สแกนเพอ่ื อา่ น E-Book นางสาวกนั ติชา ภมู่ ี ศนู ย์วทิ ยาศาสตรเ์ พือ่ การศึกษาสระแกว้
ก คำนำ คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ค่ายบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ฉบับนี้จัดทาขึ้น เพอ่ื ใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ค่ายบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสงิ่ แวดล้อม ของศูนย์ วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว รายละเอียดของค่ายบูรการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และส่ิงแวดล้อม ประกอบดว้ ยฐานการเรียนรู้ และแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ซงึ่ แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูพ้ ฒั นาข้ึนโดยใช้ รปู แบบการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ กศน. (ONIE SCI ACTIVITY MODEL) ที่เน้นการเรยี นรู้อย่างมีสว่ นร่วม ความ รับผดิ ชอบ ความคิดสร้างสรรค์ และคานงึ ถงึ ผรู้ บั บรกิ ารเป็นสาคญั ศูนย์วิทยาศาสตร์เพ่ือการศึกษาสระแก้วขอขอบคุณผู้ท่ีมีส่วนเก่ียวข้องในการจัดทาคู่มือการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ค่ายบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และส่ิงแวดล้อม ฉบับนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นอกจาก ประโยชน์ของผู้ปฏิบัติงานของศูนยว์ ิทยาศาสตร์เพอื่ การศึกษาสระแก้วโดยตรงแล้ว จะเป็นประโยขน์ต่อผู้ท่ีสนใจ ให้เกิดความรู้ความเข้าใจกิจกรรมการเรียนรู้ค่ายท่ีบูรณาการองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และศาสตร์ ท่เี ก่ยี วข้องเป็นอยา่ งดี (นางยุวดี แจง้ กร) ผอู้ านวยการศนู ยว์ ิทยาศาสตร์เพ่ือการศึกษาจงั หวดั สระแก้ว มกราคม 2561
คำนำ สำรบญั ข สำรบัญ ฐำนกำรเรยี นรู้ เร่ือง นักสืบสำยนำ หน้ำ แผนกำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ เรอ่ื ง นักสืบสำยนำ ก ข ใบความรู้สาหรับผู้จดั กจิ กรรม เร่อื ง แหล่งน้า 1 ใบความรู้สาหรับผู้รบั บริการ เรือ่ ง แหล่งนา้ 2 ใบกิจกรรม เรื่อง แหลง่ น้า 6 14 22
หน้า |1 ฐานการเรียนรู้ เร่ือง นักสืบสายน้า ประกอบดว้ ยแผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง นักสบื สายน้า จา้ นวน 2 ช่วั โมง
หน้า |2 แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง นักสบื สายนา้ เวลา 2 ชว่ั โมง แนวคิด น้ำ เป็นทรพั ยำกรทส่ี ้ำคัญต่อกำรด้ำรงชีวิตของมนษุ ยแ์ ละสงิ่ มชี ีวิตทุกชนิด มนษุ ย์ไดใ้ ช้ประโยชน์จำก แหล่งนำ้ ธรรมชำติ เพ่ือกำรอุปโภค บริโภค กำรเกษตรกรรม กำรประมง กำรอุตสำหกรรม และกำรคมนำคม ในลำ้ นำ้ จะมสี งิ่ มชี ีวติ หลำยชนิดอำศยั อยู่ เมอ่ื เรำศกึ ษำค้นคว้ำ ทดลอง จะพบวำ่ สัตว์นำ้ จืดที่ไม่มกี ระดูกสนั หลัง ขนำดเล็กสำมำรถใชเ้ ปน็ ดัชนีบ่งชคี ุณภำพของนำ้ ไดด้ ว้ ย วตั ถุประสงค์ เม่ือสนิ สุดแผนกำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้นแี ล้ว ผู้รบั บริกำรสำมำรถ 1. อธิบำยควำมหมำย และประโยชนข์ องแหลง่ น้ำ 2. ทดลองใช้สตั ว์นำ้ จดื ท่ีไม่มีกระดกู สนั หลังขนำดเล็ก เปน็ ดชั นีบง่ ชีคุณภำพน้ำ 3. ตรวจคุณภำพของแหลง่ น้ำ 4. เห็นควำมส้ำคัญของแหล่งน้ำ เนือหา 1. แหลง่ น้ำ 1.1 ควำมหมำย และประโยชน์ของแหลง่ น้ำ 1.2 ปัญหำของแหล่งน้ำ 1.3 ผลกระทบของน้ำเสยี ตอ่ สิ่งแวดลอ้ ม 1.4 กำรอนุรักษ์แหล่งน้ำ 2. กำรใชส้ ตั วน์ ้ำจืดทีไ่ ม่มกี ระดกู สันหลังขนำดเล็ก เป็นดัชนีบง่ ชคี ุณภำพนำ้ 2.1 ควำมหมำยของดัชนีคุณภำพน้ำ 2.2 ตัวอยำ่ งสตั ว์ที่ไดร้ บั ผลกระทบจำกคุณภำพนำ้ 2.3 กำรตรวจวัดคณุ ภำพน้ำทำงชวี ภำพ 3. กำรตรวจคณุ ภำพนำ้ 3.1 ท้ำไมต้องตรวจคุณภำพน้ำ 3.2 คุณภำพนำ้ บอกอะไร
หน้า |3 ขนั ตอนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขันตอนท่ี 1 กิจกรรมกำรเรียนรปู้ ระสบกำรณท์ ำงวทิ ยำศำสตร์ (S : Science Experience Activity) 1. ผู้จัดกิจกรรมทักทำยผู้รับบริกำรและแนะน้ำตนเองกับผู้รับบริกำร รวมทังชีแจงวัตถุประสงค์ของ ฐำนกำรเรยี นรู้ที่ 7 เร่อื ง นกั สบื สำยน้ำ ไดแ้ ก่ (1) อธบิ ำยควำมหมำย และประโยชนข์ องแหลง่ นำ้ (2) ทดลองใช้สตั วน์ ้ำจืดทไ่ี มม่ ีกระดกู สนั หลังขนำดเลก็ เปน็ ดัชนบี ่งชคี ุณภำพนำ้ (3) ตรวจคุณภำพของแหลง่ นำ้ (4) เหน็ ควำมส้ำคัญของแหลง่ นำ้ 2. ผู้จัดกิจกรรมซักถำมประสบกำรณ์เดิมของผู้รับบริกำรเก่ียวกับเรื่องที่จะเรียนรู้ โดยสุ่มผู้รับบริกำร จำ้ นวน 3 – 5 คน ตำมควำมสมัครใจ ใหต้ อบคำ้ ถำมจ้ำนวน 3 ประเด็น ดงั นี ประเด็นท่ี 1 “ท่ำนทรำบหรือไม่วำ่ แหล่งน้ำ คืออะไรและมีประโยชนอ์ ยำ่ งไร จงอธบิ ำยมำพอเข้ำใจ” ประเด็นที่ 2 “ทำ่ นทรำบหรอื ไม่ว่ำ มีสัตว์นำ้ จดื ท่ไี ม่มีกระดูกสันหลังขนำดเลก็ อะไรบ้ำงท่สี ำมำรถเป็น ดัชนีบ่งชคี ุณภำพน้ำได้” ประเด็นที่ 3 “ท่ำนทรำบหรือไม่ว่ำ สัตว์น้ำจืดที่ไม่มีกระดูกสันหลังขนำดเล็ก สำมำรถเป็นดัชนีบ่งชี คณุ ภำพน้ำได้” 3. ผู้จดั กิจกรรมและผูร้ บั บรกิ ำรแลกเปลย่ี นควำมคดิ เห็นและสรุปสงิ่ ที่ได้เรียนรู้ร่วมกนั ขันตอนท่ี 2 กจิ กรรมกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ทท่ี ำ้ ทำย (C : Challenge Learning Activity) 1. ผ้จู ัดกิจกรรมเชอื่ มโยงเนือหำในขันตอนที่ 1 เร่ือง แหล่งนำ้ กำรใช้สัตว์น้ำจดื ทไ่ี มม่ กี ระดูกสนั หลังขนำดเล็ก เปน็ ดชั นีบง่ ชีคุณภำพนำ้ และกำรตรวจคณุ ภำพนำ้ 2. ผูจ้ ดั กจิ กรรมบรรยำยเรอ่ื ง แหล่งน้ำ กำรใช้สตั วน์ ้ำจดื ทีไ่ ม่มีกระดกู สนั หลังขนำดเล็ก เป็น ดัชนบี ง่ ชคี ณุ ภำพน้ำ และกำรตรวจคุณภำพนำ้ ตำมใบควำมรสู้ ้ำหรบั ผู้จัดกิจกรรมเร่ือง นักสบื สำยน้ำ 3. ให้ผู้รับบริกำรเป็นรำยบุคคลปฏิบัติกิจกรรมตำมใบกิจกรรมเร่ือง นักสืบสำยน้ำ โดยมี รำยละเอียด ดังนี 3.1 สังเกตสีของน้ำ และลักษณะท่ัวไปของแหล่งน้ำ ในฐำนกำรเรียนรู้ เร่ือง นกั สืบสำยน้ำ 3.2 หำค่ำควำมเป็นกรด – เบส (pH) ของน้ำ โดยใช้กระดำษยูนิเวอร์แซลอินดิเคเตอร์ และวัดอุณหภมู ิ (C) ของนำ้ โดยใชเ้ ทอรโ์ มมิเตอร์ 3.3 วดั ควำมขุ่นใสของนำ้ โดยใชเ้ ซคิดิสก์ ทังนี ผ้รู ับบรกิ ำรจะตอ้ งบันทึกผลกำรทดลอง ลงในใบกจิ กรรม ดังกลำ่ ว 4. แบ่งผู้รบั บริกำรออกเป็นกลุม่ ๆ ละ 4 – 8 คน โดยใหแ้ ต่ละกลุ่มส้ำรวจ สัตว์น้ำจืดที่ไมม่ ีกระดูกสัน หลังขนำดเล็กที่อำศัยอยู่ริมฝัง่ แหลง่ น้ำ ในฐำนกำรเรยี นรู้ เรื่อง นักสืบสำยน้ำ หลังจำกนันให้แตล่ ะกลมุ่ น้ำน้ำ จืดท่ไี ม่มีกระดกู สันหลงั ขนำดเลก็ ท่ีส้ำรวจได้ มำวิเครำะห์ชนิดของสัตว์ โดยนำ้ สตั ว์ท่ีส้ำรวจได้มำวำงไว้ในจำน เพำะเชือ แล้วน้ำแว่นขยำยส่องดูรำยละเอียดของสัตว์น้ำจืดที่ไม่มีกระดูกสันหลังขนำดเล็ก มำวิเครำะห์
หน้า |4 เปรียบเทียบกับคู่มือจ้ำแนกพันธ์ุสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในบึงและล้ำธำรไทย พร้อมลงตำรำงคะแนนวัด คณุ ภำพน้ำ ลงในใบกิจกรรมทไี่ ดร้ บั มอบหมำย หลังจำกนัน ใหแ้ ต่ละกลุ่มรวมคะแนน นับจำ้ นวนสัตว์นำ้ จืดทไี่ ม่มกี ระดกู สันหลงั ขนำดเล็กที่ส้ำรวจได้ มำหำค่ำดชั นคี ุณภำพน้ำ ตำมตำรำงควำมหมำยของดัชนคี ณุ ภำพนำ้ ในใบกิจกรรมท่ไี ดร้ ับมอบหมำย 5. ผจู้ ดั กจิ กรรมและผู้รับบรกิ ำรสรปุ สิง่ ทไี่ ดเ้ รียนรู้ร่วมกัน ขันตอนที่ 3 กจิ กรรมกำรสรปุ ผลกำรนำ้ วทิ ยำศำสตรไ์ ปใชใ้ นชีวติ ประจำ้ วนั (I : Implementation Conclusion Activity) 1. ให้ผู้รับบริกำรในแต่ละกลุ่มตำมขันตอนที่ 2 ยกตัวอย่ำงสถำนกำรณ์ของแหล่งน้ำใกล้ตัว หรือ สถำนกำรณ์ของแหลง่ น้ำในชุมชน สังคม ที่มมี ลภำวะเปน็ พิษ และระบุสำเหตุ พร้อมทังแนะน้ำแนวทำงในกำร ตรวจสอบคุณภำพนำ้ 2. ผู้แทนของผู้รับบรกิ ำรของแตล่ ะกล่มุ นำ้ เสนอผลกำรเรียนรูข้ องกลุ่ม 3. ให้ผู้รบั บริกำรตอบคำ้ ถำมโดยสุ่มผู้รับบรกิ ำร จำ้ นวน 3 – 5 คน ตำมควำมสมคั รใจ ให้ตอบค้ำถำม ในประเดน็ “ท่ำนจะนำ้ ควำมรู้ เรือ่ ง นักสบื สำยน้ำ ทีเ่ กี่ยวกับปัญหำและกำรใช้ประโยชนข์ องน้ำ พร้อมอธบิ ำย วธิ กี ำรแก้ไขปญั หำคุณภำพของน้ำไปประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจำ้ วนั อย่ำงไร” 4. ผู้จดั กจิ กรรมและผู้รบั บริกำรสรุปสงิ่ ท่ไี ดเ้ รยี นร้รู ว่ มกนั สือ่ วสั ดอุ ปุ กรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ 1. ใบควำมรู้ส้ำหรบั ผู้จดั กจิ กรรม เร่อื ง แหลง่ นำ้ 2. ใบควำมรู้ส้ำหรบั ผู้รบั บรกิ ำร เรื่อง แหลง่ น้ำ 3. ใบกิจกรรมเรื่อง แหล่งน้ำ 4. แหลง่ น้ำ ในฐำนกำรเรียนรู้ 5. กระดำษยนู เิ วอร์แซลอินดเิ คเตอร์ 6. เทอร์โมมิเตอร์ 7. เซคดิ สิ ก์ 8. คมู่ ือจ้ำแนกพันธสุ์ ตั ว์ไม่มกี ระดูกสนั หลงั ในบงึ และลำ้ ธำรไทย 9. ตำรำงคะแนนวัดคณุ ภำพน้ำ 10. ตำรำงควำมหมำยของดชั นคี ุณภำพนำ้ การวัดและประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมกำรมีส่วนร่วม ควำมตังใจ และควำมสนใจของผูร้ ับบรกิ ำร 2. ชินงำน/ผลงำน
หน้า |5 บันทกึ ผลหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผลการใชแ้ ผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. จ้ำนวนเนอื หำกับจ้ำนวนเวลำ เหมำะสม ไมเ่ หมำะสม ระบุเหตผุ ล ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. กำรเรยี งล้ำดับเนือหำกบั ควำมเข้ำใจของผู้รบั บรกิ ำร เหมำะสม ไม่เหมำะสม ระบุเหตุผล ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 3. กำรน้ำเขำ้ สู่บทเรยี นกบั เนอื หำแต่ละหวั ข้อ เหมำะสม ไมเ่ หมำะสม ระบเุ หตุผล ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 4. วธิ ีกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้กบั เนือหำในแต่ละขอ้ เหมำะสม ไมเ่ หมำะสม ระบเุ หตุผล ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 5. กำรประเมินผลกบั วตั ถุประสงค์ในแต่ละเนอื หำ เหมำะสม ไม่เหมำะสม ระบเุ หตุผล ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ผลกำรเรียนรู้ของผรู้ บั บรกิ ำร ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ผลกำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ของผู้จดั กิจกรรม ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะ ....................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................
หน้า |6 ใบความรสู้ ้าหรับผู้จดั กิจกรรม เรื่อง แหลง่ น้า วัตถปุ ระสงค์ 1. อธิบำยควำมหมำย และประโยชนข์ องแหลง่ น้ำ 2. ทดลองใช้สตั วน์ ้ำจดื ทไ่ี ม่มีกระดกู สนั หลงั ขนำดเล็ก เปน็ ดชั นบี ่งชคี ุณภำพน้ำ 3. ตรวจคุณภำพของแหลง่ นำ้ 4. เห็นควำมสำ้ คญั ของแหลง่ นำ้ เนอื หา 1. แหลง่ นำ้ 1.1 ควำมหมำย และประโยชนข์ องแหล่งน้ำ 1.2 ปญั หำของแหลง่ น้ำ 1.3 ผลกระทบของนำ้ เสยี ตอ่ สงิ่ แวดล้อม 1.4 กำรอนรุ กั ษ์แหลง่ นำ้ 2. กำรใชส้ ัตว์น้ำจืดทีไ่ ม่มกี ระดูกสนั หลงั ขนำดเลก็ เป็นดชั นีบ่งชคี ณุ ภำพนำ้ 2.1 ควำมหมำยของดัชนคี ุณภำพน้ำ 2.2 ตัวอย่ำงสตั ว์ท่ีไดร้ บั ผลกระทบจำกคุณภำพนำ้ 2.3 กำรตรวจวัดคณุ ภำพนำ้ ทำงชีวภำพ 3. กำรตรวจคณุ ภำพนำ้ 3.1 ท้ำไมตอ้ งตรวจคุณภำพน้ำ 3.2 คณุ ภำพน้ำบอกอะไร
หน้า |7 ใบความรู้ เรื่อง แหลง่ น้า โลกของเรำประกอบขึนด้วยพืนดินและพืนน้ำ โดยส่วนที่เป็นผืนน้ำนัน มีอยู่ประมำณ 3 ส่วน (75%) และเป็นพนื ดิน 1 สว่ น (25%) นำ้ มีควำมสำ้ คญั อย่ำงยิ่งกบั ชีวติ ของพืชและสัตว์บนโลกรวมทังมนษุ ย์เรำด้วย น้ำเป็นทรัพยำกรท่ีสำมำรถเกิดหมุนเวียนได้เรื่อย ๆ ไม่มีวันหมดสิน เมื่อแสงแดดส่องมำบนพืนโลก น้ำจำก ทะเลและมหำสมุทรก็จะระเหยเปน็ ไอน้ำลอยขึนสเู่ บืองบนเน่ืองจำกไอนำ้ มีควำมเบำกว่ำอำกำศ เมือ่ ไอน้ำลอย สเู่ บืองบนแล้ว จะได้รับควำมเย็นและกลนั่ ตัวกลำยเป็นละอองน้ำเล็ก ๆ ลอยจับตวั กันเปน็ กล่มุ เมฆ เมื่อจับตัว กนั มำกขึนและกระทบควำมเย็นก็จะกลน่ั ตัวกลำยเป็นหยดนำ้ ตกลงสู่พืนโลก นำ้ บนพืนโลกจะระเหยกลำยเป็น ไอน้ำอีกเม่ือได้รับควำมร้อนจำกดวงอำทิตย์ ไอน้ำจะรวมตัวกันเป็นเมฆและกล่ันตัวเป็นหยดน้ำกระบวนกำร เช่นนี เกิดขึนเป็นวัฏจักรหมุนเวียนต่อเน่ืองกันตลอดเวลำ เรียกว่ำ วัฏจักรน้ำท้ำให้มีน้ำเกิดขึนบนผิวโลกอยู่ สม้่ำเสมอ นา้ ของเหลวท่ีเกิดจำกกำรรวมตัวกันของก๊ำซไฮโดรเจน และก๊ำซออกซิเจน น้ำ เป็นสิ่งท่ีเกิดขึนเองตำม ธรรมชำติ มกี ำรหมุนเวยี นเคล่อื นทจี่ ำกทแ่ี หง่ หนงึ่ ไปยังอกี แหง่ หนึง่ และเปล่ียนแปลงจำกสถำนะหน่งึ ไปเปน็ อีก สถำนะหนึ่ง เชน่ เปน็ ของแขง็ ของเหลว เปน็ ต้น กำรหมุนเวยี นเปล่ยี นไปของน้ำนเี รยี กวำ่ วฎั จกั ร ของนำ้ น้า เป็นทรัพยำกรท่ีส้ำคัญยิ่งต่อกำรด้ำรงชีวิตของมนุษย์และส่ิงมีชีวิตทุกชนิด มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์ จำกแหล่งน้ำ เพื่อกำรอุปโภค บริโภค กำรเกษตรกรรม กำรประมง กำรอุตสำหกรรม กำรคมนำคม ประเทศ ไทยเป็นประเทศที่ใช้ทรพั ยำกรจำกแหล่งน้ำอย่ำงมหำศำล คือทรัพยำกรประมง ได้แก่ ทรพั ยำกรสตั ว์น้ำ เช่น กงุ้ หอย ปู ปลำ เป็นตน้ ประโยชน์ของแหลง่ น้า นำ้ เป็นแหล่งก้ำเนิดชีวิตของสัตวแ์ ละพืชคนเรำมีชวี ิตอยโู่ ดยขำดน้ำได้ไม่เกิน 3 วัน และน้ำยังมีควำม จ้ำเป็นทังในภำคเกษตรกรรมและอุตสำหกรรม ซ่ึงมีควำมสำ้ คัญอย่ำงย่ิงในกำรพัฒนำประเทศ ประโยชน์ของ นำ้ ได้แก่ น้ำเป็นสิ่งจ้ำเป็นทเี่ รำใชส้ ้ำหรับกำรด่ืมกนิ กำรประกอบอำหำร ช้ำระรำ่ งกำย ฯลฯ น้ำมคี วำมจ้ำเป็น ส้ำหรับกำรเพำะปลกู เลียงสตั ว์ แหลง่ นำ้ เป็นที่อยู่อำศัยของปลำและสัตว์นำ้ อน่ื ๆ ซึ่งคนเรำใชเ้ ปน็ อำหำรในกำร อตุ สำหกรรม ตอ้ งใชน้ ำ้ ในขบวนกำรผลิตใช้ลำ้ งของเสยี ใชห้ ลอ่ เครื่องจักรและระบำยควำมรอ้ น ฯลฯ ปัญหาของแหลง่ นา้ 1. ปัญหำกำรมีน้ำน้อยเกินไป เกิดกำรขำดแคลนอันเป็นผลเน่ืองจำกกำรตัดไม้ท้ำลำยป่ำ ท้ำให้ ปริมำณนำ้ ฝนนอ้ ยลง เกดิ ควำมแห้งแลง้ เสยี หำยตอ่ พืชเพำะปลกู และกำรเลียงสัตว์ 2. ปัญหำกำรมีน้ำมำกเกินไป เป็นผลมำจำกกำรตัดไม้มำกเกินไป ท้ำให้เกิดน้ำท่วมไหลบ่ำในฤดูฝน สร้ำงควำมเสยี หำยแกช่ ีวติ และทรัพย์สนิ 3. ปัญหำน้ำเสีย เป็นปัญหำใหม่ในปัจจุบัน สำเหตุท่ีท้ำใหเ้ กิดน้ำเสีย ได้แก่ น้ำทิงจำกบ้ำนเรือน ขยะ มูลฝอยและส่ิงปฏกิ ูลท่ีถกู ทิงสู่แม่น้ำล้ำคลอง นำ้ เสยี จำกโรงงำนอุตสำหกรรม น้ำฝนพดั พำเอำสำรพิษท่ีตกค้ำง จำกแหล่งเกษตรกรรมลงส่แู มน่ ำ้ ล้ำคลอง นำ้ เสยี ที่เกดิ ขึนนีส่งผลเสียหำยทังตอ่ สขุ ภำพอนำมัย เปน็ อันตรำยต่อ
หน้า |8 สัตว์น้ำ และมนุษย์ ส่งกลิ่นเหม็น รบกวน ท้ำให้ไม่สำมำรถน้ำแหล่งน้ำนันมำใช้ประโยชน์ได้ทังกำรอุปโภค บรโิ ภค เกษตรกรรม และอตุ สำหกรรม ผลกระทบของนา้ เสียตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม เปน็ แหล่งแพรร่ ะบำดของเชือโรค เช่น อหิวำตกโรค บิด ทอ้ งเสยี เป็นแหลง่ เพำะพันธข์ุ องแมลงน้ำโรค ต่ำง ๆ ทำ้ ใหเ้ กิดปญั หำมลพษิ ตอ่ ดิน น้ำ และอำกำศ ท้ำให้เกดิ เหตุร้ำคำญ เช่น กลน่ิ เหม็นของนำ้ โสโครก ทำ้ ให้ เกิดกำรสูญเสียทัศนียภำพ เกิดสภำพท่ีไม่น่ำดู เช่น สภำพน้ำท่ีมีสีด้ำคลำ้ ไปด้วยขยะ และสง่ิ ปฏิกูล ท้ำให้เกิด กำรสูญเสียทำงเศรษฐกิจ เช่น กำรสูญเสียพันธุ์ปลำบำงชนิดจ้ำนวนสัตว์น้ำลดลง ท้ำให้เกิดกำรเปล่ียนแปลง ระบบนเิ วศในระยะยำว การอนรุ ักษ์แหลง่ น้า นำ้ มีควำมสำ้ คัญและมปี ระโยชน์มหำศำล เรำจงึ ควรชว่ ยแก้ไขปญั หำนำ้ เสยี หรอื กำรสูญเสียทรัพยำกร นำ้ ด้วยกำรอนุรกั ษ์น้ำ ดงั นี 1. กำรใช้น้ำอย่ำงประหยัด กำรใช้น้ำอย่ำงประหยัดนอกจำกจะลดค่ำใช้จ่ำยเกี่ยวกับค่ำน้ำลงได้แล้ว ยังท้ำให้ปรมิ ำณน้ำเสียทีจ่ ะทงิ ลงแหล่งน้ำมีปริมำณนอ้ ย และป้องกันกำรขำดแคลนนำ้ ได้ดว้ ย 2. กำรสงวนน้ำไวใ้ ช้ ในบำงฤดูหรือในสภำวะที่มีน้ำมำกเหลอื ใช้ควรมีกำรเก็บนำ้ ไว้ใช้ เชน่ กำรทำ้ บ่อ เก็บนำ้ กำรสรำ้ งโอง่ น้ำ ขุดลอกแหลง่ นำ้ รวมทงั กำรสร้ำงอ่ำงเก็บน้ำ และระบบชลประทำน 3. กำรพฒั นำแหล่งนำ้ ในบำงพนื ทท่ี ีข่ ำดแคลนนำ้ จ้ำเป็นทจ่ี ะต้องหำแหล่งนำ้ เพมิ่ เติม เพื่อใหส้ ำมำรถ มีน้ำไวใ้ ช้ ทังในครัวเรือนและในกำรเกษตรได้อย่ำงพอเพียง ปัจจบุ ันกำรน้ำน้ำบำดำลขึนมำใช้ก้ำลังแพร่หลำย มำกขึนแตอ่ ำจมปี ญั หำเร่ืองแผ่นดนิ ทรุด 4. กำรป้องกันน้ำเสีย กำรไม่ทิงขยะและสิ่งปฏิกูลและสำรพิษลงในแหล่งน้ำ น้ำเสียที่เกิดจำกโรงงำน อุตสำหกรรม โรงพยำบำล ควรมกี ำรบ้ำบดั และขจัดสำรพษิ ก่อนท่จี ะปลอ่ ยลงสู่แหลง่ นำ้ 5. กำรน้ำน้ำเสยี กลบั ไปใช้ น้ำที่ไม่สำมำรถใชไ้ ด้ในกิจกำรอย่ำงหนง่ึ อำจใช้ไดใ้ นอีกกิจกำรหนึ่ง เช่น น้ำ ทิงจำกกำรล้ำงภำชนะอำหำร สำมำรถนำ้ ไปรดต้นไมไ้ ด้ โดยปจั จุบนั แหล่งนำ้ ธรรมชำติลดนอ้ ยลงไป โดยเฉพำะตำมเมืองใหญ่ เพรำะมีกำรดัดแปลงสภำพไปใช้ ในกิจกำรอ่ืนๆ เช่น ถมคลองท้ำถนน อำคำรบ้ำนเรือน โรงงำนอตุ สำหกรรม เปน็ ตน้ นอกจำกนันแหลง่ น้ำท่ี เหลอื อยหู่ ลำยแห่งถูกท้ำลำยคณุ ภำพของน้ำ โดยกำรทงิ สำรเคมี โลหะมีพิษ นำ้ มัน ส่ิงปฏิกลู ตำ่ งๆ หรอื มีกำร ระบำยนำ้ จำกบำ้ นเรือน โรงงำนอตุ สำหกรรม ลงสู่แม่นำ้ จำกบ้ำนเรือน จำกโรงงำนลงสู่แหล่งนำ้ ในจำ้ นวนมำก เกินขนำด ท้ำใหแ้ หล่งน้ำอยใู่ นสภำพไม่เหมำะสมท่ีจะนำ้ มำใช้ เพรำะน้ำเป็นพษิ และเน่ำเสยี ท้ำให้เกิดอันตรำย ตอ่ ส่ิงมีชีวิตทอี่ ำศยั อยู่ในแหลง่ น้ำทงั ทำงตรงและทำงอ้อม ซึ่งเรยี กว่ำ เกดิ มลภำวะทำงนำ้ (Water Pollution) มลพษิ ทางนา้ (Water Pollution) “มลพิษ” หมำยควำมว่ำ ของเสยี วัตถุอันตรำยและมลสำรอืน่ ๆ รวมทังกำกตะกอนหรอื สิ่งตกคำ้ งจำก ส่ิงเหล่ำนัน ที่ถูกปล่อยทิงจำกแหล่งก้ำเนิดมลพิษ หรือที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมตำมธรรมชำติ ซึ่งก่อให้เกิด ผลกระทบตอ่ คุณภำพ สง่ิ แวดล้อมหรือภำวะท่ีเป็นพิษภัยอันตรำยต่อสุขภำพอนำมัยของประชำชนได้ และให้
หน้า |9 หมำยควำมรวมถึง รังสี ควำมร้อน เสียง แสง กล่ิน ควำมส่นั สะเทือนหรือเหตุรำ้ คำญอ่ืนๆ ท่ีเกิดหรอื ถกู ปล่อย จำกแหล่งก้ำเนิดมลพิษด้วย “ภำวะมลพิษ” หมำยควำมว่ำ สภำวะท่ีส่ิงแวดล้อมเปล่ียนแปลงหรือปนเป้ือนโดยมลพิษ ซ่ึงท้ำให้ คณุ ภำพของสงิ่ แวดลอ้ มเส่ือมโทรมลง เชน่ มลพษิ ทำงนำ้ มลพษิ ทำงอำกำศ และมลพษิ ในดนิ “น้ำเสีย” หมำยควำมว่ำ ของเสีย ทอี่ ยู่ในสภำพเป็นของเหลว รวมทังมลสำรท่ปี ะปน หรือปนเปอ้ื นอยู่ ในของเหลวนนั ดังนัน มลพิษทำงน้ำ หมำยถึง สภำพน้ำที่เส่ือมคุณภำพ น้ำจะมีคุณสมบัติเปล่ียนไปจำกสภำพ ธรรมชำติ เนื่องจำกมสี ำรมลพิษเขำ้ ไปปะปนอยู่มำก น้ำในสภำพเช่นนไี ม่เหมำะตอ่ กำรด้ำรงชีวิตของสตั ว์นำ้ ไม่ เหมำะต่อกำรบริโภคและอปุ โภคของมนุษย์ เช่น น้ำที่มีสผี ิดปกติ มีกลิ่นเหม็นน้ำทีม่ ีสำรเคมีที่เป็นพษิ หรือเชือ โรคปะปนอยู่ รวมทังน้ำทม่ี อี ุณหภมู สิ ูงผิดปกติ มลพิษทำงน้ำ เป็นปัญหำทำงน้ำมีสำเหตุส้ำคัญมำจำกกำรน้ำทิงจำกโรงงำนอุตสำหกรรม ซึ่งเป็นน้ำ เสียจำกขันตอนและกระบวนกำรผลิต กำรล้ำง ขบวนกำร หล่อเย็น เป็นต้น แม้ว่ำจะมีกฎหมำยบังคับให้ โรงงำนอตุ สำหกรรมตอ้ งบ้ำบดั น้ำทิงเหลำ่ นีก่อนปล่อยออกสู่แหล่งนำ้ ธรรมชำติก็ตำม แต่ในทำงปฏิบัติรัฐบำล ไม่สำมำรถควบคุมได้อย่ำงท่ัวถึง กำรก่อสร้ำงอำคำรบ้ำนเรือนและชุมชน โดยเฉพำะในชุมชนเขตเมืองเช่น กรุงเทพมหำนคร ทีม่ ีประชำกรอำศัยอยู่หนำแน่นทุกครวั เรือนปล่อยนำ้ ทิงส่แู หล่งน้ำธรรมชำตโิ ดยตรง มิได้ผ่ำน ขบวนกำรกำ้ จัดใดๆ นอกจำกนี ยังมีกำรทิงขยะมูลฝอยและส่ิงปฏิกลู ต่ำงๆ ลงสแู่ มน่ ้ำล้ำคลองอันเป็นกำรเพ่ิม ควำมสกปรกใหก้ บั แหลง่ น้ำตำ่ งๆ อกี ด้วย การใช้สตั วห์ นา้ ดินเป็นดัชนีบง่ ชีคณุ ภาพน้า \"สัตว์เล็กน้ำจืด\" หรือตัวอ่อนแมลงน้ำท่ีอำศัยอยู่ตำมก้อนหิน พืนทรำยใต้ท้องน้ำ ซ่ึงใช้เป็นตัวบ่งชี คุณภำพน้ำด้วยวิธีทำงชีวภำพได้ โดยประเมินร่วมกับลักษณะทำงกำยภำพอ่ืนๆ ของสำยน้ำ เช่น ลักษณะ ควำมคดเคียว สี อุณหภูมิและควำมเร็วของน้ำ เป็นกิจกรรมที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกำรลงมือปฏิบัติ กิจกรรม ความหมายของดชั นคี ณุ ภาพนา้ คะแนน 7.6-10 นำ้ สะอำดมำก คะแนน 5.1-7.5 น้ำสะอำด คะแนน 2.6-5.0 นำ้ คุณภำพพอใชไ้ ด้ คะแนน 1.0-2.5 น้ำสกปรก คะแนน 0 นำ้ เน่ำ (ไมม่ ีสัตวอ์ ยูเ่ ลย)
ตารางคะแนนวัดคณุ ภาพน้า ห น ้ า | 10 ช่ือสัตว์ คะแนน ตัวออ่ นแมลงเกำะหิน 10 ตวั ออ่ นชปี ะขำวตวั แบน 10 ตวั ออ่ นชปี ะขำวเหงือกแฉก 10 ตวั อ่อนแมลงหนอนปลอกนำ้ อยใู่ นปลอกเม็ดกรวดทรำย 10 ตวั อ่อนแมลงหนอนปลอกนำ้ ไมอ่ ย่ใู นปลอก (ยกเวน้ ซโิ ก้)* 10 มวนจำนปำกยำว 10 ตัวออ่ นแมลงช้ำงกรำมโต 9 กุง้ นำ้ ตก 8 ตัวออ่ นแมลงหนอนปลอกนำ้ อยู่ในปลอกใบไม้ 7 ตัวอ่อนแมลงปอ 6 ตวั อ่อนแมลงปอเข็ม 6 หอยหมวกเจ๊กน้ำจืด 6 หอยกำบนำ้ จืด 6 หอยเจดีย์ 6 มวนวน 5 มวนกรรเชยี ง 5 มวนน้ำอน่ื ๆ 5 ดว้ งน้ำตวั เต็มวยั 5 หนอนดว้ งนำ้ 5 หนอนตวั แบน 5 หนอนแมลงวนั (ยกเวน้ แมลงวันดอกไม้ & รนิ นำ้ จืด) 5 ตัวอ่อนแมลงหนอนปลอกนำ้ ซโิ ก้ 5 ตวั ออ่ นชีปะขำววำ่ ยน้ำ 5 ตัวออ่ นชีปะขำวกระโปรง 4 กุ้งฝอย 4
ห น ้ า | 11 ชื่อสตั ว์ คะแนน ตวั อ่อนแมลงชำ้ งปกี ลำย 4 หอยฝำเดียวอน่ื ๆ 3 หอยกำบเมล็ดถ่วั 3 เหำน้ำ 3 ปลู ำ้ ห้วย 3 ปลิง 3 หนอนแมลงวนั ดอกไม้ 3 หนอนรนิ นำ้ จืด 2 ไส้เดอื นน้ำ 1 คะแนนรวม จา้ นวนประเภทสัตว์ คา่ ดัชนีคณุ ภาพน้า สรุปคุณภาพน้า เปน็ .................................................................................................................................................... วิธีใช้ตารางวดั คณุ ภาพนา้ กำรให้คะแนนเพื่อประเมินค่ำคณุ ภำพน้ำ โดยใช้สัตว์ไม่มีกระดูกสนั หลังท่ีอำศัยในน้ำเป็นดัชนีชีวดั นี เป็นกำรประเมินคุณภำพน้ำในส่วนปรมิ ำณออกซิเจนที่ละลำยในน้ำ เม่ือพบสัตว์ในข้อไหนก็ตำม (แม้เพียงตัว เดียว) ใหก้ รอกคะแนนของประเภทสตั วล์ งในช่องทำงขวำมอื โดยนับสัตวแ์ ต่ละประเภทไดเ้ พียงครังเดียว และ ไม่นับสัตว์ท่ีไม่อยู่ในตำรำง เม่ือบันทึกคะแนนของสัตว์ท่ีพบครบหมดแล้ว ให้รวมคะแนนทังหมด แล้วหำร คะแนนรวมด้วยจ้ำนวนประเภทสัตว์ทบ่ี นั ทกึ ได้ในตำรำง กำรหำรเฉล่ียคะแนนนจี ะช่วยลดควำมผิดพลำดท่อี ำจ เกิดขึนไดจ้ ำกกำรเก็บตวั อยำ่ งสัตวห์ รอื ปจั จัยอ่นื ๆ ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ค่ำดัชนคี ุณภำพน้ำ ตัวอยา่ งสัตวท์ ่ไี ด้รบั ผลกระทบจากคณุ ภาพนา้ แบ่งออกเปน็ 3 ประเภท 1. พวกท่ีได้รับผลกระทบมากท่ีสุด เป็นพวกท่ีมีเหงือก แมลงพวกนีในระยะตัวอ่อนหำยใจด้วย เหงอื ก จงึ ต้องใชอ้ อกซเิ จนในนำ้ โดยตรง
ชีปะขาว แมลงเกาะหิน ห น ้ า | 12 หนอนปลอกน้า 2. พวกที่ได้รับผลกระทบรองลงมา เปน็ พวกท่ีสำมำรถใช้ออกซิเจนจำกอำกำศหรอื เก็บกักอำกำศไว้ กับตวั แมลงพวกนหี ำยใจโดยใชอ้ อกซิเจนในอำกำศได้โดยตรง มวนแมงปอ่ งน้า จงิ โจ้น้า ด้วงดง่ิ ตัวอ่อนยุง 1. พวกท่ไี ด้รับผลกระทบนอ้ ยทสี่ ุด เปน็ พวกทีม่ คี วำมสำมำรถในกำรจับออกซเิ จนในนำ้ ดังนันจึงสำมำรถทนอยไู่ ด้ในน้ำที่มปี ริมำณออกซเิ จนละลำยตำ้่ มำก หนอนรินนา้ จดื ไสเ้ ดอื นนา้ หอยฝาเดียว ก้งุ ฝอย
ห น ้ า | 13 การตรวจวดั คณุ ภาพนา้ ทางชวี ภาพ เป็นกำรน้ำสิ่งมีชีวิตมำเป็นตัวชีวัดคุณภำพน้ำ เช่น แบคทีเรีย แพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ สำหร่ำยขนำดใหญ่ พืชน้ำ ปลำ และสัตว์หน้ำดินท่ีไม่มีกระดูกสันหลัง เป็นต้น ส่ิงมีชีวิตท่ีนิยมใช้เป็นตัวชีวัด คุณภำพน้ำตัวหน่ึง คือ กำรใชส้ ัตวห์ น้ำดินมำใชเ้ ป็นตวั ชีวดั คุณภำพนำ้ เนื่องจำก มีควำมไวต่อกำรเปลย่ี นแปลง ของสิ่งแวดลอ้ มหรือสภำวะทำงน้ำโดยเฉพำะอยำ่ งยงิ่ สำรมลพิษทีป่ นเป้ือนอยูใ่ นแหล่งน้ำ การตรวจคุณภาพนา้ ท้าไมต้องตรวจคุณภาพน้า สัตว์น้ำจ้ำเป็นต้องอำศัยในกำรด้ำรงชีวิต คุณสมบัติน้ำจะแตกต่ำงกันตำมสภำพแวดล้อมและท่ีตัง ตำ่ งกัน เช่น แม่น้ำ ลำ้ ธำรคลอง จะมคี ุณสมบัติของน้ำแตกต่ำงจำก หนอง บึง อำ่ งเก็บนำ้ ซึ่งเปน็ แหล่ง น้ำน่ิงรวมถึงบำดำลที่มีคุณสมบัติแตกต่ำงจำกแหล่งน้ำผิวดินอื่นๆ กำรตรวจวัดคุณภำพจึงเป็นส่ิงส้ำคัญ เพอ่ื ที่จะไดป้ รับปรุงใหอ้ ยู่ในสภำพที่เหมำะสมกบั กำรอยู่อำศยั ของสตั ว์นำ้ ซ่ึงเปน็ ปัจจยั ส้ำคญั ในกำรเพำะเลียง สัตว์น้ำและกำรด้ำรงชวี ติ ของมนษุ ย์ให้ประสบควำมสำ้ เร็จ คณุ ภาพนา้ บอกอะไร อณุ หภูมินำ้ ควรอย่ใู นชว่ ง 23-32 องศำเซลเซียส วธิ ีง่ำยๆ คือสัมผัสด้วยมอื นำ้ จะตอ้ งไม่รอ้ ยหรือ เยน็ จนเกนิ ไป ถำ้ นำ้ เย็นมำกปลำกนิ อำหำรนอ้ ยลง ควรลดปริมำณน้ำในบอ่ และลดปริมำณอำหำรลง ควำมเป็นกรด-ด่ำง (pH) ควรอยู่ระหว่ำง 6.5-9 กำรเปล่ียนแปลงของ pH ที่เกิดขึนจะท้ำให้ คุณสมบัติของน้ำเปลีย่ นไป และมผี ลต่อควำมเป็นพิษของสำรบำงชนิดได้ เช่น ควำมเป็นพิษของแอมโมเนีย มำกขึนหรอื ลดลงได้ ควำมข่นุ ตะกอนดินทแ่ี ขวนลอยอยใู่ นนำ้ ถำ้ ปริมำณมำกเกินไปจะเป็นตัวขวำงกันไม่ใหแ้ สงสว่ำงลง ไปได้ลกึ ท้ำให้พชื และแพลงกต์ อนไม่สำมำรถสังเครำะหแ์ สงได้ สง่ ผลให้ปริมำณอำหำรธรรมชำติในบอ่ ลดลง ควำมโปร่งใส ควรมคี ำ่ ระหว่ำง 30-60 เซนตเิ มตร ถ้ำพบวำ่ ในน้ำของบอ่ เป็นสเี ขียวจัด ควรเปล่ยี น ถ่ำยนำ้ เพื่อลดควำมเขม้ ขน้ ของสีนำ้ ลง สำ้ หรับบ่อท่ีมนี ้ำใส ควรเติมปุ๋ยลงในบ่อเพ่อื เพิ่มธำตุอำหำรให้กบั พชื และแพลงกต์ อนพืช ให้สำมำรถเจริญเตบิ โตเพิม่ จ้ำนวนขึน
ห น ้ า | 14 ใบความรสู้ ้าหรับผู้รับบรกิ าร เร่อื ง แหลง่ น้า วัตถปุ ระสงค์ 1. อธบิ ำยควำมหมำย และประโยชน์ของแหล่งน้ำ 2. ทดลองใช้สัตว์น้ำจืดทไ่ี ม่มกี ระดูกสันหลงั ขนำดเล็ก เปน็ ดชั นีบ่งชีคุณภำพน้ำ 3. ตรวจคณุ ภำพของแหล่งนำ้ 4. เห็นควำมส้ำคญั ของแหลง่ น้ำ เนือหา 1. แหลง่ นำ้ 1.1 ควำมหมำย และประโยชน์ของแหล่งน้ำ 1.2 ปัญหำของแหล่งนำ้ 1.3 ผลกระทบของนำ้ เสียต่อสง่ิ แวดล้อม 1.4 กำรอนุรกั ษ์แหลง่ น้ำ 2. กำรใชส้ ัตว์นำ้ จืดท่ไี ม่มีกระดูกสันหลังขนำดเลก็ เป็นดชั นีบง่ ชีคณุ ภำพนำ้ 2.1 ควำมหมำยของดัชนคี ุณภำพน้ำ 2.2 ตวั อยำ่ งสตั ว์ที่ไดร้ ับผลกระทบจำกคุณภำพน้ำ 2.3 กำรตรวจวดั คณุ ภำพนำ้ ทำงชีวภำพ 3. กำรตรวจคณุ ภำพนำ้ 3.1 ท้ำไมต้องตรวจคุณภำพน้ำ 3.2 คณุ ภำพน้ำบอกอะไร
ห น ้ า | 15 ใบความรู้ เรื่อง แหลง่ นา้ โลกของเรำประกอบขึนด้วยพนื ดินและพืนน้ำ โดยส่วนที่เป็นผืนนำ้ นัน มีอยู่ประมำณ 3 ส่วน (75%) และเปน็ พนื ดนิ 1 สว่ น (25%) น้ำมคี วำมส้ำคัญอย่ำงยิ่งกับชีวติ ของพชื และสตั ว์บนโลกรวมทงั มนุษย์เรำดว้ ย น้ำเป็นทรัพยำกรท่ีสำมำรถเกิดหมุนเวียนได้เร่ือย ๆ ไม่มีวันหมดสิน เมื่อแสงแดดส่องมำบนพืนโลก น้ำจำก ทะเลและมหำสมุทรก็จะระเหยเป็นไอน้ำลอยขึนสู่เบืองบนเน่ืองจำกไอน้ำมีควำมเบำกว่ำอำกำศ เมื่อไอน้ำลอย สู่เบืองบนแล้ว จะได้รับควำมเย็นและกล่ันตัวกลำยเป็นละอองน้ำเล็ก ๆ ลอยจับตวั กันเปน็ กลมุ่ เมฆ เม่ือจบั ตัว กนั มำกขนึ และกระทบควำมเยน็ ก็จะกลนั่ ตัวกลำยเป็นหยดน้ำตกลงสู่พืนโลก นำ้ บนพืนโลกจะระเหยกลำยเป็น ไอน้ำอีกเมื่อได้รับควำมร้อนจำกดวงอำทิตย์ ไอน้ำจะรวมตัวกันเป็นเมฆและกลั่นตัวเป็นหยดน้ำกระบวนกำร เช่นนี เกิดขึนเป็นวัฏจักรหมุนเวียนต่อเนื่องกันตลอดเวลำ เรียกว่ำ วัฏจักรน้ำท้ำให้มีน้ำเกิดขึนบนผิวโลกอยู่ สม่้ำเสมอ น้า ของเหลวท่ีเกิดจำกกำรรวมตัวกันของก๊ำซไฮโดรเจน และก๊ำซออกซิเจน น้ำ เป็นส่ิงที่เกิดขึนเองตำม ธรรมชำติ มีกำรหมุนเวียนเคลื่อนท่ีจำกท่ีแหง่ หน่งึ ไปยงั อกี แห่งหน่ึง และเปลยี่ นแปลงจำกสถำนะหนง่ึ ไปเป็นอีก สถำนะหนึ่ง เชน่ เปน็ ของแขง็ ของเหลว เปน็ ต้น กำรหมนุ เวยี นเปลยี่ นไปของนำ้ นเี รียกว่ำ วฎั จกั ร ของนำ้ น้า เป็นทรัพยำกรท่ีส้ำคัญยิ่งต่อกำรด้ำรงชีวิตของมนุษย์และส่ิงมีชีวิตทุกชนิด มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์ จำกแหล่งน้ำ เพ่ือกำรอุปโภค บริโภค กำรเกษตรกรรม กำรประมง กำรอุตสำหกรรม กำรคมนำคม ประเทศ ไทยเป็นประเทศท่ีใช้ทรัพยำกรจำกแหล่งน้ำอย่ำงมหำศำล คือทรพั ยำกรประมง ได้แก่ ทรัพยำกรสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลำ เป็นตน้ ประโยชนข์ องแหล่งนา้ นำ้ เป็นแหล่งก้ำเนิดชวี ิตของสัตวแ์ ละพืชคนเรำมีชีวิตอยู่โดยขำดน้ำไดไ้ ม่เกิน 3 วัน และน้ำยังมคี วำม จ้ำเป็นทังในภำคเกษตรกรรมและอุตสำหกรรม ซึ่งมีควำมสำ้ คัญอย่ำงยิ่งในกำรพัฒนำประเทศ ประโยชน์ของ น้ำ ได้แก่ น้ำเปน็ สิ่งจำ้ เปน็ ทเ่ี รำใชส้ ้ำหรับกำรด่ืมกนิ กำรประกอบอำหำร ช้ำระร่ำงกำย ฯลฯ น้ำมีควำมจ้ำเป็น สำ้ หรบั กำรเพำะปลกู เลียงสตั ว์ แหลง่ นำ้ เป็นทอ่ี ยอู่ ำศัยของปลำและสตั ว์น้ำอื่น ๆ ซงึ่ คนเรำใช้เปน็ อำหำรในกำร อุตสำหกรรม ต้องใช้นำ้ ในขบวนกำรผลติ ใช้ล้ำงของเสยี ใชห้ ลอ่ เคร่ืองจักรและระบำยควำมร้อน ฯลฯ ปัญหาของแหล่งน้า 1. ปัญหำกำรมีน้ำน้อยเกินไป เกิดกำรขำดแคลนอันเป็นผลเน่ืองจำกกำรตัดไม้ท้ำลำยป่ำ ท้ำให้ ปริมำณนำ้ ฝนน้อยลง เกิดควำมแหง้ แล้งเสียหำยต่อพชื เพำะปลกู และกำรเลยี งสตั ว์ 2. ปัญหำกำรมีน้ำมำกเกินไป เป็นผลมำจำกกำรตัดไม้มำกเกินไป ท้ำให้เกิดน้ำท่วมไหลบ่ำในฤดูฝน สร้ำงควำมเสยี หำยแกช่ วี ิตและทรัพยส์ ิน 3. ปัญหำน้ำเสีย เป็นปัญหำใหม่ในปัจจุบัน สำเหตุที่ท้ำให้เกิดน้ำเสีย ได้แก่ น้ำทิงจำกบ้ำนเรือน ขยะ มลู ฝอยและส่ิงปฏิกูลท่ีถกู ทงิ สู่แม่น้ำลำ้ คลอง นำ้ เสยี จำกโรงงำนอุตสำหกรรม นำ้ ฝนพดั พำเอำสำรพิษท่ีตกคำ้ ง
ห น ้ า | 16 จำกแหลง่ เกษตรกรรมลงสแู่ มน่ ้ำล้ำคลอง นำ้ เสียท่ีเกดิ ขึนนีสง่ ผลเสยี หำยทงั ตอ่ สุขภำพอนำมยั เป็นอนั ตรำยต่อ สัตว์น้ำ และมนุษย์ ส่งกล่ินเหม็น รบกวน ท้ำให้ไม่สำมำรถน้ำแหล่งน้ำนันมำใช้ประโยชน์ได้ทังกำรอุปโภค บริโภค เกษตรกรรม และอุตสำหกรรม ผลกระทบของนา้ เสียต่อสิ่งแวดล้อม เป็นแหลง่ แพร่ระบำดของเชอื โรค เชน่ อหวิ ำตกโรค บดิ ท้องเสยี เป็นแหลง่ เพำะพนั ธ์ุของแมลงนำ้ โรค ตำ่ ง ๆ ท้ำใหเ้ กดิ ปญั หำมลพษิ ต่อดิน น้ำ และอำกำศ ท้ำให้เกิดเหตุร้ำคำญ เช่น กลิ่นเหม็นของน้ำโสโครก ทำ้ ให้ เกิดกำรสูญเสียทัศนียภำพ เกิดสภำพท่ีไม่น่ำดู เช่น สภำพน้ำท่ีมีสีด้ำคล้ำไปด้วยขยะ และสงิ่ ปฏิกูล ท้ำให้เกิด กำรสูญเสียทำงเศรษฐกิจ เช่น กำรสูญเสียพันธุ์ปลำบำงชนิดจ้ำนวนสัตว์น้ำลดลง ท้ำให้เกิดกำรเปล่ียนแปลง ระบบนเิ วศในระยะยำว การอนรุ ักษ์แหลง่ นา้ น้ำมีควำมสำ้ คญั และมีประโยชน์มหำศำล เรำจงึ ควรชว่ ยแกไ้ ขปัญหำน้ำเสยี หรือกำรสูญเสียทรัพยำกร นำ้ ดว้ ยกำรอนุรกั ษน์ ้ำ ดังนี 1. กำรใช้น้ำอย่ำงประหยัด กำรใช้น้ำอย่ำงประหยัดนอกจำกจะลดค่ำใช้จ่ำยเกี่ยวกับค่ำน้ำลงได้แล้ว ยังทำ้ ให้ปริมำณนำ้ เสยี ทจ่ี ะทิงลงแหล่งนำ้ มปี รมิ ำณน้อย และปอ้ งกันกำรขำดแคลนน้ำไดด้ ว้ ย 2. กำรสงวนน้ำไวใ้ ช้ ในบำงฤดูหรือในสภำวะท่ีมีน้ำมำกเหลอื ใช้ควรมีกำรเก็บน้ำไวใ้ ช้ เชน่ กำรท้ำบ่อ เก็บน้ำ กำรสร้ำงโอ่งน้ำ ขดุ ลอกแหล่งน้ำ รวมทงั กำรสรำ้ งอ่ำงเก็บน้ำ และระบบชลประทำน 3. กำรพฒั นำแหล่งนำ้ ในบำงพืนที่ท่ีขำดแคลนนำ้ จำ้ เปน็ ที่จะตอ้ งหำแหลง่ นำ้ เพ่ิมเติม เพอ่ื ใหส้ ำมำรถ มีน้ำไวใ้ ช้ ทังในครัวเรือนและในกำรเกษตรได้อย่ำงพอเพียง ปัจจุบันกำรน้ำน้ำบำดำลขนึ มำใช้ก้ำลังแพร่หลำย มำกขนึ แตอ่ ำจมปี ัญหำเรื่องแผ่นดนิ ทรุด 4. กำรป้องกันน้ำเสีย กำรไม่ทิงขยะและส่ิงปฏิกูลและสำรพิษลงในแหล่งน้ำ น้ำเสียท่ีเกิดจำกโรงงำน อตุ สำหกรรม โรงพยำบำล ควรมีกำรบ้ำบัดและขจัดสำรพิษกอ่ นท่จี ะปลอ่ ยลงสู่แหล่งน้ำ 5. กำรนำ้ น้ำเสยี กลับไปใช้ นำ้ ที่ไมส่ ำมำรถใช้ได้ในกิจกำรอยำ่ งหนง่ึ อำจใช้ได้ในอีกกจิ กำรหนึ่ง เช่น น้ำ ทิงจำกกำรลำ้ งภำชนะอำหำร สำมำรถน้ำไปรดตน้ ไมไ้ ด้ โดยปัจจุบนั แหลง่ น้ำธรรมชำติลดน้อยลงไป โดยเฉพำะตำมเมอื งใหญ่ เพรำะมกี ำรดดั แปลงสภำพไปใช้ ในกิจกำรอ่ืนๆ เช่น ถมคลองท้ำถนน อำคำรบ้ำนเรือน โรงงำนอุตสำหกรรม เป็นต้น นอกจำกนันแหล่งน้ำท่ี เหลืออยู่หลำยแหง่ ถูกทำ้ ลำยคุณภำพของน้ำ โดยกำรทิงสำรเคมี โลหะมีพิษ นำ้ มัน ส่ิงปฏิกูลตำ่ งๆ หรอื มีกำร ระบำยน้ำจำกบ้ำนเรือน โรงงำนอุตสำหกรรม ลงสู่แมน่ ้ำจำกบำ้ นเรือน จำกโรงงำนลงสู่แหล่งน้ำในจ้ำนวนมำก เกินขนำด ทำ้ ให้แหลง่ น้ำอยใู่ นสภำพไม่เหมำะสมทจี่ ะน้ำมำใช้ เพรำะน้ำเป็นพิษและเน่ำเสีย ทำ้ ให้เกดิ อันตรำย ตอ่ สงิ่ มีชีวติ ทอี่ ำศยั อยู่ในแหล่งนำ้ ทังทำงตรงและทำงอ้อม ซงึ่ เรียกว่ำ เกิดมลภำวะทำงน้ำ (Water Pollution) มลพษิ ทางน้า (Water Pollution) “มลพิษ” หมำยควำมว่ำ ของเสีย วตั ถุอนั ตรำยและมลสำรอน่ื ๆ รวมทังกำกตะกอนหรือส่ิงตกค้ำงจำก ส่ิงเหล่ำนัน ท่ีถูกปล่อยทิงจำกแหล่งก้ำเนิดมลพิษ หรือท่ีมีอยู่ในส่ิงแวดล้อมตำมธรรมชำติ ซึ่งก่อให้เกิด
ห น ้ า | 17 ผลกระทบต่อคุณภำพ สง่ิ แวดล้อมหรือภำวะที่เป็นพิษภัยอันตรำยต่อสุขภำพอนำมัยของประชำชนได้ และให้ หมำยควำมรวมถึง รังสี ควำมร้อน เสียง แสง กลิ่น ควำมสัน่ สะเทือนหรือเหตุรำ้ คำญอ่ืนๆ ที่เกิดหรอื ถกู ปล่อย จำกแหล่งกำ้ เนดิ มลพิษดว้ ย “ภำวะมลพิษ” หมำยควำมว่ำ สภำวะท่ีส่ิงแวดล้อมเปลี่ยนแปลงหรือปนเป้ือนโดยมลพิษ ซึ่งท้ำให้ คณุ ภำพของสง่ิ แวดลอ้ มเสอื่ มโทรมลง เช่น มลพษิ ทำงนำ้ มลพิษทำงอำกำศ และมลพิษในดนิ “น้ำเสีย” หมำยควำมวำ่ ของเสีย ท่ีอยใู่ นสภำพเป็นของเหลว รวมทังมลสำรทป่ี ะปน หรือปนเป้อื นอยู่ ในของเหลวนัน ดังนัน มลพิษทำงน้ำ หมำยถึง สภำพน้ำที่เส่ือมคุณภำพ น้ำจะมีคุณสมบัติเปลี่ยนไปจำกสภำพ ธรรมชำติ เน่อื งจำกมสี ำรมลพิษเขำ้ ไปปะปนอยู่มำก น้ำในสภำพเช่นนีไมเ่ หมำะตอ่ กำรดำ้ รงชีวิตของสัตวน์ ำ้ ไม่ เหมำะตอ่ กำรบรโิ ภคและอุปโภคของมนุษย์ เช่น น้ำท่ีมีสีผิดปกติ มีกลิ่นเหม็นน้ำที่มีสำรเคมีที่เป็นพษิ หรือเชือ โรคปะปนอยู่ รวมทังนำ้ ที่มอี ุณหภูมสิ ูงผดิ ปกติ มลพิษทำงน้ำ เป็นปัญหำทำงน้ำมีสำเหตุส้ำคัญมำจำกกำรน้ำทิงจำกโรงงำนอุตสำหกรรม ซึ่งเป็นน้ำ เสียจำกขันตอนและกระบวนกำรผลิต กำรล้ำง ขบวนกำร หล่อเย็น เป็นต้น แม้ว่ำจะมีกฎหมำยบังคับให้ โรงงำนอุตสำหกรรมต้องบ้ำบัดน้ำทิงเหลำ่ นีก่อนปล่อยออกสู่แหล่งน้ำธรรมชำติก็ตำม แตใ่ นทำงปฏิบัติรัฐบำล ไม่สำมำรถควบคุมได้อย่ำงท่ัวถึง กำรก่อสร้ำงอำคำรบ้ำนเรือนและชุมชน โดยเฉพำะในชุมชนเขตเมืองเช่น กรุงเทพมหำนคร ทม่ี ีประชำกรอำศัยอยู่หนำแนน่ ทกุ ครวั เรอื นปล่อยน้ำทงิ ส่แู หล่งน้ำธรรมชำตโิ ดยตรง มไิ ดผ้ ำ่ น ขบวนกำรกำ้ จัดใดๆ นอกจำกนี ยังมีกำรทิงขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกลู ต่ำงๆ ลงสู่แมน่ ้ำลำ้ คลองอันเป็นกำรเพ่ิม ควำมสกปรกใหก้ ับแหล่งนำ้ ตำ่ งๆ อกี ดว้ ย การใช้สัตวห์ น้าดินเป็นดชั นีบ่งชีคุณภาพน้า \"สัตว์เล็กน้ำจืด\" หรือตัวอ่อนแมลงน้ำท่ีอำศัยอยู่ตำมก้อนหิน พืนทรำยใต้ท้องน้ำ ซ่ึงใช้เป็นตัวบ่งชี คุณภำพน้ำด้วยวิธีทำงชีวภำพได้ โดยประเมินร่วมกับลักษณะทำงกำยภำพอื่นๆ ของสำยน้ำ เช่น ลักษณะ ควำมคดเคียว สี อุณหภูมิและควำมเร็วของน้ำ เป็นกิจกรรมที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกำรลงมือปฏิบัติ กิจกรรม ความหมายของดัชนีคุณภาพน้า คะแนน 7.6-10 น้ำสะอำดมำก คะแนน 5.1-7.5 นำ้ สะอำด คะแนน 2.6-5.0 นำ้ คุณภำพพอใชไ้ ด้ คะแนน 1.0-2.5 น้ำสกปรก คะแนน 0 นำ้ เนำ่ (ไม่มีสัตวอ์ ย่เู ลย)
ตารางคะแนนวัดคณุ ภาพน้า ห น ้ า | 18 ช่ือสัตว์ คะแนน ตัวออ่ นแมลงเกำะหิน 10 ตวั ออ่ นชีปะขำวตวั แบน 10 ตวั ออ่ นชปี ะขำวเหงือกแฉก 10 ตัวอ่อนแมลงหนอนปลอกนำ้ อยใู่ นปลอกเม็ดกรวดทรำย 10 ตวั อ่อนแมลงหนอนปลอกนำ้ ไมอ่ ย่ใู นปลอก (ยกเวน้ ซโิ ก้)* 10 มวนจำนปำกยำว 10 ตัวออ่ นแมลงชำ้ งกรำมโต 9 กุ้งน้ำตก 8 ตัวออ่ นแมลงหนอนปลอกนำ้ อยู่ในปลอกใบไม้ 7 ตวั อ่อนแมลงปอ 6 ตวั ออ่ นแมลงปอเข็ม 6 หอยหมวกเจ๊กน้ำจืด 6 หอยกำบนำ้ จืด 6 หอยเจดีย์ 6 มวนวน 5 มวนกรรเชยี ง 5 มวนน้ำอนื่ ๆ 5 ดว้ งน้ำตวั เต็มวยั 5 หนอนดว้ งนำ้ 5 หนอนตวั แบน 5 หนอนแมลงวนั (ยกเวน้ แมลงวันดอกไม้ & รนิ นำ้ จืด) 5 ตัวอ่อนแมลงหนอนปลอกนำ้ ซโิ ก้ 5 ตวั ออ่ นชปี ะขำววำ่ ยน้ำ 5 ตัวออ่ นชีปะขำวกระโปรง 4 กุ้งฝอย 4
ห น ้ า | 19 ชื่อสัตว์ คะแนน ตวั อ่อนแมลงช้ำงปกี ลำย 4 หอยฝำเดียวอื่นๆ 3 หอยกำบเมล็ดถั่ว 3 เหำน้ำ 3 ปูล้ำห้วย 3 ปลงิ 3 หนอนแมลงวนั ดอกไม้ 3 หนอนรินนำ้ จืด 2 ไส้เดอื นนำ้ 1 คะแนนรวม จ้านวนประเภทสัตว์ ค่าดชั นีคุณภาพนา้ สรุปคณุ ภาพนา้ เปน็ .................................................................................................................................................... วธิ ใี ชต้ ารางวัดคุณภาพน้า กำรให้คะแนนเพื่อประเมินคำ่ คุณภำพน้ำ โดยใช้สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังทีอ่ ำศัยในน้ำเป็นดัชนีชีวัดนี เป็นกำรประเมินคุณภำพน้ำในส่วนปรมิ ำณออกซิเจนท่ีละลำยในน้ำ เมื่อพบสัตว์ในข้อไหนก็ตำม (แม้เพียงตัว เดียว) ให้กรอกคะแนนของประเภทสตั ว์ลงในช่องทำงขวำมอื โดยนับสัตว์แตล่ ะประเภทไดเ้ พียงครังเดียว และ ไม่นับสัตว์ท่ีไม่อยู่ในตำรำง เม่ือบันทึกคะแนนของสัตว์ที่พบครบหมดแล้ว ให้รวมคะแนนทังหมด แล้วหำร คะแนนรวมด้วยจำ้ นวนประเภทสตั ว์ทบ่ี นั ทกึ ไดใ้ นตำรำง กำรหำรเฉล่ยี คะแนนนีจะช่วยลดควำมผิดพลำดท่อี ำจ เกิดขนึ ได้จำกกำรเกบ็ ตวั อยำ่ งสัตว์หรือปจั จยั อืน่ ๆ ผลลัพธ์ท่ีได้ คอื คำ่ ดชั นคี ณุ ภำพน้ำ ตวั อยา่ งสตั ว์ทไี่ ดร้ บั ผลกระทบจากคุณภาพนา้ แบ่งออกเปน็ 3 ประเภท 1. พวกท่ีได้รับผลกระทบมากท่ีสุด เป็นพวกท่ีมีเหงือก แมลงพวกนีในระยะตัวอ่อนหำยใจด้วย เหงือก จึงต้องใชอ้ อกซิเจนในนำ้ โดยตรง
ชีปะขาว แมลงเกาะหิน ห น ้ า | 20 หนอนปลอกน้า 2. พวกที่ได้รับผลกระทบรองลงมา เปน็ พวกท่ีสำมำรถใช้ออกซิเจนจำกอำกำศหรอื เก็บกักอำกำศไว้ กับตวั แมลงพวกนหี ำยใจโดยใชอ้ อกซิเจนในอำกำศได้โดยตรง มวนแมงปอ่ งน้า จงิ โจ้น้า ด้วงดง่ิ ตัวอ่อนยุง 4. พวกท่ไี ด้รับผลกระทบนอ้ ยทสี่ ุด เปน็ พวกทีม่ คี วำมสำมำรถในกำรจับออกซเิ จนในนำ้ ดังนันจึงสำมำรถทนอยไู่ ด้ในน้ำที่มปี ริมำณออกซเิ จนละลำยตำ้่ มำก หนอนรินนา้ จดื ไสเ้ ดอื นนา้ หอยฝาเดียว ก้งุ ฝอย
ห น ้ า | 21 การตรวจวดั คณุ ภาพนา้ ทางชวี ภาพ เป็นกำรน้ำสิ่งมีชีวิตมำเป็นตัวชีวัดคุณภำพน้ำ เช่น แบคทีเรีย แพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ สำหร่ำยขนำดใหญ่ พืชน้ำ ปลำ และสัตว์หน้ำดินท่ีไม่มีกระดูกสันหลัง เป็นต้น ส่ิงมีชีวิตท่ีนิยมใช้เป็นตัวชีวัด คุณภำพน้ำตัวหน่ึง คือ กำรใชส้ ัตวห์ น้ำดนิ มำใชเ้ ป็นตวั ชีวดั คุณภำพนำ้ เนื่องจำก มีควำมไวต่อกำรเปลี่ยนแปลง ของสิ่งแวดลอ้ มหรือสภำวะทำงน้ำโดยเฉพำะอยำ่ งยงิ่ สำรมลพษิ ทีป่ นเปอ้ื นอยูใ่ นแหล่งน้ำ การตรวจคณุ ภาพนา้ ท้าไมต้องตรวจคุณภาพน้า สัตว์น้ำจ้ำเป็นต้องอำศัยในกำรด้ำรงชีวิต คุณสมบัติน้ำจะแตกต่ำงกันตำมสภำพแวดล้อมและที่ตัง ตำ่ งกัน เช่น แม่น้ำ ลำ้ ธำรคลอง จะมีคุณสมบัติของน้ำแตกต่ำงจำก หนอง บึง อำ่ งเก็บนำ้ ซ่ึงเป็นแหล่ง น้ำน่ิงรวมถึงบำดำลที่มีคุณสมบัติแตกต่ำงจำกแหล่งน้ำผิวดินอื่นๆ กำรตรวจวัดคุณภำพจึงเป็นส่ิงส้ำคัญ เพอ่ื ที่จะไดป้ รับปรุงใหอ้ ย่ใู นสภำพที่เหมำะสมกบั กำรอยู่อำศัยของสัตว์นำ้ ซึ่งเปน็ ปัจจัยส้ำคัญในกำรเพำะเลียง สัตวน์ ้ำและกำรด้ำรงชวี ิตของมนษุ ย์ให้ประสบควำมสำ้ เร็จ คณุ ภาพนา้ บอกอะไร อณุ หภมู ินำ้ ควรอย่ใู นชว่ ง 23-32 องศำเซลเซียส วธิ ีงำ่ ยๆ คอื สัมผัสดว้ ยมือ นำ้ จะต้องไมร่ อ้ ยหรอื เยน็ จนเกนิ ไป ถำ้ นำ้ เย็นมำกปลำกนิ อำหำรน้อยลง ควรลดปริมำณนำ้ ในบ่อและลดปริมำณอำหำรลง ควำมเป็นกรด-ด่ำง (pH) ควรอยู่ระหว่ำง 6.5-9 กำรเปลี่ยนแปลงของ pH ที่เกิดขึนจะท้ำให้ คุณสมบัติของน้ำเปลีย่ นไป และมผี ลต่อควำมเป็นพิษของสำรบำงชนดิ ได้ เช่น ควำมเป็นพิษของแอมโมเนีย มำกขึนหรอื ลดลงได้ ควำมข่นุ ตะกอนดินทแ่ี ขวนลอยอยใู่ นนำ้ ถำ้ ปรมิ ำณมำกเกนิ ไปจะเปน็ ตวั ขวำงกันไม่ให้แสงสวำ่ งลง ไปได้ลกึ ท้ำให้พชื และแพลงกต์ อนไม่สำมำรถสังเครำะห์แสงได้ สง่ ผลให้ปรมิ ำณอำหำรธรรมชำติในบ่อลดลง ควำมโปร่งใส ควรมคี ำ่ ระหวำ่ ง 30-60 เซนตเิ มตร ถ้ำพบว่ำในน้ำของบ่อเปน็ สีเขยี วจดั ควรเปลย่ี น ถ่ำยนำ้ เพื่อลดควำมเขม้ ข้นของสีนำ้ ลง สำ้ หรบั บ่อท่ีมนี ้ำใส ควรเติมปุย๋ ลงในบ่อเพ่อื เพม่ิ ธำตุอำหำรให้กบั พืช และแพลงกต์ อนพืช ให้สำมำรถเจริญเติบโตเพิม่ จ้ำนวนขึน
ห น ้ า | 22 ใบกิจกรรม เรื่อง แหลง่ นา้ วตั ถุประสงค์ 1. อธิบำยควำมหมำย และประโยชนข์ องแหล่งน้ำ 2. ทดลองใช้สัตว์นำ้ จดื ทีไ่ ม่มีกระดูกสันหลงั ขนำดเล็ก เปน็ ดัชนบี ่งชีคุณภำพนำ้ 3. ตรวจคุณภำพของแหล่งนำ้ 4. เห็นควำมสำ้ คัญของแหลง่ น้ำ เนือหา 1. แหล่งน้ำ 1.1 ควำมหมำย และประโยชน์ของแหลง่ น้ำ 1.2 ปญั หำของแหล่งนำ้ 1.3 ผลกระทบของนำ้ เสยี ตอ่ สิ่งแวดล้อม 1.4 กำรอนรุ ักษ์แหลง่ น้ำ 2. กำรใชส้ ัตวน์ ำ้ จืดที่ไม่มีกระดกู สันหลงั ขนำดเลก็ เป็นดชั นีบง่ ชีคุณภำพนำ้ 2.1 ควำมหมำยของดัชนีคุณภำพนำ้ 2.2 ตวั อย่ำงสตั ว์ทไ่ี ด้รบั ผลกระทบจำกคุณภำพนำ้ 2.3 กำรตรวจวัดคุณภำพนำ้ ทำงชวี ภำพ 3. กำรตรวจคณุ ภำพน้ำ 3.1 ท้ำไมตอ้ งตรวจคุณภำพน้ำ 3.2 คุณภำพน้ำบอกอะไร คา้ ชีแจง ใหผ้ ู้รับบรกิ ำรด้ำเนนิ กำร ดงั นี 1. แบ่งกลุ่มผู้รับบรกิ ำรออกเปน็ 5 กล่มุ 2. ใหผ้ ้รู ับบรกิ ำรแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั ค้นหำสตั ว์เลก็ น้ำจืด สัตว์หนำ้ ดนิ ที่ไม่มีกระดกู สันหลัง ริมฝ่งั แหล่งนำ้ 3. เมื่อได้สตั ว์ตัวอยำ่ งมำรว่ มกนั วเิ ครำะห์ชนดิ ของสัตว์ โดยใช้น้ำสตั ว์ตัวอย่ำงทไ่ี ดม้ ำใส่ไว้ในจำนเพำะเชือ นำ้ แว่นขยำยส่องดูรำยละเอียด แลว้ ให้น้ำมำวิเครำะห์ 4. เปรียบเทียบกบั คู่มอื จ้ำแนกพนั ธ์สุ ัตวไ์ ม่มกี ระดกู สนั หลังในบงึ และลำ้ ธำรไทย พรอ้ มลงตำรำงคะแนนวดั คณุ ภำพนำ้ 5. รวมคะแนน นับจำ้ นวนสตั วต์ ัวอย่ำงท่ีได้ หำค่ำดชั นีคุณภำพน้ำ ตำมตำรำงควำมหมำยของดชั นีคุณภำพ น้ำ
ห น ้ า | 23 1.ผลการศึกษาลกั ษณะทั่วไปของแหล่งน้า ลา้ ดับที่ คุณลักษณะของน้า ผลการศึกษา 1 สีของน้ำ 2 ลักษณะท่วั ไปของแหลง่ นำ้ 3 ควำมเป็นกรด-เบส (pH) 4 อณุ หภมู ิ ( C ) 5 ควำมขนุ่ ใส 2.ผลการศึกษา “กิจกรรมนักสืบสายน้า” ตารางคะแนนวดั คุณภาพน้า ชอ่ื สตั ว์ คะแนน ตัวออ่ นแมลงเกำะหิน 10 ตวั อ่อนชปี ะขำวตัวแบน 10 ตวั ออ่ นชีปะขำวเหงอื กแฉก 10 ตัวออ่ นแมลงหนอนปลอกน้ำอยู่ในปลอกเมด็ กรวดทรำย 10 ตัวอ่อนแมลงหนอนปลอกน้ำไม่อยู่ในปลอก (ยกเวน้ ซโิ ก้)* 10 มวนจำนปำกยำว 10 ตวั ออ่ นแมลงชำ้ งกรำมโต 9 กงุ้ นำ้ ตก 8 ตวั ออ่ นแมลงหนอนปลอกนำ้ อยู่ในปลอกใบไม้ 7 ตวั ออ่ นแมลงปอ 6 ตวั ออ่ นแมลงปอเขม็ 6 หอยหมวกเจ๊กนำ้ จืด 6 หอยกำบนำ้ จืด 6 หอยเจดีย์ 6 มวนวน 5 มวนกรรเชยี ง 5
ห น ้ า | 24 ช่ือสตั ว์ คะแนน มวนนำ้ อื่นๆ 5 ด้วงนำ้ ตัวเต็มวยั 5 หนอนดว้ งน้ำ 5 หนอนตวั แบน 5 หนอนแมลงวัน (ยกเว้น แมลงวนั ดอกไม้ & รนิ นำ้ จืด) 5 ตัวอ่อนแมลงหนอนปลอกนำ้ ซิโก้ 5 ตัวออ่ นชปี ะขำวว่ำยน้ำ 5 ตัวออ่ นชปี ะขำวกระโปรง 4 กุ้งฝอย 4 ตวั อ่อนแมลงชำ้ งปีกลำย 4 หอยฝำเดยี วอน่ื ๆ 3 หอยกำบเมล็ดถว่ั 3 เหำน้ำ 3 ปูลำ้ ห้วย 3 ปลิง 3 หนอนแมลงวันดอกไม้ 3 หนอนรินนำ้ จดื 2 ไสเ้ ดือนนำ้ 1 คะแนนรวม จา้ นวนประเภทสัตว์ ค่าดชั นคี ุณภาพน้า สรปุ คุณภาพนา้ เปน็ ....................................................................................................................................................
ห น ้ า | 25 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: