Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนม.2-2-59วิชางานเชื่อมแก๊สๅ-1

แผนการสอนม.2-2-59วิชางานเชื่อมแก๊สๅ-1

Published by bedphuwit, 2021-05-15 03:50:08

Description: แผนการสอนม.2-2-59วิชางานเชื่อมแก๊สๅ-1

Search

Read the Text Version

การจัดทำโครงสร้างรายวชิ าและแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา งานเชื่อมแกส๊ ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 กลมุ่ ทวศิ ึกษา สาขาช่างเชอื่ มโลหะ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี หนว่ ยท่ี 1 เรอ่ื ง หลักการเชอ่ื มแกส๊ โดย นายภวู ิศ มณี ตำแหน่ง ครผู ้ชู ว่ ย โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่ สำนกั บริหารงานการศกึ ษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

คำอธบิ ายรายวชิ า รายวิชา งานเชอื่ มแก๊ส รหัสวิชา ง. ……………….. เวลาเรียน 2 ชวั่ โมง/สัปดาห์ คำอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏิบตั ิเกี่ยวกบั งานเชอื่ มแกส๊ แผ่นเหล็กกลา้ คาร์บอน ดว้ ยเทคนคิ การเชื่อมแบบถอยหลัง (Backhand welding) รอยตอ่ ชน รอยต่อแผน่ เหล็กกับท่อ รอยต่อรูปตวั ที ในตำแหน่งท่าเชื่อม 2F, 3F งานแลน่ ประสานโลหะชนดิ เดียวกันและตา่ งชนิด รอยต่อเกย รอยต่อรปู ตัวที โดยใช้อุปกรณ์ถูกต้องตาม หลักความปลอดภยั และอาชีวอนามัย ผลการเรยี นรู้ 1. สามารถปฏิบัติงานเชื่อมแก๊สแผ่นเหลก็ กลา้ คารบ์ อนรอยต่อชนทุกตำแหน่งท่าเชอ่ื มดว้ ยเทคนิค การเช่ือมแบบถอยหลงั (Backhand welding) 2. สามารถปฏบิ ัติงานเชอื่ มแกส๊ แผ่นและท่อ เหล็กกลา้ คารบ์ อนรอยต่อรปู ตัวที ในตำแหน่งทา่ เช่ือม 2F,3Fและรอยต่อแผน่ เหล็กกับท่อ 3. สามารถปฏิบตั ิงานเชอ่ื มแลน่ ประสานโลหะชนดิ เดยี วกันและต่างชนิด 4. มกี จิ นสิ ัยในการทำงานท่ดี ี ปฏิบัตกิ ารเช่ือม โดยใช้อุปกรณค์ วามปลอดภัยส่วนบคุ คลครบถว้ น

ผังมโนทศั น์ วิชา งานเช่อื มแกส๊ ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 ช่างเชอ่ื มโลหะ สอบปลายภาค หลกั การเช่ือมแก๊ส ตำแหนง่ ท่าเชอื่ มและรอยต่อ หลกั การแลน่ ประสาน ปฏิบัตงิ านเช่ือมแกส๊ วิชา งานเชื่อมแกส๊ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 จำนวนชัว่ โมง 120 ชวั่ โมง สอบกลางภาค

ผังมโนทศั น์ วิชา งานเชอ่ื มแกส๊ ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ช่างเชอ่ื มโลหะ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่อื ง เครอื่ งมอื และอุปกรณ์ในงานเขยี นแบบ การเช่ือมดว้ ยแกส๊ ตา่ ง ๆ จำนวน 2 ชั่วโมง หนว่ ยที่ 1 เร่ือง หลักการเชื่อมแก๊ส จำนวนชัว่ โมง 4 ชั่วโมง ชดุ เชอ่ื มแก๊สและขั้นตอนการใช้ชดุ เช่ือมแกส๊ การเชือ่ มด้วยแกส๊ ออกซิเจน – จำนวน 2 ชั่วโมง อะเซทิลนิ จำนวน 1 ช่ัวโมง แผนการจัดการเรยี นร้แู บบอิงมาตรฐาน

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เร่ือง งานเชื่อมแกส๊ แผนการเรียนร้ทู ่ี 1 เร่ือง หลกั การเชอื่ มแก๊ส รายวิชา งานเชื่อมแก๊ศ รหัสวชิ า ง………………….ระดบั ช้ัน มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 นำ้ หนักเวลาเรียน 80 ชว่ั โมง 2 หน่วยกติ (นน.นก.) เวลาเรียน 4 ชว่ั โมง / สปั ดาห์ เวลาท่ใี ชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 4 ช่ัวโมง 1. สาระสำคญั (ความเข้าใจทีค่ งทน) เป็นขบวนการเช่ือมทีใ่ ช้การเผาไหมข้ องแก๊สอเชทิลีนผสมกับแก๊สออกชิเจน (Oxy-acetylene Welding) เปลวไฟจากการเผาไหมท้ ี่ปลายหัวเชื่อมแล้วทำให้โลหะหลอมละลายแล้วเตมิ ลวดเช่อื มลงไปในบ่อ น้ำโลหะทก่ี ำลังหลอมละลาย เม่ือปลอ่ ยใหเ้ ยน็ ตัวลงกจ็ ะได้แนวเช่ือมตามต้องการ การเช่ือมแก๊ส นยิ มใช้กับ งานเช่อื มเบาๆ ที่ใช้เช่อื มโลหะบางๆ เชน่ งานเชื่อมเพื่อซ่อมตวั ถังรถยนต์ งานเช่ือมท่อแอร์ ทอ่ ไอเสียรถยนต์ หรืองานเช่อื มทอ่ ในอตุ สาหกรรมเคมตี า่ งๆ เป็นต้น 2. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชว้ี ัดชน้ั ปี / ผลการเรยี นรู้ / (เปา้ หมายการเรียนรู้) 1. สามารถปฏบิ ัติงานเช่ือมแก๊สแผ่นเหลก็ กลา้ คารบ์ อนรอยต่อชนทกุ ตำแหน่งท่าเชื่อมด้วยเทคนิคการ เชือ่ มแบบถอยหลงั (Backhand welding) 2. สามารถปฏิบัตงิ านเชือ่ มแกส๊ แผน่ และท่อ เหลก็ กลา้ คาร์บอนรอยต่อรูปตัวที ในตำแหน่งทา่ เช่อื ม 2F,3Fและรอยตอ่ แผน่ เหล็กกบั ท่อ 3. สามารถปฏิบตั ิงานเชื่อมแลน่ ประสานโลหะชนิดเดยี วกันและต่างชนดิ 4. มกี ิจนสิ ยั ในการทำงานท่ดี ี ปฏิบัตกิ ารเชื่อม โดยใช้อปุ กรณ์ความปลอดภัยสว่ นบุคคลครบถว้ น 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เน้ือหาสาระหลัก : Knowledge (ผ้เู รียนต้องร้อู ะไร) - การเชือ่ มดว้ ยแก๊สตา่ ง ๆ - การเชือ่ มด้วยแกส๊ ออกซเิ จน – อะเซทิลนิ - ชุดเชื่อมแก๊สและข้นั ตอนการใช้ชดุ เช่ือมแกส๊ 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (ผูเ้ รียนสามารถปฏิบตั ิอะไรได้) - เทคนิคการเชือ่ ม แบบถอยหลงั (Backhand welding) 3.3 คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ : Attitude (ผ้เู รียนควรแสดงพฤติกรรมการเรียนอะไรบ้าง) - เตรยี มความพรอ้ มด้าน วสั ดุ อปุ กรณส์ อดคลอ้ งกับงานได้ -.ปฏิบัติงานได้ และสำเร็จภายในเวลาทก่ี ำหนดอยา่ งมเี หตุ และผลตามหลกั ปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพยี ง 4. สมรรถนะสำคญั -ความสามารถในการคดิ (คดิ วิเคราะห)์ เลอื กใชเ้ คร่อื งมอื เขยี นแบบไดถ้ กู ตอ้ งกบั งาน 5. คุณลักษณะของวิชา - ใฝเ่ รียนรู้ - ความรอบครอบ - ความมีระเบยี บวนิ ัย

6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ -ใฝ่เรียนรู้ -.มีความมงุ่ มั่นในการทำงาน 7. ภาระงาน / ชิน้ งาน ตามตัวชี้วดั - เขยี นสรุปเทคนิคการเชอ่ื ม แบบถอยหลัง(Backhand welding) - สรปุ หลกั การงานเชอื่ มแกส๊ โดยเขยี นเป็นผงั มโนทัศน์ 8. ภาระงาน / ชิน้ งานรวบยอด - สรุปเทคนคิ การเชอื่ ม แบบถอยหลงั (Backhand welding) - ผังมโนทศั น์สรุปหลักการงานเชื่อมแกส๊ 9. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี1-2 (การเช่อื มดว้ ยแกส๊ ตา่ ง ๆ) 1. ข้นั ตง้ั คำถาม -แจง้ ผลการเรียนรู้ใหน้ ักเรยี นทราบ -ครสู อบถามนักเรียนเคยเชอื่ มแก๊สแบบเดินไปหน้าไปแลว้ นกั เรียนเคยเห็นการเช่ือมถอยหลัง ไหม -แลว้ นกั เรียนเคยคดิ ที่จะลองเชอื่ มแบบถอยหลงั ไหม 2. ขนั้ การเตรยี มการค้นหาคำตอบ - ครูแจกใบความรู้เกย่ี วงานเช่ือมแกส๊ ให้นกั เรียนศกึ ษา 3. ขั้นการดำเนนิ การคน้ หาคำตอบและตรวจสอบคำถาม -นกั เรียนศกึ ษาความร้จู ากใบความรูท้ แี่ จกให้ - ครทู บทวนและสอบถามนักเรยี นจากใบความรู้ - ครูแนะนำแหล่งคน้ ควา้ ความร้ใู หแ้ กน่ ักเรียนเติม -ให้นกั เรยี นเขียนสรปุ เรื่อง หลกั การเช่ือมแกส๊ และวธิ ีการเชอ่ื มแบบถอยหลัง 4. ข้ันการสรปุ และนำเสนอผลการค้นหาคำตอบ -ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรปุ ถึงองค์ความรู้หลกั การเชอ่ื มแก๊สและวธิ ีการเชอ่ื มแบบถอยหลังที่ ไดร้ บั จากการค้นควา้ และจากใบความรู้ท่ีศึกษา กิจกรรมการเรียนรู้ ชวั่ โมงที่ 3 (การเชอ่ื มด้วยแก๊สออกซิเจน – อะเซทลิ นิ ) 1. ขัน้ ต้งั คำถาม -ครูสอบถามนักเรยี นว่านกั เรียนในการเชอื่ มแก๊สในงานอุตสาหกรรม เขาใชแ้ กส๊ อะไรในงาน เชอื่ มแก๊ส 2. ขน้ั การเตรยี มการค้นหาคำตอบ -ครอู ธบิ ายความรูเ้ กย่ี วกบั การใชแ้ ก๊สชนิดต่างๆในงานเชื่อมให้นกั เรียนฟงั - ครแู จกใบความรูเ้ รื่องแกส๊ ชนดิ ต่างๆในงานเชื่อมให้นักเรียนศึกษา

3. ขน้ั การดำเนินการค้นหาคำตอบและตรวจสอบคำถาม -นักเรียนศึกษาความรู้จากใบความรู้ท่แี จกให้ - ครูทบทวนและสอบถามนักเรียนจากใบความรู้ 4. ขนั้ การสรุปและนำเสนอผลการคน้ หาคำตอบ -ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปถึงความรเู้ รื่องการใช้ชนดิ แกส๊ ต่างๆในงานเชือ่ มแก๊ส กิจกรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงที่ 4 (ชดุ เชือ่ มแก๊สและขน้ั ตอนการใชช้ ุดเชอ่ื มแกส๊ ) 1. ขัน้ ตัง้ คำถาม -ครสู อบถามนักเรียนว่าชุดเชือ่ มแกส๊ มกี ี่แบบท่ีเราเคยเรยี นมา 2. ข้นั การเตรยี มการคน้ หาคำตอบ - ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรยี นฟังเก่ียวกบั ชดุ เชอ่ื มแกส๊ และขัน้ ตอนวธิ ีใช้ให้นกั เรยี นฟงั -ครใู หน้ ักเรยี นไปค้นควา้ ความรู้ -ครูแจกใบความรูเ้ พ่ิมเติม 3. ขนั้ การดำเนินการคน้ หาคำตอบและตรวจสอบคำถาม -นักเรยี นศึกษาความรจู้ ากแหล่งเรียนร้ทู ี่ไปค้นควา้ และจากใบความรทู้ ่แี จกให้ - ครูทบทวนและสอบถามนักเรยี นจากใบความรู้และที่นักเรียนไปค้นคว้า -ใหน้ ักเรียนเขยี นเกยี่ วกับชุดเชอ่ื มแกส๊ และขั้นตอนวธิ ีใช้ 4. ข้ันการสรุปและนำเสนอผลการคน้ หาคำตอบ -ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ ชดุ เชอื่ มแก๊สและขน้ั ตอนวธิ ใี ช้ 10. สื่อ อุปกรณแ์ ละแหล่งเรียนรู้ จำนวน สภาพการใช้สื่อ(ระบุขัน้ ตอนท่ีใช้) รายการสอื่ ใช้ขยายความรู้และลงข้อสรุปเขียนผังมโน ใบความรกู้ ารเชื่อมด้วยแกส๊ ต่าง ๆ 1 ทัศน์ ใบความรกู้ ารเช่ือมดว้ ยแก๊สออกซเิ จน – อะเซทลิ นิ 1 ใช้ขยายความรู้และลงขอ้ สรปุ ใบความรชู้ ดุ เชื่อมแกส๊ และข้นั ตอนการใชช้ ดุ เช่อื มแกส๊ 1 ใชข้ ยายความรแู้ ละลงข้อสรุป

11. การวดั ผลและประเมินผล เปา้ หมาย หลักฐานการเรียนรู้ วธิ ีวดั เครอ่ื งมอื วัดฯ ประเดน็ /เกณฑ์ การใหค้ ะแนน การเรยี นรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน - สรุปเทคนคิ การ แบบตรวจการเขียนผงั เช่ือม แบบถอยหลงั มโนทศั น์และสรุปเทคนิค -การจดั ลำดบั ผลการเรยี นรู้/ - สรปุ เทคนคิ การ (Backhand การเชือ่ ม แบบถอยหลงั เน้อื หาสาระ ตัวช้วี ดั เช่ือม แบบถอยหลัง welding) (Backhand welding) -ความถูกต้องของ (Backhand - สรปุ หลักการงาน ขอ้ มูล 1. สามารถ welding) -ความครบถ้วน ปฏบิ ัติงานเชื่อมแก๊ส - สรปุ หลักการงาน เชอื่ มแก๊สโดยเขียนเป็น ของข้อมลู แผน่ เหลก็ กลา้ ผังมโนทศั น์ -ความน่าสนใจ เชือ่ มแกส๊ โดยเขยี นเปน็ คาร์บอนรอยต่อชน ผังมโนทัศน์ ทุกตำแหน่งทา่ เชอื่ ม ด้วยเทคนิคการเชอื่ ม แบบถอยหลัง (Backhand welding) 2. สามารถ ปฏิบตั งิ านเชอ่ื มแกส๊ แผน่ และท่อ เหล็กกลา้ คาร์บอน รอยต่อรูปตวั ที ใน ตำแหน่งทา่ เช่อื ม 2F,3Fและรอยต่อ แผ่นเหลก็ กบั ท่อ 3. สามารถ ปฏบิ ัติงานเช่ือมแลน่ ประสานโลหะชนดิ เดียวกนั และต่างชนดิ 4. มีกิจนิสัยในการ ท ำ ง า น ที่ ดี ปฏิบัติการเชื่อม โดย ใช้ อุ ป ก ร ณ์ ค ว า ม ปลอดภัยส่วนบุคคล ครบถว้ น

12.จดุ เนน้ ของโรงเรยี น บรู ณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและกจิ กรรมสวนพฤกษาศาสตร์ในโรงเรยี น ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ครู ผู้เรียน ใชส้ ่ิงของดว้ ยความประหยัด 1. พอประมาณ เลือกใชว้ ัสดุท่ีมีอยใู่ นโรงเรียน 2. ความมเี หตุผล จัดการเรียนรู้ใหผ้ ู้เรยี นบรรลตุ าม การใช้ชุดเชื่อมแกส๊ ได้ถกู ต้องได้ 3. มีภมู ิค้มุ กนั ทีด่ ีในตัว ผลการเรยี นรู้ ถกู ต้อง 4. เงื่อนไขความรู้ 5. เงือ่ นไขคุณธรรม มแี ผนการเรยี นรู้ที่พรอ้ มรบั กับ นักเรยี นเลอื กใชช้ ุดเชื่อมแกส๊ และ ความเปลย่ี นแปลงท่ีอาจเกิดข้ึนได้ วิธีการเก็บรกั ษาได้ถูกวธิ ี ทุกเมื่อ เนอ้ื หา ความรู้ เทคนคิ วธิ สี อน นกั เรยี นนำความรู้ ความสามารถที่ ความเสยี สละ ความขยนั มไี ปใช้เพอื่ ประโยชน์ตอ่ ตนเอง ความรักเมตตาต่อศิษย์ นกั เรียนรูจ้ กั มารยาทในการใช้ อปุ กรณ์ในการเรียน - ควรมีระเบยี บวินัย - ความอดทน - ความรบั ผดิ ชอบ กิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์ ครู ผเู้ รยี น นำนกั เรียนไปศึกษาดูบริเวณสวน ศึกษาแหลง่ วัสดุที่มีอยใู่ นโรงเรยี น พฤกษศาสตร์ เพ่อื เรยี นรเู้ รอ่ื ง ออกซิเจนรอบตัวเราแลว้ อธิบาย เร่ืองการตวั ของออกซเิ จนกบั แก๊ส อะเซทิลนิ แลว้ ตดิ ไฟ

แบบบนั ทกึ หลงั การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ : นักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 จำนวนทงั้ สน้ิ 8 คน ครั้งท่ี 1 คาบเรียนที่ 5-8 วนั ศกุ ร์ ท่ี 28 เดอื น ตลุ าคม พ.ศ 2559 สรุปสถิติการเข้าชน้ั เรยี น - เข้าเรยี นตามปกต…ิ ……8……คน เข้าชน้ั เรยี นสาย ……-…..คน ไม่เข้าชนั้ เรยี น ……-……..คน - ลากจิ ……-.….คน ดงั น้ี ………………………………………….…………………..……………………………….………….…………………………………. - ลาป่วย……-..….คน ดงั นี้ …………………………………….……………………………….………………………….…………………………………………. - อน่ื ๆ ระบุ ………………………………………………………………………………………..………………………………………………….. ……………………………………………………………………………….…………………………..……………………………… ครัง้ ที่ ……-……. คาบเรยี นที่………-……..วนั ………-………ท…่ี …-……เดอื น………-………….พ.ศ.…………-…………. สรปุ สถิตกิ ารเขา้ ชนั้ เรียน - เข้าเรียนตามปกต…ิ ……-……คน เขา้ ชน้ั เรียนสาย …-……..คน ไม่เข้าชนั้ เรียน ……-……..คน - ลากิจ ……-.….คน ดงั นี้ ………………………………………….…………………..……………………………….………….……………………………….. - ลาป่วย……-..….คน ดงั น้ี …………………………………….……………………………….………………………….………………………………………… - อน่ื ๆ ระบุ ………………………………………………………………………………………..………………………………………………... @ เมอื่ ประเมนิ ผลจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ดงั น้ี ผลการประเมิน ท่ี ประเดน็ ท่ีประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ต้อง ปรับปรุง 1 ความเหมาะสมของระยะเวลา / 2 ความเหมาะสมของเน้ือหา / 3 ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรยี นรู้ / 4 ความเหมาะสมของส่อื ประกอบการเรยี นรทู้ ใ่ี ช้ / 5 พฤติกรรม/การมสี ว่ นร่วมของนักเรียน / การประเมินดา้ นความรู้ : Knowledge @ ผลการประเมินก่อนและหลงั เรยี น 1) การประเมนิ ผลก่อนเรยี น โดยใช้ (ระบ)ุ แบบประเมินก่อนเรยี น พบว่า นักเรยี นได้คะแนน เฉลยี่ ……………5………….จากคะแนนเต็ม…………10……………..คะแนน โดยมีนกั เรียนจำนวน ………8………คน คดิ เป็นรอ้ ยละ …………50………… ไม่ผ่านเกณฑข์ ้ันตำ่ ทก่ี ำหนดไว้ คือ …………100……………

2) การประเมินผลหลงั เรียน โดยใช้ (ระบุ) แบบประเมินหลงั เรยี น พบว่า นักเรยี นได้คะแนน เฉลย่ี ………………8……………..จากคะแนนเต็ม……………10…………..คะแนน โดยมีนกั เรยี นจำนวน …………8…………คน คิดเปน็ รอ้ ยละ …………80………………….และมนี ักเรียนร้อยละ .………-……..…. ไม่ผ่าน เกณฑ์ขนั้ ต่ำท่ีกำหนดไว้ คือ …………-……………… @ ผลการประเมนิ โดยใช้……………………………………………………… เร่อื ง …………….……………………….. พบวา่ นกั เรียนชนั้ ……………………………..ทำคะแนนเฉลีย่ ไดเ้ ท่ากับ……………คะแนน จากคะแนน เต็ม………………คะแนน มนี ักเรียนจำนวน………………คน คดิ เป็นรอ้ ยละ……………………ไมผ่ า่ นเกณฑ์ ไดแ้ ก้ไข โดย ……………………….......................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… การประเมนิ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ : Process ผลการประเมินโดยใช้ (ระบ)ุ ……………………………………………………………………………………………………. จำนวนคะแนนเต็ม …………. คะแนน พบวา่ นักเรียนชนั้ …………………จำนวนท้ังสนิ้ ……………… คน มีคะแนน เฉลี่ยได้เทา่ กับ …………………… ไดผ้ ลการประเมนิ ในระดับ 3 จำนวน………………………คน ไดผ้ ลการประเมนิ ใน ระดบั 2 จำนวน………………………คน และได้ผลการประเมินในระดับ 1 จำนวน ………..……… คน การประเมินดา้ นคุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์ : Attitude จำนวน 10 คะแนนเตม็ สรุปผลการจดั การเรียนรู้ เรือ่ ง ……………………………………………………………………….นกั เรียนชั้น………………………………………….. จำนวน ท้ังสิน้ ……………… คน พบวา่ มีนกั เรียนท่ีไดผ้ ลการประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (ตามทร่ี ะบใุ นแผน) ดา้ นซอ่ื สัตย์ สุจริต ดเี ย่ียม จำนวน…………….…..คน คิดเป็นร้อยละ ………………….. ดี จำนวน ……………….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ……….………….. ผ่าน จำนวน …………….…คน คิดเป็นร้อยละ ……………..…… ไมผ่ ่าน จำนวน ………….……คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ……………..…… ด้านมวี ินัย ดีเยย่ี ม จำนวน…………….…..คน คดิ เป็นร้อยละ ………………….. ดี จำนวน ……………….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ……….………….. ผา่ น จำนวน …………….…คน คดิ เปน็ ร้อยละ ……………..…… ไม่ผ่าน จำนวน ………….……คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ……………..…… ดา้ นใฝเ่ รยี นรู้ ดีเยี่ยม จำนวน…………….…..คน คิดเป็นร้อยละ ………………….. ดี จำนวน ……………….คน คดิ เป็นร้อยละ ……….………….. ผา่ น จำนวน …………….…คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ……………..…… ไม่ผา่ น จำนวน ………….……คน คดิ เปน็ ร้อยละ ……………..…… ด้านมุง่ มนั่ ในการทำงาน ดีเย่ยี ม จำนวน…………….…..คน คิดเป็นร้อยละ ………………….. ดี จำนวน ……………….คน คิดเป็นร้อยละ ……….………….. ผา่ น จำนวน …………….…คน คิดเปน็ ร้อยละ ……………..…… ไมผ่ า่ น จำนวน ………….……คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ……………..…… สรปุ ไดว้ ่า นกั เรยี นมีคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ตามแผนการเรยี นรู้ เร่ือง…………………………….. ………..…………..…………………. มผี ลการประเมิน ระดบั ดีขน้ึ ไป จำนวน ……………คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ……………

การประเมินสมรรถนะสำคญั ผลการประเมินดา้ นสมรรถนะสำคัญตามหลักสูตร ตามแผนการเรียนรู้ เรอ่ื ง……………………………… .………..…………………………..…… นักเรียนชั้น……………………………………จำนวนท้ังส้นิ ………… คน พบวา่ นกั เรียนทีม่ ผี ลการประเมนิ ดีเยีย่ ม จำนวน ……………… คน คิดเป็นร้อยละ ……………… ดี จำนวน ………………. คน คดิ เป็นรอ้ ยละ …………..…… ผ่าน จำนวน ………………. คน คดิ เป็นรอ้ ยละ …………..…… ปรบั ปรงุ จำนวน ………………. คน คดิ เป็นรอ้ ยละ …………..…… ปญั หาอุปสรรค ที่ค้นพบระหว่างท่มี กี ารจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ดงั นี้ ด้านเนอ้ื หา : ...……………………………………………………………………………………………………………………………………................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ด้านกิจกรรมการเรยี นรู้ : ...……………………………………………………………………………………………………………………………………................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ดา้ นสื่อประกอบการเรียนรู้ : ...……………………………………………………………………………………………………………………………………................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ด้านพฤติกรรม/การมีส่วนรว่ มของนกั เรียน : ...……………………………………………………………………………………………………………………………………................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทางแกไ้ ข จดั กิจกรรมเสรมิ ทักษะหรือซ่อมเสริม รายการ วธิ ีดำเนินกจิ กรรม - - ลงช่ือ …..........………….......................…….. ครผู จู้ ัดกิจกรรมการเรียนรู้ (นายภูวิศ มณี) ตำแหนง่ ครผู ู้ชว่ ย

ภาคผนวก เอกสารประกอบการเรยี นรู้ แผนการเรยี นรู้ที่ 1 เรื่อง หลักการเชือ่ มแกส๊ - แบบทดสอบ (พร้อมเฉลย) - ใบงาน (พร้อมเฉลย) - ใบความรู้ - แบบฝึก - เกณฑ์การประเมนิ - การประเมนิ คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ - การประเมนิ การสมรรถนะของผู้เรยี น - การประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียน

ใบความรู้ เรอ่ื งงานเช่อื มแก๊ส(Gas Welding) 1. หลักการเชื่อมแก๊ส เป็นขบวนการเช่ือมที่ใช้การเผาใหมข้ องแก๊สอเชตลิ นี ผสมกับแก๊สออกชิเจน(Oxy-acetylene Welding) เปลวไฟจากการเผาใหมท้ ีป่ ลายหัวเช่อื มแล้วทำให้โลหะหลอมละลายแลว้ เตมิ ลวดเชอื่ มลงไปใน บอ่ นำ้ โลหะที่กำลังหลอมละลาย เมือ่ ปลอ่ ยให้เยน็ ตวั ลงก็จะได้แนวเช่ือมตามต้องการ การเชอื่ มแกส๊ นยิ ม ใชก้ ับงานเช่อื มเบาๆ ทใ่ี ชเ้ ชื่อมโลหะบางๆ เช่น งานเชื่อมเพือ่ ซ่อมตัวถังรถยนต์ งานเช่ือมท่อแอร์ ท่อไอ เสียรถยนต์ หรอื งานเชอ่ื มท่อในอตุ สาหกรรมเคมตี ่างๆ เปน็ ต้น 2. เครอ่ื งมือและอปุ กรณ์ ในการเชือ่ มแกส๊ ในการเช่ือมแกส๊ จะตอ้ งมเี คร่ืองมือและอปุ กรณ์ท่จี ำเป็นดงั นี้ 2.1.ถงั อะเซติลีน ทำจากแผ่นเหลก็ มีลกั ษณะปกตจิ ะใชเ้ กบ็ ความดันอเซติลนี ไดเ้ พียง 250 Psiเพราะ แก๊สอเซตลิ นี เป็นแก๊สเพลิงถ้าเกบ็ ไว้ท่ีความดนั สูงโมเลกลุ ของแกส๊ จะเกิดการอดั แน่น ทำใหเ้ กิดความร้อน หรือร่ัวซมึ ได้ง่าย เสย่ี งตอ่ การลุกติดไฟและระเบดิ ได้ โดยปกตใิ นถงั อเซตลิ นี จะไดว้ สั ดรุ พู รนุ และบรรจอุ ซโิ ต ไว้ประมาณ 40%ซึ่งอซิโตนจะช่วยดูดซึมแก๊สอเซติลนี ไม่ให้ความดันสูงเกนิ ไป ถงั แก๊สอเซติลนี ขนาด มาตรฐานมคี วามจุ 40ลิตร อัดแก๊สอเซติลีนได้จำนวน 6000ลติ ร โดยมอี ชโิ ตนชว่ ยดูดซมึ แกส๊ ไม่ให้ความ ดนั สงู เกินไป และที่ถังอะเซติลีนจะมี Safety-Plugที่หวั ถังและก้นถงั เพื่อป้องกนั การเกิดระเบดิ จากความ ร้อนและความดันทสี่ งู เกนิ ในระหว่างการขนย้ายถงั อเซติลีนจะต้องมฝี าครอบวาล์วหัวถังเพือ่ ป้องกนั การ กระแทกในระหวา่ งการขนย้ายอกี ด้วย เกลียวทีว่ าล์วหัวถงั จะใชเ้ ปน็ เกลยี วซา้ ยและถังอเซตลิ นี มกั จะใช้ เป็นสัญลกั ษณ์สแี ดงหรือส้ม 2.2. ถงั ออกซิเจน ทำด้วยแผน่ เหล็กหนาประมาณ6.4 mmตีอัดขนึ้ รูปไม่มรี อยเช่ือมตอ่ แขง็ แรงทนต่อความดนั สงู เน่ืองจากใชอ้ ดั แก๊สออกซเิ จนไวท้ ่ีความดัน 2200-2800 Psiหรอื ประมาณ 150-170 barวาล์วหัวถงั ทำดว้ ย ทองเหลืองตีอัดขึ้นรูป เกลยี วขอ้ ต่อทวี่ าลว์ หวั ถังจะใชเ้ ปน็ เกลียวขวา ก่อนนำมาอดั แกส๊ ออกซเิ จนจะตอ้ ง นำไปทดสอบความดันกอ่ น 2.3. วาล์วปรับความดนั (Pressure Regulators) วาล์วปรบั ความดันมี หน้าที่ คือปรบั ความดนั แกส็ จากถงั เก็บเพ่ือให้พอเหมาะกับความดันทตี่ ้องการใช้ งานและช่วยควบคมุ ความดนั ทีห่ วั เชอื่ มใหค้ งท่ี ปกติ 1ชดุ จะมเี กจ 2ตวั คอื เกจขวาจะวัดความดันของแก๊ส และเกจซ้ายจะวดั ความดนั ขณะใช้งาน วาล์วปรับความดนั ของแก๊สอเซตลิ นี กบั ของแกส๊ ออกซเิ จนจะ แตกต่างกนั กล่าวคือ เกลียวข้อต่อของวาล์วปรับความดันอเซติลนี จะเปน็ เกลียวซ้าย ซึ่งความดนั ทใี่ ช้อยทู่ ี่ 0-250 Psiสว่ นของออกซเิ จนจะเปน็ แบบเกลยี วขวา ช่วงความดันจะอยรู่ ะหว่าง 0-3000 Psi 2.4.หัวเชื่อม ออกซ่ี-อะซิทีลีน (Oxy-acetylene welding torches) หัวเชอ่ื มชนิดน้ีมี ส่วน ประกอบสำคญั คือ ด้านจบั วาลว์ ปิด-เปิด ห้องผสมแกส๊ และหวั ทพิ การใชง้ าน หลงั จากต่อหวั เชื่อมเข้ากับสายเช่ือมแล้ว จะปรับวาล์วปิด-เปดิ เพอื่ ควบคมุ แก๊สออกซิเจนและอะเซทิลีน จากทอ่ เชื่อมมายังห้องผสมแก๊สออกซิเจนกับอะเซทลิ นี แก๊สทีผ่ สมกนั แล้วจะไหลไปออกที่หวั ทปิ ซงึ่ ทำ จากทองแดง เพราะทองแดงทนความรอ้ นได้ดี 2.5.เหลก็ ทำความสะอาดรหู ัวเชอ่ื มแก๊ส (Tip cleaners)

เป็นลวดเส้นเล็ก มีหลายขนาด เพอ่ื ใหเ้ ลือกใชต้ ามขนาดของหัวทิปทต่ี า่ งกนั เราใช้เหลก็ ทำความ สะอาดนี้สอดเขา้ ไปในรูหัวเชื่อมแกส๊ เพื่อทำความสะอาดมัน เม่ือหวั ทปิ มสี ะเก็ดเหล็ก หรือเศษเขมา่ ต่าง ๆ ไปตดิ อยู่ 2.6. ทอ่ เชอ่ื ม(Hose) มี 2 ชนิด คือ สายอะซทิ ิลนี และทอ่ ออกซิเจน ท่ออะซิทิลนี จะรบั แก๊สอะซทิ ีลนี จากถงั อเซติลนี ไปสู่หวั เชื่อม ท่อนี้จะมีสีแดงที่ปลายท่อจะมีหัวนทั เป็นแบบเกลยี วซ้าย ท่อออกซเิ จน จะรบั แก๊สออกซิเจนจากถังออกซเิ จนไปส่หู ัวเชอื่ ม ทอ่ นำ้ จะมีสดี ำหรือสีเขยี วที่ปลายท่อ จะมีหวั นัทเปน็ แบบเกลียวขวา 2.7. อปุ กรณจ์ ดุ เปลวไฟ (Spark lighter) เพือ่ ความสะดวกและความปลอดภัยในการจุดไฟท่ีหวั เช่อื มแฏส๊ ด้วยมือขา้ งที่เหลือ ขณะที่มอื อกี ข้าง หนึง่ เราถือหัวเช่อื มแก๊สท่ีพร้อมจะปฏบิ ตั ิงาน 2.8.แว่นตาเชือ่ มแก๊ส(Goggles)กรอบ (Frame) ของแว่นตาเช่ือมแกส๊ ทำจากพลาสตกิ มี 2 เลนส์ เพ่อื ป้องกันประกายไฟ ควรใสแ่ วน่ ตาเชอื่ มแก๊สขณะ ทำการเช่ือม เพราะสะเกด็ ไฟที่รอ้ นและประกายไฟท่สี ว่างมากอาจทำใหต้ าบอดได้ เลนส์ท่ีใชจ้ ะเป็นเลนส์ กรองแสงฉาบดว้ ยสารสเี ขยี วมีความเข้มขน้ ตั้งแตเ่ บอร์ 1-14แล้วแตก่ ารใชง้ าน 3. การตดิ ตงั้ อุปกรณ์เชื่อมแกส๊ (Setting up equipment) ก่อนทำการเชือ่ มแกส๊ จะตอ้ งประกอบอุปกรใหเ้ รียบร้อยสมบรู ณ์ โดยมขี น้ั ตอนในการปฏบิ ตั ดิ งั นี้ 1.ติดต้ังถังแก๊สออกซิเจน และอเซทลิ ีนเข้ากบั รถเขน็ แล้วใชโ้ ซค่ ลอ้ งล่ามถังไว้ 2.ถอดฝาครอบวาล์วหัวถงั แก๊สออกทง้ั 2ชนดิ 3.เปดิ พัดลมระบายอากาศ 4.เปิดแล้วปิดวาล์วหวั ถังอย่างทนั ทที นั ใดเพื่อไล่ส่งิ สกปรกและฝุน่ ละอองตรงทอ่ ทางออก การทำใน ลกั ษณะน้เี รียกวา่ การ “cracking”ในการเปดิ -ปดิ วาลว์ จะต้องยนื ออ้ มอยู่ดา้ นหลงั ตรงข้ามกบั ทางออก ของแก๊ส 5.ตรวจดเู กลียวท่อทางออกของถังว่าอยใู่ นสภาพดหี รือไม่ 6.ตดิ ต้ังเกจปรบั ความดัน (Pressure Regulators)ท่ถี ังออกซเิ จนจะเป็นแบบเกลยี วขวาหมุนตามเข็ม นาฬิกา ท่ีถงั อเซทลิ ีนเป็นแบบเกลยี วซา้ ยหมุนทวนเข็มนาฬกิ า ขันใหแ้ นน่ พอเหมาะ 7.ตรวจปรับสกรูปรบั ความดนั ใหอ้ ยู่ในสภาพคลายออก (ไม่มคี วามดนั ) แลว้ ค่อย ๆ เปดิ วาล์วหวั ถัง แลว้ ปรับสกรูปรบั ความดันให้แก๊สไหลออกเลก็ นอ้ ย แล้วปิดไวเ้ ช่นเดิม กระทำในลกั ษณะเดยี วกนั ทงั้ สองถัง 8. ต่อสายเชอื่ มเข้ากบั เกจปรับความดัน โดยใช้สายสีแดงสำหรบั แก๊สอเซตลิ ีน และสายสีดำสำหรับ แก๊สออกซิเจน 9. ปรับสกรปู รับความดนั ให้แก๊สไหลออกเพอ่ื ไลส่ ิ่งสกปรกในสายทอ่ อีกครั้ง 10.ตอ่ สายเชอื่ มเข้ากับหวั เช่ือม โดยใชส้ ายสแี ดงต่อเข้ากับท่อ Acctเกลียวซา้ ยหมุนทวนเข็มนาฬิกา สายสดี ำต่อเข้ากบั ท่อOxyเกลียวขวาหมนุ ตามเข็มนาฬิกา

11.เลอื กหัวเชอื่ ม (Tip)ให้ไดข้ นาดเหมาะสมกับความหนาของแผ่นเหลก็ ท่ีใช้เช่ือม ตรวจเช็ค “O” Rings หรอื ชีล ใหอ้ ยู่ในสภาพดเี หมาะต่อการใช้งาน 12.ตรวจสอบขอ้ ต่อทุกจดุ อีกครง้ั 13.เปดิ หัวถงั ประมาณ 1รอบ สำหรับถังแก๊สอเซติลีน สำหรบั ถงั ออกซิเจนเปดิ จนหมด 14.เปดิ วาลว์ ปรับความดันใหเ้ หมาะสมต่อการใช้งาน ห้ามปรบั ความดันของออกซิเจนเกนิ 70 Psi และของอเซตลิ นี เกนิ 15 Psiในการใชง้ านปกตจิ ะปรับความดนั ของแก๊สทง้ั สองชนดิ ไว้ที่ 5Psiเท่าน้ัน 15.เปิดวาลว์ อเซตลิ ีนทหี่ วั เชือ่ มประมาณ ¼ รอบแล้วจุดเปลวไฟดว้ ย spark lighterแล้วเพม่ิ เซติลีน จนเปลวไฟห่างจากปลายหวั เช่ือมพอสมควร ประมาณ 3มม. 16.เปิดวาล์วออกซเิ จนแล้ว ค่อย ๆ ปรับเปลวไฟจนมีลักษณะเป็นสีฟ้าอยู่แกนกลาง โดยมีเปลวสี เหลอื งอ่อนอยู่ภายนอก การปรับเปลวไฟกระทำใหเ้ หมาะสมกับการเช่ือมในแต่ละลักษณะงาน 4. ลวดเช่ือมแกส๊ (Rod) มีหลายชนิด ดงั นี้ 1. ลวดเช่ือมเหล็ก มีลักษณะเป็นเส้นกลมเคลือบดว้ ยทองแดงเพ่ือป้องกันสนมิ มีขนาดเส้นผา่ น ศนู ย์กลาง ตงั้ แต่ 2-6 mmยาว 900 mm 2.ลวดเชอ่ื มเหลก็ หลอ่ มีลักษณะเป็นเส้นกลม และสเ่ี หล่ียมจัตรุ ัส มีทั้งแบบชนิดเปลอื ยและแบบ เคลือบดว้ ยโมลิบดินมั และนิเกิล ยาว 610 mm 3.ลวดเช่อื มโลหะผสม มีลักษณะเป็นเสน้ กลม ใช้สำหรับการเช่ือมโลหะผสม 4.ลวดเชื่อมสแตนเลส มลี ักษณะเป็นเสน้ กลม ใช้สำหรบั การเช่ือมโลหะสแตนเลสโครม-นิเกลิ 5.ลวดเชื่อมทองเหลือง มีหลายชนิดหลายขนาด ใช้สำหรบั เช่อื มทองเหลอื งเทา่ นนั้ 6.ลวดเชื่อมอลมู เิ นียม มลี ักษณะเปน็ เสน้ กลม มที งั้ แบบเปลอื ยและแบบเคลือบ แบบเปลือยยาว 900 mm แบบเคลอื บยาว 700 mm 5.ชนิดเปลวไฟเช่ือม (Flame types) ในการเชอ่ื มโลหะดว้ ยแกส๊ จะตอ้ งปรับเปลวไฟให้ถูกต้องกับชนดิ ของวัสดทุ ตี่ ้องการเช่ือม เปลวไฟจะ ข้ึนอยกู่ ับปริมาณอซิทิลนี และออกซิเจน ที่ออกมาทางหัวเชือ่ มแกส๊ โดยท่วั ไปการปรับเปลวไฟมี 3 แบบ 1.Carburising flame คือ เปลวไฟที่มปี ริมาณแก๊สอซิทลิ ีนมากกวา่ แกส๊ ออกซเิ จนเปลวไฟชนิดนีจ้ ะทำ ให้รอยเช่ือมไม่เรียบ เป็นเปลวไฟท่ใี ห้คา่ ความร้อนประมาณ 28000C –30000C 2.Oxidising flameคือ เปลวไฟทที่ ีออกซิเจนมากกวา่ อซิทลิ ีย ทำใหร้ อยเชอื่ มไมแ่ ข็งแรงเหมาะกับการ เช่อื มทองเหลอื ง เป็นเปลวไฟทใ่ี หค้ ่าความรอ้ นประมาณ 32000C - 34000C 3. Nentral flameคอื เปลวไฟทมี่ ีออกซิเจนและอซทิ ิลีนเท่า ๆ กนั ใชไ้ ด้ดีในการเชอ่ื มเหล็กกล้า เหลก็ หล่อ สแตนเลส เปน็ เปลวไฟท่ใี ห้ค่าความร้อนประมาณ 30000C - 32000C 6.เทคนคิ การเดินเชือ่ ม มี 2วิธีหลกั ๆ คือ 1. วิธเี ช่ือมจากซา้ ยไปขวา เหมาะสำหรบั คนถนัดซา้ ย การเชื่อมจะเริ่มจากซ้ายมือไปยงั ขวามือ ลวดเชื่อมจะอย่รู ะหว่างรอยเช่ือม กบั ดา้ มเชือ่ ม เหลก็ ที่ใชเ้ ชื่อมควรมคี วามหนามากกวา่ 5 mm ขอ้ ดี

1. ใชล้ วดเชอื่ มน้อย 2.เชื่อมไดเ้ ร็ว เพราะลวดเชื่อมไม่บงั แนวรอยเชือ่ ม 3.ไม่สน้ิ เปลืองแกส๊ เพราะการเชอื่ มทำไดเ้ ร็ว 4.ไมส่ ญู เสยี คณุ สมบัตทิ างกล จากการเช่ือม 5.เกิดการออกซไิ ดซ์ น้อย 2.วธิ เี ช่ือมจากขวาไปซ้าย เหมาะสำหรับคนถนัดขวาเร่มิ ทำการเชอ่ื มจากขวาไปซา้ ย ลวดเชอื่ มจะอยู่หน้าเปลวไฟดา้ นเช่อื มอยู่ ระหว่างรอยเชื่อมกับลวดเช่ือม เหล็กที่ใช้เชอื่ มควรมคี วามหนาน้อยกว่า5 mm ขอ้ เสยี 1.ลวดเชอ่ื มจะบงั รอยเชือ่ มและต้องยกลวดเชื่อมตลอดเวลาเพอื่ ดูรอยเชื่อม 2.การเชอ่ื มทำไดช้ ้า 3. เกดิ การออกซิไดซ์ เมื่อยกลวดเช่อื มข้ึนบ่อย ๆ หรอื ลวดเชอ่ื มหมด 7.การตัดออกซิ-อะซทิ ิลนี (Oxyacetylene cutting) เป็นกระบวนการตัดโลหะโดยใชเ้ ปลวไฟเช้ือเพลิงออกซเิ จนทีอ่ ุณหภมู ิสงู ใชห้ วั ตัด เป็นเครื่องมอื ทใ่ี ช้รวมแก๊สออกซิเจนกบั แกส๊ อะซิทลิ นี เชน่ เดียวกับหวั เชือ่ ม แตม่ สี ่วนเพิ่มคอื ท่อสง่ แกส๊ ออกซิเจนไปยังหวั ทปิ ทางรตู รงกลางดังรูปข้างลา่ งโดยแยกตา่ งจากรขู องเปลวไฟ เพ่ือใชอ้ อกชเิ จนจาก ท่อนี้เปล่าไล่นำ้ โลหะออไป ให้ความรอ้ นแกช่ ิน้ งานหรอื ท่ีเรียกว่า เปลวไฟปรฮี ีท(prejeat) หัวตัดม2ี ชนดิ คือ 1. หัวตัดแบบหวั ฉดี 2.หวั ตัดแบบสมดุลย์ หวั ตดั โดยทวั่ ไปมที อ่ ส่ง 3ทอ่ ทอ่ หนงึ่ เป็นแก๊สอะซทิ ิลนี อีกท่อหนึ่งเป็นแก๊สออกซเิ จน ซึ่งผสมกบั อิ ซิทลิ ีน ในห้องผสมแลว้ กลายเปน็ เปลวไฟปรฮี ีท ท่อสุดท้ายเปน็ ออกซิเจน เมื่อดับเปลวไฟทเ่ี หล็กหลอมใน การตดั วาล์วควบคมุ อะซิทลิ นี จะควบคุมแก๊สอะซิทิลนี ทไ่ี หลออก วาล์วควบคมุ ออกซิเจนจะควบคุมการไล ออกของออกซิเจนท่ีต้องการในการผสมแกส๊ ทั้ง2บางชนดิ มีวาล์วควบคมุ ออกซิเจน 2 อนั ในการตดั นน้ั จะ ใช้ออกซเิ จนแรงดันสูงมาก รหู ัวตดั จะเรียบวา่ ทิป โดยท่วั ไปจะมีประมาณ 3รู หรือมากกว่านน้ั โดยรูเลก็ ๆ รอบรใู หญต่ รงกลางรู ใหญต่ รงกลางจะเปน็ รูสำหรบั ออกซเิ จนแรงดันสูงไหลผา่ น ส่วนรอู ื่นเปน็ รสู ำหรบั แก๊สผสม รหู ัวตดั นั้นคล้ายรูหวั เชอ่ื ม โดยทำจากทองแดง ที่เปน็ ตวั นำความร้อนท่ีดี โดยมขี นาดของรูหัวตดั นั้น จะเทา่ กบั เสน้ ผ่านศูนยก์ ลางของรใู หญ่ตรงกลาง และรูรอบ ๆ โดยประมาณ แกส๊ ออกซเิ จนทใี่ ชใ้ นการตดั ต้องใชป้ ริมาณและความดันท่สี ูงมาก ๆ โดยเฉพาะเมอื่ ตอ้ งการตดั ชิ้นงาน ท่มี คี วามหนามาก จะต้องเลือกใหร้ หู ัวตดั ขนาดใหญ่ดว้ ย

วิธีจดุ และการปรับเปลวไฟหวั ตัดโดยมขี นั้ ตอนในการปฎิบัติดังนี้ 1.เปิดวาล์วท่ถี งั อะซทิ ลิ นี และถงั ออกซิเจน 2.เปิดวาล์วปรบั ความดันอะซิทลิ ีน และต้งั ความดันไว้ที่ 5 Psi 3.เปิดวาล์วปรบั ความดันออกซิเจน และตง้ั ความดันไว้ท่ี 35 Psi 4. ถา้ ใช้หวั ตัดที่มีวาล์วออกซิเจน 2 วาลว์ เปดิ วาลว์ ที่อยู่ใกลท้ อ่ เช่อื มให้สดุ 5.เปิดออกซิเจนสำหรับการตัด และปรับสกรคู วามดนั ออกซเิ จนไปท่ี 35 Psi 6. เปดิ วาล์วอะซิทลิ ีนทดี่ ้ามเช่อื ม¼รอบ และปรบั ความดนั ไปที่ 5 Psiแล้วปดิ วาล์ว 7.เชค็ ความดนั และแก๊สท้ัง 2ใหถ้ กู ต้อง วธิ จี ุดเปลวไฟปรีฮที (Nentral) 1.เปิดวาลว์ อะซิทลิ ีนทด่ี ้ามเช่ือม ¼ รอบ และจุดไป ปรบั เปลวไฟจนไม่มเี ขม่า 2.เปิดแดวาลว์ ออกซเิ จนท่ีดา้ มเช่ือม ปรบั เปลวไฟ จนกระทงั่ เป็นปรฮี ีท Nentral 3.เปิดออกซิเจนท่ีใชต้ ดั และสังเกตเปลวไฟ ถา้ ขณะท่ตี ัดชิน้ งานอยู่ เปลวไฟเปล่ียนแปลงไปจาก Nentral ให้ปรบั เปลวไฟใหม่ ให้เป็นแบบNentral 4.เร่มิ ทำการตดั ได้ วิธกี ารตัดออกซิ-อะซิทิลนี 1.ทำการตอกจดุ เปน็ แนวตดั ไวท้ ่ีแผ่นโลหะ 2. จดุ และปรบั เปลวไฟเปน็ แบบ Nentral 3. ยืนอย่ใู นตำแหนง่ ทสี่ ะดวกและปลอดภัยทสี่ ดุ โดยท่จี ะต้องเห็นแนวรอยตัดอยา่ งชัดเจน 4.เปลวไฟปรฮี ีท จะต้องเคลื่อนไปตามแนวรอยตัด 5.จับดา้ มตัดห่างจากช้นิ งาน ราว ๆ1.5-3 mm 6.เมอ่ื โลหะร้อนเพยี งพอ (โลหะแดง) แลว้ ใหเ้ ลอ่ื นหัวตัดไปอย่างชา้ ๆ ตามแนวรอยตดั โดยให้หวั ตัด ทำมุม 90 องศา กบั ชิ้นงาน 7. เคลอ่ื นหัวตดั ใหส้ มำ่ เสมอ ไปจนสุดชนิ้ งาน การปิด 1. ปลดcutting lever 2. ปดิ วาลว์ ออกซเิ จนท่ีด้ามตัด และวาล์วอะซิทิลีน 3. ปดิ วาล์วถังอะซิทลิ ีน และวาลว์ ที่ถงั ออกซเิ จน 4. เปิดวาล์วอะซทิ ิลนี ท่ีดา้ มตัดและวาลว์ ออกซิเจนเพ่ือลดความดันในท่อเชื่อมให้ความดันเกจ เทา่ กบั 0 แลว้ ปิดวาลว์ 5. ปดิ วาลว์ ปรบั ความดันอะซิทิลีนและวาล์วปรบั ความดนั ออกซิเจน 6. ถอดท่อเชือ่ มและม้วนเก็บ

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ า 2100-1001 เขยี นแบบเทคนิคเบือ้ งต้น ระดับช้ัน มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี หนว่ ยที่ 2 เรือ่ ง ลกั ษณะของเส้นและการใชง้ าน โดย นายภูวิศ มณี ตำแหนง่ ครผู ้ชู ่วย โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่ สำนักบรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษ สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

คำอธิบายรายวชิ า รายวิชา เขยี นแบบเทคนคิ เบอื้ งต้น รหสั วชิ า ง. ……………….. เวลาเรยี น 6 ชัว่ โมง/สัปดาห์ คำอธบิ ายรายวิชา ศกึ ษาและปฏบิ ัตเิ กีย่ วกบั หลักการเขยี นแบบเทคนิคเบ้ืองต้น การใชแ้ ละการบำรุงรักษาเคร่ืองมือเขยี น แบบ มาตรฐานงานเขียนแบบ เสน้ ตัวเลข ตัวอักษร การสร้างรูปเรขาคณิต การกำหนดขนาดของมติ ิ มาตรา ส่วน หลักการฉายภาพมุมที่ 1 และมมุ ท่ี 5 ภาพสามมิติ ภาพสเกต็ ภาพตัด และสัญลักษณ์เบอื้ งต้นในงานช่าง อุสาหกรรม ผลการเรยี นรู้ 1. เพื่อให้มีความเขา้ ใจหลักการเขียนแบบเทคนคิ การใชเ้ คร่ืองมือ อุปกรณ์เขียนแบบ 2. เพื่อให้มีความสามารถในการอ่านแบบและเขียนแบบเทคนิคเบื้องตน้ เก่ยี วกบั รปู ภาพฉาย ภาพตดั และภาพสามมิติ ตามมาตรฐานเขียนแบบเทคนิค 3. เพ่อื ให้มีกิจนิสัยในการทำงานด้วยความละเอยี ดรอบคอบเปน็ ระเบียบ สะอาด ตรงต่อ เวลา และรับผดิ ชอบ

ผงั มโนทศั น์ วชิ า เขียนแบบเทคนิคเบ้อื งต้น ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 สอบปลายภาค เครอื่ งมือและอุปกรณ์ในงานเขียนแบบ จำนวน 6 ช่ัวโมง จำนวน 6 ช่วั โมง สญั ลกั ษณง์ านอุตสาหกรรม ลกั ษณะของเส้นและการใชง้ าน จำนวน 6 ชัว่ โมง จำนวน 6 ชว่ั โมง การเขยี นภาพตดั วชิ า รปู ทรงเลขาคณติ จำนวน 18 ชวั่ โมง เขียนแบบเทคนคิ เบอ้ื งตน้ จำนวน 6 ชั่วโมง การสเกตชภ์ าพ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 หลักการบอกขนาดเบ้ืองตน้ จำนวน 6 ชว่ั โมง จำนวนชวั่ โมง 120 จำนวน 6 ช่วั โมง ภาพสามมติ ิ ชวั่ โมง มาตราส่วนในการเขยี นแบบ จำนวน 24 ช่วั โมง จำนวน 6 ชว่ั โมง สอบกลางภาค ภาพฉาย จำนวน 6 ชั่วโมง จำนวน 24 ช่วั โมง

ผงั มโนทศั น์ วชิ า เขียนแบบเทคนคิ เบื้องต้น ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่อื ง ลกั ษณะของเสน้ และการใชง้ าน ความหมายและลกั ษณะของเส้นต่างๆ จำนวน 2 ช่ัวโมง หนว่ ยท่ี 2 เร่อื งลกั ษณะของเส้นและการใชง้ าน จำนวนช่วั โมง 6 ช่ัวโมง จำแนกชนดิ ขนาดของตัวอกั ษรไทย จำแนกชนิดของเส้นทใี่ ชเ้ ขียนแบบและ ตัวอักษรอังกฤษ และตัวเลข บอกความหมายของกลมุ่ เสน้ ชนดิ ตา่ งๆ จำนวน 2 ช่ัวโมง จำนวน 2 ชั่วโมง แผนการจดั การเรียนรู้แบบอิงมาตรฐาน

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง ลกั ษณะของเส้นและการใช้งาน แผนการเรยี นรทู้ ่ี 2 เร่ือง ลักษณะของเส้นและการใชง้ าน รายวิชา เคร่อื งมอื และอุปกรณใ์ นงานเขยี นแบบ รหัสวชิ า ง………………….ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 นำ้ หนักเวลาเรียน 120 ชวั่ โมง 3 หน่วยกติ (นน.นก.) เวลาเรยี น 6 ช่วั โมง / สัปดาห์ เวลาทใ่ี ช้ในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 6 ช่ัวโมง 1. สาระสำคัญ (ความเข้าใจทคี่ งทน) เสน้ เปน็ สัญลักษณ์ของงานเขียนแบบ เปน็ ภาษาที่ใชส้ อ่ื ความหมายในแบบ จงึ มีความสำคัญในการ เขียนแบบมาก ลักษณะละขนาดของเส้นที่แตกตา่ งกันย่อมสือ่ ความหมายต่างกนั เส้นท่ีใช้ในงานเขียนแบบต้อง มคี ณุ ภาพดี มีความคมชัด ความเข้ม แลว้ ความหนาแน่นสม่ำเสมอเท่ากนั ตลอด ดงั น้นั การเขียนแบบจะประกอบด้วยเส้นมากมาย แต่ละเส้นมีขนาดไม่เท่ากันและเส้นตา่ ง ๆ เหล่านนั้ กม็ คี วามหมายไมเ่ หมือนกัน ผู้เขยี นแบบจำเปน็ จะตอ้ งรู้ความหมายของเส้นตา่ ง ๆ เหลา่ นั้นได้อย่างถูกต้องตาม ความหมาย ซ่งึ เราพอจะแบ่งออกไดด้ ังนี้ 1. เส้นเต็ม ( VISIBLE LINE ) 2. เส้นประหรอื เสน้ ไข่ปลา ( HIDDLE LINE ) 3. เส้นลกู โซ่ ( CHIN LINE ) 4. เสน้ ทเี่ ขยี นดว้ ยมอื ( FREE HAND LINE ) 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้ีวัดชั้นปี / ผลการเรยี นรู้ / (เปา้ หมายการเรยี นร้)ู 1. เพื่อให้มีความเข้าใจหลกั การเขียนแบบเทคนคิ การใชเ้ ครอ่ื งมือ อุปกรณเ์ ขียนแบบ 2. เพ่ือให้มีความสามารถในการอา่ นแบบและเขยี นแบบเทคนิคเบื้องต้นเกี่ยวกบั รปู ภาพฉาย ภาพตดั และภาพสามมติ ิ ตามมาตรฐานเขยี นแบบเทคนิค 3. เพื่อใหม้ ีกิจนิสัยในการทำงานด้วยความละเอยี ดรอบคอบเปน็ ระเบียบ สะอาด ตรงต่อเวลา และ รับผิดชอบ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนอ้ื หาสาระหลัก : Knowledge (ผู้เรียนต้องรู้อะไร) -ความหมายและลักษณะของเสน้ ต่างๆ -จำแนกชนิดของเสน้ ท่ีใช้เขยี นแบบและบอกความหมายของกลมุ่ เส้นชนิดต่างๆ -จำแนกชนดิ ขนาดของตวั อักษรไทย ตัวอักษรอังกฤษ และตวั เลข 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process (ผเู้ รียนสามารถปฏิบัติอะไรได้) - ใชเ้ สน้ ตัวอักษรเขยี นแบบซิงเกลิ สโตรคได้ 3.3 คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ : Attitude (ผเู้ รยี นควรแสดงพฤติกรรมการเรยี นอะไรบ้าง) - เตรียมความพร้อมดา้ น วัสดุ อปุ กรณส์ อดคลอ้ งกับงานได้ -.ปฏิบตั ิงานได้ และสำเร็จภายในเวลาทีก่ ำหนดอยา่ งมเี หตุ และผลตามหลกั ปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพยี ง 4. สมรรถนะสำคญั -ความสามารถในการคดิ (คิดวเิ คราะห์) เลอื กใช้เสน้ ในการเขียนแบบได้ถกู ตอ้ งกับงาน

. คุณลักษณะของวิชา - ใฝ่เรียนรู้ - ความรอบครอบ - ความมรี ะเบยี บวนิ ัย 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ -ใฝ่เรยี นรู้ -.มีความมงุ่ ม่ันในการทำงาน -มีวนิ ยั -อยูอ่ ยา่ งพอเพียง 7. ภาระงาน / ชิ้นงาน ตามตัวชวี้ ัด - นกั เรียนสรปุ เส้นท่ใี ช้ในการเขยี นแบบและบอกความหมายของกล่มุ เส้นชนดิ ต่างๆ - นักเรยี นเขียนเสน้ ชนดิ ต่างๆ ทใี่ ชใ้ นการเขยี นแบบ -นกั เรยี นเขียนตัวอักษรและตัวตัวเลข ทีใ่ ชใ้ นการเขียนแบบ 8. ภาระงาน / ชนิ้ งานรวบยอด - นกั เรยี นสรุป เสน้ ทใี่ ช้ในการเขยี นแบบและบอกความหมายของกลุ่มเส้นชนิดต่างๆ โดยใชผ้ ังมโนทศั นป์ ระกอบ 9. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี1-2 (ความหมายและลกั ษณะของเสน้ ต่างๆ) 1. ข้ันต้ังคำถาม -แจ้งผลการเรียนร้ใู หน้ กั เรยี นทราบ -ครูสอบถามนักเรียนเคยเหน็ เสน้ ในการเขยี นแบบหรือไม่ -ครสู อบถามนักเรยี นเสน้ ท่นี ักเรียนที่เหน็ ในการเขียนแบบมีลักษณะส้นอะไรบ้าง 2. ขน้ั การเตรยี มการคน้ หาคำตอบ - ครแู จกใบความรู้เก่ียวความหมายและลกั ษณะของเส้นต่างๆในงานเขียนแบบใหน้ ักเรียน ศึกษา 3. ข้นั การดำเนนิ การค้นหาคำตอบและตรวจสอบคำถาม -นักเรียนศกึ ษาความรู้จากใบความรทู้ ่ีแจกให้ - ครูทบทวนและสอบถามนักเรยี นจากใบความรู้ - ครูแนะนำแหล่งค้นควา้ ความรใู้ หแ้ ก่นักเรยี นเติม -ใหน้ กั เรยี นเขียนสรุปเรื่อง ความหมายและลักษณะของเส้นต่างๆในงานเขียนแบบ 4. ขน้ั การสรปุ และนำเสนอผลการค้นหาคำตอบ -ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ถึงองค์ความรู้ความหมายและลกั ษณะของเส้นต่างๆในงานเขียน แบบที่ได้รับจากการคน้ คว้าและจากใบความรทู้ ี่ศกึ ษา

กจิ กรรมการเรียนรู้ ชว่ั โมงท่ี 3-4 (จำแนกชนิดของเสน้ ทใ่ี ชเ้ ขยี นแบบและบอกความหมายของ กลุม่ เสน้ ชนิดต่างๆ) 1. ขน้ั ตัง้ คำถาม -ครูสอบถามนักเรียนว่านักเรียนเคยเรียนจำแนกชนดิ ของเสน้ และบอกความหมายของกลุม่ เสน้ ชนดิ ต่างๆหรือไม่ 2. ขัน้ การเตรียมการคน้ หาคำตอบ -ครูอธบิ ายความร้เู กย่ี วกบั การจำแนกชนิดของเสน้ และบอกความหมายของกลุม่ เส้นชนิด ต่างๆตให้นักเรยี นฟงั - ครูแจกใบความร้เู ร่ืองจำแนกชนดิ ของเส้นและบอกความหมายของกลุ่มเส้นชนิดต่างๆให้ นักเรียนศึกษา 3. ขั้นการดำเนินการค้นหาคำตอบและตรวจสอบคำถาม -นกั เรยี นศกึ ษาความรู้จากใบความรูท้ แี่ จกให้ - ครูทบทวนและสอบถามนักเรียนจากใบความรู้ 4. ข้ันการสรปุ และนำเสนอผลการคน้ หาคำตอบ -ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ถึงความรเู้ ร่ืองจำแนกชนดิ ของเสน้ และบอกความหมายของกลุ่ม เส้นชนดิ ต่างๆ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่วั โมงท่ี 5-6 (จำแนกชนดิ ขนาดของตัวอักษรไทย ตัวอกั ษรอังกฤษ และตวั เลข) 1. ขนั้ ตัง้ คำถาม -ครสู อบถามนักเรยี นวา่ เคยรู้ไหมมีการจำแนกชนิดขนาดของตวั อกั ษรไทย ตวั อักษรอังกฤษ และตัวเลขหรือไม่ -ครสู อบถามนักเรยี นว่าเคยเขียนตวั อักษรไทย ตัวอักษรอังกฤษ และตวั เลขหรือไม่ 2. ขัน้ การเตรียมการค้นหาคำตอบ - ครอู ธิบายใหน้ ักเรียนฟงั เกยี่ วกับวธิ ีจำแนกชนิดขนาดของตัวอักษรไทย ตัวอักษรองั กฤษ และตัวเลขให้นกั เรียนฟัง -ครใู ห้นกั เรียนไปค้นคว้าความรู้ -ครแู จกใบความรู้เพ่ิมเติม 3. ขน้ั การดำเนินการคน้ หาคำตอบและตรวจสอบคำถาม -นักเรียนศกึ ษาความรจู้ ากแหลง่ เรยี นร้ทู ไ่ี ปค้นควา้ และจากใบความรู้ทีแ่ จกให้ - ครูทบทวนและสอบถามนักเรยี นจากใบความรู้และทนี่ ักเรียนไปคน้ คว้า -ใหน้ กั เรียนเขียนเกีย่ วกบั วธิ ีจำแนกชนิดขนาดของตวั อกั ษรไทย ตวั อักษรอังกฤษ และตวั เลข 4. ขนั้ การสรุปและนำเสนอผลการค้นหาคำตอบ -ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรปุ ถึงวธิ ีจำแนกชนดิ ขนาดของตวั อักษรไทย ตัวอักษรองั กฤษ และ ตวั เลข

10. สื่อ อุปกรณแ์ ละแหลง่ เรียนรู้ จำนวน สภาพการใช้ส่ือ(ระบขุ ้นั ตอนที่ใช)้ ใช้ขยายความรู้และลงข้อสรุปเขียนผังมโน รายการส่ือ 1 ทัศน์ ใบความรคู้ วามหมายและลักษณะของเสน้ ตา่ งๆ 1 ใช้ขยายความร้แู ละลงขอ้ สรปุ ใบความรจู้ ำแนกชนดิ ของเส้นทใ่ี ช้เขยี นแบบและ บอกความหมายของกล่มุ เส้นชนิดตา่ งๆ 1 ใชข้ ยายความรูแ้ ละลงข้อสรุป ใบความรวู้ ิธีจำแนกชนดิ ขนาดของตัวอกั ษรไทย ตัวอกั ษรองั กฤษ และตวั เลข 11. การวัดผลและประเมินผล เป้าหมาย หลกั ฐานการเรียนรู้ วิธีวัด เคร่ืองมือวดั ฯ ประเด็น/เกณฑ์ แบบตรวจการเขียนผงั การใหค้ ะแนน การเรียนรู้ ชนิ้ งาน/ภาระงาน -สรปุ เสน้ ทใ่ี ช้ในการ มโนทัศน์ เขียนแบบและบอก -การจดั ลำดับ ผลการเรยี นรู้/ - นกั เรยี นสรปุ เสน้ ท่ใี ช้ ความหมายของกลมุ่ แบบตรวจการเขยี นเส้น เน้อื หาสาระ ในการเขยี นแบบและ เส้นชนิดต่างๆ ตา่ งๆ -ความถกู ต้องของ ตวั ชวี้ ดั ข้อมูล บอกความหมายของ - เขยี นเส้นชนิดตา่ งๆ ท่ี แบบตรวจการเขยี น -ความครบถ้วน ใชใ้ นการเขยี นแบบ ตวั อักษรและตัวตวั เลข ที่ ของขอ้ มูล 1.จำแนกชนดิ ของ กลมุ่ เส้นชนดิ ตา่ งๆ ใชใ้ นการเขยี นแบบ -ความนา่ สนใจ -เขียนตัวอักษรและตวั เคร่ืองมอื ลักษณะ - นกั เรียนเขยี นเส้นชนิด ตวั เลข ท่ีใชใ้ นการเขียน วธิ กี ารใช้อุปกรณ์ ต่างๆ ทใี่ ช้ในการเขียน แบบ แบบ เขียนแบบได้ 2.เกบ็ รักษาเครอ่ื งมือ -นักเรียนเขียนตวั อกั ษร อปุ กรณ์เขียนแบบได้ และตัวตัวเลข ทใี่ ช้ใน 3. เตรียมความ การเขยี นแบบ พรอ้ มดา้ น วัสดุ อปุ กรณ์สอดคล้อง กับงานได้ 4. ปฏิบตั ิงานได้ และ สำเรจ็ ภายในเวลาท่ี กำหนดอย่างมเี หตุ และผลตามหลกั ปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพยี ง

12.จดุ เนน้ ของโรงเรยี น บรู ณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและกจิ กรรมสวนพฤกษาศาสตรใ์ นโรงเรยี น ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ครู ผู้เรียน ใชส้ ่งิ ของด้วยความประหยัด 6. พอประมาณ เลอื กใช้วสั ดุท่มี ีอยู่ในโรงเรียน 7. ความมเี หตผุ ล จดั การเรียนรใู้ ห้ผู้เรยี นบรรลุตาม การเลอื กใช้เครื่องมืออปุ กรณ์ใน 8. มภี มู ิคุม้ กนั ท่ดี ีในตวั 9. เงื่อนไขความรู้ ผลการเรียนรู้ การเขียนแบบได้ถูกต้อง 10. เงอ่ื นไขคุณธรรม มีแผนการเรยี นรทู้ ี่พรอ้ มรับกับ นกั เรียนรู้จักวิธเี ก็บรักษาเคร่ืองมือ ความเปลี่ยนแปลงท่ีอาจเกิดขึ้นได้ อปุ กรณ์เขยี นแบบได้ถูกวิธี ทุกเมื่อ เนื้อหา ความรู้ เทคนคิ วิธีสอน นกั เรยี นนำความรู้ ความสามารถที่ มไี ปใช้เพื่อประโยชน์ในการเขียน ความเสยี สละ ความขยนั แบบหรือเขยี นเสน้ ต่างในการเขียน ความรักเมตตาต่อศษิ ย์ แบบ นักเรยี นรจู้ ักมารยาทในการใช้ อุปกรณ์ในการเรยี น - ควรมีระเบยี บวนิ ัย - ความอดทน - ความรบั ผดิ ชอบ กิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์ ครู ผูเ้ รียน นำนกั เรียนไปศกึ ษาดูลกั ษณะของ ศกึ ษาแหลง่ วสั ดุทมี่ ีอยใู่ นโรงเรียน ของพนั ธ์ุไม้และชนดิ ของไม้ โดยการให้นักเรียนเขยี นลักษณะ หนา้ ตดั ของไมโ้ ดยใช้เสน้ เขยี นแบบ

แบบบันทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ : นักเรยี นช้ัน ………………………………. จำนวนทงั้ สนิ้ ………………….. คน คร้ังที่ …………. คาบเรียนท…่ี …………..วนั ……………………ท…่ี ………เดอื น……………………….พ.ศ.………………….. สรปุ สถติ กิ ารเข้าช้ันเรยี น - เขา้ เรียนตามปกต…ิ …………คน เข้าช้นั เรยี นสาย ………..คน ไม่เขา้ ชัน้ เรียน …………..คน - ลากิจ …….….คน ดงั นี้ ………………………………………….…………………..……………………………….………….…………………………………. - ลาปว่ ย……..….คน ดังนี้ …………………………………….……………………………….………………………….…………………………………………. - อน่ื ๆ ระบุ ………………………………………………………………………………………..………………………………………………….. ……………………………………………………………………………….…………………………..……………………………… ครงั้ ท่ี …………. คาบเรยี นท…ี่ …………..วนั ………………ท…ี่ ………เดือน……………………….พ.ศ.……………………. สรปุ สถิติการเข้าช้นั เรยี น - เข้าเรียนตามปกต…ิ …………คน เขา้ ชั้นเรยี นสาย ………..คน ไมเ่ ขา้ ช้ันเรยี น …………..คน - ลากจิ …….….คน ดังนี้ ………………………………………….…………………..……………………………….………….……………………………….. - ลาป่วย……..….คน ดังนี้ …………………………………….……………………………….………………………….………………………………………… - อื่น ๆ ระบุ ………………………………………………………………………………………..………………………………………………... @ เมอ่ื ประเมนิ ผลจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ดงั นี้ ที่ ประเดน็ ทป่ี ระเมิน ดีมาก ผลการประเมนิ ต้อง ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ 1 ความเหมาะสมของระยะเวลา 2 ความเหมาะสมของเน้ือหา 3 ความเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรู้ 4 ความเหมาะสมของสื่อประกอบการเรียนรทู้ ใี่ ช้ 5 พฤติกรรม/การมสี ว่ นรว่ มของนักเรยี น การประเมนิ ด้านความรู้ : Knowledge @ ผลการประเมินก่อนและหลงั เรียน 1) การประเมินผลก่อนเรยี น โดยใช้ (ระบุ)……………………………………………………………………………. พบว่า นกั เรียนได้คะแนนเฉลี่ย……………………………..จากคะแนนเตม็ ………………………..คะแนน โดยมีนักเรยี น จำนวน ………………คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ …………………… ไม่ผ่านเกณฑ์ขัน้ ตำ่ ท่ีกำหนดไว้ คือ ……………………… 2) การประเมินผลหลังเรยี น โดยใช้ (ระบ)ุ …………………………………………………………………………….. พบวา่ นกั เรยี นได้คะแนนเฉลี่ย……………………………..จากคะแนนเตม็ ………………………..คะแนน โดยมีนกั เรียน

จำนวน ……………………คน คดิ เป็นร้อยละ …………………………….และมีนักเรยี นร้อยละ .……………..…. ไมผ่ า่ น เกณฑ์ขั้นตำ่ ท่ีกำหนดไว้ คอื ………………………… ไดแ้ กไ้ ขโดย ….……………………………………………………………… @ ผลการประเมินโดยใช้……………………………………………………… เร่อื ง …………….……………………….. พบวา่ นกั เรียนช้นั ……………………………..ทำคะแนนเฉลยี่ ไดเ้ ทา่ กับ……………คะแนน จากคะแนน เต็ม………………คะแนน มีนักเรียนจำนวน………………คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ……………………ไม่ผ่านเกณฑ์ ได้แกไ้ ข โดย ……………………….......................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… การประเมินด้านทักษะกระบวนการ : Process ผลการประเมินโดยใช้ (ระบ)ุ ……………………………………………………………………………………………………. จำนวนคะแนนเต็ม …………. คะแนน พบวา่ นักเรียนชั้น…………………จำนวนทัง้ สน้ิ ……………… คน มีคะแนน เฉล่ียได้เท่ากบั …………………… ไดผ้ ลการประเมินในระดับ 3 จำนวน………………………คน ไดผ้ ลการประเมินใน ระดับ 2 จำนวน………………………คน และไดผ้ ลการประเมินในระดับ 1 จำนวน ………..……… คน การประเมินดา้ นคุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ : Attitude จำนวน 10 คะแนนเต็ม สรุปผลการจัดการเรยี นรู้ เรือ่ ง ……………………………………………………………………….นกั เรยี นชัน้ ………………………………………….. จำนวน ทั้งสิ้น ……………… คน พบว่า มีนักเรยี นท่ไี ดผ้ ลการประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (ตามทร่ี ะบใุ นแผน) ด้านซอื่ สตั ย์ สุจรติ ดเี ยย่ี ม จำนวน…………….…..คน คดิ เป็นร้อยละ ………………….. ดี จำนวน ……………….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ……….………….. ผ่าน จำนวน …………….…คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ……………..…… ไม่ผ่าน จำนวน ………….……คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ……………..…… ดา้ นมวี ินยั ดีเย่ียม จำนวน…………….…..คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ………………….. ดี จำนวน ……………….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ……….………….. ผ่าน จำนวน …………….…คน คดิ เป็นร้อยละ ……………..…… ไมผ่ า่ น จำนวน ………….……คน คิดเปน็ ร้อยละ ……………..…… ด้านใฝเ่ รยี นรู้ ดีเยย่ี ม จำนวน…………….…..คน คิดเปน็ ร้อยละ ………………….. ดี จำนวน ……………….คน คิดเป็นร้อยละ ……….………….. ผา่ น จำนวน …………….…คน คิดเป็นรอ้ ยละ ……………..…… ไมผ่ ่าน จำนวน ………….……คน คดิ เป็นร้อยละ ……………..…… ด้านมงุ่ มั่นในการทำงาน ดีเยี่ยม จำนวน…………….…..คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ………………….. ดี จำนวน ……………….คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ……….………….. ผ่าน จำนวน …………….…คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ……………..…… ไม่ผา่ น จำนวน ………….……คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ……………..…… สรปุ ไดว้ ่า นกั เรียนมคี ุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ตามแผนการเรยี นรู้ เรอื่ ง…………………………….. ………..…………..…………………. มผี ลการประเมิน ระดับดีข้ึนไป จำนวน ……………คน คดิ เป็นร้อยละ …………… การประเมนิ สมรรถนะสำคัญ

ผลการประเมนิ ด้านสมรรถนะสำคัญตามหลกั สูตร ตามแผนการเรยี นรู้ เร่อื ง……………………………… .………..…………………………..…… นักเรียนชนั้ ……………………………………จำนวนทง้ั ส้นิ ………… คน พบวา่ นักเรยี นท่มี ีผลการประเมนิ ดีเยี่ยม จำนวน ……………… คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ……………… ดี จำนวน ………………. คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ …………..…… ผ่าน จำนวน ………………. คน คิดเป็นร้อยละ …………..…… ปรับปรงุ จำนวน ………………. คน คิดเป็นรอ้ ยละ …………..…… ปญั หาอุปสรรค ที่คน้ พบระหวา่ งท่ีมกี ารจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ดงั น้ี ดา้ นเนอื้ หา : ...……………………………………………………………………………………………………………………………………................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ดา้ นกจิ กรรมการเรียนรู้ : ...……………………………………………………………………………………………………………………………………................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ดา้ นส่ือประกอบการเรยี นรู้ : ...……………………………………………………………………………………………………………………………………................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ดา้ นพฤตกิ รรม/การมสี ่วนรว่ มของนกั เรียน : ...……………………………………………………………………………………………………………………………………................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทางแกไ้ ข จัดกิจกรรมเสริมทักษะหรือซ่อมเสริม รายการ วิธีดำเนนิ กิจกรรม - - ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ูจ้ ดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (นายภูวิศ มณี) ตำแหนง่ ครผู ้ชู ว่ ย

ภาคผนวก เอกสารประกอบการเรยี นรู้ แผนการเรยี นรู้ที่ ………. เร่อื ง …………………………………………………………………… - แบบทดสอบ (พร้อมเฉลย) - ใบงาน (พร้อมเฉลย) - ใบความรู้ - แบบฝึก - เกณฑ์การประเมิน - การประเมินคุณลักษณะที่พึงประสงค์ - การประเมนิ การสมรรถนะของผูเ้ รยี น - การประเมนิ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขยี น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook