สมัยประวตั ิศาสตร์ อารยธรรมอนิ เดีย ทัชมาฮัล หรือทชั มาฮาล ราชวงศ์โมกลุ • เป็นราชวงศส์ ุดท้ายทปี่ กครองอินเดีย • ผูก้ ่อต้ังจกั รวรรดิโมกลุ คอื อักบารม์ หาราช ทรงส่งเสรมิ ใหม้ ี ขนั ตธิ รรมทางศาสนา เพราะตอ้ งการให้ผู้นบั ถือศาสนาฮินดกู ับ ผ้นู บั ถือศษสนาอิสลามอยูร่ ว่ มกนั ไดอ้ ยา่ งสันติสุข • สลุ ต่านท่ีส้าคัญอกี พระองค์ คือ ชาห์ เจฮนั ผสู้ รา้ งทัชมาฮัล • จกั รวรรดิโมกลุ หมดอ้านาจลง เมอ่ื อังกฤษเข้ายดึ ครองอินเดีย
สมัยประวตั ิศาสตร์ อารยธรรมอนิ เดีย อนิ เดยี ภายใตก้ ารปกครองขององั กฤษ • อังกฤษปกครองอนิ เดียโดยตรงในปี ค.ศ. 1858 โดยวิธีแบ่งแยกการปกครอง และปฏิบตั ติ ่อผู้นับถือศาสนาฮินดกู ับศาสนาอสิ ลามอย่างเทา่ เทยี มกัน โดยต้งั ข้าหลวงใหญ่หรืออุปราชเป็นผปู้ กครอง • มีการสรา้ งทางรถไฟ ถนน สะพาน โรงพยาบาลและจดั การศึกษา • ต่อมาชาวอนิ เดยี เรียกรอ้ งการปกครองตนเองและนา้ ไปสูก่ ารเรยี กรอ้ งเอกราช โดยมีผูน้ า้ สา้ คัญ คือ มหาตมา คานธี และยวาหรล์ าล เนรหู ์ สมเดจ็ พระราชนิ นี าถวิกตอเรยี (น่งั ซา้ ย) ทรงเปน็ องคป์ ระมุข ของอังกฤษ และเป็นจักรพรรดินแี ห่งอนิ เดยี พระองคแ์ รก
รูปแบบการติดตอ่ ระหวา่ งโลกตะวันออกและโลกตะวันตก สาเหตแุ ละรปู แบบการติดต่อ การขยายอานาจ • การรุกรานเอเชยี จนถึงอนิ เดยี ของพระเจ้าอะเล็กซานเดอรม์ หาราชแหง่ มาซิโดเนีย โดยผา่ นทางเอเชยี กลางเข้ามาจนถงึ แมน่ า้ สินธุในประเทศปากีสถานปจั จบุ นั มีผล ส้าคัญทา้ ห้อทิ ธพิ ลทางสถาปัตยกรรมของกรกี แพรห่ ลายในเอเชยี โดยเฉพาะการหล่อ พระพทุ ธรปู นอกจากนี้ การขยายอา้ นาจโดยท้าสงครามยงั มีตอ่ มาในภายหลังอกี พระพุทธรปู ปนู ปัน้ ศิลปะสมยั คนั ธาระ ทีไ่ ด้รับอทิ ธิพลรูปแบบ ประตมิ ากรรมกรีกในสมยั พระเจา้ อะเล็กซานเดอร์มหาราช
รูปแบบการตดิ ตอ่ ระหวา่ งโลกตะวันออกและโลกตะวันตก สาเหตแุ ละรูปแบบการตดิ ตอ่ การแสวงหาพนั ธมิตร ภาพวาดมาร์โค โปโล ขณะกา้ าลงั เขา้ เฝา้ จักรพรรดิ กบุ ไลขา่ นเพื่อรับมอบหนังสอื ผา่ นทาง • หลกั ฐานสา้ คัญทเ่ี ป็นจดุ เร่มิ ต้นของการตดิ ตอ่ ระหว่างตะวนั ออก กับตะวนั ตก คอื การทจี่ กั รพรรดิจนี สมัยราชวงศฮ์ น่ั สง่ จางเชยี น เป็นทูตไปดนิ แดนเยอรมันเรียกว่า เส้นทางสายไหมหรอื เส้นทาง สายแพรไหม (The Silk Road) เส้นทางทางบกน้ีใชต้ ดิ ต่อ ระหวา่ งเอเชียกบั ยโุ รปเป็นเวลากว่า 1,000 ปี จนกระท่งั มกี าร ส้ารวจเส้นทางทางทะเลในปลายครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 15 ความสา้ คญั จึงลดลง เสน้ ทางสายไหมไดก้ อ่ ให้เกิดการแลกเปลยี่ น อารยธรรมต่อกนั อยา่ งกวา้ งขวาง
รูปแบบการตดิ ต่อระหวา่ งโลกตะวนั ออกและโลกตะวันตก สาเหตแุ ละรปู แบบการตดิ ต่อ การคา้ ขาย • ได้มกี ารแลกเปลย่ี นซอ้ื ขายสนิ คา้ ระหวา่ งโลกตะวนั ออกกับโลกตะวันตกมาตั้งแตส่ มัยโบราณ สินค้าของจีนโดยเฉพาะ ผา้ ไหมเปน็ ท่ีนิยมมากของชาวโรมนั ชัน้ สูง • ตอ่ มาในสมัยกลาง ชาวยุโรปต้องการสนิ ค้าเคร่ืองเทศและพรกิ ไทยจากโลกตะวนั ออกมากจนเป็นสาเหตุส้าคัญท่ีทา้ ให้ ชาวยุโรปแสวงหาเสน้ ทางเดินเรอื มายังแหล่งผลิตเคร่อื งเทศและพริกไทย คือ หม่เู กาะอนิ เดยี ซ่งึ การเดนิ ทางมาถึง เอเชยี ของชาวตะวันตกก่อให้เกดิ การอย่างมากในเอเชียในเวลาต่อมา โดยเฉพาะการทช่ี าติเอเชียตา่ งๆ ต้องตกเปน็ อาณานคิ มของชาติตะวนั ตก
รปู แบบการติดต่อระหว่างโลกตะวนั ออกและโลกตะวันตก สาเหตุและรปู แบบการติดต่อ การชอบผจญภัย • มีนักเดินทางระหว่างทวปี บางคนท่เี ดนิ ทางเพราะชอบการผจญภัย ชอบการเดนิ ทางไปยงั ดนิ แดนที่ตนเองยงั ไม่รแู้ นช่ ดั แตก่ อ็ ยากไปด้วยความทา้ ทายไม่เกรงกลัวภัยอันตราย เช่น อบิ น์ บตั ตตุ ะ (ค.ศ. 1325 - 1356) ชาวโมร็อกโกในทวปี แอฟรกิ าเขาเดนิ ทางไปยังดนิ แดนตา่ งๆ มากมายทง้ั ทางบก ทางเรือ ทั้งในแอฟรกิ า ตะวันออกกลาง จีนและทางตอนใตข้ องสเปน เร่อื งราวของนักเดนิ ทางได้เป็นแรงบันดาลใจใหน้ กั เดินทางรุ่น ใหม่ทา้ ตามและท้าใหเ้ กิดการแลกเปล่ียนอารยธรรมระหวา่ งโลกตะวันออกกบั โลกตะวนั ตก
ตวั อย่างการแลกเปลย่ี นอารยธรรมระหว่างโลกตะวนั ออกกบั โลกตะวันตก 1 2 3 ความต้องการสินคา้ เลขอารบิกและ เข็มทิศ จากโลกตะวันออก ระบบการคานวณ
ตวั อยา่ งการแลกเปล่ียนอารยธรรมระหว่างโลกตะวันออกกับโลกตะวนั ตก ความต้องการสนิ ค้าจากโลกตะวันออก • ตั้งแต่สมยั จกั รวรรดโิ รมัน ที่ชนชนั้ สงู ของชาวโรมนั นิยมแต่งกาย ดว้ ยผ้าไหม จนท้าให้ทองของจกั รวรรดโิ รมนั ไม่พอใช้จ่ายเพราะ น้าไปซื้อผ้าไหมจนี • ในสมยั กลางเมือ่ โลกตะวันตกรจู้ กั ใช้เครือ่ งเทศและพริกไทยในการ ปรุงรสและถนอมอาหารเคร่ืองเทศและพริกไทยก็ได้กลายเปน็ ของ • โลกตะวนั ตกโดยเฉพาะโปรตเุ กสซงึ่ อยูใ่ นที่ตัง้ ทเ่ี หมาะสมกบั การ ส้ารวจทางทะเล แสวงหาเสน้ ทางเดนิ เรอื มายงั แหล่งก้าเนิดของ เครอ่ื งเทศและพริกไทยเพ่อื ซือ้ สินคา้ นี้โดยตรง เม่อื ทา้ ได้สา้ เรจ็ โปรตุเกสจงึ ไดก้ า้ ไรอยา่ งมหาศาลจากสินค้าดงั กล่าว
ตวั อย่างการแลกเปล่ยี นอารยธรรมระหวา่ งโลกตะวันออกกับโลกตะวนั ตก เลขอารบิกและระบบการคานวณ • โดยเฉพาะวิชาเรขาคณติ เลขคณติ และพชี คณิต ที่ส้าคญั คือ การคดิ ค้นระบบตวั เลข 1 - 9 • เดมิ เลขโรมนั ทใ่ี ชก้ นั อยกู่ า้ หนดให้จ้านวนคา่ ของตัวเลขเพิม่ ขน้ึ ตามจ้านวนขีด เชน่ หน่งึ (I) สอง (II) สาม (III) ส่ี (IV) หา้ (V) หก (VI) ซึง่ ไมส่ ะดวกเมอ่ื จ้านวนเพ่มิ ข้นึ • เมือ่ ชาวอินเดยี คิดคน้ เครอ่ื งหมายแทนตัวเลขสบิ ตัว แตล่ ะตวั มคี ่าตามทตี่ งั้ ไว้ เช่น หนงึ่ (1) สอง (2) สาม (3) ส่ี (4) หา้ (5) หก (6) และเม่ือตัวเลขเพม่ิ ขน้ึ เป็นหลกั สบิ หลกั ร้อย หลักพนั หรอื มากขึน้ เร่อื ยๆ กน็ า้ ตัวเลขมาผสมกนั ตาม หลักทกี่ ้าหนดไว้แทนการใช้ขดี หรือเครอื่ งหมาย เช่น สิบ (10) ยีส่ ิบเจ็ด (27) สองร้อย (200) หนงึ่ พนั หา้ ร้อย (1500) ทา้ ให้การคา้ นวณ การท้ากิจกรรมเกยี่ วกบั ตวั เลขมคี วามสะดวกมากขึน้ • ตวั เลขเหล่านี้เรียกวา่ เลขอารบิก โดยชาวอาหรบั ไดน้ ้าไปจากอินเดยี และชาวยโุ รปรบั ไปจากชาวอาหรับอกี ต่อหนง่ึ
ตัวอยา่ งการแลกเปลี่ยนอารยธรรมระหวา่ งโลกตะวันออกกับโลกตะวนั ตก เข็มทศิ • จีนสามารถประดษิ ฐเ์ ข็มทศิ ไดเ้ ปน็ ชาตแิ รกของโลก โดยประดิษฐ์ข้ึนตง้ั แต่ ศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตศ์ ักราช • ในเอกสารโบราณของจีนไดก้ ลา่ วถงึ การใชเ้ ข็มทิศซง่ึ มคี ุณสมบตั ิเป็นแม่เหลก็ วางไวบ้ นขอบถว้ ยโลหะ โดยเขม็ ถูกเสยี บไว้ดว้ ยรังไหมและขผี้ ้ึง ปลายเขม็ ชไ้ี ป ทางทศิ เหนอื และทศิ ใต้ • เขม็ ทิศอีกประเภทหน่งึ ทม่ี หี ลักฐานบนั ทกึ ไว้ คอื เขม็ ทศิ ที่ใช้ในพธิ กี รรม โดย ใช้ช้อนหรือทพั พที ่ที า้ จากเหลก็ วางไว้บนแผ่นส่ีเหลี่ยมทท่ี ้าจากทองแดง ตรง กลางแผน่ ส่เี หลย่ี มมีรปู วงกลมอยูต่ รงกลาง หมายถงึ สวรรค์ และนอกวงกลม เปน็ รูปส่เี หลี่ยม หมายถึง โลก
“กดไลก์ กดตดิ ตามกันไวไ้ ด้เลยครบั SOC ไมย่ ากหากมี Trick\" ครูสังคมอมยิม้ เเลกเปลี่ยน เรยี นรู้ เพอ่ื ยกระดับคณุ ภาพการศกึ ษา เพจครูสงั คมอมย้มิ
Search