Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Macedonia

Macedonia

Published by Kachornpon, 2021-11-15 03:02:07

Description: Macedonia (มาซิโดเนีย)

Search

Read the Text Version

1

ห น้ า | 2

ห น้ า | 3

ห น้ า | 4 บทนา ในช่วงเวลาของศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล อาณาจักร มาซิโดเนียภายใต้การนาของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 และลูกชายของ พระองค์ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Philip II and Alexander the Great ) สองสุดยอดผู้นาที่ยิ่งให่่แห่งโลกยุค โบราณ คือยุคสมัยแห่งการพิชิตที่ทาให้อาณาจักร สามารถขยับ ขยายให้มีดินแดนอันกว้างให่่ รวมทั้งส่งผลให้เกิดการส่งผ่าน ผสมผสาน แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกรีกกับโลกตะวันออก ที่ทาให้ อารยธรรมกรีกโบราณมาถึงจุดสูงสุด ในนามของยุคสมัยเฮเลนิ สตกิ (Hellenistic period) ชว่ งเวลาท่เี ป็นที่รู้จักและพูดถึงจาก ผู้คนมากที่สุดยุคหนึ่งแต่อย่างที่ได้บอกไว้ในตอนแรก กว่าจะ กลายเปน็ จกั รวรรดทิ ย่ี ่ิงให่่ได้นน้ั คือเรื่องราวของระยะเวลาอัน ยาวนาน ในการกอ่ ร่างสรา้ งตัวจากรนุ่ สรู่ ุ่นบนจุดเล็ก ๆ ผ่านการ ตัดสินใจและอาศัยสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นรอบตัวให้เป็นประโยชน์ ที่สุด จนนามาสู่รากฐานของความยิ่งให่่ในท้ายที่สุด ซึ่งนั้นคือ เรอ่ื งราวที่เราจะพูดถึงกันในครงั้ นี้ มาซโิ ดเนยี โบราณก่อนยุคสมัย แห่งการพิชิตของฟิลิปที่ 2 และอเล็กซานเดอร์มหาราช

ห น้ า | 1 จุ ดเริ่มต้นอาณาจกั ร มาซโิ ดเนีย

ห น้ า | 2 จุดเร่มิ ต้นอาณาจักรมาซโิ ดเนีย ประวตั ศิ าสตรม์ าซโิ ดเนยี กอ่ นยุคของฟลิ ิปและอเล็กซานเดอร์มหาราช กาเนิดราชวงศ์อาเกียด จุดเริ่มต้นของอาณาจักร สง่ิ หน่ึงท่ตี ้องพูดถงึ กอ่ นคือด้วยหลักฐานและบันทึกซึ่งมีการค้นพบในปัจจุบัน ที่อย่ใู นสภาพค่อนขา้ งกระจดั กระจายขาดความต่อเนื่องกันและมีอยู่ไม่มานัก ทาใหเ้ รื่องเกี่ยวกบั อาณาจักรมาซิโดเนียในยุคแรกนั้นยังมีความคลุมเครืออยู่ จากข้อมูลที่รวบรวมได้ในปัจจุบัน ก็มากพอจะทาให้นักประวัติศาสตร์ สามารถสนั นษิ ฐาน ถึงภาพรวมของจุดเริ่มต้นการกาเนิดอาณาจักรได้ ซึ่งนั้น มาพร้อมกับการสถาปนาผู้ปกครองรุ่นแรกของมาซิโดเนีย ราชวงศ์อาเกียด (Argead dynasty) บันทึกเก่าแก่ที่สุดกล่าวถึง การกาเนิดและประวัติศาสตร์ของมาซิโดเนีย ในชว่ งต้นน้นั มาจากสองนักประวัตศิ าสตรช์ าวกรีกโบราณ ซึ่งเขียนขึ้นในราว ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาลคือ เฮโรโดตุสและธูซีดีดีส (Herodotus and Thucydides)

ห น้ า | 3 โดยเฮโรโดตุสได้อธิบายถึง ตานานของ ชายสามคน ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ประกอบด้วย กาวานีส, แอโรพาส และ คนสุดท้ายเพอร์ดิกคาส (Gauanes, Aeropus and Perdiccas) ทั้งสามคนมีบ้านเกิดอยู่ที่นครรัฐ อาร์โกส (Argos) โดยเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากราชากรีกโดเรียนแห่งอาร์โกส เทเมโนส (Temenos) ผ้ซู ง่ึ สบื สายตอ่ มาจากฮรี าคลีส (Heracles) วีรบุรุษใน ตานานกรีกอีกทอดหนึ่ง ทั้งสามถูกเทรเทศออกมาจึงได้เดินทางมุ่งหน้าขึ้น เหนอื จนกระทัง่ มาถงึ ดนิ แดนมาซโิ ดเนียตอนบน ก่อนจะทางานเป็นคนเลี้ยง ปศสุ ตั ว์จาพวกแกะหรือแพะ ให้กับราชาผู้ปกครองท้องถิ่น แต่ทาไปได้ระยะ หนง่ึ ทง้ั หมดก็ถูกขบั ไล่ สามพน่ี อ้ งได้ท้วงถามถึงค่าแรงจากการเลี้ยงปศุสัตว์ แตร่ าชาคนน้ันกลบั ปฏเิ สธทจ่ี ะจ่ายเงนิ ให้ ก่อนจะชี้ไปยังจดุ ที่แสงแดดส่องลง มารวมกนั แลว้ บอกใหน้ ัน้ คอื ค่าแรงสาหรบั งาน ซึง่ ในตอนแรกผู้เป็นพี่ทั้งสอง ตงั้ ทา่ จะไมย่ อม แตน่ อ้ งคนสุดทอ้ งอยา่ งเพอรด์ ิกคาสที่สขุ มุ ทส่ี ุด กลับตอบตก ลงก่อนจะใชม้ ดี ประจาตัว กรดี ทาสญั ลกั ษณ์รอบวงแสงแดดดังกล่าว แลว้ โน้ม น้าวพี่ชายทั้งสองคนให้ไปจากที่นี่ การกระทาของเขา สร้างความแปลกใจ ใหก้ ับราชาผนู้ ้ันเป็นอย่างมาก จึงได้นาเร่อื งน้ีไปปรึกษากับผพู้ ยากรณ์ แล้วได้ รับคาเตือนว่าเป็นการคุกคามต่ออานาจของตนเอง เลยออกคาสั่งให้เหล่า ทหารไปไลล่ า่ และฆ่าสามพีน่ ้องโดยทนั ที แต่เพอรด์ ิกคาสและพี่ชายของเขาก็ สามารถหลบหนีการไล่ลา่ โดยการกระโดดลงแล้วไหลไปตามแม่น้าฮัลลิมอน แลว้ ไปขน้ึ ฝงั่ และหลบภยั อยู่ที่สวนแห่งไมดัส (Gardens of Midas) ซึ่งตั้งอยู่ บริเวณเชิงหุบเขาเบอมิออน (Bermion) ที่นี้เองที่ทั้งสามคนเริ่มต้น การ รวบรวมชนพื้นเมอื งชาวมาซิโดเนยี ไม่ว่าจะด้วยสันติวิธีหรือการพิชิตหรือทั้ง สองอย่าง จนสามารถรวบรวมให้ชนพื้นเมืองมาเข้าร่วมได้เป็นจานวนมาก

ห น้ า | 4 เมือ่ นน้ั เองทเี่ พอร์ดิกคาสได้รับการสถาปนา เป็นผู้ปกครองชาวมาซิโดเนียคน แรก โดยเขาได้ต้ังชื่อราชวงศ์ของตนเองว่า ‘อาเกียด’ เพื่อเป็นการอ้างอิงถึง นครรัฐอาร์โกส สถานที่ซ่ึงพนี่ อ้ งท้งั สามคนจากมา พร้อมกับตั้งเมืองนามว่า ไอไก (Aigai) ขึ้นเป็นเมืองหลวงของอาณาจักร ปัจจุบันคือเมืองเวอจิน่า (Vergina) อันมีสญั ลักษณ์ประจาราชวงศ์ เป็นดวงตะวนั หรือดาวกระจาย สัญลักษณป์ ระจาราชวงศ์7 ต้งั แต่ 6 ไปจนถึง 16 แฉก แบบเดียวกับที่เขาเคยวาดลงไปบนจุดที่แสงแดด ส่องลงมารวมกนั

ห น้ า | 5 สญั ลักษณ์ดังกลา่ วเป็นทร่ี จู้ ักและถูกเรียกอยู่หลายชอื่ แต่ทีพ่ บเห็นได้บ่อย และเป็นที่นิยมทส่ี ดุ คอื ดวงตะวันแห่งเวอจนิ า่ และดวงดาวแห่งอาเกยี ด ธูซีดีดสี เฮโรโดตุส (Vergina Sun and Argead Star) แม้ในภายหลังนักประวัติศาสตร์บางส่วน จะตั้งข้อกังขาว่า เป็นสัญลักษณ์ประจาราชวงศ์จริงหรือไม่ เนื่องจาก สัญลักษณ์ดังกล่าวสามารถพบเห็นได้ทั่วไป ในงานศิลปะกรีกโบราณช่วง ศตวรรษที่ 6 – 2 ก่อนคริสตกาล แต่ส่วนม ากก็ยังนับให้เป็นอยู่จนปัจจุบัน นน่ั เปน็ ตานานการเริ่มต้นประวัติศาสตรม์ าซิโดเนยี ตามการรายงานของเฮโร โดตุส ซึ่งธูซีดีดีสเองก็ให้รายงานที่ค่อนข้างตรงกัน เกี่ยวกับการเริ่มต้น อาณาจักรมาซิโดเนีย แต่ภายหลังจากยุคของทั้งสองคนไป ได้ปรากฏ รายงานอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง อยู่ในบันทึกของนักประวัติศาสตร์กรีก – โรมันรุ่น หลัง เช่น ทีโอพอมพัส (Theopompus) เลวี่ (Livy) พลูทาร์ก (Plutarch) จัสติน (Justin) เป็นต้น ซึ่งโดยสรุปนั้นกล่าวถึงลูกชายของเทเมโนสที่ชื่อ คา ราโนส (Karanos) ซึ่งหลังจากที่เทเมโนสเสียชวี ิต ในขณะที่บรรดาพี่น้องของ ตัวเองทะเลาะกันว่า ใครสมควรจะได้เป็นผู้สืบบังลังก์ต่อ คาราโนสตัดสินใจ

ห น้ า | 6 ออกไปหาสถานท่ี สาหรบั สรา้ งอาณาจักรเปน็ ของตนเองแทน โดยไปพบกับ ผู้พยากรณแ์ ห่งเดลฟีเพอ่ื ขอคาแนะนา (Oracle of Delphi) ผู้พยากรณ์ได้ให้ คาแนะนาว่า สถานที่ซึ่งพบฝูงแพะเป็นจานวนมาก จะเป็นที่ตั้งเมืองสาหรับ อาณาจักรของเขา หลังได้รับคาแนะนาคาราโนสพร้อมผู้ติดตาม จึงออก เดินทางขึ้นไปทางเหนือเรื่อย ๆ จนได้พบกับสถานที่ตามคาพยากรณ์ จึงลง หลกั ปกั ฐานสร้างเมอื งข้ึนท่ีนัน้ นามว่า ไอไก อันเป็นจุดเริ่มต้นของมาซิโดเนีย ในเวอร์ชั่นหลัง การทเ่ี ฮโรโดตสุ ไมไ่ ด้พดู ถึง ตานานในเวอร์ชั่นหลังทาให้นัก ประวัติศาสตร์ สันนิษฐานถึงที่มาของเวอร์ชั่นดังกล่าวว่า เกิดขึ้นหลังจาก ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาลไปแล้ว กระนั้นชื่อของเพอร์ดิกคาสก็ยังมีการ กลา่ วถึงอยู่ โดยถกู เปล่ยี นจากผกู้ ่อตั้งร่นุ แรกให้กลายเปน็ หนึ่งในผู้ปกครอง ท่ี สืบเชื้อสายมาจากคาราโนสอีกทีหนึ่งแทน แต่ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นไหน ก็ แสดงให้เห็นถึงความพยายาม ในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างการกาเนิด มาซิโดเนียกับราชวงศ์จากชาวกรีก ซึ่งเชื้อสายดังกล่าวก็สามารถดารงอยู่ ได้มาอย่างยาวนาน กระทั่งมาสิ้นสุดลง ภายหลังการสวรรคตของพระเจ้าอ เล็กซานเดอรม์ หาราช และลูกชายของพระองค์ แต่ว่า บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ปกครองคนอื่น ๆ หลังจากคาราโนสและเพอร์ ดิกคาส ซึ่งมีอยู่ราว 5 – 8 คน ขึ้นอยู่กับว่าอ้างอิงจากบันทึกไหน กลับมี ปรากฏอยู่เพียงลาดับรายชื่อเท่านั้น แต่จากการประมาณการของนัก ประวัติศาสตร์ ก็ทาให้สามารถคาดการณไ์ ดว้ า่ การกาเนิดของมาซิโดเนีย อาจ ยอ้ นกลับไปได้ถงึ ศตวรรษท่ี 7 ก่อนคริสตกาล แตก่ ไ็ ม่สามารถอธิบายอะไรไป ได้มากกว่านั้น ด้วยว่าขาดหลักฐานอย่างที่กล่าวไปตอนต้นเรื่องราวของ มาซิโดเนยี และราชวงศอ์ าเกยี ด

ห น้ า | 7 กลบั มาถูกพดู ถงึ อีกคร้งั ในช่วงตน้ ของศตวรรษท่ี 5 ก่อนคริสตกาล โดยเฮโรโด ตุสไดก้ ล่าวถึงสมาชกิ คนหนงึ่ ของราชวงศ์ ท่ีชื่อ อเล็กซานเดอรท์ ี่ 1 แห่ง มาซโิ ดเนยี โดยอธิบายถึงความพยายาม ในการขอเข้าร่วมการแข่งกีฬาโอลิมปิก อันเปน็ การแขง่ ท่สี งวนไวเ้ ฉพาะกับชาวกรีกเท่านั้น ซึ่งในสายตาของชาวกรีก ตา่ งมองวา่ ชาวมาซิโดเนียไม่ใชก่ รีกจึงไมม่ สี ทิ ธทิ ่จี ะเข้าร่วมด้วยได้ อย่างไรก็ ดี อเล็กซานเดอร์กส็ ามารถเข้าร่วมการแข่งกีฬาได้ในที่สุด เมื่อเฮนเลนอดิไค (Hellanodikai) หรอื เจ้าหน้าทตี่ ดั สินชขี้ าดในกีฬาโอลิมปิกอนุญาต ภายหลัง จากทีส่ ืบย้อนสายตระกูลกลับไปแล้วพบว่า อเลก็ ซานเดอรส์ บื เชื้อสายมาจาก เทเมโนสแห่งอาร์โกส ซึ่งเป็นการช่วยยืนยันว่า ราชวงศ์อาเกียดมาจากชาว กรกี จรงิ อเลก็ ซานเดอร์ที่ 1 แห่งมาซิโดเนีย

ห น้ า | 8 ขอบเขตของอาณาจกั รในยคุ แรก เหมือนเช่นเรื่องอื่น ๆ เราไมท่ ราบว่าขนาดทีแ่ ท้จริงนั้น ครอบคลุมไปถึงพื้นท่ี ได้บา้ ง เฮโรโดตสุ อธิบายเพยี งแค่ว่า เพอรด์ กิ คาสและกลุ่มคนของเขา เริ่มต้น การรวมรวบดินแดนที่หุบเขาเบอมิออน โดยไม่ได้บอกว่ามีส่วนใดบ้าง ขณะทธ่ี ูซีดีดีสเองแม้จะใหร้ ายละเอียด เก่ยี วกบั ขอบเขตทค่ี ่อนขา้ งชดั เจน

ห น้ า | 9 แต่กไ็ มเ่ ก่าแก่ไปกว่ายุคของอเล็กซานเดอรท์ ี่ 1 นักประวตั ิศาสตรใ์ นปัจจุบัน สันนษิ ฐานเก่ียวกับขอบเขตอาณาจกั รช่วงแรกจนถงึ ก่อนการรุกรานกรีกของ เปอร์เซยี ครง้ั ท่ี 2 ว่า ครอบคลุมดินแดนที่ราบอันอุดมสมบูรณ์ชื่อ อีมาเทียน (Emathian) ในเขตบอทิเอเอีย (Bottiaea) ของมาซิโดเนียตอนบน ไปจรด กับชายฝั่งทะเลอีเจียนทางตะวันออก ทิศเหนือไม่ไกลไปกว่าตอนล่างของ แม่น้าแอกซิโอส (Axios river) ทางตะวันตกอาจไปถึงออร์เดียน (Eordaea) ส่วนทศิ ใต้ข้ามแม่น้าฮัลลมิ อน (Haliacmon river) ลงไปในเขตพีเรีย (Pieria) แตไ่ มน่ า่ จะไปไกลเกินแมน่ า้ พนิ เนีย (Pinius) โดยมศี นู ย์กลางการปกครองอยู่ ทเ่ี มอื งหลวงไอไก (Aigai) อนั เปน็ ทปี่ ระทบั ของราชาและเชื้อพระวงศ์ แลว้ นัน้ ก็คือข้อมูลที่นักประวัติศาสตร์สันนิษฐาน ได้จากข้อมูลและหลักฐาน ทางโบราณคดี เท่าที่มีการค้นพบและรวบรวมในปัจจุบัน ของมาซิโดเนียใน ยุคแรกก่อตั้ง อันเริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลาระหว่างศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล จนถึงช่วงต้นของ ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล ซึ่งยังมีความคลุมเครือและ ต้องการหลักฐานมากกวา่ น้ี แม้จะยังคงมีไม่ชัดเจนอยู่ แต่ข้อมูลดังกล่าวเริ่มมีปรากฏมากขึ้น เมื่อเข้าสู่ ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มาซิโดเนียเริ่มต้นการขยาย อานาจของตนเอง ให้ไกลออกไปจากขอบเขตเมื่อแรกเริ่ม ผ่านการอาศัย โอกาสที่เกิดขึ้น ในระหว่างเหตุการณ์ที่ใหญ่และมีความสาคัญ มากที่สุด เหตุการณ์หน่ึงในหน้าประวัตศิ าสตร์

ห น้ า | 10 มาซโิ ดเนียกับบทบาทใน สงครามกรีก-เปอร์เซยี

ห น้ า | 11 มาซิโดเนยี กับบทบาทในสงครามกรกี – เปอรเ์ ซีย เมื่อราวศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล แต่ด้วยความขาดแคลนของหลักฐานที่ ค้นพบในปัจจุบัน กท็ าใหเ้ รอ่ื งราวของมาซิโดเนยี ในช่วงเวลาดงั กลา่ ว ยังคงอยู่ ในสภาพที่ไม่ชัดเจนมากนัก กระทั่งล่วงเข้าสู่ต้นศตวรรษที่ 5 ก่อน คริสตกาล จึงเป็นอีกครั้งที่เรื่องราวของอาณาจักรแห่งนี้ เริ่มกลับเป็นที่ กล่าวถึง ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งที่บานปลาย จนกลายเป็น สงครามระหวา่ งสองชนชาติ อันถกู จารึกลงในฐานะเหตุการณส์ าคญั ที่สุดคร้ัง หนงึ่ ของหน้าประวตั ิศาสตร์โลกยคุ โบราณ เนื้อหาที่จะพูดถึงกันในครั้งนี้ก็คือ มาซิโดเนียกับบทบาทในสงครามกรีก – เปอร์เซีย เมื่อแรกพบกับเปอร์เซีย จนถึงการกอ่ จลาจลของกรกี ไอโอเนยี ราว 510 ปกี อ่ นครสิ ตกาล หลังจากไม่ ประสบความสาเร็จเท่าท่ีควร ในการยทุ ธกบั ชนเผ่าเร่ร่อนไซเธียน (Scythian) ซึ่งอาศัยอยู่ในภูมิภาคคาบสมุทรไครเมียและทุ่งหญ้าสเตปป์ ในส่วนที่เป็น

ห น้ า | 12 ประเทศยูเครนในปัจจุบัน พระเจ้าดาริอัสที่ 1 มหาราช (Darius the Great) องค์ราชา เหนือราชาทั้งปวงแห่งจักรวรรดิอาร์คีมีดิส ได้ยุติการศึกครั้งนี้ลงและมุ่งหน้ากลับสู่ เอเชียในปกครองของพระองค์ แต่ก่อนจะ เดินทางกลับ พระองค์ได้ทิ้งบางส่วนของ กองทัพไว้ในยุโรปต่อไป ภายใต้การนาของ แมท่ ัพ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระญาติผู้หนึ่งนามว่า เมกาซาบสั (Megabazus) ใหท้ าหนา้ ท่ีพชิ ิต ชนพน้ื เมืองและควบคุมพน้ื ที่ ในภูมิภาคเทรซ (Thrace) และดินแดนรอบลุ่ม แม่น้าสเตรมอน (Strymon river) ในภูมิภาคไพโอเนีย (Paeonia) ซึ่งการ กระทาดงั กลา่ วไดก้ ลายเปน็ การ เออ้ื ประโยชน์ทางอ้อมให้กับมาซิโดเนียด้วย เช่นกัน โดยผู้ปกครองอาณาจักรอยู่ในขณะนั้นคือ อามินตัสที่ 1 แห่ง มาซิโดเนีย (Amyntas I of Macedon) ได้อาศัยโอกาสที่ชนเผ่าไพโอเนียน (Paeonian) ออ่ นแอเพราะการโจมตีของเมกาซาบัส ขา้ มขนึ้ ไปผนวกดินแดน บางส่วน ที่ฝั่งบนของแม่น้าแอกซิโอส (Axios river) ได้เป็นครั้งแรกอย่าง รวดเร็ว แต่เม่อื ทตู จากเมกาซาบสั เดินทางมาถึงเมืองหลวง เพื่อยื่นข้อเสนอ ให้ถวายดนิ กับนา้ อันเป็นการยอมอยู่ใต้อานาจของเปอร์เซีย อามินตัสได้ตก ลงรับข้อเสนอดังกล่าว นั้นทาให้มาซิโดเนียมีฐานะเป็นรัฐบรรณาการของ เปอร์เซียอยู่ระยะเวลาหนึ่ง นอกเหนือการถวายดินและน้าแล้ว ยังมีการ ส่งเสรมิ ความสัมพนั ธ์กนั ระหว่างมาซโิ ดเนียกับเปอร์เซีย ผ่านการแต่งงานกัน ระหว่างชนช้นั สงู ของท้งั สองฝาุ ย โดยหน่ึงในการแตง่ งานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ดัง

ห น้ า | 13 กล่าวคอื ลูกสาวของอามินตัสทช่ี ่อื จิกาเอีย (Gygaea) กับลูกชายของเมกาซา บัสที่ชื่อบูบาเรส (Bubares) ตามรายงานของเฮโรโดตุสยังได้อธิบายถึง สาเหตกุ ารแต่งงานกันระหว่างทั้งสองคนว่า เกิดขึ้นเพื่อเป็นการปิดปากและ โน้มน้าวใหย้ ตุ กิ ารค้นหา คณะทตู ท่สี ง่ มายน่ื ข้อเสนอแก่อามนิ ตสั ของเปอรเ์ ซยี โดยฝีมอื ลกู ชายของเขาอเล็กซานเดอร์ ผู้ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่พยายามจะ เข้าร่วม การแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก จนเกิดการพิสูจน์สายตระกูลอาเกียด น่นั เอง เน่ืองจากในระหว่างงานเลี้ยงต้อนรับ คณะทูตของเปอร์เซียได้ทาสิ่ง ทไ่ี ม่ให้เกยี รติกับชาวมาซโิ ดเนีย อเล็กซานเดอรท์ ่ยี งั เป็นเจ้าชายอยใู่ นขณะนนั้ จึงได้ใช้โอกาสหลังจากทพ่ี อ่ ของเขา เดินออกจากงานเลยี้ งไปแล้ว ทาการลวง คณะทตู ออกจากงานมาฆา่ ทิ้งทงั้ หมด ซงึ่ เมอื่ เวลาล่วงเลยผ่านไปนับปี บูบาเรสได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นา ในการ ออกคน้ หาคณะทูตที่หายไป อเล็กซานเดอร์ในขณะนั้น ได้ขึ้นเป็นผู้ปกครอง อาณาจกั รตอ่ จากอามินตสั เรียบรอ้ ยแล้ว เสนอมอบของกานลั อยา่ งงามพร้อม กับน้องสาวของเขาแก่บูบาเรส ซึง่ นั้นทาใหก้ ารค้นหาถูกยตุ ไิ วแ้ ต่เพยี งเท่านัน้ ถึงอย่างนั้นเรื่องการสังหารคณะทูตของเปอร์เซียนั้น เป็นที่ถกเถียงกันมา อย่างช้านานแล้วว่า เกิดขึ้นจริงหรือเป็นเพียงเรื่องที่เฮโรโดตุสแต่งขึ้น เพื่อ เสริมเรื่องราวของตัวอเล็กซานเดอร์เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่าเรื่องจะเป็น อยา่ งไรแต่การแตง่ งานเหมอื นจะเกิดขน้ึ จรงิ โดยมหี ลักฐานเปน็ ลกู ชายของทง้ั สองที่ช่ืออามินตัสที่ 2 ได้รับการแต่งตั้งจาก พระเจา้ เซริ ์กซสี ที่ 1 แห่งอารค์ ีมีดสิ ใหไ้ ปดารงตาแหน่งเป็นเจ้าเมือง อลาบัน ดา (Alabanda) ในภมู ิภาคคาเรีย (Caria)

ห น้ า | 14 เมื่อเกิดการก่อจลาจลโดยพวกกรีกไอโอเนียน ที่อยู่ใต้การปกครองของ เปอร์เซีย ในภูมิภาครอบชายฝั่งอนาโตเลีย (Ionian Revolt) ระหว่างปีท่ี 499 – 493 ก่อนครสิ ตกาล สนั นษิ ฐานว่ามาซิโดเนยี กลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง หนึ่ง เนื่องจากการปกครองของเปอร์เซียในยุโรปอ่อนแอลง แต่เมื่อการ จลาจลสิ้นสุดลง มาซิโดเนียก็ต้องกลับมาอยู่ใต้อานาจของเปอร์เซียอีกรอบ จากการสถาปนาอิทธิพลของเปอรเ์ ซียในยุโรปอีกครั้ง โดยแม่ทัพผู้มีศักดิ์เป็น พระญาติอีกคนนามว่ามาร์โดเนียส (Mardonius) ซึ่งคราวนี้มาซิโดเนียถูก ผนวก ใหเ้ ข้ามาอยูใ่ นโครงสร้างการบรหิ ารของจักรวรรดิโดยตรงแทน กระนั้นตามคาอธิบายของเฮโรโดตุส แม้จะไม่ได้ระบุว่ามาซิโดเนีย มีฐานะ อะไรเป็นพิเศษในขณะนั้น แต่ก็ยืนยันได้ว่า อเล็กซานเดอร์ยังคงเป็น ผปู้ กครองอาณาจักรอยู่ ไปจนกระท่งั ถึงการรุกรานกรกี ครั้งที่ 2 แทนที่จะเปน็ ข้าหลวงจากส่วนกลาง ที่จัดตั้งขึ้นใหม่หลังการหวนคืนสู่ยุโรป ซึ่งก็ไม่มี ปรากฏชัดว่าไดร้ บั การจัดตง้ั ขนึ้ จริงหรอื เปล่า ทาให้อาจเป็นไปได้ว่ามาซิโดเนียในขณะนั้น มีสภาพเป็นรัฐในอารักขาของ เปอร์เซีย หรืออยา่ งนอ้ ยอเล็กซานเดอรก์ ็ต้องได้รับ การยอมรับจากเปอร์เซีย ในระดบั หนึง่ ซึง่ นน้ั อาจเป็นผลมาจากการเช่อื มสมั พันธ์ ผา่ นการแต่งงานของ น้องชายเขากบั บูบาเรส ท่ีเกดิ ขึน้ เมือ่ หลายปกี ่อน บทบาทของอเล็กซานเดอร์ระหวา่ งการรุกรานกรีกครงั้ ท่ี 2 ของเปอรเ์ ซีย เป็น ที่ชัดเจนว่า เมื่อเซิร์กซีสเริ่มต้นการรุกรานกรีกครั้งที่ 2 ในปีที่ 480 ก่อน คริสตกาล อเล็กซานเดอร์ได้นาทหารชาวมาซิโดเนีย เข้าร่วมติดตามกองทัพ

ห น้ า | 15 เปอรเ์ ซียในฐานะที่เปน็ ข้ารับใช้ด้วยเช่นกัน เฮโรโดตุสยังได้ขยายความต่อว่า อเล็กซานเดอร์เป็นบุคคลท่ไี ดร้ บั ความไวว้ างใจอยา่ งมากจากเปอรเ์ ซีย แต่ในขณะเดียวกัน อเล็กซานเดอร์ยังแอบให้ความช่วยเหลือ ฝุายพันธมิตร กรีกอย่างลับ ๆ ด้วยเช่นกัน อยู่หลายครั้งตลอดช่วงสงคราม โดยความ ช่วยเหลือแรกสุดนั้น เป็นการเตือนกองทหารกรีกที่รวมตัวกัน รอการมาถึง ของกองทัพเปอร์เซียที่ช่องเขาเทมพี (Tempe Valley) อันอยู่ในบริเวณ ชายแดนภมู ภิ าค เขาเทมพี (Tempe Valley)

ห น้ า | 16 เทสซาเลียนกับมาซิโดเนีย (Thessalian-Macedonian) ตามแผนแรกสุด ใหร้ บี ถอยออกไปเนื่องจากหบุ เขาดงั กล่าว ยังมีเส้นทางอื่นให้สามารถผ่านไป ได้ ซึ่งทาให้พันธมิตรกรีกเสี่ยงต่อการถูกโอบล้อมอย่างมาก อีกทั้งกองทัพ เปอร์เซียมีขนาดใหญ่เกินกว่า ที่พวกเขาจะสามารถเอาชนะได้ รวมทั้งอเล็ก ซานเดอรย์ ังเสนอตวั เปน็ สปายแฝงในกองทัพเปอรเ์ ซยี ใหก้ ับฝา่ ยกรกี อกี ดว้ ย ซ่ึงแม้ไมป่ รากฏหลักฐานว่า ผบู้ ญั ชาการฝ่ายกรีกเชื่อถือคาเตือนดังกล่าวมาก นอ้ ยแคไ่ หน แต่ในท้ายท่สี ดุ พวกเขาก็ตัดสินใจล่าถอยไป ก่อนจะเปลี่ยนแผน ไปตั้งรับอยู่ที่ช่องเขาเทอร์โมปีเล(Thermopylae) ในเวลาต่อมา ชอ่ งเขาเทอร์โมปีเล(Thermopylae)

ห น้ า | 17 นอกจากนั้นอเล็กซานเดอร์ยังช่วยให้ นครรัฐในภูมิภาคบีโอเชียและนคร รฐั ธบี ส์ (Beotia and Thebes) รอดจากการถกู ทาลาย โดยใช้ความไว้วางใจ ที่เปอร์เซียมีต่อตัวเขา ในการโน้มน้าวเซิร์กซีสกับแม่ทัพคนอื่น ๆ เชื่อว่า ชาวเมอื งอยขู่ า้ งเดียวกนั กับเปอรเ์ ซยี แต่ว่า เม่ือเซิรก์ ซสี ตัดสินใจลา่ ถอยออก จากยุโรป หลังความพ่ายแพ้ในยุทธนาวีที่ซาลามิส โดยทิ้งเพียงกองกาลัง บางส่วนเอาไว้ ให้อยู่ภายใต้การบัญชาการของมาร์โดเนียส ในการพิชิตนคร รัฐกรีกในคาบสมุทรเพโลพอนนีสต่อไป ในจุดนี้นั้น อเล็กซานเดอร์ยังคง ทางานรบั ใชม้ าร์โดเนียสเป็นยังดเี หมือนเดิม เห็นได้จากการท่แี ม่ทัพเปอร์เซีย เลือกให้เขา เป็นตัวแทนไปเจรจาเพื่อโน้มน้าวให้ชาวเอเธนส์ ยุติการทา สงครามและหันมาเข้ากับเปอร์เซียแทน แม้ว่าในท้ายที่สุดแล้วการเจรจาจะ ไม่ประสบความสาเร็จ เนื่องจากชาวเอเธนส์นาข้อเสนอของมาร์โดเนียส มา บงั คับให้พันธมิตรโดยเฉพาะนครรฐั สปารต์ า ใหอ้ อกมาเคล่อื นไหวไม่งัน้ จะหัน ไปเข้ากับเปอร์เซยี ไดส้ าเร็จ ซึง่ นั้นนาไปสกู่ ารรบในศกึ ตัดสินทส่ี มรภูมิพลาเท อา (Battle of Plataea) ในปีท่ี 479 กอ่ นคริสตกาล ภาพจติ รกรรมฝาผนงั ของ คนขบั รถม้าจากสุสานหลวงมาซิโดเนียที่ Vergina ปลายศตวรรษท่ี 6 กอ่ นคริสตศ์ กั ราช

ห น้ า | 18 โดยเฮโรโดตุสได้กล่าวถึง บทบาทสาคัญของอเล็กซานเดอร์ที่มีส่วนช่วยให้ กองทหารพันธมิตรกรีกเป็นฝุายได้รับชัยชนะในศึกนี้ไป แม้จะยังเป็นที่ ถกเถยี งกันของนกั ประวตั ิศาสตรส์ มัยใหม่ว่า อเลก็ ซานเดอร์มบี ทบาทอย่างไร กันแน่ในศึกครั้งนี้ อีกทั้งบทบาทดังกล่าวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแค่ไหนกัน เพราะก่อนการรบจะเริม่ ขึน้ ทั้งฝาุ ยกรกี และเปอรเ์ ซีย ตา่ งก็อยากที่จะเข้าต่อสู้ ในศึกครั้งนี้ โดยทต่ี นเองเป็นฝาุ ยไดเ้ ปรียบท่สี ดุ โดยเปอรเ์ ซียอยากรบในทโี่ ลง่ เพื่อที่จะได้ใช้ประโยชน์จากทหารม้าและจานวนที่มีมากกว่าได้ ขณะที่ฝ่าย กรีกอยากรบในท่ีแคบเพอ่ื จากดั การเผชญิ หน้ากบั ทหารมา้ แต่เมือ่ มารโ์ ดเนียสเหน็ วา่ ยิ่งปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ศัตรูของเขาก็ ยิ่งมีโอกาสในการรวบรวมเสบียงกับกาลังพลได้มากขึ้นเท่านั้น แม่ทัพ เปอร์เซียจึงตัดสินใจเป็นฝุายโจมตีก่อน โดยกะไม่ให้อีกฝุายได้ทันตั้งตัวได้ ระหว่างนั้นเอง อเล็กซานเดอร์ที่อยู่ในค่ายเปอร์เซียด้วยเช่นกัน ได้รู้ถึง

ห น้ า | 19 แผนการที่ว่าของมาร์โดเนียส จึงแอบควบม้าออกไปที่ค่ายของฝุายกรีก ใน ยามค่าคืนด้วยตัวเองเพื่อเตือนฝุายกรีก ที่นาโดยแม่ทัพชาวสปาร์ตัน เพาเซ เนียส (Pausanias) รับรู้และเตรียมรับมือการโจมตีของเปอร์เซีย ในตอนรุ่ง สางได้ทันในทา้ ยท่ีสุด หลังจากท่ีเปอร์เซียล่าถอยออกจากยุโรป ความพ่ายแพ้ของเปอร์เซียกลายเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนที่สาคัญของ ประวัติศาสตร์มาซิโดเนียซึ่งความสาเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากการใช้ ประโยชน์ในสถานการณท์ ่ีเกดิ ข้นึ โดยการเลน่ สองบทบาทในเวลาเดียวกันขอ งอเล็กซานเดอร์ หรือก็คือคือเขาใช้ประโยชน์จากการเข้ามาของเปอร์เซีย ช่วยปราบปรามชนเผ่าเพื่อนบ้าน รอบ ๆ ตัวให้อ่อนแอลง จนไม่เป็นภัยกับ อาณาจักรอีก พร้อมกับเชื่อมสัมพันธ์กับชนชั้นสูงของเปอร์เซีย เพื่อรับรอง ฐานะของเขากับราชวงศ์ต่อไป เมื่อเปอร์เซียดาเนินการรวมเอามาซิโดเนีย เข้ามาอยใู่ นการบริหารของจกั รวรรดโิ ดยตรง อเล็กซานเดอร์ก็หันไปให้ความ ช่วยแก่พนั ธมิตรนครรฐั กรีก ในการขจัดอิทธิพลของเปอร์เซยี ออกไป อกี ท้งั ยงั เปน็ การสร้างชือ่ เสยี งกับภาพลกั ษณ์ของมาซิโดเนยี ให้ดีขนึ้ ในมมุ มองของชาว กรกี ซง่ึ เขาไดไ้ ปประสบมาเองเมื่อคราว พยายามจะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬา โอลิมปิก และสุดท้ายเมื่อมาซิโดเนียกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง ในตอนที่ เปอร์เซยี ล่าถอยออกจากยโุ รป โดยทง้ิ ดินแดนโดยรอบทง่ี ่ายต่อการพิชิต ให้อ เลก็ ซานเดอร์ขยายขอบเขตของอาณาจักรออกไป ได้กว้างขวางกว่าในยุคที่มี มาก่อนหน้านี้ ซึ่งดินแดนทั้งหลายที่ได้มา เต็มไปด้วยทรัพยากรที่ช่วยเสริม ความม่ังคง่ั ให้กับอาณาจักรหลังจากนต้ี อ่ ไป อกี ท้ังบรรดาชุมชนชาวพื้นเมือง

ห น้ า | 20 ในท้องถิ่น ยังคงเกรงว่าเปอร์เซีย อาจจะกลับมาได้อีกครั้ง เหมือนกับที่ เคยเกิดขึ้นในคราวมาร์โดเนียส กลับ มฟ้ืนฟูอิทธิพลของเปอร์เซียในปีที่ 492 ก่อนคริสตกาล นั้นทาให้พวกเขา ยอมรับการปกครองของมาซิโดเนีย เพื่อให้อเล็กซานเดอร์ช่วยคุ้มครอง ณ จดุ นอี้ เล็กซานเดอร์ไดร้ บั การยอมรับว่า เป็นผู้สถาปนาความเป็นรัฐให้กับ มาซิโดเนียอย่างแท้จริง จากทั้งนัก ประวัติศาสตร์ยุคโบราณและสมัยใหม่ โดยเฉพาะจากนักวิชาการแห่งอเล็ก ซานเดรีย ในยุคเฮเลนนีสติกที่ยกย่องให้เป็น Philhellene (เพื่อนหรือผู้ที่รัก ยิ่งในความเปน็ กรีก) อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของอเล็กซานเดอร์หลังการจาก ไปของเปอร์เซีย กลับมีปรากฏอยู่น้อยมาก เรารู้เพียงคร่าว ๆ ว่า อเล็กซาน เดอร์เริ่มมีปัญหากับเอเธนส์ ที่เริ่มพยายามเข้าตั้งรกรากในดินแดนตอนล่าง ของแม่นา้ สเตรมัน อันอยู่ใกลก้ บั แหลง่ เหมืองแร่เงิน ที่สร้างความมั่งคั่งให้กับ อาณาจักรของเขา แม้ความพยายามดังกล่าวจะไม่ประสบความสาเร็จ จาก การรบกวนของชนเผา่ ธราเซยี นในเทรซ ตลอดช่วงการปกครองของอเล็กซาน เดอร์ ก็ตาม ซึ่งเมื่อมีการกล่าวถึงอเล็กซานเดอร์อีกครั้ง ก็เป็นตอนที่เขา เสียชีวิตไปแล้วอย่างกระทันหัน เมื่อราวปีที่ 454 ก่อนคริสตกาล โดยมีลูก ชายคนโตอลั เซตสั ที่ 2 (Alcetas II of Macedon) เป็นผูส้ บื ทอดตอ่

ห น้ า | 21 แต่ปกครองอยู่ได้เพียง 6 ปีก็เสียชีวิตแล้วถูกสืบทอดโดยน้องชายของเขา- -เพอร์ดิกคาสที่ 2 (Perdiccas II of Macedon) อลั เซตสั ที่ 2 (Alcetas II of Macedon) เพอรด์ กิ คาสที่ 2 (Perdiccas II of Macedon)

ห น้ า | 22 มาซโิ ดเนียกับบทบาทใน สงครามเปโลโปนนีเซยี น

ห น้ า | 23 มาซิโดเนียกบั บทบาทในสงครามเปโลโปนนเี ซียน ด้วยการเล่นสองบทบาทในเวลาเดียวกันของอเล็กซานเดอร์ ส่งผลให้ มาซิโดเนียใช้โอกาสจากสงครามระหว่างกรีก – เปอร์เซีย ในการหา ผลประโยชน์ให้แก่อาณาจักรได้อย่างมากมาย ภายหลังการถอนตัวจากไป ของเปอร์เซีย อันเป็นเรื่องที่เราได้เห็นกันไปในก่อนหน้านี้ แต่ นั่นไม่ใช่ครั้ง สุดท้ายของผู้ปกครองมาซิโดเนีย ที่จะเล่นหลายบทบาท ในการสร้างความ ได้เปรียบแก่อาณาจักร ท่ามกลางคลื่นลูกใหม่ของความขัดแย้งครั้งใหม่ ระหว่าง 2 อานาจนาของโลกกรกี โบราณ สนั นิบาตดเี ลียน (Delian League) ที่นาโดยเอเธนส์และสันนิบาตเปโลโปนนีเซียน (Peloponnesian League) ทนี่ าโดยสปาร์ตา เพอร์ดิกคาสที่ 2 รัชสมัยที่ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร หลังการเสียชีวิต ของอเลก็ ซานเดอรท์ ่ี 1 มาซโิ ดเนยี ถูกสบื ทอดต่อผ่านลูกชายของเขาอัลเซตัส

ห น้ า | 24 ที่ 2 หากแต่อัลเซตัสอยู่ปกครองได้ไม่นาน เขาก็ถูกลอบสังหารทาให้บัลลังก์ ตกทอดมาที่น้องชายคนรอง นั่นคือเพอร์ดิกคาสที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย ในปีที่ 448 ก่อนคริสตกาล ในรัชสมัยของเพอร์ดิกคาส จนกระทั่งเรื่อยไปถึงก่อนการขึ้นปกครองของฟิ ลิปที่ 2 เป็นอีกครั้งที่ประวัติศาสตร์ของมาซิโดเนีย มีความไม่ชัดเจนและ ช่วงเวลาของเหตุการณ์ ที่ถูกกล่าวถึงก็เกิดขึ้นห่างจากกัน และมักมาจาก บันทึกของชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งบันทึกขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ไปนาน แล้ว โดยแหล่งข้อมูลอ้างอิงหลักที่สาคัญ ในช่วงเวลาของสงครามเปโล โปนนีเซียน ซึ่งหลงเหลืออยู่นั้นมาจากบันทึกของธูซีดีดีส (Thucydides) นักการทหารและนักประวัติศาสตร์กรีกโบราณ ในฐานะบุคคลร่วมสมัย สงครามเปโลโปนนีเซียน ในช่วงแรกของการปกครองนั้น มาซิโดเนียค่อนข้างไม่มั่นคงนัก เนื่องจาก อานาจในการปกครองไม่ได้อยู่ที่เพอร์ดิกคาสผู้เดียว หากแต่ถูกค้านไว้โดย บรรดาพ่ีนอ้ งคนอน่ื ของเขา ซ่งึ คอยรอโอกาสชงิ บลั ลังก์จากเพอร์ดิกคาสอยู่เสมอ จนกระทั่งในปีที่ 433 - 432 ก่อนคริสตกาล พวกเขาก็ตัดสินก่อกบฏต่อราชาของอาณาจักร โดย ได้รับการสนับสนุนจากคู่อริสาคัญของมาซิโดเนียในช่วงเวลานั้น นครรัฐ เอเธนส์ นบั ตง้ั แต่การถอนตัวไปจากยุโรปของเปอร์เซีย จนกระทั่งการก่อตั้ง สนั นิบาตดเี ลยี นในปที ี่ 478 ก่อนคริสตกาล ดว้ ยความอุดมสมบูรณ์

ห น้ า | 25 ของทรัพยากรธรรมชาติตา่ ง ๆ ซึ่งมีอยู่อยา่ งมากมายในดนิ แดนภูมิภาคต่าง ๆ รอบทะเลอเี จียนเหนือ ทะเลอเี จียน โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ไม้ซงุ คณุ ภาพสงู เหมาะสาหรับใช้ต่อกองเรือรบไทรรีมอัน เป็นปัจจัยสาคัญอย่างหนึ่งที่ทาให้เอเธนส์สามารถก้าวขึ้นมาเปูนผู้นาแล ะ ควบคุมนโยบายของสันนิบาตไว้ได้ ด้วยเหตุนั้นเองตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

ห น้ า | 26 เอเธนสจ์ ึงพยายามอยา่ งยิ่งที่จะหาทาง แพร่อิทธิพลของตนเข้ามายังดินแดน แถบนี้ไม่ว่าจะเป็นการชักชวนหรือข่มขู่บรรดาอาณานิคมกรีกของนครรัฐ ตา่ งๆ ในพื้นที่ ใหเ้ ข้าร่วมเป็นสมาชิกสนั นิบาต ไปจนถึงส่งคนเข้ามาตั้งอาณา นิคมด้วยตนเอง ขณะเดยี วกัน มาซิโดเนียก็จับตามองการเข้ามาของเอเธนส์ ด้วยความไม่ไว้วางใจนักเนื่องจากกลัวว่า จะเป็นการขัดกับอิทธิพลและ ผลประโยชน์ของตนเชน่ กนั โดยเฉพาะหลังจากที่เอเธนส์ประสบความสาเร็จ ในการก่อตัง้ อาณานิคมแอมพโิ ปลสิ (Amphipolis) ในปที ี่ 437 ก่อนคริสตกาล ซง่ึ ตัง้ อยู่ใกล้กับปากแม่สเตรมัน อันทาให้เอเธนส์ สามารถเข้าถึงแหล่งทรัพยากร ในภูมิภาคได้ง่ายกว่าเดิม นั่นทาให้ มาซิโดเนยี ยิง่ รสู้ ึกถึงการคกุ คามท่ีมตี อ่ ตนมากข้นึ กระน้นั กเ็ ปน็ ท่นี า่ สนใจของ

ห น้ า | 27 นักประวัติศาสตร์เนื่องจาก หลังการก่อต้ังอาณานิคมดังกล่าวพบว่า เพอร์ดิก คาสแทบไม่แสดงออก ในเชงิ ทเ่ี ป็นการตอบโต้หรอื เตือนให้เอเธนสร์ ู้ ความไม่พอใจนี้นัก ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า เพราะการปกครองที่อ่อนแอ จาก การถกู บัน่ ทอนโดยพี่นอ้ งของเขา จึงไม่สามารถทาอะไรได้มากนัก หรือในแง่ ดีที่สุดเพอร์ดิกคาสอาจมองว่า อย่างน้อยมาซิโดเนียสามารถใช้เอเธนส์ เป็น ดา่ นหนา้ ปูองกันการโจมตีจาก ชนเผ่าทราเซยี น (Thracians) ชนเผ่าทราเซียน (Thracians) อนั เป็นศัตรกู ับทั้งสองฝุาย แต่พอทั้งสองฝ่ายก็มาถึงจุดแตกหัก เมื่อเอเธนส์ สนับสนุนการก่อกบฏในมาซิโดเนีย ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า แรงกดดันจากการ

ห น้ า | 28 เผชิญหน้ากับนครรัฐโครินธ์ของเอเธนส์ ซึ่งสามารถส่งผลให้สปาร์ตาเข้ามา แทรกแซงได้ในอนาคต เอเธนสเ์ กรงว่ามีโอกาสเป็นไปไดส้ ูง ทีจ่ ะเกดิ สงคราม กับสปาร์ตาขึ้นอีกครั้ง นาไปสู่การพยายามรวบรวมทรัพยากรสงครามและ รับรองว่า พวกเขาจะสามารถนาเข้าทรัพยากรเหล่านั้น โดยไม่ต้องกังวลถึง การถูกตัดขาด เพื่อการนนั้ เอเธนส์จงึ เลือกตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการสนับสนุน พี่นอ้ งคนหนึ่งของเพอร์ดิกคาส ให้ขึ้นมาเป็นผู้ปกครองมาซิโดเนียแทน แลก กับการว่าที่ผู้ปกครองคนใหม่ จะรับรองผลประโยชน์ให้อย่างที่พวกเขา ต้องการ สิ่งนี้นาไปสู่การเป็นศัตรูกันครั้งแรกระหว่างมาซิโดเนียกับเอเธนส์ ซึ่งเพอร์ดิกคาสตอบโต้ด้วยการขอความช่วยเหลือจากนครรัฐสปาร์ตากับโค รินธ์ รวมท้งั ใหก้ ารสนับสนุนแก่บรรดานครรัฐกรกี บรเิ วณคาบสมทุ รคาลซดิ ซิ ี่ (Chalcidice) ซึ่งเป็นสมาชิกสันนิบาตดีเลียน หากแต่ไม่พอใจที่ถูกเอเธนส์ บังคับเก็บค่าเป็นสมาชิกอย่างหนัก โดยเฉพาะนครรัฐโพติดีเอีย (Potidaea) อันเป็นอาณานิคมเดิมของโครินธ์ ที่ถูกทาลายกาแพงเมืองและพยายามปิด กนั การติดตอ่ ระหวา่ งโพตดิ เี อียกบั โครนิ ธ์ จนในทสี่ ุด บรรดานครรฐั เหลา่ น้ัน กอ่ การประทว้ งขน้ึ ก่อนจะประกาศก่อตั้งสันนิบาตคาลซิเดียน (Chalcidian League) โดยประชากรจานวนมากย้ายออกจากเมืองเดิม มุ่งหนา้ ไปรวมกันที่ นครรัฐโอลินทัส (Olynthus) ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางสันนิบาตในเวลาต่อมา อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรกับเพอร์ดิกคาสอีกด้วย การประท้วงและก่อตั้ง สันนบิ าต ทาให้เอเธนส์ตอ้ งสง่ กองทัพไปปราบปราม รวมทั้งให้การสนับสนุน แก่การฝาุ ยกบฏในมาซิโดเนียตามแผนด้วย โดยกองทหารเอเธนส์ที่ส่งไปนั้น ประสบความสาเร็จ ในการยดึ เมืองเทอม่า (Therma) ซึง่ ต้ังอยทู่ างตอนเหนือ ของคาบสมทุ รคาลซดิ ซิ ี่ รวมทงั้ ปดิ ลอ้ มเมอื งพิดนา่ (Pydna) อนั ต้งั อยู่ใกล้กับ

ห น้ า | 29 อ่าวเทอเมซ (Thermaic) แต่ในทางตรงกันข้าม เอเธนส์ไม่สามารถยึดโพติ ดีเอียได้ แม้จะมีการเสริมกาลังพลทหารราบและกองเรือเข้ามาเพิ่มแล้ว อีก ทัง้ พวกเขายังทราบข่าวด้วยว่า นครรัฐโครนิ ธ์ไดส้ ่งกาลังเสริมมาช่วยสนั นบิ าต คาลซเิ ดยี น ในการตอ่ สู้อกี ด้วย สง่ ผลใหท้ หารเอเธนส์ในมาซิโดเนีย ต้องถอน กาลังกลับไปรบั ศึกท่ีโพตดิ ีเอยี โดยกอ่ นไปผู้บญั ชาการทหารเอเธนส์อาร์เคส ตราตัส (Archestratus) ได้เสนอเจรจาสงบศึกกับเพอร์ดิกคาส ซึ่งได้รับการ ตอบรบั เป็นอยา่ งดีจากราชาแห่งมาซโิ ดเนีย ทหารเอเธนสจ์ ึงถอนตวั ออกไปได้ โดยสะดวก แต่ไม่นานหลังจากที่อีกฝุายจากไป เพอร์ดิกคาสรีบนากองทหารม้าของเขา เดนิ ทางไปสมทบกบั กองทหารพันธมติ รในโพติดีเอยี จนสามารถไปปรากฏตัว ในสนามรบได้ทันเวลา (Battle of Potidaea) แม้ว่าหลังจากนั้นเขากับกอง ทหารมาซิโดเนยี จะไมไ่ ดม้ บี ทบาทในการต่อสู้ครั้งนี้แต่อย่างใดก็ตามย่างเข้า ปที ่ี 431 กอ่ นคริสกาล หลงั การต่อสู้ที่สมรภูมโิ พติดีเอียในปกี ่อน

ห น้ า | 30 แม้เอเธนส์จะสามารถเอาชนะกองทัพพันธมิตรมาได้ แต่ก็ยังไม่ประสบ ความสาเร็จในการควบคุมคาบสมุทรแห่งนี้ได้ อีกทั้งสันนิบาตเปโลโปนนี เซียนที่นาโดยสปาร์ตา ยังได้ตัดสินใจทาสงครามกับเอเธนส์ในที่สุดอีกด้วย สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ทาให้เอเธนส์หันไปเจรจากับเพอร์ดิกคาสอีกครั้ง รวมทัง้ มองหาพนั ธมติ รรายใหม่ ทีจ่ ะเข้ามาชว่ ยคานอานาจกับมาซโิ ดเนยี และ รักษาความปลอดภัย ให้กับเขตอิทธิพลอื่น ๆ ที่เหลืออยู่ของเอเธนส์ใน ภูมิภาคทะเลอีเจียนเหนือ ซึ่งนั้นก็คืออาณาจักรโอดิสเซีย (Odrysian Kingdom) ของชนเผ่าทราเซียน ซึ่งในเวลานั้นถูกปกครองโดยราชาซีทีคลีส (Sitalces) โดยผลการเจรจารว่ มกนั สรปุ ออกมาได้วา่ เอเธนส์จะยกเลิกการ สนับสนุนฝุายกบฏและคืนเมืองเทอม่า ที่กองทัพเอเธนส์ยังยึดไว้ให้เพอร์ดิก คาส แลกกบั การทม่ี าซโิ ดเนยี จะเลิกช่วยเหลือ สันนิบาตคาลซิเดียนและสงบ ศึกกับเอเธนสด์ ้วย ขณะทีซ่ ีทีคลสี จะเปน็ พนั ธมติ รกบั ทั้งสองฝาุ ย ผลของสนธิสัญญาสันติภาพทาให้เพอร์ดิกคาส มีเวลาหันกลับไปจัดการกับ ฝุายกบฏลงได้ โดยไมต่ ้องกงั วลกับเอเธนส์และชาวทราเซียน จนกระทัง่ ในปีท่ี 429 ก่อนคริสตกาล เพอร์ดิกคาสกลับมาช่วยเหลือสันนิบาตคาสซิเดียนอีก ครั้ง รวมทั้งแอบส่งทหารไปช่วยกองทัพสปาร์ตา ในการบุกที่ภูมิภาคอคาเด เนยี (Acarnania) แตพ่ วกเขาไปถึงช้าเกินกว่าจะมีส่วนร่วมใด ๆ ในการรบท่ี สมรภมู ินนั แพคทัส (Battle of Naupactus) ซึง่ เอเธนสเ์ ป็นฝาุ ยไดช้ ยั ชนะ ในปีเดียวกันนั้น ราชาซีทีคลีสแห่งโอดิสเซีย ได้ทาการบุกเข้าสู่ดินแดนใน ปกครองของมาซิโดเนีย ด้วยเหตุผลที่ไม่แน่ชัด แต่อาจเป็นไปได้ว่าซิทีคลีส อาจช่วยเหลือเอเธนส์ จากการที่เพอร์ดิกคาสละเมิดสนธิสัญสัญญาก่อน

ห น้ า | 31 หรือไม่ซิทีคลีสก็ต้องการจะบุกมาซิโดเนียแต่แรกแล้วก็ได้ แต่เมื่อเพอร์ดิก คาสสามารถแกป้ ัญหา เรือ่ งการบกุ ของโอดสิ เซียไปได้ ด้วยการเสนองานแต่ง ระหวา่ งน้องสาวเล็กของเขากบั หลานชายของซิทีคลีสเอง บวกกับปัญหาขาด แคลนเสบยี งอาหารและฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามา กองทัพของชาวทราเซียนก็ล่า ถอยออกจากมาซิโดเนียไปในที่สุด ถัดมาในช่วงระหว่างปีที่ 425 – 423 ก่อนคริสตกาล สถานการณ์ในภูมิภาครอบทะเลอเี จียนเหนือเปลย่ี นไปอกี ครั้ง เมื่อกองทัพสปาร์ตาที่นาโดยแม่ทัพบราซีดัส (Brasidas) มาถึง แล้วสามารถ ยดึ อาณานิคมแอมพิโปลิสได้สาเร็จ (Battle of Amphipolis) โดยมีเพอร์ดิก และสนั นบิ าตคาสซิเดียนช่วยนาทาง จนมาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ซึ่งการ ยึดที่นี่ได้ส่งผลให้สปาร์ตามีข้อต่อรอง ในการขอเจรจากับเอเธนส์เป็นการ ชัว่ คราว ในระหว่างรอผลการเจรจานี้เอง ได้เกิดการก่อกบฏขึ้นเรียกร้องเอกราชขึ้น โดยผู้ปกครองท้องถิ่นในดินแดนของมาซิโดเนียที่ชื่ออราฮาเบรส (Arrhabaeus) ทาให้เพอร์ดกิ คาสต้องยกกาลงั ไปปราบปราม โดยได้รับความ ชว่ ยเหลือจากบราซีดสั เปน็ การตอบแทนท่เี ขาได้รับความชว่ ยเหลือก่อนหน้า นี้ แต่ไม่นานก็เกิดความไม่ลงรอยกนั ระหวา่ งท้ังคู่ อีกทั้งยังมีข่าวว่าชนเผ่าอิ ลิเรียน (Illyrians) จากที่อื่นเข้าเป็นพันธมิตรอีกจานวนมาก ทาให้เพอร์ดิก คาสเลือกล่าถอยไปกลางดึก โดยทิ้งกองทัพสปาร์ตาเอาไว้ให้เผชิญชะตาเอา เอง โชคดีสาหรับทหารสปาร์ตา บราซีดัสสามารถควบคุมและสั่งการ ให้ กองทัพของพวกเขาสามารถลา่ ถอยออกมาได้สาเรจ็ หลังจากนั้นเพื่อเป็นการ แก้แคน้ เขาสั่งไล่ปล้นและเผาหมู่บ้านในมาซิโดเนีย ไปตลอดทางจนกลับถึง แอมพิโปลิส เพื่อตอบโต้การกระทาของบราซิดัส เพอร์ดิกคาสหันไปหา

ห น้ า | 32 เอเธนส์เพือ่ ขอสงบอกี คร้ัง โดยแลกกับการทีเ่ ขาสามารถปดิ กนั ไมใ่ หส้ ปาร์ตา สง่ กองทพั มาเพิ่มที่แอมพิโปลิสผ่านทางบกได้ ซึ่งเอเธนส์ก็ตอบตกลงตามมา ด้วยการรบ เพอ่ื ชิงแอมพิโปลิสคนื จากสปารต์ า ก่อนทท่ี ง้ั สองฝุายจะตัดสินใจ สงบศึกกัน ในปีที่ 421 ก่อนคริสตกาล ด้วยสนธิสัญญานิเคียส (Peace of Nicias) เปน็ อันจบครงึ่ แรกของสงครามเปโลโปนนเี ซียน เหตุกาณ์สุดท้ายที่มีการกล่าวถึงเพอร์ดิกคาส เกิดขึ้นในปีที่ 417 ก่อน คริสตกาล เมื่อเขาเข้าร่วมกับพันธมิตรสปาร์ตา – อาร์โกสในการต่อสู้กับ เอเธนส์ หากแต่สี่ปีต่อมาก็ละทิ้งพันธมิตรดังกล่าว แล้วกลับไปร่วมมือกับ เอเธนส์อกี ครงั้ หลังจากท่ถี ูกปดิ ลอ้ มทางทะเล และการปรากฏตวั ของกองทพั เอเธนส์ ในคาบสมุทรคาลซิดิซี่อันปราศจากความช่วยเหลือจากพันธมิตร เพอร์ดิกคาสเสียชีวิตในปีที่ 413 ก่อนคริสตกาล และถูกสืบทอดต่อโดยลูก ชายของเขาอาร์เคลัสที่ 1 แห่งมาซิโดเนีย (Archelaus I of Macedon) ตลอดระยะเวลาที่ปกครองอาณาจักร เพอร์ดิกคาสมีชื่อเสียงที่ถูกครหาจาก ทุกฝุาย ในเรื่องของความหลอกลวงและไว้ใจไม่ได้ จากการที่เขาไม่ปฏิบัติ ตามสัญญาและละทง้ิ พนั ธมิตรไปอยู่เร่อื ย ๆ โดยเฉพาะจากเอเธนส์ แต่ธูซีดดี สี ได้อธบิ ายวา่ การตัดสินแต่ละครั้งของเพอร์ดิกคาส เป็นผลมาจาก สถานการณ์ท่กี ระทบตอ่ ความอยู่รอดของมาซิโดเนีย ที่ตลอดรัชสมัยของเขา นั้นต้องเผชิญกับการคุกคาม ทั้งภายในและภายนอกอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น การกอ่ กบฏโดยพีน่ อ้ งของเขา และการรุกรานของมหาอานาจทเ่ี ขม้ แขง็ กวา่

ห น้ า | 33 อาณาจักรของเขานัก อย่างเอเธนส์และโอดิสเซีย ซึ่งนั้นกลายเป็นเหตุผลให้ การตัดสินใจของเพอร์ดิกคาส เป็นไปโดยคานึงถึงความอยู่รอดและ ผลประโยชนข์ องมาซิโดเนยี เปน็ หลักกอ่ นเสมอ ซึ่งสามารถยกตัวอย่าง ได้จากการที่เขาพยายามรักษามิตรภาพกับเอเธนส์ เท่าที่จะทาเมื่อมีโอกาส แต่หากถึงคราวต้องเผชิญหน้าหรือเห็นถึงความ ออ่ นแอ เขากไ็ มร่ ีรอทจี่ ะผกู มิตรกับศัตรูของเอเธนสใ์ นทันที การปฏิรปู ของอารเ์ คลัส อารเ์ คลัสเปน็ ลูกชายของเพอร์ดิกคาส อนั เกดิ กบั ทาสหญงิ ไมท่ ราบชอื่ คนหนึ่ง ซึ่งการที่เขาได้บัลลังก์นี้มาเป็นเพราะ เจ้าตัวลงมือสังหารอัลเซตัสผู้เป็นลุง และลกู ชายของเขา จนเปน็ เป็นเหตุให้เพอร์ดิกคาสได้ขึ้นปกครองมาซิโดเนีย และเลือกเขาเปน็ ผสู้ ืบทอด แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด อาร์ เคลัสยังได้สังหารลูกพี่ลูกน้องของตน ที่เกิดจากเพอร์ดิกคาสกับผู้หญิงชน ชั้นสูงที่ชื่อคลีโอพัตราไปคนหนึ่งอีกด้วย การกระทานี้ถูกกล่าวถึงในบันทึก ของเพลโต ซึ่งกล่าวหาว่าเขาเป็นคนโหด แต่ไม่มีหลักฐานใดที่ยืนยันถึงการ สงั หารเหล่านี้ อยา่ งไรกต็ าม ไม่วา่ เขาจะเปน็ คนท่โี หดร้ายจริงหรอื ไหม แต่สิ่งท่ีเห็นได้ชดั เจน คือ อาร์เคลสั เป็นผู้ท่ีปฏิรปู ใหม้ าซิโดเนียก้าวเข้าส่คู วามเจริญสงู สดุ ซึง่ เป็นผล มาจากความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในสงครามระหว่างเอเธนส์กับสปาร์ตา ในปีที่อาร์เคลัสขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรนั้น เอเธนส์พึ่งประสบกับความ สูญเสยี ครั้งใหญ่ โดยไมไ่ ดอ้ ะไรกลับมาหลังความล้มเหลว ในการศกึ ท่ีเกาะซซิ ิ

ห น้ า | 34 ลี (Sicilian Expedition) ระหว่างปีที่ 415 – 413 ก่อนคริสตกาล นอกจาก กาลังพลรบแล้ว กองเรือรบไทรรีมอันเป็นปัจจัยสาคัญ ที่ทาให้เอเธนส์ ไดเ้ ปรียบสปาร์ตามาโดยตลอด กม็ าลาหายไปในศึกนีเ้ กือบหมด ซึ่งตอนนี้เอง ที่อาร์เคลัสเห็นเป็นโอกาส เขารีบดาเนินการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเอเธนส์ พร้อมกับเสนอขายไม้ซุงที่มีอยู่เป็นจานวนมาก อีกทั้งอนุญาตให้อีกฝุาย สามารถต่อเรอื ข้นึ ได้ในมาซิโดเนียเลยอีกด้วย ด้วยข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ กับทั้งสองฝุายนี้ เอเธนส์สามารถฟื้นคืนกาลังชุดสุดท้ายกลับมาได้ ขณะท่ี มาซิโดเนียทากาไรได้เป็นกอบเป็นกา ส่งผลให้ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันดีขึ้น จากเดิมมาก และมันจะเป็นไปเช่นนี้ตลอดสมัยของอาร์เคลัส กาไรที่ได้มา กลายเปน็ แหลง่ เงินทุน ที่อาร์เคลัสใช้ในการปฏิรูปอาณาจักรหลังจากนี้ โดย เขาได้สั่งสร้างถนนหนทางและปูอมปรากการไปทั่วมาซิโดเนีย ปรับปรุง คุณภาพการผลิตเหรียญแร่เงินกับทองแดงให้สูงขึ้น ปฏิรูประบบการทหาร ของมาซิโดเนียให้เป็นแบบกรีก โดยเฉพาะพลฮอ็ ปลเิ ท (Hoplite) และการใช้กระบวนทัพฟาลังซ์ (phalanx) ซึ่งทาให้อาร์เคลัสสามารถปราบปรามอราฮาเบรส ที่ก่อกบฏขึ้นในสมัยของ เพอร์ดิกคาส และหยุดการรุกรานของชนเผ่าอิลิเรียนลงได้ เป็นอันสร้าง เสถยี รภาพใหก้ ับอาณาจักรอีกทางหน่งึ เขาได้ย้ายศูนย์กลางการปกครองจากเดิม ให้มาอยู่ที่นครเพลลา (Pella) ซึ่ง เหมาะสมกบั ขนาดท่ีใหญ่ขน้ึ ของอาณาจกั รมากกวา่ ซงึ่ กลายเปน็ แหลง่ การค้า ที่รวบรวมสินค้า และเมืองใหญ่ที่สุดของมาซิโดเนียในเวลาต่อ ขณะที่นคร หลวงเดิมอยา่ งไอกายเปล่ยี นสถานะเป็น ศูนย์กลางทางศาสนาและทีต่ ัง้ สุสาน

ห น้ า | 35 หลวงประจาราชวงศแ์ ทน เหนอื จากท่กี ารปฏิรูปข้างตน้ แลว้ อารเ์ คลสั อยาก ได้ปฏิรูปวัฒนธรรมของมาซิโดเนีย ให้มีความเป็นกรีกยิ่งขึ้น อาคารในเมือง และพระราชวังแหง่ ใหม่ทเ่ี พลลา ถูกสร้างข้ึนตามแบบนครรัฐกรีกทางตอนใต้ และเช้ือเชญิ ใหบ้ รรดานกั กวีและศิลปนิ จากท่ตี า่ ง ๆ เดินทางมาเยี่ยมชมและ สร้างผลงานขนึ้ ที่น่ี ตวั อย่างผู้คนที่เดินทางมานั้น มีผู้ที่มากด้วยชื่อเสียงเช่น ซุสซีสแห่งเอเฟซัส (Zeuxis of Ephesus) ผู้เป็นจิตกรชื่อดังที่สุดของยุค ได้ วาดภาพประดับพระราชวังเอาไว้ ยูริพิดีสแห่งเอเธนส์ (Euripides of Athens) นกั เขียนบทละครแสดง ผู้แต่งเรื่อง Archelaus อันเป็นชื่อเดียวกับ อารเ์ คลสั อันมเี นอื้ หากล่าวถงึ ตานานการกาเนดิ ราชวงศอ์ าเกียด เปน็ ต้น ธูซีดีดีสได้แสดงความเห็นของตน ที่มีต่ออาร์เคลัสผ่านในงานเขียน บันทึก ประวัติศาสตร์สงครามเปโลโปนนีเซียนไว้ว่า “อาร์เคลัสเป็นผู้ที่ทาให้ มาซโิ ดเนีย ประสบกบั ความสาเร็จมากกว่า ผู้ปกครองก่อนหนา้ เขาท้งั 8 คน” อาร์เคลัสเสียชีวิตลงในปีที่ 399 ก่อนคริสตกาล โดยไม่ปรากฏแน่ชัดว่าเป็น การลอบสังหาร หรอื วา่ เป็นอุบตั เิ หตุระหว่างการล่าสัตว์ โดยการลอบสังหาร นัน้ อาจเป็นไปได้ว่า เกดิ ขึน้ จากการสมคบคิดไม่พอใจตัวอาร์เคลัส ที่เขามีต่อ คู่รักเพศเดียวกัน หลังจากที่สงครามเปโลโปนนีเซียนจบลงในปีที่ 404 ก่อน คริสตกาลไปแลว้ ราว 5 ปี

ห น้ า | 36 ในวงั วนแหง่ ความวนุ่ วาย กอ่ นจะก้าวขน้ึ สคู่ วามยงิ่ ใหญ่ ทา่ มกลางความขัดแยง้ ในสงครามระหว่างเปโลโปนนีเซียน ด้วยการปฏิรูปของอารเ์ คลสั จึงทาให้อาณาจกั รมีความมั่นคงและรุ่งเรืองมาก ทีส่ ดุ ยคุ หนง่ึ ของมาซิโดเนยี แต่หลังจากการเสียชีวติ ของอาร์เคลัส อาณาจักร กเ็ ข้าสยู่ ุคของความวนุ่ วายและไม่มั่นคง จากการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้รุกราน ยังรวมไปถึงปัญหาการเมืองภายในอาณาจักรเอง ที่คอยบั่นทอนเสถียรภาพ ของมาซิโดเนียอย่างหนัก นับตั้งแต่อาร์เคลัสเสียชีวิตลงในปีที่ 399 ก่อน ครสิ ตกาลจนกระทั่งปที ่ี 392 กอ่ นคริสตกาลละนั้นคือช่วงที่มาซิโดเนียเผชิญ กบั การผลดั เปล่ยี นผูป้ กครองอาณาจกั รมากถึง 6 คน ในระยะเวลาเพียง 6-7 ปี เรมิ่ ตน้ จากโอลสั เตส (Orestes of Macedon) ผู้เป็นลูกชายของอาร์เคลัส

ห น้ า | 37 จนกระทั่งสิ้นสุดที่การกลับมาครองบัลลังก์รอบที่สองของอามินตัสที่ 3 แห่ง มาซิโดเนีย (Amyntas III of Macedon) แม้ว่าหลักฐานที่อธิบายถึง รายละเอียดของเหตุการณ์ ในตอนนั้นจะแทบไม่ปรากฏเหลือมาจนถึงยุค ปัจจุบันแตจ่ ากบันทึกที่เหลืออยู่ก็ทาให้นักประวัติศาสตร์พอที่จะทราบได้ว่า การเปลี่ยนตัวผู้ปกครองเกือบทุกครั้ง เกิดขึ้นจากการลอบสังหารราชาองค์ ก่อนจากฝีมือของคนในเชื้อพระวงศ์กับผู้ปกครองที่อ้างสิทธิในราชบัลลังก์ อย่างต่อเนื่อง และนั้นเป็นปัญหาที่มาซิโดเนียต้องประสบมาตั้งแต่สมัยของ เพอร์ดิกคาสท่ี 2 เม่ือหลายสบิ ปีกอ่ นแล้ว

ห น้ า | 38 Amyntas III of Macedon อามินตัสที่ 3 กับความท้าทาย ยามที่มาซิโดเนียอ่อนแอ แม้ว่า อามนิ ตัสจะกลายเป็นผู้ที่ประสบ ความสาเร็จ ในการชิงอานาจ และสามารถปกครองอาณาจักร ย า ว น า น ก ว ่ า 2 0 ป ี แ ต่ ขณะเดียวกันเขาก็กลับแสดงให้ เหน็ ถึงความออ่ นแอของมาซโิ ดเนียท่ีมากกว่ายุคก่อนหน้านี้ เมื่ออามินตัสขึ้น ครองราชย์ครั้งแรกในปีที่ 393 ก่อนคริสตกาล มาซิโดเนียต้องเผชิญหน้ากับ การรุกรานของชาวอิลิเรยี น จากเผ่าดาร์ดนั น่ี นาโดยราชาบาร์ดาลิส ที่เข้ามา จากทางฝั่งตะวันตกของอาณาจักร ทาให้เขาต้องหนีออกจากมาซิโดเนียเพื่อ ไปขอความช่วยเหลือจากสันนิบาตินครรัฐที่เคยเป็นพันธมิตรกันกับ มาซโิ ดเนีย ในภูมิภาคเทสซาเลียนช่วงสมัยของอาร์เคลัส จึงสามารถกลับมา ปกครองอาณาจักรได้อีกครั้ง แต่กระนั้นมาซิโดเนียก็ยังคงต้องเผชิญกับการ ปล้นสะดมตามแนวชายแดนอย่างหนักจนอามินตัสต้องยินยอมจ่ายค่า บรรณาการให้กบั บารด์ าลสิ ทุกปี จึงสามารถยุติปัญหาดังกลา่ วลงไดส้ าเรจ็ แต่ ทั้งนี้การรุกรานของชาวอิลิเรียนไม่ใช่ปัญหาเดียวที่อามินตัสต้องเผชิญ ระหวา่ งการปกครองอาณาจักร ถัดไปทางทิศตะวันออกในช่วงเวลาใกล้เคียง กันอดีตพันธมิตรเก่าที่เคยร่วมมือกันต่อต้านเอเธนส์ เมื่อสมัยสงครามเปโล โปนนีเซียนสันนิบาตคาลซิเดียนกาลังเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น และเมื่ออา มินตัสสามารถกลับมาปกครองบัลลังก์ได้เป็นครั้งที่ 2 สันนิบาตก็ได้เจรจา

ห น้ า | 39 ขอ้ เสนอสนธิสญั ญาเป็นพนั ธมติ รกนั เพื่อปูองกันการรุกรานของชาวอิลิเรียน โดยแลกกับการทสี่ นั นบิ าตจะไดผ้ ลประโยชน์จากการค้าไม้ซุงของมาซิโดเนีย ซึง่ อามนิ ตัสยนิ ยอมตกลงดว้ ย เน่อื งจากเขาไม่มีตัวเลือกมากนัก ในการรักษา ทั้งต าแหน่งของตนเองและความ ปลอดภัย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝุายก็ย่าแย่ลง เ ม ื ่ อ อ า ม ิ น ต ั ส ต ้ อ ง ก า ร เ ร ี ย ก ร ้ อ ง ใ ห้ สนั นบิ าตคืนดินแดนทม่ี าซโิ ดเนยี เคยมอบ ให้เป็นที่หลบภัยแก่ชาวนครรัฐบน คาบสมทุ รของสันนิบาต ในสมัยที่ทั้งสอง เปน็ พันธมติ รต่อต้านเอเธนส์กลบั มา แต่ก็ ไมไ่ ดร้ บั ความยนิ ยอมจากสนั นบิ าต จากบันทึกของนักประวัติศาสตร์กรีกโบราณนาม ไดโอดอรัสแห่งซิซิลี บรรยายไว้ว่า สันนิบาตอ้างถึงดินแดนดังกล่าวว่าเป็นของขวัญ ที่ราชา มาซิโดเนียมอบใหแ้ ก่สนั นิบาต จึงไม่สามารถเรียกคืนได้ เรื่องนี้สร้างความไม่ พอใจแก่อามินตสั มาก แต่มาซิโดเนยี ก็ไมแ่ ขง็ แกร่งพอทจี่ ะชิงดินแดนดังกล่าว กลับมาด้วยตัวเองได้ จึงไปขอความช่วยเหลือ จากนครรัฐสปาร์ตา ที่กาลังเรืองอานาจในฐานะ ผู้ชนะในสงครามครั้งก่อนกับเอเธนส์การติดต่อ เกิดขึ้นในปีที่ 383 ก่อนคริสตกาล ตามบันทึก ของเซโนฟอนซึ่งเป็นนักประวัติศาสตร์กรีก โบราณร่วมสมัยอีกคนหนึ่งได้ระบุว่า

ห น้ า | 40 สปาร์ตาได้รับคาเตือนมาจากนครรัฐเล็กๆ สองแห่งในคาบสมุทรที่ไม่ได้เป็น สมาชิกและรสู้ ึกว่าตนเองกาลังถูกคุกคามจากสันนิบาตคาลซิเดียนว่าอีกฝุาย กาลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะนครรัฐโอลินทัสที่เป็นผู้นาสันนิบาต เป็นไปไดว้ ่านครรัฐแหง่ นีก้ าลงั จะขน้ึ มาท้าทายอานาจ ที่สปาร์ตาถือครองอยู่ ในตอนนี้ก็ได้ หลังจากใช้เวลาพิจารณาอยู่นานในที่สุดก็ตัดสินใจเชื่อในคา เตือนและทาสงครามกบั สนั นิบาตคาสซิเดียน จึงทาให้สันนิบาตยุบตัวลงไปใน ปี 379 ก่อนคริสตกาล แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามาซิโดเนียได้ดินแดนที่ต้องการคืน หรือไม่เนื่องจากสปาร์ตาเพียงแต่ต้องการตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้มีผู้ท้าชิง อานาจกับตนได้อีก อีกทั้งการทาสงครามกับสันนิบาตคาสซิเดียนก็ทาให้ส ปาร์ตาสูญเสียทัง้ เงนิ ทุนและกาลงั พลไปพอสมควรเลยไม่ต้องการทาสงคราม โดยไม่จาเป็น หลังจากการเผชิญหน้ากับสันนิบาตคาสซิเดียนไปมาซิโดเนียก็ ไม่มีบทบาทพิเศษกับโลกกรีกทางตอนใต้ ที่กาลังอยู่ในสงครามโครินธ์ (Corinthinan War) นอกจากการเซน็ สัญญาค้าขาย โดยเฉพาะไม้ซุงสาหรับ การตอ่ เรอื รไทรรีมกับเอเธนส์ แต่ถึงอย่างนั้นจากการตรวจสอบเปรียบเทียบ เหรียญโลหะเงินที่หลอมขึ้นในสมัยของอามินตัสกับเหรียญยุคก่อนหน้านั้น ของอาร์เคลัสพบว่าโครงสร้างกับส่วนผสมของแร่เงินที่พบในเหรียญของอา มินตัสมีคุณภาพและปริมาณที่ด้อยลงไปมากจากสมัยของอาร์เคลัส อาจ เปน็ ไปได้ว่าเศรษฐกจิ ของมาซิโดเนียในสมัยอามินตัส อาจไม่รุ่งเรืองมากเมื่อ เทยี บไดก้ บั ยุคของบรรพบุรษุ อามนิ ตัสเสยี ชีวิตลงในปีท่ี 370 กอ่ นคริสตกาลเขาผา่ นการแต่งงานกับภรรยา สองคน โดยผู้ที่ได้สืบทอดบัลลังก์ถัดมาก็คือลูกชายคนโตของภรรยาคนแรก นามว่า อเลก็ ซานเดอรท์ ี่ 2 แหง่ มาซโิ ดเนยี (Alexander II of Macedon)

ห น้ า | 41 ความพา่ ยแพ้ วงั วนของการลอบสงั หาร และตัวประกัน Thessalian army ทันทีที่อเล็กซานเดอร์ขึ้นปกครอง มาซิโดเนียยังคงเผชิญกับแรงกดดันจาก ชาวอิลิเรียนรอบใหม่ที่ปล้นสะดมอยู่ตามแนวชายแดนตะวันตกนั้นทาให้ มาซโิ ดเนยี ตอ้ งยอมจ่ายบรรณาการอีกครั้งเพื่อให้เรื่องจึงสงบลง แต่หลังจาก นั้นไม่นาน อเลก็ ซานเดอรไ์ ด้เขา้ ไปแทรกแซงในสงครามกลางเมอื ง ในภูมิภาค เทสซาเลียน โดยในตอนแรกเขาได้ให้ความช่วยเหลือแก่ฝุายชนชั้นสูงจาก ตระกูลอัลเลวาเด (Aleuadae) ต่อสู้และยึดเมืองคืนจากศัตรู แต่ต่อมาเขาก็ เลือกยึดเมืองเหล่านั้นแล้วอ้างว่าเป็นของมาซิโดเนียซะเองเรื่องนี้ทาให้ชาว เทสซาเลียนไม่พอใจจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากนครรัฐธีบส์ ที่ตอนน้ี กลายเป็นมหาอานาจใหม่ของกรีกแทนสปาร์ตาก่อนหน้านี้ไม่นานซึ่งธีบส์ก็ ตอบรับคาขอดังกล่าวด้วยการส่งกองทัพที่บัญชาการโดยพีโลพิดัส (Pelopidas) ไปเผชิญหน้ากับกองทัพของมาซิโดเนียและสามารถเอาชนะได้

ห น้ า | 42 อยา่ งเดด็ ขาด จงึ ทาใหอ้ เลก็ ซานเดอร์ ต้องยอมคืนเมืองที่ยึดไว้แก่ชาวเทสซา เลียนเพื่อเปน็ การรับประกนั ว่า มาซโิ ดเนียจะไม่เข้ามายุ่งกับชาวเทสซาเลียน อีก พีโลพดิ สั จึงย่นื เงอื่ นไขให้มาซโิ ดเนยี ตอ้ งส่งตัวประกนั จานวนหนึ่ง ไปอยู่ที่ นครรัฐธีบส์ โดยเงื่อนไขดังกล่าว ได้รับความเห็นชอบจากศัตรูทางการเมือง ของอเล็กซานเดอร์เองที่มีว่าชื่อทอเลมีแห่งอาโลรัส (Ptolemy of Alorus) เมื่อนั้นสันติภาพระหว่างมาซิโดเนียกับธีบส์จึงเกิดขึ้นหนึ่งในตัวประกันที่จะ ถูกส่งไปนั้นมีน้องชายอายุ 20 ปีของอเล็กซานเดอร์ที่ชื่อฟิลิปรวมอยู่ด้วยใช่ เขาคือคนเดียวกับที่จะกลายเป็นฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย (Philip II of Macedon) อเลก็ ซานเดอร์เสยี ชีวติ ในปที ่ี 368 กอ่ นครสิ ตกาลจากการถูกลอบสังหารโดย ทอเลมกี บั คนของเขา ทาให้บัลลังก์ของมาซิโดเนียตกไปอยู่ที่น้องชายคนเล็ก ของอเล็กซานเดอร์ ทีข่ ้นึ เปน็ เพอรด์ ิกคาสที่ 3 แห่งมาซิโดเนีย (Perdiccas III of Macedon)แต่ถึงอย่างน้นั อานาจในการปกครองอาณาจักรจริงๆตกอยู่ใน มือของทอเลมี ที่กลายเป็นผู้สาเร็จราชการแทนและด้วยการเดินเกมอย่าง ชาญฉลาดทาให้เขาสามารถปูองกันการต่อต้านจากความไม่พอใจของชน ชั้นสูงคนอื่นในมาซิโดเนียไดด้วยการแต่งงานกับน้องสาวของราชาคนก่อน และการทาข้อตกลงลับกับกองทหารรับจ้าง ที่กันไม่ให้ธีบส์เข้ามาแทรกแซง การเมืองในอาณาจักรได้แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทอเลมีก็โดนลอบสังหารอยู่ดีจาก ฝมี อื ของเพอรด์ ิกคาสทโี่ ตพอจะบรหิ ารการปกครองอาณาจักรดว้ ยตัวเองในปี ที่ 365 ก่อนคริสตกาล ซึ่งในปีต่อมานั้น ฟิลิปได้เดินทางกลับจากธีบส์ เช่นเดียวกันผู้ปกครองคนอื่นๆก่อนหน้า มีบันทึกเกี่ยวกับการปกครองของ เพอร์ดิกคาสเหลือมาถึงปัจจุบันน้อยมาก เท่าที่นักประวัติศาสตร์รู้ก็คือ

ห น้ า | 43 มาซิโดเนียในการสมัยของเขาต้องเผชิญกับเอเธนส์ ในการกลับมามีอิทธิพล เหนือภูมิภาคแถบทะเลอีเจียนเหนืออีกครั้ง โดยเฉพาะการโจมตีแอมพิโปลิ สที่มาซโิ ดเนยี ยึดครองไว้อยู่ทางตะวันออก แต่ขณะเดียวกัน ทางฝั่งตะวันตก ของอาณาจักรก็ถูกโจมตีโดยชาวอิลิเรียนนาโดยราชาบาร์ดาลิสคนเดิม โดย ไดโอดอรัสแห่งซิซิลีได้อ้างไว้ในบันทึกว่า ปลายรัชสมัยของเพอร์ดิกคาสนั้น ได้นากองทัพไปเผชิญหน้ากับข้าศึกแล้วพ่ายแพ้อย่างราบคาบ มีทหาร มาซโิ ดเนียตายมากถงึ 4,000 คน และตัวเพอร์ดิกคาสเองกเ็ ปน็ หน่ึงในนั้นปีท่ี 360 - 359 ก่อนคริสตกาล ทาให้อาณาจักรตกอยู่ท่ามกลางปัญหาจากการ รุกรานของเพือ่ นบ้าน ที่รมุ ล้อมเข้ามาเกอื บในทกุ ทศิ ทางไว้ ใหก้ บั ลูกชายที่ยัง อายุน้อยขึ้นปกครองต่อมาเป็นอามินตัสที่ 4 แห่งมาซิโดเนีย (Amyntas IV of Macedon)

ห น้ า | 44 แตอ่ ยา่ งไรก็ตาม ในปเี ดียวทอี่ ามนิ ตสั ข้ึนปกครองนั้นราชาเด็กก็ถูกยึดอานาจ โดยผู้สาเร็จราชการหรือฟิลิปผู้เป็นลุงของเขานั่นเองโดยฟิลิปไม่ได้สังหาร หลานทิ้งเพราะด้วยเห็นว่าอ่อนแอเกินกว่าจะเป็นภัยได้จึงทาให้อามิน ตัสมี ชีวิตรอดมาจนกระทง่ั ฟิลิปเสียชีวิต เมื่อขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักร ฟิลิปได้ นาเอาประสบการณ์และความสามารถที่เขาฝึกฝนเรียนสมัยเมื่อยังเป็นตัว ประกันอยู่ที่ธีบส์ มาใช้แก้ไขปัญหาและพามาซิโดเนียไปสู่การพิชิตกรีก ทั้งหมดในอนาคตอันใกล้ ก่อนความสาเร็จดังกล่าวจะได้ต่อยอดให้มากขึ้น โดยลกู ชายของเขาอเล็กซานเดอรท์ ี่ 3 แหง่ มาซโิ ดเนียหรอื อเลก็ ซานเดอรม์ หา ราช ผพู้ ิชิตเปอร์เซียและทาใหม้ าซโิ ดเนยี กลายเป็นจักรวรรดิชื่อโด่งดัง ที่เป็น ท่รี ูจ้ ักมากท่สี ดุ แห่งหนึ่ง ในหน้าประวัติศาสตรน์ ่ันเอง

ห น้ า | 45 ประเทศนอร์ทมาซโิ ดเนีย

ห น้ า | 46 ประเทศนอรท์ มาซิโดเนยี นอร์ทมาซิโดเนีย หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐนอร์ทมาซิโดเนีย เป็นรัฐ อิสระบนคาบสมุทรบอลข่านในยุโรปตะวนั ออกเฉียงใต้ ประเทศนี้มักจะเรียก เฉย ๆ ว่า \"มาซิโดเนีย\" ซึ่งอาจจะทาให้เกิดความสับสนกับภูมิภาคทาง ภูมิศาสตร์ที่กว้างขวาง และแคว้นมาซิโดเนียของกรีซ นอร์ทมาซิโดเนียเป็น เพยี งส่วนหน่งึ ของภมู ิภาคทางภูมศิ าสตร์ท่ีชอ่ื มาซโิ ดเนยี มีพืน้ ทปี่ ระมาณร้อย ละ 38 และประชากรเกือบร้อยละ 44 ของพื้นที่ที่ใหญ่กว่าพื้นที่ที่ปกครอง โดยนอร์ทมาซิโดเนีย ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นส่วนทางใต้สุดของยูโกสลาเวีย พรมแดนปัจจุบันได้รับการกาหนดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสหพันธ์ สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวียก่อตั้ง \"สาธารณรัฐสังคมนิยมมาซิโดเนีย\" (Socialist Republic of Macedonia) และเป็นที่โต้แย้งว่าเป็นการยอมรับ สลาฟมาซโิ ดเนียใหเ้ ป็นชนชาตแิ ยกตา่ งหากภายในยูโกสลาเวีย และต่อมาใน ปี พ.ศ. 2534 จึงแยกตัวจากยูโกสลาเวียอย่างสันติโดยได้เปลี่ยนชื่อเป็น \"สาธารณรฐั มาซิโดเนยี \" และไม่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่เพิ่มเติม หลังจากนั้น เปน็ ตน้ มาประเทศได้เกิดกรณี พิพาทกับประเทศกรีซอย่างยาวนานเกี่ยวกับ การใช้ชื่อ \"มาซิโดเนีย\" จนกระทั่งในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2561 รัฐบาล มาซโิ ดเนยี และรัฐบาลกรีซไดบ้ รรลุข้อตกลงเบอ้ื งตน้ เพือ่ ยุติข้อพิพาทดังกล่าว ซ่ึงจะทาให้ประเทศน้ไี ด้รบั เปลีย่ นชือ่ เป็น สาธารณรัฐนอร์ทมาซโิ ดเนีย แต่อย่างก็ตามในสมัยประวัติศาสตร์ มาซิโดเนียก็ยังเคยตกเป็นเมืองขึ้นของ จักรวรรดิโรมัน มาซิโดเนียเป็นชื่อเรียกดินแดนในประวัติศาสตร์ที่มีพื้นที่ ครอบคลมุ บางส่วนของยโู กสลาเวยี กรีซ และบัลแกเรยี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook