2
3
ศาสนาคริสต์ อิสลาม และยดู าห์ มีหลายส่ิงหลายอย่างที่เหมือนกันคือเป็นศาสนาประเภทเทวนิยม มีความเช่ือในเร่ืองพระเจ้า และเช่ือว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลกเหมือนกัน แต่มีแนวคิดในพระเจ้าที่ต่างกัน ทั้งในคริสต์อสิ ลาม และยูดาห์ พระเจ้าไม่ใช่คน ไมใ่ ชช่ ายหรือหญิง ไม่มีอายุ ไม่มีวันเกิดวันดับ พระเจ้าคือทุกสิ่งและไม่ใช่ทุกส่ิง พระเจ้าคือพลังอานาจท่ีมนุษย์ไม่อาจหยั่งถึงหรอื เข้าใจได้ลึกซ้งึ ความเช่ือเร่ืองพระเจ้าของทั้ง 3 ศาสนาก็คือ ศาสนายูดาห์กับอิสลามเช่ือว่ามีพระเจ้าเพียงหน่ึงเดียวเท่าน้ัน ไม่มีแบ่งภาค ส่วนศาสนาคริสต์จะเช่ือเรื่องตรเี อกานภุ าพ คือพระเจ้าทรงสาแดงเดชได้ในสามลักษณะคือพระบิดา(ผูส้ ร้าง) พระบตุ ร(พระเยซ)ู และพระจิต
คัมภีร์ที่ใช้ในศาสนาแต่ละศาสนา ศาสนายูดาห์จะใช้คัมภีร์โทร่าและคัมภีร์ผู้เผยพระวจนะ รวมแล้วท้ังสิ้น 39 เล่ม ซึ่งก็คือชุดเดียวกันกับท่ีศาสนาคริสต์ใช้ คัมภีร์เก่าของคริสต์น้ีก็เอามาจากคัมภีร์ของยูดาห์ทั้งหมดเพียงแต่เมื่อนามาตีความเวลาสอนแล้ว ก็จะมีการดึงเอาพระเยซูและคริสตจักรเข้าไปประกอบด้วยเป็นบางครั้ง นอกจากนี้ศาสนาคริสต์ก็ใช้พระคัมภีร์ใหม่ ซึ่งเป็นเร่ืองราวในสมัยของพระเยซู ตามหลักแล้วการให้น้าหนักแก่พระคัมภีร์ท้ังสองของคริสต์ จะต้องให้น้าหนักเท่ากันท้ังใหม่และเก่า แต่ในทางปฏิบัติจะพบว่าคริสเตียนใหม่ส่วนใหญ่ จะคุ้นเคยกับพระคัมภีร์ใหม่มากกว่า เนื่องจากภาษาท่ีอ่านง่าย อ่อนโยน อบอุ่น เรื่องราวไม่สลับซับซ้อนเกินไป และสามารถนามาใช้เป็นหลักปฏิบัติในชีวิตประจาวันได้ง่าย รวมทั้งไม่โหดร้ายปุาเถ่ือนเหมือนเน้ือหาในพระคัมภีร์เก่า ส่วนอิสลามจะใช้คัมภีร์อัล-กุรอาน เป็นแนวทางในการดารงชีวิต ซ่ึงชาวมุสลิมเชือ่ ว่าคัมภีร์อัล-กุรอานนั้น พระเจ้าได้ทรงประทานลงมาให้ท่านนบีมูฮัมมัดโดยตรง เป็นฉบับท่ีไม่มีการแก้ไขใดๆท้ังส้ิน ต้ังแต่นบีมูฮัมมัดได้รับการประทานพระคมั ภีรจ์ นมาถงึ ปัจุบัน เน้ือหาในพระคัมภีร์เหมือนเดิม ไม่มีการเปบี่ยน ซ่ึงจะไม่เหมอื นของอีกสองศาสนาทผี่ า่ นการเขยี นใหมม่ าหลายครั้ง ความเช่ือในเร่ืองของพระเยซู ศาสนายูดาห์มองว่าผู้ท่ีเช่ือว่าพระเยซคู ือพระเจ้าหรอื พระเมสสิยาน้ันคือผู้หลงผิด เพราะพระเมสสิยาน้ันยังไม่
เสดจ็ มา ยังคงต้องรอกนั ต่อไป ส่วนผู้ชายเจา้ ลัทธทิ ช่ี อื่ เยซูน้ันถูกตรึงกางเขนตายไปแล้ว แต่ศาสนาคริสต์จะเช่ือว่าพระเยซูคือพระเจ้าท่ีมาในรูปแบบมนุษย์ (หน่ึงในตรีเอกานุภาพ) และเชื่อว่าพระเยซูฟ้ืนข้ึนมาจากความตายตอนน้ีกลับไปอยู่บนสวรรค์กับพระเจ้า รอเวลากลับมาอีกครั้งเพ่ือพิพากษาเม่ือวันส้ินโลก ส่วนอิสลามเช่ือว่าพระเยซูน้ันไม่ได้เป็นพระเจ้า เป็นมนุษย์พิเศษคนหน่ึงท่ีเป็นผู้ถูกเลือกโดยพระเจ้าให้เป็นหนึ่งใน ศาสนฑูต หรือผู้ส่งสาร หรือนบอี งคห์ น่งึ เชน่ เดียวกบั นบีมฮู มั หมดั นอกจากความแตกต่างของ 3 ศาสนาในเร่ืองที่กล่าวมาข้างต้นแล้วยังมีอีกหลายส่ิงหลายอย่างที่แตกต่างกันจนนาไปสู่ความขัดแย้งและทวีความรุนแรงเกิดเป็นสงครามในที่สุด เพราะสงครามครูเสดน้ันก็มีสาเหตุหลักมาจากความแตกต่างทางความเชื่อในศาสนาแต่ละศาสนา จนทาให้ไม่เข้าใจซ่ึงกัน ถึงข้ันต้องทาสงครามเพ่ือแย่งกันครอบครองดินแดนศักด์ิสิทธ์ิ(กรุงเยรูซาเลม) นอกจากนั้นเหตุผลทางการเมืองก็เป็นอีกสาเหตุของสงครามด้วย สงครามครูเสดได้คร่าชีวิตและทรัพย์สินของมนุษยชาติอย่างมากมายมหาศาล และบางส่วนของความขัดแย้งเหล่านั้นยังคงหลงเหลือมาจนถงึ ปัจจบุ นั เปน็ ความขัดแยง้ และการกอ่ ความรนุ แรงท่ีไม่สิน้ สดุ ฟาตนิ อารยี เดช 13560064
สงครามครเู สด 11ความสาคัญของกรงุ เยรูซาเลม 15 19 สงครามครูเสดครั้งท่ี 1 25 สงครามครูเสดครง้ั ท่ี 2 28 สงครามครูเสดครง้ั ท่ี 3 32 สงครามครเู สดครั้งท่ี 4 36 สงครามครเู สดครง้ั ท่ี 5 39 สงครามครเู สดครง้ั ท่ี 6 42 สงครามครูเสดครั้งท่ี 7 45 สงครามครเู สดคร้งั ที่ 8 48 สงครามครูเสดครง้ั ท่ี 9 52 บทสรุปสงครามครูเสด 56 บรรณานุกรม
10
สงครามครูเสด เป็นสงครามศาสนาระหว่างชาวคริสต์จากยุโรปและ ชาวมุสลิม เน่ืองจากชาวคริสต์ต้องการยึดครองดินแดนศักดิ์สิทธ์ิ ก็คือเมืองเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน ในตอนเร่ิมสงครามน้ันชาวมสุ ลมิ ปกครองดินแดนศกั ด์ิสิทธอิ์ ยู่ ดนิ แดนแหง่ น้เี ปน็ สถานที่สาคัญของสามศาสนาได้แก่ คริสต์ อสิ ลาม และยูดาห์ ในปัจจุบันดินแดนแห่งน้ีคือประเทศอิสราเอลหรือปาเลสไตน์ คาว่า ครูเสด หมายถึงการใช้กาลังทางทหารของชาวคริสเตียนในยุโรปตะวันตกต่อสู้กับอานาจของมุสลิมในตะวันออกกลางเพ่ือเข้าไปครอบครองกรุงเยรูซาเลม นครศักดิ์สิทธิ์ และบริเวณสถานท่ีท่ีพระเยซูครสิ ต์เคยใช้ชีวติ ทางโลกสมยั ยังมพี ระชนม์อยู่ ระหว่างปี ค.ศ. 1095 ถึงปี ค.ศ. 1291 มีสงครามครูเสดระดับใหญ่9 ครง้ั หลงั จากนน้ั เป็นสงครามครเู สดระดบั เล็กๆ สงครามระหว่างชาวคริส- 11
เตียนกับชาวมุสลิม หลังจากปี ค.ศ. 1291 ก็แสดงให้เห็นว่ายุโรปยังคงพยายามเอาส่ิงที่สูญเสียไปกลับคืน สงครามครูเสดระหว่างปี คศ.1095 –ค.ศ.1291 คลุมช่วงเวลายาวนานประมาณ 200 ปี หรือสองศตวรรษบทสรุปของสงครามในคร้ังนั้นคือกองทัพมุสลิมสามารถยึดดินแดนศักด์ิสิทธิ์คืนจากชาวคริสต์ได้ และขับไล่ผู้รุกรานต่างดินแดนออกไป ซึ่งยังคงดารงชาติมุสลิมสืบต่อมาจนถึงทุกวันน้ีเม่ือสงครามยุติแล้วยุโรปได้รับผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจ และสังคมอย่างไม่เคยได้รับมาก่อน และมีสงครามย่อยๆเกิดขึ้นตลอดศตวรรษที่ 16 จนถึงยุค Renaissance และเกิดReformation ก็คอื การปฏิรปู ศาสนาข้ึน 12
ความคดิ ตามแผนภาพของนครศักด์ิสทิ ธ์ิ กรุงเยรูซาเลม แผนภาพน้ีถูกทาขึ้นท่ฝี ร่ังเศส เม่ือต้นศตวรรษท่ี 13 เป็นรูปทรงส่ีเหลี่ยมแบน แผนภาพแสดงถึงปูอมหลบภัยใน เยรูซาเลม, หอคอยเดวิด, สุสานของชาวคริสเตียน, หอคอยหิน และสุเหร่าของอสิ ลาม 13
สงครามครูเสดมีสาเหตุหลักมาจากความแตกต่างทางความเชื่อในศาสนาแต่ละศาสนา จนทาให้ไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ซ่ึงผู้เริ่มต้นคือชาวมุสลิมต้องการครอบครองดินแดนศักด์ิสิทธิ์ คือ กรุงเยรูซาเลม นอกจากนั้นเหตุผลทางการเมืองก็เป็นอีกสาเหตุของสงครามด้วย เพราะในสมัยนั้นเศรษฐกจิ ในยโุ รบตกตา่ บิชอ๊ ปผนู้ าศาสนาในโรมันคาทอลิกเรืองอานาจมากและมอี านาจเหนือกษตั ริย์ และครอบครองทรพั ยส์ นิ มหาศาลสงครามครูเสดได้คร่าชีวิตและทรัพย์สินของมนุษยชาติอย่างมากมายมหาศาล เพราะบชิ ๊อบอ้างวา่ เขาสามารถล้างบาปให้กับนักรบครูเสดได้ และอนุญาตให้ปล้น ฆ่า ยึดทรัพย์พวกนอกศาสนาได้ ซ่ึงหลักการน้ีไม่มีในพระคาภีร์ไบเบ้ิล อีกทั้งขุนนางในสมัยน้ันต้องการยึดทรัพย์สินของพวกยิวที่ร่ารวย และต้องการมีอิทธิพลในยุโรปไปจนถึงตะวันออกกลางจึงใช้ข้ออ้างของศาสนามาอ้าง ในการทาสงครามครั้งน้ี ผลของสงครามครูเสดนฆี้ า่ คนไปจานวนมากมายนับจากยิวในยุโรปไปจนถึงยิวในเยรูซาเร็ม และทาให้ชาวมุสลิมและคริสเตียนบาดหมางกันท้ังๆที่ก่อนหน้านี้ ทั้งสองศาสนา แม้จะมีความต่างกันแต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ในดินแดนแถบน้ัน และสงครามครูเสดทาให้ความขัดแย้งเหล่าน้ันยังคงหลงเหลอื มาจนถงึ ปจั จบุ ัน แต่ผลของสงครามครูเสดน้ัน ทาให้ยุโรปเกิดความเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ทาให้เกิดการติดต่อระหว่าง โลกตะวันตกและตะวันออก ในรูปแบบการทาการค้า ซ่ึงเรียกว่า ยุคปฏิรูปการค้า และ ทาให้เกิดยุคฟื้นฟู 14
ศิลปะวิทยาการ การการสร้างสถาปัตยกรรมที่รวมกันของสองศาสนาตลอดจนความรู้และการศึกษาขนึ้ มาดว้ ย 15
16
นครเยรูซาเลม นับได้ว่าเป็นหนึ่งในเมืองท่ีมีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลกคือ มีอายุมากกว่า 3,000 ปี มีประวัติศาสตร์เป็นศูนย์กลางทางการเมืองและศาสนามายาวนาน ถือเป็นเมืองท่ีมีความสาคัญต่อรากเหง้าวัฒนธรรมและศาสนาของหลายชนชาติ เคยถูกปกครองโดยหลายอาณาจักร หลายชนชาติ นับต้ังแต่ อิยิปต์ ยิว เบบีลอน เปอร์เซีย อาหรับ โรมัน ออตโตมันอังกฤษ จนถึงอิสราเอลในปัจจุบัน ในแง่มุมของการเมืองและศาสนาน้ันตอ้ งอธิบายวา่ กรงุ เยรูซาเลมเป็นเมืองที่มีความสาคัญทางการเมือง เน่ืองจากเป็นเมืองที่มีความสาคัญทางศาสนาและวัฒนธรรม กล่าวคือ ในยุคที่นครเยรูซาเลมมีความสาคัญจนกลายเป็นรากเหง้าแห่งความขัดแย้งระหว่าง 17
ศาสนาจนเกินเป็นสงครามครูเสดนั้น เนื่องจากความสาคัญในเชิงศาสนาและความเชื่อ ในโลกของเรานั้น ศาสนา ท่ีมีคนนับถือมากท่ีสุดในโลกก็คือ“ศาสนาเอบราฮัม (Abrahamic religion)” หรือ ศาสนาท่ีนับถือพระเจ้าพระองค์เดียวกัน ซึ่งหลักๆคือ ศาสนาใหญ่ 3 ศาสนา ได้แก่ ศาสนายูดาห์,ศาสนาครสิ ต์ และศาสนาอิสลาม โดยในปัจจุบันศาสนาเอบราฮัม มีผู้นับถือรวมกันกว่า 3.8 พันล้านคน ถือว่าเป็นศาสนาท่ีมีประชากรโลกนับถือมากที่สุดและเนื่องด้วยมีรากเหง้าเดียวกันของทั้ง 3 ศาสนานี้นั่นเอง ที่ทาให้กรุงเยรูซาเล็มซ่ึงเป็นนครศักดิ์สิทธิ์โบราณ กลายเป็นชนวนเหตุแห่งความขัดแยง้ ระหวา่ งศาสนายูดาห์ ศาสนาครสิ ต์ กบั ศาสนาอสิ ลาม นอกจากโดมทองแห่งเยรูซาเล็มแล้ว ยังมีกาแพงร้องไห้ หรือWailing Wall ซ่ึงเป็นสถานท่ีสาคัญและศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิวอีกด้วย โดยกาแพงแห่งนี้เป็นสถานที่ราลึกถึงการที่วัดแห่งโซโลมอนถูกจักรวรรษโรมันทาลายและถกู สร้างทบั ดว้ ยโดมทองแหง่ เยรูซาเลม ชาวยิวท่ีมาท่ีกาแพงแห่งนี้มักจะร้องไห้หล่ังน้าตาให้กับอดีตของอาณาจักร แผ่นดิน และศาสนาของชนชาติตนเอง ทีก่ ล่าวมาน้เี องทท่ี าให้เยรูซาเลมเป็นตน้ เหตุแหง่ ความขัดแย่งหลักของชาวยวิ และชาวมสุ ลิมมาหลายศตวรรษ 18
สิ่งที่น่าสนใจเก่ียวกับมหานครท่ีเก่าแก่แห่งนี้ก็คือ ช่ือ เยรูซาเลมแปลว่า นครแห่งสันตสิ ขุ หากแต่นครเยรูซาเลมกลับมีแต่ประวัติศาสตร์ทางสงครามและความขดั แย้ง อนั มีมลู เหตุมาจากความเชื่อทางศาสนา แม้แต่ในปัจจุบันนครเยรูซาเลมแม้จะประกอบด้วยประชากรถึง 3 ศาสนาคือ ยูดาห์คริสต์ และมุสลิม ซ่ึงแม้จะอยู่ร่วมกันอย่างปกติ แต่ก็ยังคงมีความขัดแย้งที่ไม่แสดงออกอยู่อยา่ งมาก 19
20
เร่ิมต้นเป็นการแสวงบุญอย่างกว้างขวาง (ฝรั่งเศสและเยอรมนี)และจบลงด้วยปฏิบัติการนอกประเทศของทหารโดยทวีปยุโรปที่นับถือโรมันคาทอลิกเพื่อทวงแผ่นดินศักด์ิสิทธ์ิซ่ึงถูกยึดในการพิชิตเลแวนต์ของมุสลิม (ค.ศ.632–661) จนเป็นผลให้ยึดเยรูซาเลมได้เมื่อ ค.ศ.1099ในที่สุดสมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2 ทรงเริ่มสงครามเมื่อวันท่ี27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1095 โดยมีเปูาหมายหลักเพื่อสนองต่อการอุทธรณ์ของจักรพรรดิอเล็กซิออสท่ี 1 โคมเนนอสแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ ผู้ทรงขอให้อาสาสมัครจากทิศตะวันตกมาช่วยขับตุรกีเซลจุคจากอานาโตเลียไมน่ านเปาู หมายเพมิ่ เตมิ ได้กลายมาเป็นวตั ถปุ ระสงคห์ ลกั แทน คือ การพิชิต 21
นครศักดิ์สิทธิ์เยรูซาเลมและแผ่นดินศักด์ิสิทธ์ิของคริสต์ศาสนิกชน และปลดปลอ่ ยคริสตศ์ าสนิกชนตะวันออกจากการปกครองของมุสลมิ ระหว่างครูเสด อัศวิน ชาวนา และข้าติดท่ีดินจากหลายชาติยุโรปตะวันตกเดินทางข้ามน้าข้ามแผ่นดินไปยังกรุงคอนสแตนติโนเปิลก่อน แล้วมุ่งสู่เยรูซาเลม นักรบครูเสดมาถึงเยรูซาเลม โจมตีนคร และยึดได้ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1099 สังหารผู้อยู่อาศัยมุสลิม คริสต์ศาสนิกชนและยิวไปเป็นจานวนมาก นักรบเหล่านี้ยังสถาปนาราชอาณาจักรเยรูซาเลม เคาน์ตี-ตริโปลี ราชอาณาจักรอนั ติโอค และเคาน์ตเี อเดสสา เน่ืองจากสงครามครูเสดคร้ังที่ 1 ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับเยรูซาเลมนครซึ่งไม่เคยอยู่ภายใต้ภาวะครอบงาของคริสต์ศาสนิกชนมาถึง 461 ปีแล ะกอง ทัพนั กร บครู เ สด ป ฏิ เส ธ จ ะคืน ดิ นแ ด น ให้ อยู่ ใน กา รคว บ คุ มของจักรวรรดิไบแซนไทน์ สถานภาพของสงครามครูเสดครั้งที่ 1 ว่าเป็นการปูองกนั หรือการรุกรานโดยสภาพจงึ ยงั เป็นที่ถกเถยี งกันอยู่ 22
ภาพจากเอกสารฝรั่งเศสในยุคต้นศตวรรษท่ี 13 ภาพการรบจากสงครามครูเสดคร้ังแรก แสดงถึงการล้อมโจมตีของพวกเซลจัค เติร์ก ในปี ค.ศ.1097 บรรยายถึงการลอ้ มโจมตีโดยการยงิ ซากสัตว์ หัวคน เข้าไปในกาแพงเมืองของศัตรูท่ีเข้มแข็ง เพื่อเป็นการทาลายขวัญของข้าศึกและเพอื่ แพรเ่ ชอื้ โรค 23
24
เป็นสงครามครูเสด คร้ังสาคัญครั้งที่สองที่เริ่มจากยุโรปในปีค.ศ.1145 ในการโตต้ อบการเสยี อาณาจกั รเอเดสสาในปกี ่อนหน้านัน้ อาณาจักรเอเดสสาเป็นอาณาจักรครูเสดอาณาจักรแรกที่ก่อต้ังข้ึนระหว่างสงครามครูเสดครั้งท่ี 1 (ค.ศ.1095 – ค.ศ.1099) และเป็นอาณาจักรแรกท่ีล่ม สงครามครูเสดคร้ังที่ 2 ได้รับการประกาศโดยสมเด็จพระสันตะปาปายูจีนท่ี 3 และเป็นสงครามครูเสดครั้งแรกที่นาโดยพระมหากษัตรยิ ์ยโุ รปที่รวมทัง้ พระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝร่ังเศส และพระเจ้า-คอนราดท่ี 3 แห่งเยอรมนี พร้อมด้วยการสนับสนุนของขุนนางสาคัญต่างๆในยุโรป กองทัพของทั้งสองพระองค์แยกกันเดินทางข้ามยุโรปไปยังตะวันออกกลาง หลังจากข้ามเข้าสู่ดินแดนของจักรวรรดิไบแซนไทน์ในอานาโตเลียแล้ว กองทัพท้ังสองต่างก็ได้รับความพ่ายแพ้ต่อเซลจุคเติร์ก 25
แหล่งขอ้ มลู ของคริสเตียนตะวันตก โอโดแห่งดุยล์ และคริสเตียนซีเรียคอ้างวา่ จกั รพรรดมิ านูเอลที่ 1 โคมเนนอสแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ทรงมีส่วนในความพ่ายแพค้ ร้ังนโ้ี ดยทรงสร้างอุปสรรคแก่การเดินหน้าของกองทัพท้ังสองโดยเฉพาะในอานาโตเลีย และทรงเป็นผู้สั่งการโจมตีของเซลจุคเติร์กกองทัพที่เหลือน้อยของพระเจ้าหลุยส์และพระเจ้าคอนราดก็เดินทางต่อไปยังกรุงเยรูซาเลม และในปี ค.ศ.1148 ก็เข้าโจมตีดามาสคัสตามคาแนะนาอนั ไม่สมควร สงครามครูเสดครั้งที่ 2 จบลงดว้ ยความล้มเหลวของชาวคริสต์และชยั ชนะของฝุายมสุ ลมิ เปน็ สงครามทน่ี าไปสู่การเสียกรุงเยรูซาเลม และเริ่มสงครามครูเสดคร้ังที่ 3 ในปลายครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 12 26
27
สงครามครูเสดครั้งที่ 3 หรือ สงครามครูเสดกษัตริย์ เป็นสงครามครูเสด ท่ฝี ุายผนู้ ายุโรปพยายามกดู้ ินแดนศักดสิ์ ิทธ์ิคนื จากศอลาฮุดดนี หลังจากความล้มเหลวของสงครามครูเสดครั้งท่ี 2 ราชวงศ์เซนกิดก็เข้าครอบครองซีเรียและสร้างความขัดแย้งกับฟาติมียะห์ผู้ปกครองอียิปต์เป็นผลที่ทาให้อียิปต์และซีเรียรวมตัวกันภายใต้การนาของศอลาฮุดดีนผู้ใช้อานาจในการลดอานาจของรัฐคริสเตียนและยึดเยรูซาเลมในปี ค.ศ.1187ด้วยความมุ่งม่ันในความเป็นคริสเตียนที่ดี สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ และ พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งฝร่ังเศส ก็ทรงยุติความบาดหมางกันเพื่อจะร่วมกันนาสงครามครูเสดคร้ังใหม่ (แม้ว่าการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 2 ในปี ค.ศ. 1189 จะต้องทาให้ผู้นาฝุายอังกฤษต้องเปลี่ยนไปเป็นสมเด็จพระเจ้าริชาร์ดท่ี 1 แห่งอังกฤษแทนที่) สมเด็จพระ- 28
จกั รพรรดฟิ รีดรชิ ท่ี 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ก็ทรงรวบรวมกาลังพล และนากองทัพอันใหญ่โตเดินทางไปยังอานาโตเลีย แต่ไปทรงจมน้าตายเสียก่อนท่ีจะถงึ ดนิ แดนศักด์ิสิทธ์ิ ทหารเป็นจานวนมากท่ีหมดกาลังใจก็พากันเดินทางกลบั หลังจากที่ได้รับชัยชนะหลายครั้งฝุายคริสเตียนก็ทะเลาะกันเรื่องทรพั ย์สินท่ีได้จากสงคราม เลโอโปลด์ที่ 5 ดยุคแห่งออสเตรีย (Leopold V,Duke of Austria) และพระเจ้าฟิลิปหมดความอดทนกับพระเจ้าริชาร์ดก็เดินทางต่อไปยังดินแดนศักดิ์สิทธ์ิในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1191 เม่ือวันท่ี2 กันยายน ค.ศ.1192 พระเจ้าริชาร์ดและศอลาฮุดดีนก็ตกลงในสนธิสัญญาท่ีมีผลทาให้เยรูซาเลมอยู่ภายใต้การครอบครองของมุสลิม แต่นักแสวงบุญชาวคริสเตียนผู้ไม่ถืออาวุธสามารถเดินทางเข้าไปในเมืองเพื่อทาการสักการะได้ พระเจ้าริชาร์ดเสด็จออกจากดินแดนศักด์ิสิทธ์ิเมื่อวันท่ี9 ตุลาคม ความล้มเหลวในการยึดเยรูซาเลมคืนนามาซ่ึงสงครามครูเสดคร้งั ท่ี 4 ในหกปีต่อมา สงครามครูเสดครั้งที่ 3 ก็ยุติลงเพียงเท่านี้ ด้วยการสูญเสียชีวิตมนุษย์นับแสน ผู้คนนับล้านไร้ท่ีอยู่ บ้านเมืองถูกทาลาย หลังจากนั้นศอลา-ฮุดดีนได้ยกทหารกองเล็ก ๆ ไปตรวจตามเมืองชายฝ่ัง และซ่อมแซมสถานทต่ี ่าง ๆ และไดก้ ลับมาพกั ทด่ี ามัสคสั พรอ้ มครอบครัว จนกระท่ังถึงแก่ความตาย โดยมอี ายุเพยี ง 55 ปี 29
30
31
หลังจากความล้มเหลวของสงครามครูเสดครั้งท่ี 3 แล้วทางยุโรปก็หมดความสนใจในการเข้าร่วม ในการต่อต้านมุสลิมในสงครามครูเสดใหม่เยรูซาเลมมาตกอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์อัยยูบิด (Ayyubiddynasty) ผู้ปกครองซีเรียท้ังหมด และอียิปต์นอกจากเมืองสองสามเมืองรมิ ฝ่ังทะเลท่ียงั คงอยภู่ ายใตก้ ารปกครองของนกั รบครูเสดของราชอาณาจักรเยรูซาเลมที่มีศูนย์กลางอยู่ท่ีเอเคอร์ และในราชอาณาจักรบนเกาะไซปรัสที่ก็กอ่ ต้ังระหวา่ งสงครามครูเสดครั้งที่ 3 สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ท่ี 3 ทรงได้รับตาแหน่งสมเด็จ-พระสันตะปาปาในปี ค.ศ.1198 และการเข้าร่วมสงครามครูเสดครั้งใหม่กลายมาเป็นพระประสงค์หลักของพระองค์ แต่ก็ไม่มีพระมหากษัตริย์องค์ไหนท่แี สดงความสนใจเทา่ ใดนัก ฝาุ ยเยอรมนเี องก็มคี วามขัดแยง้ กับอานาจ 32
พระสันตะปาปา และอังกฤษกับฝรั่งเศสก็ยังยุ่งอยู่กับการทาสงครามต่อกันอินโนเซนต์เลือกฟลุคแห่งนิวอิลล่ี (Fluke of Neuilly) นักพูดมีชื่อเสียงมาเป็นนักเทศน์เรื่องสงครามครูเสด ในการประลองยุทธเพ่ือการทาสงครามครูเสดจัดขึ้นโดยไธบาอุสที่ 3 แห่งแชมเปญ มีขุนนางเด่นๆของฝรั่งเศสหลายคนเข้าร่วม มีผู้คนอีกมากมายเข้ามาสมทบ ในบรรดาคนเหล่านี้มีก็อตฟรีย์แห่งวิลเลฮาร์ดูอิน เป็นบุคคลสาคัญของการทาสงครามครูเสดครั้งใหม่ในขณะเดียวกันก็มีการติดต่อกับเวนิชให้ทาหน้าท่ีจัดเรือขนส่งทหารครูเสดจานวน 33,500 คนซึ่งเป็นจานวนท่ีออกจะสูง ข้อตกลงนี้ทางเวนิสต้องใช้เวลาถึงหนึ่งปีในการเตรียมตัวต่างๆ ที่รวมท้ังการสร้างเรือและฝึกกะลาสีผู้ควบคุมเรือ ซ่ึงทาให้เมืองเวนิสต้องหยุดยั้งการทามาหากินอื่นๆ คาดกันว่ากองทพั ครูเสดจะประกอบด้วยอัศวิน 4,500 พร้อมกับม้า 4,500 ตัว ผู้รับใช้ขุนนาง 9,000 คน และ ทหารราบอกี 20,000 คน กองทัพครูเสดส่วนใหญ่ท่ีมาจากฝรั่งเศสเดินทางออกจากเวนิส ในเดือนตุลาคม ค.ศ.1202 ทหารเหล่าน้ีมาจากบลัวส์, ชองปาญ, อาเมียงส์,แซงต์โปล, อีล-เดอ-ฟรองซ์ และ เบอร์กันดี นอกจากนั้นก็ยังมีกองทัพจากบริเวณอื่นในยุโรปที่มีจานวนพอสมควรเช่นท่ีมาจากฟลานเดอร์ส, มอนต์เฟอร์รัต และจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และ สังฆราชคอนราดแห่งฮาลเบอรช์ ตทั พร้อมท้ังทหารจากเวนิสเองท่ีนาโดยเอนริโค ดันโดโลดยุคแห่งเวนิส กองทัพมีจุดประสงค์ที่จะมุ่งตรงไปยังศูนย์กลางของมุสลิมท่ีไคโรและ 33
พร้อมที่จะเดินทางเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ.1202 ข้อตกลงน้ีได้รับการอนุมัติโดยสมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 3 โดยมีข้อห้ามการโจมตีรัฐครสิ เตยี น สงครามครูเสดคร้ังที่ 4 แต่เดิมมีจุดประสงค์หลักก็คือการทาสงครามเพื่อยึดเยรูซาเลมคืนจากมุสลิม แต่ในเดือนเมษายน ค .ศ.1204นักรบครูเสดจากยุโรปตะวันตกก็เข้ารุกรานและยึดเมืองคอนสแตนติโนเปิลที่เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิไบแซนไทน์ของอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์แทนท่ีซ่ึงถือกันว่าเป็นวิกฤติการณ์สุดท้ายที่ทาให้เกิดความแตกแยกระหว่างคริสต์ศาสนจักรตะวันออกและตะวันตก (East-West Schism) ระหว่างอีสเติร์นออร์โธดอ็ กซ์ และ โรมันคาทอลกิ 34
35
เป็นสงครามครูเสดที่พยายามยึดเยรูซาเลมและดินแดนศักด์ิสิทธ์ิท้งั หมดคนื โดยเริม่ ดว้ ยการโจมตรี ฐั มหาอานาจของ อยั ยูบดิ ในอียิปต์ สมเด็จพระสันตะปาปาโฮโนริอุสที่ 3 ทรงรวบรวมกองทัพครูเสดโดยการนาของเลโอโปลด์ท่ี 4 ดยุคแห่งออสเตรีย (Leopold VI, Duke ofAustria) และ สมเด็จพระเจ้าแอนดรูว์ที่ 2 แห่งฮังการี ต่อมาในปี ค.ศ.1218 กองทัพเยอรมนีท่นี าโดยโอลิเวอร์แห่งโคโลญและกองกาลังหลายชาติท่ีประกอบด้วยกองทัพชาวเนเธอร์แลนด์, เฟลมมิช และฟรีเชียนท่ีนาโดยวิลเลียมที่ 1 เคานท์แห่งฮอลแลนด์ (William I, Count of Holland) ก็มารว่ ม ในการท่ีจะโจมตีดามิยัตตาในอียิปต์ฝุายครูเสดก็ไปเป็นพันธมิตรกับ 36
อาณาจักรสุลต่านแห่งรัมในอานาโตเลียผู้โจมตีอัยยูบิดในซีเรียเพื่อที่ปูองกันไม่ให้นักรบครูเสดตอ้ งเผชิญกบั การต่อสกู้ ับศัตรูพรอ้ มกนั สองด้าน หลังจากยึดเมืองท่าดามิเอตตาได้แล้วนักรบครูเสดก็เดินทัพลงใต้ต่อไปยังไคโรในเดือนกรกฎาคมในปี ค.ศ. 1221 แต่ต้องหันทัพกลับเพราะเสบยี งร่อยหรอลง การจู่โจมยามกลางคืนของสุลต่านอัล-คามิลทาให้ฝุายครูเสดเสียทหารไปเป็นจานวนมาก อัล-คามิลตกลงในสัญญาสงบศึกแปดปีกับยโุ รปเรยี กเขา้ สงคราม ในปี ค .ศ.1213 สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 3 ทรงออกพระบัญญัติ “Quia maior” เรียกร้องให้ผู้คนในคริสต์ศาสนจักรเข้าร่วมในสงครามครูเสด แต่ก็ไม่มีพระมหากษัตริย์และพระจักรพรรดิของยุโรปใด้ ท่ีสนพระทัยเพราะมวั แต่ย่งุ อยู่กับการต่อสกู้ ันเอง พระสันตะปาปาอินโนเซนต์เองก็ไม่ทรงต้องการความช่วยเหลือจากกลุ่มนี้เพราะ เมื่อพระมหากษัตริย์นาการต่อสู้ในสงครามครูเสดคร้ังท่ี 2 ก็ประสบความล้มเหลว พระองค์จึงทรงสั่งให้มีขบวนแห่, การสวดมนต์ และการเทศนาเพื่อเป็นการชักชวนให้คนท่วั ไป ขุนนางระดบั รอง และอัศวินเข้าร่วม 37
38
สงครามครูเสด คร้ังนี้เริ่มข้ึนเพียงเจ็ดปีหลังจากความล้มเหลวของสงครามครเู สดครง้ั ท่ี 5 สมเด็จพระจักรพรรดิฟรีดริชท่ี 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธ์ิทรง มีส่วนบทบาทเก่ียวข้องเป็นอันมากใน โดยการทรงส่งกองทัพจากเยอรมนีแต่พระองค์มิได้ทรงเข้าร่วมในการยุทธการโดยตรง แม้ว่าจะทรงได้รับการหว่านล้อมจากสมเด็จพระสันตะปาปาโฮโนริอุสที่ 3 และต่อมาสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 9 ก็ตาม เพราะทรงต้องจัดการปัญหาภายในในเยอรมนี และ อติ าลีให้เรยี บรอ้ ยเสยี กอ่ นที่จะเข้าร่วมในสงครามครูเสด และทรงให้คาสญั ญาว่าจะเข้ารว่ มในสงครามหลงั จากพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นจกั รพรรดิโดยพระสนั ตะปาปาโฮโนรอิ ุสที่ 3 ในปี ค.ศ. 1220 เสียก่อน 39
ในปี ค.ศ. 1225 พระจกั รพรรดิฟรีดริชก็ทรงเสกสมรสกับโยลันเดอแห่งเยรูซาเลม (หรืออิสซาเบลลา) พระธิดาของจอห์นแห่งบริแอนน์ (Johnof Brienne) กษัตริย์แต่เพียงในนามของราชอาณาจักรเยรูซาเลม และ มาเรยี แหง่ มอนต์เฟอร์รัต จักรพรรดิฟรีดริชจึงทรงมีสิทธิในการอ้างสิทธิในราชบัลลงั ก์เยรซู าเลมท่ยี ัง เหลืออยู่ซ่ึงเป็นเหตุผลในการพยายามกู้เยรูซาเลมคืนในปี ค.ศ. 1227 หลังจากเกรกอรีที่ 9ไดเ้ ป็นพระสันตะปาปา จักรพรรดิฟรีดริชและกองทัพของพระองค์ก็เดินทางโดยเรือจากบรินดิซิไปยังอัคโคแต่โรคระบาดทเ่ี กิดข้ึนทาให้พระองค์จาต้องเดินทางกลับอิตาลี พระสันตะปาปาเกรกอรีท่ี 9 จึงทรงประกาศคว่าบาตรเพราะจักรพรรดิฟรีดริชทรงบิดพร้ิวสัญญาในการเข้าร่วม สงครามครูเสด ซ่ึงก็เป็นเพียงข้ออ้างเพราะจักรพรรดิฟรีดริชทรงพยายามรวบรวมอานาจของ พระองค์ในอิตาลีโดยการลิดรอนอานาจของพระสันตะปาปามาเป็นเวลาหลายปกี ่อนหน้า น้นั แลว้ พระสนั ตะปาปาเกรกอรที รงกล่าววา่ เหตผุ ลในการทาการคว่าบาตรเป็นเพราะ จักรพรรดิฟรีดริชไม่ทรงเต็มพระทัยในการเข้าร่วมสงครามครูเสดมาต้ังแต่สงครามครูเสดครั้งท่ี 5แล้ว พระสันตะปาปาเกรกอรีการคว่าบาตรเป็นเพยี งขอ้ อา้ งเพราะความกลัวในความทะเยอทะยานของจักรพรรดิฟรีดริชในการขยายอานาจของพระองค์ในคาบสมุทรอิตาลี จักรพรรดิฟรีดรชิ ทรงพยายามเจรจาตอ่ รองกับพระสนั ตะปาปาเกรกอรีแต่ในที่สุดก็ทรงหันหลังให้ และทรงนาทัพไปยังซีเรีย ในปี ค.ศ. 1228 แม้ว่าจะยังทรงถูกคว่าบาตรก็ตามและเสด็จถึงอัคโคในเดือนกันยายน 40
รูปวาดจาลองอัศวินเยอรมันในศตวรรษท่ี 13 ในชุดเสื้อเกราะและหมวกเหล็ก พรอ้ มด้วยหอกและโลห์ อัศวนิ เหล่านี้เป็นฐานอานาจของจักรพรรดิเฟรเดอริคที่2 ซึง่ พระองค์ทรงใช้ควบคุมจักรวรรดิโรมันอันศักด์ิ และท้ทายอานาจของสันตะปาปาแห่งกรุงโรม 41
เป็นการทัพครูเสด ท่ีฝุายคริสต์นาทัพโดยพระเจ้าหลุยส์ท่ี 9 แห่งฝร่ังเศส รบกบั สลุ ตา่ นแหง่ ราชวงศอ์ ยั ยูบีย์ อสั ซาลิห์ อัยยูบ์ ภายหลังการสนธิสัญญาระหว่างจักรพรรดิเฟรดเดอริคที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธ์ิ กับอัล-คามิล สุลต่านแห่งอัยยูบีย์ในครั้งนั้นเยรูซาเล็มก็ถูกชาวมุสลิมยึดกลับไปอีก ในเวลาน้ันเป็นสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ท่ี 4 ทรงเรียกร้องให้จัดตั้งกองทัพครูเสด เพื่อยึดเยรูซาเล็มกลับคืนอีกคร้ัง มีเพียงพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส พระองค์เดียวเท่านั้นท่ีอาสาออกรบ ทั้งที่เพ่ิงจะเสร็จส้ินสงครามที่ยืดเยื้อกับอังกฤษมายาวนาน และยังติดภารกิจออกปราบปรามเขตแดนท่ีกระด้างกระเดื่องทางตอนใต้ของฝร่ังเศส พระองค์จึงขอยืดเวลาออกไปอีกระยะหน่ึงจนกระท่ังปี ค.ศ. 1249 พระองค์เลือกนาทัพออกจากเมืองท่าท่ีเพิ่งเปิดข้ึน 42
ใหม่ทางใต้ฝรั่งเศส แทนที่จะเป็นเจนัวหรือเวนิส แต่ก็วางเปูาหมายไว้ท่ีอยี ิปต์และยึดเมืองท่าดาเมยี ตตา หลังจากที่ยึดดาเมียตตาได้แล้ว หลุยส์ที่ 9 ก็นาทัพมุ่งหน้าสู่ไคโรช่วงนน้ั อยี ปิ ต์ปกครองโดยสลุ ตา่ นตุรันชา กองทัพครูเสด ออกเดินทางสู่ไคโรในปี ค.ศ. 1250 แต่ยังไม่ทนั ถึงไคโร ก็ถูกโจมตีโดยทัพมุสลิมนาโดยไบบาร์สขุนพลชาวมุสลิมท่ีมันซูระ กองทัพของหลุยส์ท่ี 9 พ่ายแพ้ สูญเสียนักรบเกือบทั้งหมด ระหว่างทางท่ีหลุยส์ ท่ี 9 กาลังล่าถอยทัพกลับดาเมียตตาพระองค์ถูกดักจับและนาไปควบคุมไว้ที่ไคโรในฐานะตัวประกันโดยฝุายมสุ ลิมได้ ตดิ ตอ่ ไปยงั ฝรั่งเศส เพ่ือขอเงนิ ค่าไถเ่ พ่อื แลกกับการปล่อยพระองค์กลบั บ้าน หลงั จากความพา่ ยแพ้ กองทพั ครูเสดก็แตกกระสานซ่านเซ็นหนีเอาตวั รอด หลังจากฝรั่งเศสยินยอมจ่ายคา่ ประกนั เปน็ จานวน 800,000 เหรียญทอง ฝุายมุสลิมจึงยอมปล่อยหลุยส์ ที่ 9 เป็นอิสระ แต่พระองค์ก็ไม่ยอมกลบั บา้ น ยงั คงท่องเท่ียวอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธ์ิต่อไป อยู่ในซีเรียนาน ถึง 4ปี ชว่ งเวลานั้น หลยุ สท์ ่ี 9 พยายามสรา้ งปราการต่าง ๆ ในซีเรียให้แข็งแกร่งกว่าเดิมและจัดเตรียมอาวุธ จัดเตรียมกาลังพลโดยรับสมัครผู้อาสามาเป็นทหารนามาฝึกรบให้เข้มแข็งขึ้น เพราะพระองค์หวังว่าจะเข้าทาศึกกอบกู้เยรูซาเล็มอีกคร้ังให้สาเร็จจนได้ จนกระท้ังปี ค .ศ.1254 พระองค์จึงได้คิดเดินทางกลบั ฝรัง่ เศส 43
44
สงครามครูเสด ครง้ั นี้เรม่ิ ขึ้นโดยพระเจ้าหลุยส์ท่ี 9 แห่งฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1270 บางคร้งั “สงครามครูเสดครงั้ ท่ี 8” ก็นับเป็นครั้งท่ีเจ็ด ถ้ารวมสงครามครูเสดครั้งที่ 5 และ คร้ังท่ี 6 ของสมเด็จพระจักรพรรดิฟรีดริชท่ี 2แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธ์ิเข้าเป็นครั้งเดียวกัน และสงครามครูเสดคร้ังที่ 9 ก็นบั เป็นครง้ั เดียวกบั ครั้งที่ 8 พระเจ้าหลุยส์ทรงพระราชวิตกถึงเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นในซีเรียเม่ือสุลต่านมามลุคไบบาร์เข้าโจมตีอาณาจักรครูเสดที่ยังเหลืออยู่ ไบบาร์ฉวยโอกาสหลงั จากที่สาธารณรัฐเวนิส และ สาธารณรัฐเจนัวต่อสู้ กันในสงครามระหวา่ งปี ค.ศ. 1256 ถึงปี ค.ศ. 1260 ในการโจมตีเมืองท่าในซีเรียท่ีทั้งสองสาธารณรัฐควบคุม เม่ือมาถึงปี ค.ศ. 1265 ไบบาร์ก็ยึดนาซาเร็ธ, ไฮฟา,โตรอนและอาร์ซุฟได้พระเจ้าฮิวจ์ท่ี 3 แห่งไซปรัสพระมหากษัตริย์ในนามแห่งราชอาณาจักรเยรูซาเลมขึ้นฝ่ังท่ีอัคโคเพื่อรักษาเมืองขณะท่ีไบเบอร์ 45
เดินทัพข้ึนไปทางเหนือถึงอาร์มีเนียซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของมองโกล เหตุการณ์เหล่าน้ีเป็นสาเหตุท่ีทาให้พระเจ้าหลุยส์ที่รวบรวมกองกาลัง เพ่ือเข้าร่วมในสงครามครูเสดคร้ังใหม่ในปี ค.ศ. 1267 แม้ว่าจะไม่มีผู้สนับสนุนเท่าใดนัก นักพงศาวดารฌอนเดอฌวนวิลล์ (Jean deJoinville) ผู้ติดตามพระเจ้าหลุยส์ไปในสงครามครูเสดคร้ังท่ี 7 ไม่ยอมติดตามไปด้วย พระอนุชาชาร์ลส์แห่งอองชูทรงหว่านล้อมให้พระเจ้าหลุยส์โจมตีตนู ิสก่อนเพือ่ จะใชเ้ ป็นฐานทีม่ ่ันในการเข้าโจมตีอียปิ ต์ จุดประสงค์ของพระเจ้าหลุยส์ในการทาสงครามครั้งก่อนหน้าน้ัน (ครั้งที่ 6) และในคร้ังที่ 5กอ่ นรัชสมยั ของพระองคต์ ่างก็พ่ายแพ้ที่นั่น ชาร์ลส์ในฐานะพระมหากษัตริย์แห่งซิซิลีมีพระประสงค์ส่วนพระองค์ในการขยายอานาจในเมดิเตอเรเนียนกาหลิปแห่งตูนิส Muhammad I al-Mustansir เองก็ทรงมีความสัมพันธ์กับคริสเตียนในสเปนสเปนและถือว่าเป็นผู้ที่จะง่ายต่อการชักชวนให้มานับถอื คริสต์ศาสนา ในเดือนกรกฎาคมปี ค.ศ. 1270 พระเจ้าหลุยส์ก็ทรงขึ้นฝ่ังแอฟริกา แต่กองทัพก็ล้มเจ็บกันเป็นแถวเพราะน้าด่ืมท่ีไม่สะอาด จอห์นซอร์โรว์พระราชโอรสท่ีเกิดที่ดามิเอตตาก็มาส้ินพระชนม์เม่ือวันท่ี 3สิงหาคม และเมอ่ื วันท่ี 25 สิงหาคม[3] พระเจ้าหลุยส์เองก็เสด็จสวรรคตด้วย“flux in the stomach” หน่ึงวันหลังจากท่ีพระอนุชาเสด็จมาถึง พระวจนะสุดท้ายคือ “เยรูซาเลม” ชาร์ลส์จึงประกาศให้ฟิลิปพระราชโอรสของพระเจา้ หลุยส์เป็นพระมหากษัตริย์องค์ใหม่ของฝรั่งเศส แต่ฟิลิปยังทรงพระเยาวช์ ารล์ ส์จงึ กลายเปน็ ผู้นาของสงครามครูเสด 46
แต่กองทหารกย็ งั ถูกบัน่ ทอนด้วยโรคร้ายซ่ึงทาใหก้ ารล้อมเมืองตูนิสต้อง ยุตลิ งเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมโดยการตกลงกับสุลต่าน ในข้อตกลงน้ีฝุายคริสเตียนสามารถทาการค้าขายอย่างเสรีกับตูนิสได้ และที่พานักสาหรับนักบวชในเมืองก็ได้รับการการันตี ฉะนั้นสงครามครูเสดคร้ังน้ีจึงถือว่าได้รับความสาเร็จอยู่บ้าง หลังจากได้รับข่าวการเสด็จสวรรคตของพระเจ้าหลุยส์แล้วสุลต่านมามลุคไบบาร์แห่งอียิปต์ก็ยกเลิกแผนที่จะส่งกองทัพอียิปต์ไปต่อสู้กับพระเจ้าหลุยส์ในตูนิส ขณะเดียวกันชาร์ลส์ก็ไปเป็นพันธมิตรกับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแห่งอังกฤษผู้เพ่ิงเสด็จมาถึง เม่ือชาร์ลส์ยกเลิกการโจมตีตูนิส เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็ตัดสินใจเดินทางต่อไปยังอัคโคที่เป็นที่มั่นครูเสดสดุ ท้ายในซเี รยี ด้วยพระองค์เอง ช่วงระยะเวลาจากน้ันถือว่าเป็นสงครามครูเสดครงั้ ท่ี 9 47
เป็นหน่ึงในสงครามครูเสดและเป็นสงครามครูเสดครั้งสุดท้าย ที่เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1271 – ค.ศ. 1272 เป็นสงครามที่ต่อสู้กันในตะวันออกใกล้ระหว่างฝุายผู้นับถือคริสต์ศาสนาและฝุายผู้นับถือศาสนาอิสลาม ในสงครามคร้ังน้ีฝุายมุสลิมเป็นฝุายที่ได้รับชัยชนะ ที่เป็นผลทาให้สงครามครูเสดยุติลงในท่ีสุดและอาณาจักรครูเสดต่างๆ ในบริเวณลว้านก็สลายตัวไป ทางฝุายคริสเตียนมีกาลังคนท้ังส้ินประมาณ 60,000 คน โดยมีผนู้ าทร่ี วมทง้ั สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ท่ี 1 แห่งเนเปิลส์, สมเด็จพระเจ้าฮิวจ์ท่ี3 แห่งไซปรัส, เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแห่งอังกฤษ, โบฮีมอนด์ท่ี 6 แห่งอันติโอค,อบาคา ข่านแหง่ มงโกเลยี และ สมเด็จพระเจ้าชารล์ ส์ท่ี 2 แห่งอาร์มีเนีย 48
ทางฝุายมสุ ลมิ มกี าลังคนท่ไี ม่ทราบจานวน โดยมีไบบาร์สเป็นผนู้ าสงครามครูเสดครั้งท่ี 9 บางครั้งก็รวมกับสงครามครูเสดคร้ังที่ 8 ถือกันว่าเปน็ สงครามครูเสดคร้ังสุดท้ายและเป็นสงครามใหญ่สงครามสุดท้ายของยุคกลางในการท่ฝี าุ ยครสิ เตียนพยายามยดึ ครองดนิ แดนศักด์สิ ิทธ์ิ เม่ือพระเจ้าหลุยส์ท่ี 9 แห่งฝร่ังเศสไม่ทรงสามารถยึดตูนิสได้ในสงครามครูเสดคร้ังท่ี 8 เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแห่งอังกฤษก็เสด็จไปเอเคอร์เพ่ือเข้าร่วมในสงครามครูเสดครั้งท่ี 9 แต่เป็นสงครามท่ีทางฝุายคริสเตียนพ่ายแพ้ ซึ่งสว่ นหนง่ึ อาจจะเปน็ เพราะพลังใจในการที่จะดาเนินการสงครามเหือดหายไป[3] และเพราะอานาจของมามลุคในอียิปต์ขยายตัวมากขึ้น[4]นอกจากน้ันผลของสงครามก็นามาซ่ึงการล่มสลายของที่ม่ันต่างๆ ริมฝ่ังทะเลเมดเิ ตอเรเนยี นไปด้วยในขณะเดียวกัน 49
50
Search