ใบความรู้ เรอ่ื ง ลิขสทิ ธิ์ ลขิ สทิ ธ์ิ ลิขสทิ ธ์ิ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ้ หค้ วามหมายว่า ลิขสิทธิ์ หมายถงึ สทิ ธิแต่ ผ้เู ดียวทกี่ ฎหมายรับรองให้ผู้สรา้ งสรรคก์ ระทำการใด ๆ เกี่ยวกับงานประเภทวรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรกี รรม โสตทัศนวสั ดุ ภาพยนตร์ ส่ิงบนั ทึกเสยี ง งานแพรเ่ สยี งแพร่ภาพ หรืองานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวทิ ยาศาสตร์ หรอื แผนกศลิ ปะ ท่ีตนได้ทำข้ึน อนั ได้แก่ สทิ ธทิ ีจ่ ะทำซำ้ ดดั แปลง หรอื นำออกโฆษณา รวมทง้ั อนุญาตใหผ้ ู้อน่ื นำงานนน้ั ไปทำเชน่ วา่ น้นั ด้วย ทางด้านกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า ลิขสิทธิ์ คือ สทิ ธแิ ตเ่ พียงผู้เดยี วทจี่ ะกระทำการใด ๆ เก่ียวกับงานที่ผูส้ รา้ งสรรค์ได้ริเร่ิมโดยการใชส้ ตปิ ญั ญาความรู้ ความสามารถ และความวริ ยิ ะอุตสาหะของตนเองในการสร้างสรรค์ โดยไมล่ อกเลยี นแบบงานของผ้อู ่นื โดยงาน ทีส่ รา้ งสรรค์ต้องเป็นงานตามประเภทกฎหมายลขิ สิทธิใ์ ห้คุ้มครอง โดยผู้สรา้ งสรรคจ์ ะได้รบั ความคุ้มครองทันที ท่ีสรา้ งสรรค์โดยไมต่ ้องจดทะเบยี น สิง่ ที่ไม่มีลิขสิทธ์ิ 1. ข่าวประจำวนั และข้อเทจ็ จริงต่าง ๆ ทม่ี ีลกั ษณะเปน็ เพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนก วิทยาศาสตร์ หรือแผนกศลิ ปะ 2. รัฐธรรมนูญและกฎหมาย 3. ระเบยี บ ข้อบงั คับ ประกาศ คำสัง่ คำช้แี จง และหนังสือโต้ตอบของหน่วยงานงานของรัฐ 4. คำพิพากษา คำส่ัง คำวินจิ ฉัย และรายงานของทางราชการ 5. คำแปลและการรวบรวมคำสงั่ ต่าง ๆ ตาม ข้อ 1 ถงึ ขอ้ 4 ท่ีกระทรวง ทบวง กรม หรอื งานอ่นื ใดของรัฐ หรอื ของท้องถนิ่ จัดทำขึ้น หลกั เกณฑ์การพิจารณาการใชง้ านลขิ สทิ ธทิ์ ่ีเปน็ ธรรม พระราชบัญญตั ลิ ิขสทิ ธ์ิ พ.ศ.2537 ได้บญั ญัติเรื่องข้อยกเวน้ การละเมิดลิขสิทธไิ์ วใ้ นมาตรา 32 โดย กำหนดให้การใช้งานลิขสิทธ์ใิ นบางลกั ษณะสามารถทำ ไดโ้ ดยไม่ต้องขออนญุ าตจากเจ้าของลขิ สิทธเิ์ พราะถือว่า เป็นการใช้ทเี่ ปน็ ธรรม เช่น การใชง้ านในการเรียนการสอน การเสนอรายงานข่าว หรือการใช้งานโดย บรรณารกั ษ์ห้องสมุด แต่การใชง้ านลิขสิทธ์ิดงั กลา่ วตามทพ่ี ระราชบญั ญัตกิ ำหนดไว้จะต้องอยู่อาศัยใตห้ ลักการ สำคัญ 2 ประการ ประกอบกัน คอื 1. ตอ้ งไมข่ ดั ต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอนั มลี ขิ สทิ ธติ์ ามปกติของเจา้ ของลิขสทิ ธ์ิ 2. ตอ้ งไมก่ ระทบกระเทอื นถึงสทิ ธอิ นั ชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสทิ ธิเ์ กนิ สมควร
) วัตถปุ ระสงคแ์ ละลกั ษณะของการใชง้ านลขิ สิทธ์ิ 1. การใชง้ านลขิ สทิ ธิ์ของบุคคลอ่ืนจะต้องไม่มลี กั ษณะเปน็ การกระทำเพ่ือการค้าหรอื หากำไร โดยปกติ การใชง้ านลขิ สิทธ์ขิ องบุคคลอื่นเพอื่ การค้าหรือหากำไร ผ้ใู ช้จะต้องจ่ายคา่ ลิขสทิ ธ์ิให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์ 2. การใช้งานลขิ สทิ ธ์ิของบุคคลอื่นจะตอ้ งไม่มเี จตนาทุจรติ เช่นการนำงานลขิ สทิ ธ์ิมาใชโ้ ดยไมอ่ ้างอิงทม่ี า หรือใชใ้ นลักษณะที่ทำให้คนเข้าใจว่าเปน็ งานของผใู้ ชง้ านลิขสิทธนิ์ ้นั เอง 3. หากการใช้งานลิขสทิ ธิ์ของบคุ คลอื่น ก่อให้เกิดประโยชนแ์ ก่สงั คม โดยเปน็ การนำงานลขิ สิทธิม์ าใชโ้ ดย ปรับเปล่ียน ให้ต่างไปจากงานลขิ สิทธิ์เดิมหรือการเพ่ิมเติมส่งิ ใหมเ่ ขา้ ไป กอ็ าจเปน็ การใช้ลขิ สิทธ์ิทีเ่ ปน็ ธรรม การใช้งานโดยธรรม (Fair Use) Fair Use คอื ความชอบธรรมทางกฎหมายท่ีอนุญาตให้ใช้ผลงานที่มลี ขิ สิทธิบ์ นพ้ืนฐานทจี่ ำกดั เพ่ือ วัตถปุ ระสงคเ์ ฉพาะโดย \"ไม่ไดร้ ับการอนญุ าตจากเจ้าของลิขสิทธิ์\" และการใชง้ านนัน้ จะตอ้ งไมน่ ำไปสกู่ ารขดั ผลประโยชนท์ ีเ่ จา้ ของลขิ สิทธคิ์ วรจะไดร้ บั ขอ้ ยกเวน้ การละเมิดลิขสทิ ธ์ิ 1. วิจัยหรอื ศึกษางานน้นั อนั มใิ ช่การกระทำเพ่ือหากำไร 2. ใชเ้ พ่ือประโยชนข์ องตนเอง หรือเพื่อประโยชนข์ องตนเองและบุคคลอนื่ ในครอบครวั หรือญาติสนทิ 3. ติชม วจิ ารณ์ หรอื แนะนำผลงานโดยมกี ารรบั รูถ้ ึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิน์ ้นั 4. เสนอรายงานข่าวทางส่ือสารมวลชนโดยมกี ารรับรู้ถงึ ความเป็นเจ้าของลิขสิทธใ์ิ นงานนนั้ 5. ทำซำ้ ดดั แปลง นำออกแสดง หรอื ทำใหป้ รากฏ เพ่ือประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจ้า พนักงาน ซ่ึงมีอำนาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการพจิ ารณาดังกล่าว 6. ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรอื ทำให้ปรากฏโดยผู้สอนเพื่อประโยชน์ในการสอนของตน อันมใิ ช่การ กระทำเพื่อหากำไร 7. ทำซ้ำ ดดั แปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอน หรือทำบทสรุปโดยผู้สอน หรือสถาบันการศกึ ษา เพื่อ แจกจ่ายหรอื จำหน่ายแกผ่ เู้ รียนในชั้นเรยี นหรอื ในสถาบันศึกษา ทัง้ นี้ ต้องไมเ่ ป็นการกระทำเพ่ือหา กำไร 8. นำงานนั้นมาใชเ้ ปน็ สว่ นหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ
การพจิ ารณาการใช้ลิขสทิ ธ์ิที่เปน็ ธรรม (Fair Use) 1. วตั ถปุ ระสงค์และลกั ษณะของการใช้งานลิขสิทธิ์ - การใช้งานลิขสทิ ธ์ิของบุคคลอื่นจะตอ้ งไม่มีลักษณะเปน็ การกระทำเพื่อการค้าหรือหากำไร - การใชง้ านลขิ สิทธข์ิ องบุคคลอื่นจะตอ้ งไม่มเี จตนาทุจริต - หากการใช้งานลิขสทิ ธิ์ของบุคคลอ่ืน ก่อให้เกิดประโยชนแ์ ก่สังคม โดยเป็นการนำงานลิขสทิ ธิม์ าใช้ โดยปรบั เปล่ยี น (Transform) ใหต้ ่างไปจากงานลขิ สทิ ธิเ์ ดิมหรือมีการเพิม่ เติมสิ่งใหม่เขา้ ไป กอ็ าจ เปน็ การใช้ลิขสิทธิท์ เี่ ป็นธรรม 2. ลักษณะของงานอันมลี ขิ สิทธ์ิ - พจิ ารณาระดับของการสรา้ งสรรค์งาน - พจิ ารณาว่าเป็นงานทมี่ ีการโฆษณาแลว้ หรอื ไม่ หากงานทน่ี ำมาใชเ้ ปน็ งานทย่ี ังไม่มีการโฆษณา จะ อา้ งวา่ เปน็ การใชล้ ขิ สทิ ธ์ทิ ่ีเป็นธรรมไมไ่ ด้ 3. ปริมาณและเนือ้ หาที่เปน็ สาระสำคญั ที่ถกู นำไปใช้เมื่อเทียบกบั เนอื้ หาทัง้ หมด - การนำงานลิขสิทธิ์ของคนอ่นื มาใช้ จะต้องคำนึงถงึ ปริมาณของงานทนี่ ำมาใช้ และสาระสำคญั ท่ี นำมาใชด้ ้วย 4. ผลกระทบต่อตลาดหรอื มลู ค่าของงานอนั มลี ิขสทิ ธ์ิ - การใชง้ านลขิ สทิ ธขิ์ องบุคคลอื่นจะต้องไม่มีผลกระทบต่อตลาดของงานน้นั ลขิ สทิ ธ์ิ และการใช้งานโดยธรรม (Fair Use Doctrine) กบั Creative Commons License (CC License) 1. สญั ญาอนุญาต Creative Commons ทำหน้าทเ่ี ป็นใบอนุญาตลขิ สิทธผิ์ ลงาน ที่เปน็ มาตรฐานให้ สามารถนำไปใช้อยา่ งเปิดเผยกับผลงานใด ๆ ตามเงอ่ื นไขที่เจา้ ของผผู้ ลิตผลงานช้นิ น้นั ๆ ได้กำหนดไว้ และยังสามารถกำหนดขอบเขตของลิขสทิ ธ์ิผลงานของตนได้จาก “all rights reserved” เป็น “some rights reserved” เพื่อระบุขอบเขตของลขิ สทิ ธว์ิ ่า สงวนลขิ สิทธิ์ท้ังหมดหรือสว่ นหน่ึงสว่ นใดของ ชิ้นงาน 2. สญั ญาอนญุ าต Creative Commons ไม่ไดเ้ ป็นตวั เลอื กของการคุ้มครองลิขสิทธ์ิแบบลขิ สิทธ์แิ ต่ ทำงานรว่ มกันเพื่อเปดิ โอกาสและยืดหยนุ่ ใหป้ รับข้อกำหนดและเงื่อนไขของการ คมุ้ ครองลิขสทิ ธ์ใิ นแต่ ละช้นิ งานไดเ้ อง 3. มีเสรภี าพทจ่ี ะแบ่งปัน ทำสำเนา แจกจา่ ย และส่งงานเผยแพรต่ ่อไปได้โดยทีไ่ มท่ ำการแก้ไขดดั แปลง ตดั ทอน เนื้อหาใด ๆ และไม่นำไปใชป้ ระโยชน์ทางการค้า ภายใตส้ ัญญาอนุญาต Creative Commons แตห่ ากต้องการที่จะ เรียบเรียงใหม่ ดัดแปลง หรือนำไปใช้ในทางการคา้ จะต้องมีการขออนญุ าตเป็น ลายลกั ษณ์อกั ษรก่อน
nary/index.php
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: