สารบญั 5 Maurits Cornelis Escher 10 About M.C. Escher 15 ลักษณะผลงาน 25 ผลงาน 25 26 - Metamorphosis I 27 - Metamorphosis II 29 - Metamorphosis III 30 - Eye 31 - PRINT GALLERY - WATERFALL 35 บรรณานุกรม2
“So let us then try to climb the mountain, not by stepping onwhat is below us, but to pull us up at what is above us, for mypart at the stars; amen” M.C. Escher 3
4
Maurits Cornelis Escher หรือ M.C. Escher เมารติ ส์ กอรเ์ นลสิ แอช็ เชอร์ เกดิ วันที่ 17 มถิ ุนายน ค.ศ.1898 เมอื งเลววาร์เดนิ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เปน็ บตุ ร ของจอร์จ อารโ์ นล แอช็ เชอร์ (George Arnold Escher)กบั ภรรยาคนท2่ี อารโ์ นล ทาอาชพี วศิ วกรโยธาแอช็ เชอร์ย้ายไปอยู่ที่เมอื ง อาร์เนม (Arnhem) และใช้ชวี ติ สว่ น ใหญใ่ นวัยเดก็ ที่น่ี หลงั จากทเ่ี ขาสอบตกในช่วงมัธยมเขามีโอกาสได้เรียนโรงเรยี น เกี่ยวกบั สถาปัตยกรรมและมัณฑนศลิ ปท์ เ่ี มอื งฮาร์เลม็ (Haarlem) เขามโี อกาสได้แสดงผลงานดา้ นกราฟฟกิ และภาพพิมพ์ ผลงานของเขาไดร้ ับการ สนับสนุนจากคณุ ครู หลงั จากน้ัน เขาจงึ เรม่ิ หนั มาสนใจงานดา้ นกราฟฟิก ภาพพมิ พ์ อย่างจริงจงั หลงั จากจบการศึกษาเขาได้ท่องเท่ียวไปยงั เมอื งต่างๆและวาดรูป เขาเดนิ ทางไปยัง ประเทศอติ าลีและไดแ้ ต่งงานกับเยททา อูมีเคอร์(Jetta Uniker)ภรรยาของเขาในปี 1924 ท้ังคอู่ าศัยอยูด่ ว้ ยกนั ทก่ี รงุ โรม เขารกั ในการทอ่ งเทยี่ วและวาดรปู เขามักจะออก เดนิ ทางท่องเท่ียวไปยังเมืองต่างๆในช่วงฤดใู บไมผ้ ลแิ ละฤดรู ้อน 5
San Gimignano Italian ,19236
ในปี ค.ศ 1935 เกดิ สถานการณ์ทางการเมืองทาใหเ้ ขาตอ้ งยา้ ยกลับ ไปอยู่ที่สวสิ เซอร์แลนด์ หลงั จากนั้นเขาก็เดนิ ทางไปยังเบลล์เยย่ี ม และในปี ค.ศ. 1941 เกิดเหตกุ ารณ์สงครามโลกคร้งั ท2ี่ ทาให้เขาตอ้ งกลบั อยู่ท่ีสวสิ เซอรแ์ ลนดอ์ ีกคร้งั เขาได้ใช้ชวี ติ และสร้างสรรคผ์ ลงานอยู่ทสี่ วสิ เซอรแ์ ลนดจ์ นอายุ 72 ปี เขาก็ไดเ้ สียชวี ิตลงในวนั ท่ี 27 มนี าคม ค.ศ. 1972 สงครามโลกครงั้ ท่2ี เป็นความขัดแยง้ ทางทหารระดับโลก ตง้ั แต่ ค.ศ. 1939 ถึง 1945 ระหว่างฝ่ายพนั ธมติ รกบั ฝา่ ย อกั ษะ 7
“The things I want to express are so beautiful and pure” M.C. Escher8
“We adore chaos because we love to produce order.” M.C. Escher 9
About M.C. Escher แอช็ เชอรถ์ นดั มืดซา้ ย แอ็ชเชอรเ์ ป็นลูกคนท4่ี และเป็นลูกคนสดุ ทอ้ ง หลกั จากเข้าโรงเรยี นสถาปตั ยกรรมและมนั ฑนศลิ ป์ 1 สัปดาห์ แอช็ เชอรบ์ อกพ่อวา่ ชอบงานดา้ นกราฟฟกิ ภาพพิมพม์ ากกว่างานดา้ น สถาปตั ยกรรม 10
ครูที่คอยสนับสนุนและคอยใหค้ าปรึกษาเขาคือ ซามูเอลเดอ Jessurun Mesquita เพราะท่านได้เห็นผลงาน linocuts ของเขา แอ็ชเชอร์กับภรรยามลี ูก 3 คน 11
เขาไดช้ ่ือว่าเป็นบิดาแห่ง เทสเซลเลชนั (tessellation) เกนิ ครึ่งของผลงานภาพพมิ พแ์ กะสลกั ไมถ้ กู ทาขึ้นตอนที่แอ็ชเชอร์อย่อู ติ าลี Fara San Martino, Abruzzi Italian ,192812
การวาดภาพของแอ็ชเชอร์สว่ นหนึ่งไดแ้ รงบันดาลใจมากจากสามเหลยี่ ม เพนโรส โดย Roger Penrose. แอช็ เชอรเ์ ปน็ ผบู้ ุกเบกิ ศิลปะความเป็นจริงเป็นไปไมไ่ ด้ (Impossible Reality art) Relativity, 1953 13
“When I am onto something, I think I am making the most beautiful thing in the whole world... I sit there in the evening gazing lovingly at it, and this love is far greater than any love for a person. The next day my eyes are opened again” M.C. Escher14
ลกั ษณะผลงาน เป็นผลงานสาขาเลขนศิลป์ ใชห้ ลกั การเกยี่ วกบั คณิตศาสตร์ (Mathematical) เรขาคณติ รปู ทรง มิติ ภาพลวงตา เทสเซลเลชนั (tessellation) OP ART แอ็ชเชอรไ์ ด้เรียนรู้แนวคดิ เพ่ิมเติมทางคณติ ศาสตร์ จากนกั คณิตศาสตรช์ าว องั กฤษ โรเจอรเ์ พนโรส (Roger Penrose) เขามีความสามรถในการสร้างสรรคผ์ ลงาน เป็นนักร่างแบบ วาดภาพประกอบ- หนังสอื นกั ออกแบบผา้ ทอ และวาดจิตรกรรมฝาผนัง จดุ เด่นของงานของแอ็ชเชอร์คอื มิติ ซา้ ยขวา บนล่าง ที่ไมร่ ูท้ มี่ าท่ไี ปท่แี นน่ อนอกี หน่งึ จดุ เด่นคอื การสะท้อนความเปน็ ตวั เอง (self reference) เลขนศิลป์หรือภาพพิมพ์ (Graphic Art) หมายถงึ การถา่ ยทอดรูปแบบจาก แม่พิมพอ์ อกมาเป็นผลงานที่มีลักษณะเหมือนกันกับแมพ่ มิ พ์ทุกประการ และได้ภาพท่เี หมอื นกันมีจานวนตัง้ แต่ 2 ชนิ้ ขึ้นไป 15
แม่พิมพ์ 1. แม่พมิ พน์ นู (RELIEF PROCESS) เปน็ การพิมพ์โดยใหส้ ตี ิดอยบู่ นผิวหนา้ ที่ทาให้ นนู ขน้ึ มาของแมพ่ ิมพ์ ภาพที่ไดเ้ กิดจากสที ี่ตดิ อยูใ่ นสว่ นบนนั้น -ภาพพิมพ์แกะไม้ (WOOD-CUT) -ภาพพิมพแ์ กะยาง (LINO-CUT) - ภาพพิมพต์ รายาง (RUBBER STAMP) -ภาพพมิ พ์จากเศษวสั ดตุ า่ งๆ 2. แมพ่ ิมพร์ ่องลกึ (INTAGLIO PROCESS) เป็นการพมิ พ์โดยใหส้ ีอยใู่ นรอ่ งทีท่ าให้ ลึกลงไปของแมพ่ ิมพโ์ ดยใช้แผน่ โลหะทาเปน็ แมพ่ มิ พ์ (แผน่ โลหะทีน่ ิยมใช้คือแผน่ ทองแดง) และทาให้ลกึ ลงไปโดยใชน้ า้ กรดกดั ซึง่ เรยี กว่า ETCHING 3. แมพ่ ิมพ์พนื้ ราบ (PLANER PROCESS) เปน็ การพิมพ์โดยใหส้ ตี ดิ อย่บู นผวิ หน้าท่ี ราบเรยี บของแมพ่ ิมพ์ โดยไมต่ ้องขุดหรอื แกะพื้นผิวลงไป แต่ใช้สารเคมีเข้าช่วย 4. แม่พมิ พฉ์ ลุ (STENCIL PROCESS) เป็นการพมิ พ์โดยใหส้ ผี ่านทะลุช่องของ แมพ่ ิมพ์ลงไปสผู่ ลงานท่ีอยดู่ า้ นหลัง เปน็ การพมิ พช์ นิดเดียวท่ีไดร้ ปู ท่ีมดี ้าน เดยี วกนั กบั แมพ่ ิมพ์ไม่กลบั ซ้ายเปน็ ขวา16
เทสเซลเลชัน (tessellation) คือ การนารูปทั้งท่เี ป็นรูปเรขาคณติ และรปู ท่ัวไปมาเรยี งต่อกนั โดยมีเง่ือนไขวา่ รูปท่ีนามาจัดเรยี งน้ันจะตอ้ งไม่เกิดช่องว่างหรอื การคาบเกี่ยวซอ้ นกัน การสร้างเทสเซลเลชนั มีความเปน็ มานานกวา่ พันปี สมัยสุเมเรยี นยุคอารยะธรรมเมโสโปรเตียเมียไดใ้ ชก้ ระเบื้องเคลอื บสีรปู เรขาคณติ ทเ่ี รยี กว่าโมเสก(mosaics) เปน็ สว่ นประกอบสาคัญในการสรา้ งบ้านเรือน ตอ่ มาชาวเปอรเ์ ซยี ไดพ้ ัฒนาโดยเพิ่มลวดลายให้งดงามมากย่ิงขึ้นและส่วนใหญ่ใชป้ ระกอบในวัง ปราสาท โบสถห์ รือสถานทส่ี าคัญตา่ งๆ ชาวโรมนั ก็ใช้งานเทสเซลเลชนั ในการสร้างลวดลายฝาผนงั อกี ด้วย จนในช่วงศตวรรษท่ี20 M.C. Escher ก็นาเทคนคิ น้มี าผสมผสานจนเกดิงานศิลปะท่เี ป็นทรี่ ้จู กั กนั ทวั่ โลก Op art (Opical Art) เริ่มต้นตั้งแตค่ .ศ. 1960 เปน็ ศิลปะลวงตาเป็นวิธีการเขียนที่คานึงถึงความสมั พันธ์ระหวา่ งความลวงตาและพื้นผิวของภาพ ระหวา่ งความเข้าใจและการมองเห็น ทาให้ตาของเราเห็นว่ามนั เคล่ือนไหววูบวาบโดยเฉพาะเมอ่ื เราจอ้ งมองมันน่ิงๆ สกั พกั แลว้ เหลือบสายตาใหเ้ คลอ่ื นไปจากเดมิเล็กน้อยแนวคดิ ของงานอยู่บนความเช่อื ทีว่ ่า จิตรกรรมประกอบดว้ ยเส้นและสี ซ่ึงเปน็ องค์ประกอบสาคัญ เสน้ และสตี อ้ งมกี ารแสดงออกอยา่ งเสรี โดยไม่เลยี นแบบธรรมชาติ เส้นและสตี อ้ งมีความกลมกลืนกนั 17
Drawing Hands , 1948 ผลงานของเขาถูกนาไปจัดนิทรรศการโดยนิตยสารไทม์ (Time) ในปี ค.ศ.1956 จนทาใหผ้ ลงานของเขาเป็นทีร่ ู้จกั และเปน็ ที่ช่นื ชมทั่วโลก18
ผลงานของเขาไดร้ บั การยอมรับดา้ นการสรา้ งภาพพเิ ศษทางหลกั คณติ ศาสตร์แมว้ ่าตอนมัธยมเขาไม่ค่อยถนดั ดา้ นนี้กต็ าม Convex and Concave , 1955 19
ในปคี .ศ.1963 แอช็ เชอร์มโี อกาสเดินทางไปยังสเปนและดูรูปแบบกระเบือ้ งทใี่ ช้ ประกอบในอาลมั บรา (Alhambra) ทาให้เขาเกดิ ความสนใจในองคป์ ระกอบ เขา ใช้เวลาหลายวนั ในการศกึ ษาและสเก็ตซภ์ าพ เขาสนใจในเรื่องเรขาคณติ รูปทรง เหลยี่ มต่างๆ เขาพบว่าไมใ่ ช่แคร่ ูปสามเหลย่ี ม สเี่ หลยี่ มเทา่ น้นั ทส่ี ามารถนาไป ประกอบงานศิลปะไดแ้ ต่ทุกๆรูปเรขาคณิตสามารถนาไปใชป้ ระกอบไดห้ มดท้งั หกเหล่ยี ม แปดเหล่ียม หรอื ว่าวงกลม เขาสามรถดดั แปลงรปู เราขา-คณิตเป็น ผลงานตา่ งๆไดเ้ ช่นเปน็ รูปนก อาลมั บรา คอื พระราชวงั และป้อม ปราการตงั้ อยู่ที่ประเทศสเปน \"อาลัมบรา\" มาจากคาในภาษาอาหรับแปลว่า \"(สงิ่ ทีม่ ี) สีแดง\" เนือ่ งจากตวั ป้อมปราการนัน้ ก่อสร้างด้วยหนิ ดนิ และอฐิ สีแดง ส่วน อาคารอ่นื ๆ ซงึ่ สรา้ งด้วยใช้ปูนขาวเปน็ สว่ นประกอบกจ็ ะเห็นเปน็ สอี อกแดง ๆ เช่นกนั Regular Division of the Plane with Birds , 194920
Cycle; lithograph, 1938 21
นอกจากรปู ทรงเรขาคณิตแล้วแอช็ เชอร์ยงั นา Platonic solids มา ประกอบงานศิลปะอีกดว้ ย จุดเดน่ อกี อย่างของงานของแอ็ชเชอร์คือรปู ทรงของ พืน้ ที่ ภาพทเี่ ขาวาดจะมลี ักษณะตามแบบรูปทรงตา่ งๆโดยจะเริ่มจากตรงกลางไป ยงั ขอบรอบนอกทาให้งานดเู หมอื นไม่มที สี่ ้ินสดุ หนง่ึ ในคณุ สมบัติของตรรกะของ พนื้ ที่ซ่ึงเขามักจะนามาใช้คือการเลน่ ของแสงและเงาบนวัตถเุ วา้ และนูนทาใหภ้ าพ ดทู งั้ ขึ้นและลง ไปทางซ้ายและขวาโดยทศิ ทางขององค์ประกอบของจะข้ึนอยกู่ ับวา่ สายตาของผ้ชู มโฟกสั ท่ีจุดไหน Platonic solids คอื รปู ทรงหลายหน้า เพลโตเป็นชอื่ ของนักปรัชญาชาวกรีก22
Three Intersecting Planes; woodcut, 1954 Stars; wood engraving, 1948 23
Three Spheres II , 194624
ผลงาน ผลงานทงั้ หมดทีเ่ ขาสร้างขนึ้ มีประมาณ 448 ภาพ ที่เป็นภาพพมิ พไ์ ม้แกะสลกั และ การแกะสลักไม้ ส่วนภาพวาดและสเกต็ ช์นัน้ มากกวา่ 2000 ภาพMetamorphosis I 1997, woodcut 19.5 cm × 90.8 cm (7.7 in × 35.7 in) พมิ พบ์ นไม้ 2 แผ่น แนวคดิ ของงานน้คี ือการแปรเปลยี่ นภาพหน่งึ ภาพเปน็ แบบเทสเซลเลชนั แล้วคอ่ ยๆทีจ่ ะปรบั เปล่ียนโครงร่างของรปู แบบของภาพท่ี โดยเรม่ิ จากฝงั่ ซ้าย เปน็ ชายฝัง่ ทะเลของเมอื งแอตรานี ประเทศอติ าลี แลว้ คอ่ ยๆเปลย่ี นเป็นรูปทรง เราขาคณติ สามมติ ิจนสุดทา้ ยเปน็ รูปตวั การต์ ูนใสช่ ุดของแถบตะวนั ออกของเอเชยี 25
Metamorphosis II 1339-1940, woodcut 19.2 cm × 389.5 cm (7.6 in × 153.3 in) พิมพจ์ ากบลอ็ ก 20 บลอ็ ก รวมบนไม้3แผ่น เริ่มตน้ จากคาวา่ Metamorphoseในรปู ส่ีเหลยี่ มผนื ผ้าสดี าตามดว้ ย คา วา่ Metamorphose ในสีเ่ หลี่ยมรปู เลก็ เรียงไปเรอ่ื ยๆจนเป็นรูปสเี่ หลี่ยม จากน้นั กก็ ลายเปน็ สดี าและสขี าวลายตาหมากรกุ แล้วก็เปลีย่ นเปน็ รูปเทส เซลเลชันของสตั ว์เลอ้ื ยคลาน, รงั ผึง้ , แมลง, ปลา, นกและรปู แบบของรปู เรขาคณิตสามมิติ จากนั้นภาพเร่มิ เปลี่ยนเปน็ เมอื งแอตรานี แล้วเชื่อมเมือง กับตารางหมากรุกโดยมสี ะพานเชอ่ื มไปยงั หอกลางน้า จนสดุ ทา้ ยกลับไปเปน็ คาว่า Metamorphose (เป็นภาษาดัตช์แปลวา่ การเปล่ียนแปลง) 26
Metamorphosi III (ภาพไลล่ งตามลาดบั ) 27
28
EYE 1946, Mezzotint and drypoint 31.7 cm x 31.9 cm ภาพตาท่สี ะท้อนหัวกะโหลกในตาดา เป็นภาพที่ส่อื ว่าเรากาลงั เผชิญกับความตายไม่วา่ เราจะตอ้ งการหรือไม่ 29
PRINT GALLERY 1956, Lithograph 317mm x 319mm. ภาพเดก็ ผู้ชายกาลงั ยนื ดูภาพนทิ รรศการ ในตึกแห่งหน่ึงซึ่งเป็นตกึ ท่เี ขากาลงั มอง อยู่ในภาพ30
WATERFALL 1961, Lithograph 38 cm × 30 cm (15 in × 12 in) ภาพทแ่ี สดงใหเ้ หน็ วา่ หมบู่ ้านขนาดเลก็ ที่มกี ารยกระดบั ท่อระบายนา้ และกังหันน้า โดยการไหลของนา้ เร่มิ ตน้ ทก่ี งั หนั น้าทาให้ภาพดูเคลือ่ นไหว เหมือนน้ากาลงั ไหลลง การไหลของน้าขึน้ อยกู่ บั มุมมองของผ้ชู มหากมองลง มาจากด้านบนกจ็ ะเหมอื นนา้ กาลังไหลข้ึนไปยงั ดา้ นบนตรงท่อระบายแล้วตก ลงมาสู่ดา้ นลา่ ง แต่หากมองมมุ ตรงตามเสน้ ทางทอ่ ระบายนา้ จะเหน็ ว่าทาง ทอ่ ระบายน้าไมไ่ ด้สงู ข้นึ แตเ่ ป็นแนวราบ ทาให้ภาพดขู ัดแย้งกนั วา่ จริงๆแล้ว น้าไหลลงมาไดอ้ ย่างไร 31
32
บรรณานกุ รมAnirudh. (2014). M.C. ESCHER | 10 FACTS ABOUT THE FAMOUS GRAPHICARTIST. (online). April 24,2016. https://learnodo-newtonic.com/m-c-escher-factsDoris Schattschneider. The Mathematical Side of M. C. Escher. (online). April25,2016. http://www.ams.org/notices/201006/rtx100600706p.pdfINFINITY. ESCHER AND THE DROSTE EFFECT. (online). April 29,2016.http://www.maths.uq.edu.au/~infinity/Infinity%2015/escher.htmlMath Beyond School. M.C. Escher - Impossible Mathematical Art. (online). April24,2016. http://mathcentral.uregina.ca/beyond/articles/Art/Escher.htmlMini Text. The Mathematical Art of M.C. Escher. (online). April 25,2016.http://platonicrealms.com/minitexts/Mathematical-Art-Of-M-C-Escher/M.C. ESCHER. M.C. Escher. (online). 28 april,2016. http://www.mcescher.com/The collection national gallery of art. Tour: M.C. Escher — Life and Work.(online). April 24,2016.https://www.nga.gov/collection/gallery/ggescher/ggescher-over1.html#jumpกนกวรรณ วัฒนมงคลสุข. ๒๕๕๗. ศิลปะแบบ Op-Art. (ออนไลน์).http://www.slideshare.net/horania/opart-th. ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ 33
ชาเขยี ว. ๒๕๔๗. (นึกอยากจะโพส กเ็ ลยโพส) ภาพของ M.C. Escher. (ออนไลน์). http://topicstock.pantip.com/chalermkrung/topicstock/C2961645/C2961645.ht ml. ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙ เบญจมศิลป์. (ม.ป.ป.). ภาพพมิ พ์. (ออนไลน์). http://www.br.ac.th/CAI/benjamasilp/art%206.html. ๒๓ เมษายน ๒๕๕๙ ราชติ สพุ ร. ๒๕๕๓. ภาพลองตาของ m.c. Escher. (ออนไลน์). http://knonlafhun.blogspot.com/2010/03/blog-post_25.html. ๒๔ เมษายน ๒๕๕๙ ศักดา สวาทนนั ท์. (ม.ป.ป.). เทสเซลเลชนั : Tessellation ตวั แทนความงามทางคณิตศาสตร์. (ออนไลน์). http://www.vcharkarn.com/uploads/82/82105.pdf. ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙34
เพชรรัตน์ วงษ์สวุ รรณ 13580547
Search
Read the Text Version
- 1 - 36
Pages: