239
240
พระคติธรรมเนื่องในวันวสิ าขบชู า พทุ ธศักราช ๒๕๖๓ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก ประทานพระคติธรรมเนอ่ื ง ในวนั วิสาขบูชา ประจำ�ปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓ ตรงกบั วันที่ ๖ พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓ ความว่า “ดถิ วี สิ าขบชู า อนั เปน็ วันคล้ายวันประสตู ิ ตรสั รู้ และปรินิพพาน ของสมเดจ็ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ เปน็ วนั ส�ำ คญั สากลของโลก มกี าลก�ำ หนดขนึ้ ไว้ เปน็ นกั ขตั ฤกษพ์ เิ ศษ เพอ่ื ใหพ้ ทุ ธบรษิ ทั ไดก้ ระท�ำ สกั การบชู า แดส่ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ดว้ ยดวงจติ ตงั้ มนั่ ในความเชอื่ และความเลอื่ มใสตอ่ พระพทุ ธคณุ ซง่ึ เปน็ โอสถ วิเศษ และเปน็ เคร่ืองปอ้ งกนั สรรพพบิ ตั ิภยั ท้งั ปวง ภยั ใหญห่ ลวงส�ำ หรับทุกชวี ิต ตามหลักพระพุทธศาสนา มี ๓ ประการ กลา่ วคอื ความแก ่ ๑ ความเจ็บ ๑ และความตาย ๑ ไมม่ ภี ยั อน่ื ใด ทผี่ คู้ นหวาดหวนั่ ครม่ั ครา้ ม ไปมากกวา่ ภยั ทง้ั ๓ ประการนอี้ กี แลว้ พระพทุ ธองค์ ผู้ทรงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ ได้โปรดประทานหนทางดับภัยไว้แล้วแก่โลก กล่าวคอื “อรยิ มรรค” ซึง่ เปน็ ไปเพื่อละ เพอื่ ล่วงพน้ ภัย ย่อมดับเหตแุ หง่ การเกิด ทีน่ �ำ ไปสูค่ วามแก่ ความเจบ็ และความตาย ไดอ้ ย่างสิ้นเชิง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระปัจฉิมวาจาก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า “วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลความว่า “สังขารมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความ ไมป่ ระมาทให้ถึงพรอ้ มเถิด” จงึ ขอทุกทา่ น หันกลับมาพิจารณาชวี ติ ของตน ๆ ผลู้ ้วนก�ำ ลังเผชิญภยนั ตรายกันอยู่ทัว่ หน้า โดยไม่อาจ ทราบไดว้ า่ ความเจบ็ และความตายจะมาถงึ เมอ่ื ไร ขอจงเรง่ สงั่ สมอบรม “ความไมป่ ระมาท” ใหถ้ งึ พรอ้ ม ขอจง เรง่ ขวนขวายส่ังสม เพ่มิ พูนกศุ ลธรรมให้เจรญิ งอกงามขนึ้ ในตน เพ่ือผลคอื “สติ” และ “ปญั ญา” อันสามารถ ช่วย ใหล้ ว่ งพ้นจากภัยได้ ในท่ีทกุ สถานและในกาลทกุ เมอ่ื ขอสาธุชน อยา่ ละเลยการบ�ำ เพ็ญทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา อันนับเป็น “ปฏบิ ตั บิ ูชา” ทพี่ ึงกระท�ำ ต่อพระรตั นตรยั เพือ่ ความดำ�รงคงมน่ั แหง่ พระสทั ธรรม ของสมเดจ็ พระสมั มาสมั พุทธเจ้า เปน็ ประทีปส่องใจ เวไนยนิกรทง้ั ปวงสบื ไป ตลอดกาลนาน เทอญ” 241
ธรรมะรักษาจิต พชิ ิตภยั โควิด-๑๙ เจริญพรท่านสาธุชนทัง้ หลาย บดั น้ี เรากำ�ลงั เผชญิ ภัยอนั ตรายตา่ ง ๆ ภัยส�ำ คญั ท่ีสุดเหมอื นกับกองทพั ประชิดเมอื ง เปน็ สงครามโรค ไมใ่ ชเ่ ฉพาะประเทศไทย ทัง้ โลกน้นั เผชิญกบั สงคราม เมื่อกองทัพโรคมาเผชิญกับประเทศหรือโลกของเรา เราก็ต้องหันหน้าต่อสู้กับโรคนั้น ก็มีแม่ทัพใหญ่ กค็ ือ กระทรวงสาธารณสขุ แพทยพ์ ยาบาลทง้ั หลาย พนกั งานเจ้าหนา้ ทกี่ ารแพทย์ทง้ั หมด ก็ตอ้ งเปน็ ทพั หนา้ รบกับโรค แล้วก็มีทัพหลวงก็คอื รัฐบาลเปน็ ผู้ให้อปุ ถัมภ์ ใหข้ ้อแนะนำ�ตา่ ง ๆ เราประชาชนนั้นเปน็ พลเมือง อยทู่ ้าย เราก็ตอ้ งเชื่อฟังแม่ทัพท้งั สองทัพน้ัน 242
เพราะฉะนั้น เราในฐานะท่ีเป็นพสกนิกรชาวโลกก็ขอให้ฟังแม่ทัพท้ังสองน้ัน ให้ต่ืนตัวอยู่เสมอ มีสติ รตู้ ัวอยู่ เราอย่าเอาความรสู้ กึ ของเรามาตอ่ ต้าน ทัง้ แพทย์ ทง้ั รัฐบาล รกั ษาตวั ของตวั ให้ดี ใหป้ ลอดภัยจาก สงครามโรค คือโรคต่าง ๆ นี้ ไม่ตอ้ งไปดูแลใคร ดแู ลตวั เองใหด้ ี ปอ้ งกนั ตวั เองใหด้ ี มสี ตริ ตู้ ัวอยู่เสมอและมี สัมปชัญญะพจิ ารณาค�ำ แนะนำ�นั้น ทุกอยา่ งนนั้ ใหถ้ อื ว่าเปน็ ประโยชนแ์ ก่ตวั เราทุกคน กอ็ ยา่ ไปเอาความรสู้ ึก มาคดิ ตอ่ ตา้ นในความทเ่ี ราไมส่ ะดวกตา่ ง ๆ นานา กข็ อใหท้ กุ ทา่ นไดม้ สี ติ มปี ญั ญาพจิ ารณา ไตรต่ รองดู ใหห้ า ประโยชน์ใหแ้ ก่ตัวเอง อย่าหาโทษให้แกต่ วั เอง เราก็จะปลอดภัยจากโรค แลว้ ระยะเวลานี้ก็น่าจะชนะขา้ ศึกได้ ในเร็วพลัน ขอใหท้ ุกทา่ นมีความสุขความเจรญิ ในชีวิตด้วยกันทุกคน ขออนุโมทนา สมเดจ็ พระวนั รัต (จนุ ท์ พรฺ หฺมคุตโฺ ต) วัดบวรนเิ วศวิหาร เผยแผ่ทางเพจ ส�ำ นกั งานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ 243
ในสถานการณ์โควดิ -๑๙ น้ี โพชฌงค์ สวดก็ได้ แต่ถา้ ใชจ้ ะยงิ่ ดี ตอนนี้ประชาชนคนท่ัวไปจิตใจก็มาอยู่กับเรื่องโรคระบาด โควิด-๑๙ ทำ�ให้จิตใจพฤติกรรมความเป็น ไปต่างนี้ ๆ มคี วามเปน็ ไปได้ดบี า้ ง ไมส่ บายใจบ้าง มีความขดั ขอ้ งท�ำ ใหว้ ้าวุน่ ข่นุ ใจอะไรตา่ ง ๆ เร่อื งนกี้ ็เปน็ ดา้ นหนงึ่ พรอ้ มกนั นน้ั ผมู้ คี วามหวงั ดตี อ่ ประชาชนตอ่ สงั คมกห็ าทางทจี่ ะชว่ ยนอกจากเรอื่ งของการบ�ำ บดั รกั ษา เร่ืองของโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ก็หาทางท่ีจะช่วยทางด้านอื่น ๆ ด้านหนึ่งน่ันคือด้านของจิตใจ ก็มีการนิมนต์ พระสวดโพชฌงค์ พอนิมนต์พระสวดโพชฌงค์ สำ�หรับคนท่ีอยู่ในประเพณีท่ีสืบกันมาใกล้วัดก็พอจะเข้าใจ แต่มาถึงในรนุ่ น้แี มแ้ ต่คนท่อี ยู่ใกล้วัดกไ็ ม่ไดค้ ุ้นนักก็มีความสงสยั อยู่บ้าง คนขา้ งนอกก็มีความสงสยั อยู่วา่ จะ นมิ นต์พระใหส้ วดโพชฌงค์ โพชฌงคก์ ็จะมาแก้โรคได้อยา่ งไร ทีน่ ีก้ ็ถ้าไม่ท�ำ ความเข้าใจกันกอ็ าจจะทำ�ให้เกดิ ความสบั สนมากขนึ้ แตว่ า่ ตอ้ งเขา้ ใจไวก้ อ่ นวา่ ทง้ั หมดนเี้ ปน็ เรอื่ งของความปรารถนาดอี ยากใหท้ กุ คน รวมทงั้ สังคมทง้ั หมดน้ผี า่ นสถานการณท์ ี่เราถอื วา่ เลวร้ายอันนไ้ี ปไดด้ ี ในเร่ืองของการ “สวดโพชฌงค์” ก็เป็นเร่ืองในพระพุทธศาสนา เรามีประเพณีสวดมนต์ สวดมนต์ท่ี สวดกนั ทัว่ ไปที่เปน็ การมาให้ความคุม้ ครองปอ้ งกนั อะไรน่ี เราเรยี กวา่ “ปรติ ร” ชาวบา้ นทว่ั ไปมักออกเสียงวา่ “ปะ-รดิ ” แตว่ า่ ถา้ เอาตามทางการ พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถานก็จะอ่านวา่ “ปะ-หริต” อันน้ีก็คอื เป็น แบบแผน 244
ค�ำ ว่า “ปริตร” ให้รู้ไว้ก่อน กแ็ ปลง่าย ๆ ว่า เปน็ เครอื่ งคมุ้ ครองป้องกัน นก้ี ม็ าพดู ถงึ “โพชฌงค”์ ในทน่ี ก้ี เ็ อาโพชฌงคม์ าเปน็ ปรติ ร เรากเ็ รยี กวา่ “โพชฌงั คปรติ ร” กท็ �ำ ความเขา้ ใจ กนั ง่าย ๆ ฟังสบาย ๆ กอ่ น คอื โพชฌงคปริตรนี้ ความจริง “โพชฌงค์” หรอื “โพชฌังคะ” เปน็ หลกั ธรรม หมวดหนง่ึ ทพี่ ระพทุ ธเจา้ ตรสั เปน็ หลกั ไวม้ คี วามสมบรู ณ์ในตวั ของหลกั นเี้ อง แปลงา่ ย ๆ วา่ เปน็ องคข์ องการ ตรัสรู้ ปฏบิ ัตติ ามน้ี ถ้าบรรลุผลตามความมุ่งหมายกท็ ำ�ให้เกิดความต่นื รจู้ นถึงการตรสั รู้ แต่ท่ีน้ีต่อมาก็เกิดมีความนิยมนำ�เอาหลักโพชฌงค์น้ี นำ�มาสวดเรียกว่านำ�มาใช้เป็นปริตรนี้ก็เป็นอีก ขนั้ ตอนหน่งึ ท�ำ ไมจึงนำ�มาใช้เปน็ ปรติ ร กค็ อื เรามคี วามเชอ่ื กันถอื กนั มาวา่ ค�ำ สวดทีด่ ี ๆ มตี ัวอย่างเปน็ บางสูตร บางเรือ่ งแม้แต่ในชาดกทีว่ ่า ทา่ นกลา่ วเกี่ยวกบั เรอ่ื งความดงี ามสัจธรรมไรตา่ ง ๆ ไว้ แล้วก็ตั้งจิตต้งั ใจว่าให้ ความดีงาม หรือวา่ พุทธคณุ ธรรมคุณ สงั ฆคณุ มาคุ้มครองปอ้ งกนั รกั ษาใหพ้ น้ ภยั อันตราย คำ�ที่เอามาสวด นั้นเคา้ เรียกว่าปริตร แปลว่า เครอื่ งค้มุ ครองป้องกัน ปริตรนี้มหี ลายบท ก็มเี พ่มิ ข้นึ ๆ นก้ี ็ในสมัยหนึง่ กค็ ิดว่า หลกั ธรรมโพชฌงค์ที่พระพทุ ธเจ้าตรสั ไว้เอามาสวดเปน็ ปริตรจะคุ้มครองป้องกนั ภัยอันตรายได้ โดยเฉพาะก็ ในแงข่ องโรคภยั ไขเ้ จ็บ ทำ�ไมจึงเป็นอย่างน้ัน ก็คือมีเร่ืองในพระไตรปิฎกเองเล่าไว้ว่า คราวหน่ึงพระมหากัสสปเถระ ซ่ึงเป็น พระมหาสาวกองค์สำ�คัญมากองค์หนึ่งได้อาพาธก็คือเจ็บป่วยหนัก พระพุทธเจ้าเสด็จไปทรงเย่ียม เม่ือทรง เย่ียมแล้วก็ทรงถามอาการความเป็นไป ท่านก็บอกมาว่าไม่สบาย เม่ือสนทนาไปพระพุทธองค์ก็ตรัสเร่ือง โพชฌงคข์ น้ึ มา กต็ รสั ท�ำ นองบรรยายอธบิ ายไป คลา้ ย ๆวา่ เมอื่ มาพบพระมาเยย่ี มกนั กส็ นทนากพ็ ดู เรอ่ื งดงี าม ก็พูดเร่ืองธรรมะท่ีพระมหากัสสปะท่านก็เข้าใจ ท่านปฎิบัติมาแล้ว แต่พระพุทธเจ้าตรัสขึ้นมาแล้วมีการ อธบิ ายใหม้ คี วามแจม่ แจง้ ชดั เจนขนึ้ พระพทุ ธเจา้ ตรสั อธบิ ายไปไมร่ นู้ านเทา่ ไร พอจบแลว้ พระมหากสั สปะกม็ ี ความชื่นชมยินดี มีความสุขใจเกิดข้ึนมาก จะว่าไปแง่หนึ่งถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็มีกำ�ลังใจเกิดข้ึน เช่นว่า มีความปีติ มีความสุขใจซ้งึ ใจอย่างแรง แลว้ ก็ท�ำ ให้ท่านหายจากโรค 245
อกี ครง้ั หนง่ึ พระมหาโมคคลั ลานะเปน็ สาวกองคส์ �ำ คญั กเ็ จบ็ ไข้ไดป้ ว่ ยอาพาธอยา่ งน้ี พระพทุ ธเจา้ กเ็ สดจ็ ไปทรงเย่ียมแล้วกไ็ ดท้ ักทายปราศรยั ในที่สดุ ตอนหน่งึ พระองค์กต็ รัสบรรยายอธบิ ายเรื่องโพชฌงค์ ซ่ึงเปน็ เรื่องท่ีพระมหาโมคคลั ลานะทราบอยู่ คล้าย ๆ วา่ ไปบรรยายสง่ิ ทีท่ ่านไดป้ ระสบมาเอง ซึ่งเป็นสง่ิ ทำ�ใหท้ า่ นได้ เจริญในธรรม สามารถบรรลมุ รรคผลนพิ พานได้ เทา่ กับไปทบทวนความร้คู วามเขา้ ใจ และแถมสภาพจติ ใจท่ี ท่านเคยผ่านการปฏบิ ตั นิ ้มี า ทที่ ่านไดม้ ีจิตใจดงี าม มีความสุข มีปีติ เป็นต้น ก็เทา่ กบั ไปฟืน้ ภาวะจติ ท่ีดงี าม ขนึ้ มา พระพทุ ธเจา้ ตรสั จบแลว้ พระมหาโมคลั ลานะมคี วามชนื่ ชมยนิ ดี จนกระทงั่ ท�ำ ใหจ้ ติ ใจทา่ นมกี �ำ ลงั แขง็ แรง ขน้ึ มา แล้วท�ำ ใหท้ ่านหายจากโรคภัยไขเ้ จบ็ นนั้ ได้ อีกคราหน่งึ พระพทุ ธเจา้ เองประชวร ตอนนพี้ ระองค์หน่งึ ท่เี ป็นพระสาวกทมี่ าใกลช้ ดิ ที่เป็นเหมือนกับวา่ เป็นอุปัฏฐากมาเฝ้าดูแลพระพุทธเจ้าอยู่ ท่านเข้ามาเฝ้าพระพุทธเจ้า จะมาดูว่าพระพุทธเจ้าทรงอาพาธเป็น อยา่ งไรบา้ ง พระพุทธเจา้ กต็ รัสกับพระมหาจุนทะ เอ้อ! น่ีเธอ เอาเรื่องโพชฌงค์มาพูดอธิบายซิ นพี่ ระพทุ ธ พระองค์กร็ ู้อยู่ เพราะวา่ พระองคเ์ ป็นผู้ตรสั แสดงเอง กลายเปน็ วา่ พระองค์จะทรงฟงั ใหพ้ ระมหาจนุ ทะ กลา่ ว ตามความรคู้ วามสามารถของทา่ น พระมหาจนุ ทะกก็ ลา่ วอธบิ ายแสดงเรอื่ งโพชฌงค์ไปตามล�ำ ดบั จนกระทง่ั จบ พอจบแลว้ พระพทุ ธเจ้าทรงพอพระทัย แลว้ ก็หายจากโรค น่ีคือเร่ืองราวท่ีเป็นมา จากเรื่องราวน่ีล่ะท่ีปรารภให้พระภายหลังพระผู้ใหญ่ที่อยู่ในวงการพระสงฆ์ ทเ่ี รียกว่า โบราณาจารย์ น�ำ โพชฌงค์มาจดั เป็นปรติ รบทหนึ่ง ปริตรนมี้ เี ยอะ มหี ลายปริตร อยา่ งรตั นปรติ ร ท่ีท่านจะให้สวดก็เหมือนกัน แล้วก็มีอังคุลิมาลปริตร อะไรพวกเน่ียเยอะแยะไป ก็เลยเอาโพชฌงค์มาเป็น ปรติ รหนงึ่ ท่ีนี้ สงิ่ ท่เี ราควรจะทราบก็คอื ๑) มองในแงข่ องปรติ ร ทเ่ี อามาใชเ้ พอ่ื สวดปอ้ งคมุ้ ครองปอ้ งกนั ชว่ ยใหค้ นปว่ ยไขห้ ายโรคอนั นก้ี แ็ งห่ นง่ึ ๒) มองในแงต่ วั หลกั ธรรม ทเ่ี รยี กวา่ โพชฌงคน์ นั้ คอื อะไร ถา้ มองในแงน่ กี้ ม็ องเรอื่ งไปสมั พนั ธก์ บั เรอื่ ง โพชฌงค์ใน ๒ ระดับ คือ (๑) ระดบั ศรทั ธา เหมอื นเราเอามาสวดเปน็ ปรติ ร โดยมากกม็ งุ่ ในระดบั ศรทั ธาศรทั ธากม็ งุ่ ไปทางจติ ใจ ทำ�ให้จิตใจของคนสดช่ืน เบกิ บาน รา่ เริง ผอ่ งใส มกี ำ�ลงั ใจขึ้นมา ซงึ่ เปน็ ส่วนส�ำ คญั ทีจ่ ะให้ หายโรคหายภยั แลว้ กด็ �ำ เนนิ ชีวิตได้ดี (๒) ระดบั ปญั ญา กค็ ือความรเู้ ข้าใจ กค็ อื เขา้ ใจตวั หลักธรรมโพชฌงค์ เป็นอย่างไร มีความหมาย อยา่ งไร และแม้กระทง่ั ว่ามอี ะไรบา้ ง แตล่ ะข้อเป็นอยา่ งไร เอามาใช้ปฏิบัตอิ ย่างไร 246
ข้ันท่ี ๑ ศรทั ธา สวดโพชฌงค์ ระดบั ท ี่ ๑ คอื ระดบั ของศรทั ธา มงุ่ ผลทางดา้ นของจติ ใจ ทมี่ าสวดมนตก์ นั น้ี เรากจ็ ะเหน็ วา่ ในสถานการณ์ อย่างนี้ เวลาเกิดโรคภัยไข้เจ็บเป็นเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ข้ึนมา ก็ทำ�ให้เกิดหวาดหวั่นตระหนกตกใจพร่ันพรึง บางพวกก็ทำ�ให้การดำ�เนินชีวิตไม่เป็นไปตามท่ีตัวเองได้เป็นอยู่โดยสะดวก ต้องมาติดขัดเร่ืองโน้นเรื่องน้ี กลมุ้ อกกลุ้มใจ วนุ่ วายอะไรต่าง ๆ จติ ใจคนก็ระส่�ำ ระสา่ ย สภาพจิตอยา่ งนีไ้ มด่ ีไม่เป็นประโยชน์และคนที่เป็น สภาพจติ แบบนี้เปน็ ไปตา่ ง ๆ กัน พวกหนึ่งตกใจ พวกหนึ่งวนุ่ วายใจ พวกหนึ่งไมพ่ อใจขัดใจ มันแตกแยกกัน จติ ใจมนั แตกกนั หมด อยา่ งนี้ มนั ทำ�ให้เกิดความระส่ำ�ระส่ายได้งา่ ย เพราะฉะนน้ั ขน้ั ท ่ี ๑ ทจ่ี ะดกี ค็ อื วา่ ท�ำ อยา่ งไรจะใหค้ นรวมใจกนั ได้ แตท่ ร่ี วมกนั น้ี กร็ วมกนั ในความสงบ ในความดีงาม พอใจสงบดีงาม สติก็มาได้ ต้งั หลักได้ พร้อมเพรียงกันมีความสามัคคี จะทำ�อะไรต่ออะไร พร้อมเพรียงกันสำ�เร็จได้ง่าย ท่ีน้ีการสวดมนต์น้ี ปกติคนท่ีเก่ียวข้องประชาชนญาติโยมก็มีศรัทธาอยู่แล้ว มศี รทั ธาพอพระสวดมนตห์ รอื ตนเองสวดกต็ ามใจกโ็ นม้ ไปในความดงี าม จติ ใจกเ็ ปน็ จติ ใจทด่ี ี พอฟงั แลว้ หนง่ึ กจ็ ะไดค้ วามสงบ ความขดั ขอ้ งขนุ่ มวั เศรา้ หมองวนุ่ วายอะไรตา่ ง ๆ ตน่ื ตระหนกกเ็ บาไปกส็ งบลงได้ พอสงบลงได้ กเ็ กดิ ก�ำ ลงั ใจ เพราะวา่ ไปนกึ ถงึ พระพทุ ธเจา้ พระธรรม พระสงฆ์ นกึ ถงึ คนทท่ี า่ นมคี วามปรารถนาดี มาชว่ ยเกดิ ก�ำ ลงั ใจ ทนี ใ้ี จคนทเ่ี ปน็ อยา่ งนก้ี เ็ หมอื นกบั มารวมกนั ถา้ หากวา่ เขามาสวดดว้ ยกนั เรากเ็ รยี กวา่ มี “กายสามคั ค”ี คอื กายกม็ าพรอ้ มเพรยี งกนั กร็ ว่ มกนั คนทม่ี ารว่ มกนั เปน็ กายสามคั คกี ร็ สู้ กึ อนุ่ ใจ มกี �ำ ลงั เขม้ แขง็ ขน้ึ แตท่ นี ถ้ี งึ ไมไ่ ดม้ ามกี ายสามคั คี กม็ จี ติ สามคั คี ใจสามคั คี ใจพรอ้ มเพรยี งกนั กค็ อื ใจเปน็ อยา่ งเดยี วกนั แลว้ รวมกันในความสงบ แลว้ ก็ในศรทั ธา กเ็ ป็นใจทม่ี ีความสามคั คเี รยี กวา่ “จติ สามัคค”ี จติ สามคั คนี ยี้ ง่ิ แรงใหญ่ เพราะว่าเป็นฐานของกายสามัคคี คนมีจิตสามัคคีแล้วกายสามัคคีจึงจะมีความหมาย ถ้าหากว่าเอากายมา รวมกันเป็นกายสามัคคี แต่ใจไม่เอาด้วยกันมันก็ไปไม่รอด เพราะฉะนั้นจิตสามัคคีหรือใจสามัคคีน้ีสำ�คัญ นี้คนเราฟังสวดมนต์แล้วจิตมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในความสงบ ในความระลึกถึงศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า ตอ่ ธรรมะ เป็นจิตใจทีด่ งี าม มคี วามสงบมีกำ�ลงั ใจขน้ึ มาแล้ว แล้วมีความปตี สิ ดชนื่ เบิกบานแจ่มใส อนั นี้เปน็ จิตใจทด่ี งี าม มนั กเ็ ปน็ จติ ใจพรอ้ ม ตอนนสี้ ตมิ าแลว้ สตกิ เ็ ปน็ หลกั ให้ได้ ถา้ เปน็ คนทไ่ี ดเ้ รยี นรู้ มคี วามรเู้ ขา้ ใจ ปัญญาก็ทำ�งาน สติตั้งหลักให้ ปัญญาก็นึกว่าในสถานการณ์อย่างน้ี ปัญญาก็จะได้นำ�ความรู้ต่าง ๆ มาใช้ ประโยชน์ได้ นเ้ี ปน็ ข้ันที่รวมใจรวมคนใหเ้ กิดความสามัคคี แล้วกเ็ กดิ ความพรอ้ ม 247
สมยั กอ่ นทที่ า่ นใหม้ กี ารสวดมนต์ มนั จะไมใ่ ชแ่ คส่ วดมนต์ แตก่ ารสวดมนตน์ น้ั กอ็ ยา่ งทว่ี า่ รวมคนรวมใจ แล้วก็ให้พรอ้ มทจี่ ะทำ�การอันใดอันหน่ึง อะไรทำ�การตอ่ ไป ตอนนีค้ ือใจสงบ รวมกันเปน็ หนงึ่ เดยี วแล้ว มีสต ิ ทา่ นกต็ อ่ ดว้ ยการฟังธรรม สมยั กอ่ นจะเป็นอยา่ งน้ี ตามหลกั ก็จะตอ้ งวา่ พอสวดมนต์จบกฟ็ งั ธรรม ฟังธรรม น้กี ็ในความหมายทั่ว ๆ ไป ก็เอาเรื่องทด่ี ีงามทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อการด�ำ เนนิ ชีวิตเป็นอยู่ แม้แตเ่ รือ่ งการปฏิบัติ ตัวอยา่ งไรในเวลาทเี่ กดิ โรคภัยไข้เจ็บมโี ควดิ -๑๙ เกดิ ขน้ึ น้ี และวธิ แี ก้ไขปอ้ งกันตวั ดำ�เนินชีวติ ท่ดี ีงามตอนน้ี เปน็ อยา่ งไร พอใจคนสงบดว้ ยการสวดมนต์ กไ็ ด้โอกาสเอาความรนู้ มี้ าบอกกนั แลว้ กน็ อกจากความรทู้ วั่ ไปที่ เปน็ ประโยชนต์ อ่ ชวี ติ กเ็ อาธรรมมาสอนอกี ใชไ่ หม มนั กด็ กี นั ใหญ่ เพราะวา่ ใหค้ นเนยี่ อยา่ ไปนกึ อะไรมาก อยา่ มวั เจ็บเปน็ ทุกข์กนั อยู่ คนเรานีท้ เ่ี กดิ ความตระหนกตกใจ เกิดความขัดข้องขนุ่ มัว จิตใจทำ�อะไรไมไ่ ดอ้ ยา่ งใจ จะไปสนุกสนานบันเทิงก็ทำ�ไม่ได้ จติ ใจเสีย พอจิตใจเสียกเ็ ป็นจิตใจท่ีมีความทุกข์เดือดร้อนเปน็ จิตใจทีไ่ ม่ด ี หรือเรียกวา่ ทีเ่ ปน็ ทุกข์น่นั เอง ถ้ามองในแง่อื่นว่า โควิดน้ีเป็นโรคร้าย มันมาถึงตัวถึงทำ�อันตรายใช่ไหม มาทำ�ให้คนเจ็บป่วยถึงตาย แตน่ ี้คนจำ�นวนเหล่านี้ อย่กู ันดี ๆ โรคก็ยงั ไม่ถึงตวั ตัวก็ยงั ไมเ่ ปน็ ใหว้ นุ่ วายไปหมดมคี วามทกุ ข์ มนั เรอ่ื งอะไร คล้าย ๆ วา่ โรคกย็ งั ไมถ่ งึ ตัว โรคมนั เก่ง มาทำ�รา้ ยถงึ ใจไดเ้ ลย มาถงึ ท้งั ๆ ทมี่ ันยงั ไมม่ า มองไปในแง่หนง่ึ กค็ อื วา่ คนเหลา่ นที้ �ำ รา้ ยตวั เองเอาเรอื่ งทม่ี นั คดิ ไมถ่ กู ตอ้ งคดิ ผดิ ทาง เอามาท�ำ รา้ ยใจตวั เองท�ำ ใหต้ วั เองเดอื ดรอ้ น เปน็ ทุกข์ เพราะถา้ ต้ังสติตัง้ หลกั ได้วางใจใหถ้ กู ก็คิดอย่างนอ้ ยว่า โควดิ มนั ก็เป็นของมัน เกิดสถานการณ์รา้ ย มันจะทำ�ร้ายเรานี้แล้วเราเอามาคิด แล้วเอามาทำ�ให้ขุ่นข้องหมองใจต่ืนตระหนกตกใจ มันทำ�ร้ายตัวเรา เรากลายเปน็ ผถู้ กู กระท�ำ คนทเี่ กง่ ตอ้ งเปน็ ผกู้ ระท�ำ ไมใ่ ชเ่ ปน็ ผถู้ กู กระท�ำ ตอนนเี้ ราเปน็ ผถู้ กู กระท�ำ ถกู กระท�ำ ยงั ไง ปญั หามนั มาโจมตีเรา ท้งั ๆ ท่มี ันไม่ได้มาถงึ ตวั เลย เพราะฉะนั้นหน้าท่ขี องเราคนทีเ่ กง่ คนท่ปี ฏิบัตถิ กู ตอ้ งกค็ อื ๑) จากการเปน็ ผ้ถู กู กระทำ�ต้องเปล่ยี นเป็นผกู้ ระทำ� ๒) ทวี่ า่ เปน็ ผกู้ ระท�ำ กค็ อื จากการทจี่ ะถกู ปญั หามาบบี คน้ั ความทกุ ขม์ ากดทบั ตวั เองถกู โจมตอี ะไรตา่ ง ๆ เหล่าน้ี เราต้องพลิกตัวกลับไปเป็นผู้แก้ปัญหา เป็นผู้ที่ดับทุกข์ สติมันจะบอกว่า คุณทำ�ผิดแล้ว โรคก็ยังไม่มีและมันทำ�ให้เกิดความวุ่นวายแล้วก็มาซ้ำ�เติมตัวเองอย่างนี้ไม่ได้ เพราะฉะน้ันต้อง เปลี่ยนเป็นว่า เราตอ้ งพลิกตวั เป็นผูก้ ระทำ� แลว้ กเ็ ป็นผแู้ กป้ ญั หา เป็นผดู้ บั ทกุ ข์ ตอนน้สี ตมิ าแล้ว ปญั ญาตามเลย ปญั ญาตามก็เดินหน้าได้ คิดจะทำ�อย่างไร จะด�ำ เนินชีวติ ของเราให้ดี ใหอ้ ยใู่ ห้ดี ท่ีสดุ ในสภาพนีจ้ ะได้ชนะมันได้ 248
นี่ก็คือเริ่มจากว่าถ้าเราสวดมนต์ใช้ประโยชน์ให้ถูกต้อง คนน้ีฐานมันอยู่ท่ีจิต ถ้าวางจิตถูกต้องแล้ว พอจติ มนั ดี สตมิ นั เกดิ สตติ ง้ั หลกั ได้ ทน่ี ป้ี ญั ญามากก็ ลายเปน็ ผทู้ ม่ี าท�ำ การแก้ไขปญั หาเปน็ ตน้ แลว้ ท�ำ สงิ่ ทดี่ ี งามอันทีเ่ ปน็ การสรา้ งสรรค์ มันก็เดินหนา้ ไป มันก็แกป้ ัญหาได้ อยา่ งนอ้ ยก็ผ่านสถานการณ์นี้ไปอยา่ งดที ส่ี ุด แต่อย่างน้อยคนต้องมีความสามคั คกี ัน พอสามคั คีกนั ทางจิตใจอย่างนี้แล้ว ความสามัคคที างกิจการการงาน ทางกายมันก็ออกมาด้วย มันก็เดินทางเดยี วกันไปได้ดว้ ยดี เพราะฉะนน้ั เรื่องสวดมนต์น้ถี า้ ใช้ให้ถกู ใหเ้ ปน็ นกี้ เ็ ปน็ ประโยชนม์ าก ก็เอาเป็นวา่ เป็นพนื้ ฐานเบื้องตน้ จากการท่ีใชศ้ รทั ธามาทำ�ให้จิตใจคนมารวมกัน พอรวมกนั ในความดงี าม มคี วามสงบ ตง้ั หลกั ได้ ต้ังสตไิ ด้ กแ็ ลว้ ทนี่ กี้ เ็ ดนิ หน้าไป ก็ใชป้ ัญญา พอใจสงบออกจากการสวดมนต์แลว้ มกี ารฟงั ธรรม มกี ารให้ความรู้ ก็ กลายเปน็ วา่ ศรทั ธาปฎบิ ตั ถิ กู ตอ้ งศรทั ธานน้ั กม็ าตอ่ ปญั ญา ทนี่ ค้ี อื ขนั้ ศรทั ธามาตอ่ ปญั ญา ตอนนก้ี ็ใช้โพชฌงค์ ในเชิงปฏิบัติการ ตอนน้ีเปน็ ขั้นปัญญา กจ็ ะใหเ้ ข้าใจก่อน ถ้าในคตไิ ว้บอกวา่ “อาปทาสุ ถาโม เวทติ พโฺ พ” บอกเร่ียวแรง ก�ำ ลงั น้ี จะรู้ไดด้ ใี นเวลามภี ยั อนั ตราย เรมิ่ จากก�ำ ลงั ใจ พอมภี ยั อนั ตรายเกดิ ขน้ึ เราจะรเู้ ลยวา่ คนมกี �ำ ลงั ใจไหม ฉะนั้นเรี่ยวแรงกำ�ลังจะรู้ได้ เมื่อมีภัยอันตราย เพราะฉะนั้นเราจะต้องพิสูจน์ว่าเรามีความเข้มแข็ง มีกำ�ลัง ตวั เราเองมีก�ำ ลงั ใจ แล้วประเทศชาตสิ งั คมของเรามกี ำ�ลังท่ีจะตอ่ สู้ผจญแก้ไขปัญหาน้ไี ด้ ในการท่มี ภี ัยเกิดข้ึนน้ี คติแม้แต่ในยามสถานการณข์ องแตล่ ะคน คนที่เก่ง คนทีด่ ำ�เนินชีวิตได้ดี ถงึ ที ไดป้ ระโยชนส์ มหมาย ไมเ่ หลงิ ลอย ถงึ คราวสญู เสยี ประโยชนก์ ไ็ มห่ มดก�ำ ลงั ใจ นกี้ เ็ ปน็ การพสิ จู น์ในตอนนว้ี า่ ถงึ ทไี ดแ้ ปลสำ�เร็จสมหมายไม่เหลงิ ลอย ถงึ คราวเสียประโยชน์ไม่หมดก�ำ ลงั ใจ นี้ละ่ จะพสิ ูจน์ตัวเราแล้วท่ีวา่ เรยี่ วแรงกำ�ลงั จะรู้ดว้ ยเม่อื มีภัยอนั ตราย ตอนน้ีเป็นการพสิ จู น์ เพราะฉะนั้นธรรมะแมแ้ ต่สวดมนต์นี้มาชว่ ยเตอื นสตเิ รา แล้วเรากจ็ ะไดเ้ กิดก�ำ ลังเรยี่ วแรงมา แลว้ แรงน้ี กม็ คี วามสามคั คพี รอ้ มอยดู่ ว้ ย เดนิ หนา้ ไปดว้ ยกนั สงั คมกม็ หี วงั ชนะ และอยา่ งนอ้ ยแมแ้ ตร่ ะหวา่ งทย่ี งั ด�ำ เนนิ การอยู่เพ่ือจะได้พชิ ติ แก้ปญั หา จิตใจก็ดี มกี �ำ ลังที่จะกา้ วหน้าไป อนั นกี้ ็ในข้นั ทหี่ นึ่งในแงข่ องศรทั ธาท่ีว่าการ สวดพระปริตร เอามาใชป้ ระโยชน์ในทางน้ี 249
ขนั้ ที่ ๒ ปัญญา ร้เู ข้าใจโพชฌงค์ นีเ้ ป็นข้นั ที่ ๒ ขนั้ ปญั ญา ขั้นปัญญากไ็ ปถึงข้นั ทรี่ ้ตู ัวโพชฌงค์ ทนี่ ีเ้ รามาเรียนเร่ืองโพชฌงคก์ นั อาจจะรสู้ กึ วา่ ยากบ้าง แตถ่ า้ หากเราร้เู ขา้ ใจจริงเอาไปใชป้ ฏิบัตินเ้ี ปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งยิ่ง “โพชฌงค์” คอื อะไร โพชฌงค์ แปลวา่ ธรรมทเ่ี ป็นองค์ประกอบของการตรสั รู้ หรอื จะพูดยืดขยายความกว็ า่ ธรรมข้อปฏบิ ตั ิ ท่เี ป็นองคป์ ระกอบของการตน่ื รู้ จนกท็ งั้ ถึงตรัสรู้เลย ทำ�ไมจึงแปลอย่างนั้นก็มาจาก “โพชฌงค์” มาจากคำ�ว่า “โพธิ” นั่นเอง เป็นภาษาบาลีเขามีวิธีทาง ไวยากรณ์ โพธเิ วลาไปรวมกบั “องั คะ” กลายเปน็ “โพชฌะ” ไป ทจี่ รงิ กค็ อื โพธิ โพธกิ ค็ อื ความตรสั รู้ แลว้ องั คะ ก็องค์ องค์ก็คือองค์ประกอบของการตรัสรู้ องค์ประกอบของการตรัสรู้ก็หมายความว่าทำ�แต่ละข้อในน้ี มารวมกนั เขา้ เปน็ องคป์ ระกอบทที่ �ำ ใหเ้ กดิ การตรสั รู้ ทวี่ า่ เปน็ องคป์ ระกอบหมายความวา่ ตอ้ งพรอ้ มตอ้ งครบ จึงจะตรสั รู้ เพราะฉะนนั้ ธรรมะชดุ นมี้ ีคำ�ท่ีทา่ นอธิบายแปลก ก็คือวา่ องคป์ ระกอบเหล่าน้ตี ้องเปน็ “ธรรมสามคั คี” น้ีจะไม่ค่อยได้ยินท่ีอื่น ธรรมะหมวดโพชฌงค์ มีคำ�ว่า “ธรรมสามัคคี” หมายความว่าจะต้องประชุมพร้อม โพชฌงคน์ เี้ ปน็ ธรรมะระบบองคร์ วม ตอ้ งพรอ้ ม ๗ ขอ้ แตล่ ะขอ้ กเ็ ปน็ องคป์ ระกอบอนั หนง่ึ รวมพรอ้ มกนั ๗ ขอ้ แล้วก็ตรัสรเู้ ลย หรอื จะเรียกว่าตืน่ รสู้ ำ�หรับคนทั่วไปก็ไดเ้ ลย ไปจนถงึ ตรสั รู้ก็ทำ�การใหส้ �ำ เรจ็ ได้ ฉะนั้น กอ็ ย่าลมื ว่าธรรมะชุดน้ีพเิ ศษ จึงมคี ำ�วา่ องค์ แปลวา่ องคป์ ระกอบ แล้วกท็ ำ�ใหม้ ีความสามคั คี พร้อมเลย คนกต็ ้องพร้อมกนั ธรรมนี้ยงั ตอ้ งพรอ้ มกนั เลย ต้องมีความสามัคคี นี้เป็นอย่างไร ธรรมะทเี่ ป็นองคป์ ระกอบน้นั มี ๗ ข้อ สติ ธรรมวิจยั วริ ยิ ะ (ความเพยี ร) ปีติ ปสั สัทธิ (ความผ่อนคลาย) สมาธิ และอเุ บกขา ทนี ้ีเราก็มาเรยี งความหมายว่า ท�ำ ไมธรรม ๗ ข้อนส้ี ำ�คัญนกั ท�ำ ให้เกิดความพรอ้ ม ตื่นรู้ และจนถึง ตรสั รู้ได้ กค็ ือทำ�ให้เกดิ ความสำ�เรจ็ 250
“สต”ิ ไดย้ นิ กนั เสมอเลย สตเิ ปน็ ตวั ตงั้ ตน้ ใหส้ งั เกตไวเ้ ลย พอเรมิ่ ตน้ ตอ้ งมสี ตกิ อ่ น ถา้ ไมม่ สี ตเิ รม่ิ ไมไ่ ด้ สติเปน็ ตัวส�ำ คัญ ตั้งหลกั ให้ ถา้ ตัง้ หลักไม่ได้อะไร ๆ ก็ท�ำ ไม่ได้ สติ แปลว่า ระลึก นกึ ไว้ จำ�ได้ ไม่หลงลืม ไม่เลื่อนลอย ไม่ละเลย นแ้ี ปลแบบง่าย ๆ ลักษณะของสติ ตืน่ ตัว ตงั้ หลักได้ ใจอยู่กับตวั ไม่ประมาท ตนื่ ตวั เปน็ อยา่ งไร ตนื่ ตวั กค็ อื พรอ้ มทนั มไี รเกดิ ขนึ้ ตนื่ เรยี กวา่ ทนั ทนั เหตุ ทนั การณ์ ทนั ขอ้ มลู ทนั เรอื่ ง ทนั ราว ทนั ความรู้ แลว้ กพ็ รอ้ มทจี่ ะปฏบิ ตั ิ พรอ้ มทจ่ี ะลงมอื ท�ำ อนั นส้ี ตนิ ล้ี ะ่ ตวั เรม่ิ ตน้ ถา้ ไมม่ อี นั นอี้ ยกู่ ท็ �ำ อะไร ไมไ่ ด ้ สตติ นื่ ตวั นตี้ รงขา้ มกบั ตน่ื ตมู มสี ตคิ อื ตน่ื ตวั ไมต่ นื่ ตมู ตนื่ ตมู นม้ี นั ตรงขา้ มตนื่ ตวั มสี ติ แตต่ นื่ ตมู คอื เสยี สติ ตน่ื ตมู กค็ อื วา่ ตกใจ หวาดกลวั จนกระทง่ั หมดสตเิ ลยท�ำ อะไรตอ่ อะไรผดิ พลาดหมด อยา่ งกระตา่ ยทมี่ นั ตนื่ ตมู ไดย้ นิ เสยี งลกู ตาลตกลงมาใบตาล มนั นอนหลบั อยู่ เสยี งดงั สนน่ั หวน่ั ไหว นกึ วา่ โลกแตกเลยกระโจนไป ตะโกนวา่ โลกแตก ๆ สตั วท์ ง้ั หลายทไ่ี มร่ เู้ รอ่ื งกว็ ง่ิ ตามกนั ไปเปน็ ฝงู เรอ่ื งกระตา่ ยตนื่ ตมู กเ็ ปน็ อนั วา่ ไมต่ นื่ ตมู มสี ตกิ ต็ น่ื ตวั ตน่ื ตัวก็พรอ้ มกท็ ันอยา่ งที่วา่ ต้ังหลักได้ พอมีสติคนตงั้ หลักไดท้ ันที พอตั้งหลักได้ถงึ จะทำ�อะไรได้ คนต้งั หลักไม่ได้นท่ี ำ�อะไรพลาด หมดเลย พอต้งั หลกั ไดท้ �ำ อะไรไดเ้ ตม็ ท่ี ฉะนัน้ ตั้งหลกั ไดจ้ ึงเป็นตวั ส�ำ คญั มาก ใจอยกู่ บั ตวั คนทม่ี สี ตใิ จอยกู่ บั ตวั กไ็ มใ่ จหาย ไมใ่ จลอย ถา้ คนใจลอยคนใจหายกค็ อื คนไมส่ ติ ตอ้ งเรยี ก สตกิ ลบั มา เรอ่ื งใจอยกู่ บั ตวั กค็ อื วา่ พอใจอยกู่ บั ตวั มอี ะไรเกยี่ วขอ้ งอยกู่ บั ตวั ใจไปถงึ เลย ใจไปถงึ สงิ่ นนั้ กด็ ว้ ย สตนิ ัน่ เอง ใจอยกู่ ับตัวอะไรมาเก่ียวขอ้ งกับตัวที่ตัวจะต้องเอาใจใส่ ใจก็ถึงเลย การไปนึกอะไรเก่ยี วกบั สิง่ นั้น ใจถงึ กนั กับส่ิงนน้ั หรือมอี ะไรทต่ี วั จะตอ้ งเกี่ยว ไม่ว่ามันจะเกย่ี วกบั ตวั หรอื ตวั ควรจะเกย่ี ว สตกิ ็นกึ ไปถึงสิง่ น้นั เลย จะได้เริ่มต้นทจี่ ะด�ำ เนินการไปจับเอามา แล้วกจ็ ะมาจดั การ สตินัน้ ก็คือใจอย่กู ับตัว เม่อื ใจอยู่กบั ตัว กไ็ ม่ใจหาย ไมใ่ จลอย เป็นต้น ไมป่ ระมาท สติก็ไมป่ ระมาท กเ็ ชน่ เหมือนกับยาม ยามนก่ี ม็ องดอู ยู่พร้อมอยู่ คนเป็นยามลองนกึ ดูสใิ จ ตอ้ งตน่ื อยู่ตลอดใชไ่ หมแลว้ กด็ ู อันนี้คนนี้ร้ายน่าสงสัยกนั ไวก้ อ่ น ไมใ่ หเ้ ข้า ถ้ารู้วา่ รา้ ยเอาออกไปเลย ถา้ เปน็ คนดสี ่ิงทดี่ ี สง่ิ ทตี่ ้องการจะใชป้ ระโยชน์รบั เข้ามาเลย นี่คอื หน้าท่ขี องยาม อย่างนเ้ี ป็นตน้ น่ีเรยี กว่าหน้าท่ีใน การท่มี ีลกั ษณะไม่ประมาท แตไ่ ม่ประมาทนย่ี งั อกี เยอะ ก็หมายความวา่ ไมล่ ะเลย ไม่ปล่อยปะละทิ้ง มีอะไร ทค่ี วรจะทำ� ทำ�เลย รบี ทำ� อะไรตา่ ง ๆ เหลา่ นี้ 251
นกี่ ค็ ือลักษณะของสติ และสตนิ ี่ก็สำ�คญั มาก เอาแค่น้กี พ็ อเข้าใจวา่ รคู้ วามหมายของสตแิ ล้ว สติมาเรม่ิ สติมันจะทำ�งานท่ีสำ�คัญก็คือว่า จะต้องส่งเรื่องนำ�เสนอให้แก่ปัญญา ปัญญาน้ีเป็นผู้ที่จะพิจารณา จะดู ถ้าเปรียบเหมือนกับผู้ที่ว่าสตินี้เป็นมือ ตาคือปัญญา จะมองดูหาอะไรให้ชัด ส่ิงเหล่านั้นไม่มาอยู่กับหน้า มาอยู่กับตาแล้วก็ลอยไปลอยมาจะเห็นยังไงได้ชัด ก็ต้องเอามือไปจับ มือนี่มันสติไปจับเอาส่ิงนั้นมาวางไว้ ขา้ งหนา้ วางไว้ในท่ี ๆ เหมาะท่สี ดุ ทจี่ ะเหน็ ได้ชดั ตาคอื ปญั ญาก็เวลามองได้ชดั ตรวจตราพิจารณาไดเ้ ต็มท่ี นแี้ หละสตกิ ็เปน็ ตวั เรมิ่ ตน้ ให้ แล้วตวั ทส่ี ำ�คญั ทจี่ ะมาท�ำ งานกับสติ กค็ ือปัญญาน้ี ทนี ี้ปัญญาในทน่ี ้เี ป็นปัญญา ที่มีชอ่ื วเิ ศษเรยี กวา่ “ธรรมวิจัย” “ธรรมวิจัย” นี้ก็คอื วจิ ยั เรือ่ งราวธรรมะอะไรตา่ ง ๆ ธรรมะนแี้ ปลว่าส่งิ กไ็ ด้ เชน่ สพเฺ พ ธมมฺ า อนตฺตา กค็ ือสงิ่ ทั้งหลายทัง้ ปวง เรอ่ื งราวอะไรตา่ ง ๆ ขอ้ มูลอะไรตา่ ง ๆ มาน้ี สตกิ จ็ ับมาสง่ ใหป้ ัญญา ปัญญากว็ ิจัย ปญั ญาในทนี่ เี้ รยี กวา่ วจิ ยั วจิ ยั กค็ อื เฟน้ ภาษาโบราณแปลวา่ เฟน้ หมายความวา่ เลอื กคดั จดั แยก ตรวจสอบ สืบค้น สาวหาเหตุปัจจัย เฟ้นให้ได้ความจริง เฟ้นให้ได้ตัวจริง เห็นให้ได้วิธีปฏิบัติท่ีจะทำ�การทำ�ให้แก้ ปัญญาได้สำ�เร็จหรือสำ�เร็จถึงจุดหมายให้เสร็จส้ิน วิจัยน้ีเป็นส่วนสำ�คัญ วิจัยท่านใช้มาก่อนท่ีน้ีเราก็ใช้กัน ถอื งานวจิ ยั เป็นเร่ืองส�ำ คญั แตถ่ ้าใช้ในหลักโพชฌงค์นี้ ปญั ญามีช่ือพิเศษวา่ ธรรมวิจัย ผ้วู ิจัยน่กี ็ได้เรอื่ งเลย พอปญั ญาท�ำ งานวจิ ยั กจ็ ะกา้ วหนา้ ไปในการทจี่ ะเขา้ ใจเรอื่ งราวและจะมองเหน็ ชอ่ งทางวธิ ที จี่ ะปฏบิ ตั ธิ รรม เขา้ ถงึ ความจรงิ กต็ าม จะไดถ้ งึ ตวั จรงิ ของเรอื่ ง ประเดน็ ทแ่ี ท้ จนกระทงั่ ถงึ กระทง่ั วธิ แี กป้ ญั ญาไดห้ มดเลยวจิ ยั มนั กธ็ รรมะหนา้ ทีม่ ันหมด พอวิจยั ไป ปัญญาก็เดินหนา้ เม่ือปัญญาเดนิ หนา้ ไป มันกต็ ้องมเี รย่ี วแรงกำ�ลงั บุก ฝา่ ดนิ หนา้ ไปนค่ี อื ตัวความเพียร “วริ ิยะ” ตอนนีก้ ต็ อ้ งการวิรยิ ะมาหนุน “วิรยิ ะ” ความเพียร ความแกล้วกล้า บุกฝ่าเดินหน้าไป อนั นีค้ วามหมายของความเพยี ร ที่น้กี เ็ ดนิ หน้า ในปญั ญา เดินหน้าไปในการพนิ จิ พจิ ารณาอะไรต่าง ๆ ในการทพี่ นิ ิจคิดเรื่องต่าง ๆ แมก้ ระทง่ั คดิ วิธกี ารอะไร ตา่ ง ๆ กต็ อ้ งอาศยั ความเพยี ร ความเพยี รกม็ าชว่ ยขบั เคลอ่ื นดนั สง่ ก�ำ ลงั ใหป้ ญั ญาเดนิ หนา้ ไป พอมวี ริ ยิ ะความ เพียรแลว้ ความเพยี รเดนิ หน้าไป ใจมองเหน็ ว่า ความเพียรนเี้ ดินหนา้ ได้ เพราะปญั ญามนั มองเห็นกา้ วหนา้ ไป ไดด้ ว้ ยดี สอดคล้องกนั ดี ตอนนี้สตกิ ็จับอยู่ ไมห่ ายไปไหน ปญั ญาธรรมวิจัยกท็ �ำ งานไดด้ ี วริ ิยะกเ็ ดินหนา้ ไป กเ็ กดิ ความสมใจ พอสมใจหมาย “ปีติ” พอไดอ้ ยา่ งใจแลว้ ก็ชื่นใจ กอ็ มิ่ ใจ ใจอม่ิ พอใจอ่ิมมันกส็ บาย ใจอม่ิ กไ็ มม่ คี วามข่นุ ขอ้ ง ไม่มีความ ขดั ขอ้ งไม่มมี ีความขัดตกบกพรอ่ งในใจ เรยี กวา่ ใจอิม่ ใจอมิ่ อกี ด้านหนง่ึ มันก็ไปเสริมวิริยะ ท�ำ ให้วิรยิ ะไมม่ ี อะไรมาขัดข้องเดินหน้าได้เต็มที่ อีกด้านหน่ึงก็คือว่าพอใจอ่ิมแล้วก็ไม่มีอะไรมารบกวนวุ่นวาย ท่ีจะมีความ ขัดข้อง มนั กเ็ ลยผ่อนคลาย พอปีตแิ ล้วความอมิ่ ใจเน่ียมาแลว้ กจ็ ะตามด้วย “ปสั สทั ธิ” 252
“ปัสสัทธิ” แปลว่า ความผ่อนคลาย ราบรื่น รี่นสบาย นี้ทั้งกายท้ังใจในตอนนี้ผ่อนคลายหมด ไม่มี ความเครียด พอไมม่ คี วามเครยี ดแล้วนี้ก็คอื ไม่มตี วั อะไรรบกวนใจ รบกวนใจไม่มี แล้วใจทีม่ ันเดินหน้ามาดี ตอนน้ีมนั จะเป็น “สมาธ”ิ เพราะฉะน้ันต่อจากปตี กิ ็มาปสั สทั ธิ พอปสั สทั ธิกส็ มาธิ “สมาธ”ิ พอสมาธมิ าได้ ใจแน่วเลย ใจมัน่ ใจมั่นแน่วแลว้ ปัญญาพิจารณาเรื่องอะไร ใจก็อยกู่ บั เรอื่ งนนั้ ปญั ญาก็ไม่ต้องไปตดิ ขัดเลย ทำ�งานไดเ้ ตม็ ท่อี ันนี้ยิง่ ดกี ับสติ เม่อื ก้สี ติยังต้องคอยจบั คอยพยุง คอยคมุ ไว้ คอยตงึ คอยดงึ ไว้ไมใ่ หม้ นั หลดุ มนั หายไป ตอนนใี้ จอยกู่ บั เรอื่ งนน้ั แลว้ พอใจอยแู่ ลว้ สตไิ มต่ อ้ งท�ำ งานแลว้ ตอน น้ใี ห้สตคิ ลออยูว่ า่ ถ้าหลดุ จากสมาธิเมื่อไร สตทิ �ำ งานทันที แตพ่ อสมาธิทำ�งานอยู่ สติไม่ตอ้ งแล้ว สตกิ ็สบาย ท่านบอกว่าเปรยี บเหมอื นอย่างวัวพยศ เราจะให้มนั อยู่กับที่ ท�ำ อยา่ งไร ก็เอาเชอื กดงึ ไว้ มันจะไปก็ไปไม่ได้ เชอื กก็ดงึ อยู่ เชือกนก้ี ค็ ือสติ เชือกน้ดี ึงไว้ ตรึงไว้ ทำ�ให้วัวทีพ่ ยศไปไหนไมไ่ ด้ แตท่ ่ีน้ีต่อมาเจา้ วัวพยศนี้ ใจ มนั ยอมแล้ว แล้วมันหมอบน่ิงอยกู่ บั หลัก พอมนั หมอบนิ่งแล้ว เชอื กไม่ต้องทำ�งานแล้ว เชือกก็คือสตไิ มต่ อ้ ง ท�ำ งาน ไมต่ อ้ งดงึ ตอ้ งตรงึ กเ็ หลอื สมาธกิ ค็ อื ไอเ้ จา้ ววั มนั หมอบอยกู่ บั ทก่ี ค็ อื ปญั ญากท็ �ำ งานกบั จติ ทม่ี น่ั แนว่ อยู่ กบั ทแ่ี ลว้ มนั ไมต่ อ้ งเหนอื่ ย ปญั ญาท�ำ งานคลอ่ งเลย พอจติ มน่ั แนว่ แนเ่ ปน็ สมาธแิ ลว้ มนั กเ็ ปดิ โอกาสใหส้ ภาพ จติ นีล้ งตัวดที ่ีสุด ข้อสุดทา้ ยเรียกว่า “อเุ บกขา” “อุเบกขา” น้ีเป็นข้อทค่ี นไทยยังเขา้ ใจผดิ มาก อเุ บกขา น้ีแปลว่า ใจน่ิงตรงเป็นกลาง แตว่ า่ บางคนกย็ ังไมเ่ ขา้ ใจชัด ใจนิ่งตรงเป็นกลางนีเ้ ปน็ อยา่ งไร กท็ ำ�ความเข้าใจนดิ หนง่ึ จะเขา้ ใจงา่ ยก็ตอ้ งเอาคาถาท่ีพระพทุ ธเจา้ ทปี งั กร ตรสั แกส่ ุเมธดาบส เอามาให้ฟงั สกั คร่งึ คาถา พระพุทธเจ้าพระนามวา่ ทปี งั กรตรสั ไว้เปน็ ลกั ษณะของอุเบกขา “ตลุ าภูโต ทโฬหฺ สมฺโพธึ ปาปณุ สิ สฺ สิ” แปลวา่ ท่านมีใจเป็นตลุ า หมายความว่า ท่านมใี จเหมือนอย่างตราชูอยูใ่ นสมดลุ อยูใ่ นภาวะสมดุล หนักแนน่ มั่นคงจกั ลุถึงซึ่งสัมโพธิญาณ นลี่ ะ่ พระพทุ ธเจา้ ทีปงั กรตรสั ไว้ เพราะฉะน้ัน ลักษณะสำ�คัญของอุเบกขาก็คือเปน็ ตลุ า “ตุลาภูโต” จ�ำ ไวเ้ ลยนะ พระพทุ ธเจา้ ใช้เป็นค�ำ อธิบายคำ�ว่าอุเบกขา ใจเหมือนตราชูอยู่ในภาวะสมดุล สมดุลก็เท่ียงตรง ไม่เอียงข้างซ้าย ไม่เอียงข้างขวา ไมเ่ อียงขน้ึ ไมเ่ อยี งลง ตรงแน่วเลย พอดีเลย นเ้ี รียกว่าภาวะสมดุล ภาวะจิตที่ลงตัวอยู่ในสมดุล นลี่ ่ะเป็น ตัวสำ�คัญ จิตที่อยู่ในภาวะน้ีได้เป็นจิตสมบูรณ์ พระอรหันต์นี่จะมีจิตที่เป็นปกติอยู่ในภาวะที่เรียกว่าอุเบกขา เปน็ ภาวะทีส่ มดุล ในเมืองไทยเรากเ็ อาตุลาน้ีมาใช้ แต่เราเรยี กวา่ ตลุ าการ 253
ตุลาการ น้กี แ็ ปลได ้ ๒ อย่าง หนึง่ กแ็ ปลว่า มีอาการเหมือนตลุ า มอี าการเหมอื นตราชูกห็ มายความวา่ ผู้พิพากษาต้องมีอาการ มีการประพฤติปฎิบัติเหมือนกับตุลาเหมือนตราชู ตราชูท่ีอยู่ในภาวะท่ีสมดุลก็คือ เทย่ี งตรง อกี อยา่ งหนง่ึ กแ็ ปลตลุ าการวา่ ผสู้ รา้ งตลุ าหรอื ผทู้ �ำ ตลุ ากค็ อื ผสู้ รา้ งตราชู สรา้ งความเทยี่ งตรงนนั้ เอง อนั น้อี อกนอกเรือ่ งนิดหน่อยกลับมา “ตุลาภูโต” ก็แปลว่าจิตใจท่ีเป็นตุลา อยู่ในภาวะสมดุลก็เที่ยงธรรม ไม่เอนเอียงท้ังซ้ายท้ังขวาท้ังข้ึน ทงั้ ลงตรงแนว่ กม็ องเหน็ อะไรตอ่ อะไรตรงไปตรงมาตามเปน็ จรงิ เปน็ กลาง ไมถ่ กู ความรสู้ กึ อะไรทง้ั นนั้ ครอบง�ำ ไม่ว่าชอบไม่ว่าชัง ถ้าชอบไปทางหนึ่งเอียงไปทางหนึ่ง ถ้าชังเอียงไปทางหนึ่งเรียกว่าเกิดความไม่เที่ยงตรง การพิพากษาตัดสินวนิ จิ ฉัยกเ็ บ่ียงเบนไปหมด เพราะฉะนนั้ อันน้เี ปน็ ตวั สำ�คญั ในทนี่ เ้ี รามตี วั ท�ำ งานส�ำ คญั สตเิ ปน็ ตวั เรมิ่ ตน้ แลว้ ปญั ญาเปน็ ตวั ท�ำ งานส�ำ คญั เพราะปญั ญาตวั ทเี่ รยี กวา่ ธรรมวจิ ยะ เม่ือเขา้ สโู่ พชฌงคจ์ นสำ�เร็จตวั ธรรมวจิ ัยนจ่ี ะพัฒนาเปน็ โพธิ ปัญญาจะพฒั นาเป็นโพธญิ าณตรัสรู้ แตจ่ ะพัฒนาได้อย่างไรกต็ อ้ งมีสภาพจิตเดนิ หน้าไป เกิดวริ ิยะ จนกระทงั่ สภาวะจิตเปน็ อุเบกขา พออเุ บกขา แล้วเป็นตุลาแลว้ ปญั ญากม็ องเห็นตรงตามเป็นจริง ไม่ผดิ พลาด ไม่เอนเอยี ง อนั นีจ้ ึงสำ�คญั ทีส่ ดุ เพราะฉะน้ัน เราจะเห็นว่าในหลังธรรมทั่วไปในพระพุทธศาสนา โดยมากจะมีปัญญาเป็นตัวคุมท้าย แต่แปลกชุดโพชฌงค์น้ี ปัญญาเป็นตัวที่สอง เป็นตัวทำ�งานเต็มท่ี แต่มีอุเบกขาเป็นตัวสุดท้ายคุมหมดเลย เพราะว่าอุเบกขาทำ�ให้ท้ังหกข้อต้นทำ�งานได้ถูกต้องเท่ียงตรงสมบูรณ์ ถูกต้องสมบูรณ์อย่างไร ถ้าจิตมันไม่ อยูใ่ นดุลยภาพ มนั ไมส่ มดุล มนั เอียงซา้ ยเอียงขวาเอนขน้ึ เอนลง สตติ งั้ หลกั ได้ ถา้ ตงั้ หลักได้ ทนี ้ีพ้ืนกระดาน บา้ นเอียง ไปตั้งหลกั บนพ้นื เอยี งจะเอาอย่างไร จะตง้ั หลกั ให้มันตรงกับพื้นกระดานบา้ นทีม่ ันเอยี ง มนั กเ็ อียง กับโลก ถ้าหากวา่ เราจะตัง้ หลกั น้ใี ห้มันตรงกับโลกหรือตรงกับข้นึ ไปท้องฟา้ มนั ก็ขดั กบั พนื้ กระดานบ้าน มันก็ ไม่เข้ากนั กบั พื้นนใี้ ชไ่ หม ตกลงสติกย็ ังให้สมบูรณ์ไม่ไดเ้ ลยถา้ หากว่าจิตมนั ไมเ่ ปน็ อุเบกขา เพราะฉะนั้นภาวะ สมดุลนี้ จึงสำ�คัญมากตั้งแต่สติไปเลย สติแสนจะดีต้องตั้งหลักได้ แต่เสร็จแล้วพอมาเจออุเบกขาไม่มีเข้า สติก็ชักยุง่ ก็ดีมสี ติ แตส่ ติมันไดผ้ ลไม่เตม็ ที่ เพราะมันมคี วามไม่สมบรู ณ์ 254
เพราะฉะนั้น ในท่ีสุดโพธิญาณจึงต้องอาศัยจิตท่ีเป็นอุเบกขาด้วย เมื่อครบตามน้ีแล้ว ผลท่ีปัญญาได้ เกิดความรู้ความเขา้ ใจมันจะไดส้ มบูรณถ์ กู ต้องแน่นอน ไม่ผิดไมพ่ ลาด ถ้ายงั มคี วามเอนเอยี งอยู่ มนั ก็ยงั มี ความผิดพลาดได้ เพราะฉะนั้นทงั้ อุเบกขาน้มี าเป็นสภาพพน้ื จิตเลย ใจของเราต้องถงึ อเุ บกขา ใจก็มาบรรจบ กับปัญญา ปัญญาท่ีเป็นโพธิมาในอุเบกขา จิตที่เป็นสมดุลน้ี อย่างท่ีบอกว่าจิตท่ีเป็นอุเบกขาน้ีเป็นจิตของ พระอรหันต์ พระอรหันต์น้ีอยู่ท่ีจิตเป็นอุเบกขา เพราะมีความสมดุลลงตัวกับโลกนี้หมดเลย ก็เลยหมด ปัญหา ปัญญาก็มองเห็นชัดแจ้งตรงความเป็นจริง อันนี้เอามาใช้ปฏิบัติการในเร่ืองทั้งหลายในโลกน้ีจะเป็น งานวิจัยอะไรกต็ าม หรอื แม้แต่มาปฏบิ ตั ิการในการท่จี ะปราบโควดิ นกี้ ็ตามกต็ อ้ งใช้โพชฌงคน์ ี้ อยา่ งน้อยคน ที่มีโพชฌงค ์ ๗ ใจไมม่ ีโรค นข่ี ้นั ท ี่ ๑ เลย ใจไม่มีโรคเปน็ ใจท่สี มบูรณแ์ ลว้ มันกพ็ ร้อมทจี่ ะทำ�อะไรได้ใชไ่ หม ใจสมบรู ณแ์ ลว้ สขุ ภาพจติ ดสี มบรู ณ์ กม็ าแก้ไขปญั หาสขุ ภาพของสงั คม ของกาย ของอะไรไดห้ มด เพราะฉะนน้ั กต็ อ้ งท�ำ อะไรตอ่ อะไรใหเ้ ปน็ ล�ำ ดบั โพชฌงคน์ เ้ี ปน็ ฐานเบอ้ื งตน้ เลย เปน็ หลกั การใหญท่ จ่ี ะใช้โดยเปน็ ขน้ั ตอน หรอื เรยี กวา่ ครบทกุ ขน้ั ตอนทสี่ มบรู ณ์ ถา้ เรายงั ท�ำ ไมถ่ งึ ขน้ั โพชฌงคน์ ้ี งานความส�ำ เรจ็ ของเรากจ็ ะไมส่ มบรู ณ์ แม้แตจ่ ะพจิ ารณาตรวจสอบวดั ผลต้องอยู่ในจิตอุเบกขา ปัญญามันจึงจะเหน็ ชดั แจง้ ย้ำ�อกี ทวี า่ โพชฌงค์ แปลวา่ ธรรมทเี่ ปน็ องค์ประกอบของ โพธิ ก็คอื ธรรมท่ีเป็นองคป์ ระกอบของการ ต่นื รจู้ นถงึ ตรัสรู้ ซ่ึงรวมทัง้ การทีจ่ ะท�ำ อะไรทงั้ หลายใหส้ �ำ เร็จบรรลจุ ุดหมายอยา่ งถูกต้องดีงามได้ผลสมบรู ณ์ แลว้ กเ็ รมิ่ จากจติ ใจทด่ี งี ามสมบรู ณด์ ว้ ย จติ ใจทไ่ี มม่ โี รค มนั กท็ �ำ งานไดส้ มบรู ณ์ จงึ ท�ำ ใหป้ ญั ญาพลอยสมบรู ณ์ ดว้ ย ก็ผลส�ำ เรจ็ กส็ มบูรณ์ เพราะฉะนน้ั วนั นก้ี เ็ ลยอธบิ ายเรอ่ื ง โพชฌงค์ เอาเปน็ อนั วา่ ขน้ั ท ่ี ๑ ก็ในแงท่ ม่ี าใชเ้ ปน็ ปรติ รเอามาสวดมนต์ ในระดบั ศรทั ธา ท�ำ ใหจ้ ติ ใจของเรานต้ี ง้ั หลกั ไดม้ คี วามมน่ั คงมน่ั ใจมจี ติ ใจสบาย สดชน่ื ผอ่ งใส และมคี วามสามคั คี พรอ้ มเพรยี งกนั เดนิ ไปดว้ ยกนั แลว้ กท็ �ำ ตามหลกั โพชฌงคน์ ้ี ปฏบิ ตั กิ ารนน้ั กจ็ ะส�ำ เรจ็ บรรลผุ ลไดอ้ ยา่ งดแี ลว้ คนกอ็ ยกู่ นั ดี มคี วามสามคั คี และจติ ใจกเ็ ปน็ สขุ ดว้ ย ความเจรญิ กา้ วหนา้ ตอ่ ไปกจ็ ะมอี นั นเ้ี ปน็ ฐาน เพราะฉะนนั้ การทจี่ ะอยเู่ ปน็ ในสถานการณโ์ ควดิ -๑๙ แลว้ ด�ำ เนนิ กา้ วหนา้ ไปแก้ไขปญั หาไดส้ �ำ เรจ็ น้ี ขอให้ เราปฏบิ ตั กิ ารเอาโพชฌงคม์ าใชป้ ระโยชนท์ ง้ั ๒ ระดบั ทงั้ ระดบั ศรทั ธาและระดบั ปญั ญา ปฏบิ ตั กิ ารอยา่ งนแี้ ลว้ คิดวา่ จะทำ�ให้สงั คมนี้ แก้ปัญหาส�ำ เร็จแล้วกอ็ ยกู่ ันดี แลว้ กเ็ ป็นฐานท่จี ะเดนิ หนา้ กา้ วไปสูค่ วามเจรญิ งอกงาม ความสขุ อนั ไพบลู ย์ใหเ้ ปน็ อยา่ งทพี่ ระพทุ ธเจา้ ตรสั ไวว้ า่ มที งั้ สองอยา่ งพรอ้ มไพบลู ยแ์ ลว้ จะเปน็ สงั คมทด่ี งี าม ก็คอื มีทง้ั อามิสไพบูลย์ คอื ดา้ นวตั ถุไพบูลย์ แล้วก็ธัมมไพบลู ย์ มคี วามไพบลู ยข์ องธรรมดว้ ย ถา้ อยา่ งนี้แลว้ กท็ กุ อย่างกจ็ ะส�ำ เร็จสัมฤทธผิ์ ลสมหมาย กค็ ดิ วา่ พูดไว้เทา่ นีก้ ็พอสมควรแลว้ ก็ขออนุโมทนา 255
ขั้นท่ี ๓ ข้นั ปฏิบัติการและผลดที คี่ วรจะได้จากสถานการณ์โควิด-๑๙ เม่ือกี้ก็เป็นอันว่าได้พูดอธิบายความหมายของ โพชฌงค์ แต่ละข้อในหลักโพชฌงค์ ๗ น้ันไปแล้ว เม่ือเข้าใจธรรมะที่เป็นข้อปฏิบัติเป็นรายข้อไปแล้ว ก็มาดูถึงการนำ�ธรรมะเหล่าน้ันไปปฏิบัติหรือเรียกว่าไป ใชง้ านในสถานการณ์ในปจั จบุ นั น้ี กล็ องยกตวั อยา่ งมาดวู า่ เราจะใชอ้ ยา่ งไร เอางา่ ย ๆ อยา่ งทที่ างการกป็ ระกาศวา่ ระยะนี้เม่ือมีปัญหาเร่ืองโรคโควิด-๑๙ ที่ระบาดก็ให้คนทำ�งานได้ทำ�งานที่บ้าน อันนี้ก็เป็นเร่ืองที่จำ�เป็น ไม่ต้องมาเถียงกันแล้วว่าจะทำ�ไม่ทำ� เห็นหลายคนก็เป็นของใหม่ไม่ถนัด ก็ไม่สบายใจ บางคนก็ชอบ แต่ อยา่ งไรกต็ าม จะชอบไมช่ อบกต็ กลงว่าตอ้ งทำ� ทนี่ ว้ี า่ ต้องท�ำ อยทู่ ่บี า้ นจะท�ำ อย่างไรล่ะ ถา้ ใชห้ ลัก โพชฌงค์ กม็ านึกว่า การทต่ี อ้ งทำ�งานท่บี า้ นนีเ้ ป็นความเปลยี่ นแปลงท่ีเกดิ ข้ึนใหม่ เราได้ จดั การวางแบบแผนแนวทางการท�ำ งานในบา้ นใหม้ นั ไดผ้ ลดี แลว้ คนทอ่ี ยรู่ ว่ มกนั นี้ เปลย่ี นจากคนทท่ี �ำ งานมา เป็นคนทอี่ ยูใ่ นบ้าน อาจจะเป็นคุณแม่ คุณพอ่ ลกู ๆ หรอื คนอ่ืน ๆ ที่อยู่ร่วมบา้ น แลว้ เขาก็ไมท่ ำ�งานอย่าง กบั เรา จะท�ำ งานแลว้ กอ็ ยดู่ ้วยกนั อย่างไรให้มคี วามสุข แลว้ ก็ถา้ ให้ดีก็ให้มาเกื้อกลู แกก่ ารทำ�งานของกันและ กันดว้ ย เออนี่ เรายงั ไมไ่ ด้จดั การวางแบบแผนระบบงานใหม้ ันดเี รยี บร้อย อยา่ งนเ้ี รยี กวา่ “สติ” ถา้ เราปลอ่ ยไปแลว้ จ�ำ เปน็ ตอ้ งท�ำ งานโดยไมไ่ ดม้ านกึ มาคดิ จดั ใหเ้ รยี บรอ้ ย ทา่ นถอื วา่ ประมาท ประมาท ก็คือละเลย สิ่งท่ีควรทำ�ให้เรียบร้อยให้มันเกิดผลดีท่ีมันควรจะเป็นแล้วไม่ทำ� เป็นความประมาท เวลาไม่ ประมาท สตกิ ็นกึ ขึ้นมาเรื่องน้ตี อ้ งจดั วางใหเ้ รยี บรอ้ ย กเ็ ข้าสู่ “ธรรมวิจยั ” ใช้ปญั ญาคิดพิจารณา แยกแยะ สบื คน้ หาวธิ กี ารทจ่ี ะท�ำ ใหก้ ารท�ำ งานหรอื วา่ กระบวนวธิ ที �ำ งานเปน็ ไปดว้ ยดี ซง่ึ หมายถงึ การสมั พนั ธก์ บั ผอู้ นื่ ใน บ้านในครอบครวั ด้วย พอคดิ ไป กอ็ าจจะไดค้ วามคิดดีข้ึนมาว่า เราควรจะฟังความคดิ เหน็ ของคนท่ีอย่ใู นบา้ น รว่ มกันท้งั หมดวา่ ทำ�อยา่ งน้ีดไี หม หรอื เขาจะมีความคิดเหน็ อย่างไรดี อันนก้ี เ็ ข้าสวู่ ิธีตามหลกั น่นั เอง คือใน โพชฌงค์ มขี ้อสติเริ่มตน้ มาธรรมวจิ ยั ตอนน้อี ยู่ในข้ันธรรมวิจัย แล้วเราก็มี “วิริยะ” เป็นต้นไปด้วยแล้วก็ต้องเพียรพยายาม น้ีมาถึงตอนสำ�คัญก็คือว่าธรรมวิจัยที่ใช้ ปญั ญาพนิ จิ พิจารณาคน้ หาวธิ ีการทจ่ี ะท�ำ ให้ได้ดี กไ็ ปโยงท่ีผอู้ ื่น นี้ก็ว่าไปตามหลัก การวิจยั หรือธรรมวิจัยใน ท่ีน้ีก็เพื่อให้ได้สัมมาทิฐิ แปลกันว่า ความเห็นชอบ ถ้าแปลแบบชาวบ้านก็คือ ข้อสรุปความเข้าใจที่ถูกต้อง หรือขอ้ สรปุ ความคิดความเข้าใจท่ถี ูกต้อง หลกั กม็ ีบอกวา่ มีขอ้ ปฏบิ ัตหิ รือธรรมที่หนุนสมั มาทฐิ หิ ลายอยา่ ง ข้อหนึง่ กค็ ือ สากัจฉา แปลวา่ การสนทนาถกเถยี งอภิปรายให้ความคดิ เหน็ แก่กนั และกัน มาถงึ อันน้ีแล้วก็ ต้องการทีจ่ ะไดข้ ้อสรปุ ความคิดเห็นให้ไดส้ ัมมาทิฐิทม่ี นั ดีท่สี ดุ เรากเ็ ลยมาปรกึ ษาพูดคุยกับคนในบา้ น วนั น้ี มาคยุ กัน ว่าเราต้องมาอยูบ่ ้านแลว้ ก็ทำ�งานกันอยู่ทั้งวัน แต่ละคนกท็ �ำ ตา่ ง ๆ กนั มาวางวธิ อี ยู่ร่วม โดยทีเ่ วลา ท�ำ งานกต็ ่างคนต่างทำ� ทำ�งานของแตล่ ะคนก็เปน็ งานต่าง ๆ กนั ด้วย กม็ าคุยกันวา่ ทำ�งานอยา่ งนี้จะอยู่กนั ได้ ดดี ว้ ย และงานของแต่ละคนกเ็ ดินหนา้ ไปไดด้ ดี ้วย 256
อย่างนี้ก็ได้ความสบายใจ ยิ่งได้พบวิธีการที่ดี ก็มี “ปีติ” อ่ิมใจ ปล้ืมใจ มันก็ได้บรรยากาศที่ดีด้วย เสรจ็ แลว้ กไ็ ปเรมิ่ ท�ำ งานกนั กเ็ อาสน้ั ๆ อยา่ งนเ้ี ปน็ ตวั อยา่ งกห็ มายความวา่ ขบวนการของโพชฌงคน์ กี้ ไ็ ดค้ รบละ่ ให้ไปพิจารณาเอาเองตลอดท้ัง ๗ ข้อ แต่ในที่นี้ต้องการพูดให้เห็นว่าไม่ใช่มีเฉพาะตัว ๗ ข้อในนั้นเท่านั้น ธรรมแต่ละข้อน้ีโยงไปเร่ืองอ่ืนเอง เพราะธรรมต้องสัมพันธ์ซ่ึงกันและกัน หรือว่าเรียกหากันและกัน ตอนน้ี เราก็เลยบอกว่าต้องการธรรมวิจัยเพื่อให้ได้สัมมาทิฐิ สัมมาทิฐิจะเกิดข้ึน โดยมีปัจจัยท่ีมาหนุนหลายอย่าง อย่างหนง่ึ กส็ ากจั ฉา การสนทนาอภิปรายให้ความคดิ เห็นกัน เราก็ได้ส�ำ เรจ็ หรอื อยา่ งบางคนกม็ าคดิ วา่ ตอนนเ้ี ราไมต่ อ้ งท�ำ งาน แตว่ า่ เราตอ้ งอยบู่ า้ น บางคนนอี้ ยบู่ า้ นไดย้ าก กก็ ลมุ้ ใจ มากทเี ดยี ว ทำ�อยา่ งไรจะอยูบ่ ้าน ไมไ่ ด้ทำ�อะไร เทยี่ วกไ็ มไ่ ด้ ไปสถานบันเทงิ กไ็ มไ่ ด้ ไมเ่ คยเลยกับชีวิตแบบนี้ ก็ตอ้ งพลิกคนในสมัยทีผ่ ่านมาว่า ชอบพดู วา่ พลกิ วกิ ฤตเป็นโอกาส กถ็ กู ต้อง เปน็ ภาษาสำ�นวนหน่ึงทใ่ี ช้ได้ แต่ รวมความก็คือว่าต้องทำ�ให้เป็นโอกาส แตโ่ อกาสในท่นี เี้ ปน็ โอกาสทีไ่ ม่ปรารถนา โอกาสที่ไม่น่าปรารถนา เรา กต็ ้องท�ำ ใหม้ นั ดจี นกระท่งั เปน็ ความส�ำ เร็จเปน็ โชคไปเลย เดีย๋ วมันกก็ ลายเปน็ ท่นี า่ ปรารถนาไปเอง มนั ก็อยทู่ ่ี ความสามารถ คนทม่ี คี วามสามารถกเ็ ทา่ กบั วา่ ทา้ ทายเราแลว้ กเ็ ทา่ กบั วา่ ตอนนเี้ หตกุ ารณแ์ มแ้ ตโ่ อกาสขา้ งหนา้ ทเ่ี รามที ี่เราจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาส โอกาสมนั กท็ ้าทายเราวา่ เราจะสามารถใช้โอกาสนใี้ ห้เป็นประโยชน์ไดด้ ี ทส่ี ุดได้ไหม ใหเ้ ป็นประโยชนด์ ว้ ย แลว้ เราก็มคี วามสขุ ด้วย กไ็ ปคดิ เอา กว็ างวธิ กี ารตามโพชฌงค์ก็ใช้ไดเ้ ลย บางคนกต็ อนนจี้ ะไดศ้ กึ ษาความรอู้ า่ นหนงั สอื กนั ใหญค่ น้ ควา้ อะไรไป กลายเปน็ ประสบความส�ำ เรจ็ ไปอกี แบบ หนึง่ ก็ได้ ชีวติ ของคนนี้ บางคนกถ็ กู เหตกุ ารณ์บงั คับแบบน้ี แตเ่ ป็นเฉพาะตัว กท็ ำ�ให้เขากลายเปน็ นกั คิดทีย่ ิ่ง ใหญ่ กลายเป็นคนส�ำ คญั ของโลก เพราะฉะนัน้ อย่าไปมัวท้อถอย มวั ทุกข์ มัวกลุ้มใจ เมอื่ ถงึ เวลาต้องท�ำ ใจมนั ต้องพลิกสถานการณ์กลบั พลกิ ทกุ ข์ใหม้ ันเปน็ โชคชยั ให้ไป อยา่ งน้ีคนท่ีประสบความสำ�เร็จกันมาในโลก ท่ีเขาเรยี กว่า เป็นบุคคลส�ำ คญั ของโลก มาแบบนีก้ ันเป็นจำ�นวนมากทีเดยี ว เพราะฉะนั้น มันอยูท่ ่ีเราเอง ใจมันคดิ ไม่เป็น มันกม็ ัวไปทอ้ ถอย กลมุ้ ใจอยู่ มนั ก็ไม่ไปไหน และกอ็ ยกู่ บั ความทุกข์ พอพลกิ นดิ เดยี ว แล้วก็คิดเปน็ มันก็พลิกสถานการณ์ทุกข์ ก็กลายเปน็ ตน้ ทางทม่ี าของความสุขไป หรือบางคน หรือตอนน้ีอยู่ว่าง ๆ เมื่อได้ทำ�อะไรก็ศึกษาธรรมะดู ก็เลยค้นคว้าหาความรู้เร่ืองธรรมะ ไปกนั ใหญ่ กเ็ ลยเจรญิ กา้ วหนา้ เหมอื นอยา่ งบางคนเจบ็ ไขท้ �ำ อะไรไมไ่ ด้ คดิ ไมถ่ งึ วา่ ตวั เองจะเจบ็ ไข้ พอเจบ็ ไข้ แล้วกม็ าสนใจธรรมะ แต่กอ่ นไมเ่ คยสนใจเลย มวั แตห่ าความสนุกสนาน กลายเปน็ วา่ เราเพ่ิงมามีโชคตอน เจบ็ ไขน้ ้ีเอง ไดม้ ารู้จกั ธรรม ได้ศึกษากนั ใหญเ่ ลย น่ลี ะ่ สง่ิ ทไ่ี ม่คาดหมาย ในทางท่ีกลายเป็นว่าพลิกวิกฤตเปน็ โอกาส พลิกทุกข์เป็นสุขเป็นโชคชยั มนั ก็เกิดข้ึนอย่างนี้ 257
เพราะฉะน้ัน ก็เอาโพชฌงค์มาใช้ได้ เอาว่าเป็นตัวอย่างก็เพียงพอแล้ว ก็พูดไว้เท่าน้ีพอเห็นว่าใน สถานการณ์นี้เราจะมัวไปกลุ้มใจ มัวไปติดตันทางความคิด อย่าอยู่กับความรู้สึกกลุ้มอกกลุ่มใจขัดข้องมัว เศรา้ หมองอะไรไมด่ ี เพราะฉะนนั้ กต็ อ้ งใชเ้ ปน็ โอกาสทจี่ ะสรา้ งสรรคท์ �ำ สงิ่ ทดี่ งี าม แลว้ กพ็ ฒั นาชวี ติ ของตนเอง เพราะว่าคนเรานจี้ ะพฒั นาชวี ติ ของตนได้ จากการประสบปัญหา คนทไ่ี มเ่ จอปัญหานจ่ี ะพฒั นาตนยาก แตอ่ ยา่ ไปทอ้ มวั ทกุ ขอ์ ยู่ พอเจอปญั หากถ็ งึ เวลาตอ้ งใชป้ ญั ญา ปญั หาคกู่ บั ปญั ญา เรากต็ อ้ งหาทางคดิ พจิ ารณา ใหป้ ญั ญามนั เจรญิ ขน้ึ มา พอปญั ญามาปญั หากห็ มด เรากเ็ ปลยี่ นทกุ ขเ์ ปน็ สขุ ได้ กลายเปน็ ความเจรญิ งอกงาม เพราะฉะนั้น ตอนนี้ก็เป็นเวลาท่ีมันท้าทายเราแล้ว ว่าเราจะมีความสามารถมีศักยภาพในการพัฒนาชีวิตได้ แคไ่ หนแลว้ กเ็ อาโพชฌงค์ และหลกั ธรรมตา่ ง ๆ นมี้ าใช้ เอาโพชฌงคม์ าน�ำ นไี้ ปถงึ หมดเลย โพชฌงคว์ า่ สตเิ รมิ่ ไดป้ ญั ญามา แลว้ ตอ่ จากนนั้ ธรรมทกุ ขอ้ มนั จะโยงกนั ไปเอง ฉะนน้ั บางทที า่ นกบ็ อกใหเ้ รมิ่ ทไ่ี หนกไ็ ด้ แลว้ มนั ก็ ไปอยทู่ ่นี ้นั ถึงกนั ตอนน้ีทุกคน ไม่เฉพาะในประเทศไทย อย่าไปคิดแค่ใกล้พวกเราอยู่แค่นี้ ในถ่ินน้ี บ้านน้ี ไม่ใช่แค่ ประเทศไทย กวา้ งออกไปทงั้ โลกเลย ทง้ั โลกเวลานเี้ จอวกิ ฤตการณน์ คี้ อื โรคโควดิ -๑๙ แพรร่ ะบาดไปหมดแลว้ ก็เป็นสงครามโรค เราเคยเจอสงครามโลก ตอนน้ีมาเจอสงครามโรค แล้วก็ในวงการระหว่างประเทศนี้ เขากถ็ อื วา่ สงครามโรคโควิด-๑๙ คราวน้กี ็แทบจะพอกนั มคี วามรา้ ยแรงไม่แพส้ งครามโลก แลว้ เจอสงคราม โรคอย่างนี้ เราอยู่ในวิกฤติการณ์โควิด-๑๙ มันก็เป็นเร่ืองที่เราจะต้องมาคิดพิจารณา เพราะว่าเหตุการณ์ ครงั้ ใหญน่ ้ี เมอื่ ถงึ เวลา มนั ตอ้ งเรม่ิ ดว้ ยสตแิ ลว้ ก็ใชป้ ญั ญา เราจะมวั ไปทกุ ขร์ อ้ น เรากห็ มนุ วงอยใู่ นวฏั สงสาร คอื จิตของเรานี้เวลาไปมัวทุกข์ มันก็วนเวยี นอยู่กบั ความกล้มุ อกกลมุ้ ใจ ความคับแค้น ความกระวนกระวาย เรยี กวา่ อยใู่ นวัฏสงสาร มนั ไม่ไปไหน จะออกจากวฏั สงสารน้ีต้องมีสตกิ บั ปัญญา พอสติมาเร่มิ ตน้ ให้ปญั ญา พจิ ารณาคดิ ไปแล้ว มันก็เรมิ่ ออกจากวฏั สงสารได้ เราก็ใชป้ ญั ญาพิจารณาไป เหตกุ ารณน์ ีม้ องในแง่วงกว้างใหญ่ท่ัวโลกเลย มันก็ต้องไม่ให้ผ่านไปเปล่า เหตุการณ์ใหญ่ขนาดนจี้ ะให้ เปน็ ของที่พระเรียกว่า “โมฆะ” เปลา่ ประโยชน์เสยี ไดก้ ระไร กต็ ้องใช้ให้เป็นประโยชน์ มนั เป็นบททดสอบ มองในแงย่ อ้ นอดีต ย้อนอดตี คอื ทเี่ ป็นมาวา่ คนเราอย่างคนไทยนีไ้ ด้พัฒนามาแคไ่ หน วกิ ฤตการณ์น้มี ันเป็น บททดสอบวา่ คนมีสภาพและคุณภาพแคไ่ หน นีท้ ดสอบเป็นเชิงอดีต เรามองไปมา ทีว่ ่าเป็นอดตี กค็ ือย้อนไป มองว่าไดพ้ ฒั นามาจนถงึ บดั นี้ ไดแ้ ค่ไหน คนไทยหรือคนท่ีไหนแล้วแต่ในถ่นิ ตา่ ง ๆ ในสงั คมต่าง ๆ นม้ี สี ภาพ เป็นอย่างไร มีคุณภาพแค่ไหน อันนี้เป็นบททดสอบ แล้วเราก็มองตัวเอง แล้วก็มองคนไทยเองเป็นต้นว่า พวกเราพอเกดิ วกิ ฤตการณข์ นึ้ มา มสี ภาพอยา่ งไร มคี ณุ ภาพแคไ่ หน ทน่ี ใ้ี นแงท่ เี่ ปน็ บททดสอบ กเ็ ลยนา่ พดู ถงึ ข้อสังเกตไว้หน่อย คือตอนน้ีก็มีสถานการณ์จริงเกิดข้ึนแล้ว คือ วิกฤตการณ์โควิด-๑๙ ที่รู้กัน พูดกันอยู่ ในสถานการณ์น้ีเรามามองดคู นไทย คือคนไทยนี้เป็นทรี่ กู้ นั ดี มชี อื่ เสยี ง เปน็ ท่กี ลา่ วขวญั กัน คนทม่ี าเที่ยว เหมือนนักทัศนาจรต่างประเทศมาประเทศไทย ก็ได้ยินมาว่ามาประทับใจ เรื่องที่คนไทยยิ้มแย้มแจ่มใส มีน้ำ�ใจ มีการช่วยเหลือเกื้อกูลเป็นอย่างดี ต้อนรับโอภาปราศรัยเป็นอย่างดี ก็เลยทำ�ให้คนไทยนี้มีเสน่ห์ 258
เปน็ เสนห่ อ์ ยา่ งหนง่ึ ของคนไทย พอมาถงึ สถานการณน์ ตี้ ามทต่ี วั เองถงึ แมจ้ ะอยหู่ า่ งไกล แตว่ า่ ฟงั วทิ ยบุ า้ ง ไดย้ นิ คนพูดตอ่ ๆ กนั มาบา้ ง ก็ไดย้ นิ วา่ คนไทยในสถานการณ์รา้ ยนี้ กม็ ีนำ้�ใจแสดงออกมาชัดเจน คือวา่ พรอ้ มท่จี ะ ชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู กนั เวลาใครมปี ญั หาทจ่ี ะตอ้ งชว่ ยเหลอื กพ็ รอ้ มทจี่ ะไปเขา้ ไปเหมอื นกบั จะไปรบั ใชก้ ต็ าม หรอื ไปทำ�อะไรให้ ทีว่ ่าชัดเจนมากกค็ อื ว่าทเี่ ก่ียวกับสถานการณ์น้โี ดยตรง อย่างเช่นว่าตวั เองมฝี ีมอื ท�ำ หน้ากากกนั โรคภยั ได้ กเ็ อามาทำ�แจกกนั เผอื่ แผ่กัน ถา้ เปน็ บริษทั เปน็ กจิ การใหญ่ ๆ ก็ถงึ กบั ว่าพยายามจัดนอกจากวา่ หนา้ กากนัน้ มปี ริมาณมากมายแล้ว ก็จัดหาอุปกรณต์ ่าง ๆ ในทางการแพทย์ ในการชว่ ยชีวติ รกั ษาพยาบาล มาบริจาค มามอบให้ทางการ แก่ทางโรงพยาบาล และตลอดจนกระทั่งวา่ เอ้อื อำ�นวยสถานท่ี มอบสถานทใี่ ห้ เลยทางอาคารตา่ ง ๆ วา่ ใหแ้ พทย์ไดม้ าพกั อาศยั หรอื วา่ พรอ้ มทจี่ ะจดั เปน็ โรงพยาบาลสนาม นก้ี เ็ ปน็ การแสดง น�ำ้ ใจทวี่ า่ มคี วามพรอ้ มทจ่ี ะชว่ ยเหลอื คนอน่ื ทม่ี คี วามทกุ ข์ใหเ้ ขาพน้ จากความเดอื ดรอ้ น ใหเ้ ขามคี วามสขุ แตว่ า่ ท่ีใกลช้ ดิ เร่ืองทสี่ ุดคอื บคุ ลากรทางการแพทย์แลว้ สาธารณสุข ก็เริ่มตงั้ แตค่ ุณหมอและพยาบาล อันนจ้ี ะได้ยนิ อยา่ งท่บี อกเมือ่ กที้ งั้ ทางวิทยุและท่คี นพูดกัน กล่าวขวญั กันถึงวา่ ทา่ นเหล่านีม้ นี ้ำ�ใจอย่างสูง นอกจากมนี ำ้�ใจ ที่จะช่วยเหลือเกอื้ กลู กนั กต็ อ้ งมีความเสียสละมากดว้ ย เสยี สละเรยี่ วแรงก�ำ ลงั เสยี สละเวลา แลว้ ยังเสยี สละ จากครอบครัวมาอดหลับอดนอนทำ�งานเต็มที่เลย อันน้ีเป็นความเสียสละด้วยความมีนำ้�ใจมาผสมกันเต็มที่ ในความเสยี สละมนี �ำ้ ใจอนั นกี้ เ็ ปน็ ความเสยี สละอยา่ งสงู เพราะวา่ มคี วามเสยี่ งภยั เสยี่ งชวี ติ อยดู่ ว้ ย เพราะฉะนน้ั คนท้ังหลายกก็ ลา่ วขวัญ เป็นหว่ งใย แลว้ ก็เหน็ ใจ กอ็ ยากใหท้ กุ ท่านมีความปลอดภัย หลักโพชฌงค์สำ�หรับบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล คุณหมอท้ังหลาย ทำ�งานเหล่านี้ก็แน่นอนว่า ตอนต้นกต็ อ้ งมสี ติ สตทิ พ่ี ร้อมท่จี ะทนั ทจี่ ะตนื่ ท่จี ะได้ทำ�งานท�ำ การไดฉ้ ับไวเปน็ ต้น แลว้ ก็ไมป่ ระมาท แม้แต่ รักษาตัวเองด้วย เพราะว่าสติถ้าเผลอเมื่อไรก็ทำ�ให้อันตรายนั้นมาถึงกับตนเอง สติก็ทำ�ให้ไม่พลั้งเผลอ อัน นัน้ ก็เปน็ สำ�คัญ ก็มีสตเิ ป็นตัวท�ำ งานเริ่มต้น แล้วก็ปญั ญาแนน่ อนวา่ ก็ต้องมามีความรู้ความเข้าใจ นอกจากรู้ เขา้ ใจเรอื่ งคนไข้ สภาพชวี ติ ธรรมดาทว่ั ไปกค็ อื รเู้ ขา้ ใจวชิ าการวธิ ปี ฏบิ ตั ใิ นวชิ าชพี ของตนอยา่ งดี แลว้ กค็ ดิ หาวธิ ี แก้ไขปญั หา บ�ำ บดั รกั ษาคนไขห้ ายจากโรคเหลา่ น้ี กเ็ ปน็ เรอื่ งธรรมดาตอ้ งมปี ญั ญา กค็ อื ธรรมวจิ ยั นอกจากน้ี ทีส่ �ำ คญั มาก ก็คอื เมอื่ คุณหมอพยาบาลเป็นต้นท�ำ งานนี้ พิจารณาให้ดีก็จะมองเห็นวา่ ตัวเองเปน็ บุคคลส�ำ คญั ท่ีเป็นแกนเป็นหลักของการที่จะแก้ไขปัญหาของชีวิตของสังคมของประเทศชาติในเวลาน้ี บุคลากรกลุ่มนี้ บุคลากรทางการแพทย์สาธารณสุขท่ีจะพาให้คนไทยสังคมประเทศชาติไทยพ้นวิกฤตการณ์โรคโควิด-๑๙ น้ีไปได้ นี้คือเป็นกำ�ลังหลักเป็นกำ�ลังแกนเลย ฉะนั้น เมื่อทำ�งานอันนี้ ก็ขอให้มีกำ�ลังใจเรียกว่าเกิดปีติเลย เราได้ทำ�บุญกุศลทำ�คุณประโยชน์แก่ชีวิตแก่สังคมอย่างสูงสุดเลย พอนึกอันน้ีก็มีสิทธิที่จะมีความปลื้มใจ อ่ิมใจแลว้ กม็ ีปตี ิ พอมปี ตี ิแล้ว ก็จะมปี สั สทั ธอิ ยา่ งที่วา่ ผอ่ นคลายรนื่ สบายใจ กจ็ ะทำ�งานได้ดว้ ยมกี �ำ ลังย่ิงขน้ึ ไมเ่ หนอื่ ยเลย พอท�ำ งานดว้ ยใจทมี่ ปี ตี ปิ สั สทั ธิ เพราะฉะนน้ั อนั นก้ี ส็ �ำ คญั เหมอื นกนั คณุ หมอและแพทยพ์ ยาบาล นี้มีสิทธ์ิเต็มที่จะมีปีติอันนี้คืออิ่มใจว่าตนได้ทำ�งานท่ีสำ�คัญอย่างย่ิง ก็ยำ้�อีกทีว่า ท่านเหล่าน้ีเป็นกำ�ลังหลัก เป็นกำ�ลังแกนของประเทศไทยในการท่ีจะแก้ไขปัญหานำ�พาสังคมและประเทศชาติให้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ อันนไ้ี ปได้ 259
นอกจากผลหรือคุณประโยชน์ที่ทำ�โดยตรงน้ี ก็คือว่า การแพทย์ของไทยน้ี ก็มีเกียรติคุณท่ีรู้กันอยู่ รกู้ นั มาวา่ มมี าตรฐานในวงการระหวา่ งประเทศหรอื ระดบั โลกสงู มาก ตอนนกี้ เ็ ปน็ การเหมอื นกบั มาพสิ จู น์ใหเ้ หน็ ว่าวงการแพทย์ การสาธารณสุขของไทยนี้ มีมาตรฐานสูงอย่างที่ว่าเป็นการรักษาเกียรติคุณหรือย่ิงเชิดชู เกียรตคิ ณุ น้นั ให้เด่นใหน้ ำ�ย่งิ ขนึ้ ดว้ ย อนั น้ีก็ขอนำ�มาแทรกไว้ แตต่ กลงวา่ โพชฌงคน์ ้กี ็เปน็ เป็นประโยชน์ เป็นอันวา่ กข็ อให้ท�ำ งานโดย ๑) ม สี ตริ กั ษาตัวได้ ไม่พลั้งเผลอ ไมป่ ระมาท แล้วก็ใชป้ ัญญาเตม็ ที่ แก้ไขปญั หา ทำ�ใหค้ นหายโรค หายภัยไข้เจ็บ แล้วก็มีปีติ ปัสสัทธิ อิ่มใจปลื้มใจสบายผ่อนคลาย แล้วก็วิริยะความเพียร และ สมาธกิ ็จะมาชว่ ยใหท้ ำ�งานอย่างเขม็ แขง็ จริงจังมากขนึ้ พรอ้ มด้วยใจท่ีมีดุลยภาพอยูก่ บั ความเป็น จริงทำ�งานก็จะได้ผลสมบูรณ์ไม่ผิดพลาด เป็นหัวหน้าเรื่องของบททดสอบน้ีก็เอานี้เป็นตัวอย่าง ซึ่งเป็นเร่ืองท่ีสำ�คัญชัดเจนท่ีเรามองเห็นกันอยู่ สำ�หรับคนท่ัวไปน้ันพอมองเห็นว่าคุณหมอแพทย์ พยาบาลทั้งหลายวงการสาธารณสุขน้ีมีความเสียสละมากแล้ว เห็นใจแล้ว ก็มานึกถึงตนเอง ท่านเหล่านี้เสียสละกันมากขนาดน้ี เราลำ�บากนิดหน่อย ดำ�เนินชีวิตอย่างปกติไม่ได้ หาความ สนกุ สนานความบนั เทิงไมไ่ ด้ จะไปทกุ ข์ร้อนอะไร ไม่ได้ล�ำ บากอยา่ งทา่ นเหล่านี้ เรากต็ ้อง ขอ้ หน่งึ มกี �ำ ลงั ใจของตวั เอง ไปชว่ ยไปหนนุ ไปชว่ ยก�ำ ลงั ใหแ้ กท่ า่ นทที่ �ำ งาน สว่ นตวั เองนนั้ กจ็ ะเขา้ ขอ้ ตอ่ ไป กค็ อื ขอ้ ทว่ี า่ สถานการณน์ ที้ ตี่ วั ด�ำ เนนิ ชวี ติ ไมส่ ะดวกประสบปญั หาตา่ ง ๆ นนั้ กเ็ ขา้ ขอ้ เปน็ แบบฝกึ หดั อันนัน้ กเ็ ป็นขอ้ ทสี่ องท่ขี อพูดต่อไป ๒) ม องปจั จบุ นั กเ็ ปน็ เหตกุ ารณร์ า้ ย เปน็ ทกุ ขเ์ ปน็ ตน้ ทเี่ ปน็ แบบฝกึ หดั กค็ อื ปญั หานนั่ เอง ปญั หากเ็ ปน็ แบบฝกึ หัดสำ�หรับคนท่ีจะได้ฝกึ ตนเอง อนั นกี้ ็คือ มองอย่างกวา้ งท่ีสุดก็เป็นโอกาสส�ำ หรับตวั เอง เราเจอสถานการณต์ า่ ง ๆ ก็ใหเ้ ราฝกึ หดั ตวั เอง เชน่ เราเปลย่ี นงานทบ่ี รษิ ทั มาอยทู่ บ่ี า้ น กเ็ ปน็ แบบ ฝกึ หดั ใหเ้ ราฝกึ ตวั เองวา่ เราจะท�ำ งานทบ่ี า้ นไดผ้ ลดไี หม แบบฝกึ หดั ตา่ ง ๆ จะเกดิ ขน้ึ การเปลย่ี นวถิ ี ชีวิตการดำ�เนินชวี ิตเป็นอยู่ต่าง ๆ เปลยี่ นไป ทุกอยา่ งเปน็ แบบฝึกหัด เรากต็ ้องฝึกหัดคนทคี่ ดิ ท่ีจะ ฝกึ ตัว เรียกว่า มีส�ำ นึกทางการศกึ ษา จะไมม่ ัวมาท้อใจ พอเจอสถานการณ์ท่จี ะต้องฝกึ หดั ตวั เอง ดวู า่ เรอ่ื งนจี้ �ำ เปน็ เราจะมวั มาทอ้ อยทู่ �ำ ไม ไปทกุ ขอ์ ดั อน้ั ตนั ใจไมม่ ปี ระโยชน์ มาฝกึ มาหดั ตวั เองดวู า่ เราจะทำ�ให้สถานการณ์นี้ที่เปลี่ยนแปลงใหม่น้ี เราจะอยู่อย่างใหม่ได้อย่างดีที่สุดได้ไหม อาจจะ กลายเปน็ ว่าอย่อู ย่างใหม่นด้ี ีกว่าเก่าอีกก็ได้ เพราะฉะน้ัน นีก้ ค็ ือแบบฝึกหัด น้คี อื ปัจจบุ ัน ๓) เชิงอนาคต เปน็ บทเรียน ก็คือว่า สง่ิ เลวร้ายต่าง ๆ ที่เกิดขึน้ ตอนนี้ มนั แสดงให้เหน็ ในเชงิ เหตผุ ล ตา่ ง ๆ เรากจ็ ะมองเหน็ สภาพความเปน็ ไป เหตปุ จั จยั อะไรทงั้ หลาย ประมวลมาแลว้ จะเปน็ บทเรยี น ส�ำ หรบั ตอ่ ไปในอนาคตวา่ เราแกป้ ญั หา เราพฒั นาอยา่ งไร เราจะเตรยี มตวั ทจ่ี ะปอ้ งกนั ปญั หาเหลา่ นี้ ไมใ่ ห้มนั เกิดไดอ้ ยา่ งไร น่ีก็คอื บทเรียนและเป็นเรือ่ งส�ำ หรับเตรียมการเพือ่ อนาคต จะไดป้ ระโยชน์ 260
แง่หน่ึงของบทเรียนนี้ก็คืออยากจะพูดกว้าง ๆ ระยะเวลาท่ีผ่านมา บทเรียนของโลก บทเรียนของ อารยธรรม เรากไ็ ด้เปน็ ครั้งเปน็ คราว อยา่ งเมือ่ ๕๐ ปกี อ่ นนี้ ประมาณตง้ั แต่ ค.ศ.๑๙๖๐ กว่า กเ็ ร่มิ มีปัญหา สงิ่ แวดลอ้ มอยา่ งรนุ แรงขึน้ มาในประเทศที่พัฒนาแล้ว อนั น้ันส�ำ นึกในเรอื่ งปัญหาส่งิ แวดลอ้ มไดเ้ กิดขน้ึ แลว้ ตอ่ มาไมน่ านกท็ �ำ ใหค้ นถงึ กบั เปลยี่ นแนวความคดิ ใหม่ เรยี กวา่ เปน็ แนวความคดิ ทเ่ี ปน็ กระแสหลกั ของโลกเลย คอื กระแสอารยธรรมมนษุ ย์ในตะวนั ตก ถอื วา่ การพฒั นาความเจรญิ ตา่ ง ๆ เกดิ ขน้ึ ได้โดยการเอาชนะธรรมชาติ พชิ ติ ธรรมชาติ อันนีค้ อื แนวความคดิ ใหญ่ แล้วเมื่อ ๕๐ ปีกอ่ นพอได้เร่มิ เกิดปญั หาสิง่ แวดล้อมข้นึ มาค่อย ๆ ท�ำ ใหค้ นเปลยี่ นแนวความคดิ จากการพชิ ติ ธรรมชาติ กห็ นั มาเปน็ มติ รกบั ธรรมชาติ เวลานเ้ี ราจะเหน็ วา่ ประเทศ พัฒนาต่าง ๆ ก็พยายามทจี่ ะบอกว่าใหเ้ ปน็ มติ รกบั ธรรมชาติ แต่วา่ เด๋ียวนี้จนกระทง่ั ผ่านมาประมาณ ๕๐ ปี เราก็ยงั แกป้ ัญหานไี้ ม่ตก การเป็นมติ รกับธรรมชาติ เวลากระแสความคดิ หลักเกดิ ข้ึนมา ปรากฏวา่ ทจ่ี ะเปน็ มิตรกับธรรมชาตินั้น คนกลับมาเป็นศัตรูกันเอง คือคนน้ันมาขัดแย้งกันเอง เช่นขัดกันในทางผลประโยชน์ กเ็ ลยท�ำ ใหพ้ วกทีไ่ มไ่ ดเ้ ป็นมติ รกับธรรมชาติ เขาถอื วา่ เขาจ�ำ เปน็ ตอ้ งพิชติ ธรรมชาติ เอาชนะธรรมชาติ รกุ ราน ท�ำ ลายธรรมชาติ เขาตอ้ งท�ำ เพอ่ื เศรษฐกจิ และปญั หาเศรษฐกจิ กท็ �ำ ใหเ้ กดิ การพฒั นาทไี่ มย่ งั่ ยนื เราจงึ ประสบ กันอยู่จนกระทง่ั ทุกวนั น้ี ปัญหาเรอ่ื งนีก้ ็เปน็ ปญั หายืดเย้ือมาจนปัจจุบนั แม้แตป่ ัญหาโควดิ ก็ตาม ปัญหาเร่อื ง ฝุ่นควันพษิ ทเ่ี รียกกวา่ PM 2.5 มันกเ็ ป็นเรื่องของความสมั พนั ธก์ บั ธรรมชาติ แล้วธรรมชาติของเรานี้อยทู่ ่ี ตัวมนุษย์เอง เพราะมนุษย์เองด้านหนึ่งก็อยู่กับสังคม ท่ีเรียกว่า สัตว์สังคม อีกด้านหนึ่งก็สัตวโลก ก็คือมี ชีวติ ทเ่ี ป็นธรรมชาติ ตวั พ้ืนฐานของมนุษยเ์ ป็นชีวติ ใช่ไหม เมอ่ื ชีวติ เป็นตวั แทข้ องมนษุ ย์ มนั ก็เป็นธรรมชาติ นคี้ วามหมายทแ่ี ทเ้ ลยนะ ชวี ติ เปน็ ตวั ทแ่ี ทข้ องมนษุ ย์ เปน็ ธรรมชาติ สว่ นอกี ขน้ั หนง่ึ คอื บนฐานของชวี ติ นน้ั เกดิ บุคคลขึ้นมา บคุ คลนเ้ี ป็นสัตว์สงั คม น้ีอารยธรรมที่ผา่ นมาน้ี ท่เี ปน็ ศัตรูกับธรรมชาติ ท�ำ ลายธรรมชาติ กเ็ ปน็ อารยธรรมท่ีมีเป้าหมายมุ่งไปในการท่ีจะบำ�รุงบำ�เรอมนุษย์ในด้านที่เป็นบุคคลซ่ึงเป็นสัตว์สังคม แล้วก็เลย กลายเปน็ วา่ ไมค่ �ำ นงึ หรอื มองขา้ มความสมั พนั ธก์ บั ธรรมชาติ ซงึ่ พนื้ ฐานอยทู่ ช่ี วี ติ ของตนเอง กลายเปน็ วา่ เขา มองขา้ มความเปน็ มนษุ ย์ในดา้ นของชวี ติ ทเ่ี ปน็ ธรรมชาตไิ ปเสยี ตอนนกี้ ม็ าถงึ คราวทมี่ นษุ ยจ์ ะตอ้ งมาบรู ณาการ การพฒั นาของโลก ใหก้ ารพฒั นาเพอ่ื สงั คมหรอื เพอื่ บคุ คล เพอื่ สตั วส์ งั คมใหม้ าเขา้ กบั การพฒั นา เพอื่ ความมี ชีวิตทีด่ ีงามด้วย อนั น้เี ปน็ เร่ืองที่ยากทสี่ ุด เปน็ ปญั หาสำ�หรบั มนุษย์ยคุ ปัจจุบันวา่ อารยธรรมมนุษยจ์ ะไปไหว หรอื ไม่ ถึงตอนน้ีเราพดู ไดเ้ ลยวา่ ยังไม่มคี วามส�ำ เรจ็ แมแ้ ต่จะกา้ วไปกย็ งั ไมไ่ ปถงึ ไหนเลย เพราะฉะน้ันอันนี้ กค็ อื ปญั หาทีท่ ้าทายมนษุ ย์ทั้งโลก ปญั หาทท่ี ้าทายอารยธรรมของมนุษยชาติ แล้วมันก็มาท้าทายมนษุ ย์แต่ละ คนนด้ี ว้ ย เพราะฉะน้ัน ในที่สุดปัญหาโควิดก็มาจบลงท่ีปัญหาระยะยาว คือการท่ีมนุษย์จะต้องหาทางพัฒนา อารยธรรมของมนุษยชาตินี้ เพ่ือความดีงามของชีวิตที่บูรณาการกับพัฒนาการของความเจริญงอกงามของ สังคมมนษุ ย์นน้ั ด้วยให้เปน็ สันติสุขท่ยี ัง่ ยนื สบื ไป กข็ ออนุโมทนาและจบเพียงเท่าน้ี สมเด็จพระพทุ ธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) วัดญาณเวศกวนั 261
ธรรมะรักษาจิต พิชิตภยั โควดิ -๑๙ เจรญิ พร เร่ืองโรคภัยไข้เจ็บนี้เป็นเร่ืองที่มาพร้อมกับการเกิด เราเกิดมาทุกคนน้ีตกอยู่ในอำ�นาจของไตรลักษณ์ คอื อนิจจัง ทุกขัง อนตั ตา ทกุ สิง่ ทุกอยา่ งในสถานการณ์โควดิ -๑๙ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ระบาดไปทวั่ ในยามน้อี ยากจะขอฝากให้ใช้หลกั ของ ความเห็นอกเห็นใจกัน ใช้หลักของความไม่เห็นแก่ตัว ความเสียสละ ความแบ่งปัน เราจะเอาแต่ประโยชน์ ส่วนตวั ในยามวิกฤตนี้ไมไ่ ด้ เพราะฉะนัน้ ได้บ้างเสยี บา้ งกเ็ อาพอสมควร แตจ่ ดุ มงุ่ หมายของสว่ นรวมนั้น เรา ต้องยึดไว้ เพื่อคงประโยชน์ส่วนรวม ประเทศชาตบิ า้ นเมืองของเราเปน็ ส�ำ คญั ในทกุ ภาวะ โดยเฉพาะในภาวะอยา่ งนี้ ความยตุ ธิ รรมส�ำ คญั ทสี่ ดุ ธรรมส�ำ คญั ทส่ี ดุ ถา้ เราไมเ่ สยี สละ ไมแ่ บง่ ปนั ไมเ่ หน็ แก่ ส่วนรวม เหน็ แก่ตวั อย่างเดียว มนั จะไปไมร่ อด เพราะฉะนัน้ ตอ้ งรว่ มดว้ ยช่วยกนั ขออานภุ าพคุณพระศรีรตั นตรยั และส่ิงศกั ด์สิ ทิ ธ์ทิ งั้ หลายในพระศาสนา อำ�นาจของความดงี ามของการ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ธิ รรม บ�ำ เพญ็ คณุ งามความดขี องพวกเรา ใหเ้ ปน็ ปฏพิ รตอบสนอง ใหท้ า่ นผทู้ ป่ี ระพฤตดิ ปี ฏบิ ตั ิ ชอบ ได้รับผลสมกับการปฏิบัติ และขอให้ประเทศไทยของเราประสบความสงบ ความสุขสวัสดี กลับคืนสู่ สภาพปรกติโดยเร็วพลัน และขอให้ทกุ ทา่ นจงเจริญดว้ ยศรีสวัสด์ิพพิ ัฒนมงคล สมบูรณ์ผลในสง่ิ ทป่ี รารถนา จงทุกประการทุกทา่ นทกุ คน เทอญ สมเด็จพระมหาธรี าจารย์ (ปสฤทธ์ิ เขมงฺ กโร) วดั ยานนาวา เผยแผ่ทางเพจ ส�ำ นกั งานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ 262
ธรรมะรกั ษาจติ พิชติ ภยั โควิด-๑๙ ขอให้มีสติต้ังอยู่ในความไม่ประมาท รอบคอบ ระมัดระวัง คนไทยมีบุญท่ีได้เกิดในแผ่นดินไทย หม่ันเจริญสมาธิภาวนา ก็ได้อยู่ได้รอดปลอดภัยด้วยตนเอง ครอบครัว สังคม คนรอบข้าง ในโอกาสน้ี จะให้พรพเิ ศษ เปน็ ขวัญก�ำ ลงั ใจ สกกฺ ตฺวา พทุ ธฺ รตนํ โอสถํ อุตตฺ มํ วรํ หิตํ เทวมนุสฺสานํ พทุ ฺธเตเชน โสตฺถนิ า นสฺสนฺตุปททฺ วา สพฺเพ ทกุ ฺขา วปู สเมนฺตุ เต. สกกฺ ตฺวา ธมมฺ รตนํ โอสถํ อุตฺตมํ วรํ ปรฬิ าหปู สมนํ ธมฺมเตเชน โสตฺถินา นสสฺ นฺตุปทฺทวา สพฺเพ ภยา วปู สเมนตฺ ุ เต. สกกฺ ตฺวา สงฆฺ รตนํ โอสถํ อตุ ฺตมํ วรํ อาหเุ นยฺยํ ปาหเุ นยฺยํ สงฆฺ เตเชน โสตถฺ ินา นสสฺ นฺตุปทฺทวา สพฺเพ โรคา วปู สเมนตฺ ุ เต. สมเดจ็ พระมหามุนวี งศ์ (พจิ ิตร ฐติ วณฺโณ) วดั โสมนัสวหิ าร เผยแผท่ างเพจ สำ�นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๓ 263
สัมโมทนียกถา เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช โปรดมีพระบัญชาให้สำ�นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแจ้งวัดท่ัว พระราชอาณาจักร แล้วก็ทรงกำ�ชับว่า วัดที่มีความสามารถมีศักยภาพที่จะทำ�ได้ ก็ขอให้ทำ�เป็นโรงทานหรือ เป็นศนู ยช์ ว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั ประสบความล�ำ บากยากเข็ญจากการแพร่ระบาดของไวรสั โควิด-๑๙ คอื ไม่ได้ ทรงบงั คับ แต่ขอใหว้ ัดท่มี ศี กั ยภาพและการดำ�เนนิ การก็ใหป้ ระสานความรว่ มมือกับหน่วยราชการตา่ ง ๆ เชน่ อสม. สาธารณสุขจังหวัด ตลอดถงึ นายอ�ำ เภอท้องถน่ิ ใหด้ แู ลความเรยี บรอ้ ย ใหเ้ ป็นไปตามกฎเกณฑ์ท่ีทาง ราชการได้กำ�หนดไว้ อย่าไปทำ�โดยพลการหรือท�ำ ให้เกิดผลไมด่ ี เกดิ มกี ารติดเชือ้ แพร่ระบาดกันขึน้ ก่อนที่โครงการนี้จะดำ�เนินมาตามลำ�ดับจนท่ัวประเทศนั้น มีวัดเกือบพันวัดท่ีร่วมโครงการนี้ต้ังแต่ต้น จนถึงปัจจบุ ัน พระดำ�ริอันนี้ จุดประสงค์ส่วนใหญ่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ท่านปรารภว่า พระภิกษุสามเณรของเราวัดวา อารามของเราทวั่ พระราชอาณาจกั ร เราอย่กู ันด้วยความอปุ ถัมภ์ของพุทธศาสนกิ ชนหรือสาธชุ นคนดที ง้ั หลาย ทเ่ี ขาบรจิ าคให้พระศาสนามาช่ัวชีวิต เพราะฉะนน้ั เขามบี ญุ คณุ กบั คณะสงฆก์ บั พระภิกษุสามเณรมาตลอดชัว่ ชวี ิตทเ่ี ขาเกิดมา 264
ท่านรับสงั่ ว่า แล้วเราจะทำ�ทดแทนบุญคณุ ของเขา ระยะ ๓ - ๔ เดอื นนไ้ี ม่ได้หรอื ทั้ง ๆ ท่ีให้เรามา ตลอดชีวิต ก็ขอให้ไปคิดดู อาตมาไปเยี่ยมตามท่ีต่าง ๆ อาตมาพูดว่าเป็นการทดแทนบุญคุณชาวบ้านเขา เขาเดือดรอ้ น ถ้าเราไม่ช่วยคนของเรา ศาสนิกของเราประชาชนประเทศของเรา แลว้ ใครจะมาช่วย เพราะฉะนนั้ ก็ใหท้ กุ วดั ทม่ี ศี กั ยภาพ มคี วามพรอ้ ม มจี ติ ส�ำ นกึ ถา้ เราท�ำ ไดอ้ ยา่ งนมี้ าก ๆ กจ็ ะเกดิ ความ สามคั คี เกิดความรกั ใคร่ปรองดองกัน อยู่กนั ดว้ ยความเออื้ อารตี อ่ กัน มมี ติ รไมตรีต่อกนั หลังจากเสร็จภาวะ โรคระบาดน้แี ลว้ ท่านทง้ั หลายก็จะชน่ื ใจว่าทางคณะสงฆ์นัน้ ไม่ทอดท้งิ ไมด่ ูดาย เอาใจใส่ โดยเฉพาะทพี่ ระนครศรอี ยธุ ยากด็ ูขา่ วสารตลอดเวลา มีผูห้ วังดเี พราะสง่ ให้ไป บางวัดนีท่ ำ�โรงทานแจก ใสท่ า้ ยรถไป ไปถงึ บ้านเลย ไปตกั อาหารแจกให้ชาวบา้ นเอาถว้ ยโถโอชามก็รบั กันไป ค�ำ นึงถงึ คนผ้สู งู อายุที่ ออกจากบา้ นไมไ่ ด้ เปน็ การบรกิ ารใหถ้ งึ ที่ คนเขากส็ ง่ มากเ็ ขยี นมาบอกวา่ กลบั กนั สมยั กอ่ นพระไปบณิ ฑบาต สมยั นพี้ ระไปโปรดโยมถงึ บา้ น แตไ่ มไ่ ด้ไปบณิ ฑบาต ไปชว่ ยเหลอื โยมกนั เขาเขยี นจากความชน่ื ใจ นก้ี เ็ ปน็ วสิ ยั ของคนไทย อาตมาตามขา่ วทป่ี ระเทศอังกฤษ มวี ดั ไทยอย่ทู อี่ งั กฤษ เปน็ สาขาของวัดอรณุ ราชวราราม ทา่ น ไปท�ำ วดั อรุณทีป่ ระเทศองั กฤษ ชาวบา้ นท่ีมาวดั กร็ วมกลมุ่ กันก็คิดกิจกรรมน้ีข้นึ ตามพระด�ำ ริของเจ้าพระคณุ สมเด็จพระสังฆราช ก็ติดต่อกับร้านไทยท่ีมีมากในอังกฤษในเมืองหน่ึงก็มีหลายร้านด้วยกัน ก็โทรบอกว่า กนั วา่ ร้านนว้ี นั น้ีขอใหท้ �ำ ข้าวกล่องสัก ๑๐ กลอ่ ง รา้ นน้ที �ำ ๒๐ กลอ่ ง ทำ�เสรจ็ แล้วก็ใส่รถไปให้คณะแพทย์ พยาบาลท่ีโรงพยาบาลในท้องถนิ่ นน้ั ฝรัง่ ก็ตกใจวา่ ประเทศคุณทำ�แบบนห้ี รือ เพราะฝรัง่ ไมเ่ คยทจี่ ะทำ�แบบนี้ น่ีก็คือเป็นประเพณีของเมืองไทยเรา พูดง่าย ๆ ว่า เราทนไม่ได้ท่ีจะเห็นคนเดือดร้อนลำ�บาก เช่นเดียวกัน การกระท�ำ ของวดั ตา่ ง ๆ ท่วั ประเทศซงึ่ มีเกือบประมาณพันวัด ก็เปน็ การแสดงวา่ เราทนกนั ไมไ่ ด้ เราชว่ ยกัน วดั ตา่ ง ๆ ทท่ี �ำ นน้ั ไมไ่ ดล้ งทนุ ไรมาก อยา่ งทว่ี ดั ราชบพธิ ฯ อาตมาเปน็ ศนู ย์ใหร้ บั บรจิ าค มโี ยมไปบรจิ าค ทง้ั เงนิ ทงั้ ทอง ท้งั ของต่าง ๆ เฉพาะเงนิ สดกเ็ กือบประมาณ ๓ ลา้ นบาท เฉพาะของอีกต่างหาก ขา้ วสารประมาณ หม่ืนถงุ แลว้ อาหารแห้งอีก อาตมากแ็ จกจ่ายไปทกุ ๆ วัดทต่ี อ้ งการ โดยทวี่ ัดลงทุนไม่เทา่ ไรเลย แต่โยมเขา เหน็ วา่ ท�ำ จรงิ เขากม็ ศี รทั ธามามอบให้ กเ็ ขา้ ต�ำ ราวา่ พระสงฆเ์ รานนั้ รบั มาเพอื่ ให ้ อยา่ งบางวดั บางแหง่ ไปสรา้ ง โรงเรียน โรงพยาบาล สถานสงเคราะห์คนชรา กร็ บั บริจาคมา แตร่ บั เพอ่ื ให้ ไมไ่ ดร้ ับเพ่ือเก็บ ก็คือให้คืนใช้ ให้ไปกบั ประชาชนคนทัว่ ไปกบั ผตู้ กยากเช่นเดียวกบั ทีท่ างคณะสงฆ์ได้ทำ�อยใู่ นปัจจุบันนี้ ดังทวี่ า่ บ้านกบั วดั ต้องชว่ ยกนั บา้ นมาชว่ ยวดั เมอื่ บ้านเดือดรอ้ นวัดก็ต้องช่วยบ้าน ผลัดกนั ช่วย ตามคำ�ทพ่ี ดู กันวา่ บา้ นกับวัด ผลดั กนั ช่วยก็อวยชัย 265
และในโอกาสตอ่ ไปเมอื่ เหตกุ ารณน์ ม้ี นั ยตุ ลิ ง กข็ อใหท้ กุ ทา่ นนน้ั คดิ วา่ เราจะท�ำ ชวี ติ อยา่ งไรของเราในตอ่ ไป วางแผนกนั ใหด้ ี หนว่ ยราชการกต็ อ้ งเขา้ ไปชว่ ยเหลอื ดแู ลดว้ ย สว่ นตวั ทา่ นเองนน้ั ตอ้ งดแู ลตวั เองดว้ ย แลว้ คดิ กนั ใหด้ ี คดิ กนั วา่ จะท�ำ อยา่ งไรตอ่ ไปหลงั จากผา่ นพน้ เหตกุ ารณน์ ไ้ี ปแลว้ จะท�ำ มาหากนิ อยา่ งไร ประกอบสมั มาอาชพี อยา่ งไร กช็ ่วยกันคดิ ให้ดี โดยมหี นว่ ยราชการของเรานน้ั เป็นพ่ีเลย้ี งดแู ล เพอื่ ท�ำ ให้ชีวติ ของเราน้นั เปน็ ชีวิตท่ี พอเพยี ง เป็นชวี ติ ท่ีมีความสขุ เราตอ้ งอย่ไู ด้ ตอ้ งศึกษาตามพระบรมราโชบายของรชั กาลที่ ๙ ทีท่ า่ นให้เรา ท้งั หลายไว้ว่า ทำ�อย่างไรใหพ้ อเพยี งและเปน็ อยไู่ ด้ ท่ีสุดน้ี ก็ขออำ�นาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและอำ�นาจแห่งบุญบารมีความดีงามทั้งปวง จงมารวมกัน เปน็ พลวปจั จยั อ�ำ นวยอวยพรใหท้ กุ ทา่ นถงึ ความเจรญิ งอกงามในธรรมะของสมเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ และ เจรญิ ยงิ่ ดว้ ยจตรุ พธิ พรชยั มงคล มีอายุ วรรณะ สขุ ะ พละ ปฏิภาณ ธรรมสารสมบตั ิ ธนสารสมบัตติ ลอดกาล นานเทอญ สมเดจ็ พระมหาวีรวงศ์ (สชุ นิ อคฺคชโิ น) วัดราชบพิธสถติ มหาสมี าราม สมั โมทนยี กถา ในพิธีมอบเครือ่ งอปุ โภคบริโภค แก่ผปู้ ระสบปญั หาในสถานการณโ์ รคระบาด (โควดิ -๑๙) ณ วดั ตะโก จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓ 266
ธรรมะรกั ษาจติ พิชิตภยั โควิด-๑๙ ขอเจริญพร วนั นี้ สถานการณท์ ง้ั หลายกค็ งรวู้ า่ เปน็ สถานการณท์ ม่ี กี ารระบาดของโรคภยั ไขเ้ จบ็ ในเวทโี ลก ไมม่ เี ฉพาะ ประเทศไทย อาตมภาพก็อยากเสนอธรรมะขององคส์ มเด็จพระสมั มาสมั พุทธเจา้ ซ่งึ มี ๗ ประการ โบราณจะย่อ ๆ ไวว้ ่า สะ ธะ วิ ปิ ปะ สะ อุ สงิ่ เหลา่ น้มี ีมาแล้วในพทุ ธกาล “สะ” คอื อะไร “สต”ิ ทุกคนต้องมีสติ วันนี้สติตอ้ งมั่นคงดว้ ย “ธะ” คอื “ธรรมวจิ ยั ”จะตอ้ งวิจยั ธรรมขององคส์ มเดจ็ พระสมั มาสัมพุทธเจ้า ก็คือเหตแุ ละผล วา่ สง่ิ น้ี มันเกิดข้ึนจากอะไร มันมาจากอะไร และมันควรจะตอ้ งแก้ไขอยา่ งไร “วิ” คือ “วิริยะ” วริ ิเยน ทกุ ฺขมจเฺ จติ คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร อยา่ ท้อแท้ อยา่ ทอ้ ถอย อยา่ วา้ วุ่น อาจจะเปลีย่ นงาน อาจจะสับงาน ตกงาน ก็ตอ้ งขยนั ใหท้ ันกับเวทโี ลกด้วย Innovation นวตั กรรม ซึง่ เราไม่เคยทำ�มา เราก็จะตอ้ งทำ�ดว้ ยความเพยี ร 267
“ป”ิ คือ “ปติ ิ” ความอม่ิ ใจ จะตอ้ งสรา้ งความปติ ิ อิม่ เอบิ ใจให้เกดิ ขน้ึ ในจติ อย่าเศรา้ โศกเสียใจ “ปะ” เรากค็ วรจะ “ปสั สัทธิ” คอื สงบ อยใู่ นอาการสงบ จะต้องอยู่ในความสงบ ถา้ ไมส่ งบ ออกไปชมุ นุม ไปพลกุ พลา่ น เรากจ็ ะเกดิ การตดิ โรคได้ เปน็ สง่ิ ทอี่ าจจะท�ำ ใหถ้ งึ ชวี ติ ได้ ฉะนนั้ กข็ อใหท้ กุ ทา่ นอยใู่ นความสงบ อยู่ในบา้ น “สะ” เม่อื รู้อย่างนีแ้ ล้ว เพื่อไมใ่ ห้เกิดสตหิ ลดุ ไป ก็ท�ำ “สมาธิ” “อ”ุ “อเุ บกขา” คือปัญญา มสี มาธิและมีปัญญาวางเฉย ชีวิตก็จะมีความสุข อยู่ในโลกแห่งความร่มเยน็ ในสงั คมสืบต่อไป ขอเจรญิ พร สมเดจ็ พระมหารัชมงคลมนุ ี (ธงชัย ธมมฺ ธโช) วัดไตรมติ รวทิ ยาราม เผยแผ่ทางเพจ สำ�นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ 268
สวดมนตเ์ พ่ือใหก้ ำ�ลงั ใจคนไทย “ในสถานการณ์น้ีต้องเข้าใจว่า เร่ืองของไวรัส มันปิดก้ันการช่วยเหลือกันใกล้ชิด ชุมนุมกันก็ไม่ได้ มันเป็นปรากฏการณ์ท่ีเราต้องแยกกัน ให้แยกกันทางกาย แต่จิตใจต้องหวังดีต่อกัน ส่งเสริมสนับสนุนซ่ึง กันและกัน เราจะต้องไม่ทอดท้ิงกันในทางนี้ ส่ิงใดท่ีเป็นการช่วยเหลือเก้ือกูลกันที่ไม่ขัดกับนโยบายของ กระทรวงสาธารณสุขน้ัน เราควรจะทำ� ความแห้งแล้งน้ำ�ใจไม่ควรจะเกิด เราผ่านวิกฤตการณ์นำ้�ท่วมหรือ อะไรต่าง ๆ เพราะคนไทยมีนำ้�ใจ และก็ไม่ได้จับจ้องเอาผิดกัน เพราะตรงน้ันมันเป็นเร่ืองใหญ่ของชาติ เราไม่สามารถจะผา่ นพน้ ไปโดยลำ�พัง ไมว่ ่าในฝ่ายใดฝา่ ยหนง่ึ ทกุ คนต้องรว่ มมือ ทนี ้ี ธรรมะทเ่ี ก่ียวขอ้ งนั้น พระพุทธเจา้ บอกวา่ การรกั ษาตนน้ันเท่ากบั รกั ษาคนอน่ื รกั ษาคนอน่ื เทา่ กับ รักษาตน การรักษาตน ก็คือ มีสติคุ้มครองอย่าพาตนเองไปติดเชื้อไวรัส เท่ากับรักษาคนในหมู่บ้าน รักษาคน ทวั่ ประเทศ การทเ่ี ราหว่ งใยวา่ สงั คมจะเดอื ดรอ้ น ครอบครวั เราจะมปี ญั หาเพราะเชอ้ื เรากพ็ ยายามรกั ษาสงั คม เราก็ไมเ่ อาตัวเองเขา้ ไปเสี่ยง ในทส่ี ุดการห่วงใยกนั และกัน มันทำ�ให้ตวั เองปลอดภยั 269
เพราะฉะน้นั การเริ่มตน้ ทีก่ ารรักษาตน คือ มีสติ มปี ัญญา รกั ษาตวั เองให้ดี ดแู ลตวั เองดี ก็เท่ากับดูแล คนอืน่ ไมพ่ าตนเองไปเสีย่ ง และเราหว่ งใยคนอ่นื เราจะคุม้ ครองตัวเองดว้ ยดี และน่นั คือ อาศยั ธรรมะ อาศยั การสวดมนต์ เตอื นสตขิ องเรา แล้วเราก็จะผ่านพ้นเรือ่ งน้ีไปด้วยกนั ” พระพรหมบณั ฑติ (ประยูร ธมมฺ จิตโฺ ต) สมั ภาษณ์ในรายการเคลียร์คตั ชดั เจน เร่อื ง สวดมนตเ์ พ่อื ใหก้ �ำ ลงั ใจคนไทย ออกอากาศทางสถานีวิทยโุ ทรทศั น์กระจายเสียงแหง่ ประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง ๑๑ (NBT) ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๓ 270
โรงทานตามพระด�ำ ริฯ ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของเช้ือไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ณ วัดอรุณราชวราราม ตามพระดำ�ริ เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ให้วัดที่มีศักยภาพพอเพียงจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-๑๙ (โรงทาน) เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบความยากลำ�บากในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโควิด-๑๙ จนกวา่ สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดจะคล่ีคลายและสามารถควบคุมได้ วดั อรุณราชวราราม มคี วามพร้อมในทุกด้าน จงึ ได้สนองพระดำ�ริจดั ตั้งศนู ยฯ์ ซึง่ ด�ำ เนนิ การตั้งแต่วนั ท่ี ๒๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๓ เปน็ ตน้ มา โดยจดั ถวายภตั ตาหารพระภกิ ษสุ ามเณรภายในอาราม และวัดในเขต บางกอกใหญ่ จำ�นวน ๑๓ วัด รวมทงั้ แจกจา่ ยให้กบั ผปู้ ระสบความยากลำ�บากในสถานการณก์ ารแพร่ระบาด ของโรคติดเช้ือไวรัสโควดิ -๑๙ เป็นประจำ�ทุกวัน โดยเฉล่ยี วนั ละ ๕๐๐ 271
การดำ�เนินการจัดต้ังศูนย์ฯ ในครั้งน้ี ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งส่วนคณะสงฆ์ภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาสังคมในชุมชนและพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา โดยเฉพาะในเขตการปกครองคณะสงฆ์ เขตบางกอกใหญน่ น้ั ไดด้ �ำ เนนิ การมาตง้ั แตต่ น้ ซง่ึ คณะสงฆเ์ ขตบางกอกใหญไ่ ดม้ มี ตใิ หจ้ ดั ตง้ั ศนู ยฯ์ ทวี่ ดั อรณุ ราชวราราม และกระจายไปยงั วดั ทมี่ ศี กั ยภาพเพยี งพอใหจ้ ดั ตงั้ โรงทานในเขตวดั ของตน เพอ่ื ใหก้ ารชว่ ยเหลอื ไดค้ รอบคลมุ และทว่ั ถึง ดงั ในอดีตกาลท่ีวดั นน้ั เป็นศูนยก์ ลางของชุมชน ในการนี้ จึงขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกท่าน ท่ีได้ร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้ภัยจากโรคระบาดในครั้งน้ีให้ ผ่านไปดว้ ยด ี อนั แสดงออกถึงความมีเมตตาธรรมตอ่ กันและกัน ดังพทุ ธศาสนสภุ าษิตทีว่ า่ “โลโกปตฺถมฺภิกา เมตฺตา” “เมตตาธรรม ค้�ำ จนุ โลก” พระธรรมรตั นดิลก (สมเกียรติ โกวโิ ท) วัดอรณุ ราชวราราม 272
โรงทานส้ภู ัยโควิด-๑๙ ตามพระดำ�ริสมเด็จพระสงั ฆราช ในชว่ งนเ้ี ปน็ ชว่ งทสี่ ถานการณก์ ารระบาดของไวรสั โควดิ -๑๙ ก�ำ ลงั เกดิ ขนึ้ มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราช- วิทยาลัยได้สนองพระดำ�ริของเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆ- ปรณิ ายก ผู้เป็นองคน์ ายกสภามหาวิทยาลยั พระองค์ท่านทรงปรารภวา่ ในโบราณกาล ความเปน็ ประเทศไทย ของเรานน้ั เมอ่ื มวี กิ ฤตการณห์ รอื เกดิ เหตกุ บั บา้ นกบั เมอื งกด็ ี วดั ถอื วา่ เปน็ ศนู ยก์ ลางแหง่ ชมุ ชน เปน็ ทร่ี วมพล วดั จะชว่ ยเหลอื ประชาชนทง้ั หลาย พทุ ธบริษทั ทง้ั หลายในยามยาก ก็จะตอ้ งชว่ ยเหลอื ซ่ึงกันและกัน จงึ ทรงด�ำ รใิ นเรอ่ื งการตั้งโรงทาน การใหต้ ามหลกั พระพุทธศาสนาขน้ึ เพราะการใหต้ ามหลกั พระพุทธ- ศาสนาเชอ่ื มน่ั ไดเ้ ปน็ แนแ่ ทว้ า่ เราทา่ นทงั้ หลายผเู้ ปน็ พทุ ธบรษิ ทั เมอื่ ผู้ให้ได้ใหท้ านไปแลว้ ความมภี าวะจติ ใจ แห่งความเป็นผู้ใหน้ ั้น ย่อมจะมปี ตี ิคอื ความเอิบอิม่ ใจท่ตี วั เองไดเ้ สียสละ พร้อมกับเห็นบุคคลผู้รับทาน ได้รบั แล้วก็ย่อมจะมีความอ่ิมเอิบใจในการที่จะดำ�รงวิถีชีวิต ดังน้ันในหลักนี้ จึงทำ�ให้สถานการณ์แห่งภาวะการ ด�ำ รงชวี ติ ของผคู้ นทง้ั หลายในประเทศเรานนั้ มคี วามอมิ่ ใจ ดว้ ยพระเมตตาของพระองคท์ า่ นทท่ี รงประทานให้ พวกเรา ทา่ นทงั้ หลาย เมื่อเกิดวิกฤตกิ ารณ์อย่างนี้ เจา้ พระคณุ สมเด็จฯ ทรงประทานพระโอวาททใี่ ห้ก�ำ ลังใจแก่ ชาวพทุ ธทง้ั หลายไว้อยใู่ นตอนหนึง่ ซ่ึงพระองค์ไดท้ รงน�ำ ธรรมภาษิตอยใู่ นตอนหนงึ่ วา่ 273
เมอื่ ถึงยามคบั ขนั ประชาชนต้องการผ้กู ลา้ หาญ เมือ่ ถงึ คราวปรกึ ษางาน ตอ้ งการผู้ท่ีไม่พูดพลา่ ม ยามมีข้าวน�ำ้ ตอ้ งการผู้เป็นท่รี กั ยามเกิดปัญหา ต้องการบณั ฑิต ดังนั้น หลักธรรมนี้ที่พระองคท์ รงยกธรรมภาษติ มาเปน็ เคร่อื งเตอื นใจใหเ้ ราท่านทง้ั หลาย ข้อท่ีว่า “เม่ือถึงยามคับขัน ประชาชนต้องการผู้กล้าหาญ” หมายความว่า เม่ือเกิดวิกฤตการณ์ข้ึน เราท่านท้ังหลายต้องเป็นผู้กล้าหาญท่ีจะต่อสู้ ฟันฝ่าอุปสรรคในวิกฤตครั้งน้ีให้ผ่านพ้นไปจากชีวิต พร้อมกับ การให้ก�ำ ลังใจซึ่งกนั และกัน ข้อทว่ี า่ “เมือ่ ถงึ คราวปรกึ ษางาน ต้องการผ้ทู ี่ไม่พูดพล่าม” ยกตวั อยา่ งเหมือนเวลาไฟไหมบ้ ้าน เราจะ ตอ้ งชว่ ยกนั รบี ดบั ไฟเสยี กอ่ น แลว้ จงึ มาสาวหาเหตวุ า่ ตน้ เหตทุ ไ่ี ฟไหมน้ นั้ มาจากไหน เปน็ อยา่ งไร สถานการณ์ เชน่ นกี้ เ็ ชน่ เดยี วกนั เราจะตอ้ งมาชว่ ยกนั ลงมอื ลงแรง รว่ มมอื รว่ มใจกนั เปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั เพอ่ื ทจ่ี ะฝา่ ฟนั อุปสรรคนี้ไปให้ได้ ขอ้ ว่า “ยามมีขา้ วนำ้� ต้องการผู้เปน็ ทีร่ ัก” จะเหน็ ไดจ้ ากวิถีชีวติ คนไทยอย่างชดั เจน โดยเฉพาะคนไทย เราน้ีเป็นผู้มีความเสียสละแบ่งปันในสิ่งท่ีตนเองมีให้กับผู้ท่ีเดือดร้อนขัดสนยากจน ในคราววิกฤตเช่นนี้ แม้ในทางพทุ ธจกั ร กถ็ อื เปน็ โอกาสหนงึ่ ทพ่ี ระสงฆจ์ ะไดแ้ สดงออกตอ่ พทุ ธบรษิ ทั ทง้ั หลายในฐานะเปน็ งานแหง่ พระศาสนา ข้อวา่ “ยามเกิดปญั หา ต้องการบัณฑติ ” หมายความวา่ ในวิกฤตการณ์เชน่ น้ี เราควรชว่ ยกนั วิเคราะห์ หาเหตุผล หาวิธีการในการด�ำ รงชีวติ ทีม่ คี วามยงั่ ยืนตอ่ ไปในอนาคต นี่คือหลักธรรมที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงวาง แนวทางเปน็ หลกั ในการด�ำ เนนิ ชวี ติ ดว้ ยปัญญาแกพ่ ทุ ธบรษิ ัทท้ังหลาย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้สนองพระดำ�ริในการจัดต้ังศูนย์ประสานภารกิจจัดมอบเคร่ือง อุปโภคบรโิ ภคและอุปกรณป์ ้องกนั ในสถานการณ์แพรร่ ะบาดของเชอื้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในคร้งั นี้ นบั เปน็ โอกาสดีทเี่ ราทา่ นทงั้ หลายจะได้ร่วมมือกันกับภาครัฐ ภาคเอกชนทุก ๆ ฝ่าย ในวกิ ฤตการณ์ครัง้ นี้ 274
ในโอกาสน้ี ขออนโุ มทนากองการกศุ ลของทกุ ๆ ทา่ น โดยเฉพาะทา่ นพทุ ธศาสนกิ ชนทงั้ หลายทไี่ ดร้ ว่ มกนั บรจิ าคสง่ิ ของเครอ่ื งด�ำ รงชพี จะเปน็ ปจั จยั กด็ ี ขา้ วปลาอาหารกด็ ี ดว้ ยความปตี อิ มิ่ ใจ แสดงใหเ้ หน็ วา่ เมอื่ เรา ทา่ นทัง้ หลายเหน็ วิกฤตการณ์เกดิ ขน้ึ กบั ผ้คู นก็ไม่ปล่อยใหเ้ กดิ วิกฤตไปโดยเปลา่ แตย่ งั ได้รว่ มกันทัง้ แรงกาย แรงใจ เสยี สละแบ่งปนั สร้างบารมีร่วมกัน โดยถือวา่ เป็นโอกาสในการสรา้ งบารมี ในนามมหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ขออา้ งอ�ำ นาจคณุ พระศรรี ตั นตรยั พระบารมธี รรมในสมเดจ็ พระอริยวงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก จงปกปกั รักษาค้มุ ครองทา่ นทั้งหลายให้ มสี ขุ ภาพกาย สขุ ภาพใจทเ่ี ขม้ แขง็ เพอื่ ชว่ ยกันฝา่ ฟนั อปุ สรรคในครั้งนใ้ี หผ้ ่านพ้นไป โดยประสบแต่ความสุข ความเจริญดว้ ยกนั ทุกท่านทุกคนเทอญ พระราชปฏิภาณโกศล (สมคดิ จนิ ฺตามโย), ผศ.ดร. วัดราชบพธิ สถติ มหาสมี าราม อธิการบดีมหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั รายการ “รธู้ รรมนำ�ชวี ติ ” สถานโี ทรทัศน์โมเดริ น์ ไนน์ทวี ี ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ 275
วัดกับการช่วยเหลอื เพ่ือสู้ภยั โควดิ -๑๙ น้อมนำ�ในการบูชาพระดำ�ริสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เปน็ เหมอื นรม่ ธรรมทไี่ มอ่ าจกางกนั้ เปน็ วถิ แี หง่ คณุ ธรรมวถิ พี ทุ ธ ทสี่ มั ผสั ใหพ้ วกเราทงั้ หลายหยดุ ความวา้ เหว่ หยุดความตระหนกตกตื่น เป็นผู้ประกอบด้วยสติ ใคร่ครวญด้วยปัญญา ที่ว่าชีวิตน้ีต่ืนรู้ มีพุทธะเป็นสำ�คัญ น้อมน�ำ พระด�ำ ริดังกล่าวนนั้ วัดวาอารามท่วั สงั ฆมณฑล ไมจ่ ำ�เพาะภายในประเทศ แม้ในต่างแดนตา่ งประเทศ ท่ัวทวีปของโลกน้ี ท้ังส่ีทวีปใหญ่ ได้เห็นภาพเหล่านั้นในการขับเคล่ือนธรรม เพ่ือเว้นช่องว่าง ไม่ให้เกิด ความเหงา หรอื กงั วลเพราะโรคน้ี จนสนิ้ คดิ ผดิ หวงั กนั ไป ชนทงั้ หลายนนั้ ตนื่ ตน รตู้ วั มสี ติ และก็ใครค่ รวญดว้ ย ปญั ญาเปน็ ลกั ษณะ โดยเฉพาะพระคอื ผูป้ ระเสรฐิ เปน็ พลงั ท่กี อ่ เกิดจากในพระธรรมเหลา่ นั้น แสดงมาสู่สังคม เชอ่ื มโยงให้เป็นลกั ษณะวถิ ีพทุ ธ คอื เปน็ ผมู้ ีระเบยี บกตกิ าและระมดั ระวังเป็นส�ำ คญั ภาพอันสำ�คญั ท่ีวัดทองเนยี มแหง่ นี้ อนั มีอาตมภาพ พระมงคลธรรมวิธาน โดยต�ำ แหนง่ เจา้ อาวาส และ ที่สนองงานของคณะสงฆ์ มหาวทิ ยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลยั เป็นรองอธิการบดี ท่กี �ำ กบั ดแู ลงานดา้ นกจิ การ คณะสงฆ์ ก็คือเช่ือมโยงภารธุระที่เก่ียวกับคณะสงฆ์ท้ังมวล โดยเฉพาะท่ีประสานเป็นพลัง “บวร” บ้าน วัด ประชารฐั สร้างสุข อย่างแท้จริง 276
โครงการ “สุขถึงธรรม สุขถงึ ใจ” อนั เปน็ ความรว่ มมือของสถาบนั การศกึ ษา มหาวิทยาลัยมหามกฏุ - ราชวิทยาลัย ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม และวัดทองเนียม ได้ก่อเกิดเมื่อ ๑๐ ปีก่อนหน้าน้ัน ในขณะน้ี ไดท้ ำ�องค์สติและองคป์ ัญญาให้ประจกั ษ์ กค็ ือจัดความเปน็ ไปในภาวะทต่ี ่นื ตูมตระหนกอย่ใู นขณะ นี้ ใหต้ ระหนกั รอู้ ยูเ่ ป็นปัจจุบัน ทางวัดได้จัดเกื้อกลู กันต่อสงั คม ต้งั แต่วนั ตน้ จนถงึ มาช่วงบรรเทาในระยะ หลงั สงกรานต์ จงึ ได้ชะลอลง และก็มสี ตอ็ กทีจ่ ะเก้ือกลู ตอ่ ที่ใด ๆ ท่ีรอ้ งขอมา วดั วาอารามเหล่านน้ั แจง้ มาได้ แม้ในขณะปัจจบุ นั มีกองคลังที่จะปันไปให้ และกาลต่อมา ต้ังแตว่ นั ที่ ๙ เมษายน เปน็ ตน้ มา นเี่ ป็นโครงการ ปันเพื่อบำ�บัดทุกข์ บำ�รุงสุข ปันความอิ่มเอม บรรเทา เกิดจิตสำ�นึก ไม่ท้ิงใครให้หิวโหยจนเกินไป ก็คือ ต่อผู้ประสบทุกข์ประสบภัยด้วยอาหาร จึงจัดโครงการ “หนึ่งมื้อถือพอเพียง” จัดวันเว้นวัน ต้ังแต่วันที่ ๙ เมษายน เป็นต้นมา แม้ในวนั นี้จะได้ร่วมกนั ในการจัดแจกเหล่าน้ัน ปนั น�้ำ ใจสปู่ วงประชา ไมท่ งิ้ ใครไวเ้ บอื้ งหลงั ใหท้ กุ ขร์ อ้ น แตด่ บั ทกุ ขด์ ว้ ยธรรม ปนั โรงทานดงั กลา่ วสนอง พระด�ำ ริ จัดกตกิ า ระเบียบ ครรลองอย่ใู นลกั ษณะท่ปี ลอดภยั เปน็ ส�ำ คญั ๑. ทุกคนตอ้ งสวมหน้ากากมา หากไม่มีจริง ๆ ทางวดั ก็เก้ือกลู ให้ ๒. ทกุ คนต้องวัดอณุ หภูมิ ๓. ทกุ คนตอ้ งล้างมือ มีแอลกอฮอล์พ่นทำ�ความสะอาดทกุ คน จึงจะไดส้ ิทธมิ์ านั่งอยใู่ นพ้ืนท่ีทกี่ �ำ หนด มีระยะหา่ ง ๑ เมตรคร่งึ ถึง ๒ เมตร และการที่ขับเคล่อื นขึ้นไป รับสง่ิ ของนนั้ ก็เปน็ ชอ่ ง เปน็ ระยะห่าง ๆ กันอยา่ งเปน็ กติกา และถอื ความปลอดภยั เปน็ ทยี่ ุติ และเป็นไปด้วย เมตตาธรรมเกอ้ื กูลกัน ไม่มีการที่จะชิงเอาเปรียบกัน เพราะเราถอื วถิ แี หง่ ธรรมเปน็ ส�ำ คัญนน่ั เอง มองผู้อ่ืน ก็ไม่ต่างจากมองตน คือทุกคนมีความปลอดภัย มีความสุขเป็นยอดปรารถนา ให้คนอ่ืน มีความสุขเชน่ เรา เราจึงมลี ักษณะการแบง่ ปัน โดยท่ีสุดนั้น ขอสรรพมงคลแห่งเจตนากศุ ลทั้งหลายที่ได้น้อมน�ำ สัมมาปฏิบตั ิ ใหพ้ วกเราทัง้ หลายน้ัน คลายพน้ จากความทุกขภ์ ยั ในวิกฤตการณค์ รั้งนี้ ไปสคู่ วามปลอดภัย ความสขุ ร่มเยน็ 277
โดยท่สี ุดน้ี ขออ้างเอาบญุ ญาบารมีรม่ ธรรม ด้วยอำ�นาจแหง่ คุณพระพุทธ ดว้ ยอ�ำ นาจแห่งคุณพระธรรม ดว้ ยอ�ำ นาจแหง่ คณุ พระสงฆ์ สมั มาปฏบิ ตั แิ หง่ พระสงฆท์ งั้ มวล จงเปน็ มหนั ตเดชานภุ าพ ปฏพิ รใหท้ า่ นทง้ั หลาย พร้อมด้วยสติ พร้อมด้วยปัญญา นำ�ทางมรรคาปฏิบัติตนสู่วิสัยแห่งธรรมนำ�ความสุขย่ิง ๆ ข้ึนไปด้วยวิถี ครรลองแหง่ รม่ ธรรมน้นั มีความสุขมีความเจริญกา้ วหน้า ปลอดภัยร่างกายเข้มแข็งจติ ใจเบิกบาน โดยท่ัวกัน ทุกท่าน เทอญ พระมงคลธรรมวธิ าน (ส�ำ เรจ็ ภูรจิ ิตฺโต), ดร. วัดทองเนยี ม รองอธิการบดมี หาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลัย รายการ “รธู้ รรมนำ�ชวี ติ ” สถานีโทรทศั นโ์ มเดิรน์ ไนนท์ ีวี ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓ 278
ค�ำ แนะน�ำ หลกั การปฏิบัตติ นในวันวสิ าขบชู าปนี ี้ ในชว่ งนี้ กถ็ อื ว่าพวกเราก�ำ ลังตา่ งช่วยกนั เพื่อทจ่ี ะใหป้ ลอดภัยจากโคโรนา่ ไวรัส หรอื โควิด-๑๙ กันอยู่ แน่นอนวา่ โควิด-๑๙ นั้นไม่ให้มารวมตวั กันเยอะ ๆ มันจะเปน็ ทางให้เราติดเชอื้ และท�ำ ให้ตัวเองไมป่ ลอดภัย ท�ำ ใหค้ นอ่นื ไม่ปลอดภัย ท�ำ ใหส้ ังคมไมป่ ลอดภัย เพราะฉะนัน้ ทางท่ีดีที่สุดคอื การน้อมนำ�ใจของเรา ความจริงหลักพระพุทธศาสนานั้น พูดถึงการพัฒนาใจมากกว่าท่ีจะมาที่วัด หรือพัฒนาการอยู่แล้วใน เน้ือหา อย่างเช่นว่าการท่ีเราสร้างวัดหรือเราไปวัดเพื่ออะไร ก็เพื่อให้เราสามารถท่ีจะเข้าใจ หรือสามารถท่ี จะน้อมน�ำ เอาคำ�ส่ังสอนของพระพทุ ธศาสนามาปฏบิ ัติ ถือโอกาสเรยี นรู้พระพุทธศาสนา เพ่อื ที่จะเอาไปใช้ใน ชีวิตประจำ�วันของเรา แตป่ จั จุบันนี้ เราจะเหน็ ไดว้ ่า เม่อื เข้าวดั ไมไ่ ด้ แตค่ ำ�สอนก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะไมม่ ที างท่ีจะไดร้ ับ ส่งิ ส�ำ คญั ทีส่ ุดคอื การไปวดั กเ็ พือ่ จะสรา้ งวัดอีกวดั หน่งึ ในใจของตน ซง่ึ พระพุทธศาสนาเรียกว่า วดั ธรรมาราม ก็คอื สรา้ งวดั ในใจ เพราะเม่ือเรามีวัดในใจ วดั ทเี่ ปน็ กายภาพกไ็ มไ่ ดม้ ีความสำ�คัญเท่าไร วดั ท้งั หลายจำ�นวนสามหมนื่ กว่า วดั เปน็ แคต่ วั อา้ งองิ เพอื่ ทจ่ี ะไปเรมิ่ ตน้ แตว่ า่ ในหมขู่ องพทุ ธศาสนกิ ชน เรากค็ นุ้ เคยกบั วดั อยแู่ ลว้ และค�ำ สอน เหล่าน้นั เราก็ได้รับมาตลอด 279
โดยเฉพาะในปัจจบุ นั น้ี เรามีเทคโนโลยีท่ีสามารถที่จะเขา้ ถงึ ค�ำ สอนเหลา่ น้ันได้โดยง่าย ส่ิงสำ�คญั ทส่ี ดุ คือ เพ่ือความปลอดภัยของตัวเอง เพ่ือความปลอดภัยของสังคม เพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติและ โลกปจั จบุ นั น้ี เราตอ้ งรจู้ กั ค�ำ สอนทเ่ี รยี กวา่ “หริ ”ิ กค็ อื การรบั ผดิ ชอบตวั เอง และค�ำ สอนทเ่ี รยี กวา่ “โอตปั ปะ” กค็ อื การรับผิดชอบต่อสังคม ถ้าเราสามารถท่ีจะดำ�รงไว้ในธรรมะเหล่าน้ี ก็เท่ากับว่าได้บูชาอันยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า “ปฏปิ ตั ตปิ ชู า” แมว้ า่ รา่ งกายนนั้ ไมไ่ ดอ้ ยทู่ ว่ี ดั แตใ่ จเราอยทู่ ว่ี ดั ใจเราอยกู่ บั ธรรมะ เมอ่ื ใจเราอยกู่ บั วดั ใจเราอยู่ กบั ธรรมะ แมแ้ ตก่ ารกระท�ำ ค�ำ พดู และความคดิ กจ็ ะเปน็ ความคดิ ทปี่ ระกอบไปดว้ ยธรรมะ นนั่ คอื สง่ิ ทเี่ รยี กวา่ บูชาที่สงู ทส่ี ดุ แล้ว เพราะฉะนน้ั ค�ำ วา่ เวยี นเทยี น หรอื ว่าการสวดมนต์ ลว้ นถา้ เราเข้าใจ เวลาเราพูดถึงสวดมนตก์ ม็ ักจะ นึกถงึ การสวดภาษาบาลี แต่สิ่งส�ำ คัญทสี่ ดุ คอื เราตอ้ งเข้าใจในเนื้อหาท่ีเราสวด ถา้ เราเขา้ ใจเนอื้ หาท่เี ราสวด เรากส็ ามารถทจี่ ะเปน็ พทุ ธศาสนกิ ชน เราเปน็ พระดว้ ยตวั ของเราเอง ไมต่ อ้ งหม่ จวี ร เพราะพระแปลวา่ ผปู้ ระเสรฐิ กค็ อื เมอ่ื จติ ใจเราประเสรฐิ เรากด็ แี ลว้ เวยี นเทยี นกเ็ ชน่ เดยี วกนั อาการของการเวยี นเทยี นนนั้ ความจรงิ เปน็ แค่ พธิ กี รรม แตเ่ นอื้ หาของเวยี นเทยี นนน้ั ถา้ ในปธี รรมดาทเ่ี ราสามารถไปวดั ได้ ไมม่ ไี วรสั เชน่ น้ี แตเ่ ราตดิ งานหรอื ปว่ ยไมส่ ามารถเขา้ วดั ได้ แมเ้ ปน็ วนั ส�ำ คญั เชน่ น ี้ เวลาเชน่ นน้ั เราท�ำ อยา่ งไรเลา่ เรากส็ ง่ ใจไป เรากท็ �ำ ตวั ใหอ้ ยใู่ น ธรรมะ เรากร็ ะลกึ ถงึ พระพทุ ธคณุ พระธรรมคณุ พระสงั ฆคณุ ซงึ่ กค็ อื สง่ิ ทเ่ี ราท�ำ ในเวลาเวยี นเทยี น เวยี นเทยี น รอบแรกเราก็ระลึกถึงพระพุทธคุณ เวียนเทียนรอบที่ ๒ เราก็ระลึกถึงพระธรรมคุณ เวียนเทียนรอบที่ ๓ เรากร็ ะลึกถึงพระสงั ฆคุณ ซ่งึ ในความหมายทงั้ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ ์ ถา้ วา่ กนั งา่ ย ๆ ก็คือ อันดับแรก ให้เราร้จู ักเข้าใจ ให้เรารู้จักมปี ัญญา อันดับท่ี ๒ ก็คือให้เรารู้จกั หลกั การในการทจี่ ะเข้าสู่ปญั ญาอยา่ งไรบ้าง คอื หลักการที่เปน็ สากล ท่เี รยี กว่า ธรรมะ ทแ่ี ปลวา่ สภาพท่ที รงไว้ และสงั ฆะก็คอื การสังคม แตส่ ังคมทกุ วนั นก้ี ็เปน็ สังฆะรปู แบบพิเศษที่เรียกว่า Social distancing โดยกายหา่ งกนั โดยใจถงึ กัน เพราะฉะนั้น ถา้ เราสามารถทจี่ ะมใี จถึงกนั ได้ ก็ไมต่ อ้ งมาวดั เรามวี ดั ของตวั เราเอง และเรากไ็ ปเจอกนั ในวดั ของเรา กค็ อื วดั ธรรมาราม และสามารถทจ่ี ะประกอบพธิ กี รรมได้ อยา่ งทเ่ี ราเคยท�ำ ทกุ ครง้ั ทกุ ปี แตไ่ ดผ้ ล เท่ากนั ซ่ึงกอ็ าจจะใชส้ ิ่งชว่ ยเหลือก็คอื ใช้เทคโนโลยี แตล่ ะวดั ก็จะมีไลฟ์ (live) เชน่ ทว่ี ดั บวรนเิ วศวิหาร ก็เริม่ ท�ำ การไลฟท์ กุ วนั นี้กส็ ามารถท่ีจะเขา้ ถึงได้ สง่ จิตใจมาทวี่ ดั สรา้ งวัดของเราเองทีเ่ ป็นเฉพาะของตนท่ีเรยี กวา่ ปัจเจกะ และเมื่อทำ�ได้เช่นนัน้ เราก็เป็นพุทธศาสนกิ ชนท่ปี ฏิบตั พิ ระพทุ ธศาสนา แมว้ ันส�ำ คญั เชน่ นี้ เราก็ถอื ว่า ไดเ้ ฉลิมฉลองวนั สำ�คัญ 280
ท่ีส�ำ คญั ท่สี ดุ ของวันวสิ าขบชู า เจา้ ประคณุ สมเด็จพระวนั รตั ทา่ นนิยามงา่ ย ๆ ว่า วนั วสิ าขบูชากค็ อื วนั ที่ เบกิ ตาเหน็ ธรรม เราจะตอ้ งเขา้ ใจในสงิ่ ทเ่ี รยี กวา่ ธรรมชาติ แลว้ เอาธรรมชาตนิ นั้ มาพฒั นา รกั ษา หรอื วา่ เอามา พัฒนาเปน็ แนวทางท่จี ะอยูก่ บั ธรรมชาตอิ ย่างปลอดภยั จะอยูก่ ับธรรมชาติอย่างผปู้ ระเสริฐ นั่นคอื การบูชา ในวนั วิสาขบูชาในปีน้ี พระศากยวงศ์วิสทุ ธิ์ (อนลิ ธมฺมสากโิ ย), ดร. วดั บวรนเิ วศวิหาร รองอธกิ ารบดมี หาวิทยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลยั สัมภาษณ์ใน Ch3ThailandNews ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ 281
ธรรมะกบั วกิ ฤตเศรษฐกจิ โควดิ -๑๙ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยน้ันมีภารกิจสำ�คัญในห้วงเวลาท่ีทุกคนน้ันประสบภาวะวิกฤตว่าด้วย เร่ืองของเชื้อไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ มหาวิทยาลัยได้สนองพระดำ�ริของเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก ดว้ ยการจดั ตง้ั ศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ ารตามแนวพระด�ำ ริ ซง่ึ เปน็ ภารกจิ วา่ ดว้ ยเรอ่ื งของการแจก เคร่ืองอุปโภคบริโภคและอุปกรณ์สำ�หรับป้องกันในการท่ีจะระมัดระวังการติดเช้ือไวรัสโคโรนานี้ มีการออก โรงทานมาหลายรอบแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนตลอดทั้งเดือน ซ่ึงเป็นแนวดำ�ริของท่านอธิการบดีในการที่จะ สนองตามแนวพระด�ำ รขิ องเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช แนวพระดำ�รินี้มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยก็ได้นำ�แนวทางนี้ไปออกโรงทานตามวิทยาเขตและ วิทยาลัยต่าง ๆ ทุกส่วนงานของมหาวิทยาลัย ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในห้วงเวลาวิกฤต แบบนี้ หลายคนก็ประสบปัญหาภาวะท่ีขาดเขินในห้วงเวลาท่ีไม่สามารถออกไปทำ�งานได้ไม่สามารถที่จะใช้ ชวี ิตตามปกติได้ 282
เพราะฉะนนั้ การทไ่ี ดม้ โี รงทานตามแนวพระด�ำ รแิ บบนก้ี เ็ ปน็ ทางออกใหก้ บั สงั คมในระดบั หนงึ่ เพราะวา่ คนท่ไี ม่มีก็ไมม่ จี ริง ๆ หลายคนก็ขาดเขนิ แมก้ ระทงั่ ปจั จัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นสิง่ ที่สำ�คัญสำ�หรับการดำ�เนนิ ชีวิตของท่านเหลา่ นน้ั สังคมไทยท่ีอยู่กับพระพุทธศาสนามาช้านาน เอ้ืออาศัยซ่ึงกันและกัน เราทุกคนคุ้นเคยกับบทภาษิต ท่ีเกีย่ วกบั วัดกบั บา้ น “วัดจะดีมีหลักฐานเพราะบ้านช่วย บ้านจะสวยเพราะมีวัดดัดนิสัย บ้านกับวัดพลัดกันช่วยย่ิงอวยชัย ถา้ ขัดกันกบ็ รรลัยทั้งสองทาง” ซ่งึ น่คี ือเปน็ จดุ แขง็ ของสงั คมไทยของเราซง่ึ อาศยั ซึ่งกนั และกนั มาช้านาน พระพทุ ธองค์ไดท้ รงประทานแนวทางส�ำ หรบั การทใ่ี หพ้ ระสงฆน์ น้ั ได้ไปเออื้ เฟอ้ื ประชาชน ตง้ั แตท่ รงสง่ พระ ไปประกาศศาสนาครั้งแรกทรงประทานพระโอวาทแล้วก็ให้แนวทางว่า “จรถ ภิกฺขเว จาริกํ พหุชนหิตาย พหชุ นสขุ าย โลกานกุ มปฺ าย อตถฺ าย หติ าย สขุ าย เทวมนสุ สฺ าน.ํ ” แปลความหมายกค็ อื “เธอทงั้ หลายจงเทยี่ วไป สูท่ ่ีจารกิ เพ่อื ประโยชนข์ องชนหม่มู าก เพ่ือเก้อื กูลชนหมู่มาก” พระพุทธองค์ทรงให้พระสงฆ์น้ันเข้าไปเกื้อกุลสนับสนุนสังคม ไปอยู่ในสังคม การอยู่ในสังคมนั้นไม่ ได้อยเู่ ฉย ๆ แต่ว่าไปอยกู่ ็ตอ้ งรู้เห็นความเป็นไปของสังคมดว้ ย เมอ่ื สงั คมขาดสง่ิ ใดกต็ อ้ งไปเติมไปเสริมให้ ส่ิงน้นั ไดเ้ ต็มข้นึ มา เพราฉะนนั้ เป็นการเออื้ อนเุ คราะห์ เป็นการสังเคราะห์ เปน็ การยังประโยชน์ใหแ้ กช่ มุ ชน กเ็ ปน็ ประโยชน์ ท�ำ คณุ ประโยชน์ใหแ้ กส่ งั คม นค่ี อื จดุ แขง็ ทพี่ ระพทุ ธองค์ไดท้ รงประทานแนวทางใหก้ บั พระสงฆ์ เพราะฉะนน้ั จงึ เปน็ วธิ กี ารทพี่ ระสงฆ์ไปอยทู่ ไี่ หนกแ็ ลว้ แต่ กจ็ ะสรา้ งคณุ ประโยชน์ใหก้ บั สงั คมทตี่ นเองอยตู่ รงนน้ั การทคี่ นทกุ คนประสบภาวะวกิ ฤตในขณะปจั จบุ นั น้ี สง่ิ หนงึ่ ทสี่ อนใหเ้ ราทกุ คนเหน็ กค็ อื “น�้ำ ใจ” คอื ทกุ คน น้ันมีนำ้�ใจเอ้ืออาทรต่อกัน โดยเฉพาะอย่างย่ิงเป็นการนำ�โดยผู้นำ�สูงสุดขององค์กร ก็คือ ท่านเจ้าพระคุณ สมเดจ็ พระสงั ฆราช ทรงน�ำ สงั ฆมณฑลทงั้ สงั ฆมณฑลเลย ออกมาอนุเคราะห์ สงเคราะหป์ ระชาชน ท�ำ หนา้ ที่ อย่างยงิ่ ใหญ่ ในคราวปกติญาติโยมทำ�บุญใส่บาตรดูแลพระสงฆ์ แต่ในยามท่ีวิกฤตพระสงฆ์ก็ออกมาดูแลประชาชน ออกมาดแู ลญาตโิ ยมสงเคราะหญ์ าตโิ ยม ซงึ่ เปน็ สง่ิ ทเี่ ปน็ จดุ แขง็ และเออ้ื อาทรดแู ลซงึ่ กนั และกนั มาโดยตลอด จึงเป็นจุดแขง็ ของสังคมไทยของเรา 283
ธรรมะทเ่ี ปน็ แนวทางส�ำ คญั นนั้ กค็ อื ทกุ คนนนั้ ตอ้ งมที พี่ ง่ึ ทร่ี ะลกึ ในใจ ในทางพระพทุ ธศาสนาเนน้ ธรรมะ เป็นทพี่ ง่ึ ทางใจอนั สงู สุด มีบทภาษิตทพ่ี ระพทุ ธองค์ทรงตรัสเอาไว้ “พึงสละทรพั ยเ์ พือ่ รักษาอวัยวะ พงึ สละอวัยวะเพอ่ื รกั ษาชวี ิต เมื่อเล็งเห็นประโยชนอ์ ันสำ�คญั ก็พงึ สละ ทง้ั ชวี ิตและอวยั วะเพ่ือรกั ษาธรรม” นน่ั เปน็ การสอนใหท้ กุ คนนนั้ ใชป้ ญั ญาในการด�ำ เนนิ ชวี ติ ใหพ้ จิ ารณาเหน็ วา่ อะไรส�ำ คญั ทส่ี ดุ ในชวี ติ หลาย คนเวลาเกดิ วกิ ฤตขนึ้ มาไมไ่ ดม้ องหนา้ มองหลงั คดิ ชวั่ วบู แลว้ กต็ ดั สนิ ใจท�ำ ลงไปอยา่ งขาดสติ จงึ เปน็ ทม่ี าของ ความสญู เสียมากมาย เพราะฉะน้นั ในห้วงเวลาแบบนี้ เราทกุ คนตอ้ งพิจารณาใหเ้ หน็ วา่ อะไรส�ำ คญั ที่สุดในชวี ิตของเรา ในห้วง เวลานี้แม้ว่าเศรษฐกิจกับความเป็นจริงของชีวิตมันอาจจะไปด้วยกันไม่ได้ แต่บางทีเศรษฐกิจก็ไม่ใช่ทั้งหมด ของชวี ติ ของเรา ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้พระราชทานแนวทางการใชช้ ีวิตอยา่ งพอเพยี งเอาไวแ้ ล้ว เพราะฉะนัน้ หว้ งเวลาแบบนอี้ ะไรส�ำ คญั ท่ีสดุ อาจจะเป็นชวี ิตก็ได้ อาจจะเปน็ ส่ิงตา่ ง ๆ ก็ได้ เพียงแตว่ ่าเราตอ้ งใชป้ ัญญา พิจารณาให้เห็นว่าสิ่งที่ส�ำ คัญท่ีสุดในชีวิตของเราคืออะไร แล้วก็รักษาสิ่งนั้นเสีย แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ซงึ่ ในทางพทุ ธศาสนาเรียกว่า “สันตฏุ ฐ”ี แปลวา่ ความสนั โดษ รู้จักประเมินค่าของตนเองว่า เรามีความสามารถมากน้อยแค่ไหน เราก็พิจารณาทำ�ในส่ิงท่ีเรามีความ สามารถและมคี วามถนดั แลว้ กท็ �ำ สง่ิ นน้ั ใหด้ ที สี่ ดุ เมอื่ เราเหน็ คณุ คา่ ของตนเอง ใชช้ วี ติ ของตนเองอยา่ งรคู้ ณุ คา่ สง่ิ ตา่ ง ๆ หรอื ประโยชน์ต่าง ๆ ก็จะเกิดข้ึนมา ความสันโดษน้นั กค็ อื ยินดีในสิง่ ท่ตี นเองมหี รอื ยนิ ดีในความ สามารถของตนเอง เม่ือเรารู้ว่าเราสามารถด้านไหน เรามีความสามารถอย่างไร เราก็ใช้ชีวิตของเราอย่างท่ี เป็นศักยภาพของเราให้มันเต็มที่เต็มศักยภาพ ประโยชน์สูงสุดหรือความสำ�เร็จก็จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา อย่างแนน่ อน ปญั หาต่าง ๆ แมว้ ่ามนั จะย่งิ ใหญ่ แต่ถ้าหากวา่ เรามีทศั นคตหิ รอื มีปัญญาท่ีดแี ล้ว เรายอ่ มจะหา ทางออกไดอ้ ยา่ งแนน่ อน เมอื่ เรารทู้ างออกหรอื รวู้ ธิ กี ารทจ่ี ะจดั การปญั หาเหลา่ นนั้ ได้ ชวี ติ ของเรากจ็ ะมคี วามสขุ และกม็ คี วามส�ำ เร็จดงั ทีป่ รารถนาอย่างแน่นอน ธรรมะในวนั นก้ี ็สมควรแกเ่ วลา ขออำ�นวยพร พระมหาฉตั รชยั สฉุ ตตฺ ชโย, ผศ.ดร. วัดบวรนิเวศวหิ าร รองอธิการบดีมหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลยั รายการ “รู้ธรรมนำ�ชวี ติ ” สถานีโทรทศั นโ์ มเดิร์นไนน์ทวี ี ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ 284
บทสรปุ จากสถานการณข์ องโรคระบาดนบั แตอ่ ดตี ทผี่ า่ นมา พระสงฆม์ บี ทบาทหนา้ ทใี่ นการเปน็ ศนู ยร์ วมศรทั ธา ทง้ั การประกอบพธิ กี รรม และการสรา้ งขวญั ก�ำ ลงั ใจ ตลอดจนชว่ ยจดั การกบั ศพผวู้ ายชนม์ ชว่ ยใหผ้ คู้ นในสงั คม ผา่ นพน้ วกิ ฤตเหล่านัน้ ไปได้ สืบมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร บทบาทพระสงฆ์ในการชว่ ยเหลอื สงั คมเรมิ่ เปลยี่ นแปลงไปเปน็ อยา่ งมาก นบั แตส่ มเดจ็ พระสงั ฆราชผทู้ รงเปน็ พระประมขุ สงฆส์ งู สดุ กท็ รงรเิ รมิ่ ในการใหค้ วามชว่ ยเหลอื ประชาชน ทง้ั การสรา้ งโรงพยาบาล และสง่ เสรมิ งาน ดา้ นสาธารณสขุ น�ำ โดยสมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก(ปนุ่ ปณุ ณฺ สริ ิ มหาเถร)วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม เมอ่ื ครง้ั ยงั ด�ำ รงสมณศกั ดทิ์ ส่ี มเดจ็ พระวนั รตั ทรงรเิ รม่ิ ในการจดั สรา้ ง โรงพยาบาลทอี่ �ำ เภอสองพนี่ อ้ ง จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี ปจั จบุ นั คอื โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสงั ฆราชองคท์ ี่ ๑๗ นบั แตน่ ้นั สมเดจ็ พระสงั ฆราชพระองคต์ อ่ ๆ มา ตลอดจนพระเถระหลายรูปก็ให้ความอนุเคราะห์ในการจดั สร้าง โรงพยาบาล ตลอดจนการช่วยเหลือผู้ตกทกุ ข์ได้ยากในวกิ ฤตภยั ธรรมชาติตา่ ง ๆ มาโดยตลอด มาในปัจจบุ นั สมยั ทเ่ี กดิ สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของเชอื้ ไวรสั โคโรนา่ ๒๐๑๙ หรือโควดิ -๑๙ จนมี ผปู้ ว่ ยตดิ เชอื้ หลายลา้ นคน และมผี เู้ สยี ชวี ติ หลายแสนคนทวั่ โลกนน้ั ประเทศไทยนบั เปน็ ประเทศแรก ๆ ทไี่ ดร้ บั ผลกระทบจากการแพรร่ ะบาดจนสถานการณเ์ ขา้ ขน้ั วกิ ฤต จนรฐั บาลตอ้ งมมี าตรการ ประกาศพระราชก�ำ หนด ฉุกเฉิน ตลอดจนจัดตงั้ ศนู ยบ์ รหิ ารสถานการณโ์ ควดิ -๑๙ ข้ึนเปน็ การเฉพาะ ผ้คู นในสงั คมตอ้ งด�ำ เนนิ ชวี ิตใน วถิ ใี หม่(NewNormal) ดว้ ยการใสห่ นา้ กากอนามยั เมอื่ อยใู่ นทสี่ าธารณะ มกี ารลา้ งมอื ดว้ ยสบหู่ รอื แอลกอฮอล์ ล้างมอื อยู่เสมอ มีการเว้นระยะหา่ งทางสังคม (Social distancing) มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายเม่ือเขา้ ไป ในอาคารสถานท่ตี า่ ง ๆ เพ่ือควบคุมป้องกนั การแพรร่ ะบาด วดั วาอารามตา่ ง ๆ จงึ ไดร้ บั ผลกระทบจากภาวะโรคระบาดในครง้ั นี้ หลายวดั มกี ารออกประกาศปดิ วดั และ งดกจิ กรรมตา่ ง ๆ ภายในวดั แตถ่ งึ กระนน้ั สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ(อมพฺ รมหาเถร) สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ก็ยังโปรดประทานพระเมตตา เริ่มแต่การที่ทรงมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัด กัปปยิ ภัณฑ์เทา่ จ�ำ นวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ประทานเป็นทนุ ประเดิมในการจดั หาหนา้ กากอนามัยประทานแก่ พระภกิ ษสุ ามเณรและประชาชนทว่ั ไป เมอื่ วนั ท่ี ๓ มนี าคม พ.ศ.๒๕๖๓ ตอ่ มาในวนั ท ่ี ๒๐ มนี าคม ยงั ประทาน พระคติธรรมเป็นกำ�ลงั ใจในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดในคร้งั นี้ 285
โดยเฉพาะเมอื่ สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของเชอ้ื ไวรสั โคโรนา่ ๒๐๑๙ หรอื โควดิ -๑๙ ทวคี วามรนุ แรงขน้ึ อยา่ งกวา้ งขวางสง่ ผลกระทบตอ่ สุขภาพอนามยั การประกอบอาชีพ การดำ�เนนิ ชีวติ ประจ�ำ วนั และฐานะทาง เศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความยากลำ�บากในหมู่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย หรืออยู่ในภาวะท่ีต้องปรับรูปแบบการ ด�ำ รงชวี ติ อยา่ งกะทนั หนั จงึ ทรงมพี ระด�ำ รใิ หว้ ดั มกี ารจดั ตง้ั โรงทานชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบความยากล�ำ บากในครง้ั น้ี ทงั้ นี้ มใิ ชก่ ารบังคับ แตเ่ ปน็ การกำ�หนดแนวทางประสานความร่วมมอื โดยค�ำ นงึ ถึงความพร้อมของแต่ละวดั ประกอบกับการสนับสนุนจากทางภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในชุมชนนั้น ๆ เป็นสำ�คัญ พระดำ�ริดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางที่พระพุทธองค์ได้ทรงมอบไว้เพ่ือสร้างความสันติระหว่างพระสงฆ์ กับประชาชนทุกแห่งท่ีจะต้องเข้าไปอาศัยอยู่ จนนำ�มาสู่สัมพันธภาพท่ีดีต่อกันมาตั้งแต่เร่ิมมีการเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนา ดว้ ยพระพทุ ธด�ำ รสั ทม่ี าในคมั ภรี ์ พระวนิ ยั ปฎิ ก มหาวภิ งั ค์ ทว่ี า่ “จรถ ภกิ ขฺ เว จารกิ ํ พหชุ นหติ าย พหชุ นสขุ าย โลกานกุ มปฺ าย” แปลความได้ว่า “ภิกษุทงั้ หลาย เธอทั้งหลาย จงเทยี่ วจาริกไป เพอ่ื เกอ้ื กลู แก่ ชนหมู่มาก เพอ่ื ความสขุ ของชนหมมู่ าก และเพ่อื อนุเคราะห์ชาวโลก” พระพุทธด�ำ รัสบทนี้ สอนใหพ้ ระสงฆ์ สร้างประโยชน์ให้กบั ชมุ ชน สงั คม และสว่ นรวม เม่ือไปอยู่ที่ใดแลว้ ก็ต้องสร้างประโยชนส์ ่ิงดีงามให้เกดิ ขนึ้ การจัดต้ังโรงทานตามพระดำ�ริเพ่ือช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบความยากลำ�บากจากสถานการณ์การ แพรร่ ะบาดของเชอ้ื ไวรสั โคโรนา่ ๒๐๑๙ หรอื โควดิ -๑๙ ในครง้ั นี้ นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผอู้ �ำ นวยการส�ำ นกั งาน พระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ ไดแ้ ถลงขา่ วเมอื่ วนั ท ่ี ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๓ นน้ั พบวา่ มกี ารจดั ตงั้ โรงทานครบ ทง้ั ๗๗ จงั หวดั รวม ๙๑๔ โรงทาน โดยชว่ ยเหลอื ประชาชนในแตล่ ะวนั ไดม้ ากกวา่ ๒๗๔,๐๐๐ คน นอกจากนี้ ยังมกี ารจดั ต้งั โรงทานตามพระด�ำ ริในสถานท่ีต่าง ๆ เพอื่ ชว่ ยเหลอื ประชาชนท้ังชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยไมแ่ บง่ แยกเชอ้ื ชาตศิ าสนา นบั เปน็ กระแสแหง่ พระเมตตาและพระกรณุ าทแ่ี ผไ่ ปชว่ ยดบั ทกุ ขเ์ ขญ็ ใหป้ ระชาชน ในยามทุกข์ยากในครง้ั นี้
บรรณานกุ รม กาฬโรคสมยั รชั กาลท่ี ๕. กรุงเทพมหานคร: กรมศลิ ปากร, ๒๕๖๒. “จดหมายเหตุโหร.” ประชมุ พงษาวดาร ภาคท่ี ๘. พระยาศรภี รู ปิ รชี า รามาธิปติราชภกั ดี ศรสี าลักษณวสิ ัย อ ภัยพริ ิยพาห พิมพ์แจกในงานศพคณุ หญงิ ศรีภูรปิ รชี า ปีมเสง พ.ศ. ๒๔๖๐. พระนคร : โรงพมิ พ์ไทย, ๒๔๖๐. “จดหมายเหตุของหมอบรัดเล ปชี วด จลุ ศกั ราช ๑๑๙๐ พ.ศ.๒๓๗๑ ในรชั กาลที่ ๓.” ประชมุ พงษาวดาร ภาคท่ี ๑๒. พมิ พแ์ จกในงานศพ หมอ่ มเจา้ ชายสงา่ งาม ต,ช. ต,ม. ปมี ะแม พ.ศ.๒๔๖๒. พระนคร: โรงพมิ พ์ โสภณพพิ รรฒธนากร, ๒๔๖๒. “จดหมายมองเซนเยอร์เดอซีเซว่าด้วยการเกิดความไข้ในเมืองไทย.” ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๓๖ เรื่อง จดหมายเหตขุ องคณะบาดหลวงฝรงั่ เศส ซง่ึ เขา้ มาตง้ั ครงั้ กรงุ ศรอี ยธุ ยา ตอนแผน่ ดนิ พระเพทราชา ภาค ๓. พมิ พ์ในงารพระราชทานเพลงิ ศพ อ�ำ มาตยเ์ อก พระยาวนิ จิ วทิ ยาการ(กร อมาตยกลุ ) เมอ่ื ปเี ถาะ พ.ศ. ๒๔๗๐. พระนคร : โรงพิมพโ์ สภณพพิ รรฒธนากร, ๒๔๗๐. จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั , พระบาทสมเดจ็ พระ. ประชมุ ประกาศรชั กาลท่ี ๔ พ.ศ.๒๓๙๔- ๒๔๐๐. กรงุ เทพมหานคร: องคก์ ารค้าของครุ สุ ภา, ๒๕๐๓. จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั , พระบาทสมเดจ็ พระ. พระราชพธิ สี บิ สองเดอื น. กรงุ เทพมหานคร: บรรณาคาร, ๒๕๔๒. ชาตชิ าย มกุ สง. จากปศี าจสูเ่ ชื้อโรค: ประวัตศิ าสตรก์ ารแพทย์กบั โรคระบาดในสังคมไทย. กรุงเทพมหานคร: มติชน, ๒๕๖๓. ด�ำ รงราชานภุ าพ, สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา. ความทรงจ�ำ . กรงุ เทพมหานคร: บรรณาคาร, ๒๕๑๖. ด�ำ รงราชานภุ าพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา. นทิ านโบราณคด.ี พระนคร: คลังวทิ ยา, ๒๕๐๑. ด�ำ รงราชานภุ าพ, สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา. พระราชพงศาวดาร ฉะบบั พระราชหตั ถเลขา เลม่ ๑. พระนคร : โรงพมิ พโ์ สภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๘๑. ด�ำ รงราชานุภาพ, สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รชั กาลที่ ๒. กรุงเทพมหานคร : กรมศลิ ปากร, ๒๕๔๖. ต�ำ ราพระราชพิธีเก่า. พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงพรหมวรานรุ กั ษ์ โปรดใหพ้ ิมพ์เมือ่ ปี กุน พ.ศ. ๒๔๖๖. พระนคร : โรงพมิ พ์โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๖๖. ทองตอ่ กลว้ ยไม้ ณ อยุธยา. พระประวตั ิ สมเดจ็ พระอริยวงศาคตญาณ (วาสนมหาเถระ) สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก. กรงุ เทพมหานคร: วดั ราชบพธิ สถติ มหาสมี าราม, ๒๔๓๒. ทิพากรวงศ์, เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลท่ี ๒. พระนคร : องคก์ ารคา้ ของครุ ุสภา, ๒๕๐๔. ทิพากรวงศ์, เจา้ พระยา. พระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๓. กรุงเทพมหานคร : กรมศลิ ปากร, ๒๕๔๗. ทพิ ากรวงศ,์ เจา้ พระยา. พระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๔. พระนคร: การพมิ พเ์ กอ้ื กลู , ๒๕๐๗. น�ำ ชัย ชีววิวรรธน์. COVID-19 โรคระบาดแห่งศตวรรษ. กรุงเทพมหานคร: มตชิ น, ๒๕๖๓. 287
บรัดเลย,์ วลิ เลย่ี ม แอล. สยามแตป่ างกอ่ น. แปลโดยศรเี ทพ แววหงษ์ และ ศรีลักษณ์ สงา่ เมือง. กรุงเทพมหานคร: สถาบันไทยคดศี ึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร,์ ๒๕๒๙. บอ็ ค, คารล์ . ทอ้ งถน่ิ สยามยคุ พระพทุ ธเจา้ หลวง. แปลโดย เสฐยี ร พนั ธรงั ษี และอมั พร ทขี ะระ. กรงุ เทพมหานคร: มตชิ น, ๒๕๓๑. ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๔ พงศาวดารกรุงศรีอยธุ ยา ฉบบั พันจันทนมุ าศ (เจมิ ). พมิ พ์ในงานปลงศพ ค ณุ หญงิ ปฏภิ านพเิ ศษ(ลมนุ อมาตยกลุ ) ณวดั ประยรุ วงศาวาสวนั ท่ี ๙ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๗๙. พระนคร: โรงพมิ พโ์ สภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๗๙. ประชุมพงษาวดาร ภาคท่ี ๑. สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา สมเด็จพระมาตุฉามีรับสั่งให้กรรมการหอ พ ระสมดุ วชริ ญาณรวบรวมพมิ พเ์ มอื่ ทรงบ�ำ เพญ็ พระกศุ ลในงานศพหมอ่ มเจา้ ดนยั วรนชุ ท.จ. พระนคร: โรงพมิ พ์ไทย, ๒๔๕๗. ประเสริฐ ทองเจริญ. ไข้หวดั ใหญ่สายพนั ธ์ุใหม่ ๐๙ มาแลว้ ระบาดบันลอื โลก เลม่ ๒. ม.ป.ท., ม.ป.ป. “พงษาวดารเมืองสงขลา.” ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ ๓” เจา้ พระยาอภัยราชามหายุติธรรมธรฯ พิมพแ์ จกใน งานศพหม่อมเจ้าอรชร พ.ศ. ๒๔๕๗. พระนคร : โรงพมิ พ์ไทย, ๒๔๕๗. พระพุทธศาสนาแหง่ ชาต,ิ สำ�นกั งาน. โครงการพระดำ�ริ สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ศูนย์ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส โควิด-๑๙ (โรงทาน). นครปฐม : ส�ำ นักงานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาต,ิ ๒๕๖๓. พระพุทธศาสนาแห่งชาติ, สำ�นักงาน. พระพุทธศาสนาในสถานการณ์ COVID-19. นครปฐม : สำ�นักงาน พระพุทธศาสนาแหง่ ชาต,ิ ๒๕๖๓. พระโพธริ งั ส.ี เรอ่ื งจามเทววี งศ์ พงศาวดารเมอื งหรภิ ญุ ไชย” แปลโดย พระยาปรยิ ตั ธิ รรมธาดา(แพ ตาละลกั ษณ)์ และพระญาณวชิ ติ ร (สิทธิ โลจนานนท์). นนทบุรี : ศรปี ญั ญา, ๒๔๕๔. พระราชพงศาวดารกรงุ สยามจากตน้ ฉบบั ทเี่ ปน็ สมบตั ขิ องบรติ ชิ มวิ เซยี ม กรงุ ลอนดอน. พระนคร: ส�ำ นกั พมิ พ์ ก้าวหนา้ , ๒๕๐๗. เฟลตัส, จอร์จ เฮาส์. หมอเฮาส์ในรัชกาลท่ี ๔. ม.ป.ท., ๒๕๐๔. วชริ ญาณวโรรส, สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยา. มนษุ ยวทิ ยา. พระนคร: โรงพมิ พม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , ๒๔๘๒. สงัด เปล่งวานิช. “ประวัติการแพทย์ของประเทศไทย.” บริรักษเวชชการ อนุสรณ์. กระทรวงสาธารณสุข รว่ มกบั องคก์ ารเภสชั กรรม พมิ พเ์ ปน็ บรรณาการ ในงานพระราชทานเพลงิ ศพ พระยาบรริ กั ษเ์ วชชการ ณ เมรุ หนา้ พลบั พลาอศิ รยิ าภรณ์ วดั เทพศริ นิ ทราวาส วนั ท ่ี ๒๖ มถิ นุ ายน ๒๕๑๑. พระนคร : ไทยเขษม, ๒๔๑๑. สมธิ , มลั คอล์ม. ราชส�ำ นกั สยามในทรรศนะของหมอสมิธ. แปลโดย ศุกลรตั น์ ธาราศักด.์ิ กรุงเทพมหานคร: กรมศิลปากร, ๒๕๓๗. สำ�ราญ วงั ศพ่าห์. “ประวตั ิศาสตร์การแพทย์ไทย : ไข้หวดั ใหญ่ในรชั สมัยรัชกาลที่ ๖.” สารศริ ริ าช. ปีท ี่ ๑๙ ฉบบั ท่ี ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๐ : น. ๑๕ - ๒๐. สุจิตต์ วงศ์เทศ และคณะ. Black Death โรคห่า กาฬโรคยุคพระเจ้าอู่ทอง : ฝังโลกเก่าฟื้นโลกใหม่ ได้ “ราชอาณาจักรสยาม”. กรุงเทพมหานคร : กระทรวงวัฒนธรรม, ๒๕๕๓. 288
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305