Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ชีวภาพ

แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ชีวภาพ

Published by sirirat wsl, 2021-09-13 07:01:55

Description: นางสาวศิริรัตน์ หวังสะแล่ะฮ์ ครูผู้สอน

Search

Read the Text Version

บนั ทกึ หลงั สอน 1. จดุ เนน้ สู่การพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น 1.1 ความสามารถและทักษะ มคี วามสามารถในการแสวงหาความรเู้ พื่อการแก้ปัญหา มคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ มคี วามสามารถในการใช้ภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) มที ักษะการคดิ ขั้นสงู มที กั ษะชวี ิต มีทกั ษะการส่ือสารอย่างสรา้ งสรรค์ตามช่วงวัย 1.2 ผลการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. ปัญหา/อปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชอื่ ...............................................ครผู ้สู อน (นางสาวศิรริ ัตน์ หวงั สะและ่ ฮ์) ตำแหนง่ ครผู สู้ อน 4. ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษา หรือผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชอื่ ............................................... (...............................................) ตำแหน่ง……………………………………

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว31101 ปกี ารศกึ ษา 2564 ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 เวลา 2 ชั่วโมง หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 เรือ่ ง ระบบภมู ิคุ้มกัน 1. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด ระบบภูมิคุ้มกัน (immune system หรือ immunity) หมายถึง ระบบท่ีร่างกายทำลายหรือกำจัดสิ่งแปลกปลอม ที่ เขา้ ไปทำอันตรายต่อรา่ งกายให้หมดไปโดยเรว็ และมีประสิทธภิ าพ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ดั มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตวั ชว้ี ดั 1. ว1.2 ม.4/5 อธบิ าย และเขียนแผนผังเกีย่ วกับการตอบสนองของรา่ งกายแบบไม่จำเพาะและแบบจำเพาะ ตอ่ สิ่งแปลกปลอมของร่างกาย 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (K,P,A) 1. บอกความหมายของระบบภูมิคุม้ กันได้ (K) 2. ระบุประเภทของระบบภูมิคุ้มกนั ได้ (K) 3. ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ความหมายและประเภทของระบบภมู คิ ุ้มกันได้ (P) 4. เขียนแผนภาพความคดิ ประเภทของระบบภูมิคุ้มกนั ได้ (P) 5. เป็นผู้มคี วามมุ่งม่นั และตั้งใจ (A) 4. สาระการเรียนรู้ - ระบบภูมิคมุ้ กัน - ประเภทของระบบภมู ิคมุ้ กนั

5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagement) 1. นักเรียนร่วมกนั สนทนาเกี่ยวกับอาการปว่ ยเป็นไขห้ วัด แล้วรว่ มกันตอบคำถาม ดังน้ี - เม่อื เพ่ือนคนหน่งึ ของเราเป็นหวัด และมอี าการจาม มีผลอยา่ งไรกับเพื่อนในห้องเรยี นบ้าง (อาจจะทำให้เพอ่ื นในห้องบางคนเปน็ หวัดได)้ - เพราะเหตุใดเพอื่ นบางคนมีอาการเหมือนเพื่อนในวันต่อมา แต่บางคนไมม่ ีอาการ (เพราะเพื่อน คนที่มีอาการร่างกายไมม่ ภี ูมิคุ้มกัน แตค่ นทไ่ี ม่มีอาการร่างกายมีภมู ิคุ้มกนั ) 2. นกั เรียนรว่ มกันทบทวนความรเู้ กยี่ วกบั ระบบภมู ิค้มุ กนั โดยร่วมกันตอบคำถามสำคัญ กระตนุ้ ความคดิ ดังน้ี - ระบบภมู ิคุ้มกนั คืออะไร (ระบบที่รา่ งกายพยายามทำลายหรือกำจัดส่งิ แปลกปลอมท่ีเขา้ มาใน รา่ งกายให้หมดไป) - ระบบภมู คิ ุ้มกันมีกี่ประเภท อะไรบา้ ง (2 ประเภท ไดแ้ ก่ ภมู คิ ้มุ กนั โดยกำเนดิ และภูมิคุ้มกนั ท่ี ไดม้ าหรือภมู คิ มุ้ กันจำเพาะ) ขน้ั ที่ 2 สำรวจและค้นหา (Exploration) 16. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุม่ กล่มุ ละ 4 – 5 คน โดยแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั สบื คน้ ข้อมูลเกย่ี วกับระบบภูมิคมุ้ กนั และประเภทของภูมคิ ุ้มกัน จากแหล่งการเรยี นรู้ทีห่ ลากหลาย แลว้ ร่วมกนั ทำกิจกรรมตามใบงาน เรื่อง ระบบภมู ิคุ้มกนั 17. ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการสืบคน้ ข้อมลู หนา้ ชั้นเรยี น เพือ่ แลกเปลีย่ นเรยี นร้กู ันเพอ่ื นๆ รว่ มกนั ตรวจสอบและแก้ไข 18. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายผลการสบื ค้นข้อมลู จากการทำกิจกรรม เร่ือง ระบบภมู ิคุ้มกันและ ประเภทของภมู คิ ุ้มกัน และสรุปเป็นองค์ความร้ใู หมร่ ว่ มกนั ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. นกั เรียนรว่ มกันวเิ คราะหแ์ ละแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการทำกิจกรรม โดยร่วมกนั ตอบคำถาม หลังทำกจิ กรรม ดังนี้ - ภาพท่นี ักเรียนศกึ ษามีภาพอะไรบ้าง (ภาพทารกดื่มนำ้ นมมารดา ภาพทารกไดร้ บั การฉีดวคั ซนี ป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ภาพเดก็ ถูกสนุ ัขบา้ กัด แลว้ ไดร้ ับการฉดี แอนตบิ อดี และ ภาพเดก็ ถูกงูกดั แลว้ ได้รับการฉีดแอนตบิ อดี)

- แผนภาพของนักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ เหมือนกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร (มที ้งั เหมือนและแตกตา่ งกัน) - นักเรียนใช้เกณฑใ์ ดในการจำแนกประเภท (ภูมคิ มุ้ กนั โดยกำเนดิ และภมู คิ ุ้มกันที่ไดม้ า) - ภาพใดที่ผูร้ บั ไดร้ บั สารท่มี ีอยู่แลว้ ในรา่ งกาย หรอื สารทเ่ี กดิ เองตามธรรมชาติ (ภาพทารกดื่มน้ำนม มารดา) - ภาพใดทีผ่ รู้ บั ได้รับสารแลว้ ใชไ้ ด้ผลทันที (ภาพเด็กถูกสุนัขบ้ากดั แลว้ ได้รับการฉดี แอนติบอดี และ ภาพเด็กถูกงูกัด แล้วไดร้ บั การฉีดแอนติบอดี) - ภาพใดท่ผี รู้ บั ไดร้ บั สารแลว้ ยงั ใชไ้ มไ่ ดผ้ ลทันที (ภาพทารกได้รบั การฉดี วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอ กรน บาดทะยัก) - สรุปผลการทำกิจกรรมนีไ้ ด้อย่างไร (ระบบภมู คิ ุ้มกัน แบ่งเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ ภมู ิคุ้มกนั โดย กำเนิด และภมู ิคมุ้ กันท่ีได้มา) - ระบบภมู คิ ุ้มกนั คืออะไร (ระบบท่รี ่างกายทำลายหรือกำจดั ส่ิงแปลกปลอมทเ่ี ข้าไปทำอันตรายต่อ รา่ งกายให้หมดไปโดยเร็วและมีประสทิ ธิภาพ) 2. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์และอภิปราย โดยร่วมกันตอบคำถาม แล้วสรปุ เป็นความคิดรวบยอด - ระบบภูมคิ มุ้ กันมีก่ปี ระเภท อะไรบ้าง (มี 2 ประเภท ภูมคิ มุ้ กันโดยกำเนดิ และ ภมู คิ มุ้ กันทีไ่ ดม้ า) - ภมู คิ ุม้ กันโดยกำเนดิ หมายถงึ อะไร (ภมู คิ ุ้มกันโดยกำเนิด หมายถงึ ภมู ิคุ้มกันท่ีมอี ยู่แลว้ ในร่างกาย หรอื เป็นภมู ิคมุ้ กนั ทเ่ี กดิ ขนึ้ เองตามธรรมชาติ) - ภูมิคุม้ กนั ท่ีได้มาหรอื ภมู ิค้มุ กันแบบจำเพาะหมายถึงอะไร (ภมู คิ ุม้ กันที่ได้มาหรอื ภมู ิคมุ้ กันแบบ จำเพาะ หมายถงึ ภูมิค้มุ กนั ที่เกดิ ขนึ้ ในร่างกายเพ่ือต่อต้านเฉพาะโรค) ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ให้นักเรียนวางแผน ออกแบบ และจัดทำแผนผังความคดิ เร่ือง ประเภทของระบบภมู ิคุ้มกัน ลงใน กระดาษ A4 พร้อมทั้งตกแตง่ ให้สวยงาม ขน้ั ที่ 5 ประเมิน (Evaluation) 11. นกั เรยี นตรวจสอบหรือประเมินขัน้ ตอนต่าง ๆ ท่เี รียนมาในวันนี้มีจุดเด่น จดุ บกพร่องอะไรบ้าง มคี วาม สงสยั ความอยากรู้อยากเหน็ ในเรอื่ งใด 12. นักเรียนประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรสู้ กึ หลงั การเรียน ในประเด็นต่อไปนี้ - ส่ิงท่นี กั เรยี นได้เรียนรใู้ นวันน้ีคอื อะไร - นกั เรียนมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลมุ่ มากนอ้ ยเพยี งใด - เพ่ือนนักเรียนในกลมุ่ มีสว่ นรว่ มกจิ กรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - นักเรียนพงึ พอใจกบั การเรยี นในวนั นห้ี รอื ไม่ เพียงใด - นกั เรยี นจะนำความรูท้ ่ีไดน้ ีไ้ ปใช้ใหเ้ กิดประโยชน์แกต่ นเอง ครอบครวั และสังคมทวั่ ไปได้อย่างไร จากนน้ั แลกเปล่ียนตรวจสอบขัน้ ตอนการทำงานทุกขั้นตอนวา่ จะเพ่มิ คุณค่าไปสสู่ ังคม เกิดประโยชน์ต่อสังคม ใหม้ ากขึ้นกว่าเดิมในขัน้ ตอนใดบ้าง สำหรับการทำงานในคร้ังต่อไป

6. ส่ือ / แหลง่ การเรียนรู้ - สื่อ Power Point เร่ือง ภูมิคมุ้ กนั ของร่างกาย - ใบงาน เร่ือง ระบบภมู ิคุ้มกัน - แหล่งเรียนร้ใู นและนอกห้องเรียน 7. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน/ร่องรอยการเรียนร)ู้ - ใบงาน เร่อื ง ระบบภูมิคมุ้ กัน - แผนผังความคดิ เร่อื ง ประเภทของระบบภูมิคุ้มกนั

8. การวัดและประเมนิ ผล แบบประเมนิ การปฏิบัติการทำกจิ กรรม รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การทำ ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมตามวธิ ีการ ทำกจิ กรรมตามวิธกี าร ทำกิจกรรมไม่ กจิ กรรม และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขน้ั ตอนท่ีกำหนดไว้ ถูกต้องตามวิธกี าร ตามแผนที่ อยา่ งถูกต้องด้วยตนเองมี ดว้ ยตนเอง มีการ โดยมคี รูหรือผอู้ นื่ และขนั้ ตอนท่ี กำหนด การปรบั ปรงุ แก้ไขเป็น ปรบั ปรุงแก้ไขบ้าง เป็นผูแ้ นะนำ กำหนดไว้ ไมม่ ีการ ระยะ ปรับปรุงแก้ไข 2. การใช้ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ อปุ กรณ์และ/ เครอื่ งมอื ในการทำ เคร่อื งมอื ในการทำ เครอ่ื งมอื ในการทำ เครื่องมือในการทำ หรอื เครอื่ งมือ กิจกรรมได้อย่างถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกต้อง กิจกรรมไม่ถูกต้อง ตามหลกั การปฏบิ ัติและ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แต่ โดยมคี รู หรอื ผอู้ ่ืนเป็นผู้ และไม่มีความ คล่องแคล่ว ไมค่ ล่องแคลว่ แนะนำ คลอ่ งแคล่วในการใช้ 3. การบนั ทึก บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลไม่ครบ ผลการทำ อยา่ งถูกต้อง มรี ะเบยี บมี อยา่ งถูกต้อง มีระเบยี บ แต่ไม่เปน็ ระเบยี บ ไมม่ ีการระบหุ นว่ ย กิจกรรม การระบุหน่วย มีการ มกี ารระบหุ น่วย มีการ ไม่มีการระบุหนว่ ย และไมเ่ ป็นไปตาม อธิบายข้อมูลใหเ้ หน็ ความ อธิบายขอ้ มลู ให้เห็นถึง และไมม่ ีการอธบิ ายข้อมูล การทำกิจกรรม เช่อื มโยงเปน็ ภาพรวมเป็น ความสมั พนั ธเ์ ปน็ ไป ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ เหตุเป็นผล และเป็นไปตาม ตามการทำกจิ กรรม ของการทำกจิ กรรม การทำกจิ กรรม 4. การจดั จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู จัดกระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมูล กระทำข้อมูล อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างเป็นระบบ มีการ อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างไมเ่ ปน็ ระบบ และการ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น จำแนกข้อมูลให้เหน็ ยกตวั อย่างเพมิ่ เติมให้ และมกี ารนำเสนอไม่ นำเสนอ ภาพรวม และนำเสนอ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่าย และนำเสนอ สอ่ื ความหมายและไม่ ดว้ ยแบบตา่ ง ๆอย่าง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ดว้ ยแบบต่าง ๆ แต่ยังไม่ ชัดเจน ชดั เจนถกู ตอ้ ง แต่ยังไม่ชัดเจน ชดั เจนและไม่ถูกต้อง 5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกิจกรรมได้ สรปุ ผลการทำ การทำกิจกรรม ไดอ้ ย่างถูกต้อง กระชบั ได้อยา่ งถูกตอ้ ง แต่ยัง โดยมีครหู รือผู้อนื่ กิจกรรม ชดั เจน และครอบคลมุ ไมค่ รอบคลุมขอ้ มลู แนะนำบ้าง จึงสามารถ ตามความรู้ที่พอมีอยู่ ข้อมลู จากการวเิ คราะห์ จากการวิเคราะห์ สรุปไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง โดยไม่ใช้ข้อมลู ทัง้ หมด ท้ังหมด จากการทำกจิ กรรม

6. การดูแลและ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดูแลอปุ กรณ์และ/หรือ ไม่ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/ การเก็บอปุ กรณ์ เคร่อื งมอื ในการทำ เครือ่ งมอื ในการทำ เคร่ืองมือในการทำ หรอื เคร่อื งมือในการ และ/หรือ กิจกรรม และมีการ กิจกรรม และมีการ กจิ กรรม มีการทำความ ทำกจิ กรรม และไม่ เครื่องมือ ทำความสะอาดและเก็บ ทำความสะอาดอย่าง สะอาด แต่เกบ็ ไมถ่ ูกต้อง สนใจทำความ ตอ้ งให้ครูหรือผู้อน่ื สะอาด รวมทั้งเก็บ อย่างถูกต้องตามหลักการ ถูกต้อง แต่เก็บ แนะนำ ไม่ถูกต้อง และแนะนำใหผ้ อู้ ื่นดูแล ไมถ่ ูกตอ้ ง และเก็บรักษาไดถ้ ูกต้อง แบบประเมินช้นิ งาน การจัดกระทำและนำเสนอแผนผงั รายการการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ การจดั กระทำและ 432 1 นำเสนอแผนผัง จัดกระทำและนำเสนอ จดั กระทำแลนำเสนอ จดั กระทำและ จดั กระทำและ แผนผงั ได้ แตไ่ ม่ สอดคล้องกบั หวั ข้อ แผนผัง ไดส้ ัมพันธ์กัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ เร่อื งท่ีกำหนด และถูกตอ้ งตามหวั ข้อ สัมพนั ธ์กบั หวั ข้อเรื่อง ตามหัวข้อเร่ือง เร่อื งที่กำหนด มีการ ทีก่ ำหนด มีการ โดยมคี รูหรอื ผอู้ นื่ วางแผน มกี าร ออกแบบ มคี วามคิด ใหค้ ำแนะนำ ออกแบบ และมี รเิ ร่มิ แต่ไม่มกี าร ความคิดสร้างสรรค์ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น มกี ารเชื่อมโยงให้เห็น ภาพรวม เป็นภาพรวม

แบบประเมินการสืบสอบขอ้ มูล รายการการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 4 3 21 1. การ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ข้อมูลจาก วางแผนที่จะค้นควา้ วางแผนที่จะค้นควา้ ไมม่ ีการวางแผนท่ี วางแผน แหลง่ การเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย ข้อมลู จากแหล่งการ ข้อมลู จากแหลง่ การ จะค้นคว้าขอ้ มลู จาก ค้นควา้ ข้อมลู เชือ่ ถอื ได้และมีการเช่ือมโยงให้ เรยี นรู้ทหี่ ลากหลาย เรียนรูโ้ ดยมีครหู รอื ผูอ้ ืน่ แหลง่ การเรยี นรู้ จากแหล่งการ เห็นเป็นภาพรวม แสดงให้เห็น และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนำบ้าง อย่างเป็นระบบ เรียนรู้ ถึงความสัมพันธ์ของ การเชอื่ มโยงให้เห็น วธิ ีการทง้ั หมด เป็นภาพรวม 2. การเก็บ เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมข้อมูล รวบรวม ตามแผนที่กำหนด โดยคัดเลอื กและ/หรือ โดยไมม่ กี ารคัดเลือก เป็นระยะ ขาดการ ข้อมลู ทกุ ประการ ประเมินข้อมูล และ/หรือประเมนิ ขอ้ มลู ประเมนิ เพื่อคัดเลอื ก 3. การจดั จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู กระทำขอ้ มลู อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ มกี าร อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งไมเ่ ป็นระบบ และการ มกี ารเช่ือมโยงใหเ้ ห็น จำแนกข้อมลู ให้เห็น มีการยกตัวอย่าง และนำเสนอไมส่ อื่ นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอด้วย ความสมั พนั ธ์ นำเสนอ เพม่ิ เติมให้เข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่ แบบต่าง ๆ อย่างชดั เจนถูกต้อง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ นำเสนอด้วยแบบต่าง ๆ ชดั เจน อย่างถูกต้อง แตย่ ังไม่ถูกต้อง 4. การ สรุปผลไดอ้ ย่างถูกต้อง สรุปผลได้อยา่ งกระชับ สรุปผลได้กระชับ สรปุ ผลโดยไม่ใช้ สรุปผล กระชบั ชดั เจน และ แตย่ ังไมช่ ดั เจนและ กะทัดรัด แตไ่ มช่ ัดเจน ข้อมูล และไม่ ครอบคลุม มีเหตุผล ไมค่ รอบคลมุ ขอ้ มลู ถกู ต้อง ทอี่ า้ งองิ จากการสืบสอบได้ จากการวเิ คราะห์ ทงั้ หมด 5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานโดยสือ่ เขียนรายงานได้ตาม รายงาน จุดประสงคถ์ ูกต้องและ จุดประสงค์อยา่ ง ความหมายไดโ้ ดยมคี รู ตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา ชดั เจน และมีการเช่ือมโยงให้ ถกู ต้องและชดั เจนแต่ หรอื ผอู้ ่ืนแนะนำ ไม่ถูกต้อง และไม่ เหน็ เป็นภาพรวม ขาดการเรียบเรยี ง ชดั เจน

บันทกึ หลงั สอน 1. จดุ เนน้ สู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 1.1 ความสามารถและทักษะ มคี วามสามารถในการแสวงหาความรเู้ พ่ือการแก้ปัญหา มคี วามสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีเพอื่ การเรียนรู้ มคี วามสามารถในการใช้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) มที ักษะการคดิ ข้ันสงู มที กั ษะชวี ิต มีทกั ษะการส่ือสารอย่างสรา้ งสรรค์ตามชว่ งวัย 1.2 ผลการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. ปัญหา/อปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชอื่ ...............................................ครูผู้สอน (นางสาวศิรริ ัตน์ หวงั สะและ่ ฮ์) ตำแหนง่ ครผู สู้ อน 4. ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษา หรือผทู้ ไี่ ดร้ บั มอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชอื่ ............................................... (...............................................) ตำแหนง่ ……………………………………

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 8 กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว31101 ปกี ารศึกษา 2564 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 เวลา 2 ช่วั โมง หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 เร่ือง ภูมิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะ 1. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด กลไกการสร้างภมู คิ ุ้มกันแบบไม่จำเพาะอวยั วะสำคัญในการปอ้ งกนั และกำจัดเชอื้ โรคตามธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ผวิ หนัง เย่ือเมือกบุผิว และเซลล์เมด็ เลือดขาวชนิดฟาโกไซต์ ผวิ หนัง ป้องกันไมใ่ หจ้ ุลินทรีย์เข้าสรู่ ่างกายได้งา่ ย เหง่ือมี สภาวะเปน็ กรด ยบั ยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ เยอื่ เมือกบผุ วิ บรเิ วณต่าง ๆ มีทอ่ เปิดซ่ึงมีกลไกป้องกันจลุ ินทรยี ์ ดงั น้ี ตา มนี ้ำตา ช่องปาก ชอ่ งจมูก มีเมือกเหนยี ว ทอ่ ปสั สาวะ มสี ภาพเป็นกรดอ่อน ๆ ทางเดนิ หายใจ มเี ย่ือเมือกและ ซิเลีย เซลลเ์ ม็ดเลือดขาวชนิดฟาโกไซต์ ทำหนา้ ท่ีกินจลุ ินทรยี แ์ ล้วปล่อยเอนไซมม์ าย่อย 2. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วดั มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิง่ มีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวติ การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชว้ี ัด 1. ว1.2 ม.4/5 อธบิ าย และเขียนแผนผงั เก่ยี วกบั การตอบสนองของร่างกายแบบไมจ่ ำเพาะและแบบจำเพาะ ต่อ ส่งิ แปลกปลอมของรา่ งกาย 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ (K,P,A) 1. อธบิ ายเกย่ี วกับกลไกการสรา้ งภมู ิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะได้ (K) 2. สืบสอบขอ้ มลู เกยี่ วกบั กลไกการสร้างภูมคิ ุ้มกนั แบบไม่จำเพาะได้ (P) 3. เปน็ ผู้มคี วามใฝร่ ู้ (A) 4. สาระการเรียนรู้ - กลไกสรา้ งภมู ิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะ

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagement) 1. นกั เรยี นสงั เกตหุ่นจำลองโครงสร้างผิวหนัง แลว้ ร่วมกันตอบคำถามกระตุ้นความคิด ดังน้ี - เพราะเหตุใดจลุ ินทรีย์และเชอ้ื โรคเหล่านจ้ี งึ ไม่เขา้ ส่รู า่ งกายของพวกเรา (เพราะรา่ งกายของเรามี ผิวหนังห่อห้มุ อยู)่ 2. นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ วา่ อากาศรอบ ๆ ตัวนกั เรียนมีอะไรบา้ ง ทัง้ ท่ีมองเห็นและมองไม่ เหน็ แลว้ ร่วมกนั ตอบคำถามสำคญั กระตุ้นความคดิ ดังน้ี - อวยั วะทใี่ ช้ในการปอ้ งกนั และกำจดั เชือ้ โรคตามธรรมชาติมีอะไรบา้ ง และมกี ลไกในการป้องกนั และกำจัดเช้ือโรคอย่างไร (ผิวหนัง เยือ่ เมือกบผุ ิว และเซลลเ์ มด็ เลอื ดขาวชนดิ ฟาโกไซต์ โดย ผวิ หนงั มเี หงื่อทม่ี ีสภาวะเปน็ กรด เย่อื เมือกบผุ ิวมที ่อเปิดต่าง ๆ และเซลล์เมด็ เลอื ดขาวชนิดฟาโก ไซต์ ทำหนา้ ท่กี ินจุลนิ ทรียแ์ ล้วปล่อยเอนไซม์มาย่อย) ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นหา (Exploration) 19. ให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 – 5 คน โดยแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบคน้ ข้อมลู เกย่ี วกบั กลไกการสร้าง ภูมิคุ้มกันแบบไมจ่ ำเพาะ จากแหลง่ การเรยี นรทู้ ่หี ลากหลาย 20. ใหน้ กั เรียนแต่ละกล่มุ นำเสนอผลการสืบค้นขอ้ มูลหนา้ ช้นั เรียน เพื่อแลกเปลย่ี นเรียนรู้กันเพื่อนๆ รว่ มกันตรวจสอบและแก้ไข 21. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลการสืบค้นข้อมลู จากการทำกจิ กรรม เรื่อง กลไกการสรา้ งภูมคิ ุ้มกัน แบบไม่จำเพาะ และสรปุ เปน็ องค์ความรู้ใหม่รว่ มกนั ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. กลไกการสร้างภูมิคุ้มกันแบบไมจ่ ำเพาะ อวยั วะสำคญั ในการปอ้ งกนั และกำจดั เชื้อโรคตามธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ผวิ หนัง เย่อื เมอื กบุผิว และเซลล์เม็ดเลือดขาวชนดิ ฟาโกไซต์ - ผวิ หนงั ปอ้ งกันไม่ใหจ้ ุลินทรีย์เขา้ สู่ร่างกายไดง้ า่ ย เหงื่อมีสภาวะเป็นกรดยบั ยงั้ การเจรญิ เติบโต ของจลุ นิ ทรีย์ - เย่ือเมือกบผุ วิ บริเวณต่าง ๆ มีท่อเปิดซ่ึงมีกลไกป้องกนั จุลินทรีย์ ดงั น้ี ตา มนี ำ้ ตา ช่องปาก ช่อง จมูก มีเมือกเหนียว ท่อปัสสาวะ มสี ภาพเปน็ กรดอ่อน ๆ ทางเดินหายใจ มเี ยื่อเมือกและซเิ ลยี - เซลลเ์ มด็ เลอื ดขาวชนดิ ฟาโกไซต์ ทำหนา้ ทกี่ นิ จลุ ินทรยี ์แลว้ ปลอ่ ยเอนไซม์มายอ่ ย 2. นักเรยี นรว่ มกันวิเคราะห์ และอภิปราย โดยร่วมกันตอบคำถาม ดังน้ี - ผิวหนังมหี นา้ ทอ่ี ะไร (ป้องกันไมใ่ หจ้ ุลินทรยี ์เข้าสรู่ ่างกาย) - เยือ่ เมือกบผุ ิวมหี นา้ ที่อะไร (สร้างสารป้องกนั จลุ ินทรยี ์ เช่น ตา มนี ำ้ ตา จมกู มีเมือกเหนียว) - ชอ่ งเปิดบริเวณผิวหนังมกี ลไกการป้องกันเช้ือโรคอยา่ งไร (สรา้ งเยอื่ เมือกบผุ ิว) - เม็ดเลือดขาวชนิดใดทม่ี ีกลไกการสรา้ งภมู คิ ุม้ กันแบบไมจ่ ำเพาะ (เซลลเ์ ม็ดเลือดขาวชนดิ ฟาโกไซต์ ทำหนา้ ทกี่ ินจุลินทรีย์แล้วปล่อยเอนไซม์มายอ่ ย)

ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ให้นกั เรยี นวางแผน ออกแบบ และจดั ทำ แผนผังความคดิ เร่ือง กลไกการสร้างภูมิคุ้มกนั แบบไม่ จำเพาะ ลงในกระดาษขนาด A4 พร้อมทัง้ ตกแต่งให้สวยงาม ข้นั ที่ 5 ประเมนิ (Evaluation) 13. นกั เรยี นตรวจสอบหรอื ประเมินขั้นตอนตา่ ง ๆ ทเี่ รยี นมาในวนั น้มี จี ุดเด่น จดุ บกพร่องอะไรบ้าง มคี วาม สงสยั ความอยากรู้อยากเหน็ ในเรอื่ งใด 14. นกั เรยี นประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สึกหลงั การเรยี น ในประเด็นต่อไปน้ี - ส่งิ ทน่ี ักเรยี นได้เรยี นร้ใู นวนั นี้คอื อะไร - นกั เรียนมสี ่วนร่วมกจิ กรรมในกลุ่มมากน้อยเพยี งใด - เพื่อนนักเรยี นในกลุ่มมีส่วนรว่ มกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - นกั เรยี นพงึ พอใจกบั การเรยี นในวนั นีห้ รอื ไม่ เพียงใด - นกั เรยี นจะนำความรทู้ ่ีได้นไี้ ปใช้ให้เกิดประโยชน์แกต่ นเอง ครอบครัว และสังคมทัว่ ไปได้อย่างไร จากน้ันแลกเปลย่ี นตรวจสอบข้ันตอนการทำงานทกุ ข้ันตอนว่าจะเพม่ิ คณุ ค่าไปสู่สงั คม เกิดประโยชน์ต่อสงั คม ใหม้ ากขึ้นกว่าเดิมในข้ันตอนใดบา้ ง สำหรับการทำงานในครั้งต่อไป 6. สื่อ / แหลง่ การเรียนรู้ - ส่อื Power Point เรื่อง ภูมิคมุ้ กันของร่างกาย - แหล่งเรียนรใู้ นและนอกหอ้ งเรยี น 7. ชน้ิ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน/ร่องรอยการเรยี นร)ู้ - แผนผังความคิด เรือ่ ง กลไกการสรา้ งภมู ิคุ้มกนั แบบไม่จำเพาะ

8. การวัดและประเมนิ ผล แบบประเมนิ การปฏิบัติการทำกจิ กรรม รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การทำ ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมตามวธิ ีการ ทำกจิ กรรมตามวิธกี าร ทำกิจกรรมไม่ กจิ กรรม และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขน้ั ตอนท่ีกำหนดไว้ ถูกต้องตามวิธกี าร ตามแผนที่ อยา่ งถูกต้องด้วยตนเองมี ดว้ ยตนเอง มีการ โดยมคี รูหรือผอู้ นื่ และขนั้ ตอนท่ี กำหนด การปรบั ปรงุ แก้ไขเป็น ปรบั ปรุงแก้ไขบ้าง เป็นผูแ้ นะนำ กำหนดไว้ ไมม่ ีการ ระยะ ปรับปรุงแก้ไข 2. การใช้ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ อปุ กรณ์และ/ เครอื่ งมอื ในการทำ เคร่อื งมอื ในการทำ เครอ่ื งมอื ในการทำ เครื่องมือในการทำ หรอื เครอื่ งมือ กิจกรรมได้อย่างถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกต้อง กิจกรรมไม่ถูกต้อง ตามหลกั การปฏบิ ัติและ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แต่ โดยมคี รู หรอื ผอู้ ่ืนเป็นผู้ และไม่มีความ คล่องแคล่ว ไมค่ ล่องแคลว่ แนะนำ คลอ่ งแคล่วในการใช้ 3. การบนั ทึก บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลไม่ครบ ผลการทำ อยา่ งถูกต้อง มรี ะเบยี บมี อยา่ งถูกต้อง มีระเบยี บ แต่ไม่เปน็ ระเบยี บ ไมม่ ีการระบหุ นว่ ย กิจกรรม การระบุหน่วย มีการ มกี ารระบหุ น่วย มีการ ไม่มีการระบุหนว่ ย และไมเ่ ป็นไปตาม อธิบายข้อมูลใหเ้ หน็ ความ อธิบายขอ้ มลู ให้เห็นถึง และไมม่ ีการอธบิ ายข้อมูล การทำกจิ กรรม เช่อื มโยงเปน็ ภาพรวมเป็น ความสมั พนั ธเ์ ปน็ ไป ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ เหตุเป็นผล และเป็นไปตาม ตามการทำกจิ กรรม ของการทำกจิ กรรม การทำกจิ กรรม 4. การจดั จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู จัดกระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมูล กระทำข้อมูล อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างเป็นระบบ มีการ อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างไมเ่ ปน็ ระบบ และการ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น จำแนกข้อมูลให้เหน็ ยกตวั อย่างเพมิ่ เติมให้ และมกี ารนำเสนอไม่ นำเสนอ ภาพรวม และนำเสนอ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่าย และนำเสนอ สอ่ื ความหมายและไม่ ดว้ ยแบบตา่ ง ๆอย่าง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ดว้ ยแบบต่าง ๆ แต่ยังไม่ ชัดเจน ชดั เจนถกู ตอ้ ง แต่ยังไม่ชัดเจน ชดั เจนและไม่ถูกต้อง 5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกิจกรรมได้ สรปุ ผลการทำ การทำกิจกรรม ไดอ้ ย่างถูกต้อง กระชบั ได้อยา่ งถูกตอ้ ง แต่ยัง โดยมีครหู รือผู้อนื่ กิจกรรม ชดั เจน และครอบคลมุ ไมค่ รอบคลุมขอ้ มลู แนะนำบ้าง จึงสามารถ ตามความรู้ที่พอมีอยู่ ข้อมลู จากการวเิ คราะห์ จากการวิเคราะห์ สรุปไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง โดยไม่ใช้ข้อมลู ทัง้ หมด ท้ังหมด จากการทำกจิ กรรม

6. การดูแลและ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดูแลอปุ กรณ์และ/หรือ ไม่ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/ การเก็บอปุ กรณ์ เคร่อื งมอื ในการทำ เครือ่ งมอื ในการทำ เคร่ืองมือในการทำ หรอื เคร่อื งมือในการ และ/หรือ กิจกรรม และมีการ กิจกรรม และมีการ กจิ กรรม มีการทำความ ทำกจิ กรรม และไม่ เครื่องมือ ทำความสะอาดและเก็บ ทำความสะอาดอย่าง สะอาด แต่เกบ็ ไมถ่ ูกต้อง สนใจทำความ ตอ้ งให้ครูหรือผู้อน่ื สะอาด รวมทั้งเก็บ อย่างถูกต้องตามหลักการ ถูกต้อง แต่เก็บ แนะนำ ไม่ถูกต้อง และแนะนำใหผ้ อู้ ื่นดูแล ไมถ่ ูกต้อง และเก็บรักษาไดถ้ ูกต้อง แบบประเมินช้นิ งาน การจัดกระทำและนำเสนอแผนผงั รายการการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ การจดั กระทำและ 432 1 นำเสนอแผนผัง จัดกระทำและนำเสนอ จดั กระทำแลนำเสนอ จดั กระทำและ จดั กระทำและ แผนผงั ได้ แตไ่ ม่ สอดคล้องกบั หวั ข้อ แผนผัง ไดส้ ัมพันธ์กัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ เร่อื งท่ีกำหนด และถูกตอ้ งตามหวั ข้อ สัมพนั ธก์ ับหวั ข้อเรื่อง ตามหัวข้อเร่ือง เร่อื งที่กำหนด มีการ ทีก่ ำหนด มีการ โดยมคี รูหรอื ผอู้ นื่ วางแผน มกี าร ออกแบบ มคี วามคิด ใหค้ ำแนะนำ ออกแบบ และมี รเิ ริม่ แตไ่ ม่มกี าร ความคิดสร้างสรรค์ เช่ือมโยงให้เห็นเป็น มกี ารเชื่อมโยงให้เห็น ภาพรวม เป็นภาพรวม

แบบประเมินการสืบสอบขอ้ มูล รายการการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 4 3 21 1. การ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ข้อมูลจาก วางแผนที่จะค้นควา้ วางแผนที่จะค้นควา้ ไมม่ ีการวางแผนท่ี วางแผน แหลง่ การเรยี นรทู้ ่หี ลากหลาย ข้อมลู จากแหล่งการ ข้อมลู จากแหลง่ การ จะค้นคว้าขอ้ มลู จาก ค้นคว้าข้อมลู เชือ่ ถอื ได้และมีการเช่ือมโยงให้ เรยี นรู้ทหี่ ลากหลาย เรียนรูโ้ ดยมีครหู รอื ผูอ้ ืน่ แหลง่ การเรยี นรู้ จากแหล่งการ เห็นเป็นภาพรวม แสดงให้เห็น และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนำบ้าง อย่างเป็นระบบ เรียนรู้ ถึงความสัมพันธ์ของ การเชอื่ มโยงให้เห็น วธิ ีการทง้ั หมด เป็นภาพรวม 2. การเก็บ เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมข้อมูล รวบรวม ตามแผนที่กำหนด โดยคัดเลอื กและ/หรือ โดยไมม่ กี ารคัดเลือก เป็นระยะ ขาดการ ข้อมลู ทกุ ประการ ประเมินข้อมูล และ/หรือประเมนิ ขอ้ มลู ประเมนิ เพื่อคัดเลอื ก 3. การจดั จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู กระทำขอ้ มลู อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ มกี าร อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งไมเ่ ป็นระบบ และการ มกี ารเช่ือมโยงใหเ้ หน็ จำแนกข้อมลู ให้เห็น มีการยกตัวอย่าง และนำเสนอไมส่ อื่ นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอด้วย ความสมั พนั ธ์ นำเสนอ เพม่ิ เติมให้เข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่ แบบต่าง ๆ อย่างชดั เจนถูกต้อง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ นำเสนอด้วยแบบต่าง ๆ ชดั เจน อย่างถูกต้อง แตย่ ังไม่ถูกต้อง 4. การ สรุปผลไดอ้ ย่างถูกต้อง สรุปผลได้อย่างกระชับ สรุปผลได้กระชับ สรปุ ผลโดยไม่ใช้ สรุปผล กระชบั ชดั เจน และ แตย่ ังไมช่ ดั เจนและ กะทัดรัด แตไ่ มช่ ัดเจน ข้อมูล และไม่ ครอบคลุม มีเหตุผล ไมค่ รอบคลมุ ขอ้ มลู ถกู ต้อง ทอี่ า้ งองิ จากการสืบสอบได้ จากการวเิ คราะห์ ทงั้ หมด 5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานโดยสือ่ เขียนรายงานได้ตาม รายงาน จุดประสงคถ์ ูกต้องและ จุดประสงค์อยา่ ง ความหมายไดโ้ ดยมคี รู ตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา ชดั เจน และมีการเชื่อมโยงให้ ถกู ต้องและชดั เจนแต่ หรอื ผอู้ ่ืนแนะนำ ไม่ถูกต้อง และไม่ เหน็ เป็นภาพรวม ขาดการเรียบเรยี ง ชดั เจน

บนั ทึกหลงั สอน 1. จดุ เน้นสกู่ ารพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียน 1.1 ความสามารถและทกั ษะ มคี วามสามารถในการแสวงหาความรู้เพื่อการแกป้ ญั หา มีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีเพือ่ การเรียนรู้ มีความสามารถในการใชภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) มที กั ษะการคดิ ข้ันสูง มที ักษะชีวิต มีทกั ษะการสื่อสารอยา่ งสร้างสรรค์ตามชว่ งวยั 1.2 ผลการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. ปญั หา/อปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชือ่ ...............................................ครผู ้สู อน (...............................................) ตำแหนง่ ครูผู้สอน 4. ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศกึ ษา หรือผทู้ ่ีได้รับมอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงช่อื ............................................... (...............................................) ตำแหน่ง……………………………………

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 9 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31101 ปกี ารศกึ ษา 2564 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 เวลา 3 ช่ัวโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรอื่ ง การทำงานของเม็ดเลอื ดขาว 1. สาระสำคัญ / ความคดิ รวบยอด เซลล์เมด็ เลอื ดขาวชนดิ ฟาโกไซต์ เป็นเซลล์เมด็ เลอื ดขาวท่มี ีกลไกการต่อต้านหรือทำลายส่ิงแปลกปลอม แบบ ไม่จำเพาะ ทำหนา้ ท่ีต่อตา้ นหรอื ทำลายสิ่งแปลกปลอมพวกจลุ นิ ทรีย์หรอื แอนตเิ จน โดยการกลนื กิน แล้วนำเข้าสเู่ ซลล์ หลังจากนน้ั เซลล์ก็จะปล่อยเอนไซม์จากไลโซโซมออกมาเพ่ือยอ่ ยส่งิ แปลกปลอม 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชวี้ ดั มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิง่ มีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวติ การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชีว้ ัด 2. ว1.2 ม.4/5 อธบิ าย และเขยี นแผนผงั เก่ยี วกับการตอบสนองของรา่ งกายแบบไม่จำเพาะและแบบจำเพาะ ตอ่ สิ่งแปลกปลอมของร่างกาย 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K,P,A) 1. อธิบายเก่ยี วกับการกินเช้ือโรคของเซลลเ์ ม็ดเลือดขาวได้ (K) 2. ปฏิบตั กิ จิ กรรม การกนิ เชือ้ โรคของเซลล์เมด็ เลือดขาวได้ (P) 3. เป็นผ้มู คี วามมุ่งมนั่ และต้งั ใจ (A) 4. สาระการเรยี นรู้ - การทำงานของเม็ดเลือดขาว

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagement) 1. นักเรียนดูวีดทิ ัศนเ์ กีย่ วกับเซลล์เม็ดเลอื ดขาว และการกินเชอื้ โรคของเซลลเ์ มด็ เลือดขาว แล้วรว่ มกนั ตอบคำถามสำคัญกระตนุ้ ความคดิ ดังนี้ - เซลลเ์ มด็ เลอื ดขาวมกี ี่ชนิด และมีหน้าที่อย่างไรบา้ ง (เซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาว มหี ลายชนดิ ดังนี้ 1. กลุ่มฟาโกไซต์ ทำหน้าทีก่ ินจุลนิ ทรีย์แล้วปลอ่ ยเอนไซมม์ าย่อย และ 2. กลมุ่ ลมิ โฟไซตท์ ำหน้าที่ สรา้ งภูมคิ ้มุ กันต่อต้านเช้ือโรค) - เซลล์เม็ดเลอื ดขาวทำลายเชอื้ โรคไดอ้ ยา่ งไร (เซลล์เม็ดเลือดขาวทำลายเช้ือโรคโดยการกินเช้ือ โรค) ขั้นท่ี 2 สำรวจและคน้ หา (Exploration) 22. ให้นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน โดยแต่ละกล่มุ ร่วมกนั สบื คน้ ข้อมูลเกย่ี วกบั การทำงานของ เซลล์เมด็ เลือดขาว จากแหล่งการเรยี นร้ทู หี่ ลากหลาย แลว้ รว่ มกนั ทำกจิ กรรมตามใบงาน เร่อื ง การ ทำงานของเม็ดเลือดขาว 23. ให้นกั เรยี นแต่ละกล่มุ นำเสนอผลการสบื คน้ ข้อมลู หน้าชัน้ เรยี น เพ่ือแลกเปล่ยี นเรยี นรกู้ นั เพ่อื นๆ รว่ มกันตรวจสอบและแก้ไข 24. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายผลการสืบค้นข้อมลู จากการทำกจิ กรรม เร่ือง การทำงานของเมด็ เลอื ด ขาว และสรุปเปน็ องค์ความรู้ใหม่รว่ มกัน ข้ันท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. เซลล์เมด็ เลือดขาวชนิดฟาโกไซต์ เป็นเซลล์เมด็ เลือดขาวทมี่ ีกลไกการต่อตา้ นหรอื ทำลายส่ิง แปลกปลอมแบบไม่จำเพาะ ทำหน้าทต่ี ่อตา้ นหรอื ทำลายสิ่งแปลกปลอมพวกจลุ ินทรียห์ รือแอนติเจน โดยการกลนื กินแล้วนำเข้าส่เู ซลล์ หลงั จากน้ันเซลลก์ จ็ ะปล่อยเอนไซมจ์ ากไลโซโซมออกมาเพ่ือย่อย ส่ิงแปลกปลอม 2. นักเรยี นรว่ มกนั วเิ คราะห์ และแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั ผลการทำกจิ กรรม โดยรว่ มกนั ตอบคำถาม หลงั ทำกจิ กรรม ดังน้ี - ขนาดของเชือ้ โรคและขนาดของเซลล์เมด็ เลือดขาวเป็นอยา่ งไร (เชอื้ โรคมีขนาดเลก็ กว่าเซลลเ์ มด็ เลอื ดขาว) - เซลล์เม็ดเลือดขาวมีลักษณะอยา่ งไร (เซลล์เมด็ เลือดขาวมลี ักษณะเหมือนเซลลท์ ่ัว ๆ ไป คือ มี เยอื่ หุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และนวิ เคลยี ส) - วธิ ีการกนิ เช้ือโรคของเซลลเ์ ม็ดเลือดขาวเป็นอยา่ งไร (เซลล์เมด็ เลอื ดขาวใช้สว่ นของไซโทพลาซมึ ยน่ื ไปโดยลอ้ มรอบเชื้อโรคเพื่อนำเขา้ สู่เซลล)์ - สรปุ ผลการทำกจิ กรรมนีไ้ ด้อย่างไร (เซลล์เม็ดเลือดขาวทำลายเช้ือโรคโดยการกนิ เช้ือโรค) - การกินเชือ้ โรคของเซลลเ์ มด็ เลอื ดขาวเป็นการทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบใด (การกนิ เช้ือโรคของ เซลล์เม็ดเลือดขาวเป็นการทำลายส่งิ แปลกปลอม แบ่งเป็น 2 กลุ่ม

กล่มุ ท่ี 1 เซลล์เมด็ เลือดขาวกล่มุ ฟาโกไซต์ทำลายเชอ้ื โรคแบบไมจ่ ำเพาะ กลมุ่ ท่ี 2 เซลลเ์ มด็ เลือดขาวกลุ่มลิมโฟไซตท์ ำลายเชื้อโรคแบบจำเพาะ) ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ใหน้ ักเรยี นแบ่งกล่มุ โดยแต่ละกลุม่ ร่วมกันวางแผน ออกแบบ และเขยี นแผนผงั กลไกการสรา้ งภมู คิ ุม้ กัน แบบไมจ่ ำเพาะ ลงในบอรด์ ขนาด 30 cm x 60 cm และตกแตง่ ให้สวยงาม ขั้นที่ 5 ประเมิน (Evaluation) 15. นักเรียนตรวจสอบหรอื ประเมินขัน้ ตอนต่าง ๆ ทเี่ รยี นมาในวันน้มี ีจุดเดน่ จุดบกพร่องอะไรบา้ ง มีความ สงสยั ความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องใด 16. นกั เรียนประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สกึ หลงั การเรียน ในประเด็นตอ่ ไปนี้ - สิ่งทนี่ ักเรยี นได้เรียนรู้ในวันนค้ี อื อะไร - นักเรียนมีส่วนรว่ มกิจกรรมในกลมุ่ มากน้อยเพียงใด - เพื่อนนกั เรยี นในกลุ่มมสี ่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - นกั เรียนพงึ พอใจกับการเรียนในวันนีห้ รือไม่ เพยี งใด - นกั เรยี นจะนำความรู้ท่ีไดน้ ไ้ี ปใชใ้ ห้เกิดประโยชนแ์ ก่ตนเอง ครอบครวั และสังคมทั่วไปได้อยา่ งไร จากน้ันแลกเปลีย่ นตรวจสอบข้ันตอนการทำงานทกุ ขั้นตอนว่าจะเพิม่ คณุ ค่าไปสูส่ ังคม เกิดประโยชนต์ ่อสังคม ใหม้ ากขึ้นกวา่ เดิมในข้ันตอนใดบา้ ง สำหรับการทำงานในคร้ังตอ่ ไป 6. สือ่ / แหลง่ การเรียนรู้ - สอ่ื Power Point เรอื่ ง ภมู ิค้มุ กันของร่างกาย - ใบงาน เรอ่ื ง การทำงานของเมด็ เลอื ดขาว - แหลง่ เรียนรูใ้ นและนอกหอ้ งเรียน 7. ชิน้ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/ร่องรอยการเรยี นรู)้ - ใบงาน เรือ่ ง การทำงานของเม็ดเลือดขาว - บอรด์ เรื่อง กลไกการสรา้ งภูมคิ มุ้ กนั แบบไมจ่ ำเพาะ

8. การวัดและประเมนิ ผล แบบประเมนิ การปฏิบัติการทำกจิ กรรม รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การทำ ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมตามวธิ ีการ ทำกจิ กรรมตามวิธกี าร ทำกิจกรรมไม่ กจิ กรรม และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขน้ั ตอนท่ีกำหนดไว้ ถูกต้องตามวิธกี าร ตามแผนที่ อยา่ งถูกต้องด้วยตนเองมี ดว้ ยตนเอง มีการ โดยมคี รูหรือผอู้ นื่ และขนั้ ตอนท่ี กำหนด การปรบั ปรงุ แก้ไขเป็น ปรบั ปรุงแก้ไขบ้าง เป็นผูแ้ นะนำ กำหนดไว้ ไมม่ ีการ ระยะ ปรับปรุงแก้ไข 2. การใช้ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ อปุ กรณ์และ/ เครอื่ งมอื ในการทำ เคร่อื งมอื ในการทำ เครอ่ื งมอื ในการทำ เครื่องมือในการทำ หรอื เครอื่ งมือ กิจกรรมได้อย่างถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกต้อง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกต้อง กิจกรรมไม่ถูกต้อง ตามหลกั การปฏบิ ัติและ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แต่ โดยมคี รู หรอื ผอู้ ่ืนเป็นผู้ และไม่มีความ คล่องแคล่ว ไมค่ ล่องแคลว่ แนะนำ คลอ่ งแคล่วในการใช้ 3. การบนั ทึก บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลไม่ครบ ผลการทำ อยา่ งถูกต้อง มรี ะเบยี บมี อยา่ งถูกต้อง มีระเบยี บ แต่ไม่เปน็ ระเบยี บ ไมม่ ีการระบหุ นว่ ย กิจกรรม การระบุหน่วย มีการ มกี ารระบหุ น่วย มีการ ไม่มีการระบุหนว่ ย และไมเ่ ป็นไปตาม อธิบายข้อมูลใหเ้ หน็ ความ อธิบายขอ้ มลู ให้เห็นถึง และไมม่ ีการอธบิ ายข้อมูล การทำกิจกรรม เช่อื มโยงเปน็ ภาพรวมเป็น ความสมั พนั ธเ์ ปน็ ไป ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ เหตุเป็นผล และเป็นไปตาม ตามการทำกจิ กรรม ของการทำกจิ กรรม การทำกจิ กรรม 4. การจดั จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู จัดกระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมูล กระทำข้อมูล อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างเป็นระบบ มีการ อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างไมเ่ ปน็ ระบบ และการ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น จำแนกข้อมูลให้เหน็ ยกตวั อย่างเพมิ่ เติมให้ และมกี ารนำเสนอไม่ นำเสนอ ภาพรวม และนำเสนอ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่าย และนำเสนอ สอ่ื ความหมายและไม่ ดว้ ยแบบตา่ ง ๆอย่าง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ดว้ ยแบบต่าง ๆ แต่ยังไม่ ชัดเจน ชดั เจนถกู ตอ้ ง แต่ยังไม่ชัดเจน ชดั เจนและไม่ถูกต้อง 5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกิจกรรมได้ สรปุ ผลการทำ การทำกิจกรรม ไดอ้ ย่างถูกต้อง กระชบั ได้อยา่ งถูกตอ้ ง แต่ยัง โดยมีครหู รือผู้อนื่ กิจกรรม ชดั เจน และครอบคลมุ ไมค่ รอบคลุมขอ้ มลู แนะนำบ้าง จึงสามารถ ตามความรู้ที่พอมีอยู่ ข้อมลู จากการวเิ คราะห์ จากการวิเคราะห์ สรุปไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง โดยไม่ใช้ข้อมลู ทัง้ หมด ท้ังหมด จากการทำกจิ กรรม

6. การดูแลและ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดูแลอปุ กรณ์และ/หรือ ไม่ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/ การเก็บอปุ กรณ์ เคร่อื งมอื ในการทำ เครือ่ งมอื ในการทำ เคร่ืองมือในการทำ หรอื เคร่อื งมือในการ และ/หรือ กิจกรรม และมีการ กิจกรรม และมีการ กจิ กรรม มีการทำความ ทำกจิ กรรม และไม่ เครื่องมือ ทำความสะอาดและเก็บ ทำความสะอาดอย่าง สะอาด แต่เกบ็ ไมถ่ ูกต้อง สนใจทำความ ตอ้ งให้ครูหรือผู้อน่ื สะอาด รวมทั้งเก็บ อย่างถูกต้องตามหลักการ ถูกต้อง แต่เก็บ แนะนำ ไม่ถูกต้อง และแนะนำใหผ้ อู้ ื่นดูแล ไมถ่ ูกตอ้ ง และเก็บรักษาไดถ้ ูกต้อง แบบประเมินช้นิ งาน การจัดกระทำและนำเสนอแผนผงั รายการการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ การจดั กระทำและ 432 1 นำเสนอแผนผัง จัดกระทำและนำเสนอ จดั กระทำแลนำเสนอ จดั กระทำและ จดั กระทำและ แผนผงั ได้ แตไ่ ม่ สอดคล้องกบั หวั ข้อ แผนผัง ไดส้ ัมพันธ์กัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ เร่อื งท่ีกำหนด และถูกตอ้ งตามหวั ข้อ สัมพนั ธ์กบั หวั ข้อเรื่อง ตามหัวข้อเร่ือง เร่อื งที่กำหนด มีการ ทีก่ ำหนด มีการ โดยมคี รูหรอื ผอู้ นื่ วางแผน มกี าร ออกแบบ มคี วามคิด ใหค้ ำแนะนำ ออกแบบ และมี รเิ ร่มิ แต่ไม่มกี าร ความคิดสร้างสรรค์ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น มกี ารเชื่อมโยงให้เห็น ภาพรวม เป็นภาพรวม

แบบประเมินการสืบสอบขอ้ มูล รายการการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 4 3 21 1. การ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ข้อมูลจาก วางแผนที่จะค้นควา้ วางแผนที่จะค้นควา้ ไมม่ ีการวางแผนท่ี วางแผน แหลง่ การเรยี นรทู้ ่หี ลากหลาย ข้อมลู จากแหล่งการ ข้อมลู จากแหลง่ การ จะค้นคว้าขอ้ มลู จาก ค้นคว้าข้อมลู เชือ่ ถอื ได้และมีการเช่ือมโยงให้ เรยี นรู้ทหี่ ลากหลาย เรียนรูโ้ ดยมีครหู รอื ผูอ้ ืน่ แหลง่ การเรยี นรู้ จากแหล่งการ เห็นเป็นภาพรวม แสดงให้เห็น และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนำบ้าง อย่างเป็นระบบ เรียนรู้ ถึงความสัมพันธ์ของ การเชอื่ มโยงให้เห็น วธิ ีการทง้ั หมด เป็นภาพรวม 2. การเก็บ เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมข้อมูล รวบรวม ตามแผนที่กำหนด โดยคัดเลอื กและ/หรือ โดยไมม่ กี ารคัดเลือก เป็นระยะ ขาดการ ข้อมลู ทกุ ประการ ประเมินข้อมูล และ/หรือประเมนิ ขอ้ มลู ประเมนิ เพื่อคัดเลอื ก 3. การจดั จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู กระทำขอ้ มลู อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ มกี าร อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งไมเ่ ป็นระบบ และการ มกี ารเช่ือมโยงใหเ้ หน็ จำแนกข้อมลู ให้เห็น มีการยกตัวอย่าง และนำเสนอไมส่ อื่ นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอด้วย ความสมั พนั ธ์ นำเสนอ เพม่ิ เติมให้เข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่ แบบต่าง ๆ อย่างชดั เจนถูกต้อง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ นำเสนอด้วยแบบต่าง ๆ ชดั เจน อย่างถูกต้อง แตย่ ังไม่ถูกต้อง 4. การ สรุปผลไดอ้ ย่างถูกต้อง สรุปผลได้อยา่ งกระชับ สรุปผลได้กระชับ สรปุ ผลโดยไม่ใช้ สรุปผล กระชบั ชดั เจน และ แตย่ ังไมช่ ดั เจนและ กะทัดรัด แตไ่ มช่ ัดเจน ข้อมูล และไม่ ครอบคลุม มีเหตุผล ไมค่ รอบคลมุ ขอ้ มลู ถกู ต้อง ทอี่ า้ งองิ จากการสืบสอบได้ จากการวเิ คราะห์ ทงั้ หมด 5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานโดยสือ่ เขียนรายงานได้ตาม รายงาน จุดประสงคถ์ ูกต้องและ จุดประสงค์อยา่ ง ความหมายไดโ้ ดยมคี รู ตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา ชดั เจน และมีการเชื่อมโยงให้ ถกู ต้องและชดั เจนแต่ หรอื ผอู้ ่ืนแนะนำ ไม่ถูกต้อง และไม่ เหน็ เป็นภาพรวม ขาดการเรียบเรยี ง ชดั เจน

บันทกึ หลงั สอน 1. จดุ เน้นสกู่ ารพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 1.1 ความสามารถและทักษะ มคี วามสามารถในการแสวงหาความรูเ้ พ่ือการแก้ปัญหา มีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีเพือ่ การเรียนรู้ มีความสามารถในการใช้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) มที กั ษะการคดิ ข้ันสงู มที ักษะชีวิต มีทกั ษะการสื่อสารอย่างสรา้ งสรรค์ตามช่วงวัย 1.2 ผลการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. ปญั หา/อปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงช่อื ...............................................ครูผู้สอน (...............................................) ตำแหนง่ ครูผู้สอน 4. ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ สถานศกึ ษา หรือผทู้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงช่อื ............................................... (...............................................) ตำแหน่ง……………………………………

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 10 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31102 ปีการศกึ ษา 2564 ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 เวลา 3 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง ภูมิคมุ้ กนั แบบจำเพาะ 1. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด กลไกการสร้างภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะ เป็นการทำงานของเซลลเ์ มด็ เลอื ดขาวชนิดลิมโฟไซต์ชนิดบีและ ชนิดที ซึง่ เซลลเ์ ม็ดเลือดขาวทงั้ สองชนิดจะมีตัวรบั แอนติเจน ทำให้เซลลท์ ้ังสองสามารถตอบสนองแบบจำเพาะต่อแอนตเิ จน นัน้ ๆ ได้เซลลบ์ ที ำหน้าทส่ี รา้ งแอนติบอดี ซ่งึ ช่วยในการจบั กบั สิง่ แปลกปลอมตา่ ง ๆ เพ่ือทำลายต่อไป โดยระบบ ภูมิคมุ้ กนั เซลลท์ ีทำหน้าที่กระตนุ้ การทำงานของเซลล์บแี ละเซลลท์ ีชนิดอน่ื ทำลายเซลลท์ ี่ตดิ ไวรัสและเซลลท์ ผี่ ิดปกติ อ่ืน ๆ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวช้ีวัด 3. ว1.2 ม.4/5 อธิบาย และเขียนแผนผงั เกีย่ วกบั การตอบสนองของร่างกายแบบไมจ่ ำเพาะและแบบจำเพาะ ตอ่ สิ่งแปลกปลอมของร่างกาย 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ (K,P,A) 1. อธิบายประเภทของภูมิคมุ้ กันแบบจำเพาะได้ (K) 2. อธิบายเก่ยี วกับกลไกการสรา้ งภมู คิ ุ้มกนั แบบจำเพาะได้ (K) 3. สืบสอบขอ้ มลู เก่ยี วกบั กลไกการสรา้ งภูมคิ ุม้ กันแบบจำเพาะได้ (P) 4. เขยี นแผนผงั การตอบสนองของร่างกายแบบจำเพาะได้ (P) 5. เป็นผมู้ ีความมงุ่ ม่ันและตัง้ ใจ (A) 4. สาระการเรียนรู้ - กลไกการสรา้ งภมู ิคมุ้ กันแบบจำเพาะ - การตอบสนองรา่ งกายแบบจำเพาะ

5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้ันที่ 1 สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. นกั เรียนร่วมกนั ทบทวนความร้เู กี่ยวกบั เซลลเ์ ม็ดเลือดขาว แลว้ ร่วมกนั ตอบคำถามสำคัญกระต้นุ ความคดิ ดังนี้ - เซลล์เม็ดเลือดขาวชนดิ ลมิ โฟไซตม์ กี ลไกในการทำลายสิ่งแปลกปลอมอย่างไร (เซลล์เมด็ เลือดขาว ชนดิ ลมิ โฟไซตม์ ีกลไกการทำลายสง่ิ แปลกปลอมแบบจำเพาะ แบง่ เป็นเซลลบ์ แี ละเซลล์ที ซงึ่ เซลล์ เมด็ เลอื ดขาวทั้งสองชนิดจะมีตัวรับแอนตเิ จน ทำใหเ้ ซลล์ท้ังสองสามารถตอบสนองแบบจำเพาะ ต่อแอนตเิ จนนั้น ๆ ได้) - ภูมิคุม้ กนั แบบจำเพาะหมายถึงอะไร (ภูมคิ ุ้มกนั แบบจำเพาะ หมายถึง ภูมคิ ้มุ กันท่เี กิดขึน้ ภายหลงั เพือ่ ต่อต้านเฉพาะโรค) - ภมู ิค้มุ กันแบบจำเพาะแบ่งเป็นกีป่ ระเภท อะไรบา้ ง (ภมู ิคมุ้ กันแบบจำเพาะ แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ภมู ิคุม้ กนั ก่อเองและภมู ิคุ้มกนั รบั มา) ข้ันท่ี 2 สำรวจและคน้ หา (Exploration) 25. ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 – 5 คน โดยแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้นข้อมลู เก่ยี วกบั กลไกการสรา้ งภมู ิ คุ้มกบั แบบเฉพาะ จากแหลง่ การเรียนรทู้ หี่ ลากหลาย 26. ให้นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ นำเสนอผลการสืบคน้ ขอ้ มลู หน้าช้ันเรยี น เพ่อื แลกเปลีย่ นเรยี นรกู้ นั เพอื่ นๆ ร่วมกนั ตรวจสอบและแก้ไข 27. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายผลการสืบค้นข้อมูลจากการทำกจิ กรรม เร่ือง กลไกการสร้างภมู ิคุ้มกบั แบบเฉพาะ และสรปุ เป็นองค์ความรู้ใหมร่ ่วมกนั ขั้นท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. นกั เรียนรว่ มกนั วเิ คราะหแ์ ละอภปิ ราย โดยรว่ มกนั ตอบคำถาม ดังนี้ - เซลล์เม็ดเลอื ดขาวกลุ่มลมิ โฟไซต์มีกี่ชนิด อะไรบา้ ง (เซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาวกลุ่มลิมโฟไซตม์ ี 2 ชนิด ได้แก่ เซลลบ์ แี ละเซลล์ท)ี - เซลล์บีและเซลลท์ ที ำหน้าทแ่ี ตกตา่ งกันอย่างไร (เซลลบ์ ี ทำหนา้ ท่สี รา้ งแอนติบอดี ซึ่งช่วยในการ จับสิ่งแปลกปลอมตา่ ง ๆ เพ่ือทำลายตอ่ ไปโดยระบบภูมิค้มุ กนั เซลลท์ ี ทำหน้าทีจ่ ำและรู้จักเซลล์ ของร่างกายตนเองหรือเซลล์แปลกปลอมที่ไม่ใช่ของตนเองและทำลายเซลล์อน่ื ๆ ท่ีแปลกปลอม ได้) - ภมู คิ ุม้ กันกอ่ เองและภูมิคุ้มกันรับมา หมายถึงอะไร (ภูมิคมุ้ กันก่อเอง หมายถงึ ภมู คิ มุ้ กนั ที่เกดิ ขน้ึ เม่ือรา่ งกายถูกกระต้นุ โดยตรงจากแอนตเิ จน หรือสิง่ แปลกปลอมจากภายนอกร่างกายในรูปของ วคั ซนี ภมู ิคมุ้ กนั รบั มา หมายถงึ ภมู คิ มุ้ กันท่ีรา่ งกายได้รับจากการฉีดแอนตบิ อดีทเ่ี ตรียมจากสตั ว์ อนื่ เพื่อใหเ้ กิดภมู ิคุ้มกนั ทันที ใช้สำหรับรกั ษาโรคท่แี สดงอาการรุนแรงเฉียบพลัน และภมู ิค้มุ กนั ท่ี ทารกไดร้ ับจากมารดาขณะต้ังครรภ์)

- ภูมิค้มุ กนั กอ่ เองมีข้อดีและขอ้ เสยี อยา่ งไร (ภมู ิคมุ้ กันก่อเองมขี อ้ ดี คอื ไม่มีอาการแพ้ มีข้อเสีย คอื ภูมิคุ้มกนั จะเกิดช้า ต้องรอเวลาให้รา่ งกายตอบสนองต่อวัคซนี ประมาณ 4-7 วนั ) - เพราะเหตุใดไมค่ วรฉดี วคั ซนี ที่เตรียมจากจลุ ินทรีย์ที่ยงั มีชีวิตอยใู่ ห้กับหญงิ มีครรภ์ (เพราะ จุลนิ ทรีย์อาจเข้าไปเจรญิ ในตัวทารกท่อี ยู่ในครรภ์ อาจเปน็ อนั ตรายได้) - ภมู คิ ุ้มกันรบั มามีข้อดีและข้อเสยี อยา่ งไร (ภูมิคมุ้ กนั รบั มามีขอ้ ดี คือ ร่างกายของผู้ปว่ ยจะไดร้ บั แอนติบอดแี ละเกิดภูมิคมุ้ กันทนั ที ขอ้ เสยี คือ ผปู้ ว่ ยอาจแพ้เซรุม่ ท่ีได้จากสตั ว์นน้ั ) 2. นักเรยี นร่วมกันวิเคราะหต์ าราง วคั ซีนทเ่ี ดก็ ควรได้รับในวัยตา่ ง ๆ หลังคลอด และอภปิ ราย โดยร่วมกนั ตอบคำถาม ดังนี้ - ตาราง วคั ซนี ทเี่ ดก็ ควรได้รบั ในวยั ต่าง ๆ หลังคลอด อายุ วัคซีนทใ่ี ห้ ข้อแนะนำ BCG (บีซีจี) ฉีดให้เด็กกอ่ นออกจากโรงพยาบาล แรกเกดิ HB1 (ตับอักเสบบ)ี HB1 ควรใหเ้ ร็วทีส่ ดุ ภายใน 24 ช่ัวโมงหลงั คลอด HB2 (ตบั อักเสบบี) เฉพาะรายทเ่ี ด็กคลอดจากมารดาที่เปน็ 1 เดอื น พาหะของ ไวรัสตับอกั เสบบี DTP-HB1 (คอตบี -บาดทะยัก-ไอกรน- 2 เดือน ตบั อกั เสบบี) OPV1 (โปลิโอชนิดหยอด) DTP-HB2 (คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน- ใหว้ ัคซนี โปลิโอชนดิ ฉีด 1 เข็ม พรอ้ มกับ 4 เดือน ตับอักเสบบี) วัคซนี โปลิโอชนดิ หยอด 1 คร้ัง OPV2 (โปลโิ อชนดิ หยอด) IPV1 (โปลโิ อ ชนิดฉีด) DTP-HB3 (คอตบี -บาดทะยัก-ไอกรน- 6 เดอื น ตับอักเสบบี) OPV3 (โปลโิ อชนดิ หยอด) 9 เดอื น MMR1 (หดั -คางทมู -หดั เยอรมนั ) หากไม่ได้ฉดี เมือ่ อายุ 9 เดือน ให้รบี ตดิ ตามฉีดโดยเรว็ ทีส่ ุด 1 ปี LAJE1 (ไขส้ มองอักเสบเจอเี ชื้อเปน็ ) 1 ปี 6 เดือน DTP4 (คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน) OPV4 (โปลโิ อชนิดหยอด) 2 ปี 6 เดอื น LAJE2 (ไข้สมองอักเสบเจอีเชื้อเปน็ )

MMR2 (หัด-คางทูม-หดั เยอรมนั ) 4 ปี DTP5 (คอตบี -บาดทะยัก-ไอกรน) OPV5 (โปลโิ อชนิดหยอด) - ตาราง วัคซนี ที่เด็กควรได้รบั ในวยั ต่าง ๆ หลังคลอด อายุ วคั ซนี ทใ่ี ห้ ขอ้ แนะนำ MR (หัด-หดั เยอรมัน) เฉพาะรายท่ีได้รับไม่ครบตามเกณฑ์ HB (ตับอักเสบบ)ี เฉพาะรายที่ได้รับไมค่ รบตามเกณฑ์ LAJE (ไขส้ มองอักเสบเจอีเชอ้ื เปน็ ) เฉพาะรายท่ีได้รบั ไมค่ รบตามเกณฑ์ IPV (โปลิโอชนิดฉีด) เฉพาะรายท่ีได้รบั ไมค่ รบตามเกณฑ์ dT (คอตีบ บาดทะยัก) OPV (โปลิโอชนดิ เฉพาะรายที่ไดร้ ับไม่ครบตามเกณฑ์ 7 ปี (ป.1) หยอด) BCG (บซี จี ี) 1. ให้ในกรณีที่ไม่มหี ลักฐานวา่ เคยไดร้ บั เมอื่ แรกเกดิ และไมม่ แี ผลเป็น 2. ไม่ใหใ้ นเดก็ ตดิ เชื้อเอชไอวที ่ีมี อาการของ โรคเอดส์ HPV1, HPV2 (เอชพีว)ี ให้ 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 6 เดอื น 11 ปี (จังหวดั (นักเรยี นหญงิ ทไี่ ด้รบั การสนบั สนุนวัคซนี กระทรวง ป.5) สาธารณสุขจะได้แจ้งให้พน้ื ท่ีทราบ ตอ่ ไป) 12 ปี (ป.6) dT (คอตีบ-บาดทะยัก) ตามแผนปฏิบตั งิ านของกระทรวง สาธารณสุขฉีดใหเ้ ด็กนกั เรียนช้ัน ป.6 หมายเหตุ 1. วคั ซนี ทกุ ชนดิ ถ้าไมส่ ามารถเรมิ่ ใหต้ ามกำหนดได้ กเ็ ริ่มให้ทนั ทที ่ีพบครั้งแรก 2. วคั ซนี ต้องใหม้ ากกว่า 1 คร้ัง หากเด็กเคยไดร้ บั วัคซนี มาบ้างแล้ว และไม่มารบั ครั้ง ต่อไปตามกำหนดนดั ให้วัคซีนคร้ังต่อไปนน้ั ไดท้ นั ทีเม่อื พบเด็กโดยไม่ต้องเร่ิมตน้ คร้ังที่ 1 ใหม่ ท่มี า : ข้อมูล กำหนดการใหว้ ัคซีนตามแผนงานสร้างเสริมภมู ิคมุ้ กนั โรค ของกระทรวงสาธารณสุข ปงี บประมาณ 2560 - เพราะเหตุใดการฉีดวัคซีนจึงต้องมีการกระต้นุ (เพราะวัคซีนทฉี่ ีดคร้ังแรกอาจไม่มีผลตอ่ ร่างกาย จงึ ต้องมีการกระต้นุ ซ้ำ) - วคั ซนี ชนิดใดท่สี ามารถนำมาฉีดรวมเขม็ กนั ได้ เพราะเหตใุ ด (วคั ซีนป้องกนั โรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน สามารถฉดี รวมเข็มได้ เน่อื งจากเปน็ วคั ซนี ท่ีได้จากแบคทีเรียกลุ่มเดยี วกัน)

- วัคซีนกับทอกซอยด์เหมอื นและแตกต่างกนั อยา่ งไร (วัคซีนได้จากแบคทีเรีย ส่วนทอกซอยด์ได้ จากสารทแ่ี บคทเี รียขบั ออกมา) ข้นั ท่ี 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ให้นักเรียนวางแผน ออกแบบ และจัดทำแผนผงั ความคดิ เรื่อง กลไกการสรา้ งภูมิคมุ้ กันแบบเฉพาะ ลงในกระดาษ A4 พรอ้ มทั้งตกแต่งใหส้ วยงาม ข้ันที่ 5 ประเมนิ (Evaluation) 17. นักเรียนตรวจสอบหรอื ประเมินขัน้ ตอนต่าง ๆ ที่เรียนมาในวนั น้มี ีจดุ เด่น จดุ บกพร่องอะไรบา้ ง มคี วาม สงสัย ความอยากรู้อยากเหน็ ในเรื่องใด 18. นกั เรยี นประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สึกหลังการเรียน ในประเด็นต่อไปน้ี - ส่งิ ท่ีนกั เรยี นได้เรยี นรใู้ นวนั นีค้ อื อะไร - นักเรียนมีส่วนรว่ มกจิ กรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - เพ่ือนนักเรยี นในกลมุ่ มสี ่วนรว่ มกจิ กรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - นักเรียนพงึ พอใจกบั การเรียนในวันน้ีหรือไม่ เพยี งใด - นักเรียนจะนำความรูท้ ี่ได้น้ไี ปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมท่วั ไปได้อย่างไร จากน้นั แลกเปล่ยี นตรวจสอบขั้นตอนการทำงานทกุ ข้ันตอนวา่ จะเพ่ิมคุณค่าไปสู่สงั คม เกิดประโยชน์ต่อสงั คม ให้มากข้นึ กวา่ เดิมในข้ันตอนใดบ้าง สำหรับการทำงานในครั้งตอ่ ไป 6. สอ่ื / แหล่งการเรียนรู้ - ส่อื Power Point เรื่อง ภมู ิคมุ้ กันของร่างกาย - แหลง่ เรียนรใู้ นและนอกห้องเรียน 7. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน/ร่องรอยการเรยี นร)ู้ - แผนผงั ความคดิ เรือ่ ง กลไกการสรา้ งภูมคิ ุ้มกันแบบเฉพาะ

8. การวัดและประเมนิ ผล แบบประเมนิ การปฏิบัติการทำกจิ กรรม รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การทำ ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมตามวธิ ีการ ทำกจิ กรรมตามวิธกี าร ทำกิจกรรมไม่ กจิ กรรม และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขน้ั ตอนท่ีกำหนดไว้ ถูกต้องตามวิธกี าร ตามแผนที่ อยา่ งถูกต้องด้วยตนเองมี ดว้ ยตนเอง มีการ โดยมคี รูหรือผอู้ นื่ และขนั้ ตอนท่ี กำหนด การปรบั ปรงุ แก้ไขเป็น ปรบั ปรุงแก้ไขบ้าง เป็นผูแ้ นะนำ กำหนดไว้ ไมม่ ีการ ระยะ ปรับปรุงแก้ไข 2. การใช้ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ อปุ กรณ์และ/ เครอื่ งมอื ในการทำ เคร่อื งมอื ในการทำ เครอ่ื งมอื ในการทำ เครื่องมือในการทำ หรอื เครอื่ งมือ กิจกรรมได้อย่างถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกต้อง กิจกรรมไม่ถูกต้อง ตามหลกั การปฏบิ ัติและ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แต่ โดยมคี รู หรอื ผอู้ ่ืนเป็นผู้ และไม่มีความ คล่องแคล่ว ไมค่ ล่องแคลว่ แนะนำ คลอ่ งแคล่วในการใช้ 3. การบนั ทึก บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลไม่ครบ ผลการทำ อยา่ งถูกต้อง มรี ะเบยี บมี อยา่ งถูกต้อง มีระเบยี บ แต่ไม่เปน็ ระเบยี บ ไมม่ ีการระบหุ นว่ ย กิจกรรม การระบุหน่วย มีการ มกี ารระบหุ น่วย มีการ ไม่มีการระบุหนว่ ย และไมเ่ ป็นไปตาม อธิบายข้อมูลใหเ้ หน็ ความ อธิบายขอ้ มลู ให้เห็นถึง และไมม่ ีการอธบิ ายข้อมูล การทำกจิ กรรม เช่อื มโยงเปน็ ภาพรวมเป็น ความสมั พนั ธเ์ ปน็ ไป ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ เหตุเป็นผล และเป็นไปตาม ตามการทำกจิ กรรม ของการทำกจิ กรรม การทำกจิ กรรม 4. การจดั จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู จัดกระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมูล กระทำข้อมูล อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างเป็นระบบ มีการ อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างไมเ่ ปน็ ระบบ และการ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น จำแนกข้อมูลให้เหน็ ยกตวั อย่างเพมิ่ เติมให้ และมกี ารนำเสนอไม่ นำเสนอ ภาพรวม และนำเสนอ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่าย และนำเสนอ สอ่ื ความหมายและไม่ ดว้ ยแบบตา่ ง ๆอย่าง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ดว้ ยแบบต่าง ๆ แต่ยังไม่ ชัดเจน ชดั เจนถกู ตอ้ ง แต่ยังไม่ชัดเจน ชดั เจนและไม่ถูกต้อง 5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกิจกรรมได้ สรปุ ผลการทำ การทำกิจกรรม ไดอ้ ย่างถูกต้อง กระชบั ได้อยา่ งถูกตอ้ ง แต่ยัง โดยมีครหู รือผู้อนื่ กิจกรรม ชดั เจน และครอบคลมุ ไมค่ รอบคลุมขอ้ มลู แนะนำบ้าง จึงสามารถ ตามความรู้ที่พอมีอยู่ ข้อมลู จากการวเิ คราะห์ จากการวิเคราะห์ สรุปไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง โดยไม่ใช้ข้อมลู ทัง้ หมด ท้ังหมด จากการทำกจิ กรรม

6. การดูแลและ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดูแลอปุ กรณ์และ/หรือ ไม่ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/ การเก็บอปุ กรณ์ เคร่อื งมอื ในการทำ เครือ่ งมอื ในการทำ เคร่ืองมือในการทำ หรอื เคร่อื งมือในการ และ/หรือ กิจกรรม และมีการ กิจกรรม และมีการ กจิ กรรม มีการทำความ ทำกจิ กรรม และไม่ เครื่องมือ ทำความสะอาดและเก็บ ทำความสะอาดอย่าง สะอาด แต่เกบ็ ไมถ่ ูกต้อง สนใจทำความ ตอ้ งให้ครูหรือผู้อน่ื สะอาด รวมทั้งเก็บ อย่างถูกต้องตามหลักการ ถูกต้อง แต่เก็บ แนะนำ ไม่ถูกต้อง และแนะนำใหผ้ อู้ ื่นดูแล ไมถ่ ูกต้อง และเก็บรักษาไดถ้ ูกต้อง แบบประเมินช้นิ งาน การจัดกระทำและนำเสนอแผนผงั รายการการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ การจดั กระทำและ 432 1 นำเสนอแผนผัง จัดกระทำและนำเสนอ จดั กระทำแลนำเสนอ จดั กระทำและ จดั กระทำและ แผนผงั ได้ แตไ่ ม่ สอดคล้องกบั หวั ข้อ แผนผัง ไดส้ ัมพันธ์กัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ เร่อื งท่ีกำหนด และถูกตอ้ งตามหวั ข้อ สัมพนั ธก์ ับหวั ข้อเรื่อง ตามหัวข้อเร่ือง เร่อื งที่กำหนด มีการ ทีก่ ำหนด มีการ โดยมคี รูหรอื ผอู้ นื่ วางแผน มกี าร ออกแบบ มคี วามคิด ใหค้ ำแนะนำ ออกแบบ และมี รเิ ริม่ แตไ่ ม่มกี าร ความคิดสร้างสรรค์ เช่ือมโยงให้เห็นเป็น มกี ารเชื่อมโยงให้เห็น ภาพรวม เป็นภาพรวม

แบบประเมินการสืบสอบขอ้ มูล รายการการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 4 3 21 1. การ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ข้อมูลจาก วางแผนที่จะค้นควา้ วางแผนที่จะค้นควา้ ไมม่ ีการวางแผนท่ี วางแผน แหลง่ การเรยี นรทู้ ่หี ลากหลาย ข้อมลู จากแหล่งการ ข้อมลู จากแหลง่ การ จะค้นคว้าขอ้ มลู จาก ค้นคว้าข้อมลู เชือ่ ถอื ได้และมีการเช่ือมโยงให้ เรยี นรู้ทหี่ ลากหลาย เรียนรูโ้ ดยมีครหู รอื ผูอ้ ืน่ แหลง่ การเรยี นรู้ จากแหล่งการ เห็นเป็นภาพรวม แสดงให้เห็น และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนำบ้าง อย่างเป็นระบบ เรียนรู้ ถึงความสัมพันธ์ของ การเชอื่ มโยงให้เห็น วธิ ีการทง้ั หมด เป็นภาพรวม 2. การเก็บ เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมข้อมูล รวบรวม ตามแผนที่กำหนด โดยคัดเลอื กและ/หรือ โดยไมม่ กี ารคัดเลือก เป็นระยะ ขาดการ ข้อมลู ทกุ ประการ ประเมินข้อมูล และ/หรือประเมนิ ขอ้ มลู ประเมนิ เพื่อคัดเลอื ก 3. การจดั จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู กระทำขอ้ มลู อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ มกี าร อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งไมเ่ ป็นระบบ และการ มกี ารเช่ือมโยงใหเ้ หน็ จำแนกข้อมลู ให้เห็น มีการยกตัวอย่าง และนำเสนอไมส่ อื่ นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอด้วย ความสมั พนั ธ์ นำเสนอ เพม่ิ เติมให้เข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่ แบบต่าง ๆ อย่างชดั เจนถูกต้อง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ นำเสนอด้วยแบบต่าง ๆ ชดั เจน อย่างถูกต้อง แตย่ ังไม่ถูกต้อง 4. การ สรุปผลไดอ้ ย่างถูกต้อง สรุปผลได้อย่างกระชับ สรุปผลได้กระชับ สรปุ ผลโดยไม่ใช้ สรุปผล กระชบั ชดั เจน และ แตย่ ังไมช่ ดั เจนและ กะทัดรัด แตไ่ มช่ ัดเจน ข้อมูล และไม่ ครอบคลุม มีเหตุผล ไมค่ รอบคลมุ ขอ้ มลู ถกู ต้อง ทอี่ า้ งองิ จากการสืบสอบได้ จากการวเิ คราะห์ ทงั้ หมด 5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานโดยสือ่ เขียนรายงานได้ตาม รายงาน จุดประสงคถ์ ูกต้องและ จุดประสงค์อยา่ ง ความหมายไดโ้ ดยมคี รู ตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา ชดั เจน และมีการเชื่อมโยงให้ ถกู ต้องและชดั เจนแต่ หรอื ผอู้ ่ืนแนะนำ ไม่ถูกต้อง และไม่ เหน็ เป็นภาพรวม ขาดการเรียบเรยี ง ชดั เจน

บันทกึ หลงั สอน 1. จดุ เนน้ สู่การพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียน 1.1 ความสามารถและทกั ษะ มคี วามสามารถในการแสวงหาความรู้เพ่ือการแก้ปัญหา มคี วามสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีเพ่อื การเรียนรู้ มคี วามสามารถในการใชภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) มที ักษะการคดิ ข้ันสูง มที กั ษะชวี ิต มีทกั ษะการส่ือสารอยา่ งสร้างสรรค์ตามช่วงวัย 1.2 ผลการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. ปัญหา/อปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชอื่ ...............................................ครผู ้สู อน (นางสาวศริ ริ ตั น์ หวังสะและ่ อ์) ตำแหนง่ ครูผูส้ อน 4. ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษา หรือผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงช่อื ............................................... (...............................................) ตำแหนง่ ……………………………………


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook