45การจัดเตรียมโรงเรือนสุกรขุนก่อนเร่ิมเล้ียง หรือภายหลังจากการน้าสุกรขุนชุดเก่าออกไปแล้ว ก่อนน้าลูกสุกรชุดใหม่เข้ามาเลี้ยงน้ันควรมีการท้าความสะอาดคอก บริเวณรอบๆ โรงเรือนและอุปกรณ์ท่ีใช้ในคอกสุกรขุนทุกช้ินให้สะอาดและฉีดพ่นน้ายาฆ่าเชื้อโรคให้ท่ัว พักคอกท้ิงไว้ 7วัน ท้าการตรวจเช็คสภาพของอุปกรณ์ทุกช้ิน เช่น ท่ีให้น้า และถังอาหารว่าอยู่ในสภาพท่ีใช้การได้หรือไม่ ถ้าอยู่ในสภาพที่ใช้การไม่ได้ให้รีบท้าการแกไ้ ข การเคลื่อนยา้ ยลูกสุกรเข้าสู่คอกขุนควรท้าการในชว่ งทีอ่ ากาศเย็นเช่นในช่วงเช้ามืด ช่วงเย็นหรือช่วงกลางคืน เพ่ือไม่ให้ลูกสุกรเครียดจากการขนยา้ ย ซ่ึงอาจทา้ ให้สุกรปว่ ยได้3. การจัดการเมอื่ ลกู สุกรเข้าสูค่ อกสกุ รขนุเม่อื ลกู สุกรเข้าส่คู อกสุกรขุน ผู้เล้ยี งควรปฏบิ ัตดิ ังนี้3.1 การจัดขนาดของลูกสุกรโดยจดั ลกู สุกรท่ีมขี นาดใกลเ้ คียงกันและอายุเท่าๆ กัน เล้ียงในคอกเดียวกันเพ่ือช่วยลดปญั หาการแย่งอาหาร ท้าให้สุกรในคอกเดียวกันโตอย่างสม้่าเสมอ และสามารถจ้าหน่ายได้หมดท้ังคอกในคราวเดียวกัน ในบางฟาร์มอาจท้าการคัดแยกเพศของลูกสุกรก่อนจึงค่อยคัดแยกตามขนาดเพราะสุกรต่างเพศกันจะต้องการปริมาณอาหารและมีอัตราการเจริญเติบโตท่ีแตกต่างกัน กล่าวคือสุกรเพศผู้ไม่ตอนจะมีอัตราการเจริญเติบโต และประสิทธิภาพการเปลี่ยนอาหารดีท่ีสุด รองมาคือสุกรเพศเมีย และสุกรเพศผู้ตอนจะมีอัตราการเจริญเติบโตและประสิทธิภาพการเปล่ียนอาหารต้่าท่ีสุด ดังนั้นสุกรเพศผู้ตอนที่ได้รับอาหารอย่างเต็มท่ีจะมีการสะสมไขมันมาก และคุณภาพซากเลวลง การแยกเพศเล้ียงจะท้าให้ควบคุมการให้อาหาร และคุณภาพซากได้อย่างมีประสิทธิภาพดงั แสดงในตารางที่ 8.1ตารางที่ 8.1 อัตราการสะสมโปรตนี และอัตราการเพ่ิมเน้ือแดงสงู สดุ ของสกุ รแตล่ ะเพศลกั ษณะ เพศ เพศผู้ เพศเมีย เพศผู้ตอนอตั ราการสะสมโปรตีนสงู สดุ (กรัมต่อวัน) 130 –175 115 –155 100 – 140คา่ เฉล่ยี สงู สดุ ของการเพิม่ เน้ือแดง (กรัมต่อวนั ) 380 335 300 3.2 ความหนาแน่นและขนาดฝูง สุกรเป็นสัตว์สังคม การเล้ียงในสภาพแวดล้อมที่หนาแน่น และเครียดจะส่งผลต่อสภาพสังคม และการเพ่ิมผลผลิตอย่างชัดเจน จ้านวนสุกรท่ีเหมาะสมในแต่ละคอกจะข้ึนอยู่กับลักษณะของโรงเรือน เช่น โรงเรือนแบบเปิดนิยมเลี้ยงคอกละ 20 – 25 ตัว ส่วนโรงเรือนปิดท่ี การเล้ยี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่
46สามารถควบคุมสภาพแวดล้อม และอุณหภูมิให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา ร่วมกับการให้อาหารด้วยระบบอัตโนมตั สิ ามารถเล้ียงไดค้ อกละ 80 ตวั 3.3 การให้นา้ กรณซี ้ือลกู สุกรจากฟารม์ อน่ื ตอ้ งเดนิ ทางไกลๆ ควรปล่อยให้ลูกสุกรพักจนหายเหน่ือยแล้วจึงให้กินน้าท่ีผสมยาปฏิชีวนะ อย่าให้ลูกสุกรกินน้าทันทีท่ีมาถึงคอกเพราะการเดินทางไกลท้าให้ลูกสุกรเหนื่อยกินน้ามาก อาจเป็นอันตรายต่อลูกสุกรได้ แต่ถ้าพบว่าลูกสุกรมีอาการหอบมากควรฉีดน้ารดตวั สกุ รเพอื่ ลดอณุ หภมู ิร่างกาย และคอยดแู ลจนกว่าสกุ รจะหายใจเป็นปกติ 3.4 การให้อาหาร หลังจากให้ลูกสุกรกนิ นา้ แลว้ ประมาณ 3 – 6 ช่ัวโมงจงึ เริ่มให้อาหารแก่ลูกสุกรโดยเริ่มให้ทีละนอ้ ยๆ กอ่ น เม่อื ลกู สุกรกนิ หมดแลว้ จงึ ค่อยๆ ใหเ้ พม่ิ จนถึงระดับความตอ้ งการปกติ 3.5 การป้ องกนั การต่อสู้กนั ลูกสุกรท่ีน้าเข้ามารวมกันในคอกใหม่ๆ ในระยะ 4 ชั่วโมงแรกจะมีการต่อสู้กันเพื่อแสดงความเป็นใหญ่ในการคมุ ฝงู ตามธรรมชาติ ถ้าปลอ่ ยให้ต่อสู้กันนานๆ อาจท้าให้ลูกสุกรเหน่ือยจนหอบและอาจถึงตายได้ ดังนั้นในช่วงที่น้าสุกรมารวมกันใหม่ๆ ควรให้การเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด และหาส่งิ ของ เชน่ หญ้าสด หญ้าแห้ง และผักต่างๆ เป็นต้น โยนลงไปในคอกเพ่ือเบี่ยงเบนความสนใจของลกู สุกรจะช่วยลดการตอ่ ส้กู ันของลูกสกุ รได้ 3.6 การฝึ กให้สุกรขบั ถ่ายเป็ นที่ ควรมีการฝึกหัดให้ลูกสุกรถ่ายเป็นที่เพื่อสะดวกในการท้าความสะอาดซึ่งสามารถฝึกหัดลูกสุกรตั้งแต่ปล่อยสุกรเข้าคอก ปกติแล้วพฤติกรรมของสุกรเม่ือถูกย้ายไปอยู่คอกใหม่สุกรจะถ่ายมูลและปัสสาวะไปท่ัวคอก ให้กวาดมูลสุกรไปรวมกันไว้ตามบริเวณท่ีต้องการให้สุกรถ่ายและใช้น้าฉีดบริเวณน้ันให้เปียก กลิ่นของมูลและพ้ืนที่เปียกแฉะจะชักน้าให้ลูกสุกรเรียนรู้ว่าเป็นบริเวณที่ถ่ายมูล ต้าแหน่งท่ีเหมาะสมคือท้ายคอก แต่ในบริเวณท่ีต้องการให้เป็นท่ีนอนนั้นควรท้าบรเิ วณน้ันใหแ้ ห้งตลอดเวลา4. การจัดการสุกรขุน เมื่อน้าสุกรลงคอกขุนแล้วควรเดินตรวจสุขภาพสุกรทุกวัน อย่างน้อยวันละ2 ครั้งเวลาเช้าและเยน็ เมื่อพบตวั ท่ีป่วยควรฉีดสีท่ีหลัง และให้การรักษาทันที สีที่ฉีดไว้มีประโยชน์มากเพราะท้าให้แยกสุกรท่ีมีปัญหาออกจากฝูงได้อย่างชัดเจน และสะดวกในการติดตามอาการ นอกจากนี้การเลือกใช้สีทส่ี อดคล้องกับโรค และชนดิ ของยาท่ตี ้องใหก้ ็จะทา้ ใหส้ ะดวกย่งิ ขน้ึ พน้ื คอกท่ีเลี้ยงสุกรขุนควรแห้งและสะอาด มีการเก็บมูลสุกรออกทุกวัน ควรหลีกเล่ียงการอาบน้าให้กับสุกรขุนเพราะจะท้าให้คอกช้ืนแฉะและเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคอาจท้าให้สุกรป่วยได้ง่าย การอาบนา้ ใหก้ บั สกุ รขุนบอ่ ยๆ จะท้าให้สกุ รกินอาหารมากข้นึ เพือ่ น้าไปสรา้ งไขมันเป็นฉนวน การเลีย้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น
47ป้องกันความหนาวเย็นท้าให้ซากสุกรขุนมีไขมันสะสมมาก แต่ถ้าพบว่าภายในคอกมีอากาศร้อนจนสุกรหอบในกรณีเช่นน้ีควรใช้น้าฉีดพ่นไปท่ีตัวสุกรจะช่วยระบายความร้อนให้แก่สุกรได้อย่างรวดเร็ว หรอื อาจใชน้ า้ ฉีดพน่ บนหลังคาโรงเรอื นเพื่อชว่ ยระบายความร้อนภายในโรงเรือนท้าการตรวจดูอาหารที่ให้สุกร ถ้าเป็นการให้อาหารแบบรางยาวไม่ควรให้อาหารเหลือค้างราง เพราะถ้ารางเปียกช้ืนหรือสุกรถ่ายมูลลงในรางอาหาร จะท้าให้อาหารท่ีเหลือน้ันบูดเน่า มีกล่ินเหม็นท้าให้สุกรเบื่ออาหารและกินอาหารได้น้อยรางอาหารควรมีความยาวเพียงพอท่ีจะให้สุกรเข้าไปกินอาหารได้พร้อมๆ กัน ดังแสดงในตารางที่ 8.2 ถ้าเป็นถังอาหารกลจะต้องมีขนาดเหมาะสมกับจ้านวนสุกรโดยทั่วไปถังอาหารกล 1 ใบสามารถใช้เลี้ยงสุกรได้ 25 ตัว ควรจัดหาน้าสะอาดให้สุกรได้กินตลอดเวลา ปัจจุบันฟาร์มโดยท่ัวไปนิยมการให้น้ากับสุกรโดยใช้ที่ให้น้าแบบอัตโนมัติแต่ถ้าใช้รางน้าจะต้องมีการท้าความสะอาดรางน้าอย่างน้อยวันละ 2 คร้ัง เพ่ือเปล่ียนถ่ายน้าให้สะอาดอยูเ่ สมอเพราะน้าทีส่ กปรกอาจเปน็ สาเหตุให้สกุ รปว่ ยได้ตารางที่ 8.2 ความยาวของรางอาหาร สา้ หรบั สุกรขุนขนาดตา่ ง ๆขนาดของสุกร ความยาวของรางอาหาร(กโิ ลกรัม) ต่อสุกร 1 ตวั (ซม.)หยา่ นม – 15 1515 – 30 2030 – 60 2560 – 100 30 ถ้าสุกรที่น้ามาขุนยังไม่ตอนควรท้าการตอนภายหลังจากท่ีย้ายสุกรมาอยู่ภายในคอกขุนประมาณ 2 สปั ดาห์ไมค่ วรทา้ การตอนสกุ รในวันทยี่ ้ายเข้าคอกขุนเพราะจะทา้ ให้สกุ รเครียดมากและอาจเปน็ อันตรายได้5. การให้อาหารสุกรขุน ในการเลี้ยงสุกรขุนนั้นค่าใช้จ่ายกว่า 70 เปอร์เซ็นต์จะเป็นค่าอาหาร สุกรขุนต้องการสารอาหารไปเพื่อการด้ารงชีวิต และการเจริญเติบโต (การสร้างเน้ือแดงและไขมัน) ดังนั้นคุณภาพและปรมิ าณอาหารทส่ี ุกรได้รับจะมีผลโดยตรงต่อการสะสมเน้ือแดง การสะสมไขมัน และคุณภาพซากของสุกรขนุ 5.1 ปัจจัยทม่ี ีผลต่อสะสมเนื้อแดงในสุกร 5.1.1 อายุของสุกร สุกรอายุยังน้อยจะมีอัตราการสร้างเน้ือแดงน้อย แต่อัตราการสร้างเน้ือแดงจะเพ่ิมขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อสุกรมีอายุมากขึ้น เมื่อสุกรมีน้าหนักประมาณ 40 กิโลกรัมอัตราการสร้างเน้ือแดงจะสูงสุด และมีอัตราการสร้างคงท่ีไปเร่ือยๆ จนถึงน้าหนักตัว 110 กิโลกรัมหลงั จากนั้นอตั ราการสรา้ งเน้อื แดงจึงจะค่อยๆ ลดลง แตจ่ ะมอี ตั ราการสะสมไขมันสงู ขน้ึ การเลี้ยงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแกน่
48 5.1.2 คุณภาพของสุกร หมายถึงพันธ์ุสุกรท่ีได้รับการปรับปรุงพันธ์ุให้มีการสร้างเนื้อแดงสงู จะมอี ัตราการสร้างเนื้อแดงต่อวนั สูงกว่าสุกรที่ไม่ได้รบั การปรบั ปรุงพันธ์ุ 5.1.3 เพศของสุกร สกุ รเพศผ้ทู ่ไี มต่ อนจะมีอตั ราการสร้างเนอื้ แดงสงู ทีส่ ุด รองลงมาคือสุกรเพศเมีย ส่วนสุกรเพศผู้ตอนจะมีอัตราการสร้างเน้ือแดงต่้าที่สุด ทั้งน้ีเพราะฮอร์โมนเพศผู้จะมีอิทธิพลต่อการสร้างเนื้อแดง ส่วนฮอร์โมนเพศเมียจะมีผลต่อการสะสมไขมันมากกว่า แต่ในการเล้ยี งสุกรขุนนัน้ จา้ เปน็ ต้องตอนสุกรเพศผู้เพ่ือปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ น้อื มีกล่นิ เหมน็ อย่างไรก็ตามสุกรทีไ่ ดร้ บั การปรบั ปรงุ พันธุ์ให้มีการสะสมเน้ือแดงมากย่อมต้องการอาหารมากข้ึน ดังน้ันผู้เล้ียงจึงควรให้อาหารแก่สุกรในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการ และอาหารมีความเข้มข้นของโภชนะต่างๆ เหมาะสมกับระยะการสร้างเนื้อแดง ถ้าสุกรได้รับอาหารท่ีมีระดับโปรตีนและกรดอมิโนท่ีจ้าเป็นน้อยกว่าความต้องการ จะท้าให้สุกรมีอัตราการแลกเน้ือเลวลง และการสะสมเน้ือแดงจะน้อยลงดว้ ย แมว้ ่าสุกรน้นั จะไดร้ ับการปรับปรงุ พันธ์มุ าแลว้ ก็ตาม 5.2 อาหารทใี่ ช้เลยี้ งสุกรขุน การให้อาหารกับสุกรขุนควรให้ตรงกับความต้องการของสุกรแต่ละระยะ หากผู้เล้ียงให้อาหารไม่ตรงกับความต้องการของสุกรอาจท้าให้สุกรโตช้า หรืออาจท้าให้ต้นทุนการเลี้ยงสูงเกินไป ซึง่ อาหารสกุ รจะแบง่ เปน็ 3 ระยะคือ 5.2.1 อาหารสกุ รเลก็ จะมรี ะดบั โปรตีน 18 เปอร์เซ็นต์ ใช้เล้ียงสุกรที่มีน้าหนัก 15 – 30กิโลกรมั 5.2.2 อาหารสุกรรุ่น จะมีระดับโปรตีนน้อยกว่าอาหารสุกรเล็กคือ 15 – 16 เปอร์เซ็นต์มีราคาถูกกว่า แต่สุกรจะกินในปริมาณท่ีมากขึ้นเพราะสุกรมีขนาดใหญ่ข้ึน อาหารสุกรรุ่นน้ีจะใช้เล้ียงสกุ รที่มขี นาดน้าหนัก 30 – 60 กโิ ลกรัม 5.2.3 อาหารสุกรขุน จะมีระดับโปรตีน 13 – 14 เปอร์เซ็นต์ ใช้เลี้ยงสุกรท่ีมีขนาดน้าหนัก 60 กิโลกรมั ขึ้นไปจนถึงขาย ในการเปล่ียนอาหารแต่ละระยะควรค่อยเป็นค่อยไปเพ่ือป้องกันไม่ให้สุกรชะงักการกินอาหาร และเกดิ อาการท้องเสยี โดยมวี ิธีการเปลย่ี นอาหารดังนี้ 1) วนั แรก ให้อาหารสูตรเกา่ 1/2 ผสมกับอาหารสูตรใหม่ 1/2 2) วันท่ีสองและวนั ท่ีสาม ใหอ้ าหารสูตรเก่า 1/3 ผสมกับอาหารสตู รใหม่ 2/3 3) วันที่สี่ ให้อาหารสูตรใหม่ทง้ั หมด 5.3 วธิ ีการให้อาหารสุกรขุน การใหอ้ าหารสุกรขุนนัน้ จะมีอยู่ 2 วิธี คอื 5.3.1 การให้อาหารแบบเต็มที่ วิธีนี้จะท้าให้สุกรโตเร็ว เพราะสุกรสามารถกินอาหารได้ตลอดเวลา แต่อาหารจะมีการหกหล่นมากท้าให้ส้ินเปลืองอาหารมีผลให้อัตราการแลกเนื้อไม่ดีสุกรขนุ ทไ่ี ดร้ บั อาหารเตม็ ทจ่ี ะอว้ นงา่ ย และมีคุณภาพซากไม่ดี การเล้ยี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยขี อนแก่น
49 5.3.2 การใหอ้ าหารแบบจ้ากดั การใหอ้ าหารวธิ นี ี้จะทา้ ใหส้ ุกรโตชา้ กว่าแบบแรกเพราะสุกรได้รับอาหารในปริมาณท่ีจ้ากัด แต่จะมีอัตราการแลกเน้ือและมีคุณภาพซากดีกว่า เพราะมีการสะสมไขมันน้อย สุกรขุนท่ีให้อาหารแบบน้ีจะต้องมีการให้อาหารเป็นเวลา และต้องดูแลให้สุกรทกุ ตวั ไดร้ บั อาหารอยา่ งทวั่ ถงึ ในทางปฏิบัติน้ันผู้เลี้ยงควรมีการให้อาหารทั้ง 2 วิธีร่วมกันโดยในระยะท่ีสุกรอยู่ในช่วงการเจริญเติบโต (น้าหนัก 15 – 80 กิโลกรัม) ควรให้อาหารแบบเต็มที่เพื่อช่วยเร่งการเจริญเติบโตเน่ืองจากในระยะนี้สุกรจะมีการสร้างเน้ือแดงมากกว่าไขมัน แต่เม่ือสุกรมีน้าหนักเกิน 80 กิโลกรัมขึ้นไปจะเป็นระยะที่สุกรเริ่มมีการสะสมไขมันมากกว่าการสร้างเนื้อแดงโดยเฉพาะในสุกรเพศผู้ตอน ดังนั้นในระยะนี้จึงควรให้อาหารแบบจ้ากัด ซึ่งจะช่วยท้าให้สุกรมีคุณภาพซากดีขึ้น การให้อาหารแบบจ้ากัดนี้จะใช้ได้ผลดีในคอกสุกรขุนท่ีมีการใช้รางอาหารแบบรางยาว และมักไม่ค่อยไดผ้ ลในคอกสุกรขนุ ท่ใี ช้รางอาหารกล การใหอ้ าหารแบบจา้ กัดจะให้ในปริมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของการกนิ อย่างเต็มที่6. การควบคุมสุขภาพสุกรขุน หลกั การใหญๆ่ ในการควบคุมสขุ ภาพสุกรขุน มอี ยู่ 2 ประการที่ส้าคญั คอื 6.1 การจัดโปรแกรมวคั ซีนป้ องกนั โรค ปกตแิ ล้วในการเลี้ยงสุกรขุนจะมีการท้าวัคซีนน้อยมากเพราะสุกรขุนแต่ละชุดจะเล้ียงในระยะสัน้ ๆ และส่วนใหญจ่ ะมกี ารทา้ วคั ซนี ใหแ้ ก่สกุ รในคอกอนุบาลแล้วแต่การซ้ือสุกรจากท่ีอ่ืนมาเล้ียงถ้าผู้เล้ียงไม่ม่ันใจว่ามีการท้าวัคซีนให้แล้วหรือยัง ก็อาจท้าโปรแกรมวัคซีนให้กับลูกสุกรใหม่ได้ โดยวัคซีนพื้นฐานที่จ้าเป็นต้องท้า ได้แก่ วัคซีนป้องกันโรคอหิวาต์สุกร และโรคปากและเทา้ เปอื่ ย ในการทา้ วัคซนี นัน้ ไม่ควรท้าในวนั แรกที่น้าสุกรเข้ามาเล้ียง แต่ควรท้าหลังจากน้าสุกรเข้ามาแลว้ 1 – 2 สปั ดาห์ โดยกอ่ นการทา้ วัคซนี 1 สัปดาห์ควรท้าการถา่ ยพยาธิให้ลูกสุกรก่อน หลังจากน้ันจึงท้าวัคซีนป้องกันโรคอหิวาต์สุกร และโรคปากและเท้าเปื่อยตามล้าดับ โดยท้าห่างกันแต่ละชนดิ 1 – 2 สัปดาห์ 6.2 การจัดการดูแลสุกรป่ วย ปัญหาส้าคัญของการเล้ียงสุกรขุนในคือการที่สุกรแสดงอาการป่วยเนื่องจากสุกรถูกเล้ียงในพื้นทจ่ี ้ากดั เปน็ ระยะเวลายาวนาน การแสดงอาการป่วยจะรุนแรงมากน้อยเพียงใดข้ึนอยู่กับการจัดสภาพแวดล้อม และการจัดการฟาร์มของผู้เล้ียง โดยปกติจะมีสุกรป่วยประมาณ 1 – 3เปอร์เซ็นต์ ดังน้ันผู้เล้ียงควรจัดให้มีคอกส้าหรับขังสุกรป่วยโดยเฉพาะ โดยอาจจะสร้างแยกออกจากคอกสุกรปกติหรือแบ่งคอกว่างในโรงเรือนขุนไว้ส้าหรับเลี้ยงสุกรป่วย สุกรป่วยท่ีแยกไปเลี้ยงควรดา้ เนนิ การรกั ษาโดยการใหย้ าปฏชิ ีวนะอยา่ งต่อเนื่องซึ่งสามารถดา้ เนินการได้ 3 วธิ ี คือ การเลย้ี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น
50 6.2.1 โดยการฉีดยาปฏิชีวนะ ซ่ึงเหมาะกับสุกรที่แสดงอาการป่วยหนัก กินน้าและอาหารได้ไม่มาก แต่การฉีดยาควรท้าด้วยความนุ่มนวล เช่น ใช้แผงก้ัน หรือจับมัดปากเพื่อลดการดิ้นรนไม่ควรไล่ฉีดยาสุกร ซึ่งจะกอ่ ใหเ้ กดิ ความเครียด และท้าให้สขุ ภาพทรุดโทรมลงมากกว่าเดมิ 6.2.2 ผสมยาปฏิชีวนะในน้าให้สุกรกิน เหมาะส้าหรับสุกรป่วยในระบบทางเดินอาหารท่ีสามารถกินน้าได้ และเป็นการป่วยไม่รุนแรง การให้ยาละลายน้ามักผสมกับวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เพ่ือให้สุกรป่วยฟ้ืนตัวได้เร็ว แต่เป็นวิธีท่ีสิ้นเปลืองเน่ืองจากมีการสูญเสียของน้าที่สกุ รกินมาก แต่สามารถแก้ไขได้โดยการใหน้ า้ สกุ รแบบถว้ ย 6.2.3 ผสมยาปฏิชีวนะในอาหาร วิธีนี้เหมาะกับสุกรท่ีแสดงอาการป่วยทุกระบบท่ีสามารถกนิ อาหารได้ และเป็นที่นิยมโดยท่ัวไปเน่ืองจากเป็นวิธีท่ีไม่ท้าให้เกิดความสูญเสียมากไม่ทา้ ให้สุกรเครยี ด และสามารถให้ยาปฏชิ ีวนะหลายชนดิ ในเวลาเดียวกัน สุกรที่ได้รับการรักษาแล้วถ้าสุขภาพไม่ดีข้ึนควรพิจารณาคัดท้ิง เน่ืองจากหากท้าการรักษาตอ่ ไปมกั ไม่คมุ้ กบั การเลี้ยงดูและอาจเปน็ ตวั แพร่กระจายโรคในโรงเรือนได้7. การจับส่งตลาด ตลาดของสุกรขุน หมายถึงตลาดท่ีมีการซื้อขายกันเฉพาะสุกรเพศผู้ตอน และเพศเมียที่มีอายุระหว่าง 6 – 7 เดือน (น้าหนัก 90 – 100 กิโลกรัม) สุกรเพศผู้ท่ีไม่ตอนหรือสุกรเพศเมียท่ีให้ลูกแล้วคุณภาพซากจะไม่เป็นท่ีนิยมของผู้บริโภค และไม่จัดเป็นสุกรขุนส่วนใหญ่จะน้าเนื้อแดงท่ีได้จากสุกรกลุ่มน้ีไปแปรรปู เป็นผลิตภณั ฑต์ ่างๆ ในการจ้าหน่ายสุกรขุนนั้นควรย้ายสุกรขุนท่ีได้ขนาดจากคอกท่ีเลีย้ งไว้ไปส่คู อกรอจา้ หนา่ ย ควรงดอาหารสกุ ร 12 – 24 ชวั่ โมงก่อนจับส่งตลาด แต่ให้กินน้าตามปกติเพื่อช่วยลดความเครียดในขณะจับสุกรขึ้นรถ และขณะเดินทาง ถ้าจับสุกรท่ีกินอาหารอิ่มใหม่อาจท้าให้สุกรหอบ และเกิดความเครียดซ่ึงจะเป็นอันตรายกับสุกรได้ นอกจากน้ียังท้าให้เกิดการสูญเสียน้าหนักระหว่างขนส่งมากข้ึนด้วย ในการจับสุกรขุน ส่งตลาดควรจับในช่วงท่ีมีอากาศเย็น เช่น ช่วงเช้ามืด ช่วงเย็น หรือช่วงกลางคืน เมื่อจับสุกรข้ึนรถเสร็จเรียบร้อยแล้วควรฉีดพ่นนา้ ให้กบั สกุ รเพ่ือช่วยลดความเครียด และการจับสุกรแต่ละคร้ังไม่ควรบรรทุกสุกรจ้านวนมากจนแนน่ รถเกินไป ข้ันตอนการจับและการขนส่งพยายามท้าให้สุกรเกิดความเครียดน้อยที่สุด ซ่ึงจะมผี ลต่อคุณภาพซากของสกุ รภายหลงั ฆา่ ด้วย ###################################################### การเลย้ี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่
51 บทท่ี 9 การสุขาภบิ าล1. ความหมายของการสุขาภิบาล การสุขาภบิ าล (Sanitation) หมายถึง การสรา้ งและปรบั ปรุงสิง่ แวดล้อมเพ่ือจะให้ได้ผลดีต่อสุขภาพอนามัย การสุขาภบิ าลแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื 1.1 การสขุ าภิบาลท่วั ไป ไดแ้ ก่ การสรา้ งและปรบั ปรงุ เกีย่ วกับน้าใช้ ส่งิ ปฏิกลู การถ่ายเทอากาศ แสง แมลงและศัตรูรบกวน รวมถึงสิ่งแวดล้อมอ่ืนๆ ท่ีจะก่อให้เกิดผลเสียหายต่างๆ ต่อการด้ารงชวี ติ ความเปน็ อยู่ และสุขภาพอนามยั ของสัตว์ 1.2 การสุขาภบิ าลเฉพาะ ไดแ้ ก่ การสร้างและการปรับปรงุ สิ่งแวดลอ้ มทจ่ี า้ เปน็ ตอ่ การด้ารงชีวิตโดยตรง เช่น การสุขาภิบาลเรื่องอาหาร ที่อยู่อาศัย และส่ิงแวดล้อมเฉพาะอย่างที่จะก่อให้เกิดความเสยี หายต่อสขุ ภาพอนามัย2. ความหมายและประเภทของโรค โรค (Disease) หมายถึง สภาพท่ีสุกรแสดงอาการผิดปกติไปจากธรรมดา ร่างกายไม่สามารถจะปฏิบัติงานในทางสรีรวิทยาได้ สุกรจะแสดงอาการผิดปกติแตกต่างกันไปตามการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึ้นในระบบต่างๆ ในร่างกาย ทั้งน้ีขึ้นกับสาเหตุและความรุนแรงของโรค เช่นไม่กินอาหาร รา่ งกายซบู ซีด หรือผอมลงจนน้าหนักลด เปน็ ต้น 2.1 ประเภทของโรค โรคสุกรสามารถจา้ แนกตามสาเหตไุ ดเ้ ป็น 2 ประเภทใหญๆ่ คือ 2.1.1 โรคติดเชื้อ คือโรคท่ีเกิดจากการติดเช้ือชนดิ ใดชนิดหนึง่ เชน่ เชอ้ื ไวรสัแบคทเี รีย และเช้อื รา เป็นต้น โรคติดเชื้อแบ่งออกได้เป็น 1) โรคตดิ ต่อหรือโรคระบาด คือ โรคติดเช้ือที่สามารถติดต่อหรือแพร่ระบาดได้ท้ังทางตรงและทางอ้อมได้อย่างรวดเร็ว ส่วนมากเกิดจากเชื้อพวกจุลินทรีย์ เช่น โรคอหิวาต์สุกรโรคปากและเทา้ เปอ่ื ย และโรคพิษสุนัขบา้ เทยี ม เป็นตน้ 2) โรคไม่ติดต่อ คือ โรคที่ติดเช้ือแล้วไม่มีการติดต่อหรือแพร่ระบาดไปยังสุกรตัวอืน่ เช่น ฝีหนอง และบาดทะยัก เป็นตน้ 2.1.2 โรคไม่ตดิ เช้อื คือ โรคท่ีเกิดจากสาเหตอุ ่นื ไม่ไดเ้ กดิ จากเช้ือโรคชนิดใดชนิดหนึ่งเม่ือเกิดขึ้นแล้วไม่มีการแพร่ระบาดและปัญหาไม่ค่อยรุนแรง สามารถแก้ไขหรือลดปัญหาได้ด้วยการจดั การ เชน่ โรคขาดอาหาร อาการเครยี ดในสกุ รบางพันธุ์ และโรคแพ้แสงแดด เป็นต้น การเลยี้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่
52 2.2 เหตุของการเกดิ โรค สาเหตแุ หง่ ความเจ็บปวดตา่ งๆ ในสัตวส์ ามารถแยกออกไดเ้ ป็น 2 สาเหตุใหญ่ๆ คอื 2.2.1 สาเหตชุ กั น้าทีท่ ้าใหเ้ กิดโรคไดง้ า่ ย 1) สาเหตุจากสภาพแวดล้อมภายนอกร่างกาย ได้แก่ การจัดการเลี้ยงดู สภาพภูมิอากาศ น้า และอาหารที่สัตว์กิน เป็นต้น สิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมเป็นเหตุชักน้าให้ร่างกายออ่ นแอ เกดิ การแทรกซ้อนของความเจบ็ ป่วยอื่นๆ ตามมาไดง้ า่ ย 2) สาเหตุจากสภาพร่างกายของสัตว์เอง สภาพร่างกายเป็นสาเหตุชักน้าให้เกิดเจ็บปว่ ยไดง้ า่ ย ไดแ้ ก่ อายุ เพศ พันธุ์ สี และกรรมพันธ์ุ เป็นต้น 2.2.2 สาเหตจุ ากสิง่ ท่ีท้าใหเ้ กดิ โรคโดยตรง สาเหตตุ า่ ง ๆ เหลา่ น้ี ได้แก่ 1) สาเหตจุ ากเชือ้ โรค เชอื้ ทเ่ี ป็นสาเหตุของโรคตา่ งๆ ในสุกร เช่น เชื้อแบคทเี รียไวรสั เชอ้ื รา ตลอดจนพยาธิตา่ งๆ เปน็ ต้น 2) สาเหตุจากการขาดส่ิงทีจ่ า้ เปน็ ตา่ งๆ ทใ่ี ชใ้ นรา่ งกาย เชน่ การขาดอาหารขาดนา้ ขาดแรธ่ าตุ ขาดวติ ามนิ และการขาดฮอร์โมน เป็นต้น การขาดสิ่งเหล่าน้ีจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของรา่ งกายโดยตรง และก่อใหเ้ กิดโรคลกั ษณะตา่ งๆ กัน 3) สาเหตุจากการได้รับส่ิงที่เป็นพิษ พิษต่างๆ ท่ีท้าให้ร่างกายเกิดการแพ้และเจ็บปวด เช่น พิษจากพืช พิษจากสัตว์ พิษจากสารที่ปลอมปนในอาหาร ในน้า ในอากาศ พิษจากสารเคมีท่ใี ช้ในการรักษาโรค ยาฆา่ แมลง ยาปราบศัตรพู ชื และยาฆ่าเชือ้ โรคบางชนิด เป็นต้น 4) สาเหตจุ ากการบาดเจบ็ การบาดเจบ็ ต่างๆ เกิดขึ้นไดห้ ลายลักษณะ เชน่ การบาดเจบ็ จากการต่อสู้ และบาดเจบ็ จากของมคี ม เป็นตน้ 2.3 การตดิ ต่อและการเข้าสู่ร่างกายของเชื้อโรค 2.3.1 การสัมผัสโดยตรง ระหว่างสัตว์ป่วยกับสัตว์ปกติ ได้แก่ โรคผิวหนัง เช่น โรคข้ีเรื้อน โรคขกี้ ลาก โรคทางระบบสบื พันธุ์ เช่น โรคแท้งติดตอ่ เปน็ ต้น 2.3.2 การสัมผัสกับวัตถุที่มีเชื้อโรคติดอยู่ เช่น เชื้อโรคท่ีติดมากับล้อรถยนต์ รองเท้ามนุษย์ หรอื เทา้ ของสตั วท์ ี่เข้ามาสมั ผสั กับสกุ รในฟาร์ม เปน็ ตน้ 2.3.3 การสัมผัสกับสัตว์ท่ีป่วยมีเช้ือโรคอยู่แต่ไม่แสดงอาการ ได้แก่ สัตว์ที่ป่วยเร้ือรังหรอื สัตว์ท่ีหายปว่ ยแล้ว แตย่ งั มีเช้ือโรคอยูแ่ ต่ไมแ่ สดงอาการ พบในโรคเกือบทุกชนิด 2.3.4 การติดโรคทางดนิ โดยดินน้นั มเี ช้ือโรค หรอื สปอรข์ องเช้ือโรคอยู่ เช่น โรค แอนแทรกซ์ โรคบาดทะยกั และพยาธิ เปน็ ตน้ 2.3.5 การติดตอ่ ทางอาหารและน้า โดยอาหารและน้ามักมีการปนเป้ือนสิ่งขับถ่าย เช่นมูล ปัสสาวะ น้าลายเมือกจากสัตว์ท่ีป่วยด้วยโรคเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะโรคของระบบทางเดินอาหาร เชน่ โรคท้องรว่ ง และโรคอหิวาต์สุกร เปน็ ต้น การเลย้ี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น
53 2.3.6 การติดต่อทางอากาศ โดยการไอ จามเช้ือโรคหรือสปอร์ออกมา เช่น โรคหวัดวณั โรค โรคปอดบวมจากเชื้อไมโคพลาสมา และโรคปากและเท้าเปอื่ ย เป็นตน้ 2.3.7 การตดิ โรคจากแมลงดดู เลอื ด เช่น ยุง เหบ็ เหา โดยแมลงอาจดูดเลือดที่มีเช้ือโรคมาใสใ่ นสตั วป์ กติท้าให้เกิดโรคพยาธิในเลือดได้ ได้แก่ โรคพยาธิเม็ดเลือด โรคฝีดาษ นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการใชเ้ ขม็ ฉดี ยารว่ มกนั อีกด้วย 2.3.8 การติดโรคจากจุลินทรีย์ภายในร่างกายสัตว์เอง ทั้งนี้เน่ืองจากสัตว์อ่อนแอลงท้าใหจ้ ลุ นิ ทรยี เ์ หล่านเี้ พมิ่ จา้ นวนและความรุนแรงขึ้นจนเกิดเป็นโทษได้ เช่น โรคมดลูกอักเสบ เต้านมอกั เสบ สมองอักเสบ และโรคท้องร่วงจากเชื้อ Escherichia coli เป็นต้น ซึ่งเป็นเชื้อท่ีพบในร่างกายตามปกติ3. การสุขาภบิ าลในฟาร์มสุกร หลักส้าคัญของการสุขาภิบาลและป้องกันโรค คือ การควบคุมเพื่อท้าให้การเกิดโรคหรือความรุนแรงของโรคลดลง การป้องกันเพื่อให้มีโอกาสเกิดโรคน้อยท่ีสุด และการก้าจัดโรคให้หมดไปจากฟารม์ ซงึ่ หลักการสุขาภิบาลสตั ว์ มดี งั นี้ 3.1 ปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อสกุ รแตไ่ มเ่ หมาะสมต่อเช้ือโรค คือคอกต้องสะอาด มีการระบายอากาศดี รวมท้ังบริเวณรอบโรงเรือนควรสะอาด ไม่มีหญ้ารกรุงรัง ขยะ หรือบ่อเก็บมูลที่ก่อให้เกิดมลภาวะและเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต้องท้าความสะอาดอยา่ งสม้า่ เสมอ 3.2 ใชร้ ะบบการเลีย้ ง การจดั การด้านอาหารและน้าท่ีเหมาะสม เพ่ือให้สุกรแข็งแรงโดย ให้อาหารท่มี คี ุณภาพ สะอาด ตลอดจนอุปกรณ์ให้อาหาร ให้น้าต้องสะอาดและมีจ้านวนอย่างเพียงพอตอ่ ความตอ้ งการของสุกร 3.3 เล้ียงสุกรตามล้าดับอายุ ไม่ให้สุกรต่างอายุปะปนกันเพื่อตัดวงจรของเช้ือโรคท่ีจะส่งผ่านจากสุกรสูงอายุท่ีมีภูมิคุ้มกันและอมโรคไว้ ไปสู่ลูกสุกรที่อ่อนแอกว่า ซึ่งนิยมท้าโดยจัดเล้ียงสกุ รเปน็ ชดุ มกี ารท้าความสะอาดคอก และพักคอกระหว่างแต่ละชดุ นานเพียงพอ 3.4 หลีกเลี่ยงพ้ืนท่ีท่ีเส่ียงต่อการเกิดโรค โดยเลือกท้าเลที่ต้ังของฟาร์มให้ห่างไกลจากโรง ฆ่าสัตว์ ฟาร์มสุกรหรือฟาร์มสัตว์ชนิดอื่นด้วย มีรั้วรอบ ขอบชดิ ป้องกนั การเข้าออกของคนและสัตวไ์ ด้อย่างดี 3.5 ห้ามบุคคลภายนอกเข้าในเขตการผลิตสุกร ยานพาหนะที่จะเข้าฟาร์มต้องขับผ่านการสเปรย์และบ่อ น้ายาฆา่ เช้อื โรคเสียก่อน มีห้องอาบน้ายาฆ่าเชื้อ เปลี่ยน เสอื้ ผ้า รองเทา้ ของผู้เขา้ มาในหน่วยการผลติ ทกุ ครง้ั การเล้ียงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแกน่
54 3.6 ควบคุมการกระจายของเช้ือโรคภายในฟาร์ม โดยมีการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ให้ส่วนการผลิตสุกรแยกออกจากส่วนสา้ นักงานอยา่ งชัดเจน เว้นระยะหา่ งระหว่างโรงเรือนให้มากพอ ก่อนเข้าโรงเรือนต้องมีการฆ่าเช้ือโรคโดยเฉพาะรองเท้าต้องจุ่มในอ่างน้ายาฆ่าเช้ือโรคก่อนและหลังออกจากโรงเรือน มีการท้าความสะอาดและฉีดพ่นน้ายาฆ่าเชื้อโรคที่คอก และบริเวณโรงเรือนเป็นประจ้า รวมทง้ั อปุ กรณท์ ี่ใช้ในฟารม์ ควรสะอาดและปราศจากเชอ้ื โรค 3.7 การกักกันโรค โดยแยกสุกรท่ีมาจากแหล่งอ่ืน และไม่แน่ใจว่ามีโรคหรือเชื้อโรคติดมาจากฝงู โดยกกั ไวอ้ ยา่ งนอ้ ย 15 วนั 3.8 ก้าจัดพาหะที่จะกระจายเชื้อโรค โดยฆ่าเชื้อโรค อุปกรณ์ ยานพาหนะก่อนน้าเข้าฟาร์มก้าจดั หนู แมลง ยงุ ซ่งึ เปน็ พาหะน้าโรคโดยตรง ไมเ่ ล้ยี งสัตวอ์ ื่นไม่วา่ จะเป็น แมว สุนัข โค กระบือหรือแมแ้ ต่นก เพราะสัตว์เหล่าน้ีสามารถนา้ เชอื้ โรคมาสฟู่ ารม์ ได้ 3.9 มกี ารตรวจโรคเปน็ ประจ้า เชน่ มีปฏทิ ินการตรวจหาไข่พยาธิในมูล และในเลือดปีละ 2ครั้ง ตรวจโรคแท้งติดตอ่ ในพอ่ แม่พนั ธ์ุ ทกุ ตวั เปน็ ประจา้ ทกุ ปี 3.10 ก้าจัดหรือท้าลายเชื้อโรคที่มีอยู่ในฟาร์ม เร่ิมตั้งแต่การราดน้ายาฆ่าเช้ือโรคท่ีพื้นคอกผนังคอก ทางเดิน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ซากสุกรต้องฝังดินให้ลึกประมาณ 1 – 1.5 เมตร โรยทับซากดว้ ยปูนขาว หรือเผาด้วยเตาเผาความรอ้ นสูง 3.11 การให้ยาเพอ่ื บ้าบัดและป้องกันโรค โดยเฉพาะโรคที่มีอยู่เป็นประจ้าอยู่แล้ว เช่น โรคท้องเสีย โรคมดลูกอักเสบหลังคลอด หรือถ่ายพยาธิ โดยจัดเป็นปฏิทินการให้ยาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเป็นโรคขึ้น 3.12 การให้จุลินทรีย์ท่ีมีประโยชน์ โดยจุลินทรีย์เหล่าน้ีจะท้าให้สุกรแข็งแรงข้ึน และควบคุมจุลินทรยี ์ท่ีมีโทษ นิยมใช้ในลูกสกุ รหยา่ นมและให้ผลดใี นฟาร์มทมี่ โี รคนอ้ ย 3.13 การปรบั ปรงุ พนั ธุกรรม โดยมีจุดมงุ่ หมายเพอ่ื ให้มคี วามตา้ นทานต่อโรคได้ 3.14 สร้างภูมิคุ้มกันให้สุกร และกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคให้อยู่ในระดับที่ป้องกันโรคได้ต้ังแต่กอ่ นคลอดถงึ ตลอดการเลย้ี ง โดยการกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับแม่สุกรท้องแก่ การให้ลูกกินนมน้าเหลือง การท้าวัคซีนในสุกรอย่างเหมาะสมเป็นประจ้า ซึ่งเป็นวิธีท่ีมีประสทิ ธภิ าพและนยิ มมาก4. การทาวคั ซีน วคั ซีน (Vaccine) หมายถึง เช้ือโรคซ่ึงอาจเป็นเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียก็ได้ท่ีถูกท้าให้ฤทธ์ิอ่อนลงจนไม่สามารถท้าให้เกิดโรคซ่ึงเรียกว่า วัคซีนเชื้อเป็น หรือเช้ือโรคที่ถูกท้าให้ตายซ่ึงเรียกว่า การเลี้ยงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น
55วัคซีนเชื้อตาย เมื่อฉีดวัคซีนเข้าไปในร่างกายสัตว์ จะท้าให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคนั้นๆ ขึ้นมาระยะเวลาในการสรา้ งภมู ติ ้านทานประมาณ 15 – 21 วนั ภายหลังจากการฉีดวัคซนี 4.1 ชนิดของวคั ซีน วัคซนี สามารถแบง่ ออกได้เป็น 2 ชนิด คือ 4.1.1 วัคซีนเช้ือเป็น คือ วัคซีนที่ได้จากการน้าเช้ือโรคมาท้าให้ลักษณะการท้าให้เกิดโรคอ่อนฤทธ์ลิ งจนเชอ้ื นัน้ ไมส่ ามารถท้าให้สตั ว์เปน็ โรคได้ แล้วจึงน้าไปฉีดเข้าในร่างกายสัตว์ เพ่ือกระตุ้นให้ร่างกายสัตว์สร้างภูมิต้านทานโรค การใช้วัคซีนเชื้อเป็นน้ีเมื่อเช้ือเข้าสู่ร่างกายแล้วจะมีการขยายตัวอยา่ งรวดเรว็ อาจทา้ ให้สัตวแ์ สดงอาการแพ้วัคซีนได้ วัคซีนเชื้อเป็นท่ีนิยมใช้กัน ได้แก่วคั ซนี ปอ้ งกนั โรคอหวิ าตส์ กุ ร และโรคพิษสนุ ขั บา้ เทียมชนดิ เชื้อเปน็ 4.1.2 วัคซีนเชอ้ื ตาย คอื วัคซีนทีไ่ ดจ้ ากการน้าเอาเช้อื โรคมาฆ่าด้วยสารเคมี เชน่ฟีนอล และกรดคาร์บอนิค เป็นต้น สารเคมีเหล่านี้จะท้าลายลักษณะในการท้าให้เกิดโรคไป แต่ลักษณะในการท้าให้เกิดภูมิต้านทานจะยังคงอยู่ เม่ือน้ามาฉีดเข้าสู่ร่างกายสัตว์แล้วจะกระตุ้นให้ร่างกายสัตว์สร้างภูมิต้านทานข้ึนมา เม่ือเชื้อน้ีเข้าสู่ร่างกายสัตว์แล้วจะไม่มีการเพิ่มปริมาณ ดังนั้นสัตวม์ กั ไม่มีอาการแพว้ ัคซนี เกดิ ขึน้ 4.2 การเกบ็ รักษาวคั ซีน เพ่อื ให้วัคซนี มปี ระสทิ ธิภาพสูงสุดไม่เสื่อมคุณภาพ จึงต้องมีวิธีการเก็บรักษาท่ีถูกต้องดังน้ี 4.2.1 ปกติวคั ซนี ควรเกบ็ รักษาไวใ้ นทีเ่ ยน็ ตลอดเวลา โดยอณุ หภมู ทิ เี่ ก็บรกั ษาจะขึ้นอยกู่ ับชนิดวัคซนี กล่าวคอื วัคซนี ทมี่ ลี ักษณะเป็นเกล็ดแข็งเวลาใช้ต้องใช้ร่วมกับน้ายาท้าละลายวัคซีนประเภทน้ีจะเก็บไว้ในตู้เย็นช่องแช่แข็ง แต่น้ายาท้าละลายเก็บไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาก็ได้(ถา้ น้ายาทา้ ละลายไม่ไดเ้ กบ็ ไว้ในตเู้ ย็นเวลาจะละลายวคั ซนี ควรนา้ น้ายาละลายแช่ในน้าแข็งเพ่ือให้อุณหภูมิต้่าลงใกล้เคียงกับเกล็ดวัคซีนก่อน) เช่น วัคซีนป้องกันโรคอหิวาต์สุกร เป็นต้น ส้าหรับวัคซนี ทม่ี ลี กั ษณะเป็นของเหลวควรเก็บไว้ในตูเ้ ยน็ ชอ่ งธรรมดา 4.2.2 ตู้เย็นที่ใช้ส้าหรับเก็บรักษาวัคซีน ควรแยกต่างหากจากตู้เย็นในบ้านและไม่ควรเปดิ บ่อยๆ เพ่อื ให้อณุ หภูมใิ นตเู้ ย็นคงที่ 4.2.3 ระวังอย่าให้วัคซีนถูกแสงแดด ความร้อน หรือน้ายาฆ่าเชื้อโรคเพราะจะท้าให้วคั ซีนเสื่อมคณุ ภาพได้ 4.2.4 การนา้ วคั ซีนไปใชใ้ นฟาร์ม ควรแช่วัคซนี ไวใ้ นกระติกน้าแขง็ ที่มีน้าแขง็ อยแู่ ลว้ 4.3 โปรแกรมการทาวคั ซีนในสุกร ฟาร์มสุกรควรมีการจัดโปรแกรมการท้าวัคซีนท่ีชัดเจนเพ่ือให้สุกรมีภูมิต้านทานโรคอยา่ งต่อเนื่อง โดยชนิดของวัคซีนทจ่ี ะทา้ ให้กับสกุ รในแตล่ ะฟาร์มนั้น จะแตกต่างกันออกไป ข้ึนอยู่ การเลย้ี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีขอนแกน่
56กับการระบาดของโรคในเขตพน้ื ท่นี ้ัน ๆ ตัวอย่างโปรแกรมการท้าวัคซีนสามารถแบ่งตามระยะการเลย้ี งได้ดังนี้ 4.3.1 โปรแกรมการท้าวคั ซนี ในสกุ รอนุบาล อายุ 5 สัปดาห์ ท้าวคั ซีนป้องกนั โรคอหวิ าตส์ ุกร อายุ 6 สปั ดาห์ ท้าวัคซีนปอ้ งกันโรคพษิ สนุ ัขบา้ เทยี ม (ชนดิ เชื้อเปน็ ) อายุ 7 สปั ดาห์ ทา้ วคั ซีนป้องกันโรคปากและเทา้ เปื่อย อายุ 8 สปั ดาห์ ทา้ วคั ซนี ป้องกันโรคพษิ สนุ ขั บ้าเทียม (ชนิดเชื้อตาย) 4.3.2 โปรแกรมการทา้ วัคซนี ในสกุ รหนุ่มสาวทดแทน ใหเ้ ร่มิ ทา้ เมื่ออายไุ ด้ 5.5 เดือน เรียงล้าดบั ชนิดของวคั ซนี โดยให้แตล่ ะชนิดหา่ งกัน 1 สปั ดาห์ ดังน้ี ครั้งท่ี 1 ทา้ วคั ซีนป้องกันโรคอหิวาต์สุกร ครงั้ ที่ 2 ทา้ วัคซนี ป้องกนั โรคพิษสนุ ัขบา้ เทยี ม (ชนิดเชื้อเป็น) คร้ังที่ 3 ท้าวคั ซนี ป้องกนั โรคปากและเท้าเปือ่ ย คร้ังท่ี 4 ท้าวัคซนี ป้องกนั โรคโพรงจมูกอักเสบ และปอดบวม ครง้ั ที่ 5 ท้าวคั ซีนปอ้ งกนั โรคพารโ์ วไวรสั 4.3.3 โปรแกรมการท้าวัคซีนในสุกรพอ่ พนั ธุ์ ทุก 4 – 6 เดือน ท้าวัคซนี ป้องกนั โรคปากและเท้าเปือ่ ย ทุก 4 – 6 เดือน ท้าวคั ซีนปอ้ งกันโรคพิษสนุ ัขบา้ เทียม (ชนดิ เชอื้ เปน็ ) ทกุ 6 เดือน ท้าวคั ซนี ป้องกนั โรคอหิวาต์สกุ ร ทุก 6 เดือน ท้าวัคซนี ปอ้ งกนั โรคพารโ์ วไวรัส 4.3.4 โปรแกรมการท้าวัคซีนในสกุ รแมพ่ นั ธ์ุ กอ่ นคลอด 4 สัปดาห์ ท้าวัคซนี ป้องกนั โรคพิษสุนัขบ้าเทียม (ชนดิ เชื้อตาย) ก่อนคลอด 3 สัปดาห์ ทา้ วคั ซีนป้องกนั โรคอหวิ าต์สุกร กอ่ นคลอด 2 สปั ดาห์ ท้าวัคซนี ปอ้ งกันโรคโพรงจมูกอกั เสบ และปอดบวม หลังคลอด 1 สัปดาห์ ทา้ วัคซนี ปอ้ งกนั โรคปากและเท้าเปอื่ ย หลังคลอด 2 สัปดาห์ ท้าวัคซนี ป้องกนั โรคพษิ สุนขั บา้ เทียม (ชนิดเชื้อเปน็ ) หลงั คลอด 3 สปั ดาห์ ท้าวัคซีนปอ้ งกนั โรคพาร์โวไวรัส 4.4 ข้อควรระวงั ในการทาวคั ซีน 4.4.1 ไม่ควรฉีดวัคซีนให้กบั สุกรทีก่ า้ ลังปว่ ยหรือสงสัยวา่ ป่วย 4.4.2 ไมค่ วรฉีดวัคซีนหลาย ๆ ชนิดพร้อมกัน เพราะจะท้าให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานไดไ้ มด่ ี วคั ซีนแตล่ ะชนิดควรทา้ ห่างกนั อย่างน้อย 1 สัปดาห์ การเลี้ยงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่
57 4.4.3 ไม่ควรฉีดวัคซีนในแม่สุกรอุ้มท้อง เพราะอาจท้าให้แท้งได้ ยกเว้นวัคซีนบางชนิดที่ท้าได้ในระยะท้ายของการอุ้มท้อง เพ่ือต้องการให้แม่สุกรสามารถสร้างภูมิต้านทานและสง่ ผ่านไปยังลูกได้ 4.4.4 ไม่ใชว้ ัคซนี ท่ีหมดอายแุ ลว้ หรือวคั ซนี ทีม่ ีการเกบ็ รกั ษาไม่ดี 4.4.5 ควรท้าการถ่ายพยาธิให้กับสุกรก่อนการท้าวัคซีนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อให้สกุ รมีความแขง็ แรงและสร้างภมู ิต้านทานได้ดี 4.4.6 หลงั จากท้าวคั ซีนแล้วไม่ควรอาบน้าให้สุกรประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะอาจท้าให้เกดิ โรคแทรกซอ้ นได้ 4.4.7 อย่าให้สารประเภทคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) ร่วมกับการท้าวัคซีนเพราะสารประเภทนจ้ี ะไปขัดขวางการสรา้ งภูมติ า้ นทานโรคของร่างกาย 4.4.8 ไม่ควรทา้ วคั ซนี ใหก้ บั สุกรที่ผา่ นการขนสง่ ทางไกลไมเ่ กิน 1 สปั ดาห์ และไม่ควรเคล่อื นยา้ ยสุกรหรือขนส่งสกุ รระยะไกลหลงั ฉีดวคั ซนี ไมเ่ กนิ 1 สัปดาห์5. โรคพยาธิทส่ี าคญั ในสุกร โรคพยาธทิ ี่สา้ คญั ในสุกรแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 กล่มุ คือ 5.1 พยาธิภายใน โรคพยาธิภายใน เป็นโรคท่ีก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง แต่เกษตรกรมกั จะละเลย หรอื ไม่ค้านึงถึง เพราะความเสียหายจะไม่เด่นชัดเหมือนกรณีเกิดโรคระบาดทัว่ ๆ ไป 5.1.1 ผลท่ีเกิดขนึ้ จากโรคพยาธิภายใน สกุ รท่เี ปน็ โรคพยาธิภายในจะกอ่ ใหเ้ กิดผลดงั นี้ 1) การระคายเคืองและการขัดขวางการท้างานของอวัยวะที่พยาธิไปอาศัยอยู่และตัวออ่ นของพยาธิเคล่อื นทผี่ า่ น 2) สุขภาพไม่สมบูรณ์เน่ืองจากพยาธิแย่งอาหาร ท้าให้ประสิทธิภาพการเปล่ียนอาหารลดลง และง่ายตอ่ การติดเชื้อโรคอน่ื ๆ 3) ถกู กดราคาเนื่องจากคณุ ภาพซากไม่ดี หรือถกู ท้าลายซากบางส่วน จากสตั วแพทย์ในโรงฆ่าสตั ว์ 5.1.2 ชนดิ ของพยาธภิ ายในท่ีส้าคัญ พยาธิภายในที่มักพบในสุกร เช่น พยาธิไส้เดือน พยาธิกระเพาะ พยาธิเส้นด้ายพยาธแิ สม้ ้า พยาธเิ มด็ ต่มุ และพยาธหิ ัวหนาม เปน็ ต้น 5.1.3 หลักการปฏิบัติเพื่อควบคุมและป้องกันโรคพยาธิภายใน แบ่งออกเป็น 2 แนวทาง ซึ่งต้องปฏิบตั ริ ว่ มกัน คอื 1) ตัดวงจรของพยาธิ โดยการท้าความสะอาดพื้นคอกและบริเวณเล้ียงสุกรอย่างสมา่้ เสมอ รวมท้งั ใช้น้ายาฆา่ เช้อื โรคฉีดพน่ และใส่ในบ่อจุ่มรองเทา้ กอ่ นเขา้ โรงเรือน การเลี้ยงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่
58 2) ถ่ายพยาธิตามโปรแกรมทก่ี า้ หนดอยา่ งสม่้าเสมอ เชน่ 2.1) ถ่ายพยาธิพอ่ สุกรอย่างน้อยปีละ 2 ครง้ั 2.2) ถ่ายพยาธิสุกรสาวทดแทนเมอ่ื อายุ 3 และ 7 เดอื น(กอ่ นผสม 15 – 30 วัน) 2.3) ถา่ ยพยาธแิ มส่ กุ รอมุ้ ท้อง 2 ครงั้ กอ่ นคลอด 30 และ 15 วนั 2.4) ถ่ายพยาธลิ ูกสุกรหลังหยา่ นม 1 สปั ดาห์ และถา่ ยซ้าอีกหลังห่างจากคร้ังแรก 5 – 6 สัปดาห์ 5.2 พยาธิภายนอก พยาธภิ ายนอกของสุกร ท่ีเป็นปัญหาส้าคัญ และมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพการเลี้ยงและการผลิตสุกรในปัจจุบัน คือ ไรขี้เร้ือนสุกรที่เกิดจากตัวไร (Mites) ซ่ึงพบระบาดอยู่ทั่วไปอาการอาจรุนแรงจนปรากฏให้เห็น คือผิวหนังแหง้ เปน็ สะเก็ด บรเิ วณด้งั จมูก หู และโคนขาด้านใน รอบ ๆ ตา หรือในบริเวณที่มีขนขึ้นบางๆและเกิดการหนาตัวของผิวหนังมากข้ึน หรืออาจไม่พบอาการดังกล่าว ดังนั้นจึงควรมีการป้องกันการควบคุมรักษาอย่างถูกต้อง และสม่้าเสมอเพ่ือไม่ให้โรคระบาดในฟาร์ม ส่วนพยาธิภายนอกอืน่ ๆ ทีพ่ บ ได้แก่ เหา และหมดั 5.2.1 หลักการปฏิบัติเพื่อควบคมุ และป้องกนั พยาธิภายนอก 1) สุกรใหม่ที่น้าเข้า ให้แยกเล้ียงในคอกกักกัน ตรวจ และพ่นน้ายาก้าจัดพยาธิภายนอก 2 ครง้ั ห่างกัน 10 - 15 วันกอ่ นนา้ เขา้ เลี้ยงรวมฝูง 2) สุกรในฟาร์มต้องมีโปรแกรมควบคมุ และปอ้ งกนั ดงั น้ี 2.1) พ่นน้ายาฆ่าไรข้ีเรื้อนพ่อสุกร สุกรสาว สกุ รนาง ก่อนนา้ เข้าผสมพันธุ์ 2.2) พ่นน้ายาฆ่าไรขี้เรื้อนให้แม่สุกรก่อน ก้าหนดคลอด 50 และ 30 วนั 2.3) ลูกสุกรหลังหย่านมให้พ่นน้ายาฆ่าไรขี้ เรื้อน เม่ือน้าเข้าคอกอนุบาลและพ่นอีกครั้งเมื่อย้ายลงคอกขุน 2.4) สุกรขุนที่พบไรข้ีเร้ือนระบาดให้รักษาด้วยการพ่นน้ายาฆ่าไรข้ีเร้ือน 2ครัง้ หา่ งกนั 10 – 15 วนั 2.5) ทา้ ความสะอาดและฆา่ เชื้อคอก โรงเรือน อุปกรณ์และยานพาหนะ การเลย้ี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีขอนแกน่
59 2.6) พ่นสเปรยย์ าฆ่าแมลงชนิดที่ปลอดภัยแก่สุกร เช่น มาลาไธออน อาซุน-โทล และโพเร็ค อย่างนอ้ ยเดอื นละ 1 – 2 ครง้ั 2.7) เลือกใช้ยาก้าจัดพยาธิวงกว้างที่สามารถฆ่าได้ทั้งพยาธิภายในและภายนอก พรอ้ มกันไปดว้ ย เชน่ ยาไอโวเมคตนิ เปน็ ตน้6. โรคสุกรทสี่ าคัญและการป้ องกนั รักษา โรคท่ีเกิดกับสุกรมีผลท้าให้สุกรเติบโตช้า แคระแกรนหรือตายได้ ท้าให้กิจการการเล้ียงสุกรเสียหายทางเศรษฐกิจได้ โรคท่ีมักเกิดกับสุกรท่ีส้าคัญเช่น โรคอหิวาต์สุกร โรคปากและเท้าเป่อื ย โรคขี้ไหล โรคโพรงจมูกอักเสบ โรคพิษสุนัขบ้าเทียม โรคแท้งติดต่อ โรคเต้านมอักเสบ และมดลกู อักเสบเปน็ ตน้ โรคสุกรทส่ี า้ คญั ดังแสดงในตารางที่ 9.1ตารางที่ 9.1 โรคสกุ รท่สี า้ คัญชื่อโรคและเชือ้ สาเหตุ อาการทสี่ าคญั การป้ องกนั การรักษาโรคอหวิ าต์สุกร เฉียบพลนั ไขส้ งู ซมึ เบอ่ื อาหาร – ทา้ วคั ซีนเชื้อเป็น – ไม่ได้ผลดว้ ยยาปฏชิ ีวนะ(Swine fever) ทอ้ งผกู ตามด้วยท้องเสีย เย่อื ตา ทุก 4 - 6 เดอื น – ฉดี Antiserum ทันที ขาวอกั เสบ นอนสมุ กัน เดินหมุน – กักกนั สัตวอ์ ย่าง หลังจากรับเชอ้ื หากทง้ิ ไว้เชื้อสาเหตุ เปน็ วงกลม ชกั อัมพาตบางส่วน มี เขม้ งวด เกนิ 4 วัน การรกั ษาจะไม่ไวรสั Toto suis จุดเลือดออกที่ผวิ หนัง ตาย 100% ไดผ้ ล ไมค่ วรรกั ษา เรื้อรัง แท้ง คลอดลกู กรอกมาก ลูกส่ันกระตุกแตก่ า้ เนดิ ไขส้ ูง สลบั ท้องเสีย ผิวหนังอักเสบ เร้ือรังโรคพษิ สุนขั บ้าเทยี ม แทง้ ลูกได้ในทกุ ชว่ งของการ – การท้าวัคซีนเชอ้ื ตาย – การฉีดซรี ่ัมของสัตว์ที่มี(Pseudorabie,หรือ Aujeszky’s disease) ตั้งท้อง ไขส้ งู อาเจยี น ทอ้ งร่วง ไม่ไดผ้ ล ภูมิตา้ นทานโรค ให้แก่เชื้อสาเหตุ ทรงตวั ไม่ได้ ชกั กระตกุ และตาย – การทา้ วคั ซนี เช้อื เปน็ สตั วป์ ่วย ช่วยลดการตายไวรสั Herpes virus ลูกระยะดดู นมตายได้ โดยไม่ ทา้ ให้สกุ รอมโรคและ ได้ แสดงอาการ 80 – 100 % ถา้ อายุ เป็นพาหะของโรค – ไม่ควรรกั ษา ควรก้าจัด เกนิ 6 เดือน อาการไม่ชดั เจน – ควรคดั ทง้ิ สกุ รทเี่ ปน็ ทงิ้ ทา้ ลายซากทันที อาจมีจาม ไอ หายใจล้าบาก คนั โรค และน้าเข้าสุกรที่ และตาอาจบอดรว่ มดว้ ย ไม่มีประวตั ติ ิดโรคนี้โรคปากและเท้าเป่ื อย ไขส้ ูง ไม่กนิ อาหาร กระหายน้า – ใหว้ คั ซีนเช้ือตายทุก – ไมม่ ียารักษาโดยตรง(Foot and mouth disease)เช้อื สาเหตุ กดั ฟนั มเี ม็ดตุ่ม มเี ยื่อเมอื กใน 4- 6 เดือน – ควรฉีดยาปฏิชวี นะกลมุ่ Rhinovirus เรียกFMDV ปาก ลิน้ ขนาด 1-2 ซม. เม่อื เมด็ – กักกนั สัตวอ์ ย่าง วงกวา้ ง รักษาโรคแทรก ตมุ่ แตกเปน็ แผลแดงแล้ว ลุกลาม เข้มงวด – ใชย้ าสมานแผลทารักษา ไปที่กบี เตา้ นม แผล การเลี้ยงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่
60ตารางที่ 9.1 โรคสุกรที่สา้ คัญ (ต่อ)ช่ือโรคและเชื้อสาเหตุ อาการทส่ี าคญั การป้ องกนั การรักษาโรคไฟลามทุ่งหรือไข้หนงั เฉียบพลนั ไขส้ ูง ไม่มีแรง เดนิ – ปรับปรงุ ระบบการสขุ าภิบาล – ฉดี Penicillinแดง (Swine erysipelas) หลังโคง้ โลหิตเป็นพษิ ตาย – ไมท่ า้ ใหส้ ุกรเครียด 50,000 ยูนิต/กก.เช้ือสาเหตุ ไม่รุนแรง มีผื่นนูนแดงคล้าย – สุกรทดแทนควรไม่มีประวัติ ตดิ ต่อกัน 5 - 7 วนัเชอ้ื แบคทีเรียแกรมบวก ลมพษิ รปู ขนมเปียกปูน ตดิ โรค – ให้สกุ รในฝงู กนิErysipelothrix เรือ้ รัง ข้ออกั เสบบวมแดง อาหารผสมrhusiopathiae หายใจหอบ ผิวหนงั สมี ่วงคล้า Tetracyclineโรคแท้งตดิ ต่อ แท้งตั้งแตต่ ้งั ทอ้ ง 16-19 วนั ถงึ 3 – เจาะเลอื ดตรวจพอ่ แม่พนั ธุ์ ปี – ไมร่ กั ษา คดั ทงิ้(Brucellosis)เชอ้ื แบคทีเรีย เดือน กลับสดั ไม่ตรงรอบ หนอง ละ 2 ครัง้ เท่านนั้Brucella suis ไหล ลูกกรอกมาก บางตัวขาหลงั ไมม่ แี รงในตัวผู้ อณั ฑะบวม ข้อ อกั เสบ ตดิ ต่อถึงคนได้โรคเลปโตสไปโรซีส แทง้ ในชว่ งตง้ั ท้อง 80 วนั ขนึ้ ไป – รักษาคอกใหแ้ หง้ สะอาด – ผสมยา(Leptospirosis) อัตราการผสมตดิ ต้า่ ลกู มกั ตาย เสมอ Oxytetracycline ก่อนคลอด หรือคลอดมีชวี ติ แต่ – กา้ จดั หนู ให้กินตดิ ต่อกนั 2 - 3เชื้อสาเหตุ แบคทีเรยี อ่อนแอมาก อาการชดั เจนมาก – ตรวจภมู ิคุ้มกนั ของโรคทาง สปั ดาห์Leptospira interrogans ในสุกรสาว สกุ รอ่ืนๆ ไม่ค่อย ซีร่ัมวิทยา – ฉดี ยา Streptomycin แสดงอาการ โรคตดิ ต่อถงึ คน – ท้าวคั ซนี รวม ให้กับแม่สุกรหย่านม ได้ และพ่อพันธุ์ทกุ 6 เดือนเพือ่ ลด การกระจายเช้ือโรคพาร์โวไวรัส แทง้ กลบั สัด ถ้าได้รบั เชอ้ื ไม่ – แมพ่ ันธ์เุ กือบ 95 % มี – ไมต่ ้องรกั ษา(Pavovirus) เกนิ 30 วนั ของการตง้ั ท้อง ลูก สุกรตายในท้องทกุ ชว่ งอายุ จึง ภูมคิ ุ้มกันแล้วเช้อื สาเหตุ พบลกู กรอกต่างขนาดคลอดไวรัส Parvo vividae รว่ มกบั ลูกสกุ รท่ีรอดชวี ิต – สร้างภูมิโดยนา้ แมส่ าวมาขัง รวมกบั แมท่ ่มี ภี ูมคิ มุ้ กนั แลว้ หรือ – ฉดี วัคซนี 2 ครั้งหา่ งกนั 2-3 สัปดาห์โรคท้องเสียจากอโี คไล เกดิ บ่อยมากในลูกแรกคลอด – คอกควรแห้ง สะอาด – ฉดี หรอื กรอก ยา(Colibacillosis) และอนุบาล ลูกสกุ รอจุ จาระรว่ ง – ฆ่าเช้ือโรคอย่างดี Amoxycillin,เชื้อสาเหตุ แบคทีเรียEscherichia coli สขี าวเทา ไขส้ งู ขาดน้ารนุ แรง – ใหว้ ัคซนี เชื้อเปน็ แม่สกุ ร Neomycin, Colistin, ตาจมลกึ ตาย เปน็ ในสกุ รอายุ 3 – หรือให้แม่สุกรกินมูลลูกสุกร Furazolidone วนั - 12 สัปดาห์ ทท่ี ้องร่วง 2 สปั ดาห์ ก่อน Dihydrostreptomycin, คลอด – เสรมิ น้าและเกลือแร่ การเลี้ยงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีขอนแกน่
61ตารางที่ 9.1 โรคสุกรทีส่ ้าคัญ (ตอ่ )ช่ือโรคและเชื้อสาเหตุ อาการทสี่ าคญั การป้ องกนั การรักษาโรคกระเพาะอาหารและ อาเจยี น อจุ จาระร่วงสีเหลอื งถงึ – ใหว้ คั ซนี ทกุ 4-6 – ควรฉีดยาปฏชิ วี นะวงลาไส้อกั เสบตดิ ต่อ เขียว ในทุกอายุ สุกรขาดนา้ อย่าง เดือนซ่ึงไมค่ ่อยมี กว้าง ป้องกันโรคแทรก(Transmissible gastroenteritis T.G.E.) รนุ แรง ลูกสกุ รตายเกอื บ 100% ประสทิ ธภิ าพ และยา Amantadine,เช้อื สาเหตุ ไวรัสCorona virus สกุ รพนั ธุ์ตายเพียง 5% แต่แท้งได้ – ระวังการตดิ ตอ่ ทาง Isathiazone ทุกช่วง การติดต่อรุนแรงมาก มลู – ใหน้ ้า และเกลอื แร่ โดยเฉพาะฟาร์มที่ไมเ่ คยสัมผัส – ให้ล้าไสล้ ูกสุกรป่วย กบั เช้อื มาก่อน สับละเอยี ดแก่แมส่ ุกร กอ่ นคลอด 2 สัปดาห์โรคบดิ มูกเลอื ด อจุ จาระไหลเปือ้ นก้นตลอดเวลา – รกั ษาความสะอาด – ฉีดยา Tylosine อัตราสูง(Swine dysentery) มลู เปน็ มกู มีสีด้าคล้า สกุ รขาดนา้ – ก้าจดั หนู นก ในตัวทีม่ อี าการชดั เจนเชอื้ สาเหตุ แบคทีเรีย เสียสมดุลของกรด-ดา่ ง ซูบผอม แมลงวัน พาหะ – ใหย้ าในรูปละลายน้าแก่Treponema ผิวหนังแห้ง หยาบกรา้ น และตาย แพรก่ ระจายของโรค สุกรในฝูงhyodysenteriacโรคปอดบวม ไอแห้งๆ หลายครงั้ ตดิ ต่อกัน – การจดั การท่ีดี – ควบคุมอาการและการ(Enzootic pneumonia) หายใจกระแทก ปอดบวม อตั ราเช้อื สาเหตุ ตายเพยี ง 10 % แตส่ ุขภาพทรุด – ให้ยาผสมอาหารช่วง แพรเ่ ช้ือ โดยใชย้ าMycoplasma โทรม โตชา้ FCR สูง ออ่ นแอต่อhyopneumonie โรคแทรก สูญเสยี ทางเศรษฐกิจ ทส่ี ุกรเครยี ด 1-2 Tiamulin, Tetracycline, มาก สัปดาห์ Tylosin, Lincomycin, – ทา้ วัคซนี แม่สุกร Enrofloxacin ผสมอาหาร กอ่ นคลอด 2 สปั ดาห์โรคปอดและเยอ่ื หุ้มปอด เฉียบพลนั ไอสัน้ ๆ ไขส้ ูง มกี าร – หย่านมที่ 17 วนั ชว่ ย – ยาที่ไดผ้ ล ไดแ้ ก่อกั เสบ (A.P.P.) อาเจียน มกั พบเลอื ดออกทางจมกู ลดโอกาสติดเชือ้ โรคนี้ Tiamulin, Ampicillin,เชื้อสาเหตุ แบคทเี รยีแกรมลบ หลังจากไอ สุกรรุ่น ขุน ตายเรว็ จากแมไ่ ด้ Gentamycin, Amoxycillin,Actinobacilluspleuropneumoniae มาก – การจดั การที่ดี Enrofloxacin, เรื้อรัง หายใจล้าบาก หายใจด้วย – ทา้ วคั ซีนในสกุ รเลก็ Spectinomycin, ทอ้ งและปาก ปลายหสู ีมว่ งคลา้ 2 ครงั้ Chloramphenical ฉดี และ กิน 2 สปั ดาห์โรคไข้หวดั ใหญ่สุกร ไขส้ ูงมาก ไอลกึ ๆ จาม เยอ่ื ตาขาว – ระวงั โรค ในช่วง – ใหย้ าปฏิชวี นะวงกว้าง หายแลว้ จะมีภูมิคมุ้ กัน 3(Swine Influenza) อักเสบ มีน้ามกู น้าตาไหล ปว่ ย อากาศเปลีย่ น เดอื น – ใหย้ า Amantadine ลดไข้เชอื้ สาเหตุ ไวรสั พร้อมกนั ท้ังฝูง แต่อัตราการตาย – พืน้ คอกควรสะอาด ลดการแพร่ไวรัสInfluenza A Virus, ต่้ากวา่ 10 % และแหง้ เสมอOrthomyxo,HI NI,H3 H2 การเลีย้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่
62ตารางที่ 9.1 โรคสกุ รท่ีส้าคัญ (ต่อ)ช่ือโรคและเชื้อสาเหตุ อาการทสี่ าคญั การป้ องกนั การรักษาโรคโพรงจมูกอกั เสบ ไอ จาม หายใจล้าบาก มคี ราบ – เลย้ี งสุกรท่ีไมม่ ี – การใหย้ า Tylosine(Atrophic rhinitis หรอื น้าตาดา้ ที่หัวตา เลอื ดออกทาง ประวัตติ ดิ โรค SulfatrimetroprimA.R.) จมูกสุกรเลก็ รนุ่ แคระแกรน็ โรค – เลี้ยงสกุ รไมแ่ น่น Amoxycillin, Tiamulinเช้ือสาเหตุ แบคทเี รีย ปอดแทรก สูญเสียสมรรถนะการ เกนิ ไป ช่วยลดอาการไอ จามได้Bordetella bronchiseptica เจริญเติบโต ADG และ FCR เลว – ท้าวัคซีนแม่อุ้มทอ้ งPasturella multocida ลง 2 - 3 สปั ดาห์กอ่ น คลอด########################################################### การเล้ยี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแกน่
Search