Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงาน คอมพิวเตอร์

โครงงาน คอมพิวเตอร์

Published by 21111, 2020-10-21 02:22:21

Description: คอมพิวเตอร์น่ารู้

Search

Read the Text Version

ใบความรู้ เรื่อง โครงงานคอมพวิ เตอร์ โครงงานคอมพิวเตอร์เป็ นการใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อ่ืนๆ ท่ีมีอยู่ ใน การศึกษาทดลองแกป้ ัญหาต่างๆ เพ่ือนาผลงานท่ีไดม้ าประยกุ ต์ใชง้ านจริง หรือใชส้ ร้าง ส่ือเพื่อเสริมการเรียนการสอนใหด้ ีมีประสิทธิภาพดียง่ิ ข้ึน โครงงานคอมพิวเตอร์จึงเป็ น กิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ท่ีช่วยให้ผู้เรี ยนได้เรี ยนรู้และฝึ กฝนทักษะการใช้เคร่ื อง คอมพิวเตอร์ พร้อมท้งั เครื่องมือต่างๆในการแกป้ ัญหา รวมท้งั การพฒั นาเจตคติในการ พฒั นาสร้างผลงานจริง โครงงานคอมพิวเตอร์ในระดบั มธั ยมศึกษาเป็นกิจกรรมการเรียนท่ีผเู้ รียนมีอิสระ ในการเลือกศึกษาปัญหาท่ีตนสนใจ อาจเป็ นปัญหาท่ีต้องใชค้ วามรู้ที่เก่ียวเนื่องกับ คอมพิวเตอร์มาผสมผสานกนั บางโครงงานอาจต้องใชค้ วามรู้อื่นๆ มาประกอบโดย ผเู้ รียนจะตอ้ งวางแผนการดาเนินงาน ศึกษา พฒั นาโปรแกรม หรืออุปกรณ์ท่ีเก่ียวขอ้ ง เคร่ืองคอมพิวเตอร์และวสั ดุอุปกรณ์ ตลอดจนทกั ษะพ้ืนฐานในการพฒั นาโครงงาน โครงงานบางเรื่ องอาจตอ้ งการวสั ดุอุปกรณ์นอกเหนือจากที่มีอยู่ ซ่ึงผูเ้ รียนต้องคิด ออกแบบสร้างข้ึน หรือดดั แปลงเพื่อใหใ้ ชง้ านไดต้ รงกบั ความตอ้ งการ โดยในการพฒั นา โครงงานคอมพิวเตอร์จะอย่ภู ายใตก้ ารดูแลและให้คาปรึกษาของในสาขาคอมพิวเตอร์ หรือตา่ งสาขาวิชารวมท้งั ผทู้ รงคุณวุฒิดา้ นต่างๆดว้ ย เนื่องจากคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่ใชใ้ นการวิจยั ทุกๆสาขาวิชา เช่น ชีววิทยา เคมี ฟิ สิกส์ คณิตศาสตร์ ดงั น้นั โครงงานคอมพิวเตอร์จึงมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก ท้งั ในลกั ษณะของเน้ือหา กิจกรรม และลกั ษณะของประโยชน์หรือผลงานท่ีได้ ซ่ึงอาจ แบ่งเป็นประเภทใหญๆ่ ได้ 5 ประเภท โครงงานพฒั นาส่ือเพื่อการศึกษา ( Educational media development )โครงงานประยุกต์ใช้งาน (Application) โครงงานพัฒนาเกม (Game development) โครงงานพฒั นาเคร่ืองมือ( Tools development) โครงงานประเภทการทดลอง ทฤษฎี (Theory simulation )

ประเภทของโครงงานคอมพวิ เตอร์ 1. โครงงานพัฒนาสื่อเพ่ือการศึกษา( Educational media development ) ลกั ษณะเด่นของ โครงงานประเภทน้ี คือ เป็นโครงงานท่ีใชค้ อมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพ่ือการศึกษา โดยการสร้าง โปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการเรียน ซ่ึงอาจจะตอ้ งมีภาคแบบฝึ กหดั บททบทวน และคาถาม คาตอบไวพ้ ร้อม ผเู้ รียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลมุ่ การสอน โดยใชค้ อมพิวเตอร์ช่วย สอนน้ี ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็ นอุปกรณ์การสอน ซ่ึงอาจเป็ นการพฒั นาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ ผเู้ รียนเขา้ มาศกึ ษาดว้ ยตนเองกไ็ ด้ โครงงาน ประเภทน้ีสามารถพฒั นาข้ึนเพ่ือใชป้ ระกอบการสอน ในวชิ าต่างๆ โดยผเู้ รียนอาจคดั เลือกเน้ือหาท่ีเขา้ ใจยาก มาเป็นหวั ขอ้ ในการพฒั นาส่ือเพ่ือการศึกษา ตวั อยา่ งโครงงาน เช่น การเคลื่อนท่ีแบบโปรเจ็กไตล์ ระบบสุริยจกั รวาล ตวั แปรต่างๆ ที่มีผลต่อ การชาก่ิงกหุ ลาบ หลกั ภาษาไทย และสถานที่สาคญั ของประเทศไทย เป็นตน้ 2. โครงงานประยุกต์ใช้ งาน(Application) โครงงานประยุกต์ใชง้ าน เป็ นโครงงานที่ใช้ คอมพิวเตอร์ในการ สร้างผลงานเพ่ือประยกุ ต์ใชง้ านจริงในชีวิตประจาวนั อาทิเช่น ซอฟต์แวร์ สาหรับการออกแบบและตกแต่งภายในอาคาร ซอฟตแ์ วร์สาหรับการผสมสี และซอฟต์แวร์สาหรับ การระบุคนร้าย เป็นตน้ โครงงานประเภทน้ีจะมีการประดิษฐฮ์ าร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้ สอยต่างๆ ซ่ึงอาจเป็นการคิดสร้างสิ่งของข้ึนใหม่ หรือปรับปรุงเปลีย่ นแปลงของเดิมท่ีมอี ย่แู ลว้ ให้มี

ประสิทธิภาพสูงข้ึน โครงงานลกั ษณะน้ีจะตอ้ งศกึ ษาและวิเคราะหค์ วามตอ้ งการของผใู้ ชก้ ่อน แลว้ นาขอ้ มูลท่ีไดม้ าใชใ้ นการออกแบบ และพฒั นาส่ิงของน้นั ๆ ต่อจากน้นั ตอ้ งมกี ารทดสอบการทางาน หรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐแ์ ลว้ ปรับ ปรุงแกไ้ ขใหม้ ีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทน้ี ผเู้ รียนตอ้ งใชค้ วามรู้เก่ียวกบั เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ภาษาโปรแกรม และเคร่ืองมือต่างๆ ท่ีเก่ียวขอ้ ง 3.โครงงานพฒั นาเกม (Game development)โครงงานประเภทน้ีเป็นโครงงานพฒั นา ซอฟตแ์ วร์ เกมเพือ่ ความรู้หรือเพือ่ ความ เพลดิ เพลนิ เกมท่ีพฒั นาควรจะเป็ นเกมท่ีไม่รุนแรง เน้นการใชส้ มอง เพื่อฝึ กคิดอยา่ งมีหลกั การ โครงงานประเภทน้ีจะมีการออกแบบลกั ษณะและกฎเกณฑก์ ารเล่น เพอ่ื ใหน้ ่าสนใจแก่ผเู้ ล่น พร้อมท้งั ใหค้ วามรู้สอดแทรกไปดว้ ย ผพู้ ฒั นาควรจะไดท้ าการสารวจและ รวบรวมขอ้ มูลเก่ียวกบั เกมต่างๆ ที่มอี ยทู่ ว่ั ไป และนามาปรับปรุงหรือพฒั นาข้ึนใหม่ เพอ่ื ใหเ้ ป็นเกม ท่ีแปลกใหม่ และน่าสนใจแก่ผเู้ ล่นกลุ่มต่างๆ

4.โครงงานพฒั นาเคร่ืองมือ (Theory simulation )โครงงานประเภทน้ีเป็ นโครงงานเพ่ือพฒั นา เครื่องมือช่วย สร้างงานประยกุ ตต์ ่างๆ โดยส่วนใหญ่จะอยใู่ นรูปซอฟตแ์ วร์ เช่น ซอฟตแ์ วร์วาดรูป ซอฟตแ์ วร์พิมพง์ าน และซอฟตแ์ วร์ช่วยการมองวตั ถุในมุมต่างๆ เป็นตน้ สาหรับซอฟตแ์ วร์เพื่อการ พมิ พง์ านน้นั สร้างข้ึนเป็นโปรแกรมประมวลคา ซ่ึงจะเป็ นเคร่ืองมือให้เราใชใ้ นการพิมพง์ านต่างๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนซอฟตแ์ วร์การวาดรูป พฒั นาข้ึนเพ่ืออานวยความสะดวกใหก้ ารวาดรูป บนเครื่องคอมพิวเตอร์ใหเ้ ป็ นไปได้ โดยง่าย สาหรับซอฟตแ์ วร์ช่วยการมองวตั ถุในมุมต่างๆ ใช้ สาหรับช่วยการออกแบบส่ิงของ อาทิเช่น ผใู้ ชว้ าดแจกนั ดา้ นหน้า และตอ้ งการจะดูว่าดา้ นบนและ ดา้ นขา้ งเป็นอยา่ งไร กใ็ หซ้ อฟตแ์ วร์คานวณค่าและภาพท่ีควรจะเป็ นมาให้ เพ่ือพิจารณาและแกไ้ ข ภาพแจกนั ท่ีออกแบบไวไ้ ดอ้ ยา่ งสะดวก 5. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี (Theory simulation ) โครงงานประเภทน้ีเป็ นโครง งาน ท่ีใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยในการ จาลองการทดลองของสาขาต่างๆ ซ่ึงเป็นงานท่ีไม่สามารถทดลองดว้ ย สถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็ นตน้ และเป็ นโครงงานท่ีผทู้ าตอ้ งศึกษารวบรวมความรู้ หลกั การ ขอ้ เท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อยา่ งลึกซ้ึงในเร่ืองท่ีตอ้ งการศึกษาแลว้ เสนอเป็ นแนวคิด แบบจาลอง หลกั การ ซ่ึงอาจอยใู่ นรูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย พร้อมท้งั ารจาลองทฤษฏีดว้ ย คอมพิวเตอร์ใหอ้ อกมาเป็นภาพ ภาพที่ไดก้ จ็ ะเปล่ียนไปตามสูตรหรือสมการน้ัน ซ่ึงจะทาใหผ้ เู้ รียน มีความเขา้ ใจไดด้ ียง่ิ ข้ึน การทาโครงงานประเภทน้ีมีจุดสาคญั อยทู่ ี่ผทู้ าตอ้ งมีความรู้ในเร่ืองน้ันๆ เป็นอยา่ งดี ตวั อยา่ งโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น การทดลองเรื่องการไหลของของเหลว การทดลอง เรื่องพฤติกรรมของปลาปิ รันยา่ และการทดลองเรื่องการมองเห็นวตั ถแุ บบสามมิติ เป็นตน้

วธิ ีดาเนินการทาโครงงานคอมพวิ เตอร์ 1. การคดั เลอื กหัวข้อโครงงานท่ีสนใจจะทา โดยทว่ั ไปเร่ืองท่ีจะนามาพฒั นาเป็ นโครงงานคอมพิวเตอร์ มกั จะไดม้ าจากปัญหา คาถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เก่ียวขอ้ งกบั ระบบคอมพิวเตอร์ หรือส่ิง ต่างๆ รอบตวั ปัญหาท่ีจะนามาพฒั นาโครงงานคอมพิวเตอร์ไดจ้ ากแหลง่ ต่างๆ กนั ดงั น้ี 1. การอา่ นคน้ ควา้ จากหนงั สือ เอกสาร หนงั สือพิมพ์ หรือวารสารต่างๆ 2. การไปเยย่ี มชมสถานที่ต่างๆ 3. การฟังบรรยายทางวิชาการ รายการวิทยแุ ละโทรทัศน์ รวมท้งั การสนทนาอภิปราย แลกเปล่ียนความคิดเห็นระหว่างเพอื่ นนกั เรียนหรือกบั บุคคลอ่นื ๆ 4. กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน 5. งานอดิเรกของนกั เรียน 6. การเขา้ ชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพวิ เตอร์ ในการตดั สินใจเลอื กหวั ขอ้ ที่จะนามาพฒั นาโครงงานคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณาองคป์ ระกอบสาคญั ดงั น้ี 1. ตอ้ งมีความรู้และทกั ษะพ้ืนฐานอยา่ งเพียงพอในหวั ขอ้ เรื่องท่ีจะศกึ ษา 2. สามารถจดั หาเครื่องคอมพวิ เตอร์ ซอฟตแ์ วร์ และวสั ดุอปุ กรณ์ที่เก่ียวขอ้ งได้ 3. มแี หลง่ ความรู้เพยี งพอท่ีจะคน้ ควา้ หรือขอคาปรึกษา 4. มเี วลาเพียงพอ 5. มงี บประมาณเพยี งพอ 6. มีความปลอดภยั

2. การศกึ ษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมลู การศึกษาคน้ ควา้ จากเอกสารและแหลง่ ขอ้ มูล ซ่ึงรวมถงึ การขอคาปรึกษาจากผทู้ รงคุณวุฒิ จะช่วยใหน้ กั เรียนไดแ้ นวคิดท่ีใช้ ในการกาหนดขอบเขตของเร่ืองที่จะศึกษาไดเ้ ฉพาะเจาะจงมาก ยงิ่ ข้ึน รวมท้งั ไดค้ วามรู้เพมิ่ เติมในเร่ืองท่ีจะศึกษาจนสามารถใชอ้ อกแบบและวางแผน ดาเนินการ ทาโครงงานน้นั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ในการศึกษาจะตอ้ งไดค้ าตอบว่า 1. จะทาอะไร 2. ทาไมตอ้ งทา 3. ตอ้ งการใหเ้ กิดอะไร 4. ทาอยา่ งไร 5. ใชท้ รัพยากรอะไร 6. ทากบั ใคร 7. เสนอผลอยา่ งไร 3. การจดั ทาเค้าโครงของโครงงานที่จะทา 1. ศกึ ษาคน้ ควา้ เอกสารอา้ งอิง และรวบรวมขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากผทู้ รงคุณวฒุ ิ 2. วเิ คราะห์ขอ้ มูล เพ่ือกาหนดขอบเขตและลกั ษณะของโครงการท่ีจะพฒั นา 3. ออกแบบการพฒั นา มกี ารกาหนดลกั ษณะของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์และตวั แปล ภาษา โปรแกรม และวสั ดุต่างๆ ท่ีตอ้ งใช้ พร้อมท้งั กาหนดตารางการปฏิบตั ิงานของการจดั ทาเคา้ โครงของโครงงาน ลงมือทาโครงงาน และสรุปรายงานโครงงาน โดยกาหนดช่วงเวลาอยา่ งกวา้ งๆ 4. ทาการพฒั นาโครงงานข้นั ตน้ เพอ่ื ศกึ ษาความเป็ นไปไดเ้ บ้ืองตน้ โดยอาจจะทาการพฒั นา ส่วนยอ่ ย ๆ บางส่วนตามท่ีไดอ้ อกแบบไวแ้ ลว้ นาผลจากการศึกษาในช่วงน้ีไปปรับปรุงแผนการ ทดลองที่ออกแบบไวใ้ นคร้ังแรกให้ เหมาะสมมากยง่ิ ข้ึน 5. เสนอเค้าโครงของโครงงานคอมพิวเตอร์ต่ออาจารยท์ ี่ปรึกษา เพ่ือขอคาแนะนาและ ปรับปรุงแกไ้ ข ท้งั น้ีเพราะในการวางแผนการศึกษาพฒั นา นกั เรียนอาจจะคิดไดไ้ ม่ครอบคลุมทุก ดา้ น เนื่องจากยงั มีประสบการณ์นอ้ ย ดงั น้นั นกั เรียนจึงควรถ่ายทอดความคิดของตนเองที่ไดศ้ ึกษา และบนั ทึกไวใ้ ห้ อาจารยท์ ี่ปรึกษาทราบ เพ่ืออาจารยจ์ ะไดแ้ นะนาในส่วนท่ียงั ขาดตกบกพร่องอยู่ ท้งั น้ีเพ่อื ใหก้ ารวางแผนและดาเนินการทาโครงงานเป็นไปอยา่ งเหมาะสมเป็นข้นั ตอนต้งั แต่เร่ิมตน้ จนโครงงานสาเร็จ

4. การลงมือทาโครงงาน เมื่อเคา้ โครงของโครงงานไดร้ ับความเห็นขอบจากอาจารยท์ ่ีปรึกษาแลว้ ก็เสมือนว่าการ จดั ทาโครงงานไดผ้ า่ นพน้ ไปแลว้ มากกวา่ คร่ึง ข้นั ตอนต่อไปจะเป็ นการลงมือพฒั นาตามข้นั ตอนท่ี วางแผนไว้ ดงั น้ี การเตรียมการ การเตรียมการ ตอ้ งเตรียมเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ซอฟตแ์ วร์ และวสั ดุอื่นๆ ที่จะใชใ้ น การพฒั นาให้พร้อมดว้ ย และควรเตรียมสมุดบนั ทึกหรือบนั ทึกเป็ นแฟ้มข้อความไวใ้ นระบบ คอมพิวเตอร์ สาหรับบนั ทึกการทากิจกรรมต่างๆ ระหว่างทาโครงงาน ไดแ้ ก่ ไดป้ ฏิบตั ิอยา่ งไร ไดผ้ ลอยา่ งไร มปี ัญหาและแกไ้ ขไดห้ รือไม่อยา่ งไร รวมท้งั ขอ้ สงั เกตต่างๆ ท่ีพบ การลงมือพฒั นา 1. ปฏบิ ตั ิตามแผนงานท่ีวางไวใ้ นเคา้ โครง แต่อาจเปล่ียนแปลงหรือเพิม่ เติมไดถ้ า้ พบวา่ จะช่วย ทาใหผ้ ลงานดีข้ึน 2. จดั ระบบการทางานโดยทาส่วนท่ีเป็นหลกั สาคญั ๆ ใหแ้ ลว้ เสร็จก่อน จึงต่อยทาส่วนท่ีเป็ น ส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพอื่ ใหโ้ ครงงานมีความสมบูรณ์ มากข้ึน และถา้ มีการแบ่งงานกนั ทาให้ ตกลงรายละเอียดในการต่อเช่ือมช้ินงานท่ีชดั เจน ดว้ ย 3. พฒั นาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และบนั ทึกข้อมูลไวอ้ ย่างเป็ นระบบและ ครบถว้ น การทดสอบผลงานและแก้ไข การตรวจสอบความถูกตอ้ งของผลงานเป็ นความ จาเป็ นเพ่ือให้แน่ใจว่าผลงานที่ พฒั นาข้ึนทางานไดถ้ ูกตอ้ งตรงกบั ความตอ้ งการ ที่ระบุไวใ้ นเป้าหมาย และทาดว้ ยประสิทธิภาพสูง ดว้ ย การอภปิ รายและข้อเสนอแนะ เม่ือพฒั นาผลงานเรียบร้อยแลว้ ให้จดั ทาสรุปดว้ ยขอ้ ความท่ีส้ันกะทดั รัดอยา่ ง ครอบคลมุ เพื่อช่วยใหผ้ อู้ า่ น ไดเ้ ขา้ ใจถงึ สิ่งที่คน้ พบจากการทาโครงงาน และทาการอภิปรายผลดว้ ย เพ่อื พิจารณาขอ้ มูลและผลที่ได้ พร้อมกบั นาไปหาความสมั พนั ธ์กบั หลกั การ ทฤษฎี หรือผลงานที่ ผอู้ ื่นไดศ้ ึกษาไวแ้ ลว้ ท้งั น้ียงั รวมถงึ การนาหลกั การ ทฤษฎี หรือผลงานของผอู้ ่ืนมาใชป้ ระกอบการ อภิปรายผลที่ไดด้ ว้ ย

แนวทางการพฒั นาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ เม่อื ทาโครงงานเสร็จส้ินลงแลว้ นักเรียนอาจพบขอ้ สังเกต ประเด็นท่ีสาคญั หรือ ปัญหา ซ่ึงสามารถเขียนเป็นขอ้ เสนอแนะและส่ิงที่ควรจะศกึ ษาและหรือใชป้ ระโยชนต์ ่อไป ได้ 5. การเขยี นรายงาน การเขียนรายงาน จดั ทาคู่มอื การใช้ และการนาเสนอผลงาน องค์ประกอบเค้าโครงของโครงงานคอมพวิ เตอร์ ควรมอี งค์ประกอบต่อไปนี้ 1. ช่ือโครงงาน การต้งั ช่ือโครงงาน ชื่อโครงงานจะตอ้ งบอกส่ิงท่ีเราจะทาใหช้ ดั เจน ตรงกบั เรือง ส้นั กะทดั รัด ไมค่ วรเป็นประโยคคำถำมและควรมลี กั ษณะเรำ้ ควำมสนใจ เชน่ ถา้ เป็นโครงงานเก่ียวกบั เวบ็ ไซต์ ใชช้ ื่อโครงงานว่า โครงงานการพฒั นาเวบ็ ไซต์ เรื่อง .................. ขา้ งตน้ ตาประเภทของโครงงาน ไดแ้ ก่ โครงงานพฒั นาสื่อเพ่ือการศึกษา โครงงานพฒั นาเครื่องมือ โครงงานประเภทการทดลอง ทฤษฎี โครงงานประเภทการประยกุ ตใ์ ชง้ าน และโครงงานพฒั นาเกม 2. ช่ือ สกุล ผ้ทู าโครงงาน 3. ช่ืออาจารย์ทป่ี รึกษาโครงงาน 4. ระยะเวลาดาเนินงาน ใหร้ ะบุเวลาเป็นจานวนวนั เป็นตน้ 5. แนวคดิ ทมี่ า และความสาคญั อธิบายว่าเหตุใดจึงเลือกทาโครงงานน้ี โครงงานน้ีมคี วามสาคญั อยา่ งไร เร่ืองท่ีทาเป็ นเรื่อง ใหม่หรือมีผอู้ ่นื ศกึ ษาคน้ ควา้ มาก่อนบา้ งแลว้ ถา้ มีผอู้ ่ืนศึกษามาก่อนแลว้ ผลท่ีไดเ้ ป็ นอย่างไร และ เร่ืองที่ทาน้ีจะขยายเพิ่มเติม ปรับปรุงจากเรื่องที่ผูอ้ ่ืนทาไวอ้ ย่างไร หรือเป็ นการทาซ้าเพ่ือเพิ่ม ประสิทธิภาพของระบบ 6. วตั ถุประสงค์ หลักการเขียนต้องเขียนเป็ นข้อๆ และสัมพันธ์มาจากช่ือเร่ื องของโครงงาน 7. หลกั การและทฤษฎี อธิบายถงึ หลกั การและทฤษฎีที่เก่ียวขอ้ งกบั โครงงาน เช่น โครงงานพฒั นาเวบ็ ไซต์ ควรจะ กล่าวถึงองค์ประกอบในการออกแบบเว็บไซต์และขอ้ ผิดพลาดในการสร้างเว็บไซต์ เป็ นต้น 8. วธิ ดี าเนินงาน - อปุ กรณ์ที่ตอ้ งใช้ ระบุวสั ดุอปุ กรณ์หรือซอร์ฟแวร์ท่ีจาเป็นตอ้ งใชม้ ีอะไรบา้ ง วสั ดุอุปกรณ์ เหล่าน้นั อยทู่ ี่ใด และมีชิ้นใดบา้ งท่ีตอ้ งจดั ซ้ือหรือหยบิ ยกมาจากท่ีต่างๆ

- กาหนดคุณลกั ษณะของผลงาน และเทคนิคที่ใชใ้ นการพฒั นา - แนวทางการศึกษาคน้ ควา้ และพฒั นา อธิบายถงึ กระบวนการแกป้ ัญหาที่ออกแบบไว้ และ การเกบ็ ขอ้ มลู การวิเคราะห์ การพฒั นา การทดสอบ และการนาเสนอผลงาน - งบประมาณท่ีใช้ 10. แผนปฏบิ ตั งิ าน ใชร้ ะบุวา่ มีแผนหรือข้นั ตอนทาอะไรบา้ ง แต่ละข้นั ตอนใชเ้ วลาก่ีวนั เป็นตน้ 11. ผลที่คาดว่าจะได้รับ คอื กำรคำดหวงั ถงึ ผลกำรดำเนินกำรตำมโครงกำร ในกำรเขยี นต้อง คำดคะเนเหตกุ ำรณ์วำ่ เม่อื ไดท้ ำโครงงำนสน้ิ สุดลง ใครเป็นผ้ไู ดร้ บั ประโยชน์อยำ่ งไรและได้รบั มำกน้อยเพยี งใด ผลทไ่ี ดร้ บั สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคท์ ศ่ี กึ ษำ 12. เอกสารอ้างองิ เป็นการบอกแหลง่ ท่ีมาของขอ้ ความท่ีใชอ้ า้ งองิ ในเน้ือหาที่นามาเขียนเรียบเรียง จะมกี ารอา้ งอิงแทรกปนในเน้ือหา

ตวั อย่างโครงร่างการเขยี นรายงานโครงงาน ชื่อโครงงาน(ภาษาไทย) การพฒั นาเวบ็ ไซตก์ ารเรียนรู้ เรื่อง............................................................ (ภาษาองั กฤษ) …………………………………………………………………… ประเภทของโครงงาน………………………………………………………………………… ชื่อผทู้ าโครงงาน 1. ………………………………………………………………………………………………… ช่ืออาจารยท์ ี่ปรึกษา……………………………………………………………………………… ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน……………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… วตั ถุประสงค…์ ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ขอบเขตโครงงาน……………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………… หลกั การและทฤษฎี ……………………………………………………………………………………………………… วธิ ดี าเนนิ การ ……………………………………………………………………………………………………… ผลที่คาดว่าจะได้รับ ……………………………………………………………………………………………………… เอกสารอ้างองิ ………………………………………………………………………………………………………

รปู แบบการเขียนเอกสารอ้างอิง หรือบรรณานุกรม (Reference) อ.สรชยั แซล่ มิ่ ครวู ชิ ำกำร 1 หลกั เกณฑก์ ารอ้างอิง หลกั เกณฑก์ ำรอำ้ งองิ ใชร้ ะบบนำม-ปี (Name-Year System) โดยมหี ลกั เกณฑด์ งั น้ี 1.1 นำมของผเู้ ขยี นทเ่ี ขยี นเป็นภำษำไทย ใหเ้ ขยี นทงั้ ช่อื และสกลุ ส่วนนำมของช่อื ผเู้ ขยี นท่ี เขยี นเป็นภำษำตำ่ งประเทศ ใหเ้ ขยี นเฉพำะนำมสกุล (Last Name) 1.2 ปี หมำยถงึ พ.ศ. หรอื ค.ศ. ทเ่ี อกสำรไดร้ บั กำรตพี มิ พม์ ขี อ้ กำหนด ดงั น้ี - เขยี นรำยงำนเป็นภำษำไทย เอกสำรทใ่ี ชอ้ ำ้ งองิ เป็นภำษำไทย ใหใ้ ช้ พ.ศ. - เขยี นรำยงำนเป็นภำษำไทย เอกสำรทใ่ี ชอ้ ำ้ งองิ เป็นภำษำองั กฤษ ใหใ้ ช้ ค.ศ. - เขยี นรำยงำนเป็นภำษำองั กฤษ เอกสำรทใ่ี ชอ้ ำ้ งองิ เป็นภำษำไทยเขยี นเป็นภำษำ องั กฤษ ใหใ้ ช้ ค.ศ. 1.3 เร่อื งทม่ี ผี เู้ ขยี นคนเดยี ว และในกรณีทว่ี งเลบ็ เฉพำะปีใหเ้ ขยี นดงั น้ี วรี ะศกั ดิ ์จงสวู่ วิ ฒั น์วงศ์ (2549) พบวำ่ …………………………………………………………...

กรณที ่ี “ช่อื ผเู้ ขยี น-ปี” อยใู่ นวงเลบ็ ใหเ้ ขยี น ดงั น้ี ..............................................................................................................................(Clark, 1954). 1.4 เรอ่ื งทม่ี ผี เู้ ขยี น 2 คน ใหเ้ ชอ่ื มดว้ ย “และ” ในกรณที ว่ี งเลบ็ เฉพำะปี ใหเ้ ขยี นดงั น้ี แพรพรรณ สองวงศ์ และ พสิ มยั เรอื งจกั ร (2527) พบวำ่ ………......................................... Bose และ Rawat (1984) แสดงใหเ้ หน็ วำ่ ..................................................... กรณีท่ี “ชอ่ื ผเู้ ขยี น-ปี” อยใู่ นวงเลบ็ และเขยี นเป็นภำษำตำ่ งประเทศ ใหเ้ ช่อื มดว้ ย “and” ใหเ้ ขยี น ดงั น้ี ...................................................................................(Bose and Rawat, 1984) 1.5 เร่อื งทม่ี ผี เู้ ขยี น ตงั้ แต่ 3 คนขน้ึ ไป ภำษำไทยใหเ้ ขยี นชอ่ื -นำมสกลุ หรอื ช่อื -นำมสกุลเฉพำะ คนแรกแลว้ ตำมดว้ ย “และคณะ” สำหรบั ภำษำต่ำงประเทศใหเ้ ขยี นนำมสกุลเฉพำะคนแรกแล้ว ตำมด้วย et al. โดยคำว่ำ et al. จะพมิ พต์ วั เอน หรอื ขดี เส้นใตก้ ไ็ ด้ และต้องใช้ระบบเดยี วกนั ตลอดทงั้ เล่ม ชำญชยั มณดี ลุ ย์ และคณะ (2529) พบวำ่ ......................................................... Smith และคณะ (1984) พบวำ่ ........................................................................

กรณี “ชอ่ื ผเู้ ขยี น-ปี” อยใู่ นวงเลบ็ ใหเ้ ขยี นดงั น้ี ..............................................(ชำญชยั มณดี ลุ ย์ และคณะ, 2529) ...............................................(Smith, et al., 1984) 1.6 ผเู้ ขยี นหลำยกลุ่มอำ้ งองิ ในเน้อื หำเดยี วกนั ใหค้ นั ่ แต่ละกล่มุ ดว้ ยเคร่อื งหมำยอฒั ภำค(;) เช่น .......................................(Smith, et al., 1984; Paterson and Clarke, 1975) 1.7 กำรอำ้ งองิ ทไ่ี ม่ไดอ้ ำ้ งจำกตน้ ฉบบั แต่เป็นกำรอำ้ งองิ ต่อใหใ้ ชค้ ำวำ่ “อำ้ งโดย” เชน่ Smith (1984 อำ้ งโดย Harrington, 1989) กลำ่ ววำ่ .......................................... 1.8 ภำพประกอบใหใ้ ชค้ ำวำ่ “ภำพท”่ี 1.9 ตำรำงประกอบใหใ้ ชค้ ำวำ่ “ตำรำงท”่ี การอ้างท่ีมาของตารางและภาพ กำรเขยี นช่อื ผแู้ ต่งใหใ้ ชห้ ลกั กำร เดยี วกบั กำรเขยี นอ้ำงแบบตำมทำ้ ยขอ้ ควำมในเน้ือเร่อื งดว้ ย ตำม ดว้ ยวงเลบ็ ปีทพ่ี มิ พ์ เชน่

ตารางที่ 1 ......................................................................ท่มี ำ: Bose และคณะ (1984) การอ้างที่มาของภาพ ภำพท่ี 1 ........................................................ ทม่ี ำ: Johnson และ Smith (1980) 2 การเขียนเอกสารอ้างอิงหรอื บรรณานุกรม 2.1 เอกสำรอำ้ งองิ เป็นรำยช่อื สง่ิ พมิ พ์ หรอื โสตทศั นวสั ดุทผ่ี ูว้ จิ ยั ใช้อำ้ งองิ ในกำรวจิ ยั ซง่ึ ได้ ปรำกฏในรำยกำรอำ้ งองิ ทแ่ี ทรกในส่วนเน้ือหำ ของงำนวจิ ยั นนั้ ๆ รำยกำรเอสำรอำ้ งองิ จะเป็น แหล่งข้อมูลท่ีผู้อ่ำนสำมำรถตรวจสอบ หรือศึกษำค้นคว้ำเพ่ิมเติมได้ ดังนัน้ รำยกำร เอกสำรอำ้ งองิ จงึ ควรมรี ำยละเอยี ดมำกทส่ี ุดเท่ำทจ่ี ะทำได้

2.2 ใหพ้ มิ พค์ ำวำ่ “เอกสำรอำ้ งองิ ” หรอื “บรรณำนุกรม” ไวก้ ลำงหน้ำกระดำษ 2.3 ใหจ้ ดั ลำดบั กำรเขยี นเอกสำรอำ้ งองิ โดยเรยี งตำมลำดบั ตวั อกั ษรของผแู้ ตง่ โดยให้ ภำษำไทยขน้ึ กอ่ น 2.4 ใหเ้ ขยี นช่อื ทกุ คนทร่ี ่วมกนั เขยี นเอกสำร โดยภำษำไทยใหเ้ ขยี นช่อื -นำมสกุลทุกคนเรยี งกนั ไป คนั ่ ด้วยเคร่อื งหมำยจุลภำค (,) คนสดุ ทำ้ ยใหเ้ ช่อื มดว้ ย “และ” เชน่ วลั ลภ สนั ตปิ ระภำ, ขวญั จติ ร สนั ตปิ ระชำ และชศู กั ดิ ์ณรงคเ์ ดช ภำษำต่ำงประเทศ คนแรกใหข้ น้ึ ดว้ ยนำมสกลุ , ตำมดว้ ยอกั ษรยอ่ ของช่อื หน้ำ ชอ่ื กลำง (ถำ้ ม)ี คนคดั ไปจะเขยี นระบบเดยี วกบั คนแรก และตอ้ งเหมอื นกนั ทกุ รำยกำร เชน่ Atkin, E.L., Kullm, D. and Aikins, K.W. เอกสำรทม่ี ผี เู้ ขยี นชุดเดยี วกนั ใหเ้ รยี งลำดบั ตำมจำกปีเก่ำ-ปีใหม่ แตห่ ำกเป็นปีเดยี วกนั ให้ใส่ ก ข ค กำกบั ไวท้ ป่ี ี พ.ศ. เมอ่ื เป็นเอกสำรอำ้ งองิ ภำษำไทย หรอื a b c กำกบั ไวท้ ่ปี ี ค.ศ. เม่อื เป็น เอกสำรอำ้ งองิ ภำษำองั กฤษ เชน่ จวงจนั ทร์ ดวงพตั รำ. 2530 ก. จวงจนั ทร์ ดวงพตั รำ. 2530 ข.

Boyd, A. H. and Andrews, C.H. 1984 a. Boyd, A. H. and Andrews, C.H. 1984 b. 2.5 ชอ่ื เร่อื งและช่อื บทควำมในวำรสำรภำษำตำ่ งประเทศใหข้ น้ึ ตน้ ดว้ ยอกั ษรตวั ใหญ่ เฉพำะ คำ แรก ยกเวน้ ช่อื เฉพำะ ส่วนช่อื วำรสำรใหเ้ ขยี นยอ่ ตำมท่วี ำรสำรนนั้ ๆ กำหนด เช่น ว.สงขลำ นครนิ ทร,์ ว.เกษตรศำสตร์ (วทิ ย.์ ), Agron, J., Soil Sci. Soc. Amer. J. ส่วนช่อื หนังสอื และ ช่อื เร่อื งในหนงั สอื ใหข้ น้ึ ตน้ ดว้ ยอกั ษรตวั ใหญ่ทุกคำ ยกเวน้ คำบุรพบทและคำสนั ธำน 3 ลาดบั การเขียนและเครอื่ งหมายวรรคตอน ให้ใช้ดงั นี้ 3.1 วารสาร/จลุ สาร (Journal / Bulletin) ผเู้ ขยี น. (ปี). ชื่อเรอื่ ง. ชอ่ื วำรสำร ปีท:่ี หน้ำ เช่น วลั ลภ สนั ตปิ ระชำ และชศู กั ดิ ์ณรงคเ์ ดช. (2535). คุณภำพเมลด็ พนั ธุถ์ วั ่ เขยี วทผ่ี ลติ ในภำคใต้. ว.เกษตรศำสตร์ (วทิ ย.์ ) 26: 119-125. Brooks, J.R. and Griffin, V.K. (1987). Liquefaction of rice starch from milled rice flour using heat-stable alpha-amylase. J. Food Sci. 52: 712-717.

3.2 หนงั สือ/ตารา 3.2.1 การอา้ งเฉพาะบทใหเ้ ขยี น ดงั น้ี ผเู้ ขยี น. (ปี). ชื่อเร่ือง. ใน หรอื In ชอ่ื หนงั สอื (ช่อื บรรณำธกิ ำรหรอื ed. ช่อื editor ถ้ำ ม)ี หน้ำ หรอื pp., สถำนทพ่ี มิ พ:์ สำนกั พมิ พ.์ เช่น วศิ ษิ ฐ์ วงั วญิ ญ,ู (2526). ความต่างและความคล้ายระหว่างหมบู่ า้ นเลก็ และซมั เมอรฮ์ ิล. ใน ชวี ติ จรงิ ทห่ี มบู่ ำ้ นเลก็ . (พภิ พ ธงไชย, บรรณำธกิ ำร).หน้ำ 51-59. กรุงเทพฯ : มลู นิธเิ ดก็ . Harrington, J. F. (1972). Seed Storage and Longevity. In Seed Biology (ed. T. T. Kozlowski) Vol. II. Pp. 145-245. New York: Academic Press. 3.2.2 การอา้ งองิ ทงั้ เล่มใหเ้ ขยี นดงั น้ี ผเู้ ขยี น. (ปี). ชื่อเรื่อง. ครงั้ ทพ่ี มิ พ.์ สถำนทพ่ี มิ พ์ : สำนกั พมิ พ.์ เชน่ สุรพล อปุ ดสิ สกลุ . (2521). สถิติ: การวางแผนการทดลองเบอื้ งต้น.กรงุ เทพฯ: ภำควชิ ำพชื ไร่ นำ

คณะเกษตร มหำวทิ ยำลยั เกษตรศำสตร.์ Bewley, J.D., and Black, M. (1982). Physiology and Biochemistry of Seeds in Relation to Germinatior. Vol. II. New York: Springer-Verlag. 3.3 รายงานการวิจยั /รายงานสมั มนา/ประชุมวิชาการ (Proceeding) ผเู้ ขยี น. (ปี). ช่ือเรอ่ื ง. ช่อื รำยงำนกำรวจิ ยั หรอื สมั มนำ หรอื จดั กำรประชมุ ทำงวชิ ำกำร เลม่ ท.่ี ช่อื บรรณำธกิ ำร. (ถำ้ ม)ี สถำนท.่ี วนั สมั มนำ. หน้ำของเรอ่ื ง. เชน่ วรวชิ ญ์ รุ่งรตั น์, ปรชี ำ วดศี ริ ศิ กั ด,ิ ์ นนั ทกร บุญเกดิ , วทิ ยำ ธนำนุสนธ,ิ ์ และเยน็ ใจ วสุวตั . (2527). ศึกษาปริมาณเชื้อไรโซเปี ยมที่เหมาะสมในการคลกุ เมลด็ พนั ธ์ถุ วั ่ ลิสงพนั ธ์ไุ ทย นาน. รำยงำนกำรสัมมนำเชิงปฏิบัติกำรงำนวิจัยถัว่ ลิสง ครัง้ ท่ี 3 ณ มหำวทิ ยำลยั เกษตรศำสตร์ วทิ ยำเขตกำแพงแสน. 12-21 เมษำยน 2537. หน้ำ 172-179. Hill, M. J., Archer, K.A. and Hutchinson, K.J. (1989). Towards developing a model of per

sistence and production for white clover. Proceedings of the XIII International Grassland Congress Nice, France, 4-11 October 1989. pp. 1043-1044. 3.4 วิทยานิพนธ์ ผเู้ ขยี น. (ปี). ชื่อวิทยานิพนธ.์ ช่อื ปรญิ ญำ. ช่อื มหำวทิ ยำลยั . เชน่ สมศกั ดิ ์รกั ษว์ งศ.์ (2528). การศึกษาการใช้ยาชนิดต่าง ๆ ในการป้องกนั โรคราสนิมของ ถวั ่ เหลือง. วทิ ยำนิพนธว์ ทิ ยำศำสตรมหำบณั ฑติ มหำวทิ ยำลยั สงขลำนครนิ ทร.์ Phillips, O.C., Jr. (1962). The Indfluence of Ovidd on Lucan’s Bellum Civil. Ph.D. Dissertation, University of Chicago. 3.5 การอ้างอิงจากเอกสารอิเลก็ ทรอนิกส์ อนุญำตใหอ้ ำ้ งองิ ขอ้ มลู จำก website ของสถำบนั กำรศกึ ษำ หน่วยงำนรำชกำร บรษิ ทั หรอื หน่วยงำนเอกชนทม่ี ชี อ่ื เสยี งเท่ำนนั้ ไม่อนุญำตใหใ้ ชข้ อ้ มลู จำก Website ส่วนบคุ คลทส่ี รำ้ งขน้ึ หรอื ขอ้ มลู จำกกำรเสนอควำมคดิ เหน็ web board

3.5.1 มชี อื่ ผจู้ ดั ทาหรอื ผผู้ ลติ การอ้างอิงในบทความ ตวั อยา่ ง เน้นผแู้ ตง่ ขอ้ มูลจำกกรมควบคุมมลพษิ (2542) ระบุวำ่ สำรเคมอี นั ตรำย วตั ถุอนั ตรำย สำร อนั ตรำยหมำยถงึ ธำตุ หรอื สำรประกอบท่มี คี ุณสมบตั เิ ป็นพษิ หรอื เป็นอนั ตรำยต่อมนุษย์ สตั ว์ พชื และทำให้ ทรพั ยส์ นิ และสงิ่ แวดลอ้ มเสอ่ื มโทรม เน้นเน้อื หำ สำรเคมอี นั ตรำย วตั ถุอนั ตรำย สำรอนั ตรำย หมำยถงึ ธำตุ หรอื สำรประกอบท่มี ี คณุ สมบตั เิ ป็นพษิ หรอื เป็นอนั ตรำยต่อมนุษย์ สตั ว์ พชื และทำใหท้ รพั ยส์ นิ และสง่ิ แวดลอ้ มเส่อื ม โทรม (กรมควบคมุ มลพษิ , 2542) การเขียนเอกสารอ้างอิง ตวั อยา่ ง กรมควบคมุ มลพษิ . (2542). สำรเคมอี นั ตรำย (ออนไลน์). สบื คน้ จำก : http:/www. Thaiclinic.com/ medbible/bonetumor.html [21 พฤศจกิ ำยน 2543] มนตรี สริ ไิ พบลู ยก์ จิ . (2542). เน้ืองอกกระดกู (ออนไลน์). สบื คน้ จำก http://www.Thaiclinic.com/

medbible/bonetumor.thml [21 พฤศจกิ ำยน 2543] Department of the Environment and Heritage. (1999). Guide to Department and Agency Libraries (Online). Available : http://www.erin.gov.au/library/guide.html[2000, November 17] หมำยเหตุ : ผจู้ ดั ทำอำจเป็นชอ่ื คน ซ่อื สถำบนั หน่วยงำนรฐั /เอกชน 3.5.2 ไมม่ ผี เู้ ขยี นบทความ การอ้างอิงในบทความ ตวั อยา่ ง นมแม่เป็นอำหำรท่สี มบูรณ์ท่สี ุดของทำรก นมแม่ใหส้ ำรอำหำรครบถ้วนตำมควำม ตอ้ งกำรของทำรกแรกเกดิ จนอำยุ 6 เดอื น สง่ิ ทจ่ี ะช่วยป้องกนั ทำรกแรกเกดิ จำกเช้อื โรคและโรค ตดิ เชอ้ื ทม่ี อี ยทู่ วั ่ ไป มอี ยใู่ นหวั น้ำนมทแ่ี ม่ผลติ ออกมำเมอื คลอดลกู ได้ 2-3 วนั แรก หวั น้ำนมน้ีคอื ภมู คิ มุ้ กนั แรกของทำรกจำกแบคทเี รยี และเชอ้ื ไวรสั (อำหำรและสุขภำพ, 2542) การเขียนเอกสารอ้างอิง ตวั อยา่ ง อำหำรและสุขภำพ (ออนไลน์). (2542). สบื คน้ จำก : http://www.khonthai.com/Vitithai/food.thml [21 [21 พฤศจกิ ำยน 2543]

ทำ่ เรอื น้ำลกึ สงขลำ (ออนไลน์). (2542). สบื คน้ จำก : http://www.motc.go.th/stats5.html [21 พฤศจกิ ำยน 2543]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook