~2~ บทท่ี 1 หลกั การบริหารจดั การ
~3~ บทที่ 1 หลกั การบริหารจดั การ แนวคิดและทฤษฎีด้านการบริหารจดั การ (Management Concept) ประเดน็ สาํ คญั แนวคดิ ทฤษฎกี ารบรหิ ารจดั การเรมิ่ เกดิ ขน้ึ มาในชว่ งปฏวิ ตั ิ อตุ สาหกรรมราวปี ค.ศ.1760 ทเ่ี รม่ิ เปลย่ี นจากแรงงานคน มาเป็นแรงงานจากเครอ่ื งจกั ร การแบ่งกลุ่มทฤษฎแี ละแนวคดิ ของการบรหิ ารจดั การนนั้ มี 3 กลมุ่ ใหญ่ๆ กค็ อื 1.ทฤษฎแี ละแนวความคดิ แบบดงั้ เดมิ (Classical Theory),ทฤษฎแี ละแนวความคดิ ดงั้ เดมิ แบบ สมยั ใหม่ (Neo – Classical Theory of Organization) และ 3.ทฤษฎแี ละแนวความคดิ แบบสมยั ปัจจบุ นั (Modern Theory of Organization) ซง่ึ ทงั้ หมดพฒั นาตามยคุ สมยั ท่ี เปลย่ี นแปลงไป แตท่ วา่ ทฤษฎที กุ ยคุ กย็ งั คงนิยมใชม้ า จนถงึ ปัจจุบนั ยง่ิ โลกพฒั นาไปมากเทา่ ไร ทรพั ยากรมนุษยก์ ไ็ ดร้ บั การให้ ความสาํ คญั มากขน้ึ เทา่ นนั้ แลว้ น่ีคอื ตวั แปรสาํ คญั ทจ่ี ะทาํ ใหอ้ งคก์ รประสบความสาํ เรจ็ ไดม้ ากขน้ึ หรอื น้อยลอง หรอื แมก้ ระทงั่ เกนิ ความคาดหมายไดเ้ ชน่ กนั
~4~ แนวคดิ ดา้ นการบรหิ ารจดั การ (Management Concept) ตลอดจน ทฤษฎอี งคก์ ร (Organization Theory) นนั้ เป็นการนําเสนอกรอบความคดิ ใน การบรหิ ารจดั การการทาํ งานใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ขน้ึ ตลอดจนไดผ้ ลผลติ ท่ี มปี ระสทิ ธผิ ลไปพรอ้ มกนั ดว้ ย ในยคุ ปัจจบุ นั น้ีไมว่ า่ จะองคก์ รเลก็ หรอื องคก์ ร ใหญ่ตา่ งกต็ อ้ งการการจดั การทด่ี ที งั้ นนั้ เพอ่ื ใหอ้ งคก์ รสามารถกา้ วหน้าไดด้ ี ทส่ี ดุ อาจกลา่ วไดว้ า่ ทฤษฎกี ารบรหิ ารจดั การนนั้ เรมิ่ ตน้ ขน้ึ ในชว่ งทเ่ี รมิ่ ปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรมตงั้ แต่ปี ค.ศ.1760 เรอ่ื ยมา ซง่ึ ยคุ น้ีเรมิ่ เปลย่ี นจาก แรงงานคนมาเป็นแรงงานจากเครอ่ื งจกั ร ทาํ ใหม้ กี ารขยายอตั ราการผลติ แบบ กา้ วกระโดด และเกดิ ระบบโรงงานอตุ สาหกรรมขน้ึ มากมาย จนเกดิ การจดั การ บรหิ ารการทาํ งานใหเ้ ป็นระบบมากขน้ึ เพอ่ื เพมิ่ ผลผลติ ใหม้ ากขน้ึ ตามไปดว้ ย อยา่ งไรกด็ ที ฤษฎกี ารบรหิ ารจดั การน้กี ไ็ ดม้ กี ารพฒั นาเรอ่ื ยมาตามยคุ ตามสมยั แตกแขนงแนวทางการบรหิ ารจดั การออกไปมากมาย ซง่ึ แนวคดิ และทฤษฎี ต่างๆ นนั้ แบง่ ออกเป็น 3 ลกั ษณะใหญ่ๆ ตามแตล่ ะยคุ ดงั น้ี 1.ทฤษฎีและแนวความคิดแบบดงั้ เดิม (Classical Theory) ทฤษฎแี ละแนวความคดิ แบบดงั้ เดมิ น้ีไดเ้ รม่ิ ตน้ ชว่ งปลายศตวรรษท่ี 19 เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั การเปลย่ี นแปลงทางสงั คมในชว่ งทโ่ี ลกเรมิ่ ปรบั ตวั เขา้ สู่ สงั คมอุตสาหกรรม ทฤษฎดี งั้ เดมิ ในยคุ เรม่ิ ตน้ น้ีจะมลี กั ษณะมงุ่ เน้นไปยงั ผลผลติ ทม่ี ปี ระสทิ ธผิ ลและประสทิ ธภิ าพ (Effective and Efficient Productivity) เป็นหลกั มากกวา่ การใสใ่ จบุคคล ระบบการบรหิ ารงานจงึ เน้นการมแี บบแผน กฎเกณฑ์ โครงสรา้ งชดั เจนแน่นอน มรี ปู แบบตายตวั ลกั ษณะเป็นองคก์ รทม่ี ี รปู แบบ (Formal Organization) โดยมงุ่ เน้นใหเ้ กดิ ผลผลติ สงู ทส่ี ดุ ยคุ น้มี นุษยท์ ่ี ใชแ้ รงงานจะถูกมองเป็นเสมอื นเครอ่ื งจกั รกล ยง่ิ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพมนุษยใ์ ห้ ทาํ งานไดด้ ขี น้ึ เทา่ ไรกย็ งิ่ สรา้ งผลผลติ ไดป้ รมิ าณเพม่ิ มากขน้ึ เทา่ นนั้ โดยทฤษฎี และแนวความคดิ ในกล่มุ น้อี าจแบง่ เป็น 2 ลกั ษณะดงั น้ี
~5~ 1.1 แนวความคิดการจดั การแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Management) การจดั การแบบวทิ ยาศาสตรน์ นั้ หมายถงึ การจดั การการทาํ งานแบบมี ระบบ โดยอาศยั เทคนิคหรอื วธิ กี ารวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตรซ์ ง่ึ กค็ อื “กฎระเบยี บ” นํามาใชก้ บั การปฎบิ ตั งิ าน มกี ารศกึ ษาเหตุและผล เกบ็ ขอ้ มลู ตลอดจน วเิ คราะหเ์ พอ่ื หาวธิ กี ารทด่ี ที ส่ี ดุ ในการทาํ งานนั้ ๆ เรม่ิ เกดิ ขน้ึ ในชว่ งตน้ ของยคุ ปฏวิ ตั อิ ุตสาหกรรมทเ่ี รมิ่ เปลย่ี นจากแรงงานคนมาเป็นแรงงานจากเครอ่ื งจกั ร ทฤษฎใี นยคุ น้จี ะมงุ่ เน้นไปยงั เป้าหมาย ผลสาํ เรจ็ ทม่ี าจากการจดั การทาํ ใหก้ าร ทาํ งานมปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ
~6~ นักทฤษฎีและแนวความคิดที่โดดเด่น Frederic Winslow Taylor (เฟรเดอรคิ วนิ สโลว์ เทยเ์ ลอร)์ : บุคคล ทโ่ี ดดเดน่ ทส่ี ดุ ในยคุ และถอื เป็นผเู้ รมิ่ ตน้ สรา้ งทฤษฎเี กย่ี วกบั การบรหิ าร จดั การเลยกว็ า่ ได้ เขาไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เป็น “บดิ าแหง่ การจดั การแบบ วทิ ยาศาสตร์ (Principle of Scientific Management)” ซง่ึ เป็นบคุ คลแรกทน่ี ํา แนวความคดิ การจดั การแบบวทิ ยาศาสตร์ (Scientific Management) มาใช้ กบั ระบบอุตสาหกรรม เขาตงั้ ใจชใ้ี หเ้ หน็ วา่ การจดั การในรปู แบบน้ีดกี วา่ การ จดั การในรปู แบบเดมิ อยา่ ง Rule of Thumb ทไ่ี มม่ รี ปู แบบชดั เจนดงั่ ในอดตี ทผ่ี า่ นมา โดยเขาไดเ้ รม่ิ ศกึ ษาวธิ เี พม่ิ ประสทิ ธภิ าพการทาํ งานในโรงงาน อตุ สหากรรมหลอมเหลก็ ทเ่ี พนซลิ วาเนีย สหรฐั อเมรกิ า ในปี ค.ศ.1878 ซง่ึ เป็นชว่ งทเ่ี ศรษฐกจิ ตกต่าํ และการบรหิ ารงานไรป้ ระสทิ ธภิ าพอยา่ งยงิ่ Taylor ไดน้ ําเอาวธิ กี ารต่างๆ มาใช้ ตงั้ แต่ การฝึกอบรมใหพ้ นกั งานใชอ้ ปุ กรณ์, การ แบ่งงานออกเป็นสว่ นๆ อยา่ งชดั เจน, ตลอดจนการใชว้ ธิ จี ่ายคา่ แรงตามราย ชน้ิ ซง่ึ ทาํ ใหโ้ รงงานน้มี ปี ระสทิ ธภิ าพเพม่ิ ขน้ึ ถงึ 4 เทา่ ตวั เลยทเี ดยี ว สาํ หรบั แนวความคดิ ตามรปู แบบน้ีจะใหค้ วามสาํ คญั กบั ปรมิ าณมากกวา่ คุณภาพการ ผลติ Max Weber (แมก็ ซ์ เวเบอร)์ : ผทู้ ไ่ี ดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เป็นเจา้ ตาํ รบั ระบบราชการ (Bureaucracy) โดยเขาไดท้ าํ การศกึ ษาระบบโครงสรา้ งของ องคก์ รขนาดใหญ่มากมายในยคุ นนั้ แลว้ นําเสนอการจดั การองคก์ รขนาด ใหญ่ขน้ึ มาในปี ค.ศ.1911 โดยมกี ารกาํ หนดโครงสรา้ งตลอดจนการ บรหิ ารงานทช่ี ดั เจน โดยมอี งคป์ ระกอบ 7 ประการ ดงั น้ี หลกั ลาํ ดบั ขนั้ (hierarchy) หลกั ความสาํ นึกแหง่ ความรบั ผดิ ชอบ (responsibility) หลกั แหง่ ความสมเหตุสมผล (rationality) หลกั การมงุ่ สผู่ ลสาํ เรจ็ (achievement orientation) หลกั การทาํ ใหเ้ กดิ ความแตกต่างหรอื การมคี วามชาํ นาญเฉพาะดา้ น
~7~ 1.2 แนวความคิดการจดั การแบบหลกั การบริหาร (Administrative Management) แนวคดิ น้ีเกดิ ขน้ึ ในยคุ คลาสสกิ เชน่ กนั แต่จะมกี ารจดั การทเ่ี ป็นระบบ ระเบยี บขน้ึ แนวความคดิ น้เี กดิ จากความเชอ่ื ทว่ี า่ การบรหิ ารแบบวทิ ยาศาสตร์ นนั้ เป็นลกั ษณะสากลทม่ี อี ยเู่ ป็นปกตอิ ยแู่ ลว้ แต่นกั ทฤษฎใี นกลุ่มการจดั การ แบบการบรหิ ารน้จี ะมงุ่ เน้นสนใจในการปรบั ปรงุ การทาํ งานของฝ่ายบรหิ ารหรอื ฝ่ายการจดั การโดยเฉพาะ ไมม่ งุ่ เน้นใหค้ วามสาํ คญั กบั การทาํ งานของพนกั งาน ระดบั ล่าง โดยนกั ทฤษฎกี ลุ่มน้ีจะมสี มมตฐิ านวา่ ความสาํ เรจ็ ของงานนนั้ ขน้ึ อยู่ กบั การทาํ งานของฝ่ายจดั การหรอื ฝ่ายบรหิ ารเสยี มากกวา่ นักทฤษฎีและแนวความคิดที่โดดเด่น Lyndall Urwick & Luther Gulick : สองนกั ทฤษฎที โ่ี ดดเด่นในเรอ่ื ง ทฤษฎอี งคก์ รและกระบวนการบรหิ ารงาน ทใ่ี หค้ วามสาํ คญั ของการทาํ หน้าท่ี ของฝ่ายบรหิ ารมากกวา่ การทาํ งานของฝ่ายพนกั งานระดบั ล่าง และมงุ่ เน้น ไปยงั วธิ กี ารทาํ งานตลอดจนพฤตกิ รรมการบรหิ ารงานของผบู้ รหิ ารระดบั สงู เป็นหลกั โดยหลกั การทเ่ี ป็นทร่ี จู้ กั ในระดบั สากลนนั้ กค็ อื POSDCoRB ทท่ี งั้ สองเป็นหน่ึงในกลุม่ นกั วชิ าการทถ่ี กู กองทพั สหรฐั เรยี กมารวมตวั กนั ชว่ งหลงั สงครามโลกครงั้ ทส่ี องเพอ่ื ประเมนิ ขอ้ ผดิ พลาดในการบรหิ ารจดั การกองทพั และปรบั ปรุงใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ขน้ึ ซง่ึ ทงั้ สองไดน้ ําเสนอแนวคดิ ดงั กลา่ วทเ่ี ป็นภาระหน้าทส่ี าํ คญั ของนกั บรหิ ารอนั ประกอบไปดว้ ยหน้าท่ี 7 ประการดงั น้ี P – Planning : การวางแผน ตลอดจนการจดั วางโครงสรา้ งของการ ทาํ งาน รวมไปถงึ การวางแผนการลว่ งหน้าเพอ่ื เตรยี มการ ไปจนถงึ การ วางแผนทาํ งานรว่ มกนั ของฝ่ายต่างๆ O – Organizing : การจดั องคก์ ร ตงั้ แตก่ ารกาํ หนดโครงสรา้ ง ตาํ แหน่ง อาํ นาจหน้าท่ี ความรบั ผดิ ชอบ ตลอดจนการกาํ หนดสง่ งาน แบ่ง งานทาํ อยา่ งเป็นระบบระเบยี บ S – Staffing : การจดั การเกย่ี วกบั บคุ คลากรในองคก์ ร ตงั้ แตก่ าร
~8~ นักทฤษฎีและแนวความคิดที่โดดเด่น D – Directing : การอาํ นวยการ ตงั้ แตห่ น้าทใ่ี นการตดั สนิ ใจ วนิ จิ ฉยั สงั่ การ ออกคาํ สงั่ ไปจนถงึ การมอบหมายภารกจิ ใหผ้ ใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา ตลอดจนภาวะการเป็นผนู้ ํา Co – Co-ordinating : การประสานงานตลอดจนกจิ กรรมต่างๆ ให้ การทาํ งานบรรลุเป้าหมายดว้ ยดี รวมไปถงึ การประสานงานในแต่ละสว่ นให้ สอดคลอ้ งกนั ดว้ ย เพอ่ื ใหก้ ารทาํ งานสาํ เรจ็ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพสงู สดุ R – Reporting : การรายงานการปฎบิ ตั งิ านตงั้ แต่งานสว่ นบุคคลไป จนถงึ องคก์ ร เพอ่ื ใหร้ ถู้ งึ การทาํ งานของฝ่ายตา่ งๆ และควบคมุ ใหด้ าํ เนนิ ไป ตามแผนงานทไ่ี ดก้ าํ หนดไว้ และสามารถตรวจสอบตลอดจนประเมนิ ผลได้ B – Budgeting : การบรหิ ารงบประมาณ ตงั้ แตก่ ารประเมนิ งบประมาณ การจดั ทาํ บญั ชี การตรวจสอบดา้ นการเงนิ ไปจนถงึ การนํา งบประมาณมาใชอ้ ยา่ งคม้ คา่ ทส่ี ด 2.ทฤษฎีและแนวความคิดดงั้ เดิมแบบสมยั ใหม่ (Neo – Classical Theory of Organization) ทฤษฎแี ละแนวความคดิ น้พี ฒั นามาจากทฤษฎแี ละแนวความคดิ แบบ ดงั้ เดมิ (Classical Theory) โดยพฒั นามาพรอ้ มกบั วชิ าการดา้ นสงั คมวทิ ยาและ จติ วทิ ยา ทฤษฎนี ้เี รมิ่ พฒั นาขน้ึ ในชว่ งตน้ ศตวรรษท่ี 20 ซง่ึ เรมิ่ มกี ารศกึ ษาดา้ น ปัจจยั มนุษยเ์ พม่ิ ขน้ึ มองเหน็ คุณคา่ และความสาํ คญั ของบุคคลากร ตลอดจน การบรหิ ารงานบุคคลในเชงิ มนุษยสมั พนั ธ์ นอกจากน้ียงั เรมิ่ เกดิ การศกึ ษากลมุ่ อยา่ งไมเ่ ป็นทางการ (Informal Group) ซง่ึ แฝงเขา้ มาในองคก์ รทม่ี รี ปู แบบมาก ขน้ึ เรอ่ื ยๆ ตลอดจนใหค้ วามสนใจในดา้ นความตอ้ งการของมนุษยท์ ส่ี ามารถ สง่ ผลต่อกระบวนการทาํ งานและพฒั นาตนเอง สาํ หรบั แนวคดิ ทโ่ี ดดเดน่ ในยคุ น้ี กไ็ ดแ้ ก่
~9~ 2.1 แนวความคิดการจดั การแบบมนุษยส์ มั พนั ธ์ (Human Relation) แนวคดิ น้ีคอ่ นขา้ งจะขดั แยง้ กบั แนวความคดิ การจดั การแบบ วทิ ยาศาสตรท์ เ่ี น้นไปทป่ี ระสทิ ธภิ าพของการทาํ งานเป็นหลกั และมองขา้ ม ความสาํ คญั ของบคุ คลไป มงุ่ ใหม้ นุษยท์ าํ งานใหบ้ รรลผุ ลสาํ เรจ็ ตาม กระบวนการควบคุมตา่ งๆ โดยคาํ นงึ ถงึ ผลผลติ เป็นสาํ คญั แตน่ กั ทฤษฎใี นแนว มนุษยส์ มั พนั ธน์ ้ีมแี นวความคดิ วา่ การทจ่ี ะทาํ งานใหบ้ รรลุผลสาํ เรจ็ ไดน้ นั้ ตอ้ ง อาศยั แรงงานคนเป็นสาํ คญั แลว้ มนุษยเ์ ป็นสตั วส์ งั คมทม่ี คี วามตอ้ งการหลาก มติ แิ ละไรเ้ หตผุ ลดว้ ย ไมไ่ ดท้ าํ งานเพอ่ื หวงั ตอบแทนเรอ่ื งคา่ จา้ งเพยี งอยา่ ง เดยี ว อกี ทงั้ มนุษยท์ ุกคนยงั มลี กั ษณะทแ่ี ตกตา่ งกนั ฉะนนั้ การใสใ่ จเรอ่ื ง ความสมั พนั ธข์ องบคุ คลในองคก์ รจงึ เป็นสง่ิ สาํ คญั ทส่ี ง่ ผลต่อผลผลติ โดยตรง ดว้ ยเชน่ กนั และสง่ เสรมิ ประสทิ ธภิ าพขององคก์ รไดเ้ ป็นอยา่ งดอี กี ดว้ ย
~ 10 ~ นักทฤษฎีและแนวความคิดที่โดดเด่น Abraham H. Maslow :แนวความคดิ ในเรอ่ื งมนุษยส์ มั พนั ธท์ โ่ี ดด เด่นมากและเป็นทร่ี จู้ กั ไปทวั่ โลกจนถงึ ยคุ ปัจจุบนั น้กี ค็ อื แนวความคดิ ของ Maslow ทเ่ี รารจู้ กั กนั ดนี นั่ เอง ซง่ึ นกั ทฤษฎมี นุษยส์ มั พนั ธน์ ้ไี ดน้ ําเสนอ ทฤษฎี Hierachy of Needs หรอื ทฤษฎลี าํ ดบั ชนั้ ของความตอ้ งการ หรอื ท่ี คนยคุ น้อี าจเรยี กตดิ ปากกนั ในชอ่ื “ทฤษฎมี าสโลว์ (Maslow Theory)” ท่ี สรา้ งแผนภมู ปิ ิรามดิ แสดงลาํ ดบั ขนั้ ความสาํ คญั ของความตอ้ งการของมนุษย์ ไวอ้ ยา่ งยอดเยย่ี มทเี ดยี ว โดยมรี ายละเอยี ดดงั น้ี ความตอ้ งการทางรา่ งกาย(physiological needs) ความตอ้ งการความปลอดภยั และมนั่ คง(security or safety needs) ความตอ้ งการความรกั และความเป็นเจา้ ของ (belongingness and love needs) ความตอ้ งการการยกยอ่ ง (esteem needs) ความตอ้ งการความสาํ เรจ็ ในชวี ติ (self-actualization)
~ 11 ~ นักทฤษฎีและแนวความคิดท่ีโดดเด่น ่ Hugo Münsterberg :นกั จติ วทิ ยาชาวเยอรมนั -อเมรกิ นั ทเ่ี ป็นหน่งึ ในผบู้ ุกเบกิ ดา้ นจติ วทิ ยาประยกุ ต์ เขาเป็นผรู้ เิ รมิ่ เรอ่ื งจติ วทิ ยาอุตสาหกรรมท่ี ศกึ ษาวทิ ยาศาสตรเ์ กย่ี วกบั การบรหิ ารงานบคุ คลเพอ่ื นํามาปรบั ปรุงใหไ้ ดผ้ ล ผลติ มากทส่ี ดุ เขาไดน้ ําเอาแนวคดิ Psychology and Industrial Efficiency น้มี าใชก้ บั ระบบโรงงาน โดยไดผ้ สมผสานทฤษฎขี องเขาเขา้ กบั ทฤษฎกี าร จดั การตามแนวคดิ วทิ ยาศาสตรข์ อง Frederic Winslow Taylor โดยเน้นการ ใชพ้ ลงั งานคนใหเ้ ป็นประโยชน์กบั ความกา้ วหน้าทางอตุ สาหกรรมและ เศรษฐกจิ ตดั ทอนเวลาทาํ งานใหน้ ้อยลง แต่ไดง้ านเพม่ิ มากขน้ึ และมคี วาม เป็นอยทู่ ด่ี ขี น้ึ ได้ Elton Mayo :นกั สงั คมวทิ ยาแหง่ ฝ่ายวจิ ยั ดา้ นอตุ สาหกรรมของฮาร์ วารด์ (The Department of Industrial Research at Harvard) ทไ่ี ดร้ บั ยก ยอ่ งวา่ เป็น “บดิ าแหง่ การจดั การแบบมนุษยสมั พนั ธ”์ ทเ่ี น้นการศกึ ษา พฤตกิ รรมศาสตร์ ผลงานทโ่ี ดดเด่นของเขากค็ อื การทาํ งานกบั คณะวจิ ยั พนกั งานทโ่ี รงงาน Hawthorne Plant ของบรษิ ทั Western Electric ในชคิ า โก รฐั อลิ นิ อยด์ สหรฐั อเมรกิ า ชว่ งปี ค.ศ.1927-1932 ซง่ึ เน้นไปทก่ี ารวจิ ยั 3 เรอ่ื งใหญ่ไดแ้ ก้ ศกึ ษาสภาพหอ้ งทาํ งาน (Room Studies), การสมั ภาษณ์ (Interview Studies) และ การสงั เกตการณ์ (Observation Studies) จนเกดิ เป็นกรณศี กึ ษาสาํ คญั อยา่ ง Hawthorne Effect ทเ่ี ป็นตน้ แบบการศกึ ษาเรอ่ื ง Employee Motivation หรอื Theory of Motivation นนั่ เอง 3.ทฤษฎแี ละแนวความคดิ แบบสมยั ปัจจบุ นั (Modern Theory of Organization) ในยคุ ทส่ี ภาพสงั คมและเศรษฐกจิ เปลย่ี นแปลงไว ธุรกจิ ต่างๆ มกี าร ขยายตวั อยา่ งรวดเรว็ การบรหิ ารจดั การมคี วามสลบั ซบั ซอ้ นมากยงิ่ ขน้ึ เน้น
~ 12 ~ การปฎบิ ตั งิ านทถ่ี ูกตอ้ งและผลลพั ธท์ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ การบรหิ ารจดั การองคก์ ร จงึ มกี ารผสมผสานหลากหลายรายละเอยี ดเขา้ มา โดยเฉพาะการนําเอาหลกั คณิตศาสตรเ์ ขา้ มาใชใ้ นกระบบการคาํ นวณต่างๆ เพอ่ื ใหก้ ารบรหิ ารงานมี ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ ไปจนถงึ การบรหิ ารงานบคุ คลทม่ี คี วามซบั ซอ้ นมากขน้ึ รวมถงึ การสรา้ งกลยทุ ธต์ า่ งๆ ในการบรหิ ารจดั การออกมาหลากหลายรปู แบบ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพในการทาํ งานสงู ทส่ี ดุ สาํ หรบั ในยคุ การบรหิ ารสมยั ใหม่ น้มี นี กั ทฤษฎยี คุ ใหมเ่ กดิ ขน้ึ มากมาย และสม่าํ เสมอ มกี ารคน้ คดิ วธิ กี ารบรหิ าร จดั การหลากหลายรปู แบบออกมาไมต่ า่ งจากการทดลองทางวทิ ยาศาสตร์ นักทฤษฎีและแนวความคิดท่ีโดดเด่น Henri Fayol : ถงึ แมว้ า่ เขาจะเป็นนกั ทฤษฎยี คุ เดยี วกนั กบั Frederick Winslow Taylor บดิ าแหง่ แนวความคดิ การจดั การแบบ วทิ ยาศาสตร์ (Scientific Management) แต่ทฤษฎกี ารจดั การของเขานนั้ แตกตา่ งจนไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เป็น Founder of Modern Management Method ผกู้ ่อกาํ เนิดศาสตรแ์ หง่ การบรหิ ารยคุ ใหมเ่ ลยทเี ดยี ว โดย แนวความคดิ ของเขาใหค้ วามสาํ คญั กบั บุคคลากร ระบบการทาํ งาน ระบบ คา่ ตอบแทน ไปจนถงึ ระบบสวสั ดกิ าร เพอ่ื สรา้ งความเป็นธรรมแกแ่ รงงาน และสรา้ งความภกั ดตี อ่ องคก์ รในคราวเดยี วกนั ดว้ ย ทฤษฎขี องเขานนั้ กค็ อื Fayolism หรอื ทฤษฎกี ารบรหิ ารจดั การธุรกจิ Theory of Business Administration นนั่ เอง โดยมหี ลกั การสาํ คญั อยู่ 5 ปัจจยั หลกั ทเ่ี รยี กวา่ POCCC ซง่ึ ตอ้ งประสานสอดคลอ้ งกนั ไดแ้ ก่ P – Planning : การวางแผน O – Organizing : การจดั องคก์ ร C – Commanding : การบงั คบั บญั ชาหรอื สงั่ การ C – Coordinating : การประสานงาน C – Controlling : การควบคมุ
~ 13 ~ นักทฤษฎีและแนวความคิดที่โดดเด่น (่) Edwards Deming : หน่งึ ในนกั ทฤษฎกี ารจดั การยคุ ตน้ ของการ บรหิ ารสมยั ใหมท่ ไ่ี ดร้ บั การยอมรบั ไปทวั่ โลก ทฤษฎที โ่ี ดดเดน่ ทส่ี ดุ นนั้ เหน็ จะเป็น Shewhart Cycle ทพ่ี ดู ถงึ ระบบการบรหิ ารงานแบบ PDSA หรอื Plan-Do-Study-Act ทเ่ี ป็นทฤษฎกี ารพฒั นาแบบตอ่ เน่ือง นนั่ เอง ต่อมาไดม้ กี ารพฒั นามาเป็น PDCA หรอื Plan-Do-Check-Act หรอื บางทกี เ็ รยี กวา่ Deming Cycle โดยทฤษฎนี ้ปี ระสบความสาํ เรจ็ เป็นอยา่ งมากเมอ่ื ถูกนําไปใชก้ บั การบรหิ ารบรษิ ทั ในญป่ี ่นุ หลงั ชว่ งยคุ สงครามโลกครงั้ ทส่ี องจนทาํ ใหญ้ ป่ี ุ่นกา้ วขน้ึ มาเป็นประเทศ อุตสาหกรรมทใ่ี หญ่เป็นอนั ดบั สองของโลกเลยทเี ดยี ว Clayton Magleby Christensen :นกั วชิ าการและทป่ี รกึ ษาธุรกจิ ผโู้ ด่งดงั รวมไปถงึ เป็นศาสตราจารยท์ ่ี Harvard Business School ของ Harvard University ดว้ ย เขาเขยี นตาํ ราดา้ นศาสตรก์ ารบรหิ าร จดั การมากมาย แต่เลม่ ทโ่ี ด่งดงั มากทส่ี ดุ กค็ อื The Innovator’s Dilemma ผลงานเลม่ แรกของเขา โดยเฉพาะทฤษฎี Disruptive Innovation ทอ่ี ยใู่ นหนงั สอื เลม่ น้ีซง่ึ กาํ ลงั มอี ทิ ธพิ ลกบั การ เปลย่ี นแปลงในยคุ ปัจจบุ นั มาก จนเขาไดร้ บั ฉายาวา่ เป็นบคุ คลผทู้ รง อทิ ธพิ ลทางดา้ นธุรกจิ มากทส่ี ดุ ในศตวรรษท่ี 21 เลยทเี ดยี ว
~ 14 ~ นักทฤษฎีและแนวความคิดที่โดดเด่น William Ouchi :ศาสตราจารยแ์ หง่ UCLA ทเ่ี ป็นเจา้ ตาํ รบั Theory Z ซง่ึ เป็นทฤษฎกี ารบรหิ ารธุรกจิ ทผ่ี สมผสานระหวา่ งระบบการ บรหิ ารธุรกจิ แบบตะวนั ตกและตะวนั ออกเขา้ ดว้ ยกนั โดย Theory Z นนั้ เกดิ จากการศกึ ษา Theory A ซง่ึ เป็นการบรหิ ารจดั การแบบอเมรกิ นั และ Theory J ซง่ึ เป็นการบรหิ ารจดั การแบบญป่ี ่นุ โดยนําเอาขอ้ ดขี อง ทงั้ สองศาสตรม์ าผสมผสานกนั จนเกดิ เป็นทฤษฎบี รหิ ารรปู แบบใหมข่ น้ึ โดย Theory Z มหี ลกั สาํ คญั สรุปไดด้ งั น้ี ระยะเวลาจา้ งงานเป็นแบบระยะยาว หรอื ตลอดชวี ติ ลกั ษณะงานอาชพี ตอ้ งใหเ้ รยี นรหู้ ลายๆ ดา้ น ไมเ่ น้นท่ี ดา้ นเดยี ว การเล่อื นตาํ แหน่งไมจ่ าํ เป็นตอ้ งรอระยะเวลา 10 ปี เลอ่ื นไดต้ ามความสามารถและเหมาะสม มกี ารประเมนิ ประสทิ ธภิ าพของการทาํ งานแบบระบบ ทมี การตดั สนิ ใจ มกี ารกระจายอาํ นาจ และรวมอาํ นาจตาม สถานการณ์และความเหมาะสม ทุกคนมเี สรภี าพเทา่ เทยี มกนั มอี สิ ระในความคดิ ของ ตนเอง เสรมิ สรา้ งมนุษยส์ มั พนั ธใ์ นองคก์ รใหด้ ี
~ 15 ~ นักทฤษฎีและแนวความคิดที่โดดเด่น W. Chan Kim : หน่ึงในนกั ทฤษฎชี าวตะวนั ออกทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การ บรหิ ารงานแบบตะวนั ตกและทวั่ โลกนนั้ กค็ อื นกั ทฤษฎกี ารบรหิ ารชาวเกาหลี ผนู้ ้ีซง่ึ ผลงานทโ่ี ดง่ ดงั ทส่ี ดุ นนั้ กค็ อื Blue Ocean Strategy ซง่ึ เป็นหลกั การท่ี พยายามหกั ลา้ งแนวความคดิ กลยทุ ธต์ า่ งๆ ในปัจจบุ นั ทใ่ี ชก้ นั อยู่ เพราะนนั่ ทาํ ใหเ้ กดิ การลอกเลยี นแบบ การแขง่ ขนั กนั อยา่ งเอาเป็นเอาตายจนเกดิ สงครามธรุ กจิ ซง่ึ กลยทุ ธ์ Blue Ocean Strategy น้ีจะแนะนําวา่ ถา้ องคก์ ร ตอ้ งการจะเตบิ โตในยคุ ทม่ี กี ารแขง่ ขนั ทางธุรกจิ สงู น้ีจรงิ ๆ จะตอ้ งแสวงหา ทะเลแหง่ ใหม่ แทนทจ่ี ะตอ่ สกู้ นั ในทะเลเลอื ด (Red Ocean) ทม่ี ผี แู้ ขง่ ขนั มากมาย การแสวงหาแหลง่ ใหมน่ ้กี ค็ อื การสรา้ งตลาดใหม่ๆ การสรา้ งโอกาส ใหมๆ่ การปรบั เปลย่ี นยทุ ธวธิ ใี นการบรหิ ารหรอื แมแ้ ตท่ าํ ธรุ กจิ แบบใหม่ ซง่ึ ตลาดใหมท่ ไ่ี ม่มคี แู่ ขง่ น้อี าจทาํ ใหธ้ ุรกจิ โตไวอยา่ งกา้ วกระโดดไดด้ ว้ ย ซง่ึ หลกั การน้เี ป็นจดุ กาํ เนิดความคดิ ของคนยคุ หลงั ๆ ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ธรุ กจิ รวมถงึ ตลาดใหมๆ่ ขน้ึ มามากมาย หลกั การสาํ คญั ของ Blue Ocean Strategy นนั้ มี 4 ขอ้ ดงั น้ี การยกเลกิ (Eliminated) ซง่ึ แนวความคดิ ทว่ี า่ ของบางอยา่ งเราเคย คดิ วา่ ลกู คา้ ตอ้ งการ แต่ความเป็นจรงิ แลว้ อาจไมม่ คี วามตอ้ งการอยเู่ ลยกไ็ ด้ ใหล้ องหาของทล่ี กู คา้ ตอ้ งการทแ่ี ทจ้ รงิ ดู ซง่ึ บางครงั้ อาจจะไมเ่ คยมอี ยใู่ น ตลาดดว้ ยซ้ํา การลด (Reduced) การเขา้ ใจในคณุ คา่ ของสนิ คา้ ทม่ี แี นวความคดิ ตา่ งจากระบบอตุ สหากรรม ซง่ึ ระบบอตุ สาหกรรมจะสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารผลติ ให้ มาก บางครงั้ การผลติ อาจเกนิ ความตอ้ งการของตลาด หรอื ผลติ เพอ่ื สรา้ ง ความตอ้ งการจนเกดิ พอดี ประเมนิ วา่ ลกู คา้ มคี วามตอ้ งการมาก แตอ่ นั ทจ่ี รงิ อาจไมต่ อ้ งการอยา่ งทค่ี ดิ การลดตามแนวคดิ แบบอุตสาหกรรมน้อี าจสรา้ ง ความพอดใี นการบรโิ ภค และไมส่ รา้ งการบรโิ ภคทม่ี ากจนเกนิ ความจาํ เป็น ดว้ ย ในขณะเดยี วกนั กช็ ว่ ยลดงบประมาณลงไดม้ าก การเพม่ิ (Raised) มกี ารลดกย็ อ่ มมกี ารเพมิ่ ปัจจยั บางอยา่ งอาจ จาํ เป็นต่อตลาด ในสว่ นน้หี ากการเพมิ่ มปี รมิ าณทม่ี ากกอ็ าจคดิ ในรปู แบบ อตุ สาหกรรมการผลติ ได้
~ 16 ~ บทสรปุ ยคุ สมยั ทเ่ี ปลย่ี นแปลงไปทาํ ใหป้ ัจจุบนั การประกอบธุรกจิ มหี ลากหลาย รปู แบบทไ่ี มใ่ ชแ่ คเ่ รอ่ื งระบบโรงงานและอุตสาหกรรมแต่เพยี งอยา่ งเดยี วเหมอื น เมอ่ื ก่อน แต่ถงึ อยา่ งนนั้ ทรพั ยากรบคุ คลกย็ งั คงเป็นสง่ิ สาํ คญั กบั การทาํ งานของ ทกุ ระบบและทุกองคก์ รเสมอไมว่ า่ จะยคุ สมยั ใดกต็ าม ซง่ึ การบรหิ ารทรพั ยากร บุคคลนนั้ อาจตา่ งกนั ไปตามลกั ษณะธุรกจิ หรอื สไตลข์ องแตล่ ะองคก์ ร แต่ ทา้ ยทส่ี ดุ แลว้ ทกุ องคก์ รตา่ งกม็ จี ดุ ประสงคห์ ลกั เดยี วกนั นนั่ กค็ อื ตอ้ งการ ขบั เคลอ่ื นใหอ้ งคก์ รเดนิ หน้าอยา่ งยอดเยย่ี มทส่ี ดุ และประกอบธรุ กจิ ใหม้ ี ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ อยา่ งไรกด็ ยี งั มหี ลกั การบรหิ ารจดั การอกี มากมายทเ่ี กดิ ขน้ึ บนโลกน้ี ตงั้ แต่หลกั การของนกั ทฤษฎยี คุ เกา่ ไปจนถงึ กลยทุ ธข์ องนกั วชิ าการตลอดจนนกั บรหิ ารยคุ ใหม่ หลายหลกั การในอดตี ยงั คงนํามาใชไ้ ดผ้ ลดจี นถงึ ยคุ ปัจจุบนั หรอื บางองคก์ รเองต่างกส็ รา้ งสรรคห์ ลกั การบรหิ ารของตวั เองขน้ึ มาใหมใ่ หม้ ี ความเฉพาะตวั ขณะทห่ี ลายองคก์ รอาจผสมผสานหลกั การต่างๆ ทเ่ี ป็น ประโยชน์เพอ่ื นํามาใชร้ ว่ มกนั กม็ ี อยา่ งไรกด็ ไี มว่ า่ จะเป็นหลกั การไหน หาก องคก์ รเลอื กหลกั การบรหิ ารจดั การมาใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั ขนาดและลกั ษณะ องคก์ รของตน กอ็ าจทาํ ใหอ้ งคก์ รประสบความสาํ เรจ็ ไดเ้ ชน่ กนั
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: