Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore history

history

Published by panadda, 2019-02-23 02:34:33

Description: history

Search

Read the Text Version

ประวตั ศิ าสตร์จนี จีนเปน็ ประเทศท่ีมคี วามเปน็ มายาวนานกว่าห้าพนั ปี ตลอดชว่ งเวลาอนั ยาวนานน้ี ไดก้ ่อเกดิ เรอื่ งราวตา่ งๆมากมายนบั ไม่ถ้วน หลาย ๆ เรอ่ื งกก็ ลายเป็นตานานเล่าขานในหมู่ชนอนั ไมร่ ู้จบ ทง้ั เรื่องราวของวรี บุรุษผเู้ ดียวดาย วรี สตรีผเู้ สยี สละ กังฉินใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ ธรรมราชนั ย์ผเู้ ปี่ยมเมตตา ทรราชผโู้ หดเหยี้ มอามหติ และนคี่ ือมนต์เสน่ห์อยา่ งหน่ึงของประวัตศิ าสตรจ์ ีน พัฒนาการความเป็นมาของประวตั ิศาสตรจ์ ีน สามารถอธิบายคร่าว ๆ โดยแบง่ ชว่ งเวลาออกมาได้ ดงั นี้ ยคุ กอ่ กำเนิด หรือยคุ บรรพกำล (? – 2100 ปี ก่อน ค.ศ.) ดินแดนแถบลมุ่ แม่น้าหวงเหอ (黄河) มีผคู้ นอาศัยอยูม่ าตง้ั แต่ยุคหิน ซึ่งผูค้ นเหล่านีไ้ ดค้ ่อย ๆ มี การพฒั นา จากการทีต่ ่างคนตา่ งอยู่ ยงั ชีพด้วยการเกบ็ ของปา่ ล่าสตั ว์ กค็ อ่ ย ๆ เขา้ มารวมตัวกันเป็นชุมชน ทาการเพาะปลกู และเล้ยี งสัตว์ กอ่ เกดิ เปน็ สังคมแบบชนเผา่ ขน้ึ ซึง่ ในช่วงเวลาดังกล่าวก็ไดเ้ กิดมผี ู้นาคน สาคัญๆทไ่ี ดม้ ีส่วนสาคญั ในการชว่ ยพฒั นาชีวิตความเป็นอยู่ของผคู้ นในสังคมขณะนัน้ คอื ซยุ่ เหรนิ (燧 人) ฝซู ี (伏羲) เสินหนง (神农) ซึ่งสามคนนีไ้ ดร้ ับการยกยอ่ งเปน็ “ซันหวง” (三皇) หรอื สาม กษัตริย์ ตราบจนเมอ่ื ประมาณ 4600 ปีกอ่ น ค.ศ. หวงตี้ (黄帝) หรอื จกั รพรรดิเหลอื ง สามารถการาบ ชนเผ่าทงั้ หลายในแถบล่มุ นา้ หวงเหอได้สาเรจ็ อันเป็นท่ีมาของชนชาติ “หวาเซ่ีย” (华夏) หรือ ชน ชาตจิ นี กาลต่อมากไ็ ดม้ ผี ู้นาทม่ี คี วามสามารถเชน่ จวนซวี (颛顼) ตค้ี ู่ (帝喾) เหยา (尧) ซุ่น (舜 ) บุคคลทั้งส่นี ้ี เมอ่ื รวมกับหวงตี้ (จกั รพรรดเิ หลอื ง) จงึ กลายเปน็ กลุ่มคนที่ถกู เรยี กวา่ “หวตู่ ี้” (五帝 ) หรือ หา้ จกั รพรรดิ

จุดเปล่ียนทส่ี าคัญที่ทาใหส้ งั คมจนี แบบบุพกาลสนิ้ สุดลง คือการทีต่ ้าอวี่ (大禹) สามารถแกไ้ ข ปัญหาอทุ กภัยในแถบลุ่มแม่น้าหวงเหอ ซง่ึ เป็นปญั หาทีส่ าคัญท่ีคุกคามชีวติ ความเป็นอยูข่ องประชาชนใน บรเิ วณนน้ั มาอย่างยาวนานได้สาเรจ็ ดังน้ันพระเจ้าซุ่นจงึ ไดส้ ละบลั ลังก์ของตนมอบใหแ้ กต่ ้าอว่ี ต้าอวี่ ปกครองประชาชนดว้ ยความรม่ เย็นเปน็ สขุ จนเมื่อตนเองแกช่ รา จึงคดิ จะยกราชสมบัติใหแ้ กอ่ ้ี (益) ตาม ประเพณดี ัง้ เดมิ ท่ีจะยกบัลลงั กใ์ หแ้ ก่ผมู้ คี วามสามารถ แต่ทวา่ ดว้ ยแรงหนุนจากบรรดาหัวหน้าเผ่าตา่ งๆท่ี อยูภ่ ายใต้การปกครองของตา้ อว่ี ทาใหฉ้ ่ี (启) โอรสของตา้ อวี่ได้สบื ทอดบลั ลังก์ต่อจากบดิ า เหตกุ ารณน์ ี้ ถือเป็นจุดสนิ้ สดุ ของยุคบรรพกาล ประวตั ศิ าสตร์จนี ได้เขา้ สยู่ คุ แหง่ รัฐระบอบทาสนับแต่น้นั ยุคทำส (2100 – 1028 ปี กอ่ น ค.ศ.) ในยคุ นีจ้ ีนไดเ้ ริม่ มีการสถาปนาระบอบการปกครองแบบราชวงศ์ มกี ารสืบสันตตวิ งศ์ทางสายเลอื ด แทนระบบการสืบทอดตาแหนง่ โดยการคดั เลอื กจากความสามารถ เร่มิ มชี นชัน้ ทาสเกดิ ข้นึ เน่ืองจากเมือ่ ฉ่ี โอรสของอวขี่ ้นึ ครองราชย์ ได้มีชนเผา่ บางเผ่าไม่ยอมรบั อานาจของเขา ฉี่จงึ ยกทพั ไปปราบ และกวาดตอ้ น เชลยศกึ เหล่าน้นั ใหม้ าทาหน้าท่รี ับใชฝ้ า่ ยตนซง่ึ เป็นผู้ชนะสงคราม จึงไดเ้ กิดมีชนชนั้ ทาสกับนายทาสขึ้นนับ แต่น้ัน ในยุคนี้จะประกอบไปดว้ ยราชวงศ์อยูส่ องราชวงศ์ คอื เซ่ยี กับชาง รำชวงศ์เซ่ยี (夏朝 2100 – 1600 ปี กอ่ น ค.ศ.) ราชวงศ์นีส้ ถาปนาโดยฉี่ โอรสของตา้ อวี่ กษัตริย์องค์สุดท้ายคือ เจ๋ีย (桀) รวมมกี ษตั ริย์ปกครอง ทง้ั หมด 17 พระองค์ (รวมต้าอวี่) รำชวงศช์ ำง (商朝 1600 – 1028 ปี กอ่ น ค.ศ.) ราชวงศน์ ีส้ ถาปนาโดยชางทัง (商汤) ซึง่ ไดฉ้ วยโอกาสนากาลังลุกฮือข้นึ โค่นลม้ การปกครองของ พระเจ้าเจ๋ียแห่งราชวงศ์เซีย่ กษตั รยิ อ์ งค์สุดท้ายของราชวงศน์ ี้คอื โจว้ (纣) ราชวงศน์ ี้มกี ษัตริย์ปกครอง ทงั้ สน้ิ 30 พระองค์ ยุคนี้การทาเครอื่ งสมั ฤทธมิ์ ีความเจริญรุง่ เรืองท่ีสดุ ท้งั ยงั เป็นยุคทีอ่ ักษรกระดองเตา่ ( 甲骨文) ถือกาเนิดขน้ึ มาดว้ ย

ยคุ ศักดนิ ำ (1027 ปี ก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 1912) เมื่อโจวหวู่หวาง (周武王) นากาลงั เขา้ โคน่ ลม้ การปกครองของพระเจ้าโจ้วหวางแหง่ ราชวงศ์ ชางแลว้ ก็ได้สถาปนาราชวงศ์โจว (周朝) ข้ึน และได้ปนู บาเหน็จความดคี วามชอบใหแ้ กบ่ รรดาเชอ้ื พระ วงศ์ ขนุ ศึก หวั หนา้ เผา่ ทร่ี ่วมมือกบั ตนในการโค่นล้มราชวงศ์ชาง ดว้ ยการแต่งต้ังใหบ้ รรดาคนเหล่าน้ันเป็น “จโู หว” (诸侯) หรือเจา้ ครองแคว้น แลว้ มอบที่ดินให้กับพวกเขาในขนาดทแี่ ตกต่างกนั ตามแตร่ ะดบั ความดีความชอบทไ่ี ดก้ ระทาไว้ ให้คนเหล่านน้ั มีอานาจเต็มทใ่ี นพนื้ ทที่ ไ่ี ด้รบั พระราชทานจาก “โอรส สวรรค์” (天子) หรอื กษตั ริย์แหง่ ราชวงศโ์ จว และนี่จึงเป็นท่ีมาของยุคศักดนิ าอนั ยาวนานใน ประวตั ิศาสตร์จีน ในยคุ น้ีประกอบไปดว้ ยราชวงศต์ ่าง ๆดงั น้ี รำชวงศ์โจว (周朝 1027 – 256 ปี ก่อน ค.ศ.) ราชวงศ์โจวเปน็ ราชวงศ์ท่มี ีอายยุ ืนยาวนานทีส่ ดุ ในประวัตศิ าสตรจ์ ีน เปน็ จดุ เริ่มตน้ ของระบอบ ศกั ดนิ าในประเทศจนี ราชวงศ์นี้แบ่งได้เปน็ สองช่วง คอื ราชวงศโ์ จวตะวนั ตก (西周 1027 – 771 ปี ก่อน ค.ศ.) มีเมืองหลวงอยู่ท่ีเฮ่าจงิ (鎬京) กบั ราชวงศโ์ จวตะวันออก (东周 770 – 256 ปี ก่อน ค.ศ.) มเี มอื งหลวงอยู่ท่ีล่วั อ้ี (洛邑) ในยคุ ราชวงศโ์ จวตะวันออกแบ่งยอ่ ยได้เป็นสอง ยคุ คือ ชุนชวิ (春秋) กับจ้านกั๋ว (战国) ซ่ึงเป็นยุคแหง่ การสู้รบแยง่ ชิงดนิ แดนกนั ของบรรดาจโู หว หรอื เจ้าครองแคว้นท้ังหลาย เป็นยคุ ทเี่ ตม็ ไปดว้ ยความขัดแย้งวนุ่ วายที่สุดยคุ หน่ึงในประวัตศิ าสตรจ์ ีน แต่ ขณะเดียวกันในยคุ นกี้ ็มีความเจรญิ รุ่งเรืองในด้านศลิ ปวทิ ยาการตา่ ง ๆ มากมาย โดยเฉพาะในด้านปรชั ญา ความคิด จนเปน็ ยุคทถ่ี ูกเรียกว่า ยคุ ปราชญ์ร้อยสานัก (诸子百家) ปราชญ์คนสาคญั ของจีนท่มี ชี ีวติ อยใู่ นยคุ นี้ เช่น ขงจอ่ื (孔子) เหลาจอ่ื (老子) จวงจอ่ื (庄子) ซนุ วู หรือ ซนุ จื่อ (孙子) ม่อจื่อ ( 墨子) เมิง่ จ่ือ (孟子) สวินจ่อื (荀子) หานเฟยจือ่ (韩非子) เปน็ ตน้ และยุคน้เี ป็นยุคตน้ กาเนิด ของปรชั ญาสาคัญท่ีกลายเป็นเสาหลกั ทางความคดิ ของอารยธรรรมจีนในกาลต่อมา นัน่ คือ ปรัชญาขงจอื่ ( 儒家) กบั ปรัชญาเต๋า (道家)

รำชวงศฉ์ ิน (秦朝 221 – 207 ปี กอ่ น ค.ศ.) หลังจากทีฉ่ นิ หวางเจง้ิ (秦王政) เจา้ แควน้ ฉนิ สามารถสยบบรรดาแวน่ แคว้นทง้ั หลาย ยุติ ความขดั แย้งแตกแยกในชว่ งยคุ จ้านกวั๋ รวมแผ่นดินจีนเปน็ หนึ่งเดยี วได้สาเรจ็ เปน็ ครงั้ แรกในประวตั ศิ าสตร์ ของจนี แลว้ ก็ได้สถาปนาราชวงศฉ์ นิ (秦朝) เป็นรัฐระบอบรวมศนู ยอ์ านาจขึ้นเปน็ ครั้งแรกใน ประวัติศาสตรจ์ ีน ทั้งยังสถาปนาตาแหนง่ ผู้ปกครองสูงสุดท่เี รยี กว่า “ฮ่องเต”้ หรอื จกั รพรรดิ (皇帝 )ซ่งึ ไดถ้ ูกใชเ้ ร่อื ยมาจนสน้ิ ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยทพ่ี ระองค์ได้สถาปนาตนเปน็ ฉินสอื่ หวงตี้ หรือท่ี คนไทยรูจ้ ักในนาม จิน๋ ซฮี ่องเต้ (秦始皇帝) ในยุคนี้ไดม้ คี วามพยายามทีจ่ ะสรา้ งความเป็นอันหนึง่ อัน เดยี วกนั ใหก้ ับประเทศในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านภาษา การคมนาคม ระบบเงนิ ตรา ระบบการช่งั ตวงวดั รวมทงั้ การสร้งกาแพงเมืองจีน (万里长城) เพ่ือปอ้ งกันการรกุ รานของชนกลุ่มน้อยทางตอนเหนือ ของประเทศด้วย รำชวงศ์ฮัน่ (汉朝 202 ปี ก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 220) ในช่วงปลายราชวงศฉ์ นิ ได้เกิดการลกุ ฮอื ขึน้ ของชาวนาและอดตี ชนช้นั ปกครองของหกแคว้นเดมิ ยคุ จ้านก๋ัวที่ถกู แคว้นฉินปราบไป เพ่อื ต่อตา้ นการปกครองของราชวงศ์ฉนิ จนทาใหร้ าชวงศฉ์ ินลม่ สลาย ตอ่ มบรรดคนเหลา่ นั้นก็ได้สู้รบเพอื่ แย่งชิงควมเป็นใหญก่ ัน จนในที่สดุ หลวิ ปัง (刘邦) เป็นขุนศึกท่ไี ด้รบั ชยั ชนะในทา้ ยท่ีสุด เขาจงึ ได้สถาปนาราชวงศฮ์ ัน่ ข้ึน และได้สถาปนาตนเป็นจักรพรรดินามว่า ฮัน่ เกาจู่ ( 汉高祖) ราชวงศฮ์ ่ันแบง่ ได้เป็นสองชว่ งคอื ราชวงศ์ฮน่ั ตะวันตก (西汉 202 ปกี อ่ น ค.ศ. – ค.ศ. 8) กับราชวงศฮ์ ่ันตะวันออก (东汉 ค.ศ. 25 – 220) หลงั จากราชวงศฮ์ ั่นตะวันออกลม่ สลาย แผน่ ดนิ จนี ก็ เกิดความแตกแยกว่นุ วายอกี คร้งั เกิดเปน็ ยคุ สามกก๊ ขึน้ มา (三国ค.ศ. 220 – 265) แผน่ ดนิ จนี ถูกแบ่ง ออกเป็นสามแคว้นใหญ่ ๆ ตา่ งสูร้ บแยง่ ชงิ ความเปน็ ใหญ่ จนกระท่ังราชวงศจ์ ้ินสามารถรวมแผน่ ดินเปน็ ปึกแผ่นได้อกี ครง้ั

รำชวงศ์จ้นิ (晋朝 ค.ศ. 265 – 420) ราชวงศ์น้ีสถาปนาขน้ึ โดยจักรพรรดิจ้ินหวตู่ ี้ (晋武帝) หรือ ซอื หมา่ เหยยี น (司马炎 )พระองคไ์ ดส้ านตอ่ ภารกจิ ของปแู่ ละบดิ า คือการพชิ ิตทงั้ สามก๊ก รวมแผ่นดินจนี เปน็ หนง่ึ เดียวไดส้ าเร็จ แต่ กเ็ ป็นความสงบสขุ เพยี งชั่วระยะเวลาสน้ั ๆ เท่าน้นั ราชวงศ์จิ้นแบ่งได้เป็นสองช่วง คือ จ้ินตะวันตก (西 晋 ค.ศ. 265 - 316) กบั จ้ินตะวันออก (东晋 ค.ศ. 317 - 420) รำชวงศ์เหนอื ใต้ (南北朝 ค.ศ. 420 – 589) หลังการลม่ สลายของราชวงศ์จน้ิ แผ่นดินจีนกถ็ กู รกุ รานจากชนกลมุ่ น้อยเผา่ ตา่ ง ๆ แผ่นดินจีนถูก แบง่ ออกเป็นสองส่วน โดยมีแมน่ ้าแยงซเี กยี ง (长江) เป็นเส้นแบ่ง แต่ละส่วนต่างมีราชวงศต์ ่าง ๆ ผลดั เปลี่ยนกนั ขึ้นมาปกครอง เป็นยุคท่ีมกี ารรบราฆา่ ฟนั กันว่นุ วายท่ีสุดอีกยุคหนงึ่ ในประวัตศิ าสตร์จีน แต่ ขณะเดยี วกันก็เปน็ ยุคทมี่ ีการหลอมรวมทางวฒั นธรรมระหว่างจีนเหนอื กบั จีนใต้ครัง้ ใหญ่ด้วย รำชวงศส์ ยุ (隋朝 ค.ศ. 581 – 618) ราชวงศ์สยุ สถาปนาโดยจักรพรรดสิ ุยเหวนิ ต้ี (隋文帝) หรือหยางเจยี น (杨坚) ราชวงศน์ ้ี สามารถรวมแผน่ ดนิ จีนให้เปน็ หนง่ึ เดียว หลังจากการแตกแยกวุ่นวายในสมัยราชวงศเ์ หนือใต้ได้สาเร็จ ทงั้ ยงั ไดม้ ีการริเริ่มระบบการสอบเข้ารบั ราชการ (科举) หรือการสอบจอหงวน และการขุดคลองต้าอวน้ิ เหอ (大运河) เป็นเส้นทางคมนาคมเพือ่ เชือ่ มต่อเหนือใต้เข้าด้วยกนั แตร่ าชวงศ์น้กี ม็ อี ายสุ ั้นมาก มี จกั รพรรดิปกครองเพยี งสองพระองค์เท่าน้นั

รำชวงศ์ถัง (唐朝 ค.ศ. 618 – 907) ราชวงศ์ถงั สถาปนาขน้ึ โดยจักรพรรดิถังเกาจู่ (唐高祖) หรือหลี่เยวียน (李渊) ซึ่งสามารถ เอาชนะบรรดาขุนศึกตา่ ง ๆ ท่ตี ัง้ ตวั เป็นใหญห่ ลังการล่มสลายของราชวงศส์ ยุ ได้สาเรจ็ ราชวงศ์ถงั ไดอ้ าศยั รากฐานความเจริญท่ีราชวงศส์ ุยสรา้ งไว้ สร้างความเจรญิ รงุ่ เรืองและเสริมสร้างแสนยานุภาพใหแ้ ก่ อาณาจกั รของตน จนทาให้จีนในยคุ ราชวงศถ์ งั มคี วามเจรญิ รุ่งเรอื งสูงสุดในทุก ๆ ดา้ น ถอื เป็นยุคทองของ ประวัตศิ าสตร์จีน โดยเฉพาะในรัชสมยั ของจักรพรรดิถังไทจ่ ง (唐太宗) ซึ่งเป็นจักรพรรดอิ งค์ท่ีสอง ของราชวงศถ์ งั เป็นยคุ ท่ีเจรญิ รุง่ เรืองที่สดุ หลงั จากราชวงศถ์ ังล่มสลาย แผน่ ดนิ จนี กเ็ ข้าส่ยู ุคความแตกแยก อีกครั้ง นน่ั คอื ยคุ ห้าราชวงศส์ ิบอาณาจกั ร (五代十国ค.ศ. 907 – 960) รำชวงศ์ซ่ง (宋朝 ค.ศ. 960 – 1279) ราชวงศซ์ ง่ สถาปนาโดยจกั รพรรดซิ ง่ ไทจ่ ู่ (宋太祖) หรอื เจ้าควงอน้ิ (赵匡胤) ซ่ึงสามารถ ปราบบรรดาแคว้นตา่ งๆ ท่ตี ั้งตัวเปน็ ใหญ่ขน้ึ มาในยุคห้าราชวงศ์สิบอาณาจกั รลงไดเ้ ปน็ ส่วนใหญ่ (ปราบได้ หมดในรัชสมัยของจกั รพรรดซิ ่งไทจ่ ง 宋太宗 รัชกาลต่อมา) ยุคนี้ราชสานักให้ความสาคัญกับขุนนาง ฝา่ ยพลเรือน (文官) มากกวา่ ฝา่ ยทหาร (武官) จงึ ทาให้เกิดสภาวะภายในเขม้ แขง็ แตภ่ ายนอก อ่อนแอ ราชวงศน์ ้จี งึ ถูกคุกคามจากชนกลมุ่ น้อยอยู่เสมอ ๆ ราชวงศน์ ี้สามารถแบ่งได้เปน็ สองชว่ งคือ ราชวงศ์ซง่ เหนือ (北宋 ค.ศ. 960 – 1127) กับซ่งใต้ (南宋 ค.ศ. 1127 – 1279) ยุคน้มี ีบุคคลท่คี น ไทยรจู้ ักกนั ดีคอื เปาเจง่ิ (包拯) หรอื เปาบุ้นจ้ิน กับเยว่เฟย (岳飞) หรอื งกั ฮยุ ราชวงศซ์ ่งใตล้ ม่ สลาย ลงด้วยนา้ มอื ของกองทัพมองโกลแหง่ ราชวงศห์ ยวน รำชวงศห์ ยวน (元朝 ค.ศ. 1271 – 1368) ราชวงศ์น้สี ถาปนาโดยจกั รพรรดิหยวนซอื่ จู่ (元世祖) หรอื กบุ ไลข่าน แหง่ มองโกล (蒙古 )ถือเป็นครงั้ แรกท่แี ผน่ ดินจนี ทั้งหมดต้องตกอยูภ่ ายใต้การปกครองของชนกลุ่มน้อยที่ไมใ่ ชช่ าวฮั่น (汉族) รำชวงศ์หมงิ (明朝 ค.ศ. 1368 – 1644) ราชวงศ์นี้สถาปนาโดยจกั รพรรดหิ มิงไท่จู่ (明太祖) หรอื จหู ยวนจาง (朱元璋) ผเู้ ปน็ “จกั รพรรดิผู้มาจากชนชน้ั ชาวนา” ทไ่ี ด้ครองแผ่นดินจนี ทัง้ หมดพระองคแ์ รกในประวัติศาสตรจ์ ีน ยุคน้ี อานาจการปกครองแผ่นดินจนี ได้กลับคนื สชู่ าวฮัน่ อกี ครงั้ และราชวงศน์ ี้ก็ถือเปน็ ราชวงศ์สดุ ท้ายที่ปกครอง โดยชาวฮน่ั ทั้งยงั เปน็ ยคุ ที่มกี ารตดิ ตอ่ กับชาวยโุ รปโดยตรงหลงั ยุคฟ้ืนฟูศิลปวิทยาการเป็นคร้งั แรกอกี ด้วย

รำชวงศ์ชิง (清朝 ค.ศ. 1644 – 1912) ราชวงศน์ สี้ ถาปนาโดยจกั รพรรดชิ ิงไทจ่ ง (清太宗) หรือหวงไทจ่ ี๋ (皇太极) ซ่ึงเป็นชาว แมนจู (满族) แตส่ ามารถยดึ เมอื งหลวงปักกง่ิ ไดใ้ นสมยั ตอ่ มาคอื จักรพรรดซิ ุ่นจ้อื (顺治) และไดค้ รอง แผน่ ดนิ จนี ท้ังหมดในสมยั จักรพรรดคิ งั ซี (康熙) ถอื เป็นราชวงศท์ ี่สองในประวตั ศิ าสตรจ์ นี ท่แี ผ่นดนิ จีน ทั้งหมดต้องอย่ภู ายใต้การปกครองของชนกลมุ่ น้อย และถือเป็นราชวงศ์สุดทา้ ยของประเทศจีนในยุคศักดิ นาด้วย ในยคุ นีจ้ นี ได้รับผลกระทบจากลัทธิล่าอาณานิคมเปน็ อยา่ งมาก ทาใหจ้ ีนได้รับความเสยี หายอย่าง หนกั ในหลาย ๆ ด้าน ทงั้ ยังบนั่ ทอนความเข้มแข็งราชสานัก อนั เป็นสาเหตุทาใหร้ าชวงศ์ชงิ ลม่ สลายในกาล ต่อมา ยุคสำธำรณรฐั ประชำธิปไตย (ค.ศ. 1912 – 1949) หลงั จากทซี่ นุ ยัดเซน็ (孙中山) สามารถนาผู้คนลุกฮอื ข้นึ ทาการปฏิวตั ิเปลย่ี นแปลงระบอบการ ปกครองของจีนใหเ้ ป็นสาธารณรัฐประชาธปิ ไตย และโคน่ ลม้ ราชวงศ์ชงิ ได้สาเรจ็ กถ็ ือเปน็ จุดสิน้ สุดของจนี ในยุคศกั ดินาแบบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ และเปน็ จุดสนิ้ สดุ ของระบอบจักรพรรดทิ ี่อยู่คแู่ ผ่นดินจีนมากว่า สองพนั ปี นบั แตส่ มัยราชวงศ์ฉินเป็นต้นมา และไดส้ ถาปนาสาธารณรัฐจีน (中华民国) ขึ้น แตย่ คุ นี้แผ่นดนิ จีนก็ยังตอ้ งเผชิญกับความวุ่นวายไมห่ ยุดหยอ่ น ทงั้ จากการส้รู บ ภายในที่เรียกว่า “ยคุ ขุนศกึ ” ซึง่ สงบลงอย่างเดด็ ขาดในยุคของเจยี งไคเช็ค (蒋介石) และประเทศ จนี ทัง้ ประเทศกต็ กอย่ภู ายใต้การปกครองของพรรคกก๊ มินตั๋ง (国民党) ทง้ั จากการรกุ รานของญปี่ ุ่น (ค.ศ. 1931 – 1945) สงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามกลางเมืองกับพรรคคอมมิวนสิ ตจ์ นี (共产党 ค.ศ. 1946 – 1949) ซ่งึ ในท่ีสุดกท็ าให้พรรคกก๊ มินตง๋ั ตอ้ งสูญเสียอานาจไปพรอ้ ม ๆกบั การล่มสลายของ สาธารณรัฐประชาธิปไตยบนแผ่นดนิ จนี ยุคสำธำรณรฐั สังคมนิยม (ค.ศ. 1949 – ปจั จุบัน) หลงั จากที่เหมาเจ๋อตง (毛泽东) สามารถนาพลพรรคแหง่ พรรคคอมมวิ นิสต์จนี รบชนะพรรค ก๊กมินต๋งั ของเจียงไคเชค็ ไดแ้ ลว้ เขาไดส้ ถาปนาประเทศสาธารณรฐั ประชาชนจีน (中华人民共和 国) ขนึ้ เมอื่ วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1949 และประเทศจีนก็อยู่ภายใตก้ ารปกครองของพรรคคอมมวิ นสิ ตจ์ ีน มาจนถึงปัจจุบัน ซ่งึ พรรคคอมมวิ นสิ ต์ไดป้ ระกาศให้วนั ท่ี 1 ตลุ าคมของทุกปีเป็นวันชาตจิ ีน ตราบจนถึง ปจั จบุ ันดว้ ย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook