คู่มือผ้รู บั บรกิ ารกจิ กรรมการศกึ ษาตามอธั ยาศัย ดา้ นสะเต็มศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ เรื่องไบโอชาร์ “ถ่านชวี ภาพเพื่อการเกษตร” สแกนเพอ่ื อา่ น E-Book ศูนยว์ ทิ ยาศาสตรเ์ พอื่ การศกึ ษาสระแกว้ สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั สานกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร จดั ทาโดย นายอาพร ทองอาจ
ก คำนำ คู่มือผู้รับบริการกิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัยด้านสะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็น เอกสารสาหรับให้ผู้รับบริการปฏิบัติกิจกรรมที่กาหนดไว้ในฐานการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรม ทอ้ งถ่ิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้รบั บริการมีสมรรถนะดา้ นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี บรู ณา การวัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ ได้เรียนร้ใู นองค์ความรแู้ ละทักษะทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สามารถ นามาแก้ปัญหาในชีวิตจริง ผ่านกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมตามแนวทางสะเต็มศึกษา ซึ่งกิจกรรม การศึกษาตามอัธยาศัยด้านสะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น จะเป็นกิจกรรมที่ทดสอบความรู้ความ เข้าใจ และฝึกทักษะประสบการณ์ท่ีจาเป็นในฐานการเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถ่ิน ผ่าน กิจกรรมต่าง ๆ ที่สนุกสนานและท้าทายซ่ึงจะช่วยส่งเสริมให้ผู้รับบริการมีศักยภาพในการเรียนรู้เพิ่มข้ึน โดย กิจกรรมจะประกอบด้วยแบบทดสอบก่อนเรียน การแลกเปล่ียนเรียนรู้ท่ีเกิดจากการทางานร่วมกันในการ รวบรวม ค้นหาข้อมูล สรรหาและเลือกวิธีการแก้ปัญหา วางแผนการทางาน ออกแบบ สร้างและทดสอบ ต้นแบบซ้าแล้วซ้าเล่าจนเกิดองค์ความรู้ที่สามารถแก้ปัญหาในกิจกรรมได้ตามเงื่อนไขและข้อจากัดต่าง ๆ ภายใต้การอานวยความสะดวกของผู้จดั กิจกรรม ทั้งน้ี ผู้รบั บริการจะปฏิบัติกจิ กรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับฐาน การเรียนรู้สะเต็มศึกษาบูรณาการวฒั นธรรมท้องถิ่น และกิจกรรมทกี่ าหนดจะมีเฉลยแนวคาตอบให้ผู้รับบริการ ไดต้ รวจสอบได้ดว้ ยตนเอง และแบบทดสอบหลงั เรียนพร้อมเฉลยคาตอบ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้วหวังว่า คู่มือผู้รับบริการกิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัยด้าน สะเต็มศึกษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถิ่น จะเป็นประโยชน์ต่อผู้รับบริการ เม่ือผู้รับบริการได้เรียนรู้จากคู่มือ ดังกล่าว พร้อมได้ทดสอบและปฏิบัติกิจกรรมตามคาแนะนาในเอกสารอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ผู้รับบริการ จะประสบความสาเร็จในการเรยี นรู้และปฏบิ ัติกจิ กรรมจากฐานการเรยี นรไู้ ด้อย่างมคี ณุ ภาพ (นางยวุ ดี แจ้งกร) ผู้อานวยการศนู ย์วทิ ยาศาสตรเ์ พ่อื การศึกษาสระแก้ว พฤษภาคม 2562
สำรบัญ ข คำนำ หน้ำ สำรบัญ ฐำนกำรเรยี นรู้ เรื่อง ไบโอชำร์ “ถ่ำนชวี ภำพเพอื่ กำรเกษตร” ก ข กจิ กรรมกำรเรยี นรทู้ ี่ 7 เรือ่ ง ไบโอชำร์ “ถำ่ นชีวภำพเพ่อื กำรเกษตร” 1 กิจกรรมการทดสอบก่อนเรียน เร่อื ง ไบโอชาร์ “ถา่ นชวี ภาพเพื่อการเกษตร” 2 กจิ กรรมการแลกเปลี่ยนเร่ืองรู้ เร่ือง ไบโอชาร์ “ถา่ นชีวภาพเพ่อื การเกษตร” 5 กิจกรรมการใหค้ วามรู้ เร่อื ง ไบโอชาร์ “ถ่านชวี ภาพเพื่อการเกษตร” 7 กิจกรรมการเรยี นรู้การทาไบโอชาร์ “ถา่ นชวี ภาพเพอื่ การเกษตร” 7 กจิ กรรมการออกแบบและปฏิบตั กิ ารทาไบโอชาร์ “ถ่านชีวภาพเพื่อการเกษตร” 16 โดยบรู ณาการสะเต็มศึกษาและวฒั นธรรมท้องถ่ิน 17 กจิ กรรมการนาสงิ่ ท่ีไดเ้ รยี นรไู้ ปปฏบิ ตั แิ ละประยกุ ตใ์ ช้ 21 กิจกรรมการทดสอบหลังเรียน เรื่อง ไบโอชาร์ “ถ่านชวี ภาพเพ่อื การเกษตร” 21 กิจกรรมการประเมินความพึงพอใจของผ้รู ับบรกิ าร 24 เรอื่ ง ไบโอชาร์ “ถ่านชวี ภาพเพ่อื การเกษตร” 25 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 25 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน
หน้า |1 ฐานการเรียนรู้ เรื่อง ไบโอชาร์ “ถ่านชีวภาพเพอื่ การเกษตร”
หน้า |2 กจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง ไบโอชาร์ “ถ่านชีวภาพเพือ่ การเกษตร” แนวคิด การกาจัดหรือทาลายชีวมวล เช่น ใบไมแ้ หง้ ฟางข้าว เศษกิ่งไม้ จะใชว้ ิธกี ารเผา ทาใหเ้ กิดควันกลายเปน็ มลพิษทางอากาศ เกดิ สภาวะโลกร้อน และสิง่ ท่ีได้คือขี้เถ้า ซ่งึ ไมส่ ามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ได้ แตเ่ ม่ือนาการบรู ณา การความรูใ้ น 4 วิชาได้แก่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วศิ วกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ท่ีเรยี กวา่ สะเต็มศึกษามา ประยุกต์ใช้ โดยเน้นการนาความรู้ไปใช้แก้ปญั หาหรือใชป้ ระโยชน์ในชีวติ จริง จะพบวา่ มีการนาเทคโนโลยีมาใช้ คือ การเผาโดยใชเ้ ตาไบโอชาร์ (Biochar) ทาให้ได้ถ่านไบโอชาร์ (Biochar) เปน็ คาร์บอนท่ีมีความบรสิ ุทธสิ์ ูง ไดจ้ าก กระบวนการแยกสลายด้วยความรอ้ น เฉลยี่ 500-700 องศาเซลเซียส โดยไม่ใช้ออกซิเจน (Pyrolysis) คุณสมบตั ิ ของถา่ นไบโอชาร์ คือมีรูพรุนเป็นจานวนมากเปน็ ที่อยู่อาศยั ของจุลนิ ทรยี ์ เมื่อใสล่ งไปในดินจะชว่ ยในการระบาย อากาศ ทาหนา้ ท่ีดดู ยดึ ธาตอุ าหารมากักเกบ็ ไว้ แลว้ คอ่ ยๆ ปลอ่ ยธาตอุ าหารให้แก่พืช ลดความเป็นกรดของดิน จึง ทาให้พืชทป่ี ลูกโดยมีถ่านไบโอชาร์เปน็ ส่วนผสม จะมีการเจริญเติบโตเรว็ กว่าการเพาะปลกู พชื โดยท่วั ไป วตั ถปุ ระสงค์ 1. อธบิ ายการผลติ ไบโอชารโ์ ดยการบรู ณาการสะเต็มศึกษา 2. ออกแบบและปฏิบตั ิการผลิตไบโอชาร์โดยการบรู ณาการสะเตม็ ศึกษา 3. เหน็ ความสาคญั ของการประยกุ ต์ใช้ไบโอชาร์เพ่ือการเกษตรและส่งิ แวดล้อม เนือ้ หา 1. การผลติ ไบโอชารโ์ ดยการบูรณาการสะเต็มศึกษา 1.1 ปญั หาการเกษตรและสง่ิ แวดล้อมของเกษตรกร 1.2 ความหมาย ความสาคญั และประเภทของชวี มวล 1.3 กระบวนการแยกสลายด้วยความร้อน (Pirolysis) 1.4 ความหมาย ความสาคญั และประโยชน์ของไบโอชาร์ 1.5 สว่ นประกอบเตาเผาไบโอชาร์ 1.6 การผลติ ไบโอชาร์ 2. การออกแบบและปฏิบตั ิการผลิตไบโอชาร์โดยการบูรณาการสะเต็มศึกษา 2.1 การออกแบบเชงิ วิศวกรรมการผลติ ไบโอชาร์โดยการบูรณาการสะเตม็ ศึกษา 2.1.1 การระบุปัญหา 2.1.2 การค้นหาแนวคดิ ท่ีเกี่ยวข้อง 2.1.3 การวางแผนและพฒั นา 2.1.4 การทดสอบและการประเมินผล
หน้า |3 2.1.5 การนาเสนอผลลัพธ์ 2.2 การปฏบิ ตั กิ ารผลติ ไบโอชาร์โดยการบรู ณาการสะเตม็ ศึกษาตามการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม
ความเช่ือมโยงสะเต็มศึกษากบั การบูรณาการวฒั นธรรมท้องถ่นิ S : Science T : Technology E : Engin วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม ความรู้ ประโยชน์ท่ไี ดร้ บั กระบวนก 1. กา๊ ซ 1. แปลงฟางข้าว ออกแบบ 2. การถา่ ยเท ใบไม้ กิ่งไม้เป็นแก๊ส 1. การระบ ความร้อน หงุ ตม้ และถา่ นไบ 2. การค้นห 3. กระบวนการ โอชาร์ปรับปรงุ ดนิ ท่เี กย่ี วข้อง แยกสลายดว้ ย แทนการเผาทิ้ง 3. การวาง ความร้อน 2. ลดมลพิษทาง การพัฒนา (Pyrolysis) อากาศและภาวะ 4. การทดส 4. กรด - เบส โลกร้อน การประเม 3. ลดการใช้ป๋ยุ เคมี 5. การนาเ ผลลพั ธ์ แผนผงั ความเชอ่ื มโยงสะเต็มศึกษากับการบูรณาการวฒั นธรรม
หน้า |4 นที่สอดคล้องกบั เน้อื หา “ไบโอชาร์ ถ่านชีวภาพเพอ่ื การเกษตร\" neering M : Mathematics C : Culture มศาสตร์ คณิตศาสตร์ วัฒนธรรม ท้องถ่นิ การ ความรู้ ตน้ กาเนิด บการผลติ 1. การชัง่ ปรมิ าณของ ภมู ปิ ญั ญาการเผา บปุ ัญหา ถ่านไบโอชาร์ท่จี ะ ชวี มวล เช่น ใบไม้ หาแนวคดิ ผสม กง่ิ ไม้ แกลบ แล้ว ง 2. การวดั อุณหภูมิ นาขเ้ี ถา้ หรือผง งแผนและ ขณะการเผา ถ่านทีไ่ ดไ้ ปผสม า ดนิ ปลูกเพ่ือเพ่ิม สอบและ ความรว่ นซยุ และ มินผล ธาตุอาหารในดิน เสนอ เพ่ือใหด้ ินอุ้มนา้ ได้ ดี มทอ้ งถน่ิ ท่สี อดคล้องกับเน้ือหา “ไบโอชาร์ ถ่านชีวภาพเพ่ือการเกษตร”
หน้า |5 ข้ันตอนการปฏบิ ตั ิกิจกรรมของผ้รู ับบริการ กิจกรรมการทดสอบก่อนเรยี น ใหผ้ ู้รับบริการทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นเรื่อง ไบโอชาร์ “ถา่ นชวี ภาพเพ่อื การเกษตร” ซึ่งข้อสอบท้งั หมด จานวน 10 ข้อ (เม่ือผรู้ ับบริการทาแบบทดสอบเสร็จเรยี บร้อยแล้ว ผรู้ ับรกิ ารสามารถตรวจคาตอบได้ตามเฉลยคาตอบทา้ ย กิจกรรม) แบบทดสอบกอ่ นเรยี น คาชี้แจง เรอ่ื ง ไบโอชาร์ “ถ่านชีวภาพเพ่ือการเกษตร” คะแนนทไ่ี ด้..........คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน 1. ให้ผู้รับบริการกาเคร่ืองหมาย x (กากบาท) หน้าข้อที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว 2. แบบทดสอบนี้มีข้อสอบจานวน 10 ข้อๆ ละ 1 คะแนน 3. เมือ่ ผ้รู บั บริการทาแบบทดสอบเสร็จเรียบรอ้ ยแลว้ ผรู้ ับรกิ ารสามารถตรวจคาตอบไดต้ ามเฉลยคาตอบ ท้ายกจิ กรรม 1. ขอ้ ใดหมายถึง ชวี มวล ก. แกลบ ข. กล่องนม ค. ถงุ พลาสตกิ ง. ถ่านไฟฉาย 2. การเผาไหมช้ วี มวลทาใหเ้ กิดก๊าซอะไรลอยขึน้ สู่ชน้ั บรรยากาศ ก. กา๊ ซออกซิเจน ข. กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ ค. ก๊าซไนโตรเจน ง. ก๊าซซลั เฟอรไ์ ดออกไซด์ 3. กา๊ ซท่ีมนุษยใ์ ช้สาหรบั หายใจคือก๊าซอะไร ก. ก๊าซออกซิเจน ข. ก๊าซไนโตรเจน ค. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ง. กา๊ ซมีเทน 4. ผลผลิตของการไพโรไลซสิ จะประกอบด้วยอะไรบา้ ง ก. กา๊ ซออกซเิ จน ข. กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ ค. ก๊าซไนโตรเจน ง. ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส
หน้า |6 5. การแยกสลายดว้ ยความร้อนต้องใชค้ วามร้อนก่ีองศา ก. 500 – 700 องศา ข. 400 – 500 องศา ค. 200 – 300 องศา ง. 200 – 500 องศา 6. การทาให้ชีวมวลได้รับความร้อนแบบไม่ไดเ้ ผาโดยตรง แล้วเปลีย่ นไปเป็นถ่านไบโอชาร์เรียกวา่ อะไร ก. การแช่ความรอ้ น ข. การถ่ายเทความรอ้ น ค. การให้ความร้อน ง. ผิดทุกข้อ 7. ถา่ นไบโอชารม์ ีคณุ สมบตั ิเป็นอะไร ก. เบส ข. กรด ค. ดา่ ง ง. กลาง 8. รพู รุนของถ่านไบโอชารม์ ีประโยชน์อยา่ งไร ก. สาหรบั เกบ็ น้าและเปน็ ท่อี ยูข่ องจุลนิ ทรยี ์ ข. เปน็ ท่อี ยู่ของไส้เดอื น ค. เป็นทอ่ี ยูข่ องรากพืช ง. ถกู ทกุ ขอ้ 9. ข้อใดคือประโยชน์ของถ่านไบโอชาร์ ก. ใชป้ ระกอบอาหาร ข. เป็นสว่ นผสมของเคร่ืองสาอาง ค. ใช้ปรบั ปรงุ บารุงดนิ ง. ใช้ผสมกาแฟดา 10. ขอ้ ใดคือดนิ มปี ัญหายาแย่อย่างหนกั ก. มธี าตอุ าหารตา่ ข. มีความแข็งมาก ค. การดดู ซมึ นา้ ไม่ด/ี กักเก็บน้าไดน้ ้อย ง. ถูกทุกขอ้
หน้า |7 กจิ กรรมการแลกเปลย่ี นเรียนรูเ้ รื่อง ไบโอชาร์ “ถา่ นชวี ภาพเพ่อื การเกษตร” คาชี้แจง 1. ให้ผูร้ บั บรกิ ารตอบคาถาม จานวน 4 ประเด็น ดงั น้ี ประเดน็ ที่ 1 “ทา่ นคิดว่า ปัญหาการเกษตรกับสงิ่ แวดล้อม มีเรอื่ งอะไรบ้าง อธิบายพอสังเขป” …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ประเด็นท่ี 2 “ทา่ นคิดว่า ชีวมวล คืออะไร และมีอะไรบ้าง อธิบายพอสงั เขป” ............................................................................................................................. .................................. ประเด็นที่ 3 “ทา่ น รจู้ ักไบโอชาร์ หรือไม”่ …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ประเด็นท่ี 4 “ท่านคดิ ว่า ไบโอชาร์คอื อะไร มปี ระโยชน์อย่างไร สามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ อยา่ งไร อธิบายพอสังเขป” …………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ผจู้ ัดกิจกรรมและผรู้ ับบริการสรุปผลการเรียนรู้กจิ กรรมการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้เร่ือง ไบโอชาร์ “ถ่านชีวภาพเพื่อการเกษตร” รว่ มกนั กจิ กรรมการให้ความร้เู รอื่ ง ไบโอชาร์ “ถา่ นชีวภาพเพ่ือการเกษตร” คาชแี้ จง 1. ใหผ้ ู้รับบริการศกึ ษาใบความรู้เรื่อง ไบโอชาร์ “ถา่ นชีวภาพเพ่ือการเกษตร” 2. ผูจ้ ัดกิจกรรมและผู้รบั บริการสรปุ ผลการเรียนรู้กจิ กรรมการให้ความรเู้ ร่ือง ไบโอชาร์ “ถ่านชวี ภาพ เพ่ือการเกษตร”รว่ มกัน ใบความรู้ เรอื่ ง ไบโอชาร์ “ถ่านชีวภาพเพ่ือการเกษตร” ปญั หาการเกษตรและส่งิ แวดลอ้ มของเกษตรกร กา๊ ซ อากาศ เป็นหนึง่ ในปัจจยั สาคัญที่คนเราไม่อาจขาดได้ ซึ่งในอากาศทีห่ ายใจทกุ วัน มที ้ังฝนุ่ ละออง กา๊ ซ ต่างๆ ท่ีปลดปลอ่ ยจากยวดยานพาหนะ ปล่องโรงงานอตุ สาหกรรมการกอ่ สร้าง รวมถงึ การเผาตอซัง ฟางข้าวและ วสั ดทุ างการเกษตร จะมผี ลกระทบต่อสขุ ภาพของประชาชน โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ในชุมชนเมอื งใหญท่ ่แี ออัดไปด้วย ผู้คน โดยแหลง่ กาเนดิ ในแตล่ ะพ้ืนที่จะแตกต่างกันไป โดยเขตเมืองจะมแี หล่งกาเนดิ จากยานพาหนะ พื้นที่ชนบท หรอื ชุมชนในต่างจังหวัดจะมีปญั หาฝุ่นละอองจากการเผาในที่โล่งทัง้ จากพืน้ ทกี่ ารเกษตร การเผาขยะในชมุ ชน และไฟปา่ การเผาตอซัง ฟางข้าวและเศษวสั ดุทางการเกษตร เปน็ แหล่งกาเนิดของมลพิษทางอากาศหลกั แหลง่ หนง่ึ ทก่ี ่อให้เกดิ สารมลพษิ ทางอากาศ และทาลายสง่ิ แวดล้อม ได้แก่ ทาใหเ้ กดิ ก๊าซตา่ งๆ ที่เกิดจากการเผาไหม้
หน้า |8 เชน่ ก๊าซคารบ์ อนมอนอกไซด์ กา๊ ซไนโตรเจนไดออกไซด์ สารอินทรีย์ระเหย รวมท้ัง ฝ่นุ ละออง ควัน เถ้า เขมา่ ซง่ึ ลว้ นแต่มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามยั ของมนุษย์ ก่อใหเ้ กดิ ความเดอื ดร้อนราคาญและเป็นสาเหตขุ องการเกิด อบุ ตั ิเหตุ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การเผาหญ้าหรือขยะริมทางจราจรจะเป็นสาเหตุของอบุ ตั ิเหตุบนท้องถนน ทาให้ สูญเสยี ชวี ติ และทรัพยส์ ิน นอกจากน้ีการเผาตอซงั และฟางข้าวเปน็ สาเหตหุ นึ่งทที่ าให้เกิดไฟปา่ เผาไหม้แหล่ง ทรพั ยากรธรรมชาติในพ้นื ที่กว้าง ผลกระทบของกา๊ ซมลพิษ 1. คารบ์ อนมอนอกไซด์ เป็นกา๊ ซท่ีเกดิ ขึ้นจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของสารประกอบคาร์บอน เปน็ กา๊ ซที่ไม่มสี ีรสและกลิ่นเบากว่าอากาศท่วั ไป เม่ือหายใจเข้าไปก๊าซน้ีจะรวมตัวฮโี มโกลบิน (haemoglobin) ใน เมด็ เลอื ดแดงได้มากกว่าออกซิเจนถงึ 200-250 เทา่ เกิดเป็นคาร์บอกซฮี ีโมโกลบนิ (Carboxyhemoglobin) ทา ใหเ้ ม็ดเลือดแดงไม่สามารถรบั O 2 ได้ตามปกตริ ่างกายได้รบั O 2 นอ้ ยลงและหัวใจตอ้ งสบู ฉีดโลหติ มาก ขนึ้ เพ่ือทาให้โลหิตผา่ นปอดมากข้ึน จะไดม้ ีการรบั O 2 ให้มากขึน้ หวั ใจและปอดจะต้องทางานหนักข้ึน อาการ ทว่ั ไปเม่ือร่างกายไดร้ ับ CO คอื วงิ เวียนศรี ษะหายใจอดึ อัด คลื่นไสอ้ าเจยี น ปวดศรี ษะมนึ งง หากรา่ งกายไดร้ บั คาร์บอนไดออกไซด์มากอาจช็อกหมดสติหรือตายได้ 2. กา๊ ซออกไซด์ของไนโตรเจน ออกไซด์ของไนโตรเจนประกอบด้วยไนตรสั ออกไซด์ ( N 2O) ไนตรกิ ออก ไซด์ (NO) ไดไนโตรเจน ไตรออกไซด์ ( N 2O 3) ไนโตรเจนไดออกไซด(์ N 2O) ไดไนโตรเจนเตตราออกไซด(์ N 2O 4) และไดไนโตรเจนเพนตะออกไซด์ ( N 2O 5) โดยทั่วไปก๊าซที่ทาใหเ้ กิดมลพิษทางอากาศ คือ ก๊าซไนตรกิ อ อกไซด์ (NO) และกา๊ ซไนโตรเจนไดออกไซด์ ( NO 2) 3. กา๊ ซไนตริกออกไซด์ (NO) เปน็ กา๊ ซเฉ่ือยมคี ุณสมบตั เิ ป็นยาสลบ เป็นก๊าซไม่มสี ีและกล่ิน ใน ธรรมชาติท่ัวไปพบในปริมาณน้อยกว่า 0.5 ppm. ละลายน้าได้เล็กน้อย ส่วนไนโตรเจนไดออกไซด์ ( NO 2) เป็น ก๊าซสีน้าตาล ถ้ามจี านวนมากจะมองเหน็ กา๊ ซทงั้ สองชนิดจะเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ ได้แก่ ฟ้าผ่า ฟา้ แลบ ภูเขาไฟระเบดิ หรอื อาจเกดิ จากกลไกของจลุ นิ ทรีย์ และนอกจากนี้อาจเกิดจากมนุษย์ เชน่ อุตสาหกรรม ผลิตกรดไนตรกิ และกรดกามะถนั และโรงงานผลิตวัตถรุ ะเบิด และการเผาไหม้เของเคร่ืองยนต์ เปน็ ตน้ ก๊าซไน ตรกิ ออกไซดท์ าปฏกิ ิริยากับโอโซนในบรรยากาศจะเกิดเป็นไนโตเจนไดออกไซด์และออกซิเจน ในทางตรงกนั ขา้ ม เม่ือมีแสงแดดจะทาให้ไนโตรเจนออกไซด์เกิดปฏกิ ริ ิยาผนั กลับ โดยทัว่ ไป ก๊าซ NO 2 ไม่เป็นอนั ตรายต่อรา่ งกาย เกิดอันตราย แต่ NO 2 จะรวมตัวกบั นา้ ในอากาศเป็น H NO 3 (กรดไนตริก) ซงึ่ มฤี ทธ์กิ ัดกรอ่ 4. ซัลเฟอรอ์ อกไซด์ (SO x ) ออกไซด์ซลั เฟอรป์ ระกอบด้วย SO 2 และ SO 3 โดยทัว่ ไปมัก เขียนแทนซัลเฟอร์ออกไซด์ ด้วย SO x ซลั เฟอร์ไดออกไซด์ ( SO 2) เป็นก๊าซไม่มีสี ไม่ตดิ ไฟ มีกลน่ิ แสบ จมูก ละลายไดด้ ีในนา้ โดยจะเปล่ียนเป็นกรดซลั ฟูรกิ ในธรรมชาตทิ ว่ั ไปจะมีปริมาณน้อยในบรรยากาศ คอื 0.02 - 0.1 ppm. แต่ถา้ พบในปรมิ าณสูงแล้วส่วนมากจะเกดิ จากการเผาไหม้ โดยใชเ้ ช้อื เพลิงหรือวัสดุท่ีมี กามะถันเปน็ ส่วนประกอบปฏิกิรยิ าการเกิดซลั เฟอร์ไดออกไซด์ ( SO 2)
หน้า |9 ถา้ SO 2 ทาปฏกิ รยิ ากบั O 2 ในอากาศจะได้ SO 3 ย่งิ ถ้าในบรรยากาศมีตวั เรง่ ปฏิกริ ิยา เชน่ มังกานีส เหลก็ หรือกลุ่ม metallic oxide จะทา ใหป้ ฏกิ ริยาเร็วขน้ึ ถา้ ในบรรยากาศ มลี ะอองนา้ หรอื ความชน้ื สงู SO 2 จะเกิดการรวมตัวเปน็ ฝนกรด (acid rain) ซ่งึ จะสง่ ผล กระทบต่อระบบนเิ วศ ป่าไม้ แหล่งนา้ สง่ิ มีชีวิตและมีฤทธ์ิกัดกร่อนอาคาร ปรากฏการณเ์ รอื นกระจก ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse effect) คอื ปรากฏการณ์ทีโ่ ลกมอี ณุ หภูมสิ ูงขึน้ เน่อื งจาก พลงั งานแสงอาทิตย์ ในชว่ งความยาวคลื่นอินฟราเรดท่ีสะทอ้ นกลับถูกดดู กลืน โดยโมเลกุลของไอ น้า คารบ์ อนไดออกไซด์ C 2O มเี ทน (CH 4) ไนตรัสออกไซด์ ( N 2O) และ CFCs ในบรรยากาศทาให้โมเลกลุ เหล่าน้ีมพี ลังงานสงู ขนึ้ มกี ารถ่ายเทพลังงานซึ่งกนั และกนั ทาให้อุณหภมู ใิ นช้นั บรรยากาศสงู ขึน้ การถา่ ยเทพลงั งาน และความยาวคลื่นของโมเลกุลเหลา่ น้ตี ่อๆ กันไป ในบรรยากาศทาใหโ้ มเลกุลเกดิ การสน่ั การเคลื่อนไหวตลอดเวลา และมาชนถูกผวิ หนังของเราทาให้เรารสู้ กึ ร้อน ดงั ภาพ เรือนกระจก ในประเทศในเขตหนาวมีการเพาะปลูกพชื โดยอาศยั การควบคุมอุณหภูมคิ วามร้อนโดยใช้หลักการท่ีพลงั งาน ความรอ้ นจากแสงอาทติ ย์ส่องผ่านกระจก แตค่ วามร้อนท่ีอยภู่ ายในเรอื นกระจกไม่สามารถสะท้อนกลบั ออกมาทา ใหอ้ ณุ หภมุ ิภายในสูงข้ึนเหมาะแก่การเพาะปลูกของพืช จึงมกี ารเปรียบเทียบปรากฏการณ์ทีอ่ ุณหภมู ขิ องโลกสูงขน้ึ นี้ว่าภาวะเรอื นกระจก (Greenhouse effect) ดังภาพ
ห น ้ า | 10 กา๊ ซที่มีบทบาทในการทาให้เกิดปรากฏการณ์โลกมีอุณหภูมิสงู ขน้ึ - กา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ ( CO 2) เปน็ ก๊าซท่สี ะสมพลังงานความร้อนในบรรยากาศโลกไว้มากที่สุด และมผี ล ทาให้อุณหภูมิของโลกสูงขนึ้ มากทสี่ ดุ ในบรรดาก๊าซเรือนกระจกชนดิ อนื่ ๆ CO 2 สว่ นมากเกิดจากการกระทา ของมนุษย์ เชน่ - การเผาไหม้เชอื้ เพลงิ - การผลิตซีเมนต์ - การเผาไม้ทาลายป่า - ก๊าซมีเทน ( CH 4) เป็นก๊าซทเี่ กิดข้นึ เองตามธรรมชาติ จากมลู สตั วเ์ ล้ยี ง เช่น ววั ควาย การเผาไหม้ เชอ้ื เพลงิ ถ่านหนิ และกา๊ ซธรรมชาติ - กา๊ ซไนตรัสออกไซด์ ( N 2O) เกิดข้นึ เองตามธรรมชาติ การใช้ปุ๋ย มูลสตั ว์ทย่ี อ่ ยสลาย การสนั ดาปของน้ามัน เชอื้ เพลิงจากอุตสาหกรรมท่ีใชก้ รดไนตรกิ ในขบวนการผลิต เช่น อตุ สาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมพลาสติกบาง ชนดิ อุตสาหกรรมผลิตเส้นใยไนลอน - คลอโรฟลโู อโรคารบ์ อน (Chlorofluorocarbon-CFCs) เป็นสารสงั เคราะห์ท่ีใช้ในอตุ สาหกรรม ประกอบดว้ ย คาร์บอน (C) คลอรีน (Cl) และฟลอู อรนี (F) ซ่งึ เปน็ สารท่ที าลายชั้นบรรยากาศโอโซนเปน็ สาเหตุ ทาให้อุณหภูมิโลกสูงข้ึน รงั สีเหนอื ม่วงชนดิ B หรอื Ultraviolet B ส่งมายงั ผวิ โลกมากขึน้ ซง่ึ สว่ นใหญ่ใช้ใน อตุ สาหกรรมต่างๆ เชน่ เครอ่ื งทาความเย็นในต้เู ย็น เคร่อื งปรบั อากาศ โฟม กระปอ๋ งสเปรย์ สารดบั เพลิง สาร ชะล้าง ในอตุ สาหกรรมอิเล็คทรอนิคส์ ในปัจจุบนั มกี ารตระหนักถึงความสาคญั ของชน้ั โอโซนมากขึ้นและพบว่า สาเหตหุ ลักของปัญหาชัน้ โอโซน ถูกทาลายนั้นมาจากสารกลุ่ม CFCs เปน็ หลัก นอกจากน้ยี ังเกี่ยวข้องกับสารเคมีในกลุ่มแฮโลคารบ์ อน ซ่ึง ประกอบด้วยอะตอมของคลอรีน ฟลอู อรีน โบรมีน คารบ์ อน และไฮโดรเจน
ห น ้ า | 11 ภาพแสดงการถูกทาลายของชั้นโอโซนจากสารกลมุ่ CFCs จากการสารวจโอโซนท่ีบรเิ วณข้ัวโลกใต้ ในปี พ. ศ. 2528 พบหลุมโอโซนท่ีขวั้ โลก ใต้ (Antartic ozone hole) ซ่งึ การถูกทาลายนีจ้ ะเกีย่ วข้องกับสารคลอรีนเสมอ ทาใหป้ ระเทศในกลมุ่ ซีกโลก ตะวนั ตกและองคก์ ารสงิ่ แวดล้อมแห่งสหประชาชาตมิ ีมาตรการดาเนินการเพ่ือปอ้ งกันและมีข้อกาหนดตา่ งๆ ขนึ้ ความหมาย ความสาคญั และประเภทของชีวมวล ชวี มวล (Biomass) คือ สารอนิ ทรยี ท์ เ่ี ป็นแหล่งกักเก็บพลังงานจากธรรมชาติและสามารถนามาใชผ้ ลติ พลังงานได้ สารอินทรยี ์เหลา่ นไ้ี ด้มาจากพืชและสตั วต์ ่างๆ เช่น เศษไม้ ขยะ วสั ดเุ หลอื ใช้ทางการเกษตร การใช้งาน ชวี มวลเพอ่ื ทาให้ไดพ้ ลงั งานอาจจะทาโดยนามาเผาไหมเ้ พื่อนาพลงั งานความร้อนท่ีได้ไปใชใ้ นกระบวนการผลิต ไฟฟา้ ทดแทนพลงั งานจากฟอสซลิ (เชน่ นา้ มนั ) ซ่ึงมีอยู่อย่างจากดั และอาจหมดลงได้ ชีวมวลเลา่ น้ีมแี หล่งทม่ี าต่าง ๆ กนั อาทิ พืชผลทางการเกษตร (agricultural crops) เศษวัสดเุ หลอื ทิง้ การเกษตร (agricultural residues) ไม้ และเศษไม้ (wood and wood residues) หรือของเหลือจากจากอุตสาหกรรมและชุมชน ประเภทของชวี มวล ประเภทของชวี มวลแบง่ ออกเป็น 6 ประเภทจากแหล่งกาเนิดของชีวมวลนั้น ๆ (Hoogwijk et al., 2003 และ นคร, 2553) ซง่ึ ไดแ้ ก่ 1. ชีวมวลทเี่ กิดจากการเพาะปลกู ซึง่ ชวี มวลประเภทน้มี กี ารปลกู ข้นึ มาแลว้ เหลือจากใชใ้ นจดุ ประสงค์ หลกั ของการปลูก เช่น ปลกู เพ่ือเปน็ อาหารแกค่ นหรือสัตว์ หรือปลูกขึน้ มาเพ่ือใช้เปน็ เชื้อเพลงิ ชวี มวลโดยตรง ชีว มวลประเภทนี้ เชน่ ปาลม์ น้ามนั , ขา้ วโพด, ถ่วั เหลอื ง และ มันสาปะหลัง เปน็ ตน้ 2. ชีวมวลทเ่ี กิดข้นึ หลังการเกิดไฟไหมป้ า่ ชวี มวลชนดิ นจี้ ะเกิดขนึ้ หลังมีการเกิดไฟไหม้ป่าท่ีเกิดขนึ้ เองตาม ธรรมชาติเป็นประจา โดยชีวมวลประเภทนสี้ ว่ นใหญเ่ ปน็ พวกเศษกง่ิ ไม้ และลาต้น ของต้นไม้ทห่ี ลงเหลือจากไฟ ไหมป้ า่ 3. ชวี มวลทเ่ี กิดขน้ึ จากของเสียทางการเกษตร ชวี มวลประเภทนี้จะเกดิ ขึน้ ระหวา่ งการเก็บเกย่ี วและการ แปรรูปพชื ผลทางการเกษตร เช่น แกลบ, ฟางข้าว, กะลาปาล์มและ กาบ
ห น ้ า | 12 4. ชวี มวลท่ีเกิดขน้ึ ในปา่ และอุตสาหกรรมป่าไม้ ชวี มวลประเภทนสี้ ามารถหาได้ในป่า เช่น เศษใบไม้ กงิ่ ไม้ ทีห่ ักจากต้นไม้ ตน้ ไม้ที่ตายไปแล้ว หรอื แม้กระทั้งของเสียทีเ่ กิดจากอตุ สาหกรรมการแปรรูปไม้ เช่น ขีเ้ ลือ้ ย และ ปกี ไม้เป็นต้น 5. ชีวมวลจากมลู สตั ว์ ชวี มวลประเภทนเี้ ปน็ ส่ิงปฏกิ ลู ทเ่ี กิดจากการขับถ่ายของสัตว์ เช่น มูลวัว มลู แพะ มลู ไก่ เป็นตน้ ซง่ึ ชีวมวลเหล่านีจ้ ะมคี วามช้นื ที่สงู มาก 6. ชีวมวลจากขยะชุนชน ชีวมวลประเภทนค้ี ือขยะท่ีเราทิ้งกันทกุ ๆ วัน ซึง่ สามารถเรยี กอีกช่ือหน่ึงว่า ขยะชุมชน (Municipal Solid Waste) กระบวนการแยกสลายดว้ ยความรอ้ น (Pirolysis) ไพโรไลซสิ (Pyrolysis) ไพโรไลซีส (Pyrolysis) คอื กระบวนการกลั่นสลาย (Destructive distillation) ในท่ีทไี่ ม่มอี อกซเิ จน ผลผลติ ของการไพโรไลซิสจะประกอบดว้ ย ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส โดยของแข็งท่ีได้กค็ อื คารบ์ อน ของเหลวก็ คอื เอท็ ทีลีน และแกส๊ คือ มเี ทน ท้ังหมดจะเป็นเช้อื เพลงิ ที่สามารถนาไปใชไ้ ดต้ ่อไป กระบวนการไพโรไลซสิ ที่ แทจ้ รงิ จะต้องป้อนความร้อนให้สารอินทรยี ห์ รอื สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนที่ป้อนเขา้ สูร่ ะบบท่ีไม่มีแก๊สออกซเิ จน การประยุกต์ใชก้ ระบวนการไพโรไลซิสก็คือ กระบวนการแก๊สซฟิ เิ คชนั (Gasification) ซงึ่ เป็นการป้อนออกซิเจน จานวนจากัดเข้าสรู่ ะบบ ออกซิเจนทีป่ อ้ นเขา้ อาจเปน็ ออกซิเจนบริสทุ ธิ์หรอื อากาศ กระบวนการเตมิ ออกซิเจนจะ ชว่ ยใหร้ ะบบสามารถผลติ ความร้อนไดพ้ อท่จี ะทาให้ระบบเดนิ ได้ด้วยตัวเองอย่างต่อเน่ือง เนือ่ งจากปฏิกิริยาในการ เตมิ ออกซเิ จนจะเปน็ ปฏกิ ริ ิยาคายความร้อน สว่ นปฏิกิริยาในการลดออกซิเจนจะเป็นปฏิกริ ิยารับความร้อน ซึ่งจะ ข้นึ อยูก่ ับปรมิ าณความร้อนหรือออกซิเจนทปี่ ้อนเข้า ตัวแปรสาคญั 2 ตัวในระบบ ไพโรไลซิสคืออุณหภมู ขิ องการ ไพโรไลซ์ และอัตราความเร็วในการทาใหเ้ ชื้อเพลิงมีอุณหภมู ถิ ึงระดับไพโรไลซ์ที่ต้องการ การเลอื กของตัวแปรด้าน ระดบั อุณหภมู ิและอตั ราความเรว็ ของการใหค้ วามร้อนจะเป็นตวั กาหนดลกั ษณะผลผลิตที่ได้ ระบบไพโรไลซิสท่ีใช้ อุณหภูมสิ ูงและอัตราการเพมิ่ อณุ หภมู ชิ ้า ผลผลติ ท่ีได้สว่ นใหญ่จะเป็นแก๊ส สว่ นระบบทีใ่ ช้อณุ หภูมิตา่ และการเพ่ิม อณุ หภูมิชา้ ผลผลติ ท่ไี ด้สว่ นใหญ่จะเป็นของแข็ง (ถ่าน) เทคนิคในการควบคุมอุณหภมู ขิ องระบบทาได้ไม่ยาก แต่ เทคนคิ ในการ8 ควบคมุ อัตราความเร็วในการให้ความร้อนยังถือว่าเปน็ เรื่องที่ทาได้ค่อนขา้ งยาก ไพโรไลซสิ (และ แก๊สซฟิ ิเคชนั ) มขี ้อดีในการกาจดั ขยะมูลฝอยทางทฤษฎหี ลายประการ โดยเฉพาะมผี ลดีทางส่ิงแวดล้อมมาก เนอื่ งจาก เกดิ มลพิษน้อย และผลผลติ ได้เปน็ เชอื้ เพลิงทใี่ ช้ประโยชนไ์ ด้หลายชนดิ ด้วยเหตุนีจ้ ึงดูเหมือนวา่ การ ประยกุ ต์ใชร้ ะบบไพโรไลซิสกับขยะมลู ฝอยแหง้ นา่ จะเป็นวิธกี ารทเี่ หมาะสมมาก การสร้างเครื่องจักรท่ีมีระบบ รว่ มกนั ทัง้ ไพโรไลซสิ และแก๊ส-ซิฟเิ คช่นั จะช่วยใหร้ ะบบมคี วามเสถียรมากข้ึน และยังเป็นการใช้พลงั งานหมนุ เวยี น ในตวั เองโดยไมต่ อ้ งพึ่งพลงั งานจากภายนอกอีกด้วย โดยสรปุ กระบวนไพโรไลซีสมีจดุ ดหี ลายประการ โดยเฉพาะ อย่างยิง่ กระบวนการแก๊สซิฟเิ คชนั สามารถผลติ ก๊าซเช้ือเพลิงที่มีคุณคา่ และมูลค่าสงู ขอ้ ได้เปรยี บของระบบแก๊สซฟิ ิ เค-ชัน คือระบบสามารถสนองขอ้ กาหนดด้านอากาศเสยี ของการเผาขยะ ตลอดจนมาตรฐานเร่ืองไดอ๊อกซินไดเ้ ปน็ อย่างดี
ห น ้ า | 13 ความหมาย ความสาคญั และประโยชน์ของไบโอชาร์ ไบโอชาร์ (Biochar) คอื วสั ดุท่ีอดุ มดว้ ยคารบ์ อน ผลิตจากการใหค้ วามร้อนมวลชีวภาพ (biomass) โดย ไม่ใชอ้ อกซเิ จนหรอื ใช้น้อยมาก เรียกกระบวนการนี้วา่ การแยกสลายด้วยความรอ้ น (pyrolysis) ซง่ึ มีสองวธิ หี ลักๆ คือการแยกสลายอย่างเรว็ และอยา่ งชา้ การผลติ ไบโอชารด์ ้วยวธิ กี ารแยกสลายอยา่ งช้าท่ีอณุ หภมู ิเฉลี่ย 500 องศา เซลเซยี ส จะไดผ้ ลผลติ ของไบโอชารม์ ากกวา่ 50% แต่จะใชเ้ วลาเปน็ ช่วั โมง ซ่ึงตา่ งจากวิธีการแยกสลายอยา่ งเรว็ ท่ี อณุ หภูมิเฉลี่ย 700 องศาเซลเซยี ส ซึ่งใช้เวลาเปน็ วินาที ผลผลิตท่ีได้จะเปน็ น้ามันชีวภาพ (bio-oil) 60% แก๊ส สงั เคราะห์ (syngas) ได้แก่ H2, CO และ CH4 รวมกัน 20% และ ไบโอชาร์ 20% (Winsley, 2007; Zafar,2009) ถา่ นชีวภาพ (Biochar) มีความหมายแตกตา่ งจากถ่านทัว่ ไป (Charcoal) ตรงจดุ มงุ่ หมายของการใช้ ประโยชน์ คอื เม่ือกล่าวถึง Charcoal จะหมายถงึ ถ่านทใ่ี ช้เป็นเชอื้ เพลงิ ขณะท่ี Biochar คอื ถ่านท่ีใชป้ ระโยชน์เพ่ือ กักเก็บคารบ์ อนลงดนิ และปรับปรงุ ดิน (Ricks,2007) การกักเก็บคารบ์ อนในดนิ ด้วยการแยกสลายมวลชีวภาพด้วย ความรอ้ นจะได้คาร์บอนถงึ 50% ของคารบ์ อนทีม่ ีอย่ใู นมวลชีวภาพ คารบ์ อนท่ีไดจ้ ากการเผามวลชีวภาพจะเหลือ เพียง 3% และจากการยอ่ ยสลายโดยธรรมชาติหลงั จาก 5-10 ปี จะได้คารบ์ อนน้อยกวา่ 20% ปริมาณของ คาร์บอนท่ีไดจ้ ะขึ้นกับชนดิ ของมวลชีวภาพ สาหรบั อณุ หภูมจิ ะมีผลน้อยมากถ้าอย่รู ะหวา่ ง 350-500 องศา เซลเซียส (Lehmann et al.,2006) ความสาคัญของไบโอชาร์ 1. เปน็ ดา่ งช่วยปรบั สภาพความเปน็ กรดในดิน 2. มีรูพรุนสาหรับเกบ็ น้าและเปน็ ที่อย่ขู องจุลินทรีย์ ประโยชน์ของถ่านชวี ภาพ สามารถสรุปได้ 4 ประการหลักดังน้ี 1. ช่วยบรรเทาการเปลย่ี นแปลงภูมิอากาศ เนอ่ื งจากถ่านชวี ภาพสามารถลดคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้น บรรยากาศในระยะยาวไดด้ ว้ ยการกักเกบ็ คาร์บอนในดนิ 2. ช่วยปรบั ปรงุ ดินและผลผลติ ทางการเกษตร เน่ืองจากเม่ือนาถา่ นชวี ภาพลงดิน ลกั ษณะความเปน็ รูพรนุ ของถ่านชีวภาพจะช่วยกกั เก็บน้าและอาหารในดนิ และเป็นท่ีอยูใ่ ห้กับจุลินทรียส์ าหรับทากจิ กรรมเพ่ือสรา้ งอาหาร ให้ดนิ เมื่อดนิ อดุ มสมบูรณจ์ ะสง่ ผลให้ผลผลติ ทางการเกษตรเพ่มิ ขึ้น 3. ช่วยผลิตพลงั งานทดแทน เนือ่ งจากกระบวนการผลติ ถา่ นชีวภาพจากมวลชีวภาพด้วยการแยกสลาย ด้วยความร้อนจะให้พลังงานชวี ภาพที่สามารถใช้เป็นพลงั งานทดแทนเพ่ือการขนสง่ และในระบบอตุ สาหกรรมได้ 4. ชว่ ยในกระบวนการจดั การของเสียประเภทอนิ ทรยี ์วตั ถไุ ด้ เนือ่ งจากเทคโนโลยไี บโอชาร์มีศักยภาพใน การกาจดั ของเสียทที่ าให้ส่งิ แวดล้อมเปน็ มติ รได้ ทีม่ า: คัดลอกจาก อรสา สุกสว่าง. 2552. เทคโนโลยีถ่านชวี ภาพ: วิธีแก้ปัญหาโลกรอ้ น ดิน และความยากจนใน ภาคเกษตรกรรม. การประชุมวิชาการเร่ือง สภาวะโลกรอ้ น: ความหลากหลายทางชวี ภาพและการใช้ประโยชน์ อยา่ งย่ังยนื , 5-6 พฤศจิกายน 2552 ณ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์วิทยาเขตกาแพงแสน
ห น ้ า | 14 สว่ นประกอบเตาเผาไบโอชาร์ สว่ นประกอบเตาเผาไบโอชาร์ 1. ส่วนบรรจชุ วี มวลที่ตอ้ งการแยกแก๊สและเปล่ียนเป็นถ่านไบโอชาร์ เปน็ การนาเอาถังเหล็กแบบมีฝาปดิ ขนาดเทา่ ถังสีทัว่ ไปมาดัดแปลงเป็นเตาเผา ซ่งึ จะเจาะรเู พอ่ื สวมท่อตรงกลางสาหรับบรรจุเชือ้ เพลงิ แต่กับชวี มวลท่ี จะเผาเป็นถ่านจะบรรจุอยู่รอบช่องว่างของถงั ที่เหลอื 2. สว่ นบรรจชุ วี มวลท่ีใช้เป็นเช้ือเพลงิ เปน็ เหมือนท่อกลางเตาทใ่ี ช้บรรจชุ วี มวลทจี่ ะเปน็ เช้อื เพลงิ ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลางของส่วนน้ีสามารถปรับหรือลดขนาดได้ ซึ่งมผี ลตา่ งกนั เมื่อใช้งาน จากการทดสอบพบวา่ ขนาดเสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง 10 ซม.จะเหมาะกบั การใชง้ านเพื่อหุงตม้ อาหารปกติในครัวเรอื น ขนาดเสน้ ผ่าศูนย์กลาง 12 ซม. ใหเ้ ปลวไฟทีค่ ่อนข้างแรง ขนาดเส้นผา่ ศูนยก์ ลาง 15 ซม. ใหเ้ ปลวไฟท่ีแรงสงู มคี วามสูงขึน้ มาราว 1 ฟตุ 3. สว่ นท่ีมีการลุกไหม้ของแก๊สท่ผี ่านการแยกออกมาจากชีวมวล เปน็ รทู ี่เชื่อมกันระหวา่ งเตาบรรจุ เชื้อเพลงิ ชีวมวลและเตาบรรจุชีวมวลเผาถ่าน เพื่อให้แกส๊ ทีเ่ กิดขึ้นจากกระบวนการแยกสลายด้วยความร้อน สามารถไหลจากสว่ นบรรจุชีวมวลเผาถา่ นไปยงั ส่วนบรรจเุ ชอื้ เพลงิ ซ่ึงกาลงั เผาไหม้อยู่ได้ แกส๊ จึงตดิ ไฟและเกดิ การ ลุกไหมต้ ่อไปได้
ห น ้ า | 15 การผลติ ไบโอชาร์ การบรรจุวตั ถดุ ิบในเตา 1. นาเตาเหลก็ ทบ่ี รรจุชีวมวลและเช้ือเพลิงมา ต้งั สว่ นตวั เตาให้หงายข้ึน นาท่อกลางที่เป็นทอ่ บรรจุ เชอ้ื เพลิงสวมลงไปทค่ี อเดือยทม่ี ีอย่โู ดยให้รูที่เจาะไว้รอบท่อค่อนมาทางปากเตา 2. บรรจุชีวมวลท่ีต้องการจะเผาเปน็ ถา่ นไบโอชาร์ท่ีช่องวา่ งให้รอบท่อกลาง บรรจุไม่ใหส้ งู เกิดปากเตา เพราะจะทาให้ปดิ ฝาไม่ได้ 3. นาไม้เชือ้ เพลิงบรรจลุ งในท่อกลางทว่ี า่ งอยู่จนเต็ม เสร็จแลว้ ให้นาฝาปิดเตามาครอบปดิ โดยใหค้ อเดือย ทฝ่ี าถงั สวมตดิ กับปากทอ่ กลางพอดี จากน้ีไปสามารถจุดไฟใหต้ ิดเชอ้ื เพลงิ เพื่อเผาใหเ้ กดิ แก๊สชวี มวลมาใชห้ งุ ตม้ ได้ เมื่อเผาเสร็จก็จะได้ถา่ นไบโอชารเ์ ปน็ ผลผลติ อีกอย่างหนง่ึ หมายเหตุ : ชีวมวลท่นี ามาบรรจุเพื่อเป็นเช้อื เพลิงในการเผาไหม้ใหค้ วามร้อนควรท่ีจะเป็นขนาดกลางถึงใหญ่ เพ่อื ที่จะเผาไหมต้ ิดไฟไดย้ าวนานจนกระบวนการไพโรไลซิสชีวมวลทตี่ ้องการเปลี่ยนเปน็ ถ่านไบโอชาร์สาเร็จเสรจ็ ดี หากใชช้ วี มวลช้ินเล็กเกินไป การเผาไหมเ้ พื่อเดนิ ระบบเตาจะเกดิ ขึ้นเพียงไม่นาน กลา่ วคือติดไฟเร็วและดับเรว็ ซึ่ง ทาใหก้ ารถ่ายเทความรอ้ นไปส่ชู ีวมวลทตี่ ้องการเปลี่ยนให้เปน็ ถ่านไบโอชาร์ไมส่ มบูรณ์ กล่าวคือชวี มวลไม่ กลายเป็นถ่านท้ังหมด แตส่ ามารถเผาโดยวธิ ีเดมิ อีกครัง้ เพื่อใหช้ ีวมวลทีย่ ังไม่กลายเป็นถ่านถูกเปลยี่ นเปน็ ถ่าน ทงั้ หมดได้ เมือ่ เช้อื เพลิงชีวมวลทีอ่ ยูใ่ นช่องบรรจุเชือ้ เพลงิ ที่แกนกลางค่อยๆ ถูกเผาไหม้จนมวลลดลงไปแลว้ หาก เติมเชือ้ เพลิงใหม่เขา้ ไปกลางครนั จะทาใหเ้ กดิ ควัน เพราะเปน็ การแทรกกระบวนการเผาไหม้ไมส่ มบูรณ์ทก่ี าลัง ดาเนินอยู่ หากต้องการใหเ้ ชอ้ื เพลงิ ใหม่ท่ีใส่เข้าไปเกิดกระบวนการเผาไหม้และควนั หายไปเรว็ สามารถใชป้ ลอ่ ง สงั กะสีม้วนมาสวมทป่ี ากชอ่ งบรรจุเชื้อเพลิง ปล่องจะดงึ อากาศจากดา้ นลา่ งมาชว่ ยเผาไหม้ ทาใหช้ วี มวลใหม่ตดิ ไฟ เร็ว ควันหมดในเวลาไมน่ าน เม่ือไม่มีควนั เกิดขึ้นแลว้ จึงยกปลอ่ งสงั กะสีออกได้ สามารถเพ่ิมความแรงของเปลวไฟทีเ่ กดิ ขึ้นจากการเผาไหมแ้ ก๊สชวี มวลในเตาไดโ้ ดยนาเตาทีจ่ ุดไฟแล้วมาตั้งซ้อน กนั สองใบ เปลวไฟจะรวมกันเปน็ สองเท่าซ่ึงจะเหน็ ความแรงของไฟที่เพมิ่ ขน้ึ ได้อย่างชัดเจน
ห น ้ า | 16 กระบวนการเผาถา่ นไบโอชารผ์ ลติ แกส๊ ชวี มวล จดุ ไฟให้ติดที่ไม้เช้ือเพลิงซ่งึ อยูใ่ นท่อกลางของเตา เมอ่ื เชื้อเพลงิ เรมิ่ ติดไฟแล้ว ทอ่ กลางท่ีบรรจุเชื้อเพลิงจะ มลี ักษณะอบั อากาศ ออกซเิ จนเข้าไปชว่ ยในการเผาไหม้ได้น้อย จึงทาใหเ้ กดิ การเผาไหม้ไมส่ มบรู ณเ์ กดิ ข้ึน เช่นเดียวกบั เตาชีวมวลทม่ี ีการใช้กนั อยู่ ไม่นานจึงเกิดแกส๊ จากชีวมวลทใี่ ชเ้ ป็นเชือ้ เพลิงซ่งึ ถูกเผาไหม้เกดิ ข้นึ เปลว ไฟแรง มคี วามร้อนสงู เมื่อเกิดพลังงานความร้อน ความรอ้ นจากทอ่ แกนกลางที่เผาไหมเ้ ช้ือเพลิงชวี มวลหมู่จะ ถ่ายเทความร้อนเหลา่ น้ีไปส่ชู ีวมวลทล่ี ้อมอย่รู อบข้างในเตาวงนอก ทาใหเ้ กดิ กระบวนการไพโรไลซสี (Pyrolysis) จนทาให้เกดิ แกส๊ ชวี มวลอย่ภู ายในและไหลออกมาตามรูท่เี จาะของท่อกลาง แก๊สชวี มวลทไ่ี หลออกมาจะไปเจอกบั เปลวไฟทีเ่ ผาไหม้อย่ดู า้ นนอกพอดีทาใหเ้ กดิ การลุกตดิ ไฟขึ้นอกี เม่ือเผาเชอื้ เพลงิ จนเสรจ็ ส้ิน ชวี มวลทอ่ี ยใู่ นช่อง บรรจรุ อบนอกจะกลายเป็นถ่านไบโอชาร์ การใชถา่ นชีวภาพในการเกษตร การเตรยี มถ่านชีวภาพเพ่ือลงดินมีข้ันตอนดังตอไปน้ี 1. ทาใหถ่านชวี ภาพมีขนาดเล็กท่ีสดุ โดยเฉล่ยี ไม่ใหญ่กวา่ 1 เซนติเมตรเพื่อให คลุกเคลา้ เขากับดินไดง้ ่าย หากขนาดถ่านใหญเ่ กินไปจะเป็นอปุ สรรคตอรากพชื ในการ เจรญิ เตบิ โต อาจใชวธิ ีการทบุ หรือบีบใหแตก 2. ผสมถ่านชีวภาพกับปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอก ในอัตราสวน 50% โดยน้าหนัก คลกุ ให เป็นเนือ้ เดียวกัน 3. นาถา่ นชวี ภาพผสมปยุ๋ หมักไปโรยลงดิน ในขน้ั ตอนการเตรยี มดนิ ก่อนปลกู พืช รดนา้ ใหชุมเพื่อใหถ่าน ชีวภาพดูดซมึ นา้ แลวพรวนดินใหลึก 10-20 เซนติเมตร ทาการรดนา้ ใหชมุ อกี ครั้ง 4. ปลกู พืชผกั ในแปลงได ตามขนั้ ตอนการปลูกผกั ท่วั ไป กิจกรรม การปฏบิ ตั ิการผลิตไบโอชาร์ “ถา่ นชวี ภาพเพื่อการเกษตร” คาชี้แจง 1. ให้ผูร้ ับบริการชมคลิปวิดีโอเรอ่ื ง ไบโอชาร์ “ถา่ นชวี ภาพเพ่ือการเกษตร” จากอินเตอรเ์ น็ต https://www.youtube.com/watch?v=s2bpOg5JsVA จานวน 5.07นาที ให้ผรู้ ับบรกิ ารตอบคาถามจากสถานการณ์ในชีวิตทีเ่ กี่ยวข้อง ดงั นี้ “หมู่บา้ นของผู้รับบรกิ ารมีเศษชวี มวลจาการทาเกษตรเหลือทง้ิ จานวนมาก จากการสอบถามพบวา่ การ จัดการกับชวี มวล ส่วนใหญ่นาไปฝงั กลบ ใชไ้ ฟเผาโดยตรง และการนาไปหมักทาปุย๋ ซ่ึงประโยชนท์ ่ีไดจ้ ากเศษชีว มวลน้นั ไม่คุ้มค่าและก่อให้เกิดมลพิษ ผ้รู ับบริการจะหาวธิ ีการใดจดั การกบั เศษชวี มวลโดยให้มีลักษณะเหมือนหรือ เปน็ ถ่าน และยงั คงรูปรา่ งเดิมมากท่สี ดุ โดยใช้เคร่ืองมือที่หาได้งา่ ย (แนวคาตอบ ใช้ไฟเผาโดยตรง นาไปเผาโดยใช้ เตาเผา) ผู้จัดกิจกรรมอาจใหผ้ ู้รับบรกิ ารรว่ มกันอภปิ รายว่า วิธกี ารทผ่ี ูร้ ับบริการนาเสนอสามารถทาใหช้ ีวมวลเกดิ เป็นถา่ นโดยไม่เปน็ ข้เี ถาได้อย่างไร และเครือ่ งมอื ทใ่ี ชท้ าถา่ นตามวธิ ที ผ่ี ้รู บั บริการนาเสนอมานนั้ มตี น้ ทุนสงู และ กอ่ ใหเ้ กิดมลพิษหรือไม่ อยา่ งไรเพ่ือใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ ” 2. ให้ผู้รับบริการตั้งประเด็นข้อสงสัยหรือส่ิงที่อยากรู้ในกระบวนการหรือหลักการท่ีเก่ียวข้องจากการ สาธิตของผูจ้ ัดกิจกรรม รวมไปถงึ การนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง 3. ผูจ้ ัดกจิ กรรมและผ้รู ับบริการสรปุ ผลการเรยี นรู้จากกจิ กรรม การปฏบิ ัตกิ ารผลติ ไบโอชาร์ “ถา่ นชีวภาพ เพ่อื การเกษตร”ร่วมกัน
ห น ้ า | 17 กจิ กรรมการออกแบบและปฏบิ ัตกิ ารผลติ ไบโอชาร์ “ถา่ นชีวภาพเพื่อการเกษตร” โดยการบูรณาการ สะเต็มศึกษา คาชี้แจง 1. แบง่ ผรู้ บั บรกิ ารออกเปน็ กลุ่มๆ ละ 5 – 10 คน ใหอ้ อกแบบปฏบิ ตั ิการ โดยการวางแผนและดาเนินการ เก่ียวกับการ ผลิตไบโอชาร์ โดยการบูรณาการสะเต็มศึกษา ตามใบกิจกรรมเร่ือง การออกแบบและปฏิบัติการ ผลติ ไบโอชาร์ โดยการบูรณาการสะเต็มศึกษา 2. ให้ผูร้ ับบรกิ ารนาเสนอผลงานการออกแบบและปฏบิ ัตกิ ารทดลอง 3. ให้ผู้รบั บรกิ ารตอบคาถามจากประสบการณ์ท่ีไดเ้ รยี นรผู้ ่านกจิ กรรมครั้งนี้ ประเด็นที่ 1 ในการผลติ ไบโอชาร์ ชีวมวลมกี ารเปลี่ยนแปลงอยา่ งไร ประเดน็ ท่ี 2 ไบโอชาร์ท่ีไดม้ ลี กั ษณะอยา่ งไร ประเด็นท่ี 3 ท่านได้ความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์ในกิจกรรม ไบโอชาร์ “ถ่านชีวภาพเพ่ือ การเกษตร” บ้างหรอื ไม่ อยา่ งไร ประเด็นที่ 4 ท่านได้ความรู้ในด้านคณิตศาสตร์ในกิจกรรม ไบโอชาร์ “ถ่านชีวภาพเพ่ือ การเกษตร” บา้ งหรอื ไม่ อย่างไร ประเด็นที่ 5 ทา่ นใช้อนิ เตอรเ์ น็ต สบื ค้นข้อมูลบา้ งหรอื ไม่ สบื ค้นในเรอื่ งใดบ้าง ประเดน็ ท่ี 6 ท่านใชก้ ระบวนการเทคโนโลยใี นกิจกรรม ไบโอชาร์ “ถ่านชวี ภาพเพ่ือการเกษตร” บ้างหรอื ไม่ อย่างไร
ห น ้ า | 18 ใบกจิ กรรม เร่ือง การแบบและปฏิบัติการผลิตไบโอชาร์ โดยการบรู ณาการสะเตม็ ศกึ ษา วัตถปุ ระสงค์ ผู้รับบริการสามารถออกแบบและทดลองผลติ ไบโอชาร์โดยการบรู ณาการสะเต็มศึกษา คาชีแ้ จง ใหผ้ ู้รับบรกิ ารออกแบบและทดลองผลิตไบโอชาร์ โดยดาเนนิ การตามขนั้ ตอนท่ีกาหนดให้ ดงั น้ี 1. วางแผนการทดลองไบโอชาร์จากอปุ กรณ์ทเ่ี ตรียมให้ โดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษา 2. ทดลองผลิตไบโอชาร์โดยการบูรณาการสะเตม็ ศึกษา 3. บนั ทึกผลการทดลองผลิตไบโอชาร์โดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษา 4. สรปุ ปญั หา/อุปสรรค ในการผลิตไบโอชาร์โดยการบูรณาการสะเต็มศึกษา วัสดแุ ละอุปกรณ์ทีเ่ ตรียมใหส้ าหรับการออกแบบและปฏบิ ัติการผลติ ไบโอชาร์ ท่ี รายการ จานวนต่อกล่มุ 1 ฝาปิดถังบรรจชุ วี มวล 1 ฝา 2 ถังบรรจุชีวมวล 1 ถัง 3 ท่อบรรจเุ ชื้อเพลงิ 1 ท่อ 4 ชวี มวล 5 ท่จี ุดไฟ 1 กระสอบปุ๋ย 6 ตะแกรงเหลก็ 1 อัน 7 อิฐรองพ้นื 1 อัน 8 ถุงมือผา้ 6 ก้อน 9 เหล็กคบี ถา่ น 1 คู่ 10 มีด 1 อนั 11 ป๋ยุ คอก 1 เล่ม 12 ดนิ ปลกู 1 กิโลกรัม 2 กิโลกรัม จุดประสงค์ในการทดลอง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ห น ้ า | 19 รา่ งแบบแผนการทดลองผลิตไบโอชาร์ 1. การระบปุ ญั หา 2. การคน้ หาแนวคิดทเี่ กี่ยวข้อง 3. การวางแผนและพฒั นา
ห น ้ า | 20 4. การทดสอบและการประเมนิ ผล ผลการทดลอง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตารางบันทึกผล ภายหลังการทดลองผลติ ไบโอชาร์ ประเภทของชีวมวลทใ่ี ชเ้ ผา…………………………………………………………………………………………. จานวนครัง้ ท่ีเผา ลักษณะไบโอชาร์ท่ีสังเกตได้ เผาคร้ังท่ี 1 เผาครั้งที่ 2 เผาครั้งที่ 3 เผาครง้ั ที่ 4 5. การนาเสนอผลลพั ธ์ จากการทดลองผลิตไบโอชาร์ ครง้ั ที่ 1 พบวา่ …………………………………….…………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ครั้งที่ 2 พบวา่ …………………………………….…………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. คร้งั ท่ี 3 พบว่า…………………………………….…………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ครั้งที่ 4 พบวา่ …………………………………….…………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. สรุปจานวนคร้งั ทเ่ี ผาและได้ไบโอชารท์ ่ดี ีทส่ี ุด…………คร้ัง ลกั ษณะของไบโอชาร์………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. สรุปปัญหา/อุปสรรค ในการผลิตไบโอชาร์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ห น ้ า | 21 กจิ กรรมการนาสิง่ ทไ่ี ด้เรยี นรู้ไปปฏิบตั แิ ละประยกุ ตใ์ ช้ คาช้ีแจง 1. ใหผ้ ู้รบั บรกิ ารตอบคาถามในประเด็น “ท่านจะนาความรู้เรื่องไบโอชาร์ “ถ่านชีวภาพเพือ่ การเกษตร ไป ปฏบิ ัตแิ ละประยุกตใ์ ช้ในการแกป้ ัญหาหรือ ใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงอยา่ งไร กจิ กรรมการทดสอบหลังเรียน เรือ่ ง ไบโอชาร์ “ถ่านชีวภาพเพือ่ การเกษตร” คาชีแ้ จง ให้ผรู้ บั บริการทาแบบทดสอบหลงั เรียนเร่อื ง ไบโอชาร์ “ถ่านชีวภาพเพื่อการเกษตร” ซึง่ ข้อสอบทั้งหมดจานวน 10 ข้อ (เมื่อผู้รับบริการทาแบบทดสอบเสร็จเรียบรอ้ ยแลว้ ผรู้ ับรกิ ารสามารถตรวจคาตอบได้ตามเฉลย คาตอบท้ายกิจกรรม) แบบทดสอบหลังเรยี น คะแนนทไ่ี ด้..........คะแนน เรอ่ื งไบโอชาร์ “ถา่ นชวี ภาพเพ่อื การเกษตร” คะแนนเต็ม 10 คะแนน คาช้ีแจง 1. ให้ผู้รับบริการกาเครื่องหมาย x (กากบาท) หน้าข้อที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว 2. แบบทดสอบน้ีมีข้อสอบจานวน 10 ข้อๆ ละ 1 คะแนน 3. เม่ือผรู้ บั บริการทาแบบทดสอบเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ผูร้ บั รกิ ารสามารถตรวจคาตอบได้ตามเฉลยคาตอบ ทา้ ยกิจกรรม 1. การเผาไหมช้ วี มวลทาให้เกิดกา๊ ซอะไรลอยข้นึ สชู่ ัน้ บรรยากาศ ก. ก๊าซออกซิเจน ข. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ค. ก๊าซไนโตรเจน ง. ก๊าซซลั เฟอรไ์ ดออกไซด์ 2. ขอ้ ใดหมายถงึ ชีวมวล ก. แกลบ ข. กลอ่ งนม ค. ถุงพลาสตกิ ง. ถ่านไฟฉาย
ห น ้ า | 22 3. กา๊ ซทม่ี นุษยใ์ ช้สาหรับหายใจคือกา๊ ซอะไร ก. ก๊าซออกซเิ จน ข. ก๊าซไนโตรเจน ค. กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ ง. กา๊ ซมีเทน 4. ผลผลติ ของการไพโรไลซิสจะประกอบด้วยอะไรบ้าง ก. ก๊าซออกซเิ จน ข. กา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ ค. กา๊ ซไนโตรเจน ง. ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส 5. การทาให้ชีวมวลได้รับความร้อนแบบไม่ได้เผาโดยตรง แลว้ เปล่ยี นไปเปน็ ถา่ นไบโอชาร์เรยี กว่าอะไร ก. การแชค่ วามร้อน ข. การถ่ายเทความร้อน ค. การให้ความร้อน ง. ผิดทกุ ขอ้ 6. ข้อใดคือดินมปี ัญหายาแย่อยา่ งหนัก ก. มธี าตอุ าหารต่า ข. มีความแข็งมาก ค. การดูดซึมนา้ ไม่ด/ี กกั เก็บน้าไดน้ อ้ ย ง. ถกู ทุกขอ้ 7. ถ่านไบโอชาร์มีคณุ สมบตั ิเป็นอะไร ก. เบส ข. กรด ค. ดา่ ง ง. กลาง 8. รูพรุนของถ่านไบโอชาร์มีประโยชนอ์ ย่างไร ก. สาหรบั เก็บนา้ และเป็นทอ่ี ยู่ของจลุ นิ ทรีย์ ข. เป็นท่อี ยูข่ องไสเ้ ดอื น ค. เป็นท่อี ยขู่ องรากพืช ง. ถูกทุกข้อ
ห น ้ า | 23 9. การแยกสลายด้วยความร้อนตอ้ งใชค้ วามร้อนก่ีองศา ก. 500 – 700 องศา ข. 400 – 500 องศา ค. 200 – 300 องศา ง. 200 – 500 องศา 10. ขอ้ ใดคอื ประโยชน์ของถ่านไบโอชาร์ ก. ใช้ประกอบอาหาร ข. เป็นส่วนผสมของเคร่ืองสาอาง ค. ใช้ปรับปรงุ บารงุ ดนิ ง. ใช้ผสมกาแฟดา
ห น ้ า | 24 กิจกรรมการประเมินความพึงพอใจของผู้รับบรกิ ารเรือ่ งดาราศาสตร์ คาช้แี จง ให้ผู้รับบริการทาแบบประเมินความพงึ พอใจของผรู้ ับบรกิ ารกิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศยั ดา้ นสะเต็ม ศกึ ษาบูรณาการวัฒนธรรมท้องถนิ่ แบบประเมนิ ความพึงพอใจของผู้รับบรกิ าร กจิ กรรมการศึกษาตามอธั ยาศยั ดา้ นสะเตม็ ศึกษา บรู ณาการวฒั นธรรมท้องถ่นิ ชื่อ-สกุล ผ้รู บั บรกิ าร......................................................................................... ช่อื ฐานการเรียนรู้........................................................ชื่อ – สกุล ผจู้ ัดกิจกรรม......................................................... วันท่ี............เดอื น...........................พ.ศ................... เวลา..................น. ความพงึ พอใจทม่ี ีต่อการจัดกิจกรรม ประเดน็ ระดับความพงึ พอใจ 5 4 3 21 1. กจิ กรรมตรงตามความถนดั และตอ้ งการของผ้รู ับบริการ 2. ขัน้ ตอนการทากิจกรรมมีความชดั เจน 3. ส่ือ/วัสดุ/อปุ กรณ์ทใ่ี ช้ทากิจกรรมมีความเหมาะสม 4. ระยะเวลาท่ใี ช้ในการทากจิ กรรมมีความเหมาะสม 5. ความรูท้ ี่ไดร้ บั สามารถนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ จริงได้ 6. ผรู้ ับรกิ ารมคี วามสขุ /สนุกในการทากจิ กรรม ความพงึ พอใจในภาพรวมต่อการจดั กิจกรรม ระดบั 5 หมายถึง ระดับ 4 หมายถึง ระดับ 3 หมายถึง ระดับ 2 หมายถึง ระดบั 1 หมายถึง พงึ พอใจมากท่สี ุด พงึ พอใจมาก พงึ พอใจปานกลาง พงึ พอใจน้อย พงึ พอใจน้อยทีส่ ดุ ความรู้ประสบการณ์ท่ีได้รับ ความคิดเหน็ เพม่ิ เติม .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... .........................................................................
ห น ้ า | 25 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. ตอบ ก. แกลบ 2. ตอบ ข. กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ 3. ตอบ ก. กา๊ ซออกซิเจน 4. ตอบ ง. ของแขง็ ของเหลว และแกส๊ 5. ตอบ ก. 500 – 700 องศา 6. ตอบ ข. การถา่ ยเทความร้อน 7. ตอบ ค. ดา่ ง 8. ตอบ ก. สาหรับเก็บน้าและเป็นท่ีอยู่ของจลุ ินทรยี ์ 9. ตอบ ค. ใชป้ รับปรุงบารุงดิน 10. ตอบ ง. ถูกทุกข้อ เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น 1. ตอบ ข. กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ 2. ตอบ ก. แกลบ 3. ตอบ ก. กา๊ ซออกซเิ จน 4. ตอบ ง. ของแข็ง ของเหลว และแกส๊ 5. ตอบ ข. การถ่ายเทความร้อน 6. ตอบ ง. ถกู ทุกข้อ 7. ตอบ ค. ดา่ ง 8. ตอบ ก. สาหรับเก็บน้าและเปน็ ทอ่ี ยู่ของจลุ นิ ทรยี ์ 9. ตอบ ก. 500 – 700 องศา 10. ตอบ ค. ใชป้ รบั ปรุงบารงุ ดนิ
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: