ชุมชนตน้ แบบ ศนู ยเ์ รียนรปู้ รัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หมป่ ระจาตาบลตลง่ิ ชนั กศลูนุ่มยเเ์ กรยีษนตรรูป้ อรนิชั ญทารเียศ์รษกฐากริจปพลอกู เพผียกั งสแวละนเคกษรัวตรทฤษฎีใหม่ประจาตาบลตล่งิ ชนั ตามโครงการไทยนยิ ม ยัง่ ยนื บ้านหนา้ เขาวัด หมู่ที่ ๖ ตาบลตลิง่ ชัน อาเภอท่าศาลา จงั หวัดนครศรธี รรมราช บทท่ี ๑ บทนำ ควำมเป็นมำและควำมสำคญั ของกำรประเมนิ ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี ง \"เศรษฐกจิ พอเพยี ง\" เปน็ ปรชั ญาท่พี ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ทรงมีพระราชดารัสช้แี นะแนวทางการ ดาเนนิ ชีวติ แก่พสกนกิ รชายไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ตงั้ แตก่ อ่ นเกิดวกิ ฤตการณท์ างเศรษฐกจิ และเมื่อ ภายหลงั ได้ทรงเนน้ ยา้ แนวทางการแก้ไขเพอ่ื ใหร้ อดพ้น และสามารถดารงอยู่ไดอ้ ยา่ งม่ันคงและยั่งยนื ภายใตก้ ระแส โลกาภิวัฒน์และความเปลย่ี นแปลงตา่ งๆ เศรษฐกจิ พอเพียง เป็นปรัชญาช้ีถึงแนวการดารงอยแู่ ละปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตง้ั แตร่ ะดับ ครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดาเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อยุคโลกาภิวตั น์ ความพอเพียงหมายถึง ความพอประมาณ ความมี เหตุผล รวมถงึ ความจาเป็นทจ่ี ะต้องมีระบบภูมคิ ุ้มกันในตวั ที่ดีพอสมควรต่อการมี ผลกระทบใดๆ อนั เกิด จากการเปลี่ยนแปลงท้ังภายนอกและภายใน ทั้งน้ีจะต้องอาศัยความรู้ ความรอบคอบ และ ความระมดั ระวังอยา่ งยงิ่ ในการนาวชิ าการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดาเนินการทกุ ขั้นตอน และ ขณะเดยี วกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหนา้ ทข่ี องรฐั นกั ทฤษฎี และ นักธุรกิจในทุกระดับให้มีสานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ท่ีเหมาะสม ดาเนินชีวิตด้วย ความอดทน ความเพียร มีสติ และความรอบคอบ เพ่ือให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็วและกว้างขวางท้ังด้านวัตถุ สังคม สิง่ แวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี ดังน้ันหลัก ปรัชญำเศรษฐกจิ พอเพยี งประกอบด้วยดังนี้ 1. เปน็ ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดีที่ไม่นอ้ ยเกนิ ไปและไม่มากเกนิ โดยไม่เบียดเบยี นตนเอง และผ้อู ื่น เช่น การผลิตและการบริโภคทอี่ ยู่ในระดับพอประมาณ 2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเก่ียวกับระดับของความพอเพียงน้ัน จะต้องเป็นไปอย่างมี เหตุผล โดยพิจารณาจากปัจจัยท่ีเกี่ยวข้อง ตลอดจนคานึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทานั้น ๆ อย่าง รอบคอบ
3. การมีภมู ิคุ้มกนั ทีดีในตัว หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงดา้ นต่าง ๆ ท่ีคาดวา่ จะเกิดขนึ้ ในอนาคตทั้งใกล้และไกล เงอื่ นไข การตดั สนิ ใจและการดาเนนิ กิจกรรมต่าง ๆ ใหอ้ ยู่ในระดับพอเพียง ต้องอาศัย ทั้งความรแู้ ละคณุ ธรรมเป็น พืน้ ฐาน 1. เง่ือนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรู้เก่ยี วกับวิชาการต่างๆ ท่ี เกย่ี วข้อง อยา่ งรอบดา้ น ความ รอบคอบที่จะนาความรู้เหลา่ นั้นมาพิจารณา ใหเ้ ชือ่ มโยงกนั เพอื่ ประกอบการวางแผนและความระมัดระวงั ใน ขัน้ ปฏบิ ตั ิ 2. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วยมีความตระหนัก ในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์ สจุ ริต และมคี วามอดทน มีความเพยี ร ใชส้ ติ ปัญญาในการ ดาเนินชีวิต เศรษฐกจิ พอเพียงเริม่ ทตี่ วั เอง การนาหลักเศรษฐกิจพอเพยี งมาใชน้ ั้น ข้ันแรก ต้องยดึ หลกั \"พ่ึงตนเอง\" คือ พยายามพงึ่ ตนเองให้ได้กอ่ น ในแต่ละครอบครัวมีการบริหารจัดการอย่างพอดี ประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย สมาชิกในครอบครัวแต่ละคนต้องรู้จัก ตนเอง เช่น ข้อมลู รายรบั -รายจ่าย ในครอบครัวของตนเอง สามารถรักษาระดับการใช้จ่ายของตน ไมใ่ ห้เป็น หนี้ และร้จู ักดึงศกั ยภาพในตวั เองในเร่อื งของปัจจัยส่ใี หไ้ ดใ้ นระดับหนงึ่ การพัฒนาตนเองให้สามารถ \"อยู่ได้อย่างพอเพียง\" คือ ดาเนินชีวิตโดยยึด หลักทางสายกลางให้อยู่ได้ อย่างสมดุล คือ มีความสุขที่แท้ ไม่ให้รู้สึกขาดแคลน จนต้องเบียดเบียนตนเอง หรือดาเนินชีวิตอย่างเกิน พอดี จนต้องเบยี ดเบียนผ้อู ื่น หรือเบียดเบยี นส่งิ แวดล้อม โดย - ยึดหลกั พออยู่ พอกนิ พอใช้ - ยดึ ความประหยัด ตดั ทอนคา่ ใชจ้ ่าย ลดความฟุ่มเฟือยในการดารงชพี - ยึดถือการประกอบอาชพี ดว้ ยความถูกต้องและสุจรติ - ละเลกิ การแก่งแยง่ ผลประโยชน์และแขง่ ขันในการคา้ ขาย ประกอบอาชีพ แบบตอ่ สกู้ นั อยา่ งรนุ แรง - มงุ่ เน้นหาข้าวหาปลา ก่อนม่งุ เนน้ หาเงนิ หาทอง - ทามาหากนิ ก่อนทามาค้าขาย
- ภูมิปัญญาชาวบา้ นและที่ดินทากนิ คือ ทุนทางสังคม - ต้งั สตทิ ่มี ั่นคง ร่างกายที่แขง็ แรง ปญั ญาทเ่ี ฉยี บแหลม นาความรู้ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพื่อปรบั วิถี ชวี ิตสู่การพัฒนาทีย่ ั่งยืน การใชช้ ีวติ ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงนนั้ จะตอ้ งมคี วามพอดี ๕ ประการคือ 1. ความพอดดี ้านจิตใจ - ต้องเขม้ แข็ง สามารถพึงตนเองได้ - มจี ติ สานกึ ท่ีดี - เอือ้ อาทร ประนีประนอม - นึกถงึ ผลประโยชนส์ ว่ นรวมเปน็ หลัก 2. ความพอดีด้านสงั คม - ช่วยเหลือเก้ือกูลกัน - รูร้ ักสามัคคี - สรา้ งความเขม้ แขง้ ใหค้ รอบครัวและชมุ ชน 3. ความพอดีดา้ นทรพั ยากรและส่งิ แวดล้อม - รู้จักใช้และจดั การอยา่ งชาญฉลาดและรอบคอบ - เลือกใชท้ รพั ยากรท่มี ีอยใู่ หเ้ กดิ ความยงั่ ยนื อยา่ งสูงสดุ 4. ความพอดีด้านเทคโนโลยี - รู้จักใชเ้ ทคโนโลยีที่เหมาะสมสอดคลอ้ งต่อความตอ้ งการและสภาพแวดล้อม - พัฒนาเทคโนโลยจี ากภมู ิปัญญาชาวบ้านของเราเองกอ่ น - ก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์กับคนหมูม่ าก 5. ความพอดดี ้านเศรษฐกิจ - เพ่ิมรายได้ ลดรายจา่ ย ดารงชวี ิตอยา่ งพอควร - พออยู่ พอกนิ สมควรตามอตั ภาพ และฐานะของตน
ศนู ยก์ ารเรียนร้ปู รชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจาตาบล สานักงาน กศน. ได้ลงนามบันทกึ ข้อตกลงกบั กองอานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจกั ร (กอ.รมน.) มีภารกิจทสี่ าคัญคอื ใหเ้ ป็นศูนยก์ ลางการจดั การเรียนรู้ รวบรวม ขยายผล เชอ่ื มโยง สร้างเครอื ข่ายและเผยแพร่องค์ความรู้เกย่ี วกับ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ และการเรียนรตู้ ามรอยพระยคุ ลบาทตามแนว พระราชดาริและหลกั การทรงงานของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั เพ่ือใหเ้ กิดการพฒั นาสงั คมและชมุ ชนอย่าง ตอ่ เน่ืองมีความเขม้ แข็งและย่ังยนื โดยบรู ณาการการทางานและประสานความร่วมมือกับภาคี กศน.ตาบลตล่งิ ชนั ของจงั หวัดนครศรธี รรมราชที่มคี วามอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติท่ีหลากหลายมกี ารประกอบอาชีพท่ี หลากหลายเช่นกัน อาทิ อาชีพเกษตรกรรม อาชีพประมง อาชพี ค้าขายขึ้นอยู่กบั สภาพภูมิประเทศของแต่ละ พน้ื ทน่ี ั้นๆ อาเภอท่าศาลาเป็นอาเภอหนงึ่ ของจงั หวัดนครศรธี รรมราชทีม่ คี วามอุดมสมบรู ณท์ างทรพั ยากรธรรมชาติ ทห่ี ลากหลาย มกี ารประกอบอาชีพทีห่ ลากหลายเช่นกนั อาทิ อาชีพเกษตรกรรม อาชีพประมง อาชีพคา้ ขาย ขึน้ อย่กู บั สภาพภมู ปิ ระเทศของแต่ละพื้นที่นนั้ ๆ ตาบลตลง่ิ ชันเป็นตาบลหน่งึ ในอาเภอท่าศาลาที่มีความพรอ้ มดา้ น ภูมปิ ระเทศด้านการทาเกษตรกรรมมรี ะบบการบรหิ ารจัดการกลุ่ม และการรวมตัวเปน็ วิสาหกิจชุมชนทีม่ ีเปา้ หมาย หลกั คอื ให้มีรายได้ที่มั่นคงและย่ังยืน โดยอ้างขอ้ มลู ประกอบวา่ สภาพภมู ปิ ระเทศ ภูมิอากาศ หรือทีเ่ รยี กกันวา่ โซนนงิ่ (Zoning) สรุปไดว้ ่า พ้นื ท่ตี าบลตลงิ่ ชันอยู่ในเขตเหมาะสมมากในการทาเกษตรกรรมทุกประเภท กำรเปน็ ฐำนในกำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ตำมภำรกิจของ กศน.ตำบล ชมุ ชนตน้ แบบ บ้านหนา้ เขาวดั หมูท่ ี่ ๖ ตาบลตลง่ิ ชัน อาเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรธี รรมราช เป็นศูนย์เรียนร้ปู รัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจาตาบลตล่งิ ชัน เน่ืองจากพื้นที่ หม่ทู ่ี ๖ บา้ นหน้าเขาวัด มีความพรอ้ มด้านสถานท่ีและบริบทของชมุ ชนเป็นเขตพื้นทีเ่ กษตรกรรม ประชาชนให้ความ รว่ มมอื ในการทากิจกรรม เพราะประชาชนในพื้นที่มีการติดตามขา่ วสารและการดาเนนิ งานในชุมชนอยู่ ตลอดเวลา ผู้นามีความเขม้ แข็ง มกี ารบริหารจดั การท่ีดี มกี ารจดั กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามภารกจิ ของ กศน.ตาบลและชมุ ชนอยา่ งต่อเนือ่ ง ชมุ ชนตน้ แบบ มีการจัดกจิ กรรมการเรยี นร้ตู ามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งทส่ี อดคลอ้ งกับภารกิจของ กศน.ตาบล มีการส่งเสริม สนับสนนุ ใหส้ มาชิกในชมุ ชนดาเนนิ ชวี ติ ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง กำรมีสว่ นรว่ มของชุมชนตน้ แบบในกำรดำเนนิ กจิ กรรมตำมภำรกจิ ของ กศน.ตำบล ชุมชนมีส่วนร่วมในการวางแผนกจิ กรรมและประชาสัมพนั ธเ์ ผยแพรภ่ ารกิจของ กศน.ตาบล เช่น การประชาสมั พนั ธ์รบั สมัครนกั ศกึ ษา การจัดทาแผนระดับตาบล การมสี ่วนรว่ มในการรับฟังความคดิ เห็น และการร่วมมือในการทากิจกรรมของ กศน.ตาบล ชุมชนมสี ว่ นร่วมในการสนับสนุนงบประมาณจัดหาส่ือและวสั ดุอุปกรณ์ วิทยากร และบคุ ลากร ในการดาเนนิ กิจกรรมดา้ นอาชีพใน กศน.ตาบล
ผลงำนทเ่ี ปน็ ทีย่ อมรับในฐำนะกำรเปน็ ต้นแบบจำกกจิ กรรมทด่ี ำเนินกำรตำมภำรกจิ ของ กศน.ตำบล ศนู ย์เรียนรู้ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหมป่ ระจาตาบลตลิ่งชันหรอื เรยี กวา่ แปลงเกษตร อินทรีย์บา้ นหนา้ เขาวัด มีการทาเกษตรผสมผสาน เชน่ การปลูกปาลม์ นา้ มนั การปลูกข้าวโพดหวานการปลูก ผกั สวนครวั การเลีย้ งสกุ ร การเลย้ี งปลาดกุ ทาง กศน.ตาบลตลงิ่ ชนั ไดต้ ิดตอ่ ประสานงานในการทากจิ กรรมที่ หลากหลายในการจดั ต้ังกลุ่ม เมื่อประสานงานทางสมาชกิ ในชมุ ชนตน้ แบบมีการเข้าร่วมกลมุ่ และการการจัด ดาเนนิ กิจกรรม กำรดำเนนิ กำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ครู กศน. ตาบลตลิง่ ชันรับผิดชอบการจัดและส่งเสรมิ การจัดกิจกรรมโครงการศูนยฝ์ ึกอาชพี ชุมชนหลักสูตร เกษตรอินทรยี ์ การปลูกผักสวนครัว เพ่ือให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสภาวะสังคมในปัจจุบันเลือก กลุ่มเปา้ หมายในพ้นื ที่เขา้ รว่ มกจิ กรรมกระบวนการจดั การเรยี นรู้ ณ แปลงเกษตรอินทรีย์บ้านหนา้ วดั เขา ม.๖ ตาบลตลิ่งชัน ครู กศน.จดั เวทแี ลกเปลย่ี นเรียนร้เู พอื่ สร้างความเขา้ ใจใหเ้ กดิ กระบวนการคดิ และรับรู้สภาพ ปญั หาความตอ้ งการทหี่ ลากหลาย รวมไปจนถงึ ชีแ้ จงวตั ถปุ ระสงค์ของการจดั กจิ กรรมใหส้ มาชกิ ในกลุม่ ทราบ โดย มีรวมกลมุ่ สมาชิกวางแผนการจดั กิจกรรม เชน่ ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน วทิ ยากรเฉพาะทางมาใหค้ วามรู้แก่ กลุ่มเป้าหมาย กาหนดวนั สถานทีจ่ ัดกิจกรรม ประสานงานไปยังหน่วยงานภาคเี ครอื ข่ายที่เกยี่ วข้อง รวมไปจนถึง การประชาสมั พันธ์ให้กลมุ่ เป้าหมายไดร้ ับทราบและเข้าร่วมกจิ กรรมตามแผนทไี่ ด้วางไว้ โดยมี นางอไุ ร พดู ดี เปน็ วิทยากรให้ความรู้ การดาเนินการจัดกจิ กรรมตามโครงการเพอ่ื ใหผ้ ้เู รยี นสามารถนาความรู้ไปใช้ในการพฒั นา ตนเองและพัฒนาทักษะใหเ้ ป็นอาชีพเสริม ระยะเวลาที่กาหนดการจัดกจิ กรรม พ.ศ. ๒๕๕๙ – พ.ศ. ๒๕๖๑ ใน พน้ื ท่ีตาบลตลิ่งชนั ส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ กระบวนการเรียนรู้ โดยวิทยากร และ ครู กศน. ตาบลตล่ิงชัน กากบั ดูแลอย่าง ใกล้ชิดและตอ่ เนอ่ื ง ให้กาลังใจในการดาเนนิ กิจกรรม ควำมเปน็ มำ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ตาบลตล่ิงชนั เกิดขน้ึ จากนโยบายท่ีปรารถนาจะพัฒนาพ้นื ที่ให้มคี วาม น่าอย่อู ย่างย่งั ยืนจะเน้นการพัฒนาที่ไม่ทาลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างเก้ือกูลต่อกันและทาให้เกิดความสมดุล ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนา ได้ยึดถือเนน้ แนวทางในการพัฒนาพนื้ ที่มาโดยตลอด สถานการณใ์ นปัจจบุ นั สังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเรว็ สง่ ผลประทบตอ่ วิถชี วี ติ ความเป็นอยู่ของ คนในสังคม ทั้งในแง่มุมของเศรษฐกิจ มีการอพยพแรงงานของการเกษตรเข้าสู่แรงงานด้านอตุ สาหกรรม มี การผลติ สนิ คา้ บริการมกี ารพึ่งพาวัตถุภายนอกเพิม่ มากขึน้ มีการทาลายทรัพยากรธรรมชาติ เปลี่ยนจากทเ่ี คยพ่งึ พา ธรรมชาติจากการเกษตรพออย่พู อกินแบบผสมผสาน เปน็ เกษตรเชิงเด่ียวผลติ เพอ่ื จาหน่าย อาศัยปัจจัยภายนอกเปน็ ปัจจัยการผลิตมีการใช้ปุ๋ย และสารเคมีเพม่ิ มากข้ึนขาดการพึ่งพาตนเองเหมือนในอดีตจนทาใหเ้ กิดวกิ ฤตเศรษฐกจิ
ในปี ๒๕๔๐ และในปปี ัจจุบนั ดังนั้น แนวคิดพระราชดารปิ รชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ของพระบาทสมเดจ็ พระ เจ้าอย่หู วั ที่พระราชทานไว้เป็นท่พี ่งึ ท่ีปฏิบัตสิ าหรับพสกนกิ ร จึงมีความจาเปน็ อยา่ งยิ่งท่หี น่วยงานภาครัฐจะตอ้ ง สง่ เสรมิ ให้เกดิ การเรยี นรแู้ ละปฏบิ ตั ใิ ห้ได้ผลอยา่ งเปน็ รปู ธรรม วัตถปุ ระสงค์กำรดำเนินงำน ๑) เพ่อื พัฒนาพนื้ ทเ่ี ป็นศนู ยก์ ารเรียนรขู้ องชมุ ชนทางด้านเกษตรอินทรยี ์เกษตรทฤษฎีใหม่ โดยมี แนวคดิ ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงเปน็ พ้นื ฐานการเรียนรู้ ๒) เพื่อพัฒนาและสรา้ งเครอื ขา่ ยเกษตรกรในพื้นที่ให้มคี วามรู้ด้านเกษตรอนิ ทรีย์ เกษตรทฤษฎใี หม่ โดยมแี นวคดิ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเปน็ พน้ื ฐานการเรยี นรู้ ๓) เพอื่ สง่ เสริมให้มีการใชท้ รัพยากรอยา่ งคุม้ ค่า และยงั่ ยนื ภายใตแ้ นวทางปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง และการพึ่งพาตนเองอย่างยง่ั ยนื ๔) ส่งเสรมิ ใหเ้ กิดครวั เรือนเศรษฐกจิ พอเพียงขึ้นในพืน้ ทีต่ าบลตล่งิ ชนั และการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้กับ เกษตรกรเครือข่ายที่อยนู่ อกพน้ื ที่ ขอบเขตของกำรประเมินโครงกำร ระยะเวลำกำรประเมินโครงกำร วนั ที่ ๑ เดือน ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ถงึ วันที่ ๓๐ เดือน กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ นิยำมศพั ท์ \"เศรษฐกิจพอเพยี ง\" เปน็ ปรัชญาท่ีพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ทรงมีพระราชดารัสชีแ้ นะแนวทางการ ดาเนนิ ชวี ิตแก่พสกนิกรชายไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ตง้ั แต่กอ่ นเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเม่ือ ภายหลังไดท้ รงเน้นย้าแนวทางการแกไ้ ขเพ่อื ใหร้ อดพน้ และสามารถดารงอยู่ไดอ้ ย่างมนั่ คงและย่ังยนื ภายใตก้ ระแส โลกาภวิ ฒั นแ์ ละความเปลีย่ นแปลงต่างๆ
“ศนู ย์เรยี นรู้ปรัชญำเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎีใหมป่ ระจำตำบล” เปน็ ศูนยก์ ลางการจัดการ เรยี นรู้ รวบรวม ขยายผล เชอื่ มโยง สร้างเครือข่ายและเผยแพร่องคค์ วามรูเ้ กยี่ วกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎีใหม่ และการเรียนร้ตู ามรอยพระยุคลบาทตามแนวพระราชดารแิ ละหลักการทรงงาน ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เพ่ือให้เกิดการพฒั นาสงั คมและชมุ ชนอย่างตอ่ เนื่องมีความเขม้ แขง็ และยัง่ ยนื โดยบูรณาการการทางานและประสานความรว่ มมือกับภาคีเครือข่าย ประโยชนท์ ่คี ำดว่ำจะได้รับ ๑. นักศึกษาและประชาชน มีแนวคดิ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งเป็นพ้ืนฐานในการเรยี นรู้และการดาเนินชวี ิต ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ๒. กศน.ตาบลเป็นศูนย์กลางการเรยี นรู้เศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบทส่ี ามารถนามาเป็นแนวทางในการ ขบั เคล่ือนกิจกรรมได้ ๓. กศน.อาเภอสามารถใช้ศนู ยเ์ รียนรู้เศรษฐกจิ พอเพียงเป็นเพือ่ พฒั นาและสร้างเครอื ข่ายเกษตรกรในพ้นื ท่ี ให้มีความรดู้ า้ นเกษตรอินทรีย์
บทที่ ๒ วิธีกำรดำเนินกำรประเมิน กำรออกแบบกำรประเมิน
บทท่ี 3 ผลกำรดำเนินงำน รปู แบบกำรประเมนิ โครงกำร การประเมนิ โครงการศนู ยเ์ รียนรปู้ รชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ประจาตาบล ตลง่ิ ชนั ตามโครงการไทยนยิ ม ยงั่ ยืน บ้านหน้าเขาวัด หมู่ท่ี ๖ ตาบลตลง่ิ ชัน อาเภอทา่ ศาลา จังหวัด นครศรธี รรมราชใช้รปู แบบการประเมินโครงการ CIPP MODEL ของสตฟั เฟลบีม ( D.L. Stufflebeam, 1997 , P. 261-265 ) ดังนี้ การบริหารการจดั กิจกรรมการเรยี นร้ตู ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยใช้กระบวนการ “การจดั การความรู้ ( Knowledge Management) ” มีวัตถปุ ระสงค์เพอื่ พฒั นาการจดั กจิ กรรมการเรยี นรตู้ าม หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยใช้กระบวนการการจัดการความรู้ และเพอ่ื สร้างครวั เรือนตน้ แบบการ ดาเนินชวี ิตแบบพอเพียงท่ีเสรมิ สรา้ งความเข้มแข็งให้กบั ชุมชนและเป็นแหลง่ เรยี นรู้ โดยดาเนินการในพนื้ ที่การ บรหิ ารการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง โดยใชก้ ระบวนการ “การจดั การความรู้ (Knowledge Management) ” มีวัตถุประสงค์เพ่ือพฒั นาการจัดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง โดยใช้กระบวนการการจดั การความรู้ และเพอื่ สร้างครวั เรอื นต้นแบบการดาเนนิ ชีวติ แบบ พอเพยี งทเ่ี สรมิ สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและเปน็ แหล่งเรยี นรู้ในพืน้ ท่ตี าบลตลิง่ ชนั หมทู่ ่ี ๖ บ้านหนา้ เขาวัด การวเิ คราะห์ข้อมลู จากการดาเนนิ งานการถอดบทเรียนระดับชุมชน โดยกระบวนการสงั เคราะห์เน้ือหาเรอ่ื ง ภูมิปญั ญา ปราชญ์ชาวบ้าน ที่สอดคล้องกบั บรบิ ทของชุมชน ผลกำรดำเนนิ งำนชุมชน บ้ำนหน้ำเขำวดั หมทู่ ี่ ๖ ตำบลตลงิ่ ชนั อาเภอท่าศาลาเปน็ อาเภอขนาดใหญ่มีพ้ืนทมี่ ากเป็นอันดับหนงึ่ ของจงั หวดั นครศรีธรรมราช ตามทางหลวง หมายเลข 401 ครอบคลมุ พนื้ ทีร่ วม 328.45 ตารางกโิ ลเมตร หรอื 205,279 ไร่ มีจดุ เด่นตามธรรมชาติ ทหี่ ลากหลาย มคี วามแตกตา่ งกันตามพนื้ ท่ี มกี ารแบ่งการปกครองดงั น้ี องคก์ ารบริหารส่วนตาบล 10 ตาบล ตาบลท่าศาลา ตาบลทา่ ขึ้น ตาบลสระแกว้ ตาบลกลาย ตาบลตลงิ่ ชนั ตาบลโพธทิ์ อง ตาบลหัวตะพาน ตาบลโมคลาน ตาบลไทยบุรี ตาบลดอนตะโกและ เทศบาล 1 แหง่ ตาบลตล่ิงชัน ต้งั อยู่ทางทิศตะวันตกเฉยี งเหนอื ของทว่ี า่ การอาเภอท่าศาลา ระยะทางประมาณ ๑๖ กโิ ลเมตร โดยมีอาณาเขตติดตอ่ กับตาบลตา่ งๆ ทิศเหนือจดตาบลกลาย อาเภอท่าศาลา และตาบลเปลี่ยน อาเภอสชิ ลซ่ึงมคี ลองท่าลาดกั้นเขตแดน ทิศใต้จดตาบลสะแกว้ อาเภอท่าศาลา มีคลองกลายกน้ั เขตแดน
ทศิ ตะวนั ออกจดตาบลกลาย อาเภอท่าศาลา ทิศตะวันตกจดตาบลนบพติ า อาเภอนบพิตา มีพื้นท่ี ประมาณ ๖๐.๖๒๖ ตารางกิโลเมตร หรอื ประมาณ ๓๗, ๘๙๑ ไร่ สภาพภูมปิ ระเทศโดยทั่วไปเป็นท่ีราบเชงิ เขา ลาดเทจากเทอื กเขาหลวงทางด้านตะวันตกสู่ตะวนั ออก มีคลองกลายไหลผ่าน ลกั ษณะดินเปน็ ดนิ ร่วนตาบล ตล่ิงชัน มีจานวน ๙ หม่บู ้าน หมู่ท่ี ๑ บ้านชะอม หมทู่ ี่ ๒ บ้านปลกั ปลา หมทู่ ี่ ๓ บ้านน้ายาว หมู่ท่ี ๔ บา้ นหนองหว้า หมูท่ ่ี ๕ บา้ นสวนจันทร์ หมทู่ ี่ ๖ บา้ นหน้าเขาวดั หมู่ท่ี ๗ บา้ นนาทอ้ น หมู่ท่ี ๘ บ้านปาก เจา หมู่ที่ ๙ บ้านถ้าหลอด มจี านวนประชากรท้ังสนิ้ ๘,๒๓๔ คน แยกเปน็ ชาย ๔,๑๒๑ คน หญิง ๔,๑๑๓ คน มคี วามหนาแน่นเฉล่ยี ๑๓๖ คน/ตารางกโิ ลเมตร สภาพทางเศรษฐกิจ ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วน ใหญ่ มอี าชีพหลกั คือ การทาสวน เชน่ สวนยางพารา ทาสวนผลไม้ เลย้ี งสตั ว์ รบั จ้างและค้าขาย โดยเฉพาะการทาสวนผลไม้ มกี ารผลติ ทุเรียน เงาะ มังคดุ นอกฤดกู าล สามารถสรา้ งรายได้ให้แก่ราษฎรใน ตาบลไดเ้ ป็นอย่างดี กศน.ตาบลตล่งิ ชัน จัดทาแผนจลุ ภาคระดับตาบลรว่ มกับภาคีเครอื ข่าย สรปุ สถานการณพ์ ัฒนาของ สถานศึกษา วิเคราะหห์ าจดุ แข็งและจุดอ่อนโดยใชว้ ธิ ีการ SWOT ในการตรวจสอบ เพอื่ หาวิธีการที่จะทางานให้ ไปส่คู วามสาเร็จตามเปา้ หมายทว่ี างไว้ตลอดจนหาหนทางในการควบคุมจดุ อ่อนไมใ่ ห้เกิดขึน้ หรอื เกิดขึ้นนอ้ ยทสี่ ดุ ซง่ึ จะช่วยให้สถานศึกษามีทิศทางในการทางานและมีความม่ันใจมากขน้ึ ผลสรปุ จากการทาเวทผี ู้เข้าร่วมโครงการ ได้นาเสนอโครงการเพ่ือต้องการเรียนร้ใู นระดบั ต่อไป กศน.ตาบลตล่งิ ชัน สรปุ สถานการณ์พฒั นาของสถานศกึ ษา วเิ คราะหห์ าจดุ แข็งและจดุ อ่อนโดยใชว้ ธิ ีการ SWOT ในการตรวจสอบ เพอื่ หาวิธกี ารที่จะทางานให้ไปสู่ ความสาเร็จตามเปา้ หมายท่ีวางไวต้ ลอดจนหาหนทางในการควบคมุ จุดออ่ นไมใ่ หเ้ กิดขน้ึ หรอื เกิดข้ึนนอ้ ยท่สี ดุ ซึง่ จะ ช่วยใหส้ ถานศกึ ษามีทิศทางในการทางานและมคี วามม่ันใจมากขึ้น สอดคล้องกบั ความต้องการของชุมชน และ ภาคเี ครอื ข่าย จากการจดั กิจกรรมการจัดกระบวนการเรียนรตู้ ามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ท่ีผ่านมาเปน็ การ จดั กจิ กรรมทีข่ าดความตอ่ เนอื่ งในพนื้ ที่ สง่ ผลใหไ้ มส่ ามารถประเมนิ ผลผเู้ รยี น หลงั การจัดกจิ กรรมได้ ดงั นัน้ การ ขบั เคลอื่ นกิจกรรมการจัดกิจกรรมตามภารกจิ การจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในครงั้ นจี้ งึ ได้คัดเลอื กพื้นท่ีบา้ นทา่ จนั ทน์ หมู่ท่ี 4 ตาบลทอ้ งเนยี น เปน็ หมบู่ ้านนารอ่ งในการขับเคล่ือนกจิ กรรม การเรยี นร้ตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยได้ดาเนินการตามลาดบั ดงั น้ี
ชมุ ชนตน้ แบบ ศนู ยเ์ รยี นรปู้ รัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หมป่ ระจาตาบลตลง่ิ ชนั “แปลงเกษตรอนิ ทรยี บ์ า้ นหนา้ เขาวดั ” แปลงผกั สวนครวั ของสมาชิกกลุ่มผักสวนครัวในตาบลตลง่ิ ชัน มีการสง่ เสรมิ การ ทาการเกษตรอนิ ทรียแ์ บบพงึ่ พาตนเองในครอบครัว มีการปลูกผักหลายชนิด เช่น มะเขอื ขมน้ิ ฟักทอง ฟกั เขยี ว พรกิ ขห้ี นสู วน แตงกวา ฯลฯ
กศน.ตาบลตลงิ่ ชนั และเครอื ขา่ ยโรงเรียนบา้ นหนา้ เขาวัด หมู่ท่ี ๖ ตาบลตลง่ิ ชัน ร่วมมอื กนั ดาเนนิ งานจดั ต้ังกลุ่มอาชพี การปลูกผักสวนครัวร่วมกัน โดยใชพ้ ้นื ที่ท่ีรับบริจาคมาทาแปลงเกษตรอินทรยี ์ เพ่อื สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรียน นกั ศึกษา กศน. และประชาชนในพ้นื ทีต่ าบลตลิง่ ชัน บ้านหนา้ เขาวดั หม่ทู ่ี ๖ ไดใ้ ช้เป็นแปลงเกษตรอินทรียต์ วั อยา่ งในการแลกเปลย่ี นเรยี นร้ปู ระสบการณท์ ่เี ป็นประโยชน์ โดยการนาแนวคดิ “เศรษฐกจิ พอเพียง” ซง่ึ เป็นปรัชญาทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัวทรงมพี ระราชดารสั ชี้แนะแนวทางการดาเนนิ ชีวิตแกพ่ สกนกิ รชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 25 ปี ต้ังแตก่ ่อนเกดิ วิกฤติการณท์ างเศรษฐกิจ และเมือ่ ภายหลงั ได้ ทรงเน้นย้าแนวทางการแกไ้ ขเพ่ือใหร้ อดพน้ และสามารถดารงอยไู่ ด้อย่างมนั่ คงและยั่งยนื ภายใต้กระแส โลกาภวิ ัฒน์และความเปล่ียนแปลงต่าง ๆ การจะดาเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งได้นัน้ ตอ้ งเริ่มท่ี ตัวเราสามารถปรับเปลยี่ นวิธีคิดใหห้ นั มาพ่ึงตนเอง ให้ไดว้ ิธกี ารคอื ตอ้ งวเิ คราะห์ขอ้ มลู ตนเองกอ่ นว่าอยู่ ภายใต้ ความพอประมาณ ความมเี หตมุ ีผล การมีภูมิคุ้นกันท่ีดี และท่ีสาคัญตอ้ งมีความร้คู ู่คณุ ธรรมด้วยนัน้ ซึ่งจะประสบความสาเร็จนนั้ ไม่ง่ายเลย กศน.ตาบลตลง่ิ ชนั ร่วมกับโรงเรยี นบ้านหน้าเขาวดั และเครอื ขา่ ยประชาชน หมู่ที่ ๖ บา้ นหนา้ เขาวัด สง่ เสริมการจดั กิจกรรมโครงการศนู ย์ฝึกอาชพี ชุมชนหลักสตู รเกษตรอินทรีย์ การปลูกผักสวนครัว โดยเลอื กใช้พ้ืนที่ แปลงเกษตรอินทรยี ท์ ่ไี ดร้ ับบรจิ าคให้โรงเรียนบ้านหน้าเขาวดั เป็นแปลงเกษตรตัวอย่าง โดยเลือกกลุ่มเปา้ หมาย ในพ้นื ทเ่ี ข้ารว่ มกิจกรรมกระบวนการจัดการเรยี นรู้ แปลงเกษตรอนิ ทรีย์ โรงเรยี นบ้านหนา้ วัดเขา ม.๖ ตาบลตล่งิ ชนั โดยจดั เวทีแลกเปลยี่ นเรยี นรเู้ พ่อื สรา้ งความเข้าใจใหเ้ กิดกระบวนการคิด และรบั รู้สภาพปญั หาความตอ้ งการท่ี หลากหลาย รวมไปจนถงึ ชี้แจงวัตถปุ ระสงค์ของการจัดกิจกรรมใหส้ มาชกิ ในกลุม่ ทราบ รวมกลมุ่ สมาชกิ วาง แผนการจดั กจิ กรรม เชน่ ภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ วทิ ยากรเฉพาะทางมาให้ความรแู้ กก่ ลุ่มเปา้ หมาย กาหนดวนั สถานท่ี จดั กิจกรรม ประสานงานไปยังหน่วยงานภาคีเครอื ข่ายท่เี กย่ี วข้อง รวมไปจนถึงการประชาสัมพนั ธใ์ หก้ ลุม่ เป้าหมาย ไดร้ ับทราบและเขา้ ร่วมกจิ กรรมตามแผนทไี่ ด้วางไว้ โดยมี นางบุญเรีอง ราพฒั น์ เป็นวิทยากรใหค้ วามรู้ การดาเนินการจดั กจิ กรรมตามโครงการเพ่อื ให้ผูเ้ รียนสามารถนาความรูไ้ ปใช้ใน การพฒั นาตนเองและพฒั นาทักษะความรใู้ หเ้ ปน็ อาชพี เสรมิ ส่งเสรมิ ให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ โดยวทิ ยากร และ ครู กศน. ตาบลตลิ่งชัน กากับดูแลอยา่ งใกล้ชิดและต่อเน่อื ง ให้กาลังใจในการดาเนินกิจกรรม การปลูกผกั สวนครวั การปลกู ผกั สวนครัว เปน็ เศรษฐกจิ พอเพียงอีกอย่างหนง่ึ ที่ยังคงมคี วามสาคญั และการประโยชนต์ ่อการ ดาเนินชวี ติ ประจาวนั การจัดกระบวนการเรียนเรียนรู้ในกลมุ่ โดยมวี ทิ ยากร นางบุญเรียง ราพฒั น์ วทิ ยากรภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ ใหค้ วามรู้ ในการทาเกษตรอินทรียธ์ รรมชาติ : การปลกู ผักสวนครัว เก่ยี วกบั หลักการปลูกและทฤษฎีท่เี ก่ียวข้องกบั การทาเกษตร โดยมสี มาชกิ กลุม่ ผ้เู รียนได้เรียนรู้ภาคทฤษฎี จากน้นั ได้ลงพนื้ ทแ่ี ปลงเกษตรอนิ ทรยี ์ เพื่อเพราะปลกู พชื ผกั สวนครวั หลาย
ประมวลภาพการจดั กจิ กรรม หลักสูตรเกษตรอนิ ทรยี ์ ส่งเสรมิ การปลกู ผกั สวนครัว ณ โรงเรยี นบา้ นหนา้ เขาวัด
ครู กศน.ตาบลตลงิ่ ชัน ร่วมกบั ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นหนา้ เขาวัด และประชาชนหมูท่ ่ี ๖ บา้ นหน้าเขาวดั รว่ มกนั แลกเปล่ียนเรยี นร้ปู ระสบการณ์ด้านการทาการเกษตรอนิ ทรยี ์ การปลูก ผักสวนครัว โดยใช้หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นตัวขบั เคลือ่ นกลมุ่ จากนัน้ ไดม้ ีการพุดคยุ กันในหัวขอ้ การทาข้อตกลงกลุ่ม เพอื่ ใช้เปน็ ระเบยี บในการบรหิ ารจดั การกลุม่ การพดู ถงึ สภาพปญั หาที่พบในการทาสวน ทาไร่ และการนาปุ๋ยหมักชวี ภาพและนา้ หมักชีวภาพมาใช้ในการทาการเกษตรแบบพอเพียง ครู กศน.ตาบลตลงิ่ ชนั ผู้อานวยการโรงเรยี นบา้ นหน้าเขาวัด และสมาชกิ ผเู้ รยี นหม่ทู ี่ ๖ บ้านหน้าเขาวดั รว่ มกนั แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ประสบการณ์ด้านการทาการเกษตรอินทรยี ์ การปลูกผักสวน ครวั โดยใชห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงเป็นตวั ขบั เคลอ่ื นกลุ่ม จากนนั้ ได้มีการพุดคยุ กันในหวั ข้อ การทาข้อตกลงกลมุ่ เพื่อใชเ้ ป็นระเบยี บในการบรหิ ารจัดการกลุ่ม การพูดถึงสภาพปัญหาทีพ่ บใน การทาสวน ทาไร่ และการนาปยุ๋ หมกั ชวี ภาพและนา้ หมักชีวภาพมาใชใ้ นการทาการเกษตรแบบ พอเพยี ง
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมกำรปฏบิ ตั ิงำน ๕ สมรรถนะหลกั
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: