Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore pdf_20220829_124117_0000

pdf_20220829_124117_0000

Published by meiry2612, 2022-08-29 05:57:57

Description: pdf_20220829_124117_0000

Search

Read the Text Version

วิทยาลัยสงฆ์พุทธชินราช มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ ราช วิทยาลัย ประวัติ ศาสนา คริสต์

สารบัญ คำนำ หน้า 3 ความเป็นมา หน้า 4-5 หน้า 6-7 พระเจ้า หน้า 8-12 นิกาย หน้า 13-16 ความเชื่อ/พิธีกรรม

คำนำ รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วน หนึ่งของวิชาศาสนาทั่วไป เพื่อให้ได้ ศึกษาหาความรู้ในเรื่องศาสนาคริสต์ และได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็น ประโยชน์แก่นักเรียน ผู้จัดทำหวังว่ารายงานเล่มนี้จะเป็น ประโยชน์กับผู้อ่านหรือนักเรียนที่ กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่หากมีข้อเสนอ แนะหรือผิดพลาดประการใดผู้จัดทำ ขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ความเป็นมา ศาสนาคริสต์เกิดขึ้นบริเวณดินแดนเล แวนต์ ซึ่งปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล และปาเลสไตน์ ในช่วงกลางคริส ศตวรรษที่ 1 ศาสนาคริสต์ได้เริ่ม เผยแผ่ครั้งแรกจากกรุงเยรูซาเลม ตลอดจนดินแดนตะวันออกกลาง เช่น ประเทศซีเรีย อัสซีเรีย เมโสโปเตเมีย ฟินิเชีย อานาโตเลีย ประเทศจอร์แดน และประเทศอียิปต์

ในช่วงคริสศตวรรษที่ 4 ศาสนาคริสต์ได้รับเลือกให้เป็น ศาสนาประจำชาติโดยราชวงศ์อาร์เมเนียในปี ค.ศ. 301 จอร์เจียในปี ค.ศ.319 อาณาจักรอักซุมในปี ค.ศ.325 และจักรวรรดิโรมันในปี ค.ศ.380

พระเจ้า? พระเยซูประสูติ พระเยซูประสูติเมื่อปีพ.ศ.543 (เริ่มคริสต์ ศักราชที่ 1) เป็นช่วงที่อาณาจักรโรมันเจริญถึงขีดสุด ภายใต้การนำของพระเจ้าซีซาร์ พระเยซู ประสูติที่เมือง เบธเลเฮม แคว้นยูดาย มารดาชื่อ มาเรีย บิดาชื่อ โจเซฟ เป็นคนเชื้อสายยิว อาศัยอยู่ที่เมืองนาซาเรธ ในสมัยนั้นมี คำทำนายว่า \"กษัตริย์แห่งชนชาติยิวได้บังเกิดขึ้นแล้ว\" กษัตริย์เฮร็อค ผู้ครองแคว้นยูดายทรงทราบจึงรับสั่งให้ ประหารชีวิตเด็กชายที่เกิดในเมืองเบธเลเฮม ในเวลาใกล้ เคียงกันนั้น โจเซฟได้พาภรรยาและบุตรหลบหนี จน กระทั่งกษัตริย์เฮร็อคเสียชีวิตลง พระเยซูก็ เติบโตขึ้น และด้วยความสนใจใฝ่หาความรู้ทางศาสนา เมื่ออายุ 30 ปี ได้พบกับนักบุญจอห์น ผู้เผยแพร่ศาสนายิวและได้รับ ศีลจุ่ม (แบพติสต์) จากจอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน

ในช่วงคริสศตวรรษที่ 4 ศาสนาคริสต์ได้รับเลือกให้เป็น ศาสนาประจำชาติโดยราชวงศ์อาร์เมเนียในปี ค.ศ. 301 จอร์เจียในปี ค.ศ.319 อาณาจักรอักซุมในปี ค.ศ.325 และจักรวรรดิโรมันในปี ค.ศ.380

นิกาย ศาสนาคริสต์มี ๓ นิกายใหญ่ๆ คือ นิกายโรมันคาทอลิก มีพระสันตะปาปาเป็นประมุข มีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงโรม นิ กายออร์ธอดอกซ์ ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศยุโรปตะวันออก และนิกายโปรเตสแตนต์ ซึ่งแบ่งย่อยออกเป็นนิกายต่างๆ อีกจำนวนมาก อยู่ในยุโรป สหรัฐอเมริกา และทั่วโลก

โรมันคาทอลิก แปลว่าสากล เป็นนิกาย ดั้งเดิมที่ยึดมั่นในหลักคำสอนของพระเยซู คริสต์เคารพพระนางมารีย์และนักบุญต่าง ๆ ภายในโบสถ์ของนิกายนี้จะมีรูปเคารพพระ เยซูคริสต์ พระแม่มารีย์ และนักบุญต่าง ๆ มี ศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่สันตะสำนัก มี พระสันตะปาปาเป็นประมุข โดยสืบทอดมา ตั้งแต่สมัยอัครทูตกลุ่มแรก โดยถือว่านักบุญ ซีโมนเปโตรคือพระสันตะปาปาพระองค์แรก ซึ่งได้รับการยินยอมจากพระเจ้าให้ปกครอง ศาสนจักรทั้งมวล

ออร์ทอดอกซ์ แปลว่าถูกต้องและดั้งเดิม นิกายออทอดอกซ์ยังมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ศาสนาคริสต์ตะวันออก เป็นนิกายดั้งเดิม ปฏิบัติตามหลักการทางเทววิทยาอย่างไม่มี การเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่สมัยศาสนาคริสต์ ยุคแรก ศาสนจักรนี้เชื่อว่าคริสตจักรออร์โธด็ อกซ์เป็นคริสตจักรแท้จริงเพียงหนึ่งเดียวที่ ก่อตั้งโดยพระเยซูคริสตเจ้า โดยสืบเนื่องมา จากอัครทูตของพระเยซูคริสต์ โดยนับถือ มากในประเทศทางฝั่งยุโรปตะวันออก

โปรเตสแตนต์ แปลว่าคัดค้าน แยกตัวมาจาก นิกายโรมันคาทอลิกในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นนิกายที่ถือว่าศรัทธาของแต่ละคนที่มี ต่อพระเจ้าสำคัญกว่าพิธีกรรม ซึ่งยังแตก ย่อยออกเป็นหลายร้อยคณะ เนื่องจากมี ความเห็นแตกต่างในประเด็นปลีกย่อยที่ กล่าวถึงในคัมภีร์ไบเบิล และการปฏิบัติใน พิธีกรรม นิกายนี้ไม่มีนักบวชเพราะเชื่อว่าทุก คนสามารถเข้าถึงพระเจ้าได้โดยมิต้องอาศัย บาทหลวง มีเพียงศิษยาภิบาล ที่คอยให้คำ ปรึกษากับผู้เชื่อ และถือว่าพระเยซูได้ทรง ไถ่บาปแก่ศาสนิกทุกคนไปเมื่อถูกตรึง กางเขนแล้ว นิกายนี้มีเพียงไม้กางเขนเป็น เครื่องหมายแห่งศาสนาเท่านั้น

โปรเตสแตนต์ แปลว่าคัดค้าน แยกตัวมาจาก นิกายโรมันคาทอลิกในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นนิกายที่ถือว่าศรัทธาของแต่ละคนที่มี ต่อพระเจ้าสำคัญกว่าพิธีกรรม ซึ่งยังแตก ย่อยออกเป็นหลายร้อยคณะ เนื่องจากมี ความเห็นแตกต่างในประเด็นปลีกย่อยที่ กล่าวถึงในคัมภีร์ไบเบิล และการปฏิบัติใน พิธีกรรม นิกายนี้ไม่มีนักบวชเพราะเชื่อว่าทุก คนสามารถเข้าถึงพระเจ้าได้โดยมิต้องอาศัย บาทหลวง มีเพียงศิษยาภิบาล ที่คอยให้คำ ปรึกษากับผู้เชื่อ และถือว่าพระเยซูได้ทรง ไถ่บาปแก่ศาสนิกทุกคนไปเมื่อถูกตรึง กางเขนแล้ว นิกายนี้มีเพียงไม้กางเขนเป็น เครื่องหมายแห่งศาสนาเท่านั้น

พิธีกรรม 1. พิธีศีลล้างบาป (Baptism) หรือ พิธีศีลจุ่ม 2. พิธีศีลกาลัง (Confirmation) 3. พิธีศีลมหาสนิท (Eucharist) 4. พิธีศีลแก้บาป หรือ ศีลอภัยบาป (Penance) 5. พิธีศีลเจิมคนไข้ (Anointing of the Sick) 6. พิธีศีลอนุกรม (Holy Orders) หรือ พิธีศีลบวช 7. พิธีศีลสมรส (Matrimony)

ความสำคัญของแต่ละ พิธีกรรม โดยสังเขป 1.ศีลล้างบาป เป็นพิธีกรรมแรกที่รับเข้าเป็นคริสต์ศาสนิ กชนอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน เป็นการแสดงตัวว่า มอบชีวิตให้กับพระเจ้า เสมือนชีวิตเก่านั้นได้ตายแล้วและ จากนี้ไปจะมีชีวิตใหม่ในพระเยซูคริสต์ 2.ศีลมหาสนิท เป็นพิธีกรรมที่แสดงถึงการร่วมสนิทเป็น อันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเยซู มีการปฏิบัติครั้งแรกโดย พระเยซูคริสต์ในคืนวันที่จะถูกจับไปเป็นนักโทษเพื่อเข้าสู่ การตรึงกางเขน ซึ่งมีบันทึกไว้โดยเปาโลอัครทูตใน จดหมายที่เขียนฝากไปยังคริสตชนที่เมืองโครินธ์ ซึ่งอยู่ ใน พันธสัญญาใหม่ ของพระคัมภีร์ไบเบิล 3.ศีลอภัยบาป เป็นการสารภาพบาปกับพระเจ้าโดยผ่าน บาทหลวง บาทหลวงจะเป็นผู้ตักเตือนสั่งสอนไม่ให้ ทำบาปนั้นอีก และทำการอภัยบาปให้ในนามพระเจ้า

4.ศีลกำลัง เป็นพิธีรับศีลโดยการเจิมหน้าผาก เพื่อยืนยัน ความเชื่อว่าจะนับถือศาสนาคริสต์ตลอดไปและได้รับพระพร ของพระจิต ทำให้เข้มแข็งในความเชื่อมากขึ้นโดยทางศาสนจัก รออร์ทอดอกซ์จะเรียกพิธีนี้ว่า \"พิธีกรรมแห่งศีลการเจิม น้ำมันอันศักดิ์สิทธิ์\" 5.ศีลสมรส เป็นพิธีประกอบการแต่งงาน โดยบาทหลวงเป็น พยาน เป็นการแสดงความสัมพันธ์ว่าจะรักกันจนกว่าชีวิตจะ หาไม่

6.ศีลเจิมคนไข้ เป็นพิธีเจิมคนไข้โดยบาทหลวงจะเจิมน้ำมันลง บนหน้าผากและมือทั้งสองข้างของผู้ป่วย ให้ระลึกว่าพระเจ้า จะอยู่กับตนและให้พลังบรรเทาอาการเจ็บป่วย โดยทางศาสน จักรออร์ทอดอกซ์จะเรียกว่า \"พิธีกรรมศีลเสกเจิมน้ำมัน ศักดิ์สิทธิ์ 7.ศีลอนุกรม เป็นพิธีสำหรับการบวชเป็นนักบวช ได้แก่ มุข นายก บาทหลวง และพันธบริกร

สรุป ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประเภทเทวนิยม คือมีพื้นฐาน ความเชื่อว่ามีเทพเจ้าที่มีอำนาจสูงสุดที่มี อำนาจเหนือ ธรรมชาติ ซึ่งมีชื่อว่า พระยะโฮวาห์ (GOD) โดยพระผู้เป็นเจ้า นี้จะเป็นผู้ที่ดลบันดาลให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างเป็นไป คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เปลี่ยนแปลง และดับสลายไป แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะศาสนาใดก็ล้วนจะสอนให้ทุกคน เป็นคนดี ไม่ทำผิด รู้จักผิดชอบชั่วดีและยังสามารถอยู่ร่วม กันได้ถึงแม้จะต่างศาสนาก็ตาม

นายปุญญพัฒน์ เกรกกระโทก จัดทำโดย 1 สาขาวิชาสังคมศึกษา6516502501 2 นาย วุฒิพงษ์ บุศบัน สขาวิชาการ สอนภาษาไทย6516504023 3 นาย สิรวิชญ์ เอี่ยมใย สาขาวิชาการสอนภาษาไทย6516502005


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook