Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Conceptual art

Conceptual art

Published by Kachornpon, 2016-08-24 10:51:23

Description: Conceptual art (Thai Edition)
13580541_ประภัสสร-คำงาม_สาขาTV

Search

Read the Text Version

1

บทนำ ถา้ หากจะกลา่ วถึงปรชั ญาหรือลทั ธิศลิ ปะทางตะวนั ตกท่ีมมี ากมายอยู่ในขณะน้ี ฉนั เชือ่ ว่าหลายๆคนคงจะมีความชอบและความสนใจในรปู แบบของศลิ ปะท่ีแตกต่างกันออกไป แต่น้อยคนนกั ทีจ่ ะรูจ้ ักศลิ ปะทีก่ าลงั จะพดู ถงึ นเ้ี ป็นอย่างดี ศิลปะเชงิ แนวคิด หรือ คอนเซป็ ชวลอาร์ต เป็นศิลปะทเี่ นน้ การแสดงออกทางความคิดของศลิ ปนิ มากกว่าเรอื่ งความสวยงามของผลงาน ศลิ ปะเชงิ แนวคิดน้จี ะไม่ทาผลงานออกมางดงามเหมือนศิลปะแนวอ่ืนๆ แต่ผลงานของศิลปะเชงิ แนวคิดน้ี เน้นการตีความหรือความคดิ ของศิลปนิทีต่ ้องการจะส่ือออกมามากกว่า หนงั สือเล่มนี้จึงจะพาทกุ คนมาทาความร้จู ักกับศลิ ปะเชิงแนวคิดใหม้ ากข้ึน ได้ทราบถึงขอ้ มลู ประวัติความเปน็ มา รวมถึงผลงานและศลิ ปินทีม่ ชี ื่อเสยี งในดา้ นนี้ผา่ นการเล่าเรอ่ื งผา่ นตัวอกั ษรของผู้เขียน ประภัสสร คางาม 2

สำรบัญ หนำ้ 2เน้อื หำ 4บทนำ 5คอนเซ็ปชวลอำร์ต คืออะไร 7นยิ ำม 9แนวคิด 35ศิลปนิ และผลงำนแกลอรีง่ ำนคอนเซป็ ชวล 3คอนเซปชว่ ลอำรต์ คืออะไร

คอนเซ็ปชวลอาร์ต คืออะไร ศลิ ปะเชงิ แนวคดิ (Conceptual art) คือศลิ ปะที่กรอบความคิด (concept) หรอื ความคิดที่เกีย่ วกับงานมีความสาคัญกว่าความงามและวัสดุที่ใช้ บางครัง้ ผลงานท่ีถกู สร้างขึ้นมากเ็ รยี กว่า “ศิลปะจดั วาง” คอนเซ็ปชวล อารต์ เปน็ อีกกระแสศลิ ปะทเ่ี กิดจากปฏกิ ริ ิยาต่อตา้ นศิลปะกระแสหลกั เป็นการตอบโต้แนวโน้มที่ศลิ ปะเร่ืมกลายเปน็ สินค้าในทางพาณิชยม์ ากขน้ึเร่ือยๆ 4

“การสรา้ งศลิ ปะเชิงแนวความคิด ควำมคดิ หรอื ไอเดยี เป็นสง่ิสำคัญทสี่ ดุ ของกำรสรำ้ งงำน เมอ่ื ศิลปนิ ใชร้ ปู ลกั ษณ์ของศิลปะแนวความคดิ น่นั หมายความว่า การวางแผนและการตัดสินใจท่จี ะสรา้ งงานไดร้ ับการทาไปแลว้ การสร้างงานจริงจึงเป็นการทาอยา่ งเปน็พธิ ีเท่านั้น ความคิดกลายมาเปน็ เคร่ืองมอื ในการสรา้ งงานศิลปะ” Sol LeWitt 5

ในทศวรรษ 1960 โซล เลอวิทท์ ศิลปนิอเมรกิ ันได้คิดค้นคาวา่ “คอนเช็ปชวลอารต์ ” ขนึ้ เพ่ือใช้อธิบายถงึ การเคล่ือนไหวทางศิลปะที่ตวั ผลงานไมไ่ ดม้ ีความสาคัญมากเท่ากับความคิดหรือมุมมองท่ีซ่อนอยู่เบือ้ งหลัง ภาพสเก็ตช์ ข้อความ หรือแม้แต่กระบวนการต่างๆ ล้วนถอื ว่าเป็นผลงานทางศิลปะ โดยศิลปนิ ไม่จาเปน็ ต้องลงมือสรรสร้างผลงานให้เสรจ็ สมบรู ณ์ดว้ ยซา้ มิติท่สี ำคญั ของศลิ ปะคอนเซ็ปชวลคือกำรลดทอนลกั ษณะทำงกำยภำพของศิลปะวตั ถุ ใหเ้ หลือเพยี งจินตนำกำรทีเ่ กดิ ขึ้นเป็นภำพในใจของผู้ชมเทำ่ นัน้ด้วยเสยี งวพิ ากษว์ จิ ารณ์สถาบันต่างๆ และความกังขาเกยี่ วกับศลิ ปะในรูปแบบเดิมๆ คอนเซป็ ชวลอารต์ จึงกลายเป็นทางเลือกใหมท่ ีม่ ีความสาคัญในวงการศลิ ปะโดยเฉพาะอยา่ งย่ิง ในยุคทภี่ าพถา่ ยกลายเป็นสง่ิ ท่มี ีให้พบเห็นอยู่ทั่วไป และภาพเขยี นเป็นวิธีนาเสนอทางศิลปะแบบเก่าๆ 6

แนวคิด 7

ศลิ ปะแนวนี้ใหค้ วามสาคัญในความคดิ ของศิลปนิ มากกวา่ ตัวชน้ิ งานท่สี รา้ งสรรคอ์ อกมา เป็นการเบ่ียงเบนความสนใจของผชู้ มจากตัวงานศลิ ปะ (Art Object) ไปสูค้ วามคดิ รวบยอด (Idea Concept) สว่ นเง่อื นไขทส่ี าคัญในการสร้างงานก็ คอื ศลิ ปินต้องใชัความคิดควบค่ไู ปกบัความรใู้ นการเลือกนาส่ือหรือนาวัสดตุ า่ งๆมาสร้างงานศลิ ปะ ไมว่ ่าจะเป็นวัสดเุ หลือใช้หรอื วัสดุสาเร็จรปู มาใช้ ซง่ึ เม่ือนามาสรา้ งเปน็ งานศิลปะแล้ว ความหมายและคุณสมบัตดิ ง้ั เดมิ ของวัสดุนน้ั จะเปลยี่ นไป ไม่มีประโยชน์ตอ่ การใชส้ อย แตจ่ ะกลายมาเปน็ \"สอ่ื \" เพื่อถ่ายทอดความคิดของศิลปนิ มาสู่ผทู้ ี่ชมงานศิลปะน้ัน ศิลปะแนวนก้ี ลุ่มแรกๆท่ีทางานดา้ นศลิ ปะเชิงแนวคิด คอื กลุม่ลัทธอิ นตุ รนิยม (Suprematism) หรอื สุปรีมาตสิ ม์ โดยคาซิมรี ์ มาเลวชิ(Kashmir Malevich) วางทฤษฎีภาพเขียนช่ือวา่ จัตรุ ัสสดี า (1915) มีการกาหนดวิธีเขียนและวธิ ีอื่นๆใหอ้ ยูใ่ นรปู ทรงเรขาคณิตแบบง่ายๆ เช่นรูปสามเหลีย่ ม สี่เหลีย่ ม วงกลม หรือกากบาท ศิลปนิ ยึดหลกั ที่วา่ ปรากฏการณต์ า่ งๆในโลกไมม่ ีความหมายในตัวเองเลย จุดสาคัญสว่ นใหญ่ คอื ความรู้สึกของผดู้ เู ม่ือพบส่ิงตา่ งๆในโลกรอบๆตัวต่างหาก ความรู้สึกน้ีจะปรากฏเด่นชัดและสร้างความคดิสรา้ งสรรค์ สะเทอื นใจมนษุ ย์มากกวา่ รปู รา่ งของวัตถนุ ้นั ๆ 8

แศละลิ ผปลงนิำนแงลำะผนลงำน 9

Joseph Kosuth โจเซฟ โคซตู เป็นศลิ ปนิ เชงิ แนวคดิ ชาวอเมรกิ ัน เขาเกดิวันที่31 มกราคม ค.ศ. 1945 ในรฐั โอไฮโอ ประเทศสหรฐั อเมริกา ในปี 1963 เขาไดร้ ับทุนการศึกษาที่สถาบนั สอนศลิ ปะคลฟี แลนด์ เขาใช้เวลาในปีตอ่ มาในกรงุ ปารสี และเดนิ ทางไปทว่ัยโุ รปและแอฟรกิ าเหนือ สองปีต่อมาเขายา้ ยไปนิวยอร์กและเขา้เรยี นท่โี รงเรียนสอนศลิ ปะการแสดงที่นน่ั จนกระทง่ั ปี 1967หลังจากนัน้ เขาได้ศกึ ษาดา้ นมานษุ ยวิทยาและปรัชญาทโ่ี รงเรียนใหม่เพ่อื การวิจัยสังคม 10

โคซูต เป็นศลิ ปนิ ที่อยูใ่ นยุคที่ศิลปะเชงิ แนวคดิ เร่ิม ปรากฏในชว่ งกลางทศวรรษถึงปี 1960 เขาทางานศลิ ปะ ด้วยอารมณ์ความรสู้ ึกส่วนตัว ลดขอ้ มูลผลงานและลด ความสาคญั ของวัตถุทางศลิ ปะลง ทาให้ผลงานเขา้ ใกล้ แก่นแท้มากข้นึ เขาให้ความสาคญั เปน็ พิเศษกบั ภาษา งาน ศิลปะของเขาโดยทว่ั ไปจงึ มุ่งเน้นที่จะสารวจและคน้ หา ธรรมชาตขิ องศิลปะมากกวา่ การผลติ ผลงานตามประเพณี หรือธรรมเนียมทเี่ รียกวา่ \"ศลิ ปะ\" งานของโคซสุ บ่อยครง้ั มักจะอ้างองิ มาจาก นักจติ วทิ ยาซกิ มุนด์ฟรอยด์และนกั ปรัชญาทางภาษา ลุด วิจ วทิ ท์เกนชไตน์ ในปี 1966 เขาเร่ิมลงมือทางานศิลปะที่มชี อ่ื ชุดว่า Art as Idea asIdea ผลงานในชดุ นี้เอารปู แบบการปรนิ้ แล้วขยายคาจากดั ความของคาหรือความหมายในพจนานุกรม ประกอบกบั วตั ถุและรูปถ่ายของวัตถนุ ้นั หน่ึงในผลงานที่มชี ่อื เสียงที่สุดของเขาคือ One and Three Chairsภาพการแสดงออกของแนวคิดในรปู แบบของเพลโต ผลงานนม้ี เี ก้าอี้ ภาพถ่ายของเก้าอี้และความหมายหรือคาจากดั ความของคาว่า \"เก้าอ\"้ี ในพจนานุกรมรูปถา่ ยนี้เป็นตัวแทนของเก้าอี้จริงท่ตี ั้งอยบู่ นพนื้ มีคาจากัดความทโ่ี พสต์ไว้บนผนัง เชน่ เดียวกบั ภาพถ่ายของเก้าอี้ทอี่ ยู่บนผนังเหมือนกนั 11ผลงานน้ีต้องการจะอธบิ ายในคาพูดของแนวคดิ ที่ว่า อะไรคือเกา้ อี้

Exhibitions ตอ่ มาในปี 1969 Kosuth จัดนทิ รรศการเดี่ยวครัง้ แรกของเขาท่ีLeo Castelli Gallery ในนวิ ยอร์ก และปีเดยี วกนั นนั้ เขาจดั แสดงนิทรรศการผลงานของเขาสิบห้าสถานทีซ่ ่ึงเกดิ ขึน้ พรอ้ มกันในสิบหา้ พิพิธภัณฑ์และหอศลิ ป์ทวั่ โลก นอกจากนเ้ี ขายงั มสี ่วนรว่ มในการจดั นทิ รรศการthe seminal exhibition of Conceptual artใน the Seth Siegelaub Gallery ในปี 1973, the Kunstmuseum Luzernนาเสนอความหลังที่สาคัญของงานศลิ ปะของเขาที่เดนิ ทางในยโุ รป ในปี 1981 the Staatsgalerie Stuttgart andthe Kunsthalle Bielefel จดั งานนาเสนอผลงานน้ีของเขาอีกครง้ั และเชาไดร้ ับรางวัลจากมูลนิธิแกรนท์คาสซานดรา 12

ผลงำนOne and Three Chairsปี 1965 โดยโจเซฟ โคซตู โคซตู ได้สร้างผลงานข้นึ มาชุดหนึง่ คือ One andThree Chairs, One and Three Brooms และ Oneand Five Clocks ในชว่ งกลางศตวรรษท่ี 1960 13

ผลงานท้ังสามชิ้นถกู นาเสนอในวธิ กี ารท่ีคล้ายคลงึกันน คอื การนา วตั ถุ ภาพถา่ ยวตั ถุ และคาอธิบายของวัตถุดงั กล่าวในพจนานุกรมท่ีถกู ขยายมาจดั แสดงเทียบเคียงเรียงต่อกนั ผลงานช้นิ น้ีเปน็ การตั้งคาถามหลายๆคาถามพร้อมๆกัน อาทเิ ช่น อะไรคือเก้าอี้? เราสามารถนาเสนอเกา้ อใ้ี นวิธีไหนไดบ้ า้ ง? ท่ีสาคัญที่สดุ คอื อะไรคือศิลปะ? และอะไรคอืการนาเสนอ? ผา่ นการกลา่ วซา้ ๆ ผ่านตัวชิ้นงานว่า \"น่คี อืเก้าอ้ี นค่ี ือเก้าอี้ น่ีคอื เก้าอี้\" ซ่ึงนาไปสู่การตั้งคาถามถึงนยิ ามของคาว่าศลิ ปะ นอกจากนน้ั One and Three Chairs กเ็ ปน็ ผลงานท่ียงั สามารถอ้างอิงไปถึงทฤษฎีทางภาษาศาสตร์ โดยชใี้ ห้เหน็ ความสัมพันธ์กันระหวา่ งวตั ถแุ ละนิยามของวัตถุนัน้ ๆ ท่ไี ม่ได้เกิดข้ึนตามธรรมชาติ หากแต่เกิดข้ึนจากระบบระเบยี บบางประการทเ่ี ขม้ ขน้ จนกระทงั่ ภาษาสามารถนาเสนอภาพของสิง่ นน้ั ได้อย่างไม่ตกบกพร่อง อาทิเชน่ ในช้นิ งานทสี่ ามารถตง้ั คาถามถงึ คานิยามอันจริงแท้แน่นอนของสิง่ นั้น 14

Zero & Not Zero & Not รูปแบบและสง่ิ ที่ผลงานชดุ น้ีตอ้ งการจะส่ือสารออกมาก็คอื การเป็นหนบี้ ญุ คุณต่อข้อความของซิกมนุ ด์ ฟรอยด์ (ค.ศ. 1856-1939) โคซูตเรม่ิ ทางานชดุ นี้ในปี ค.ศ. 1985 โดยพฒั นามาจากงานของเขาก่อนหนา้ นี้ท่ีมีชือ่ วา่ Cathexis (ค.ศ.1981) ซ่ึงเป็นคร้ังแรกที่เขาได้วางแนวคดิเกี่ยวกับ Conceptual Architecture ลงไปในผลงาน 15

แนวคิดดงั กล่าวเกย่ี วกับการใช้ผลงานศลิ ปะเพื่อกระตนุ้ ให้เกดิเร่อื งราวเกยี่ วกับพนื้ ท่ี ประวัตศิ าสตร์ และความทรงจาดว้ ยบรบิ ทแวดล้อมทางสถาปตั ยกรรม ในผลงานแต่ละช้ิน โคซตู ไดน้ าเอาข้อความท่ตี ดั ตอนหรือหยบิ ยกมาจากข้อความของฟรอยดม์ าพิมพ์ลงบนกระดาษด้วยหมึกพิมพ์สีดา และนากระดาษมาใช้เป็นวอลเปเปอรต์ กแต่งผนังภายในของอาคาร โดยแต่ละยอ่ หนา้ ของข้อความกจ็ ะมกี ารใสห่ มายเลขกากบั ไว้ด้วย แตข่ อ้ ความดงั กล่าวมีเทปสดี าปดิ ทับอยู่ ดังน้ัน แตล่ ะคาในแตล่ ะขอ้ ความจงึ เหลอื สว่ นท่สี ามารถอา่ นออกไดเ้ พียงเลก็ น้อยเทา่ นั้น โคซตู เคยไดร้ ับโอกาสให้จดัแสดงผลงานบางส่วนจากชดุ Zero and Not ในอพาทต์เมนต์ท่ีครอบครัวของฟรอยด์เคยอาศัยอยมู่ าก่อน ซ่งึ ดูจะเหมาะสมและมีความลงตวั ในการทีจ่ ะสร้างหรือผกู โยงเร่ืองราวระหว่างขอ้ ความและสถานทเ่ี ขา้ ไวด้ ว้ ยกนั ในเวลาต่อมา โคซตู ก็ไดแ้ สดงผลงานนที้ ี่พพิ ิธภัณฑ์ซกิ มุนด์ ฟรอยด์ ทกี่ รุงเวียนนา ประเทศออสเตรยี เขาได้ใช้ข้อความด้งั เดมิ ท่ตี ัดตอนมาจากผลงานชน้ิ สาคญั ของฟรอยด์ในภาษาเยอรมัน ซงึ่ เปน็ ผลงานทด่ี ที ส่ี ุดเขา คือ The Interpretationof Dreams 16

\"If I saw the art around me that I liked,then I wouldn’t do art.\" John Bald 17

John Baldessari จอหน์ เกิดวนั ท่ี 17 มิถุนายน 1931 ใน NationalCity รัฐCalifornia เขาเป็นศลิ ปนิ คอนเซ็ปชว่ ลอาร์ตชาวอเมริกนั ท่ีร้จู ักกันดี สาหรับการทางานของเขาคือการผสมผสานผสานระหว่างการถ่ายและภาพถา่ ยท่ีสมบูรณ์ในข้นั ต้นเขาเริ่มท่จี ะรวมข้อความและการถา่ ยภาพลงในผนื ผ้าใบของเขาในช่วงกลางทศวรรษท่ี 1960 18

ในปี 1970 เขาเรม่ิ ทางานในภาพพิมพ์,ภาพยนตร์, วดิ ีโอ, ศลิ ปะจัดวาง,ประตมิ ากรรมและการถ่ายภาพ เขาได้สรา้ งหลายพันผลงานทแ่ี สดงให้เห็นถึงศักยภาพการเลา่ เรื่องของภาพและเช่ือมโยงอานาจของ จอหน์ บัลเดสซารี (John Baldessari) เป็นศิลปนิ สาคัญในแนวคอนเซป็ ชวล บอ่ ยครงั้ ทเ่ี ขาทางานด้วยภาพถา่ ยเกา่ ท่หี าไดจ้ ากภาพยนตรแ์ ละรายการโทรทัศน์เก่าๆ เขามักจะใช้ภาษาทางตัวอักษรและภาษาภาพในวัฒนธรรมพอ็ พ เพื่อตั้งคาถามวา่ คาจากัดความของศิลปะคืออะไร ในปี 1966 ผ้าใบสาหรับเขียนภาพสีขาววา่ งเปล่า มีเพยี งตวั หนงั สือทว่ี ่า “ทุกอย่างถูกชาระล้างออกไปจากจิตรกรรมชน้ิ น้ียกเวน้ ศลิ ปะ; ไม่มคี วามคดิอะไรในผลงานน้ี” (Everything is purged from thispainting but art; no idea have entered this work)บัลเดสซารี เคยเปน็ จิตรกร ก่อนทจี่ ะหนั หลังให้การเขยี นภาพแบบเดมิ ๆ เขาถึงกบั ทาพิธเี ผาภาพเขยี นท่ีเขาทาขึ้นระหว่างปี 1953-1966 ท้ิงเสียหมด เพอื่ ทางาน คอนเซ็ปชวล อาร์ต อยา่ งจรงิ จัง 19

ภาษาอยภู่ ายในขอบเขตของการทางานของศิลปะ งานศิลปะของเขาไดร้ ับการแนะนาในการจัดนิทรรศการเด่ยี วมากกว่า 200 ในสหรัฐฯและยุโรป ผลงานของเขาได้รับอิทธผิ ลจาก CindySherman, David Salle, Annette Lemieux, andBarbara Kruger และคนอนื่ ๆWork and Theme Early text paintings ปี 1966 เขาได้ใช้ภาพและข้อความ หรอื ข้อความอย่างงา่ ยๆลงบนผา้ ใบ ผลงานทส่ี าคญั ของเขาในช่วงตน้ของเขาเป็นภาพวาดบนผืนผ้าใบทีว่ า่ งเปลา่ แต่สาหรับการวาดได้รับมาจากทฤษฎีศิลปะร่วมสมยั ผลงานอื่นๆ กจ็ ะมกี ารเขียนภาพสาหรับ Kubler(1967-1968) ทีน่ าเสนอมุมมองทางทฤษฎี คาแนะนาเก่ียวกบั วธิ ีการดูภาพ ความสาคญั ของบรบิ ท และความต่อเนือ่ งกบั ผลงานกอ่ นหนา้ นี้ งานน้ีอ้างองิ จาก 20

Exhibitions เขาไดร้ บั การจดั แสดงเดย่ี วมากกว่า 200 ครงั้และการจดั แสดงกล่มุ 1,000 ครงั้ ในหกทศวรรษท่ีผ่านมาของเขา. เขามแี กลเลอร่แี สดงนทิ รรศการเดี่ยวคร้งัแรกของเขาท่ี Molly Barnes Gallery ใน LosAngeles ในปี 1968 นทิ รรศการยอ้ นร่าลกึ ของเขาครง้ัแรกในสหรฐั อเมริกา ในปี 1981 ได้รับการตดิ ตั้งโดยพพิ ธิ ภณั ฑ์ใหมข่ องศลิ ปะรว่ มสมยั ใน New York และเดินทางไปยังศูนย์ศลิ ปะร่วมสมัยCincinnati, CAM ทฮี่ ูสตนั , รถตู้ Abbemuseum, Eindhoven และพพิ ิธภัณฑ์ FolkwangCollectionงาน Baldessari เปน็ สว่ นหนงึ่ ของคอลเลกชันของรัฐและเอกชนที่สาคญั รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ศลิ ปะสมยั ใหม่,พิพิธภัณฑ์ Guggenheim,พพิ ิธภัณฑ์ศิลปะLos Angeles County, พิพธิ ภัณฑ์ประติมากรรมสวนและ Hirshhorn 21

ผลงำนNose / Silhouette: Greenปี 2010 22

Stonehenge (With Two Persons)Greenปี 2005 ชื่อภาพ Stonehenge (With Two Persons) Greenปี 2005 เป็นภาพฉบับท่ี 1 ใน 60 ภพรูปแบบ Mixografia print on handmade paperขนาด 29 x 32 inches 23

Stonehenge (With Two Persons)Orangeปี 2005ช่ือภาพ Stonehenge (With Two Persons) Orangeปี 2005 เป็นภาพฉบับที่ 37 ใน 60 ภาพรูปแบบ Mixografia print on handmade paperขนาด 33 1/4 x 36 1/4 inches 24

Stonehenge (With Two Persons)Violetปี 2005ช่ือภาพ Stonehenge (With Two Persons) Violetปี 2005 เป็นภาพที่ 60รูปแบบ Mixografia print on handmade paperขนาด 29 x 32 in 25

“สงิ่ ที่ผมอยากจะทาความเขา้ ใจคอื ธรรมชาติของข้อตกลงข้อตกลงเป็นส่ิงท่ีกาหนดขอบเขตประสบการณ์ของเรา ถ้าคุณตรวจสอบขอ้ ตกลงนัน้ คณุ จะพบว่าช่องโหว่ของมันอยตู่ รงไหน คุณจะพบการร่ัวไหลระหว่างคาว่า ใช่ กับ ไมใ่ ช่” เมล บอชเนอร์ 26

Mel Bochner 27

เมล บอชเนอร์ เปน็ ศิลปินอเมริกนั ท่มี ี ความสาคญั ต่อความเคล่อื นไหวของศลิ ปะคอนเซป็ ชวล มากที่สุดคนหนงึ่ เขาเกดิ ในปี 1940 ท่เี มอื งพิตตส์ เบิร์ก รัฐเพนซลิ เวเนยี สหรัฐอเมริกา เติบโตในวัฒนธรรม ครอบครัวชาวยวิ ดัง้ เดิม สิ่งท่ีบอชเนอร์สนใจและมัก นามาใชใ้ นงานคอื ตวั เลข การวัด การนยิ าม เป็น ตน้ เพ่ือแสดงให้เหน็ ความแตกต่างระหว่างการรบั รู้ ผ่านการมองเห็นวัตถุกบั สิ่งท่เี ป็นนามธรรมอยา่ งขนาด การคานวณ หรือขอ้ ตกลงรว่ มกนั อน่ื ๆในสังคมWork and Theme บอชเนอรเ์ ปน็ ศิลปินในยุคของความเปลยี่ นแปลง(ครึ่งหลงั ทศวรรษที่ 1960) เป็นช่วงเวลาทภ่ี าพเขียนค่อยๆสญู เสยี ความสาคญั ในพนื้ ที่ศลิ ปะสมัยใหม่ และภาษาได้เปล่ียนแปลงจากการมีหน้าท่ีทเ่ี พียงอธิบายศิลปะ แต่กลายเปน็ ศิลปะดว้ ยตัวมันเอง บอชเนอรไ์ ดส้ ารวจระเบียบแบบแผนของท้ังภาพเขียนและภาษามาอยา่ งตอ่ เนื่อง ท้งั วิธีทเ่ี ราสร้างและเขา้ ใจมัน และวิธที ่ีมันเชอื่ มโยงระหวา่ งกนัเพ่ือทจ่ี ะทาใหเ้ ราสนใจรหัสภายใต้ข้อตกลงของเรากับสังคมมากข้ึน งำนศิลปะของเขำจงึ เป็นงำนทีม่ กั แสดงควำมสมั พันธ์ระหว่ำง \"ภำษำ\" กบั \"พ้นื ที่\" หรอื \"สี\" 28

ผลงำนWorking Drawings andOther Visible Things onPaper Not NecessarilyMeant to Be Viewed as Artปี 1966 จดั ขน้ึ ท่ี School of Visual Arts 29

นทิ รรศการ “งานวาดเขียน หรอื รปู ภาพตา่ งๆทปี่ รากฏบนกระดาษไมจ่ าเป็นต้องเรยี กว่าศลิ ปะ”(Working Drawings and Other Visible Things onPaper Not Necessarily Meant to Be Viewed asArt) นิทรรศการครัง้ นน้ั มคี วามมุ่งหมายว่าภาพเขียนที่จดั แสดงตอ้ งไม่เป็นไปตามธรรมเนยี มเดิมบอชเนอรจ์ ึงใชเ้ ทคโนโลยกี ารถา่ ยเอกสารเพื่อคดั ลอกภาพหลายชนิด เชน่ ภาพสเก็ตช์ ภาพลายเส้น พมิ พ์เขยี ว ไปจนถึงกระดาษโน้ต คาอธบิ าย และของอน่ื ๆท่ีศิลปนิ มินิมอลลิสม์(Minimalism) บางคนมอบใหม้ าใส่ไว้ในแฟ้มตรงแท่นจดั แสดงผลงาน ดังน้ัน จงึ ไม่มีผลงานทเ่ี สร็จสมบรู ณ์ มเี พยี งแนวความคดิ ทางศิลปะให้ชม โดยมีทงั้ สงิ่ ท่ีเกดิ ขึ้นจากการออกแบบและความบงั เอิญ ทาให้ศิลปะและสิง่ ทไี่ ม่ใชศ่ ลิ ปะมารวมกัน และความแตกตา่ งระหว่างสองสง่ิ นก้ี เ็ รม่ิ แยกจากกันยากมากขึน้ 30

สิง่ ท่บี อชเนอร์นามาจัดแสดง ยกตวั อยา่ งเชน่สาเนาภาพสเก็ตชข์ องโซล เลวิทท์ (Sol LeWitt) และโดนัลด์ จดั ด์ (Donald Judd) การคานวณ และโนต้ เพลงของจอหน์ เคจ (John Cage) ไปจนถึงแผนภาพการสะสมและถา่ ยเอกสารของบอชเนอรเ์ องเปน็ ต้น ในสำยตำของนกั ประวัตศิ ำสตรศ์ ิลปะหลำยท่ำนเห็นว่ำนิทรรศกำรคร้งั นนั้ เป็นงำนคอนเซ็ปชวลขนำนแท้งำนแรก และเปน็ ตน้ แบบให้กับกำรจัดแสดงผลงำนอ่ืนๆ ตามแนวทางคอนเซ็ปชวลในภายหลงั ซึ่งก็คือการที่แนวความคิดสาคัญกว่าตวัผลงาน หลายปีต่อมาบอชเนอร์หนั มาทางานศิลปะในรูปแบบที่เรยี กว่า “ความคิดท่ีถา่ ยทอดออกมาให้เหน็เป็นภาพ” บอชเนอร์ทดลองทางานหลายรปู แบบไม่วา่จะเปน็ การทดลองใชภ้ าพถ่ายกบั ภาพวาดต่อเนอ่ื งเพ่ือแสดงใหเ้ หน็ ถึงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งทฤษฎีและการปฏบิ ตั ิ องคค์ วามรู้และประสบการณ์ 31

Measurement Room“หอ้ งแห่งการวัด , ปี 1969 ปี 1969 บอชเนอรท์ างานชดุ “ห้องแหง่ การวัด” (Measurement Room) ผลงานชุดนีท้ าให้หอ้ งกลายเปน็ ผลงานศลิ ปะ ไมใ่ ชเ่ ปน็ เพยี งสถานทใี่ นการนาเสนอผลงาน ศลิ ปะอีกต่อไป โดยบอชเนอรท์ าการวดั ขนาดพน้ื ที่แตล่ ะ ส่วนในหอ้ งสาหรบั จัดแสดงงานเปลา่ ๆ และตดิ ขนาดทีว่ ัด ไดไ้ วข้ า้ งผนังด้วยเทปกาว วิธกี ารน้ที าให้ผูช้ มตระหนักถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งความเปน็ นามธรรมจากรูปทรง เรขาคณิตและพื้นทจ่ี ริงของหอ้ งท่ีจดั แสดงผลงาน 32

Event Horizonปี 1998 ปี 1998 ผลงานชอ่ื \"Event Horizon\" บอชเนอร์ตดิ ผืนผ้าใบขนาดตา่ งๆ บนผนงั ตอ่ กันตามแนวนอน และเขียนขนาดความกว้างเปน็ นว้ิ บนผ้าใบ 33

Blah, Blah, Blahปี 2011 ผลงานช่อื \"Blah, Blah, Blah\" ภาพวาดทแ่ี สดงให้เหน็ ความหลงใหลอยา่ งต่อเนือ่ งในภาษาและการใชส้ ีของบอชเนอร์ โดยคาว่า Blah Blah Blah จานวนมากเป็นสีที่ไหลซึมอย่บู นผืนผ้าสีดาขนาดใหญ่ 34

แกลอร่งี ำนเซ็ปชวคอลนเซป็ ชวล 35

The Incredible Journeyโดย Damien Hirst ปี 2008 36

37

ผลงานของ Claude Rutault ผลงานของ Ai Weiwei 38

ผลงานของ Adam McEwenผลงำนของ Sébastien Preschoux 39

ศิลปะเชงิ แนวคดิ เป็นศลิ ปะที่มีความหมายลกึ ซ้งึ เน้นในเร่อื งของแนวความคิด (Concept) เป็นหลักในการสร้างงาน โดยไม่ได้ให้ความสาคัญกับความงามแต่เพยี งอยา่ งเดียว ฉะนน้ั งานหลายๆชนิ้ ท่ีสร้างข้นึ บางคร้ังก็อาจจะมลี ักษณะทแ่ี ตกต่างจากงานศิลปะโดยท่วั ไปเชน่ ไม่อาจจาแนกประเภทของผลงานศลิ ปะลงไปได้อย่างจาเพาะเจาะจงได้ โดยส่วนตัวผเู้ ขยี นชื่นชอบศิลปะในลทั ธนิ ้ีเป็นอย่างมาก เพราะรสู้ กึ วา่ คอนเซป็ ชวล อารต์ เปน็ศิลปะที่ทาใหไ้ ดค้ ิด ตคี วามในสิง่ ตา่ งๆทีศ่ ลิ ปนิ ส่ือออกมามากกวา่ เพียงแคด่ แู ลว้ เหน็ ถงึ ความสวยงามของผลงานนน้ั ๆ 40

บรรณำนกุ รม10 CONCEPTUAL ARTISTS เขา้ ถึงไดจ้ าก :http://www.widewalls.ch/10-conceptual-artists/damien-hirst/ (วันทคี่ ้น: 27 เมษายน 2559)ศลิ ปะตะวันตก เข้าถงึ ไดจ้ าก :http://hehe3434.blogspot.com/2012_12_01_archive.html (วันที่ค้น: 27 เมษายน 2559)ศิลปะคอนเซ็บช่วล เขา้ ถงึ ไดจ้ าก :http://203.158.253.5/wbi/Education/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%20(Aesthetics)/unt4/west%20art%20modrn/69cncptulart.htm (วันที่คน้ :28 เมษายน 2559)ศิลปะเชงิ แนวคิด เขาถึงได้จาก : ttps://th.wikipedia.org/wiki/ศลิ ปะเชงิ แนวคิด (วนั ท่ีคน้ : 28 เมษายน 2559)ผลงาน JOHN BALDESSARIเขา้ ถงึ ได้จาก :http://www.pagebondgallery.com/artists/details/john-baldessari (วันที่คน้ : 28 เมษายน 2559) 41

แอบดูนักออกแบบ Furniture ชาวบาลซลิ Rodrigo Almeidaเขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://www.multiple-owners.com/inspiration-2/%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A-furniture-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%A5-rodrigo-almeida/ (วันทค่ี ้น : 28 เมษายน 2559)John Baldessari เข้าถึงได้จาก :https://en.wikipedia.org/wiki/John_Baldessari#Work_and_themes (วันทคี่ ้น : 28 เมษายน 2559)One and Three Chairs เข้าถึงได้จาก :https://en.wikipedia.org/wiki/One_and_Three_Chairs(วันทีค่ น้ : 28 เมษายน 2559)Mel Bochner เข้าถงึ ไดจ้ าก :https://en.wikipedia.org/wiki/Mel_Bochner(วนั ท่คี ้น : 28 เมษายน 2559) 42

เมล บอชเนอร์ เขาถงึ ไดจ้ าก : https://th.wikipedia.org/wiki/เมล_บอชเนอร์ (วันที่ค้น : 28 เมษายน 2559)measurement room เขา้ ถึงจาก :http://www.melbochner.net/exhibitions/measurement-room/ (วนั ทคี่ น้ : 28 เมษายน 2559)Five Fives - Joseph Kosuth เขา้ ถงึ ไดจ้ าก :https://www.flickr.com/photos/picturejohn64/12257361894 (วนั ที่คน้ : 29 เมษายน 2559)CONCEPTUAL ART MOVEMENT AND EXAMPLES เขา้ ถงึ ได้จาก : http://www.widewalls.ch/conceptual-art-movement-and-conceptual-art-examples/aesthetics-nihilism-and-politics/ (วนั ทค่ี น้ : 29 เมษายน 2559)quoteaddicts เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://quoteaddicts.com/(วนั ที่คน้ : 1 พฤษภาคม 2559)10 คาสาคัญทางดา้ นทศั นศลิ ป์ เขา้ ถงึ ไดจ้ าก :https://www.facebook.com/PixbyannLPR5/posts/350802791672760 (วนั ทคี่ น้ : 1 พฤษภาคม 2559)Maciej Ratajski เขา้ ถงึ ไดจ้ าก :https://www.pinterest.com/pin/252975704042123638/(วันท่คี ้น : 1 พฤษภาคม 2559) 43

44


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook