Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore The Silk Road

The Silk Road

Published by Kachornpon, 2021-11-09 03:57:02

Description: The Silk Road (เส้นทางสายไหม)

Search

Read the Text Version

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 47 - “หนง่ึ ในสถำปตั ยกรรมทง่ี ดงำมเกนิ คำบรรยำย คอื ชำห์อีซินดำ (Shah-i Zinda) ซึง่ เป็นส่งิ กอ่ สร้ำงทีส่ มบรู ณท์ ีส่ ดุ จำกยคุ กลำงศตวรรษท่ี 14 ถงึ กลำงศตวรรษท่ี 16 สร้ำงดว้ ยกระเบื้อง เซรำมคิ หลำกสี ทำใหด้ โู ดดเดน่ สวยงำมจบั จิตจบั ใจ”

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 48 - บูคำรำ ( Bukhara ) ห่างจากเมืองซามาร์คันด์ประมาณ 225 กิโลเมตรไปทาง ตะวันตก บนทางผ่านเส้นทางสายไหม คือเมืองบูคารา (Bukhara) มีอายุยาวนานมากกว่า 2,000 ปี เป็นเมืองต้นแบบของตัวอย่าง สถาปัตยกรรมจากยุคกลางแห่งเอเชียกลางท่ียังสมบูรณ์แบบท่ีสุด สถาปัตยกรรมเก่ายังไม่บุบสลาย ผลงำนช้ินเอกของเมืองบูคำรำคือ สุสำน Ismail Samani สสุ ำนสดี ินแกะลำยสลักปรำณีตวิจิตร ซ่ึงเป็น ท่ีฝังศพสำหรับรำชวงศ์ Samanid ก่อต้ังโดย Ismail Samani ซ่ึงภำยหลังศพของเขำก็ถูกฝังไว้ที่สุสำนน้ีเช่นกัน ซึ่งเป็น สถาปัตยกรรมอิสลามจากยุคศตวรรษที่ 10 หน่ึงในสิ่งก่อสร้างท่ีเก่าแก่ ทส่ี ุดในบคู ารา และเมอื งบคู ารายังมีโรงเรียนสอนศาสนาจากยุคศตวรรษ ที่ 17 อีกนบั ไมถ่ ้วนอกี ดว้ ย ที่ยังท้งิ ร่องรอยทางสถาปัตยกรรมอันรุ่งเรือง ไวจ้ นถึงปจั จบุ ัน

THE SILK ROAD (เสน้ ทำงสำยไหม) - 49 - บูคำรำ (Bukhara) เคยเป็น ศูนย์การค้าและวัฒนธรรมท่ีสาคัญใน เอเชยี กลาง รวมถึงเป็นเมืองเปอร์เซียท่ี เปน็ จดุ ศูนยก์ ลางศาสนาและวัฒนธรรม อิสลามในดินแดนน้ีนานหลายร้อยปี และได้พุ่งสู่ความเจริญอย่างสูงที่สุดใน สมัยปลายศตวรรษท่ี 16 โดยสถาปัตยกรรมท่ีบูคารามีร่องรอยส่ิงก่อสร้างก่อนการบุกรุกของ กองทัพของเจงกิสข่านในปี 1220 และอีกคร้ังโดยทาเมอร์เลน หรือติมูร์ใน ปี 1370 อนุสาวรีย์สาคัญหลายแห่งรอดพ้นจากการบุบสลายและการทาลาย รวมถึงสุสาน Ismail Samanai ที่มีความงดงามตราตรึงน่าประทับใจ และเป็น สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สมบูรณ์ที่สุดจากยุคศตวรรษท่ี 10 ของสถาปัตยกรรม มสุ ลิมท้ังหมด ในปี 1993 UNESCO ไดร้ บั รองใหบ้ ูคาราเป็นมรดกโลก

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 50 - “สสุ ำน Ismail Samanai ทม่ี คี วำมงดงำมตรำตรงึ นำ่ ประทับใจ และเป็นสถำปตั ยกรรมเกำ่ แก่ทสี่ มบูรณ์ทีส่ ดุ จำกยุคศตวรรษท่ี 10 ของสถำปตั ยกรรมมุสลิมทั้งหมด ในปี 1993 UNESCO ได้รับรองให้บคู ำรำเป็นมรดกโลก”

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 51 - อิทซำนคำล่ำ (Itchan Kala) แห่งเมืองควี ่ำ (Khiva) ถัดออกไปทางทิศตะวันตกของเมืองบูคาราข้ามเขตทะเลทราย คาราคุม (Karakum) อันแสนแห้งแล้ง เราจะเดินทางมาถึงเมือง คีวา่ (Khiva) ต้ังอยทู่ างตะวนั ตกของอุซเบกิสถาน คีว่ำ (Khiva) แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆคือ ส่วนในท่ีเรียกว่ำ อิทซำนคำล่ำ (Itchan Kala) กับส่วนนอกที่เรียกว่ำ ดิทซำนคำล่ำ (Dichan Kala) จากภาษาของอุซเบคน้ัน Kala แปลว่า “กาแพง” ส่วน Itchan แปลว่า “ดา้ นใน” และ ดิทชาน แปลว่า “ดา้ นนอก” สรปุ แลว้ กค็ อื ชอื่ เรียกของเมืองที่อยู่ ในกาแพง (Itchan Kala) กบั เมอื งที่อยู่นอกกาแพง (Dichan Kala) นน่ั เอง

THE SILK ROAD (เสน้ ทำงสำยไหม) - 52 - อิทซำนคำล่ำ (Itchan Kala) เป็นป้อมปรำกำรซ่ึงตั้งอยู่โซนในของ เมืองคีว่ำ จุดหยุดพักของพ่อค้าคาราวาน ก่อนข้ามทะเลทรายเปอร์เซียไปสู่อิหร่าน ถูกรับรองให้เป็นมรดกโลกโดย UNESCO เนื่องจากมีอนุสาวรีย์เก่าแก่จานวนมาก และเศษซากปรักหักพังที่ถูกรักษาไว้อย่างดี ซึ่งเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมมุสลิม แหง่ เอเชยี กลางทที่ รงคณุ ค่า อิทซำนคำล่ำ (ItchanKala) เป็น หนงึ่ ในแหล่งสถาปัตยกรรมท่ีวิจิตร ปราณีต ท่ีสุดแห่งหน่ึงของอุซเบกิสถาน ซ่ึงภายในมี มั ด ด า ร อ ซ ะ ฮ์ ท่ี ส อ น ศ า ส น า มั ส ยิ ด เช่น Juma Mosque ซึ่งสวยงาม แปลก ประหลาดมาก เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดใน เมืองคีว่ำ มีเพดานเรียบและมีช่องโล่งบน เพดานเพ่ือปล่อยให้แสงจันทร์ส่องเข้ามา โอบไล้ผู้มาสักการะยามค่าคืน มัสยิดแปลก ตาแห่งนี้ประกอบด้วยเสาไม้สลักกว่า 213 ต้น นอกจากนั้นยังมีพระรำชวัง 2 แห่ง ที่ สร้างต้ังแต่ศตวรรษที่ 19 ซ่ึงเป็นความภูมิใจ ของแหง่ นี้

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 53 - คีว่ำ (Khiva) มีประวัติศำสตร์ยำวนำนมำกว่ำสองพันปี ก่อตั้งเมื่อ ศตวรรษท่ี 4 สถำนท่ีแห่งน้ีเคยเป็น ศูนย์กลำงของ อำรยธรรม Khorezm (รำชอำณำจักรอิหร่ำนในยุคโบรำณ ผู้ปรำชญ์เปร่ืองด้ำนดำรำศำสตร์) ภำยใน ป้อมมีขนำดท้ังหมด 26 เฮกตำร์ และถูกสร้ำงตำมแบบฉบับของเมืองเก่ำสไตล์ เอเชียกลำงแบบโบรำณ ท่ีเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้ำ ต้ังตำมแนวจำกทิศใต้ไปทิศ เหนือ และถูกปดิ ล้อมโอบกอดด้วยกำแพงปอ้ มปรำกำรดินที่สูงมำกสุดถึง 10 เมตร มีควำมสำคญั ทง้ั ด้ำนประวัติศำสตร์ ศำสนำ และสถำปตั ยกรรม

THE SILK ROAD (เสน้ ทำงสำยไหม) - 54 - คุนยำ เออรเ์ กนซ์ (Kunya-Urgench) เออรเ์ กนซ์โบรำณ (Old Urgench) ต้งั อยู่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของเติร์กเมนิสถาน อยู่ฝั่ง ด้านทิศใต้ของ แม่น้าเอมูร์-ดาร์ยา (Amu Darya) เออร์เกนซ์เคยเป็นเมืองหลวงของแคว้น Khorezm ซึ่ ง เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง อ า ณ า จั ก ร อ ะ คี เ ม นิ ด (Achaemenid) เคยเป็นเมืองศูนย์การค้าสาคัญของ เส้นทางสายไหม จากศตวรรษท่ี 10 ถงึ ศตวรรษท่ี 14 เปน็ เส้นทำงตัดผ่ำนของพ่อค้ำคำรำวำน 2 เส้นทำง คือเส้นทำงจำกตะวันออกไปจีน และจำกทำงใต้สู่ ทำงตะวันตกเฉียงเหนือจนกระท่ังถึงแม่น้ำวอลกำ (Volga) การเติบโตของเมอื งน้ีได้สร้างอารยธรรมอัน ยิ่งใหญ่ในอดีต นักวิทยาศาตร์และนักกวี เรียกขาน เมืองน้ีว่า “the capital of (a) thousand wise men” หรือ เมืองหลวงแหง่ ผ้มู ปี ัญญาเฉลียวฉลาดนับ พัน เช่น Abu Ali Ibn Sina (Avicenna) ที่ถูกนับถือ ว่า เ ป็ นอั จ ฉ ริ ย ะ ที่ ฉ ล า ด ม า ก ที่สุ ด ค นห นึ่ง ใ น ประวัติศาสตร์ ผู้เป็นท้ังนักวิทยาศาสตร์ นักปรัชญา นักการเมือง หมอ นักกวี นักเขียน ได้เขียนตารา แพทย์ที่ดีท่ีสุดในยุคกลางช่ือ Canon of Medicine ก็เคยอาศัยและทางานท่ีเมืองน้ี รวมถึงนักปราชญ์ อนื่ ๆอกี หลายคนก็เลอื กเมอื งน้ีเป็นท่พี ักพิง

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 55 - เมืองนีป้ ระกอบด้วยอนุสาวรีย์หลายแห่ง มัสยิด โรงแรมขนาด ใหญ่สาหรับคาราวานพ่อค้า ป้อมปราการ สุสาน และหอคอยสุเหร่า ส่วนมากมาจากยุคศตวรรษที่ 11 ถึง 16 สถาปัตยกรรมเหล่าน้ีเป็น ความสาเร็จที่โดดเด่นท่ีสุดทางสถาปัตยกรรม และหัตถศิลป์ ได้ กลายเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมอิหร่าน อัฟกานิสถาน และ จกั รวรรดิโมกลุ แหง่ อินเดยี ในระหว่างสงครามปี 1221 กับมองโกเลีย เมืองนี้ถูกทาลาย โดยเจงกิสข่านและ ในปี 1372-1388 ราชวงศ์ตีมูร์ก็เข้ามาทาลาย ซึ่ง หลั งจากศึกส งครามเมืองน้ีถูกส ร้างใหม่บูรณะทุกคร้ังรว มแล้ ว ถูก ทำลำยและสร้ำงใหม่กว่ำ 7 รอบ ในศตวรรษท่ี 16 คุนยา เออร์เกนซ์ ถูกปลดจากการเป็นเมืองหลวง และค่อยๆล่มสลายลง และจากน้ันถูก ทาให้เป็นสุสานฝังศพในศตวรรษท่ี 20 แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็น จุดหมายปลายทางของนักแสวงบุญจากท่ัวโลก ที่สาคัญซาก สถำปัตยกรรมแห่ง คุนยำ เออร์เกนซ์ ยังถูกรับรองจำกองกำร UNESCO ให้เปน็ มรดกล้ำค่ำของโลกอกี ด้วย

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 56 - อำซกำบัต (Ashgabat ) ช่ืออำซกำบัตเป็นภำษำอำรำบิกท่ี แปลว่ำ ‘เมืองแห่งควำมรัก’ ในปี 1991 เติร์กเมนิสถานได้รับอิสรภาพเมื่อสหภาพโซ เวียตล่มสลาย Turkmenbashi ผู้นาเผด็จ การได้ตัดสินใจก่อสร้างเมืองใหม่ เพ่ือ ต้อนรับยุคทองของเติร์กเมนิสถาน “The Golden Era of Terkmenistan” แถมยัง ได้สร้าง กฎแบบเผด็จการสุดแปลก เช่น ห้ามผู้ชายไวผ้ มยาวและหนวด ตั้งกฎให้โอเป ร่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แบนสุนัขออกจาก เมือง และเปลย่ี นชื่อเดือนเป็นช่ือของสมาชิก ในครอบครวั ของเขา เติร์กเมนิสถำนติดอันดับที่ 7 ประเทศท่ีมีผู้มำเยือนน้อยท่ีสุดในโลก โดย เฉลยี่ เพยี ง 7,000 คนต่อปี เน่ืองจากวีซ่าเข้า ประเทศน้ีเข้มงวด และมีกฎยิบย่อยเยอะ เมืองอาซกาบัตมีสมญานามว่าเป็นเมืองไร้ ชีวิต (City of the Dead) เนื่องจากว่า เป็นไปได้ยากมากท่ีจะพบเจอผู้คนเดิน เพน่ พ่านในเมือง Lonely Planet ได้อธิบาย เ มื อ ง น้ี ว่ า เ ป็ น เ มื อ ง ท่ี มี ค ว า ม ผ ส ม ผ ส า น ระหวา่ งลาสเวกสั และเปยี งยาง

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 57 - “ด้วยแสงสสี ่องสวำ่ งยำมค่ำคนื ทำ่ มกลำงทะเลทรำยดั่งลำสเวกสั และควำม เรยี บๆ สขี ำวสะอำดตำของเมอื ง กับถนนทีว่ ่ำงเปลำ่ เหมอื นเปยี งยำง เกำหลี เหนอื กินเนสบุ๊ค (Guinness Book) จัดให้เมืองนี้เปน็ เมอื งทส่ี ร้ำงด้วยหินออ่ น สีขำวมำกทส่ี ุดในโลกมนษุ ย์ (The Most White Marble on Earth) หนิ ออ่ น ท่ใี ชส้ ร้ำงเมอื งน้ถี ูกนำเขำ้ มำจำกประเทศอติ ำลเี ลยทีเดยี ว”

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 58 - นซิ ่ำ (Nisa) นิซ่ำ (Nisa) หรืออีกช่ือหนึ่งคือ Parthaunisa เป็นเมืองหลวงที่สาคัญที่สุด และเกา่ แก่ท่ีสุดเมืองหน่ึงแห่ง จักรวรรดิพำร์ เธีย (Pathian Empire) เรืองอำนำจใน ตะวันออกกลำง ต้ังแต่ช่วง 247 ปีก่อน ครสิ ตกาล ถงึ ครสิ ต์ศกั ราชที่ 224 จั ก ร ว ร ร ดิ พ ำ ร์ เ ธี ย ( Pathian Empire) ได้แผ่อารยธรรมที่ยิ่งใหญ่และมี อิ ท ธิ พ ล ม า ก ท่ี สุ ด ข อ ง โ ล ก ยุ ค โ บ ร า ณ ใ น ตะวันออกกลาง และเป็นคู่อริของอาณาจักร โรมัน ซ่ึงได้สกัดกั้นการแผ่ขยายอานาจของ โรมันส่ฝู งั่ ตะวันออก นิซ่ำ (Nisa) แบ่งออกเป็นสองส่วน คือ นิซ่ำเก่ำ (Old Nisa) และนิซ่ำใหม่ (New Nisa) นิซ่ำใหม่โดดเด่นทำงด้ำนกำร เปน็ ผูท้ รงอทิ ธิพลทำงศำสนำ ซ่งึ เรืองอานาจ อ ย่ า ง สู ง สุ ด ต้ั ง แ ต่ ยุ ค ส มั ย พ า ร์ เ ธี ย จ น ถึ ง ยุคกลาง ในขณะที่นิซ่าเก่าเป็นที่ต้ังของ อาคารสถานหลายแห่งท่ีใช้สาหรับงานเฉลิม ฉลองของชนช้ันนาแห่งราชวงศ์ Arsacid (ราชวงศ์อิหร่านยุคโบราณ) หลักฐานทาง โบราณคดีบ่งบอกได้ว่าเมืองนิซ่า เคยเป็น ม ห า อ า น า จ ท า ง ก า ร เ มื อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ และวัฒนธรรมเอเชียกลางและเมดิเตอร์เร เนยี นอันร่งุ เรือง

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 59 - “กำรขุดคน้ เมอื งน้เี ริม่ ตน้ ในสมัยก่อนสงครำมโลกคร้งั ที่ 2 ในพน้ื ทีข่ อง นซิ ่ำเกำ่ และนกั โบรำณคดไี ดต้ ง้ั สมติฐำนรเิ รม่ิ เกี่ยวกบั เมอื งนใ้ี นอดตี หำกแต่กำรศกึ ษำวจิ ัยครำวน้ันไม่ได้ถูกตีพิมพ์จนกระทงั่ หลัง สงครำมโลก ซงึ่ ภำยหลงั ไดก้ ระตุ้นนักโบรำณคดยี คุ ถัดมำใหส้ นใจขุด ค้นเมอื งเกำ่ ท่ถี ูกทับถมใต้ดินแหง่ น้ี” “กำรขุดคน้ เมืองนซิ ำ่ ใหมไ่ ม่ใช่เร่ืองง่ำย เน่ืองจำกถูกรบกวนจำก เกษตรกรท่ีเปดิ หน้ำดนิ เพือ่ ทำกำรเกษตร ดงั นน้ั ซำกปรักหักพังท่ี สมบรู ณก์ วำ่ จงึ เปน็ พน้ื ทสี่ ่วนของนซิ ำ่ เก่ำ”

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 60 - หลักฐำนกำรขุดค้นเมืองน้ีพบโบรำณสถำน และโบรำณวัตถุ เช่น ตึก ขุมทรัพย์ งานศลิ ปะสมยั เฮลเลนิสติก สถาปตั ยกรรมท่บี ง่ บอกว่าเคยถูกตกแต่งอยา่ ง รุ่มรวย ความเจริญทางด้านศาสนา การเมือง และการปกครอง เมืองนิซ่าคือความ ผสมผสานของศิลปะสไตล์โรมันจากทางตะวันตกและศิลปะแบบอิหร่าน และที่ สาคัญต้ังอยู่ตรงเส้นทางตัดผ่านของเส้นทางการค้า จากตะวันออกสู่ตะวันตก (ทางผา่ นพอ่ ค้าเส้นทางสายไหมจากโรมไปสจู่ ีน ) และจากเหนอื สู่ใต้ นิซา่ (Nisa) ถกู รับรองจากองการ UNESCO ใหเ้ ป็นมรดกโลกในปี 2007 ปจั จบุ นั ตงั้ อยทู่ าง ตะวนั ตกจากเมอื งอาซกาบัตของเติร์กเมนิสถานเพยี ง 18 กโิ ลเมตร

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 61 - 06 เสน้ ทำงสำยไหม แห่งศตวรรษที่ 21 และโอกำสของประเทศไทย (One Belt One Road and opportunity of Thailand)

THE SILK ROAD (เสน้ ทำงสำยไหม) - 62 - ควำมเปน็ มำ ในอดีตเส้นทำงสำยไหม (Silk Road) เร่ิมเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ฮ่ัน หรือประมาณราว 206 ปีก่อนศริสตกาล ซึ่งเป็นเส้นทางการ เดินทางจากจนี ไปสูแ่ ถบฝ่ังตะวันตก โดยผ่านท้งั ทวีปเปอร์เซีย ทวีปยุโรป และ คาบสมุทรอาหรับ และเต็มไปด้วยการค้าขายแลกเปล่ียนสินค้าของพ่อค้าและ นกั เดินทางต่าง ๆ ในสมยั นัน้ โดยชือ่ “สำยไหม”มาจากสินค้าท่ีขายดีในตลอด ช่วงเส้นทาง ได้แก่ ผ้าไหม และต่อมาในศตวรรษที่ 13 ถึง14 ชาวมองโกล จึงขยายอิทธิพลและอาณาจักรเข้ามาสู่แถบเอเชียกลาง ทาให้การค้าขาย ในช่วงเส้นทางสายไหมหยุดชะงักลงไป ต่อมาในปี ค.ศ. 1405 จีนได้เปล่ียน รูปแบบการเดนิ ทางสารวจมาเป็นการเดนิ ทางทะเลแทนการเดินโดยถนนในรูป แบบเดิม โดยเส้นทำงกำรเดินเรือเร่ิมต้นจำกจีนไปยังเอเชียตะวันออกเฉียง ใต้ เอเชียตะวันตก แอฟรกิ ำตะวันออก และคำบสมุทรอำหรับ และด้วยเหตุ น้ีนับต้ังแต่ศตวรรษท่ี16 เป็นต้นมา ส่งผลให้การค้าระหว่างเอเชียกับยุโรปได้ ถูกปรับเปล่ยี นมาสกู่ ารค้าขายโดยอาศยั เสน้ ทางทะเลแทน

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 63 - เครอื ขำ่ ยเสน้ ทำงสำยไหมในศตวรรษที่ 21 ในปัจจุบันโครงการเครือข่ายเส้นทางสายไหมทางบกและทางทะเล มีชื่อเรียกใน หลายหลากรูปแบบเช่น การริเร่ิมแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative) หน่ึง แถบหน่ึงเส้นทาง (One Belt, One Road) เป็นต้น โดยโครงกำรเส้นทำงบกมีชื่อเป็น ทำงกำรว่ำ “แถบเศรษฐกิจเส้นทำงสำยไหม” (Silk Road Economic Belt : SREB) และเสน้ ทำงมหำสมุทรมีช่ือเรยี กว่ำ “เส้นทำงสำยไหมทำงทะเล”(Maritime Silk Road)

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 64 - โครงการหนึง่ แถบหนึ่งเสน้ ทางประกอบดว้ ยทำงบก 6 เสน้ ทำง (Six Economic corridor) และเสน้ ทำงทะเล 1เสน้ ทำง เสน้ ทางทางบก ไดแ้ ก่ 1) เสน้ ทางยเู รเซียจากตะวันตกจีนถงึ ตะวันตกรสั เซยี (New Eurasian Land Bridge) 2) เสน้ ทางจีน-มองโกเลยี - รสั เซยี ตะวนั ออก (China - Mongolia - Russia Corridor) 3) เสน้ ทางตะวันตกจนี -เอเชียกลาง - ตุรกี (China - Central Asia - West Asia Corridor) 4) เส้นทางจีน-แหลมอินโดจีน - สิงคโปร์ (Chin - Indochina Peninsula Corridor) 5) เส้นทาง จนี - ปากสี ถาน (China - Pakistan Corridor) 6) เส้นทางจีน - พม่า - บงั กลาเทศอินเดีย (China – Myanmar – Bangladesh - India Corridor) ขณะทเ่ี สน้ ทางทะเลเรม่ิ จากเมือง ชายฝง่ั ของจีน ผ่านสงิ คโปรม์ าเลเซีย อนิ เดยี และทะเลเมดิเตอร์เรเนยี น

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 65 - โครงกำรเครือข่ำยเส้นทำงสำยไหมทำงบกและทำงทะเล หรือ “เส้นทำงสำยไหมแห่ง ศตวรรษที่ 21” ใช้เงนิ ลงทุนประมาณ1.4 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเชื่อมโยงประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ราว 60 ประเทศในเอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรป แอฟริกาตะวันออกและเหนือ ส่งผลกระทบต่อการ ดาเนนิ ชวี ิตของประชากรโลก ประมาณร้อยละ 65 ของประชากรโลก โดยเฉพาะอย่างย่ิงผลกระทบต่อ 1ใน 3ของเศรษฐกิจโลกและ 1 ใน 4 ของการคา้ โลก ซ่งึ ตวั อยา่ งความสาเรจ็ ของโครงการสาคัญท่ีผ่านมา เช่น โครงการเฉลียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถานมูลค่า 62 พันล้านดอลลาร์ สรอ . ประกอบด้วยการสร้าง ถนน เส้นทางรถไฟและโรงไฟฟ้า โครงการท่าเรือศรีลังกา 1.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โครงการรถไฟ ความเร็วสูงในอินโดนเี ซยี การสรา้ งนคิ มอตุ สาหกรรมในประเทศกมั พชู า เป็นตน้

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 66 - โครงการดังกล่าวได้พยายามวางรากฐานด้านการขนส่ง ของโลกท่ีจะมีส่วนช่วยการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าโลกเป็น หลักซึ่งเป้ำหมำยสำคัญของจีนในกำรดำเนินโครงกำรดังกล่ำว เก่ียวข้องและเชื่อมโยงทั้งมิติทำงรัฐศำสตร์และเศรษฐศำสตร์ เปน็ สำคัญ “ประการแรก การถ่วงดลุ อานาจประเทศสหรัฐอเมริกา เพอื่ มิให้เกิดสภาวะการสรา้ งอานาจนา (Hegemonic power) ของระบบการเมอื งโลกโดยสหรัฐอเมริกาหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สภาวะทปี่ ระเทศตา่ ง ๆ ต้องอยู่ภายใต้การชี้นาของสหรัฐอเมริกา เพียงประเทศเดยี ว” “ประการท่ีสองการสร้างแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ใหม่ของจีน” เนื่องจากในปัจจุบันอัตราการขยายตัวทาง เศรษฐกิจของจีนต่ากว่าร้อยละ 7 ในขณะเดียวกันกาลังการผลิต ของประเทศกาลังอยู่ในสภาวะล้นเกิน (China’s industrial over capacity) ส่งผลให้ประเทศจีนจาเป็นต้องแสวงหาแหล่ง ระบายและกระจายสนิ ค้าเพิม่ ข้นึ และประการสุดท้าย เป้ำหมำยมิติทำงด้ำนรัฐศำสตร์ กลำ่ วคือ จนี ตอ้ งกำรสร้ำงเสถยี รภำพใหเ้ กิดขึ้นในภมู ภิ ำคเอเชยี กลำงซึ่งเต็มไปด้วยควำมแปรปรวนทำงกำรเมืองโดยผ่ำนกำร พัฒนำเศรษฐกจิ เป็นสำคญั อย่างไรกต็ าม ทางการจีนยังคงปฏิเสธว่า โครงการหนึ่ง แถบหน่ึงเส้นทาง (OBOR) ไม่ใช่ “โครงการมาร์แชล1” ของจีน เพราะการช่วยเหลือและมีส่วนช่วยการพัฒนาเศรษฐกิจของ ประเทศต่าง ๆ ตามเส้นทำงสำยไหมแห่งศตวรรษที่ 21 เป็น แนวทำงสำคญั ทีจ่ ะช่วยปอ้ งกันควำมขดั แยง้ ภำยในภมู ภิ ำค

THE SILK ROAD (เสน้ ทำงสำยไหม) - 67 - ภายใต้การดาเนินตามโครงการดงั กล่าว ท่ีต้องอาศัยเงินทุนจานวนมหาศาลจีนได้จัดต้ัง ธ น า ค า ร ก า ร ล ง ทุ น โ ค ร ง ส ร้ า ง พื้ น ฐ า น เ อ เ ชี ย (Asian Infrastructure Investment Bank : AIIB) และกองทุนเส้นทางสายไหม (Silk Road Fund) เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนสาคัญในการ ขับเคลื่อนโครงการโครงสร้างพ้ืนฐานต่าง ๆ โดย ประเทศจากทั่วโลกสามารถเป็นสมาชิกธนาคาร และกองทุนดังกล่าวได้ อาจกล่าวได้ว่าความ พยายามในการสร้างเครือข่ายและโครงข่าย เส้นทางคมนาคม สะท้อนให้เห็นความพร้อมของ จีนในฐานะตัวแสดงหลักในเวทีการเมืองระหว่าง ประเทศที่พร้อมจะสร้างบทบาทมากข้ึนทั้งใน ระดบั โลกและภมู ภิ าค

THE SILK ROAD (เสน้ ทำงสำยไหม) - 68 - โอกำสและควำมทำ้ ทำยของประเทศไทย โครงกำรเสน้ ทำงสำยไหม แห่งศตวรรษท่ี 21 แสดงให้เห็นได้ว่า ประเทศไทยอาจไม่ได้รับผลกระทบ โดยตรงจากการเส้นทางโครงข่ายคมนาคมดังกล่าว เนอ่ื งจากไมไ่ ดอ้ ยูใ่ นเสน้ ทางหลกั ของการดาเนินโครงการ อยา่ งไรก็ตาม นโยบำยยุทธศำสตร์พัฒนำภำคตะวันตก ของจนี ที่มุ่งเน้นกำรกระจำยควำมเจรญิ มำสูไ่ ปดินแดน ตอนในของประเทศ ภำยใต้แผนเร่งพัฒนำและสร้ำง ระบบโครงสร้ำงพื้นฐำนของรัฐบำลจีน อาทิเช่น การสร้างถนน การสร้างรถไฟ รวมท้ังผลักดันให้ มณฑลซ่ือชวน (เสฉวน) เป็นศูนย์กลางคมนาคมแบบ ครบวงจรในปี ค.ศ. 2020 โดยมีนครเฉิงตูเป็นศูนย์กลาง จุดเช่ือมโยงไปสู่เมืองในระดับภูมิภาคเพ่ือเช่ือมโยงสู่ ประเทศเพ่ือนบ้านทางตอนล่างสู่อาเซียน ทั้งนี้โครงการ ดังกล่าวส่งผลให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจตามแนว ระเบียงเศรษฐกิจจีน-คาบสมทุ รอนิ โดจีน โดยเฉพาะด้าน การค้าชายแดนต่อเน่ืองลงมาสู่ไทยท่ีเช่ือมต่อกับกลุ่ม ประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม) ในฐานะที่ตาแหน่งท่ีตั้งของไทยเป็นจุดศูนย์กลางของ กลุ่มประเทศในอาเซียน ในปัจจุบันประเทศไทยกาลังลงทุนทางด้านโครงสร้างพ้ืนฐานขนาดใหญ่หลาย โครงการ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูง 4 โครงการ ซึ่งจะสามารถ เชื่อมโยงจากจนี ไปส่ปู ระเทศตา่ ง ๆ ในอาเซยี นได้สะดวกมากข้นึ ไดแ้ ก่ 1) กรงุ เทพ ฯ - พษิ ณุโลก - เชยี งใหม่ ระยะทาง 745 กิโลเมตร 2) กรงุ เทพ ฯ - นครราชสีมา - หนองคา ระยะทาง 615 กิโลเมตร 3) กรุงเทพ ฯ - พัทยา - ระยอง ระยะทาง 221 กิโลเมตร 4) กรุงเทพ ฯ - หวั หนิ - ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 982 กิโลเมตร

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 69 - แม้กระน้ันก็ตาม โครงการดังกล่าวยังคงเผชิญกับปัญหาในการดาเนินการอีกหลายส่วน ซึ่งอาจทาให้การดาเนินการล่าช้าออกไป เช่น ปัญหาในการขอเวนคืน พื้นท่ีของโครงการ เป็นต้น ดังน้ันหากประเทศไทยสามารถดาเนินโครงการดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วและสาเร็จจะกลายเป็นการ ขยายฐานของตลาดการบรโิ ภคของสินคา้ และบรกิ ารของไทยที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น และช่วยลดความ เส่ยี งจากการส่งออกสินค้าไปยังประเทศในทวยี โุ รปท่อี าศยั เส้นทางขนส่งทางทะเลแต่เพียงอย่างเดียว ไปพร้อมกันนอกจากนี้ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ได้กาลังดาเนินการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม ระหวา่ งกรงุ กวั ลาลัมเปอร์ - สิงคโปรข์ ึ้น โดยมีกาหนดเปิดให้บริการภายในปี ค.ศ. 2026

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 70 - โครงกำรเสน้ ทำงสำยไหมแหง่ ศตวรรษท่ี 21 สะทอ้ นให้เห็นว่า บทบำทด้ำน กำรพัฒนำเศรษฐกิจโลกกลำยเป็นนโยบำยหนึ่งในกำรยกระดับและเปลี่ยนแปลง เศรษฐกจิ จีนท่ีชดั เจน โดยประเทศตำ่ ง ๆ ตำมเส้นทำงของโครงกำรดังกล่ำว จะเน้น กำรใช้สินค้ำท่ีผลิตจำกจีนเป็นสำคัญ เช่น รถไฟความเร็วสูง อุปกรณ์ผลิตไฟฟ้า อุปกรณ์การส่ือสารต่าง ๆ เป็นต้น ในทางกลับกันจึงกลายเป็นการเปิดตลาดให้แก่การ ส่งออกสนิ ค้าของไทยไปยังประเทศจีนด้วยเช่นกัน ดังน้ันผลประโยชน์ต่างตอบแทนกัน ในเชิงเศรษฐศาสตร์จึงเกิดข้ึนกับประเทศต่าง ๆ เช่นกัน ไม่เพียงแต่ประเทศจีนเท่านั้น ทั้งมิติทางด้านท่องเที่ยว การเคล่ือนย้ายแรงงานการคมนาคมต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ยังคงตอ้ งเตรยี มพรอ้ มรบั กับปญั หาตา่ ง ๆ ท่ีจะเกิดข้ึนตามด้วยเช่นกันทั้งในมิติทางด้าน สังคมสิ่งแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ

THE SILK ROAD (เส้นทำงสำยไหม) - 71 - บทสรุป โครงกำรเสน้ ทำงสำยไหมแห่งศตวรรษท่ี 21 จะยังคงดาเนินต่อไปแม้ว่าประเทศไทย อาจจะไม่ได้เข้าร่วมในโครงการสร้างเครือข่ายเส้นทางคมนาคมโดยตรงก็ตาม แต่หากประเทศ ไทยมองเห็นโอกาสในการยกระดับและพัฒนาศักยภาพของประเทศให้เข้าสู่การเป็นประเทศ พัฒนาแล้ว ประเทศไทยจาเป็นต้องคว้าโอกาสดังกล่าว และเตรียมพร้อมรับมือกับกระบวนการ ขับเคลื่อนการพัฒนาหรือ “รถไฟแห่งกำรพัฒนำของจีน” ขบวนนี้เช่นกัน โดยอาศัยการจัดตั้ง หน่วยงานเพื่อศึกษา วิจัยและวางแผนยุทธศาสตร์เพื่อรับมือและออกแบบการดาเนินการ โดยเฉพาะการใหภ้ าคเอกชนเขา้ มามีบทบาทดงั กล่าวไปพรอ้ มกัน

IV บรรณำนกุ รม แดน มองตา่ งแดน. (2561). เสน้ ทำงสำยไหมใหม่กับเศรษฐกิจโลก. [ออนไลน์]. แหล่งท่มี า: https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645789. (วันทค่ี ้นข้อมลู : 10 สิงหาคม 2564) ปรีดี บญุ ซอื่ . (2560. เสน้ ทำงสำยไหมศตวรรษ 21. [ออนไลน์]. แหลง่ ท่มี า: https://thaipublica.org/2017/05/pridi48/. (วนั ทค่ี น้ ขอ้ มูล 14 สิงหาคม 2564) ปริวฒั น์ จันทร. (2546). เสน้ ทำงสำยไหม. [ออนไลน]์ . แหล่งท่มี า: http://www.chattong thaisilk.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538673961. (วันทีค่ ้นขอ้ มลู : 8 สงิ หาคม 2564) ไพโรจน์ วงศ์วิภานนท์. (2562). เส้นทำงสำยไหมยคุ โบรำณและยุคกลำง. [ออนไลน์]. แหล่งทม่ี า: https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/647734. (วนั ทค่ี ้นขอ้ มลู : 14 สงิ หาคม 2564) สมุ าลี สขุ ดานนท์. (2562). ย้อนรอยเสน้ ทำงสำยไหม. [ออนไลน์]. แหลง่ ที่มา: http://www.cuti.chula.ac.th/articles/490/. (วันทค่ี ้นข้อมลู : 10 สิงหาคม 2564)

V บรรณำนุกรม สุมาลี สขุ ดานนท์. (2562). เส้นทำงสำยไหมใหม่ เสน้ ทำงกำรคำ้ แห่งอนำคต. [ออนไลน์]. แหล่งท่ีมา: http://www.cuti.chula.ac.th/articles/491/. (วันทคี่ น้ ขอ้ มูล : 10 สงิ หาคม 2564) สยมภู ภูอดุ ม. (2561). เส้นทำงสำยไหมแห่งศตวรรษท่ี 21 และโอกำสของประเทศไทย. [ออนไลน์]. แหล่งทมี่ า: https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/647734. (วนั ที่คน้ ข้อมูล : 14 สงิ หาคม 2564) วกิ พิ ีเดีย สารานกุ รมเสรี. (2564). เสน้ ทำงสำยไหม. [ออนไลน]์ . แหลง่ ท่มี า: https://th.wikipedia.org/wiki/เสน้ ทางสายไหม. (วันท่ีค้นข้อมลู : 8 สงิ หาคม 2564) อรอนงค์ อรณุ เอก. (2560). วัฒนธรรมบนเสน้ ทำงสำยไหมใหม่ : กำรเรยี นรผู้ ำ่ นศลิ ปะ. [ออนไลน์]. แหลง่ ท่ีมา: http://thai.cri.cn/247/2017/12/05/242s261455_2.htm. (วันทีค่ ้นข้อมูล : 13 สงิ หาคม 2564) MGR ONLINE. (2560). ชมภำพมรดกวฒั นธรรมบนเส้นทำงสำยไหม. [ออนไลน์]. แหลง่ ทมี่ า: https://mgronline.com/china/detail/9600000100417. (วันที่ค้นข้อมูล : 14 สิงหาคม 2564)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook