Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ฐานที่ 1 ลำนำตามรอยเสด็จ

ฐานที่ 1 ลำนำตามรอยเสด็จ

Published by chanikan chomchai, 2023-07-17 09:03:47

Description: ฐานที่ 1 ลำนำตามรอยเสด็จ

Search

Read the Text Version

ฐานที่ โรงเรียนอนุบาลพยุหะคีรี(วัดพระปรางค์เหลือง) ๑ ลำนำตามรอยเสด็จ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

คำนำ เอกสารการนำเสนอผลการจัดการเรียนรู้ ฐานการเรียนรู้ \"ลำนำตามรอยเสด็จ\" ของโรงเรียน อนุบาลพยุหะคีรี(วัดพระปรางค์เหลือง) จัดทำขึ้นเพื่อรายงานผลการดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้\"ลำนำ ตามรอยเสด็จ\" โดยการดำเนินงานภายใต้ นวัตกรรม SOFT POWER แหล่งเรียนรู้เสด็จประพาสต้น สู่ ห้องเรียนรวมวิชา (PBL) ที่โรงเรียนได้จัดทำขึ้น โดยส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้เกิดกระบวนการเรียน รู้แบบ ACTIVE LEARNING และการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ของผู้เรียน รวมทั้งกระบวนการจัดการเรียนรู้ ของครูผู้สอน และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการยกระดับคุณภาพผู้เรียน เอกสารฉบับนี้เป็นการนำเสนอผลการจัดการเรียนรู้ ตามโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง เครือข่าย มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา นครสวรรค์ เขต ๑ ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารเล่มนี้จะเป็นแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ ACTIVE LEARNING และก่อให้เกิดประโยชน์กับหน่วยงาน หรือผู้ที่สนใจ ในการนำไปประยุกต์ใช้ต่อไป คณะผู้จัดทำ โรงเรียนอนุบาลพยุหะคีรี(วัดพระปรางค์เหลือง)

สารบัญ หน้า ส่วนที่ 1 ข้อมูลประจำฐาน ๒ - ที่มาของคำว่าประพาสต้น ๔ - การเสด็จฯ เมืองนครสวรรค์ ๘ - เส้นทางสายน้ำ เสด็จประพาสต้นนครสวรรค์ ส่วนที่ 2 แผนการจัดการเรียนรู้ ๑๑ - ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๓ ๑๔ - ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ - ๖ ๑๖ - ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ - ๓ ส่วนที่ 3 ภาพผลงานและภาพการทำกิจกรรม ๑๙ - ภาพผลงาน ๒๗ - ภาพการทำกิจกรรม

ส่วนที่ ๑ ข้อมูลประจำฐาน

ลำนำตามรอยเสด็จ ที่มาของคำว่า “ประพาสต้น” พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชอัธยาศัย โปรดในการเสด็จประพาสตั้งแต่เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติมา เสด็จประพาสแทบทุกปี เสด็จไปตามหัวเมืองน้อยใหญ่ ในพระราช อาณาเขตบ้าง เสด็จไปถึงต่างประเทศบ้าง ได้เคยเสร็จตามมณฑล หัวเมืองในพระราชอาณาเขตทั่วทุกมณฑล เว้นแต่มณฑลภาค พายัพ มณฑลเพชรบูรณ์มลฑลอุดรและมณฑลอีสานเท่านั้น เนื่องจากในรัชกาลที่ ๕ ทางคมนาคมถึงมณฑลเหล่านั้นจะไปมายัง กันดารเปลืองเวลาและลำบากแก่ผู้อื่น จึงไม่ได้เสด็จจนตลอด รัชกาล ในการเสด็จประพาสหัวเมืองใหญ่น้อย บางคราวก็เสด็จไปเพื่อ ทรงตรวจจัดการปกครอง จัดการรับเสด็จเป็นทางราชการ บาง คราวก็เสด็จไปเพื่อสำราญพระราชอิริยาบถ ไม่โปรดให้จัดการรับ เสด็จเป็นทางการที่เรียกว่า “เสด็จประพาสต้น” อยู่ในการเสด็จ เพื่อสำราญพระราชอิริยาบถแต่โปรดให้จัดการที่เสด็จไปให้ง่ายยิ่ง กว่าเสด็จไปประพาสเพื่อสำราญพระราชอิริยาบถอย่างสามัญ คือ ไม่ให้มีท้องตราสั่งเมือง ให้จัดทำที่ประทับแรม ณ ที่ใด ๆ สุดแต่จะ พอพระราชหฤทัย ที่จะประทับที่ไหนก็ประทับที่นั่น บางทีก็ทรงเรือ เล็กหรือเสด็จโดนสารรถไฟไป มิให้ใครรู้จักพระองค์ ๒

ลำนำตามรอยเสด็จ เหตุที่จะเรียกว่าประพาสต้นนั้น เกิดแต่เมื่อเสด็จในคราวนี้ เวลาจะ ประพาสมิให้ใครรู้ว่าเสด็จไป ทรงเรือมาดเก๋ง ๔ แจว ลำหนึ่งเรือนั้นลำ เดียวไม่พอบรรทุกเครื่องครัวจึงทรงซื้อเรือมาดประทุน ๔ แจว ที่แม่น้ำ อ้อมแขวงจังหวัดราชบุรีลำหนึ่ง โปรดให้เจ้าหมื่นเสมอใจราชเป็นผู้คุม เครื่องครัวไปในเรือนั้น เจ้าหมื่นเสมอใจราชชื่ออ้น จึงทรงดำรัสเรียกเรือ ลำนั้นว่า “เรือตาอ้น” เรียกเร็ว ๆ เสียงเป็น “เรือต้น” เหมือนในบทเห่ซึ่งว่า “พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย” แต่เรือมาดประทุนลำนั้น ใช้อยู่ได้ไม่นาน เปลี่ยนเป็นเรือมาดเก๋ง ๔ แจวอีกลำหนึ่ง จึงโปรดให้เอาชื่อ เรือต้นมาใช้เรียกมาดเก๋ง ๔ แจว ลำที่เป็นเรือพระที่นั่งทรงอาศัยเหตุนี้ถ้า เสด็จประพาสโดยกระบวนเรือพระที่นั่งมาดเก่ง ๔ แจว โดยพระ-ราช ประสงค์จะมิให้ผู้ใดทราบว่าเสด็จไปจึงเรียกการเสด็จประพาสเช่นนี้ว่า “ประพาสต้น” คำว่า “ต้น” ยังมีที่ใช้อนุโลมต่อมาจนถึงเครื่องแต่ง พระองค์ในเวลาทรงเครื่องอย่างคนสามัญเสด็จไปประพาสมิให้ผู้ใดเห็น แปลกประหลาดผิดกับสามัญ ดำรัสเรียกว่า “ทรงเครื่องต้น” ต่อมาโปรด ให้ปลูกเรือนฝากระดานอย่างไทยเช่นพลเรือนอยู่กันเป็นสามัญขึ้นที่ใน พระราชวังดุสิต ก็พระราชทานนามเรือนนั้นว่า “เรือนต้น” การเสด็จประพาสต้นเมื่อราว ร.ศ.๑๒๓ เป็นการสนุกยิ่งกว่าเคยเสด็จ ไปสำราญพระราชอิริยาบถแต่ก่อนมา ที่จริงอาจกล่าวว่า เป็นประโยชน์แก่ ราชการบ้านเมืองได้อีกสถานหนึ่ง เพราะเสด็จเที่ยวประพาสปะปนไปกับ หมู่ราษฎรเช่นนั้น ได้ทรงทราบคำราษฎรกราบทูลปรารภกิจสุขทุกข์ ซึ่งไป สามารถจะทรงทราบได้โดยทางอื่นก็มากด้วยเหตุทั้งปวงนี้ต่อมาอีก ๒ ปี ถึง ร.ศ.๑๒๕ (พ.ศ.๒๔๔๙) จึงเสด็จประพาสต้นอีกคราวหนึ่ง ๓

ลำนำตามรอยเสด็จ การเสด็จฯ เมืองนครสวรรค์ การเสด็จประพาสต้นตามหัวเมืองต่าง ๆ ของ ร.๕ ทั้งเป็น ทางการเพื่อตรวจราชการและไม่เป็นทางการ คือการเสด็จประพาส ต้นนั้น มีดังนี้ ครั้งที่ ๑เมื่อปีขาล พ.ศ.๒๔๐๙ (ร.ศ.๘๕) พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ มีพระ-ราชประสงค์ที่จะเสด็จ ขึ้นไปนมัสการพระพุทธชินราชที่เมืองพิษณุโลกตามราชประเพณี แต่ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ซึ่งขณะนั้น ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้า- จุฬาลงกรณ์) ทรงดำรงอยู่ในสมณเพศ ประกอบกับเป็นช่วงเข้า พรรษาจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ร่วมกระบวนเสด็จด้วย แต่เมื่อกระบวนเรือเสด็จขึ้นมาถึงเมืองชัยนาท พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราช-หฤทัยคำนึงถึงสมเด็จ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ที่ไม่ได้เสด็จมาด้วยพระองค์ จึงให้กระบวนเรือเสด็จกลับลงมายังกรุงเทพ รออยู่จนได้เวลาออก พรรษา จึงโปรดให้รับสามเณรเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์เสด็จประทับบน เรือพระที่นั่งอรรคราชวรเดชนำกระบวนล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ขึ้น ไปทางเหนืออีกครั้งในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ พ.ศ.๒๔๐๙ เลือก เวลาน้ำมาก ๔

ลำนำตามรอยเสด็จ การเสด็จประทับบนเรือพระที่นั่งครั้งนั้น สมเด็จพระบรมชนก- นาถ (รัชกาลที่ ๔) ได้ทรงพระกรุณาโปรดให้จัดที่ประทับเฉพาะใน เก๋งดาดฟ้าเรือพระที่นั่ง โดยให้จัดเพดานผ้าขาวเป็นตอนให้ (แยก ต่างหากออกจากฝ่ายข้างใน) เนื่องด้วยข้างใน พระองค์ทรงมีพระ ราชประสงค์จะให้สามเณรเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ประพฤติตามพระ วินัยอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกับที่ทรงมีวัตรปฏิบัติมาแต่แรก บรรพชา ดังนั้นที่ประทับแรมจึงได้จัดกั้นที่บรรทมให้มีบานผ้าปิด เปิดได้ เพื่อสามเณรเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์จะทรงบรรทมได้ในเวลา กลางวันและเป็นการรักษาวัตรปฏิบัติของสามเณรตามพระวินัย ระหว่างการเสด็จประพาสโดยเรือพระที่นั่ง พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทในทาง ธรรมและพระวินัยถวายสามเณรเจ้าฟ้าพระองค์นี้ตลอดเวลาการ เดินทางอีกด้วย เมื่อสมเด็จพระบรมชนกนาถและสามเณรเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ เสด็จขึ้นไปนมัสการพระพุทธชินราช ในพระวิหารวัดพระมหาธาตุ เมืองพิษณุโลกตามพระราชประสงค์แล้ว พระองค์จึงได้เสด็จกลับ พระนคร ในครั้งนั้นนับเป็นครั้งแรกที่ รัชกาลที่ ๕ ทรงเสด็จผ่าน เมืองนครสวรรค์ขณะที่ผนวชเป็นสามเณร ครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๔ (ร.ศ.๑๒๐) เป็นการเสด็จประพาส เลียบมณฑลฝ่ายเหนือ เสด็จทางรถไฟจากพระนครไปเพียง พระราชวังบางปะอินอยุธยาจากนั้นทรงเรือพระที่นั่งโดยเรือกลไฟ จูงขึ้นไปตามลำน้ำจนถึงเมืองพิษณุโลกเพื่อทรงเททองหล่อ พระพุทธชินราชจำลองและเสด็จไปเมืองฝางข้างเหนือเมือง ๕

ลำนำตามรอยเสด็จ อุตรดิตถ์เป็นที่สุดปลายทาง ในการเสด็จผ่านเมืองนครสวรรค์ครั้ง นี้ ได้ทรงเสด็จขึ้นไปนมัสการพระพุทธรูปบนเขา บวชนาค และพระราชทานเงิน ๑๒๐ บาทเพื่อบูรณปฏิสังขรณ์พระ วิหารที่ถูกไฟไหม้และได้เสด็จไปวัดหัวเมือง (ปั จจุบันคือวัด นครสวรรค์) อีกด้วย ครั้งที่ ๓ เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๘ (ร.ศ.๑๒๔) ค้นคว้าเพิ่มเติมจาก เอกสารไมโครฟิล์ม จากสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรุงเทพฯ เรื่อง คำกราบบังคมทูลกล่าวว่ารัชกาลที่ ๕พร้อมด้วยพระบรม วงศานุวงศ์ได้เสร็จพระราชดำเนินมามณฑลนครสวรรค์เพื่อการ พระราชพิธีทรงเปิดสถานีรถไฟปากน้ำโพ และส่งเสด็จสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร (ต่อ มาคือรัชกาลที่ ๖)ในการเสด็จประพาสมณฑลพายัพ ในวันที่๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๔๘และในการเสด็จครั้งนี้ทรงเสด็จฯ มา เสวยพระกระยาหารกลางวันเป็นการส่วนพระองค์ที่วัดเขาบวชนาค ด้วย (ปัจจุบันคือวัดจอมคีรีนาคพรต) ครั้งที่ ๔ เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๙ (ร.ศ.๑๒๕) คือ คราวเสด็จประพาส ต้นครั้งที่ ๒ ของ ร.๕ ระหว่างวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ถึง ๒๙ สิงหาคม ๒๔๔๙ จุดหมายปลายทางเสด็จไปเมืองกำแพงเพชร ซึ่ง ผ่านเมืองนครสวรรค์ การเสด็จเมืองนครสวรรค์ครั้งนี้นับว่ามี ความสำคัญยิ่งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของจังหวัดนครสวรรค์มาก ด้วยขณะนั้นพระองค์ทรงโปรดการถ่ายรูปและได้ทรงพระราช นิพนธ์พระราชหัตถเลขาเป็นบันทึกรายวันรายทางสถานที่ที่เสด็จ ผ่านโดยละเอียดและได้ทรงถ่ายรูปไว้เป็นจำนวนมากเกือบทุก สถานที่ที่ทรงแวะ ๖

ลำนำตามรอยเสด็จ ครั้งที่ ๕ เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๑ (ร.ศ.๑๒๗) เสด็จโดยทางรถไฟ จนถึงเมืองนครสวรรค์แล้วทรงเรือพระที่นั่งล่องน้ำลงมาเข้าปากน้ำ มะขามเฒ่าโดยมีพระราชโองการดำรัสสั่งให้สำรวจลำน้ำเก่าลงมา ถึงเมืองสุพรรณบุรี บ้านผักไห่เมืองอ่างทองแล้วเสด็จกลับทาง บางแก้วเข้ายังกรุงเก่าอยุธยา ในการเสด็จเมืองนครสวรรค์ครั้งนี้ ร.๕ ทรงประทับแรมที่แพซึ่งจอดหน้าที่ว่าการเมืองนครสวรรค์ เสด็จลำน้ำแควใหญ่ ลำน้ำเชียงไกรตำบลบางพระหลวง วัดโพธาราม วัดเขาบวชนาคผ่านย่านมัทรี วัดน้ำทรง บางผีลำน้ำ ตากแดดต่อไปลำน้ำสะแกกรังเมืองอุทัยธานี ออกล่องลงมาตาม แม่น้ำเจ้าพระยาเข้าปากน้ำมะขามเฒ่า ประพาสลำน้ำเก่า ลำน้ำน้อย เมืองสรรคบุรี ชัยนาท ลำน้ำท่าจีนสุพรรณบุรี อ่างทอง และอยุธยา ๗

ลำนำตามรอยเสด็จ เส้นทางสายน้ำ เสด็จประพาสต้นเมืองนครสวรรค์ (ครั้งที่ ๒) ร.ศ.๑๒๕ (พ.ศ.๒๔๔๙) เส้นทางเสด็จประพาสต้นครั้งที่๒ เมื่อ ร.ศ.๑๒๕ (พ.ศ.๒๔๔๙)ไป กำแพงเพชรผ่านเมืองนครสวรรค์ สามารถสรุปวันที่เสด็จฯ สถานที่เสด็จ ผ่าน และที่ประทับแรม ดังนี้ ๒๗ ก.ค. ออกจากสวนดุสิต ลงเรือตำหนักแพวังหน้าผ่านปทุมธานี ผ่านนครสวรรค์ ขาขึ้น ๑๑ ส.ค. เสด็จถึงวัดพระปรางค์เหลือง ดูเหยียบฉ่า หลวงพ่อเงิน ถวายการรดน้ำมนต์ ประทับแรมพยุหะคีรี ๑๒ ส.ค. เสด็จถึงวัดบ้านเกาะ (เกาะหงษ์) เวลาเที่ยง เสวยพระกระยาหาร นมัสการหลวงพ่อกันและพระประธาน โบสถ์ ขอพระสังกัจจายน์ให้เงินไว้เปลี่ยนสร้างใหม่ ตรวจการเรือนจำและศาล ประทับแรมแพ ๘

ลำนำตามรอยเสด็จ ๑๓ ส.ค. เสด็จประพาสตลาดปากน้ำโพและโรงทหาร ทรงปลูกต้นสัก ๑๔ ส.ค. เสด็จเขาบวชนาค (วัดจอมคีรีนาคพรต) เสด็จตลาดแพใน แควใหญ่ ๑๕ ส.ค. เสด็จผ่านหาดทรายงาม บ้านพังม่วง (บางม่วง) ประทับแรม ยางเอน ๑๖ ส.ค. เสด็จถึงวัดบ้านเกาะ (วัดบ้านแก่ง) บ้านเก้าเลี้ยว ประทับแรมหัวดง ๑๗ ส.ค. เสด็จถึงบ้านหูกวาง และบ้านกำนันใย ประทับแรมบ้านแดน ๑๘ ส.ค. เสด็จวัดอรุณราชศรัทธาราม (วัดบ้านแดน) เสด็จเขาหน่อ บ้านบางแกว้ หาดส้มเสี้ยว เมืองบรรพต ถึงบ้านแสนตอ (เมืองขาณุฯ) ผ่านนครสวรรค์ ขาล่อง ๒๗ ส.ค. เสด็จถึงพลับพลาบ้านแดน ประทับแรม ๒๘ ส.ค. เสด็จถึงพลับพลาหัวดง เสวยพระกายาหารกลางวัน เสด็จผ่านบ้านเก้าเลี้ยว เสด็จถึงวัดเขาดิน (วัดเขาดินใต้) นมัสการหลวงพ่อเฮง ประทับแรมพลับพลายางเอน ๒๙ ส.ค. เสด็จถึงปากน้ำโพ แควใหญ่ สถานรถไฟปากน้ำโพ และคลองเข้าบึงบอระเพ็ด เสด็จศาลที่ประทับริมน้ำ พิจารณาคดีศาลทหาร ๙

ส่วนที่ ๒ แผนการจัดการเรียนรู้

ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๓ ๑๑

ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๓ ๑๒

ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๓ ๑๓

ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ - ๖ ๑๔

ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ - ๖ ๑๕

ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ - ๓ ๑๖

ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ - ๓ ๑๗

ส่วนที่ ๓ ภาพผลงาน ภาพการทำกิจกรรม

ภาพผลงาน ๑๙

ภาพผลงาน ๒๐

ภาพผลงาน ๒๑

ภาพผลงาน ๒๒

ภาพผลงาน ๒๓

ภาพผลงาน ๒๔

ภาพผลงาน ๒๕

ภาพผลงาน ๒๖

ภาพการทำกิจกรรม ๒๗

ภาพการทำกิจกรรม ๒๘

ภาพการทำกิจกรรม ๒๙

ภาพการทำกิจกรรม ๓๐

ภาพการทำกิจกรรม ๓๑

โ ร ง เ รี ย น อ นุ บ า ล พ ยุ ห ะ คี รี ( วั ด พ ร ะ ป ร า ง ค์ เ ห ลื อ ง ) ฐ า น ที่ ๑ ลำ นำ ต า ม ร อ ย เ ส ด็ จ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook