Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Confucius

Confucius

Published by Kachornpon, 2019-11-14 23:15:51

Description: Confucius_ขงจื้อ

Search

Read the Text Version

บทนำ� ขงจ๊ือเชื่อว่าความเจริญของสังคมมาจากรากฐานของเเต่ละบุคคลต้องเริ่มจากบุคคล สังคมเเละประเทศถึงจะดีขึ้น ดงั นั้นคนท่ีมีความคิดดยี อ่ มมาจากพน้ื ฐานครอบครวั ท่ีดี เเละคน ที่มีได้รับการศึกษาย่อมพัฒนาตนให้ดีข้ึนต่างจากคนท่ีมีความคิดที่ไม่ดีย่อมไม่คิดท่ีจะปรับปรุง ตวั ให้ดขี นึ้ ขงจ๊ือจงึ คดิ หลกั คำ�สอนเพอื่ ใหค้ นในสังคมยึดเปน็ หลักปฏิบัตติ น สงั คมจะไดม้ ี ระเบยี บมากข้นึ

สารบญั หวั ข้อ หน้า สัญลกั ษณข์ องลทั ธิขงจอื๊ 02 ชวี ประวตั ิ 03 ความเปน็ มาของลทั ธขิ งจ๊ือ 06 หลักค�ำ สอน 09 ปรชั ญา 27 หลกั ความเชอื่ 33 หลกั แนวความคิดของขงจอื๊ 36 พธิ ีกรรม 43 คมั ภีร์ของศาสนาขงจ๊อื 49 การเผยแพรข่ งจื๊อในตา่ งแดน 53 ลัทธขิ งจ๊ือในปัจจุบัน 63 บทบาทของลัทธขิ งจือ๊ กับศลิ ปะ 66 สาวกคนสำ�คญั 77

01 01 01

02

03

ขงจอื๊ มีชีวิตอยู่ระหวา่ งปี ๕๕๑ ถึงปี ๔๗๙ กอ่ นคริสตกาล ช่วงเวลาดัง กล่าวกลียคุ กำ�ลงั ครอบง�ำ แผ่นดินจีน ขงจ๊ือเกิดในตระกลู ผู้ดีตกยากทม่ี ณฑลซานตงุ ช่อื ตัวคือ ชิวหรอื คิว นามสกุลคงุ หรือขง 04

ครอบครัวของท่านเปน็ ผู้คงแกเ่ รียน ทา่ นเองก็มีความรกั เรียนตงั้ แตว่ ัยเด็ก ขวนขวายหาความรดู้ ว้ ยตนเอง แมจ้ ะตอ้ งท�ำ งานหนักเพ่ือช่วยครอบครวั จนท่าน เห็นว่าการท่แี ผ่นดนิ จีนในอดตี สงบสุขและรุ่งเรืองกว่าสมยั ของท่านเอง เป็นเพราะ คนในยุคก่อนตา่ งมีคุณธรรมประจำ�ใจ รู้จกั ปฏบิ ัตติ นทำ�ให้เกิดความสามคั คีในสังคม และเคารพจารีตประเพณปี ระจำ�ถ่นิ ของตนอย่างเครง่ ครัด 05

06

ลทั ธิขงจ๊ือ หลังจากขงจ้ือสิ้นชพี (พ.ศ 64) แล้วหลายรอ้ ยปี กม็ ีศิษยานุศิษย์ ชว่ ยกันเผยแผ่คำ�สอนของขงจ๊ือตลอดมา จนถึงสมยั เมง่ จ๊ือ (พ.ศ. 172-256) ศษิ ยค์ น ส�ำ คญั ได้เปน็ ก�ำ ลงั หลกั ในการเผยแผ่ค�ำ สอนของขงจ๊อื ออกไปอยา่ งกว้างขวาง เปน็ เหตุใหร้ าชวงศ์ฮั่นเกดิ ความเลือ่ มใส ได้ยกย่องขงจอ๊ื เป็นเทพเจ้า ทั้งประกาศให้ถือคำ� สอนของขงจอ๊ื เป็นศาสนาประจ�ำ ชาติ เม่งจ๊อื 07

ศาสนาขงจ๊ือให้ความสำ�คัญแก่มนุษย์มาก ดว้ ยเหตุนีจ้ ึงจำ�เปน็ ต้องสร้างคนให้เปน็ คนดี จะได้นำ� แตส่ ิง่ ทดี่ มี าสูช่ ีวติ และโลก ปญั หามีอยวู่ ่าจะทำ�คนให้ เปน็ คนดีไดอ้ ย่างไร เร่ืองนี้ขงจอ๊ื ตอบไว้วา่ ไม่ตอ้ งไป หาที่ไหน บรรพบรุ ุษ ได้สรา้ งไว้แลว้ น่นั กค็ ือคณุ ธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณี และวทิ ยาการตา่ งๆ 08

09

คำ�สอนของขงจอ๊ื เป็นเรอ่ื งการสอนให้ประพฤตติ ามระเบียบวนิ ัย และจรรยามารยาทอัน ดงี ามตอ่ กันมา ศาสนาขงจือ๊ สอนให้ปฏบิ ตั ิเหมือน กฎทองของศาสนาคริสต์ แตไ่ ด้ใช้มากอ่ นศาสนาคริสต์ คอื “จงปฏิบตั ติ อ่ ผูอ้ นื่ เหมอื นดังที่เราต้องการใหผ้ อู้ ื่นปฏบิ ัติตอ่ เรา” 10

เนื่องจากคำ�สอนของขงจื๊อที่ให้เคารพ บรรพบุรุษจึงเกิดมีขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีต่างๆ ที่ชาวจนี ยดึ เป็นหลกั ในชวี ติ ประจ�ำ วนั ในประวัติศาสตร์ ไม่มีใครมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อความคิดและชีวิตของ ประชาชนชาวจีนเท่าขงจ๊อื 11

ศาสนาขงจื๊อจึงได้กลายเป็นส่วนหน่ึงแห่งสังคมและ ความคิดของชาวจีนอยา่ งแยกไมอ่ อก หลกั ค�ำ สอนของขงจือ๊ ประกอบด้วยค�ำ สอนมูลฐาน 5 ข้อ ดังน้ี 1. เหยนิ  ความเมตตากรณุ า 2. อี ้ ความยุตธิ รรม 3. หล ี่ พธิ ีกรรม 4. ชี สติปัญญา 5. หยู๋ ความเป็นผู้นา่ เชือ่ ถอื หลกั คำ�สอน 12

1) หลกั ความเมตตา (เหยนิ Jen) คอื การแสดงความ รักความอาทรต่อความเป็นอยู่ของผู้อื่นทั้งในครอบครัว และชมุ ชน และเปน็ ความรักความอาทรตอ่ ผู้อืน่ ในฐานะที่ เปน็ มนษุ ยส์ รรพสตั ว์พชื พันธ์ุรวมทง้ั ส่ิงไม่มชี ีวติ อื่นๆ ด้วย ซ่ึงบุคคลที่ควรจะแสดงความรักความอาทรเป็น อันดับแรกจะต้องเป็นคนในครอบครัวแต่จะต้องปฏิบัติต่อ สงิ่ มีชวี ิตอนื่ ด้วย ต้องปฏบิ ตั เิ ทา่ ท่จี �ำ เป็น การปฏบิ ัตติ นให้ เป็นคนมีเมตตาสมบูรณ์ก็เพ่ือพัฒนาตนให้ถึงความเป็นผู้ มชี ีวิตท่ีดงี าม เพ่อื ลดในกระทำ�การทารุณกรรมตอ่ กนั ถ้า หากทกุ คนขาดความเมตตา ก็ยอ่ มนำ�มาซงึ่ ความสงบและ อยูร่ ่วมกนั อยา่ งหวาดระแวง ดังน้ันการปฏิบัติตามหลักเมตตาของขงจ้ือจะ ช่วยให้เกิดความเก้ือกูลต่อกันมากข้ึนทำ�ให้สังคมสงบสุข และนา่ อยยู่ งิ่ ข้นึ 13

2) หลักความชอบธรรม (อี้ Yi) คอื การ กระทำ�ทีถ่ ูกตอ้ งชอบธรรม ซง่ึ ไม่จำ�กดั สถานท่ี เวลา และต�ำ แหนง่ การกระทำ�ทีช่ อบธรรมจงึ เปน็ การกระทำ�ท่ไี มเ่ ลือกเพศดงั ทีข่ งจ้ือ กล่าววา่ “ในการติดตอ่ กบั โลกภายนอกผู้ทเี่ ปน็ สภุ าพบรุ ุษ จะไม่ค�ำ นึงถึงความเปน็ มติ รหรอื ศตั รู แต่จะค�ำ นงึ ถึงสิง่ ทเี่ ห็นว่า ถกู ตอ้ ง เท่านนั้ ” ดังนั้นคนดีจึงพยายามค้นคว้าหาส่ิงท่ีถูก ต้องและดำ�รงตนอยู่ในสง่ิ ท่ถี ูกต้องเสมอ 14

อาจารย์ ลู (Lau) กลา่ วว่า “อเ้ี ป็นแนวคดิ ที่สำ�คญั ของขงจื้อ การกระทำ�ทุกอย่างอาจตัดสินได้ จากบรรทัดฐานแต่อ้ีตัดสินตัวมัน เองได้จากสิ่งอนั ไมใ่ ชม่ าตรฐาน” ท่านอธิบายไวว้ ่า อี้ (Yi) คือสงิ่ สำ�หรับการเรยี นรู้ท้ังหมด รวมถึงพธิ ีกรรมและขอ้ ปฏิบตั ใิ นทางศลี ธรรมมีพ้ืนฐานมาจากอ้ี (Yi) ดงั น้ัน อ้ี (Yi) จึงเป็นขอ้ ปฏิบตั ทิ างจริยธรรมท่ีขงจื้อใหค้ วาม สำ�คัญกลา่ วคอื อเ้ี ปน็ ความเตม็ เปี่ยมแหล่งศลี ธรรม (ศลี บารี) และ หลี่ (Li) ก็เปน็ การแสดงออกของอ้ี (Yi) 15

3) หลกั ความเหมาะสม (หลีL่ i) คอื กระบวนการโครงสรา้ งของ สังคมอยา่ งเปน็ ระเบียบ โดยทกุ คนสามารถเขา้ ใจในเร่ืองความรบั ผดิ ชอบต่อชมุ ชนหรือสงั คมได้ การปฏบิ ัตหิ ลี่ (Li) เป็นการปฏิบัติใหเ้ ป็นอปุ นิสัยหรอื ชกั ชวนแนะน�ำ บุคคลอื่นใหป้ ฏิบัติไดต้ ามแนวทางที่ตนปรารถนา อาทิบุคคลท่ปี ฏบิ ตั ิตามหลี่ (Li) จะตอ้ งมีความร้สู กึ ยตุ ธิ รรมและมี ความเสมอภาค เช่น ผ้พู พิ ากษาทไี่ ม่ปฏิบัติตามหล่ี (Li) จะมีพฤตกิ รรม ฝา่ ฝืนกฎหมายหรอื ไม่พจิ ารณาอรรถคดใี หถ้ ถ่ี ้วนก่อนการวินจิ ฉยั ทา่ นเหล่านจี้ ะไม่มีความยุติธรรมและจะตัดสินอรรถคดไี ปเพยี งแค่ ตามตัวบทกฎหมายเท่านน้ั จะไมม่ กี ารเอนเอยี งในฝักฝ่ายใดฝกั ฝ่ายหนง่ึ และสามารถตัดสนิ อรรถคดีต่างๆไดอ้ ยา่ งยุตธิ รรมและ ปราศจากอคตหิ รอื ความล�ำ เอยี งไดท้ ง้ั หมด ซ่ึงการกระทำ�ดังกล่าวนี้เป็นการกระทำ�ที่บง่ ถงึ คุณภาพ ของจติ ใจท่เี ตม็ เปยี่ มไปดว้ ยหลี่ (Li) ซึง่ ไมเ่ พียงแต่ในหนว่ ยงาน ศาลเท่านน้ั แตย่ งั มีหน่วยงานหรอื องค์กรอนื่ ๆกส็ ามารถน�ำ ไปปรับ ใช้ได้ 16

4) หลักความรอบรู้ (ชXี i) คือ ความสามารถของ คนในการปลกู ฝงั นสิ ยั ความดีงามใหม้ ใี นตน ที่เป็น จดุ เร่ิมต้นของการเรยี นรูจ้ รยิ ธรรมความดีงาม ความ จริงและศีลธรรม ซ่งึ ชี (Xi) นัน้ ไมใ่ ช่รากเหง้าของกุศลหรอื อกุศล ดงั นั้น บคุ คลจะตอ้ งประพฤตติ นใหเ้ ปน็ ผ้มู ี คณุ ธรรมด้วยความพากเพียร กล่าวคือต้องเรียนรู้ท่ีจะประพฤติตน อย่างเหมาะสมตามวิถีของตนอย่างมุ่งม่ันเพ่ือให้ ตนเปน็ วิญญูชนไดอ้ ย่างสมบูรณ์ โดยตอ้ งเรยี นรู้ วัฒนธรรม บม่ ความรู้ ประพฤติตามกฎบ้านเมอื ง เรียนร้พู ธิ ีกรรม ดนตรียงิ ธนูข่ีม้า ประวตั ศิ าสตร์ วรรณคดแี ละคณิตศาสตร์ เพื่อบ่มเพาะให้ตนมี ภูมปิ ญั ญา เมตตากรุณา และความกล้าหาญ พร้อม ต้ังจิตใจไวบ้ นมรรควธิ ี ต้ังตนในคณุ ธรรมอาศยั หลัก เมตตาเก้อื กูล สร้างสรรค์ศลิ ปะใหม่ มคี ณุ ธรรม และมีความประพฤติท่ดี ใี ชภ้ าษา และการพดู จาทีม่ ี ประโยชน์ท้ังต่อตนเองและคนอื่นรวมถึงเพื่อความ สนั ตสิ ขุ ของบา้ นเมอื ง 17

5) หลกั ความเป็นผนู้ ่าเช่อื ถอื (หยYู๋ u) คือ หลกั การ ที่คนทุกคนในสังคมต้องรู้จักการวางตัวให้เป็นผู้ที่ น่าเช่ือถือและไวว้ างใจของคนอนื่ ๆ ท้ังน้ีเพ่ือความร่วมมือร่วมใจกันอันจะนำ� ผลดมี าสสู่ ังคมส่วนรวมเป็นทีพ่ ง่ึ ของผ้อู น่ื ได้ มีขอ้ ควรวเิ คราะห์ประเดน็ ดังน้ี มนุษยก์ ับเมตตา มนุษย์ต้องการให้คนอ่ืนปฏิบัติดีต่อตน ทัง้ ในท่ลี บั และท่ีแจง้ ดว้ ยกายกรรม วจกี รรมและ มโนกรรม การส่งเสริมให้คนมีเมตตาตอ่ กนั จึงเป็น สิ่งท่ีขงจ้ือมุ่งเน้นท่ีจะให้คนมีความเมตตาอาทรต่อ กนั 18

อย่างไรก็ตามในหลักจริยศาสตร์ของขงจ้ือได้กำ�หนด ขอบเขตของการประพฤตปิ ฏิบตั ติ ามหลักจริยศาสตร์ 5 ประการ ดังน้ี 1) ความเปน็ คนดมี วี ิถีทาง คือ ความเมตตากรุณา ความฉลาดและ ความกลา้ 2) ความสุภาพถอ่ มตน ต้องสุภาพต่อทุกๆ คน 3) การพึ่งตนเอง ใหพ้ ยายามชว่ ยตนเอง อยา่ คดิ พึง่ พาคนอื่น 4) การตอบแทนความดี ให้ตอบแทนความช่วั ด้วยความดีความ ยุตธิ รรม และตอบแทนความดีดว้ ยความดี 5) ความกตัญญใู ห้ลกู หลานกตัญญตู อ่ พอ่ แม่ผมู้ ีพระคณุ เคารพ เลยี้ งดู เมอื่ ท่านสิน้ ชีวิต กระทำ�พิธีศพให้เหมาะสม สงั เวยกราบบูชา วิญญาณบรรพบรุ ุษ 19

โดยขงจ้ือได้พยายามเสนอหลักจริยศาสตร์ท่ีสอดคล้องกับ สัจธรรมและจารีตประเพณีท่ีบรรพบุรุษได้เช่ือถือสืบต่อกันมาซึ่งแบ่ง เป็น 2 ระดับ ดงั นี้ 1) ระดบั ปจั เจกชน ขน้ั พ้ืนฐานน้ขี งจอื้ พยายามที่จะปลูกฝงั คุณธรรมหรือหลกั ความประพฤตชิ อบให้แก่ทุกคน เพราะทา่ นถอื วา่ สังคมจะมีความสุขสันติสุขและความเจริญก้าวหน้าได้จะต้องเร่ิมที่ตัว ของมนษุ ยท์ กุ ๆคนเสียกอ่ น โดยมีหลักจรยิ ธรรมของปัจเจกชน 5 ประการไดแ้ ก่ 1) ความชอบธรรม (อี้) ความเหมาะสมถูกต้อง 2) มนษุ ยธรรม (เหยิน) การมคี วามรกั ในคนอืน่ (เมตตาธรรม) 3) ความรสู้ ึกผดิ ชอบ (จง) เปน็ การปฏบิ ัติทีม่ งุ่ ไปสูม่ นุษยธรรมและ ความชอบธรรม 4) ความเห็นแก่ผู้อ่ืน (สู่) 5) บญั ญตั แิ ห่งสวรรค์ (หมงิ ) 20

เมอื่ ทกุ คนมีคณุ ธรรมแลว้ กเ็ หมาะสมความ เป็นมนุษยส์ มบูรณต์ ามอุดมคติก็จะปรากฏข้นึ ใน สังคมอยา่ งแนน่ อน ซึ่งประกอบดว้ ยหลกั การส�ำ คญั 2 อยา่ ง ได้แก่ มนษุ ยก์ ับเหยนิ คำ�วา่ เหยนิ มคี วามหมายหลายนัย คือ ความเมตตากรุณา ความสภุ าพ มนษุ ยธรรมความมี จติ ใจออ่ นโยน มเี จตนาท่ีดที ีจ่ ะทำ�ให้แก่สังคมสงบสขุ ผสู้ ามารถปฏิบตั ธิ รรม 5 ประการ ไดใ้ นทุก แห่งหนภายใต้คุณธรรมท่ีสมบูรณ์ท่ีเป็นองค์ประกอบ 21

เมื่อบคุ คลมีความสุภาพอ่อนโยนจะได้รบั ความเคารพ เมื่อบุคคลมีจิตใจกวา้ งขวางจะไดร้ บั ชัยชนะเหนอื ผูอ้ น่ื เม่อื บุคคลมคี วามจริงใจประชาชนจะให้ความไวว้ างใจ เมอ่ื บคุ คลมุง่ มนั่ จรงิ จงั จะประสบความสำ�เร็จ เมอ่ื บคุ คลมคี วามเมตตากรณุ าจะได้รบั ความช่วยเหลอื รับใชจ้ ากคนอ่นื จากแนวคดิ ของขงจอ้ื ข้างต้น ไดแ้ สดงถึงหลกั แหง่ ความสมั พันธ์ ขนั้ มูลฐาน 5 ประการทีป่ ัจเจกชนพึงปฏิบัตติ อ่ ผอู้ ่นื ในสงั คม คอื ความสภุ าพ ความโอบอ้อมอารี ความจริงใจ ความตั้งใจจรงิ ผู้มีเหยนิ จึงมีความรักความ เมตตาตอ่ เพือ่ นมนุษยด์ ว้ ยกันมากกวา่ ใครอ่นื กลา่ วคอื ผู้มเี หยนิ ปรารถนาท่ี จะสร้างเน้อื สร้างตวั ด้วยตนเอง เมตตากรณุ าตอ่ มนษุ ยผ์ มู้ เี หยินจะรตู้ วั เสมอ ว่าจะปฏบิ ัติตอ่ ตนเองและคนอ่ืนอยา่ งไร 22

มนษุ ยก์ บั หล่ี หล่ี (Li) หรือจารตี ประเพณีของสังคมทีท่ กุ คนยอมรับว่า เป็นสง่ิ ที่ถูกต้องและเหมาะสม พอดีในการปฏิบัติตอ่ มนุษยท์ ุกคนใน สังคม กล่าวคอื วธิ ีการท่ีถูกทีค่ วรในการทักทาย ประพฤติตนอย่าง ถูกต้องเหมาะสม ตามวาระโอกาสพเิ ศษเสมอวธิ กี ารดำ�เนินการเซน่ ไหว้บวงสรวง และเฉลมิ ฉลองเทศกาลวนั หยดุ พธิ กี รรม การแต่งงาน การเกดิ การตาย การฝงั ศพ กฎเกณฑก์ ารบริหาร งานบ้านเมือง ธรรมเนยี มการควบคุมดูแลการงานสงคราม ครอบครัว โรงศาล การ จัดล�ำ ดบั วันและฤดกู าล การจัดลำ�ดบั ขั้นตอนของชีวิต ดงั นั้นผ้ใู ดไม่ มหี ลี่ (Li) ย่อมเปน็ การกระทำ�ท่ีเหลวไหล หล่ี (Li) เป็นหลักมนุษยสัมพันธท์ างสงั คมท่ที รงคณุ ค่า เพราะแสดงออกถึงความมีเหยินของบุคคลนั้นต่อสังคมได้อย่าง กลมกลนื เป็นอนั หน่งึ อนั เดยี วกัน แต่กอ่ ใหเ้ กิดความรักความสามคั คี เอือ้ อาทร ชว่ ยเหลอื จึงเห็นไดว้ า่ จริยศาสตรร์ ะดบั ปจั เจกชนนจ้ี ะต้อง ประกอบด้วยเหยนิ Jen กับ หลี่ (Li) เคยี งคู่กนั เสมอเพราะทง้ั สองเป็น อปุ กรณ์ที่ทำ�ให้มนุษย์และสงั คมมคี วามสมบูรณ์พนู สขุ มากยิ่งขน้ึ 23

2) ระดบั สังคม ขงจ้อื ถอื วา่ มนษุ ยเ์ ปน็ สัตว์สังคมทจ่ี ะต้องมกี าร ปฏสิ ัมพันธก์ ันและกนั ความเปน็ มนุษยจ์ ะมีคณุ คา่ ทแี่ ท้จริงกต็ อ่ เม่ือทกุ คนท�ำ หน้าท่ขี องตนให้สมบูรณซ์ ่งึ ก่อให้เกิดสัมพนั ธภาพท่ีดตี อ่ กนั แสดง ความสมั พนั ธข์ องมนษุ ยอ์ อกเป็น 5 ระดบั คือ 1) ผู้ปกครองกบั ประชาชน 2) บิดามารดากับบตุ รธิดา 3) สามีกบั ภรรยา 4) พี่กับนอ้ ง 5) เพื่อนกับเพือ่ น ซึ่งในการประสานความสัมพันธ์ของบุคคลเหล่าน้ีจะต้องมี ความเหมาะสมกับสถานภาพและหนา้ ทีข่ องตน 24

หหลลกั กั คคำ�ำ�สสออนน 25

ค�ำ ส่ังสอนของขงจอื๊ ด�ำ เนินตามหลักสำ�คญั 5 ประการ ดงั น้ี 1. ศรทั ธา ขงจอ้ื สอนคนใหม้ คี วามเชอื่ วา่ ถ้าคนมีความนบั ถือซึ่ง กันและกนั แล้ว จะไม่มีอาชญากรรม และสงั คมมนษุ ย์จะดำ�เนินไป อย่างผาสกุ   2. ความเป็นผูค้ งแก่เรยี น การที่บคุ คลจะเข้าใจซงึ่ กนั และกันต้อง อาศยั การศกึ ษา เลา่ เรยี นซ่ึงเปน็ สิ่งส�ำ คัญท่ีควรปลกู ฝงั ให้แก่คน ทกุ คน ถา้ บคุ คลไดร้ ับการศึกษาดแี ล้วมิใชแ่ ต่จะด�ำ เนนิ ชวี ติ อยูใ่ น สังคมด้วยความราบรน่ื เทา่ นนั้ แตจ่ ะได้เป็นแบบอยา่ งอนั ดีต่อคน ทง้ั ปวงอีกด้วย 3. การบำ�เพ็ญคณุ ประโยชน ์ ยึดหลกั มนุษยธรรม ใหม้ เี มตตาจิต ตอ่ กนั ใหม้ ี ความเขา้ ใจอนั ดีและความนบั ถือกัน ให้ปฏบิ ตั ติ นตาม หลัก “ซ่งึ กนั และกนั ” 4. การสรา้ งลักษณะนสิ ัยและทัศนคติท่ีดีงาม เป็นสง่ิ ควรปลูกฝงั ให้ มอี ยู่ในตัว บคุ คล เพื่อเป็นรากฐานของการเปน็ พลเมอื งดี  5.ขนบธรรมเนยี มและจารตี ประเพณ ี เปน็ เครอื่ งยดึ เหนยี่ วให้บุคคล ประพฤติดี จึงจ�ำ เปน็ ทจ่ี ะต้องอาศยั การศึกษาเล่าเรียนใหร้ ถู้ ึง 26

27

1. ปรชั ญาการเมอื ง รัฐบาล คือ ศูนยก์ ลางของการปกครอง การตง้ั รัฐบาลเปน็ ผล ของความคดิ พจิ ารณาโดยถถ่ี ้วน ขงจ๊ือชใี้ หเ้ ห็นความสำ�คญั ของรัฐบาล 2 ประการ ดังน้ี 1.1 อ�ำ นวยประโยชนแ์ กป่ ระชาชน 1.2 การสรา้ งกฎตา่ งๆ รัฐบาลจะดีได้เพราะสังคมมขี นบธรรมเนยี มและ จารีตประเพณที ่ดี ี ดงั นั้นรัฐบาลที่ดีจึงควรยดึ หลกั 3 ประการ ดังนี้ 1) อาหารเพียงพอสำ�หรบั ราษฎร 2) มีก�ำ ลังทหารพอสมควร 3) มีความเชื่อมนั่ ในประชาชน 28

2. ปรชั ญาการปกครอง เมอ่ื ผู้ปกครองตงั้ ตนให้เที่ยงตรงแล้ว ประชาชนในบงั คบั บัญชาย่อมทำ�ตามหน้าที่ โดยไม่ตอ้ งขอรอ้ ง แตเ่ ม่ือผ้ปู กครองไม่ ตง้ั ตนใหเ้ ทยี่ งตรงแลว้ แมจ้ ะขอรอ้ งสกั เทา่ ใด ประชาชนในบงั คบั บัญชากห็ าเชอื่ ฟงั ไม่ รฐั บาลทด่ี ี คอื รัฐบาลทที่ ำ�ให้ผูอ้ ยู่ในความคุ้มครอง เปน็ สุข และเป็นท่ีพอใจของประชาชนทอี่ ยู่ตา่ งดา้ วไกลออกไป ถ้า ผูป้ กครองนยิ มการขม่ ตนเองอยู่เป็นเกณฑ์ ประชาชนกจ็ ะว่านอน สอนงา่ ยตามค�ำ บังคบั บัญชาของผู้ปกครองนน้ั 29

3. ปรัชญาด้านการศึกษา เป็นนกั ปราชญแ์ ม้รู้มากก็จรงิ แตส่ ่ิงใดที่รู้แลว้ ไม่ต้องถาม สิง่ ใดทยี่ งั ไม่รู้ แม้มาตรว่านิดหนอ่ ย กค็ วรต้องถาม คนทมี่ ีกำ�ลัง แต่ไมม่ ปี ัญญา แม้ จะขนั สู้กบั ใครๆ ก็เหมือนเอามือเปลา่ ไปตีเสือ หรอื ไมม่ ีเรอื ใบขา้ มแม่น้�ำ คนเราเม่ือแรกเกิดมานัน้ ความคิดยังหยาบก่อน ต่อเม่อื ไดเ้ รียน รู้ดูค�ำ สง่ั สอนแล้ว จึงคอ่ ยดีขึน้ โดยล�ำ ดับ เปรียบเหมือนไมก้ ระดานแรก เลอ่ื ยใหม่ และศิลาแรกตอ่ ยออกมายังไม่เกล้ยี งกอ่ น ตอ้ งไสกบและขดั สี จึงเกลย้ี งเกลาขึน้ ได้ 30

4. ปรชั ญาดา้ นเศรษฐกิจ เม่ือยากจน แตร่ ูจ้ ักประมาณตนไม่เที่ยวประจบงประแจง อตุ ส่าห์หาทรพั ย์ไปตามสตกิ ำ�ลงั ของตน เมอ่ื ม่ังมีกค็ วรเอ็นดูคนทง้ั ปวง ต้งั จติ คิดอนเุ คราะห์คนทกุ ถ้วนหน้า 31

5. ปรชั ญาด้านการวางตน เป็นขนุ นางควรตัง้ ตนอยู่ในความซื่อสตั ย์ ใครดีกค็ วรยกยอ่ ง ใครช่ัวกค็ วรข่มข่ี กล่าวสั่งสอน จงอยา่ เห็นแก่ลาภ ซึง่ กลับเอาคนดีเป็นคนช่วั เอาคนช่วั เปน็ คนดี ทำ�ไดอ้ ย่างน้ี ปวงชนยอ่ มนบั ถือ เมื่อจะพดู ถึงสิ่งใด จงพูดด้วยความซ่ือสตั ย์ ให้คนท้ังปวงนบั ถือเช่อื ฟงั ได้ 32

33

ศาสนาขงจ๊อื มีความเชอ่ื และจดุ หมาย สงู สดุ ไมเ่ ด่นชดั คือเพียงแตอ่ นุโลมใหท้ �ำ ตาม ความเชอื่ ทีบ่ รรพบุรษุ เช่อื กนั มา เชน่ เช่ือเรอ่ื ง ผสี างเทวดา และพยายามทำ�ความดี  ขงจื๊อเนน้ แต่เรอ่ื ง มนุษย์และโลก เป็นส�ำ คัญ จุดหมายสำ�คัญของขงจือ๊ กค็ อื ต้องการใหค้ น สงั คม ประเทศชาติ และโลกสงบสขุ ตอ้ งการใหค้ นในโลกนี้ ไมแ่ บง่ ช้นั วรรณะ ไม่แบง่ พวก ไมแ่ บง่ ประเทศ แตต่ ้องการให้มปี ระเทศเดยี ว คอื ประเทศมนษุ ย์ และมี ชาตเิ ดยี วคือ ชาตมิ นุษย์ หากเปน็ ได้ดงั กล่าว ทุกคนกจ็ ะเป็นพน่ี อ้ งกนั มีความปรารถนาดีตอ่ กัน ช่วยเหลอื กนั โลกกจ็ ะสงบ ร่มเยน็ โดยแท้ เพราะฉะนน้ั ความสงบสุขในโลกนี้จงึ เป็น ยอดปรารถนาและจุดหมายสงู สดุ ของขงจ๊อื 34

ศาสนาขงจอื๊ มอี ทิ ธิพลตอ่ ชาวจนี เป็นอย่างมาก ทำ�ให้ ชาวจนี มวี ัฒนธรรมทเ่ี ป็นเอกลกั ษณข์ องตนหลายอย่าง เชน่ 1.ชาวจนี ใหค้ วามสำ�คัญในเรื่องครอบครัวมาก ถอื วา่ ครอบครวั เป็นรากฐานของสงั คม ชาวจนี จงึ พยายามสรา้ งครอบครวั ใหเ้ ป็น ปกึ แผน่ 2. ชาวจีนใหเ้ กียรติต่อผสู้ ูงอายุ ทัง้ ใชส้ รรพนามให้เหมาะสมกับวัย เรยี ก พี่ ปา้ นา้ อา เปน็ ต้น 3. ชาวจีนใหค้ วามส�ำ คญั ตอ่ บรรพบุรุษทล่ี ว่ งลบั ไปแล้ว จะต้อง ดแู ลสถานทฝ่ี ังศพ ของบรรพบรุ ษุ ไว้ใหด้ ี ตลอดทง้ั เซ่นไหวอ้ ยู่ เสมอ 4. ชาวจีนนิยมยกย่องครบู าอาจารย์ แตไ่ ม่นิยมยกย่องทหาร ชาวจีนให้ความสำ�คญั ต่อผใู้ ช้ความร้มู ากกว่าผู้ใชก้ �ำ ลัง ตามคำ� สอนของขงจ๊ือ 5. ชาวจนี ไม่ชอบมีเรอื่ งขน้ึ โรงข้ึนศาล แตจ่ ะพยายามปรองดอง กนั ให้ได้ 35

36

ครอบครัว ครอบครัวเป็นรากฐานของสังคม ทุกคนตา่ ง มีหนา้ ท่คี วามรับผิดชอบของตัวเอง สงั คมจะดไี ด้หากมี ครอบครัวทดี่ ี บุตรควรมคี วามกตัญญูจากใจจริง การบูชา บรรพบรุ ุษกเ็ ปน็ หน่งึ ในหลักของขงจอ้ื 37

การปกครอง หากรฐั บาลจะตอ้ งสละอยา่ งใดอย่างหนึ่ง ให้เลือกสละ ทหารเป็นอยา่ งแรก  ผ้มู ีอ�ำ นาจต้องมคี วามเด็ดขาด รู้จักใชอ้ �ำ นาจ ตอ้ งมีศลี ธรรม มีความยุติธรรม ตอ้ งร้จู ักให้อภัยกนั   ต้องรจู้ ัก ประเมนิ ตนเอง เรือ่ งที่ตัวเองทำ�ได้กค็ วรท�ำ เรือ่ งทีท่ �ำ ไม่ได้ ก็ควรยก ใหค้ นอ่นื ทำ� 38

ความตาย - ขงจื้อ ไม่ได้พดู ถึงโลกหลังความตายหรือโลกหนา้ แต่ เชือ่ วา่ มสี วรรคเ์ บื้องบนคอยสอดส่องดูแลเราอยู่ “ผู้ ใดท�ำ ผิด สวรรค์ย่อมลงโทษ” ระบบคณุ ธรรมน้ีมาจากความเชื่อโบราณของชาวจนี ทวี่ า่ มสี วรรค์ อยเู่ หนอื โลกมนุษย์คอยดแู ลปกป้องมนษุ ย์ หากทุกคนประพฤติ ปฏิบัติดีในขณะทมี่ ชี วี ิตอยู่ สงั คมกจ็ ะเกิดความสงบสุข 39

แกน่ แทข้ องขงจื้อ คอื การปรับตวั ให้เข้ากบั โลกโดยการ ศึกษา รู้จักปรบั ปรงุ ตวั เอง รู้จกั หน้าที่ อ่อนนอ้ มถ่อม จดุ มุ่งหมาย คือ สังคมจะเปน็ ระเบยี บเรียบร้อย เนื่องจากมีแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจหรือแนวทาง การปฏิบตั ิตนคอื ลทั ธิ ความเชื่อ หรอื ศาสนา 40

ระบบความคดิ แบบครอบครัวหรอื ความสัมพนั ธ์ ๕ แบบ คือ ความสัมพันธร์ ะหว่างผู้คนกลุ่มตา่ งๆในสังคมมีความ ส�ำ คญั ไมเ่ ท่าเทยี มกนั ทั้งนีข้ ้ึนอยู่กบั วัย สถานะทาง สงั คมและความเกี่ยวดองฉันญาติ ขงจอ๊ื แบง่ ความสมั พันธ์ในสังคมออกเปน็ ๕ แบบ ได้แก่ ๑. ความสัมพนั ธ์ระหว่างบดิ าต่อบุตร (ซ่งึ รวมถงึ ความ สมั พนั ธร์ ะหวา่ งมารดาตอ่ บตุ รด้วย) ๒. ความสัมพันธ์ระหวา่ งพต่ี ่อนอ้ ง ๓. ความสัมพันธร์ ะหว่างสามตี ่อภรรยา ๔. ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งผู้อาวโุ สตอ่ ผอู้ ่อนกว่า ๕. ความสมั พันธร์ ะหว่าง กษัตริย์ตอ่ ราษฎร 41

สถานภาพของสตรี ทั้งขงจื๊อและเม่งจ๊ือเน้นคุณธรรม สอนให้สามีทำ�หน้าที่อย่างมีคุณธรรมต่อ ภริยา สว่ นภรยิ าใหเ้ ชอื่ ฟังและเคารพสามี ประมาณครสิ ตวรรษท่ีสาม ศษิ ยข์ องขงจื๊อ ได้ ใช้ศาสนาขงจื๊อเป็นเครื่องมือรวบอำ�นาจให้แกฝ่ ่าย ปกครอง โดยตงั้ กฎทีเ่ รยี กวา่ พันธะ 3 ประการ ขน้ึ มา 1. กษัตรยิ ์มีอำ�นาจเหนอื เหลา่ ขนุ นาง 2. พอ่ มอี ำ�นาจเหนอื ลกู 3. สามีมอี ำ�นาจเหนือภรรยา “พันธะ 3 ประการ” เปิดโอกาสใหผ้ ้มู ี อำ�นาจกดขี่ข่มเหงไดต้ ามใจชอบ นกั คดิ กลุม่ น้อี ้างวา่ พันธะ 3 ประการ มี ไว้เพื่อให้สังคมสงบและความสัมพันธ์ของทุก คนในสงั คมดำ�เนนิ ไปอยา่ งราบร่ืน 42

43

ขงจือ๊ รบั เอาประเพณที ัง้ 3 ซ่ึงมมี าแตก่ ่อนหลายพนั ปี เข้าเป็นหลักการใหญ่ เปน็ อันว่าประเพณตี า่ งๆ ท่ีสบื ทอดมาแต่ โบราณ 1. พิธีบูชาขงจอ๊ื เร่ิมตน้ เม่อื ปี ค.ศ. 195 ก่อน ค.ศ. (พ.ศ. 348) พระจักรพรรดจิ ีนได้น�ำ สัตว์ทฆ่ี า่ แล้วไปท�ำ พิธบี ูชาทีห่ ลุมฝังศพ ขงจ๊ือ และมคี �ำ สัง่ เปน็ ทางการให้มกี ารเซน่ ไหวข้ งจื๊อเป็นประจ�ำ และให้สร้างศาลของขงจือ๊ ขึ้นทัว่ ทกุ หัวเมืองที่ส�ำ คญั และท�ำ พธิ ี เซน่ ไหว้ และยังกำ�หนดใหว้ นั เกดิ ของขงจือ๊ คือวนั ที่ 27 สิงหาคม เป็นวันหยุดราชการประจำ�ปขี องจีน และต่อมาไดเ้ ปล่ยี นเป็นวนั ที่ 28 กันยายน 44

2. พิธีบชู าฟา้ ดิน พระอาทติ ย์ และพระจนั ทร์ ในปีหน่ึง จะมีรัฐพิธี 4 ครง้ั ดังนี้ 2.1 พิธบี ชู าฟา้ กระท�ำ กนั ประมาณ วนั ท่ี 22 ธันวาคม พระจักรพรรดิจะทรงเปน็ ประธานในพธิ ี พธิ ีจะมกี ารแสดงดนตรี การแห่ โคมไฟ มีเครือ่ งเซ่นไหว้ เช่น อาหาร ผ้า ไหม เหลา้ เป็นตน้ เสร็จแล้วจะเผาเคร่อื งเซน่ ไหว้ หมด แทน่ บชู าอยูท่ างทิศใตข้ องกรุงปกั กิ่ง ท�ำ ด้วยหินอ่อนสีขาว มีระเบยี งลดหลน่ั เปน็ ชน้ั 3 ชั้น 2.2 พธิ บี ูชาดนิ เป็นการบชู าธรรมชาติ หรือเทพประจำ�ธรรมชาติ ผู้ประกอบพิธีเปน็ ขนุ นาง หรือข้าราชการ กระท�ำ เปน็ งานประจำ� ปี ประมาณวันท่ี 21 หรือ 22 มถิ นุ ายน ทเ่ี รยี ก ว่า ครษี มายัน ณ แทน่ บูชา อยูท่ างทศิ เหนอื กรงุ ปักก่ิง สถานที่บชู ามีลักษณะเป็น ส่เี หลย่ี ม มนี �้ำ ล้อมรอบ 2.3 พธิ ีบูชาพระอาทิตย์ กระท�ำ เปน็ ทางการประจำ�ปี ณ ทีบ่ ูชาทางประตูดา้ น ตะวันออกของกรงุ ปกั ก่งิ ประมาณวันท่ี 21 มนี าคม ท่ีเรยี กว่า วันวสันตวิษุวตั คือวนั ท่ี 45

46

3. พิธเี คารพบูชาเทยี น และวญิ ญาณ ของบรรพบรุ ษุ ชาวจนี ได้ค้นพบความ มอี ยู่ของเทพเจา้ “เทยี น” และเชือ่ กนั โดยท่ัวไปว่า เทพเจ้าเทยี นน้นั ทรง ประทับอยู่บนสวรรค์อย่างแน่นอน เหตุน้ีพวกเขาจึงพากันทำ�พิธีเคารพ บชู า เทยี น ผู้เป็นเจา้ แหง่ เทพท้ัง ปวง ผูค้ ุ้มครองโลก ทรงเป็นวิญญาณ แห่งดวงจนั ทร์ ดวงอาทติ ย์ ฝน ไฟ ฟ้าร้อง ฟา้ ผา่ ภเู ขา และล�ำ น�ำ้ ขณะ เดียวกันพวกเขาก็ ให้การเคารพบูชา วญิ ญาณของบรรพบุรุษของตน รวม ท้ังบชู า ดวงวิญญาณแหง่ ผูบ้ ริสุทธิ์ และวีรชนด้วย โดยเฉพาะวิญญาณ แหง่ องคจ์ ักรพรรดถิ ือว่าเป็น ดวง วญิ ญาณแห่งผูบ้ ริสุทธ์ิ พวกเขาจะพา กนั รอ้ งเพลงเปา่ ขลุ่ย และประกอบ พธิ บี ูชาดวงวิญญาณดังกลา่ ว ตลอด จ น วิ ญ ญ า ณ แ ห่ ง ธ ร ร ม ช า ติ อ่ื น ๆ 47


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook