บทนํา ศาสนาโซโลอัสเตอร์ เปนหนึงในศาสนา ทีเก่าแก่ทีสดุ อีกศาสนาหนงึ ของโลก ตํานานและความเชืออันนา่ ทึง ศาสนานียังม ี พธิ กี รรมชําระศพอันนา่ สนใจ คือการชาํ ระศพ ด้วยแสงแดด นกแรง้ และเหล่านกกา แทนทีจะเปนการใช้ไฟหรอื ฝงดินเชน่ ศาสนาอืน ความเชอื ทีเกียวพันกับด้านธาตุธรรมชาติ โลก หลังความตายและภตู ผีปศาจ หอคอยแหง่ ความเงียบ เปนสถานทีเกียวกับ พธิ ศี พดังกล่าวโดยตรง ซึงหนงั สือเล่มน ี จะกล่าวถึงสถานทีแหง่ นัน อันเปนทีพกั พงิ สดุ ท้าย ของผศู้ รัทธาในศาสนาโซโลอัสเตอร ์ ผู้จัดทําหวังอยา่ งยิงว่า หนงั สือเล่มนีจะเปน แหล่งข้อมูลทีมปี ระโยชน์แก่ผู้ทีสนใจศกึ ษาสถานที ท่องเทียวเชงิ ประวัติศาสตร์อันนา่ สนใจสักแหง่
สารบญั 1 8 14 บทที 1 21 ศาสนาโซโลอัสเตอร ์ 25 บทที 2 ข้อมูลเบืองต้นของหอคอยแหง่ ความเงียบ บทที 3 โครงสร้างของหอคอยแหง่ ความเงียบ บทที 4 ประวัติของหอคอยแหง่ ความเงียบ ในประเทศอินเดีย บทที 5 ประวัติของหอคอยแหง่ ความเงียบ ในประเทศอิหรา่ น
บทที 6 พิธีกรรมในหอคอยแหง่ ความเงียบ 31 บทที 7 ความเชอื ทีเปนสาเหตุใหใ้ ช้แสงแดด 33 และนกในการกําจัดศพ 35 บทที 8 หอคอยแหง่ ความเงียบในแง่แหล่ง ท่องเทียวปจจุบนั
1
บทที 1 ศาสนาโซโลอัสเตอร ์ ศาสนาโซโลอัสเตอร์ เปนหนงึ ในศาสนา ทีเก่าแก่ทีสดุ ในโลก เอกเทวนยิ มถือกําเนดิ ขึน เมือ 600 ปก่อนครสิ ตกาล ทีประเทศอิหรา่ น มศี าสดาคือ โซโลอัสเตอร ์ 2
ศาสนานบี ูชาไฟอันเปนสญั ลักษณ์ของ แสงสว่าง ความอบอุ่น และพลังชําระบริสุทธ ิ นับถือเทพอหุระมัสดะ (Ahura Mazda) เปนเทพเจ้าสูงสดุ ชอื แปลเปนภาษาอังกฤษอยา่ งตรงตัว ของเทพองค์นคี ือ “Wise Lord” เปนเทพแหง่ ความดีงามและความปราดเปรอื ง เปนผ้ใู ห้กําเนดิ จักรวาลและสงิ ต่างๆ 3
ศาสนาโซโลอัสเตอร์เชือว่าสงิ ดีงามทังหลาย ในโลกคือผลงานของพระองค์ ในขณะเดียวกัน มอี งค์เทพแหง่ ความชัวรา้ ยซงึ เปนขัวตรงขา้ ม ของพระอหุระมัสดะ มีนามว่าเทพอาหร์ มิ ัน(Ahriman) หรือ อังรี เมนยุ (Angra Mainyu) เปนจ้าวแหง่ ความมืดและเปนนายของเหล่าปศาจ ทังยงั เปนผใู้ ห้กําเนดิ ความตายโรคร้าย สงิ โสมมทังหลายในโลก ในปจจุบนั ศาสนานีมผี นู้ ับถืออยูป่ ระมาณ 100,000-200,000 คนทัวโลก สว่ นใหญจ่ ะอยูใ่ นประเทศอินเดียและอิหรา่ น สว่ นแถบในภาษาอังกฤษ ชอื ของสาวกของ ศาสนาโซโลอัสเตอร์คือ Zoroastrian 4
5
ความเชอื เรอื งโลกหลังความตาย ของ ศาสนาโซโลอัสเตอร ์ ศาสนาโซโลอัสเตอร์เชือว่าความตาย คือผลงานของปศาจนามว่า อังรี เมนยุ และยงั เชืออีกว่าจิตวิญญาณมนุษย์เปนอมตะ และจะไมเ่ ชือมต่อกับรา่ งกายอีกเมอื ออกจากรา่ ง มาแล้ว พวกเขาอยูเ่ คียงขา้ งรา่ งของตนอีกหลายวัน เพือทีจะรอเดินทางไปยงั แดนคนตาย และถกู ตัดสนิ ความดีความชัวทีตนเคยกระทําไว้ใน โลกต่อไป การตัดสนิ ความดีและความชัว ในโลกวิญญาณ จะเกิดการตัดสนิ ขนึ หนา้ สะพาน “Chinvat” ซงึ จะมีเทพหญงิ นามว่า “Daena” เปนผยู้ นื เฝาสะพาน และเปนผ้ตู ัดสนิ การกระทําดี ชัวของเหล่าวิญญาณ วิญญาณมนุษย์จะเห็นนางไมเ่ หมอื นกัน ขึนอยูก่ ับความดีความชวั ของวิญญาณตนนนั ๆ ถ้าเปนวิญญาณทีทําความดี ก็จะเหน็ Daena เปนหญงิ สาวแสนสวย แต่ถ้าเปนวิญญาณที ทําความชัว ก็จะเห็น “Daena” เปนแมม่ ด 6
วิญญาณทีเคยทําแต่ความดี “Daena” ก็จะใหพ้ วกเขาเหล่านนั ไปยงั “Garo Demana” หรอื “The House of Songs” อันเปนทรวงสวรรค์ ในความเชอื ของศาสนาโซโลอัสเตอร ์ สว่ นวิญญาณชัวรา้ ยจะถกู แมม่ ดผลักตกลง ไปยัง “Drujo Demana” หรือ “House of Lie” ซงึ ก็คือหุบเหวนรกอันหนาวเหนบ็ และมดื มิด ข้อมลู บางแหล่งบอกว่าสะพานคือตัวตัดสิน บุญ-บาปของวิญญาณด้วยตัวของมันเอง ในขณะเดียวกันทีขอ้ มูลบางแหล่งก็บอกว่า พระอหรุ ะมสั ดะคือผู้ตัดสินด้วยพระองค์เอง 7
8
บทที 2 ขอ้ มูลเบอื งต้นของหอคอยแหง่ ความเงยี บ หอคอยแหง่ ความเงียบ (Tower of Silence) ในประเทศอินเดียถกู เรียกว่า “doongerwadi” หรอื “ดัคมา” หรือ “มาลาบาร์ ฮิลล์” 9
สรา้ งขึนชว่ งศตวรรษที 20 มีอายุกว่า 300 ป มโี ครงสรา้ งลักษณะเปนวงกลมยกสูงเหมือนกับ หอคอยจํานวนสามแถว และยงั มโี ครงสร้าง ทีถกู เรยี กว่า “bunglis” ทีใช้เปนสถานทีสวดมนต์ โดยผ้ดู ูแลทีเรียกว่า “khandias” ก่อนทีรา่ งไร้ วิญญาณจะถกู นาํ ไปทําพิธีชําระล้างมลทินต่อไป 10
โครงสร้างทีถูกออกแบบอยา่ งดี หอคอยแหง่ ความเงียบนนั ถกู สรา้ งขึนเปน วงกลมคล้ายอัฒจรรย์ สูงขึนจากพนื ราวๆ 5 เมตร เสน้ ผา่ ศนู ย์กลางราว 92 เมตร มีทางเข้า-ออกทาง เดียว และให้เข้าเฉพาะผทู้ ีได้รบั อนุญาตเท่านนั ภายในแบง่ พนื ทีออกเปน 3 วงแหวน วงแหวนนอกสุด ไว้วางศพผ้ชู าย วงแหวนตรงกลาง ไว้วางศพผหู้ ญิง วงแหวนชนั ในสดุ ไว้วางศพเด็ก 11
เมอื นาํ ศพไปไว้ในบรเิ วณนนั แล้ว จะต้องถอด เสอื ผ้าของผตู้ ายออกแล้วนาํ ไปทําลาย เมือแร้งกา และหนอนแมลงจัดการศพจนเหลือเพยี งกระดูก แล้ว กระดกู ก็จะถกู นํามาทิงกองรวมกันในบริเวณ พืนทีตรงกลางดัคมา ทีเรยี กว่า “บันดาร์” ปล่อยให้ ตากแดด และลมกระทังแห้งสนิทก็จะถกู นําไปทิง ลงในชอ่ งทีมีอยูท่ ัง 4 ด้านในดัคมา ในนนั จะมีทราย หินละเอียดไว้กรองความสกปรก เมอื ฝนตกลงมากระดกู เหล่านีก็จะเนา่ เปอย และถกู ชะล้างผสมกับดินนอกหอคอยเปนอันจบสนิ กระบวนการ 12
สําหรบั “ดัคมา”ทียังคงสภาพดีอยู ่ จนถึงปจจุบัน ก็คือที “มาลาบาร์ ฮิลล์” ทีสรา้ งขนึ ชว่ งศตวรรษที 20 ชาวปารซ์ ีใชง้ านทีนี มากว่า 300 ปแล้ว แมป้ จจุบันจํานวนชาวปาร์ซีทีทําพธิ ีศพทีนี จะนอ้ ยลงไปมาก และนกแรง้ มีนอ้ ยลงเชน่ กัน นนั จึงเกิดปญหาว่าอาจต้องใชเ้ วลานาน ถึง 8 สปั ดาห์กว่าทีนกจะจัดการศพได้หมด (แต่ก่อนเพียงชวั โมงเดียว) สาเหตหุ ลักมาจากการขยายตัวของเมือง และรา่ งกายมนุษยท์ ีมีการตกค้างของยาลดอักเสบ ซงึ เปนอันตรายต่อตัวนกแร้ง 13
14
บทที 3 โครงสรา้ งของหอคอยแหง่ ความเงยี บ หอคอยแหง่ ความเงียบเปนหอคอย ทรงกระบอก มีหลังคาทีค่อนขา้ งแบน การผา่ นเขา้ สหู่ อคอยนันต้องผา่ นประตูเหล็กขนาดใหญท่ าง ด้านตะวันออกของกําแพง หนิ สูงยีสิบห้าฟุต หรอื แปดเมตร 15
16
ประตูจะนาํ ไปสหู่ อคอยทรงกระบอกทีมีเสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 100 เมตร รอบปากหอคอยมแี ท่น หนิ ลาดเอียงทีตรงกลางจะเปนบอ่ นามีทางเดินอยู่ ระหว่างหลมุ คอนกรตี สาํ หรับเรยี งศพ(d) เพือให้ ง่ายต่อการเดินเขา้ -ออก (e) จะเปนกําแพงกันระหว่างสว่ นด้านนอกกับตัว ของหอคอย มกี ารแบง่ วงกลมสําหรับวางศพออกเปน 3 วง รา่ งของเด็กจะถกู วางไว้วงใน (a) วงกลมตรงกลางสาํ หรับรา่ งของผูห้ ญิง (b) และวงกลมด้านนอกสดุ สาํ หรับรา่ งของผู้ชาย (c) มรี อ่ งตืนๆสาํ หรบั วางศพและศพแต่ละศพจะถกู วางเรยี งไว้ใกล้กันวงแหวน 17
18
มีการแบง่ วงกลมสาํ หรบั วางศพออกเปน3วง รา่ งของเด็กจะถกู วางไว้วงใน(a) วงกลมตรงกลางสําหรบั รา่ งของผหู้ ญิง(b) และวงกลมด้านนอกสดุ สําหรบั รา่ งของผชู้ าย(c) มีรอ่ งตืนๆสาํ หรบั วางศพ และศพแต่ละศพจะถกู วางเรียงไว้ใกล้กันวงแหวน วงแหวนสามจะมรี อ่ งแคบๆเพอื ระบาย ของเหลวไปยังบอ่ กลาง เพือให้นาฝนชะล้าง ของเสยี ออกจากแผน่ คอนกรตี ลงบอ่ สว่ นกลาง หลังจากทีรา่ งกายถกู นกแรง้ รุมกินและกระดูก ถกู เผาด้วยแสงแดดจนเปนสขี าวแล้วก็จะถูกกวาด ลงไปยงั บอ่ กลาง ซึงต่อมากระดูกเหล่านีจะกลาย เปนผง อาจมีการใสน่ ามะนาวเพือชว่ ยใหย้ อ่ ยสลาย ได้ดีขนึ ทีฐานของบอ่ นามตี ัวกรองเปนหนิ ทรายและ ถ่ายของเหลวและนาฝนทีสะสมในบอ่ จะถูกกรอง โดยชันเหล่าน ี 19
และจะถกู ระบายออกไปในบอ่ ใต้ดินขา้ ง หอคอยทังสบี อ่ ซึงอยูน่ อกกําแพงของหอคอย (H) ผา่ นทางท่อใต้ดินทีมีความลาดเอียงลงไป(F) ด้านล่างของบอ่ ใต้ดินเหล่านีมีชนั ทรายหนาปกคลมุ ด้วยหนิ ทรายและถ่าน(g) ซงึ จะถกู นํามาเปลียนเปนครงั คราว นาทีกรอง ออกมาแล้วจะใสสะอาดไร้สงิ ปนเปอน 20
21
บทที 4 ประวัติของหอคอยแหง่ ความเงยี บ ในประเทศอินเดยี ในงานเขยี นของอินเดียชนิ แรกทีกล่าวถึง การวางรา่ งคนตายกลางไว้แจ้งนันมีมาตังแต่ 440 ปก่อนครสิ ตศักราช มชี ือเรียกแต่ละพืนทีทีต่างกันไป เชน่ ในภาษากรีก โบราณ มชี อื ว่า ‘Histories of Herodotus’ อยา่ งไรก็ตามการใช้หอคอยแหง่ ความเงียบยัง ไมเ่ คยถกู บนั ทึกเปนลายลักษณ์อักษร จนกระทังเมอื ครสิ ต์ศตวรรษ 9 เริมต้นทีความเชือของประเพณขี องศาสนา โซโรแอสเตอร์ เชือว่ารา่ งของบุคคลทีตายนนั ไมส่ ะอาด 22
เมอื เขาตายเพราะนอกจากซากของเขา ทีเนา่ เปอยแล้ว พวกเขาก็กลายเปนทียอมรบั ของวิญญาณชัวร้ายอยา่ งรวดเรว็ การฝงศพเผาศพหรือทิงซากศพของโซโรอัสเตอร์ ลงไปในทะเลนนั เปนสงิ ทีคิดไมไ่ ด้ เพราะมัน จะปนเปอนองค์ประกอบเชน่ ดินอากาศหรอื นา เพือให้ศพได้รับการชําระพวกเขาต้อง ผา่ นพธิ กี รรมทางศาสนาทีมีมานานกว่า 3, 000 ปเรยี กว่า “Dokhmenashini” หอคอยแหง่ ความเงียบ (Tower of Silence) จึงเปนทีทีพวกเขาใช้ในการทําพิธีกรรมนนั ในแถบ มมุ ไบ ประเทศอินเดีย 23
หอคอยแหง่ ความเงียบ (Tower of Silence) ในประเทศอินเดีย ในปจจุบนั กําลังได้รบั ผลกระทบ ทีรุนแรงจากจํานวนของนกแร้ง ทีลดลงเปนอยา่ ง มาก ด้วยเหตุผลทังเรืองสารตกค้างในรา่ งกายที เปนพษิ ต่อตัวแรง้ จนเรมิ มีผลกระทบทําให้พธิ ี ชาํ ระล้างศพใช้ระยะเวลานานมากขนึ ปจจุบันกลายเปนปญหาทีสาวกศาสน ในประเทศอินเดียพยายามแก้ปญหา หนึงในตัวเลือกทีอาจฟงดเู ข้าท่ามากทีสุด คือการใชเ้ ครอื งกําเนดิ พลังแสงอาทิตยท์ ีทรงพลัง มาชว่ ยทําใหศ้ พแห้งกรอบได้อยา่ งรวดเร็ว เพอื ยงั คงรกั ษาไว้ ซึงความเชอื และหลักคําสอน ของตัวเองในโลกทีกําลังพฒั นามากขนึ ทุกขณะ ปจจุบันทางการอินเดียได้พยายามยามเขา้ มา ดูแล และวางแผนเพาะพันธุน์ กแร้ง เพอื ใหพ้ วกมนั กลับมาทําหน้าทีเหมือนเดิม และเพอื ปองกัน โรคระบาดทีอาจเกิดขึนหากศพถกู ทิงไว้นานเกิน ซึงเมอื อดีตทีแหง่ นถี กู สร้างขนึ อยูห่ า่ งไกลชุมชน และยังไมเ่ ปนปญหาเท่าทกุ วันน ี 24
25
บทที 5 ประวัติของหอคอยแหง่ ความเงยี บ ในประเทศอิหรา่ น หอคอยแหง่ ความเงียบในเมอื ง “Yazd” ในอิหรา่ น จะมหี อคอยทีใช้ในการทําพิธีอยูด่ ้วยกัน เปนจํานวนสองแหง่ แต่ทว่าหอคอยทังสองแหง่ นี ถกู ยกเลิกการใชง้ านไปในป 1970 เนอื งจากการขยายตัวของตัวเมอื ง และปญหา มลภาวะทางอากาศและทางธรณี เริมด้วยทีแรกคือ “The Great Tower Of Mankeji” 26
หอคอยแหง่ แรก “The Great Tower Of Mankeji” มีเส้นผา่ นศนู ย์กลาง 15 เมตร ถกู สรา้ งขึน ในป 1819 โดย “Mankeji” หรอื “Mankji Hatria” แต่เดิมเปนชาวอินเดีย มีชีวิตอยูใ่ นรชั สมยั ของ “Nasser al-Din Shah Qajar” 27
“Nasser al-Din Shah Qajar” 28
เปนผทู้ ีเคยทลู ต่อพระราชาในเรืองความ กดดันทีชาวโซโลอัสเตอรใ์ นอิหรา่ นต้องเผชิญใน ขณะนนั และร้องขอต่อพระราชาใหช้ ว่ ยเหลือพวก เขา “Mankeji” คือหนงึ ในผทู้ ีมอี ิทธพิ ลมากทีสุด ในบรรดาผูศ้ รัทธาของศาสนาโซโลอัสเตอร ์ ตลอดชวี ิตทีเขาอยูใ่ นอิหรา่ น เขาได้สรา้ งโรงเรยี น บริจาคเงินทะนบุ ํารุงการศึกษา และสงิ ปลูกสรา้ ง อืนๆอีกมากอีกทังยงั ชว่ ยใหช้ าวโซโลอัสเตอร์ใน อิหรา่ น หลดุ พ้นจากการต้องจ่ายภาษี และแล้ว “Mankeji” เสียชวี ิตในป 1852 ศพของเขาจึงถกู นําไปไว้ ณ หอคอยทีเขาสรา้ งขนึ 29
หอคอยแหง่ ทีสอง “Golestan Tower” มีเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 25 เมตร สงู 6 เมตร ถกู สร้างขึนเมอื ป 1892 ในยุค “Qajar” เนอื งในตอนนนั จากถนนหนทางทีนาํ ไปยงั หอคอย “Mankeji”เปนทางทีปนขึนไปได้อยา่ งยากลําบาก ซึงสรา้ งความลําบากต่อคนหามศพอยา่ งยงิ จึงได้มีการสรา้ งหอคอยแหง่ ทีสองขึนในบริเวณ ใกล้ๆ ซงึ มีทางเท้าทีพาเขา้ ไปได้ง่ายมากกว่า และเปนผลดีต่อผทู้ ีต้องการใชส้ ถานทีทําพิธีกรรม เดินทางมาได้สะดวกมากขนึ 30
31
บทที 6 พิธกี รรมในหอคอยแหง่ ความเงยี บ ก่อนทีศพจะถกู นาํ เข้าสหู่ อคอยเพอื ทํา พิธีกรรม จะต้องถกู ชําระล้างด้วยนาโกเมช (ปสสาวะวัว) และหลังจากนันจะมีการจูงสนุ ัข เข้าไปบริเวณทีวางศพเอาไว้เพือเปนการกักขัง ปศาจร้าย ศพจะถกู นาํ ไปวางเอาไว้บนหินหรือ หลุมตืนๆ พรอ้ มกับวาดวงกลมเอารอบศพเพือ เปนการสร้างระยะหา่ งระหว่างศพกับผู้ทีมาเยยี ม เคารพศพ และพธิ ีกรรมนจี ะทําขนึ ใน เวลากลางวันเท่านนั และจํานวนคนผ้หู ามศพ จะต้องมีจํานวนเปนเลขค่เู ท่ากัน 32
33
บทที 7 ความเชอื ทเี ปนสาเหตใุ หใ้ ช้แสงแดด และนกในการกําจัดศพ ตามธรรมเนียมแล้ว เมือมีคนตายจะไมเ่ ผาศพ ไมฝ่ งสผู่ นื ดิน และไมน่ าํ ไปลอยนา เพราะมคี วามเชือว่า ทัง 3 อยา่ ง คือแผน่ ดิน นา และไฟมีความบริสทุ ธิ ในความเชือคือจะทําให้เปน มลทินโดยคนตายไมไ่ ด้ การปล่อยศพไว้นานๆ ก็จะทําใหศ้ พถูกวิญญาณ รา้ ยเข้าสงิ สู่ จึงจําเปนต้องสร้างสถานทีเฉพาะขนึ เรยี กว่า “ดัคมา” (dakhma) หรอื เรียกว่า “หอคอยแหง่ ความเงียบ” ขนึ มา เพอื ใช้เปนทีทําพธิ ศี พตามความเชอื คือการปล่อยใหน้ กแรง้ นกกา และสัตว์ยอ่ ยสลาย ซากอืนๆ มาจิกกินจนเหลือเพยี งโครงกระดกู 34
35
บทที 8 หอคอยแหง่ ความเงยี บ ในแง่แหล่งท่องเทยี วปจจุบนั ถึงแม้ว่าในสมยั ก่อนนันหอคอยแหง่ ความ เงียบจะเปนดังทีพํานกั สดุ ท้ายของผูน้ บั ถือศาสนา โซโลอัสเตอร์ สถานทีทีเหล่าผู้ศรทั ธาจะได้ทอด กายลงรอวันไปเดินทางไปยังปรภพ แต่ในปจจุบนั พธิ กี รรมการชาํ ระศพด้วยแสงแดดและนกแรง้ ได้กลายเปนสงิ ผดิ กฏหมายไปแล้ว กระนันมนั ก็ยงั เปนสถานทีท่องเทียว เชิงประวัติศาสตร์อันโด่งดังทีควรค่าแก่การไป เยียมชม 36
การไปเยยี มชม “หอคอยแหง่ ความเงยี บ” หากต้องการทีจะศึกษาขอ้ มูลเพิมเติมโดยที ยังคงมีกลินไอของพืนทีจริง ไมไ่ ด้มาจากเว็บไซต์ สามารถของหอคอยแหง่ ความเงียบได้ที “Zoroastrian Centre”(Doongerwadi) ของ เมอื งมมุ ไบ 37
การเยยี มชมหอคอยแหง่ ความเงยี บ ในมมุ ไบ ประเทศอินเดยี ท่านสามารถเยยี มชมได้จาก “Hanging Garden”เท่านนั หากท่านไมใ่ ชผ่ ้ศู รทั ธา ของศาสนาโซโลอัสเตอร์ การทีจะไปถึง “Hanging Garden” ได้ ต้องท่านเดินทางมาตามสถานีรถไฟ และท่านจะต้องลงทีสถานี “Charni Road” และนัง รถแท็กซีไปยงั “Hanging Garden” 38
“Hanging Garden” อันเปนจุดชมหอคอยแหง่ ความเงียบยังเปน สถานทีท่องเทียวอันนา่ สนใจอีกแหง่ ของ เมอื งมมุ ไบ ทีแหง่ นนั คือสวนสาธารนะทีมีอายุมา ไมต่ ากว่า 138 ป เปนสวนทีผู้คนในมุมไบจะแวะ เวียนมาเพือพกั ผอ่ นหยอ่ นใจจากตัวเมอื งทีวุ่นวาย ตัวสวนจะถกู ประดับไปด้วยต้นไม้ พมุ่ ไม้ และ ดอกไมห้ ลากสีสนั (Hanging Garden in Mumbai) 39
(Boot House) (Charni Road) 40
บริเวณโดยรอบของ “Tower of Silence” ในมุมไบ จะมสี ถานทีท่องเทียวนา่ สนใจอืนๆ โดยรอบเชน่ กัน เชน่ “Babulnath Temple” แม้จะไมส่ ามารถเขา้ ไปเยยี มชมหอคอย อยา่ งใกล้ชิดได้แต่ท่านสามารถเขา้ เยยี มชมโมเดล จําลองได้ 41
“Babulnath Temple” นอกจากจะเปน จุดชมหอคอยแหง่ ความเงียบแล้ว ยังเปนจุดชมพระอาทิตย์ยามอัสดงท่ามกลาง ทะเลอาหรับ อีกทังในยามคาคืนสามารถชืนชม เสนห่ ์แสงไฟจากตัวเมอื งมมุ ไบ เหมาะแก่การถ่ายรูปไว้เปนทีระรกึ เปนอยา่ งยงิ 42
การไปเยยี มชมหอคอยแหง่ ความเงยี บ ในเมอื งยาซดิ ประเทศอิหรา่ น ต่างจากทีประเทศอินเดีย ท่านสามารถเข้า เยียมชมหอคอยแหง่ ความเงียบได้อยา่ งใกล้ชดิ ไมใ่ ชแ่ ค่มองจากทีไกลๆ หรือศึกษาจากโมเดล จําลองเท่านนั ท่านสามารถเยียมชมหอคอยแหง่ ความเงียบทีเมอื งยาซดิ ได้ตังแต่เวลาแปดโมงเช้า ถึงหกโมงครึง 43
หากท่านต้องการชม “หอคอย”อยา่ งใกล้ชิด ท่านจะต้องปนขึนเนินเขาซึงมีบนั ไดไว้ให้แล้ว (อนงึ เนอื งจากบันไดมีหลายขนั จึงไมเ่ หมาะกับ สตรีมีครรภ์ คนชรา และคนพกิ าร) และชว่ งเวลาทีดีทีสุดในการเยยี มชมคือ ชว่ งพระอาทิตยต์ ก ซึงแสงจะสวยทีสดุ ในการเข้าเยยี มชมหอคอย ควรจ้างไกด์ท้องถินเพอื ใหไ้ กด์เปนผู้แนะนาํ ขนบธรรมเนียมของศาสนาโซโลอัสเตอรจ์ ะดีทีสุด ตัวของหอคอยจะอยูใ่ น “Safaeiyeh Region” ซึงค่อนข้างไกลจากตัวเมอื งยาซดิ โรงแรมทีอยูใ่ กล้ทีสดุ ก็คือ โรงแรม “Arg-E-Jadid” และโรงแรมและภัตตาคาร “Rah and Ma” และ โรงแรม “Parsian Safaiyeh” 44
ในแง่ของความสําคัญทางประวัติศาสตร์แล้ว หอคอยแหง่ ความเงียบถือเปนอีกสถานทีสําคัญอีก แหง่ หนึงให้คนรุน่ หลังได้ใชศ้ ึกษาพิธศี พของศาสนา โซโลอัสเตอร ์ แมจ้ ะมพี ิธกี รรมศพทีแปลกในสายตาคน ทัวไป แต่ก็วิธที ีชาวปารซ์ ีใชใ้ นการไว้อาลัยแด่ผู้ ตายรว่ มศาสนาเดียวกันไมต่ ่างจากวัตถุประสงค์ ของพิธศี พในศาสนาอืนๆเลย ซงึ พิธีกรรมการสง่ ผู้ตายไปยังอีกดินแดน หนงึ นนั มนษุ ยเ์ ราทํามารว่ ม 100,000 ปแล้ว มีการ ขุดค้นหลมุ ศพคนตายทีทีฝงขา้ วของเครืองใชล้ งไป ในหลมุ ศพนนั ด้วย บง่ บอกถึงความเชือเรืองการเดินทางไปยงั โลกหลังความตายโดยหลักฐานเหล่านีถูกค้นพบที ประเทศอิสราเอลทีเมอื งคาฟเซห ์ 45
Search