาพท่ี 2 การทางานของเลนส์กลอ้ งโทรทรรศน์ กาลงั รวมแสง สมบตั ทิ ่ีสาคัญท่สี ดุ ประการหนึ่งของกล้องโทรทรรศนค์ อื \"กาลงั รวมแสง\" (Light-gathering power) กล้องโทรทรรศนช์ ่วยให้นักดาราศาสตรม์ องเหน็ วตั ถุในหว้ งอวกาศที่อยู่หา่ งไกล เช่น เนบวิ ลา กระจุกดาว และกาแล็กซตี า่ ง ๆ ซง่ึ ไมส่ ามารถมองเหน็ ไดด้ ้วยตาเปลา่ เนอื่ งจากแสงเดินทางมาจากระยะทางที่ไกลมาก ความเขม้ ของแสงจงึ ลดลง เลนสข์ องกล้องโทรทรรศน์มีพ้ืนที่รับแสงได้มากกวา่ ดวงตาของมนุษย์ จงึ มกี าลัง รวมแสงมากกว่า อยา่ งไรกต็ ามเราไมส่ ามารถกาหนดค่ากาลังรวมแสงของเลนสเ์ ปน็ คา่ เฉพาะได้ หากแต่ กาหนดดว้ ยการเปรียบเทียบเป็นอตั ราส่วนระหวา่ งเลนส์สองชุด
ห น ้ า | 17 ตัวอยา่ ง: เมือ่ เปรียบเทียบเลนสข์ องกล้องโทรทรรศน์ ซึง่ มีขนาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 500 มลิ ลเิ มตร กบั ดวงตาของมนุษย์ (กระจกตาดา) ซึ่งมีขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลางประมาณ 5 มิลลิเมตร จะเหน็ วา่ เลนสข์ องกล้องโทรทรรศน์มขี นาดใหญก่ วา่ ดวงตาของมนุษย์ = 500/5 = 100 เทา่ และมกี าลงั รวมแสง มากกวา่ 1002 = 10,000 เท่า กาลงั ขยาย นอกจากสมบัติในการรวมแสงแล้ว นกั ดาราศาสตรย์ ังต้องการ กาลังขยาย (Magnification) ในการศึกษารายละเอยี ดของวัตถทุ ้องฟา้ เชน่ ลักษณะของดาวเคราะห์ ระยะห่างระหว่างดาวคู่ ซ่ึงเรา สามารถคานวณกาลงั ขยายของกล้องโทรทรรศน์ดว้ ยสูตร กาลงั ขยาย = ความยาวของโฟกัสของเลนส์ใกล้วัตถุ/ความยาวของโฟกัสของเลนสใ์ กลต้ า = fo/fe ตวั อยา่ ง: ถ้าเลนส์ใกลว้ ัตถมุ คี วามยาวโฟกสั 1000 มิลลเิ มตร เลนส์ใกลต้ ามคี วามยาวโฟกสั 10 มลิ ลเิ มตร กาลงั ขยายที่ได้คอื fo/fe = 1000/10 = 100 เท่า เราสามารถเปลี่ยนกาลังขยายของกล้องโทรทรรศน์ใหเ้ หมาะสมกบั การใช้งานดงั ตารางที่ 1 โดยการ เลอื กใช้เลนส์ใกลต้ าที่มีความยาวโฟกสั มากขน้ึ หรือน้อยลง อย่างไรกต็ ามในทางปฏิบตั ิ เมื่อเพ่ิมกาลงั ขยาย ขึ้น 2 เท่า ความสวา่ งของภาพจะลดลง 4 เทา่ ขนาดของเลนส์ใกลว้ ตั ถเุ ปน็ ตวั จากดั กาลังขยายสูงสุด การใช้ กาลงั ขยายสงู โดยที่เลนสใ์ กล้วัตถมุ ีขนาดเล็กเกินไปจะได้ภาพคุณภาพต่าและมดื เกนิ ไป โดยปกติกาลงั ขยาย สงู สุดท่ีใชง้ านไดจ้ ริงมคี า่ ประมาณ 50 คูณดว้ ยขนาดเส้นผ่านศนู ยก์ ลางของเลนสใ์ กลว้ ัตถุซ่ึงมีหน่วยเปน็ นิ้ว ตวั อยา่ งเชน่ กล้องขนาดเส้นผ่านศนู ยก์ ลาง 100 มิลลเิ มตรหรือ 4 นวิ้ จะมีกาลังขยายทใ่ี ชง้ านได้ไม่เกิน 50 x 4 = 200 เท่า นอกจากนั้นแมว้ า่ เลนส์ใกลว้ ตั ถจุ ะมขี นาดใหญ่มาก แตเ่ ม่ือใช้กาลังขยายมากกว่า 400 เทา่ จะเปน็ การขยายภาพกระแสอากาศไปด้วย ภาพทไี่ ดจ้ ะเบลอสนั่ เหมือนการมองดูปลาที่อยูใ่ นกระแสน้าที่ไหล เชย่ี ว ดว้ ยเหตุนน้ี ักวทิ ยาศาสตร์จงึ สรา้ งกลอ้ งโทรทรรศนข์ นาดใหญบ่ นยอดภูเขาสงู ท่ซี ึ่งมอี ากาศบาง หรือ ส่งกลอ้ งโทรทรรศนข์ ้นึ ไปอย่ใู นอวกาศเพื่อให้ภาพคมชดั เน่ืองจากไม่มบี รรยากาศเปน็ อุปสรรคขวางก้นั
ห น ้ า | 18 ตารางท่ี 1 เปรยี บเทยี บกาลังขยายของกล้องโทรทรรศน์ กาลงั ขยายต่า ใช้สารวจกระจุกดาวขนาดใหญ่ กาแล็กซีแอนโดรมีดา 10 - 20 เท่า ทางช้างเผอื ก และค้นหาดาวหาง กาลังขยายปานกลาง ใชง้ านทว่ั ไป สงั เกตพืน้ ผิวดวงจนั ทร์ เนบวิ ลา 20 - 70 เท่า กระจุกดาวเปดิ เนบิวลา และกาแล็กซี กาลงั ขยายสูง ใชส้ ังเกตดาวเคราะห์ และจาแนกวัตถุขนาดเลก็ 70 - 200 เท่า เชน่ ดาวคู่ ซ่งึ อยู่ใกลก้ ันมาก อตั ราส่วนโฟกัส อตั ราส่วนโฟกสั (Focal ratio) เป็นสมบตั ิทสี่ าคญั อีกประการหน่ึงของกล้องโทรทรรศน์ ซ่งึ เปน็ อัตราส่วนระหวา่ งเส้นผ่านศนู ยก์ ลางของเลนสว์ ตั ถกุ ับความยาวโฟกัสของเลนส์ใกล้วตั ถุ ซึ่งมักแสดงดว้ ย อักษร f/ กากับอยู่บนเลนส์ ตัวอยา่ งเช่น เลนสเ์ สน้ ผ่านศนู ย์กลาง 100 มิลลิเมตร ความยาวโฟกสั 500 มิลลเิ มตร มีอัตราส่วนโฟกัส f/5 เลนส์เส้นผา่ นศนู ย์กลาง 100 มิลลเิ มตร ความยาวโฟกัส 1,000 มลิ ลเิ มตร มอี ัตราส่วนโฟกสั f/10 การออกแบบกล้องโทรทรรศนใ์ ห้เหมาะสมกบั การใช้งาน ข้นึ อยู่กบั การเลือกใชเ้ ลนสใ์ กล้วัตถทุ มี่ ี อตั ราสว่ นโฟกสั ดงั นี้ ▪ เลนส์นนู หรือกระจกเว้าทมี่ ีคา่ f/ น้อย (f/3 - f/7) มีกรวยรับแสงกวา้ ง ใหก้ าลงั ขยายต่า แตใ่ ห้ภาพสวา่ ง เหมาสาหรับใชด้ ูวตั ถุขนาดใหญ่ที่มีความสว่างน้อย เชน่ กาแลก็ ซี ▪ เลนส์นนู หรือกระจกเวา้ ท่มี ีคา่ f/ มาก (f/8 - f/15) มีกรวยรับแสงแคบ ให้กาลังขยายสูง แตใ่ ห้ภาพไมส่ วา่ ง เหมาะสาหรับใชด้ วู ัตถุขนาดเลก็ ทีม่ คี วามสวา่ งมาก เช่น ดาวเคราะห์ หมายเหตุ: หา้ มใชก้ ล้องโทรทรรศน์ส่องมองดูดวงอาทติ ย์ โดยปราศจากแผน่ กรองแสงอาทติ ย์ทีม่ คี ุณภาพโดย เด็ดขาด เน่ืองจากอาจทาให้ตาบอดได้
ห น ้ า | 19 ประเภทของกล้องโทรทรรศน์ 1. กล้องโทรทรรศนแ์ บบหกั เหแสง กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง (Refractor telescope) เปน็ กล้องโทรทรรศน์ท่ใี ชเ้ ลนสน์ ูนใน การรวมแสง มีใชก้ นั อย่างแพรห่ ลายสามารถพบเหน็ ได้ท่วั ไป กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงส่วนมากมกั มี ขนาดเล็กเนื่องจากเลนสน์ นู สว่ นใหญ่มีโฟกสั ยาว (เลนสโ์ ฟกัสสน้ั สร้างยากและมีราคาสงู มาก) ดงั น้ันถ้าเปน็ กลอ้ งโทรทรรศนข์ นาดใหญจ่ ะยาวเกะกะ ลากลอ้ งมนี ้าหนักมาก เปลืองพนื้ ทีใ่ นการติดตั้ง จงึ ไมเ่ ปน็ ทนี่ ิยมใช้ ในหอดดู าว กลอ้ งโทรทรรศน์แบบหักเหแสงเหมาะสาหรบั ใช้ศึกษาวัตถุที่สวา่ งมาก เช่น ดวงจันทรแ์ ละดาว เคราะห์ แต่ไมเ่ หมาะสาหรับการสงั เกตวตั ถุทม่ี ีขนาดใหญ่แต่สว่างนอ้ ย เชน่ เนบิลาและกาแล็กซี เนื่องจาก มกี าลงั รวมแสงน้อยและใหก้ าลงั ขยายมากเกนิ ไป ภาพท่ีได้จงึ มสี ว่างน้อยและมีขนาดใหญจ่ นไมส่ ามารถ มองเห็นภาพรวมของวตั ถุ ภาพที่ 1 กลอ้ งโทรทรรศนแ์ บบหักเหแสง เลนส์ทใ่ี ชใ้ นกลอ้ งโทรทรรศน์เปน็ เลนส์อรงค์ (Achromatic lens) ซ่ึงมีสมบัติในการแก้ ความคลาดสี แสงที่ตาเหน็ (Visible light) เป็นคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟา้ ซ่ึงมคี วามยาวคลนื่ ตัง้ แต่ 400 - 700 นา โนเมตร สมี ว่ งมีความยาวคล่ืนส้ันท่สี ุด สีแดงมีความยาวคลื่นมากทส่ี ดุ เมื่อแสงมีความยาวคลน่ื ไม่เท่ากัน ถกู หกั เหผา่ นเลนส์ จดุ โฟกสั ที่เกดิ ข้นึ จงึ ไม่ใช่จุดเดยี วกันทาให้เกิด \"ความคลาดสี\" (Chromatic aberration) ดังภาพท่ี 2 เม่ือนามาส่องก็จะมองเหน็ ขอบวัตถุเป็นสรี งุ้ ดงั นนั้ หากนามาส่องมองดาวก็จะไม่ ทราบเลยวา่ ดาวท่ดี ูอยนู่ ั้นแท้ทีจ่ รงิ เป็นสอี ะไร ดงั นนั้ นักวิทยาศาสตร์จึงออกแบบเลนส์อรงค์ข้นึ มาโดยใช้ แก้วคราวน์ (Crown) และแก้วฟลนิ ท์ (Flint) ซง่ึ มีดชั นีการหกั เหแสงตรงข้ามกัน มาประกบกันเพ่อื ทาใหแ้ สง ทุกความยาวคลืน่ หกั เหมารวมทจ่ี ดุ โฟกสั เดยี วกันดงั ภาพที่ 3 เลนส์อรงค์มีน้าหนักมากและราคาแพงมาก การประดิษฐก์ ล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญจ่ งึ เลี่ยงไปใช้กระจกเวา้ แทน ภาพท่ี 2 ความคลาดสซี ง่ึ เกิดข้ึนจากเลนสเ์ ดย่ี ว
ห น ้ า | 20 ภาพที่ 3 เลนสอ์ รงค์ช่วยลดความคลาดสี 2. กลอ้ งโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง กลอ้ งโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง (Reflector telescope) ถูกคิดค้นโดย เซอร์ ไอแซค นวิ ตนั บางครง้ั จงึ ถูกเรยี กวา่ \"กล้องโทรทรรศน์แบบนวิ โทเนียน\" (Newtonian telescope) กลอ้ งโทรทรรศน์ แบบนใี้ ชก้ ระจกเว้าทาหนา้ ทเ่ี ลนสใ์ กล้วตั ถแุ ทนเลนสน์ นู รวบรวมแสงสง่ ไปยงั กระจกทตุ ยิ ภมู ซิ ่ึงเปน็ กระจก เงาระนาบขนาดเล็กตดิ ตง้ั อยู่ในลากลอ้ ง สะท้อนลาแสงให้ต้ังฉากออกมาทเ่ี ลนสต์ าท่ตี ิดตั้งอยทู่ ดี่ ้านขา้ ง ของลากลอ้ ง ดงั ภาพท่ี 4 ภาพท่ี 4 กล้องโทรทรรศน์แบบสะทอ้ นแสง กลอ้ งโทรทรรศนข์ นาดใหญส่ ่วนมากเป็นกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสง เนื่องจากกระจกเว้ามี น้าหนักเบาและราคาถูกกวา่ เลนส์อรงค์ นอกจากนั้นกระจกเว้ายังสามารถสร้างใหม้ ีความยาวโฟกัสส้นั ได้ งา่ ย หอดดู าวจงึ นยิ มตดิ ต้ังกล้องโทรทรรศนแ์ บบสะท้อนแสงขนาดใหญซ่ ่ึงมีกาลงั รวมแสงสงู ทาให้สามารถ สงั เกตเหน็ วัตถุที่มีความสว่างน้อยและอยู่ไกลมาก เชน่ เนบวิ ลาและกาแล็กซี อย่างไรกต็ ามเมือ่ เปรียบเทยี บ กลอ้ งโทรทรรศน์แบบหักเหแสงกับกล้องโทรทรรศนแ์ บบสะท้อนแสงที่มีขนาดเทา่ กนั กลอ้ งโทรทรรศนแ์ บบ หกั เหแสงจะใหภ้ าพสว่างและคมชดั กวา่ เนอ่ื งจากกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงมกี ระจกทุติยภมู ิอยู่ใน
ห น ้ า | 21 ลากล้องซ่ึงเปน็ อุปสรรคขวางทางเดินของแสง ทาให้ความสวา่ งของภาพลดลง นอกจากนั้นภาพทีเ่ กดิ จาก หักเหผ่านเลนสอ์ รงค์ยงั มคี วามคมชัดและสว่างกวา่ ภาพท่ีได้จากการสะท้อนของกระจกเวา้ 3. กล้องโทรทรรศน์ชนดิ ผสม กล้องโทรทรรศน์แบบผสม (Catadioptic telescope) เปน็ กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงท่ี ใชก้ ารสะท้อนแสงกลับไปมาเพื่อให้ลากล้องมีขนาดสน้ั ลง โดยใชก้ ระจกนนู เป็นกระจกทุติยภมู ิชว่ ยบีบลาแสง ทาใหล้ ากล้องส้ันกระทดั รัด แต่ยังคงกาลงั ขยายสูงดงั ภาพท่ี 5 อย่างไรการทางานของกระจกนนู ทาให้ภาพที่ เกดิ ขน้ึ บนระนาบโฟกสั มคี วามโคง้ จึงจาเปน็ ตอ้ งติดตง้ั เลนสป์ รับแก้ (Correction plate) ไวท้ ีป่ ากลากลอ้ ง เพือ่ ทางานร่วมกับกระจกทตุ ิยภมู ิ ในการชดเชยความโค้งของระนาบโฟกสั โดยที่เลนส์ปรบั แกไ้ มไ่ ด้มีอิทธิพล ต่อกาลังรวมแสงและกาลงั ขยายเลย ภาพที่ 5 กลอ้ งโทรทรรศน์ชนิดผสม กลอ้ งโทรทรรศน์แบบผสมถูกออกแบบขน้ึ มาเพ่อื ให้มลี ากล้องสั้นและสะดวกในการติดตัง้ อปุ กรณ์ เชน่ เลนส์ตาหรือกล้องถ่ายภาพไว้ทด่ี ้านหลงั ของกลอ้ ง (ดงั เช่นกล้องโทรทรรศน์แบบหักเห แสง) กล้องโทรทรรศนแ์ บบนี้มคี วามยาวโฟกสั มากเหมาะสาหรับใชส้ ารวจวตั ถุขนาดเลก็ เชน่ ดาวเคราะห์ เนบิวลาและกาแล็กซีที่อยู่ห่างไกล แตไ่ ม่เหมาะสาหรับการสังเกตวัตถขุ นาดใหญ่ เชน่ กระจุกดาวเปดิ เนบิวลา และกาแลก็ ซีที่อยูใ่ กล้ กล้องโทรทรรศน์แบบผสมเปน็ ท่ีนยิ มในหมูน่ ักดูดาวสมัครเลน่ เพราะมีขนาด กระทัดรัด ขนยา้ ยสะดวก แต่ไมเ่ หมาะสาหรับใชใ้ นงานวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตร์ เนื่องจากเลนสป์ รบั แก้ที่อยู่ ดา้ นหนา้ กรองรงั สบี างชว่ งความยาวคล่ืนออกไป
ห น ้ า | 22 แบบทดสอบหลงั เรียน เร่ือง ดาราศาสตร์ 1. ในระบบสุริยะ แถบดาวเคราะห์น้อยอยู่ในบริเวณใด ก. อยู่ระหว่างดาวเคราะห์ชนั้ ในกับดาวเคราะห์ชั้นนอก ข. อยู่ระหว่างดาวเคราะห์ช้นั ในกับเขตของดาวหาง ค. อยู่ระหว่างดาวเคราะห์ชน้ั นอกกับเขตของดาวหาง ง. อยู่แถบนอกสุดของระบบสุริยะ 2. วนั ใดทนี่ กั ศกึ ษามองเห็นดวงจนั ทร์ครึง่ ดวง ก. ขึน้ 15 คา่ แรม 15 ค่า ข. ขึ้น 15 ค่า แรม 8 ค่า ค. ขึน้ 8 ค่า แรม 15 ค่า ง. ขน้ึ 8 คา่ แรม 8 ค่า 3. เมอ่ื เกิดปรากฏการณจ์ นั ทรปุ ราคาเตม็ ดวงบนโลก ถา้ นักศกึ ษายนื อยู่บนดวงจนั ทร์ จะเห็นปรากฏการณ์ อะไรเกิดขึน้ ท่ดี วงจันทร์ ก. จันทรุปราคาเตม็ ดวง ข. สุริยุปราคาเตม็ ดวง ค. น้าขึ้น น้าลง ง. ขา้ งขนึ้ ขา้ งแรม 4. ถา้ นกั เรยี นมนี ้าหนัก 54 กิโลกรมั เมอ่ื อยบู่ นโลก แต่ถ้าไปอยบู่ นดวงจนั ทร์จะมนี ้าหนกั เท่าไร ก. 8 กิโลกรมั ข. 9 กิโลกรัม ค. 48 กิโลกรัม ง. เท่าเดมิ คือ 54 กิโลกรมั 5. ข้อใดต่อไปนี้ ถูกต้อง ก. ปีแสงเปน็ หนว่ ยของเวลา ข. โลกหมุนรอบตวั เองใช้เวลา 1 เดอื น ค. ดวงอาทิตยเ์ ม่ืออยเู่ หนือศีรษะมีขนาดเท่ากันเมอ่ื อย่ใู กลข้ อบฟ้า ง. ดาวเคราะหใ์ นระบบสรุ ิยะมเี ฉพาะดาวเสารท์ ีม่ วี งแหวน ดาวเคราะหด์ วงอ่นื ไม่มี
ห น ้ า | 23 แบบทดสอบหลังเรียน เรอื่ ง กล้องโทรทรรศน์ (Telescope) 1. กลอ้ งโทรทรรศนแ์ บบใดที่ประกอบดว้ ยเลนสน์ ูน 2 อัน ก. กลอ้ งโทรทรรศนแ์ บบหักเหแสง ข. กล้องโทรทรรศนแ์ บบสะท้อนแสง ค. กล้องโทรทรรศนแ์ บบผสม ง. กล้องโทรทรรศนแ์ บบคล่ืนวิทยุ 2. ภาพท่ีมองเหน็ จากเลนสต์ าของกล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงและแบบผสม จะเหมือนกันเปน็ ภาพ อยา่ งไร ก. ภาพจรงิ หัวกลบั และ ไมก่ ลับด้านซา้ ยไปขวา ข. ภาพจริงหัวกลบั และ กลบั ด้านซ้ายไปขวา ค. ภาพเสมือนหัวตั้ง และ ไม่กลับดา้ นซา้ ยไปขวา ง. ภาพเสมอื นหัวต้งั และ กลับดา้ นซา้ ยไปขวา 3. ข้อความ 10X50 WA ท่ีปรากฏอยบู่ นกล้องสอ่ งทางไกลชนิดสองตานน้ั ตัวเลข 10 ตัวแรก หมายถงึ ก. ขนาดเสน้ ผ่าศูนย์กลางของเลนสว์ ตั ถุ ข. กาลังขยาย ค. ความยาวโฟกสั ของเลนส์วัตถุ ง. ขนาดเส้นผ่าศูนยก์ ลางของเลนสต์ า 4. ภาพทม่ี องเหน็ จากเลนส์นา จากกล้องโทรทรรศน์ท้ัง 3 แบบ จะเป็นภาพอยา่ งไร ก. ภาพจริงหัวกลับ และ ไม่กลบั ดา้ นซ้ายไปขวา ข. ภาพจริงหวั กลับ และ กลับดา้ นซา้ ยไปขวา ค. ภาพเสมอื นหวั ตั้ง และ ไม่กลบั ด้านซ้ายไปขวา ง. ภาพเสมือนหวั ตัง้ และ กลบั ด้านซ้ายไปขวา 5. กาลงั ขยายของภาพของกลอ้ งโทรทรรศน์ หาไดจ้ ากสูตร ก. ความยาวโฟกสั ของเลนสว์ ัตถุ ข. ความยาวโฟกสั ของเลนสต์ า ความยาวโฟกัสของเลนสต์ า ความยาวโฟกสั ของเลนส์วัตถุ ค. ความยาวโฟกัสของเลนสน์ า ง. ความยาวโฟกสั ของเลนส์นา . ความยาวโฟกสั ของเลนส์วตั ถุ ความยาวโฟกัสของเลนส์ตา
ห น ้ า | 24 แบบประเมนิ ความพงึ พอใจของผู้รับบริการ กจิ กรรมการศึกษาตามอัธยาศัย ดา้ นวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดลอ้ ม ชื่อ-สกลุ ผรู้ บั บรกิ าร......................................................................................... ชื่อฐานการเรยี นร.ู้ .................................................ชื่อ – สกลุ ผ้จู ัดกิจกรรม...................................................... วนั ที่............เดือน...........................พ.ศ................... เวลา..................น. ความพึงพอใจท่มี ีต่อการจัดกิจกรรม ประเดน็ ระดบั ความพึงพอใจ 5 4 3 21 1. กจิ กรรมตรงตามความถนดั และตอ้ งการของผรู้ ับบริการ 2. ขนั้ ตอนการทากิจกรรมมีความชดั เจน 3. สอ่ื /วสั ดุ/อุปกรณ์ทีใ่ ช้ทากิจกรรมมคี วามเหมาะสม 4. ระยะเวลาที่ใช้ในการทากิจกรรมมคี วามเหมาะสม 5. ความรทู้ ีไ่ ดร้ บั สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ จรงิ ได้ 6. ผ้รู บั ริการมคี วามสุข/สนกุ ในการทากจิ กรรม ความพงึ พอใจในภาพรวมตอ่ การจัดกจิ กรรม ระดับ 5 หมายถึง ระดับ 4 หมายถึง ระดบั 3 หมายถึง ระดับ 2 หมายถึง ระดับ 1 หมายถึง พึงพอใจมากท่สี ดุ พงึ พอใจมาก พงึ พอใจปานกลาง พึงพอใจน้อย พงึ พอใจน้อยทสี่ ดุ ความร้ปู ระสบการณ์ท่ีได้รับ ความคิดเหน็ เพม่ิ เติม .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... .........................................................................
ห น ้ า | 25 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน เรือ่ ง ดาราศาสตร์ 1. ง. อยู่ระหว่างดาวเคราะห์ชั้นในกับดาวเคราะห์ชน้ั นอก 2. ค. ขนึ้ 8 คา่ แรม 8 ค่า 3. ข. สุริยุปราคาเต็มดวง 4. ค. ดวงอาทิตยเ์ มือ่ อยเู่ หนือศรี ษะมีขนาดเท่ากนั เมื่ออย่ใู กล้ขอบฟ้า 5. ข. 9 กโิ ลกรมั เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น เรอื่ ง กล้องโทรทรรศน์ (Telescope) 1. ค. กลอ้ งโทรทรรศน์แบบหกั เหแสง 2. ก. ความยาวโฟกสั ของเลนสว์ ตั ถุ ความยาวโฟกสั ของเลนสต์ า 3. ง. กาลังขยาย 4. ข. ภาพจริงหัวกลับ และ กลับด้านซา้ ยไปขวา 5. ง. ภาพเสมือนหวั ตง้ั และ กลับด้านซ้ายไปขวา เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน เรือ่ ง ดาราศาสตร์ 1. ก. อยู่ระหว่างดาวเคราะห์ชั้นในกับดาวเคราะหช์ ้ันนอก 2. ง. ขนึ้ 8 ค่า แรม 8 ค่า 3. ข. สุริยุปราคาเต็มดวง 4. ข. 9 กิโลกรมั 5. ค. ดวงอาทติ ย์เม่ืออยเู่ หนือศีรษะมีขนาดเท่ากนั เม่ืออยใู่ กลข้ อบฟา้ เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง กล้องโทรทรรศน์ (Telescope) 1. ก. กล้องโทรทรรศน์แบบหกั เหแสง 2. ง. ภาพเสมือนหัวตั้ง และ กลับด้านซ้ายไปขวา 3. ข. กาลงั ขยาย 4. ข. ภาพจริงหวั กลับ และ กลับดา้ นซ้ายไปขวา 5. ก. ความยาวโฟกัสของเลนส์วัตถุ ความยาวโฟกัสของเลนส์ตา
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: