การจดั การเรียนรู้อสิ ลามศึกษา ................................................................................................................................................................................. * ทำไมต้องจัดการเรยี นรูอ้ ิสลามศกึ ษา อิสลามเป็นวถิ ีชวี ิต หรือระบอบการดำเนินชวี ิตทม่ี ุสลมิ ทุกคนจะตอ้ งเรียนรแู้ ละปฏิบตั เิ พือ่ การ ดำรงชวี ิตประจำวันในฐานะปจั เจกบุคคล และการอยรู่ ่วมกันในสังคม การเรยี นรเู้ กีย่ วกับศาสนาอสิ ลาม หรือ อสิ ลามศึกษา หรอื ศาสตรต์ า่ ง ๆ เพือ่ การดำรงชีพ อย่ใู นโลกนอ้ี ย่างสนั ติสุข ถือเปน็ หนา้ ท่ขี องมสุ ลมิ ทกุ คนท่ี จะตอ้ งศกึ ษาและปฏิบัติต้งั แตอ่ ยู่ในเปล จนถึงหลุมฝังศพ โดยไมต่ ้องพะวงถึงปจั จัย ระยะเวลา อปุ สรรค และ สถานที่ ถึงแมจ้ ะไกลหรือยาก เพียงใดก็ต้องขวนขวายมาใหไ้ ด้ เพราะสรรพส่งิ ทอี่ ลั ลอฮฺ สุบหานะฮวุ ะตะอาลา ทรงสรา้ งไว้ทั้งปวงนน้ั ล้วนเปน็ ขุมพลังแหง่ ความรู้ทม่ี ากมายมหาศาล ซ่ึงประชาชาติทั้งมวลตอ้ งแสวงหา ดังนัน้ การเรยี นรู้ศาสตรต์ ่าง ๆ ทีอ่ ัลลอฮฺ สบุ หานะฮุวะตะอาลา กำหนดไว้จงึ ถอื เปน็ ภารกจิ ของปจั เจกบุคคลและ อเนกบคุ คลทีจ่ ะหลีกเลยี่ งไมไ่ ดอ้ นั จะก่อใหเ้ กิดการพัฒนาทางดา้ นกาย วาจา และใจของผู้ศรัทธาใหด้ ำรงอยู่ใน ฐานะบา่ วท่ีศรทั ธาตอ่ อลั ลอฮฺ สุบหานะฮวุ ะตะอาลา อยา่ งมน่ั คง ปฏบิ ตั ิ และมคี ุณธรรม จริยธรรมที่กอ่ ใหเ้ กดิ ความสุขแก่ตนเองและส่วนรวมตามที่ศาสนากำหนด พฒั นาการทีเ่ กิดจากกระบวนการเรยี นรู้น้ี จะสร้างความ เป็นภราดรภาพ ความสันติสขุ ในหมปู่ ระชาชาตขิ องนบมี ฮุ มั มดั ศ็อลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะสัลลมั ทกุ ชาตภิ าษา และเผา่ พนั ธุ์ ในโลกปัจจบุ นั และอาคเิ ราะฮอฺ ย่างแนน่ อน * เรยี นรู้อะไรในอิสลามศึกษา สาระการเรียนรู้อสิ ลามศึกษา วา่ ดว้ ยการดำเนินชีวิตของมนษุ ยใ์ ห้อยูใ่ นแนวทางของ อัลลอฮฺ สุบหา นะฮวุ ะตะอาลา ท้ังโดยสว่ นตัวและส่วนรวม โดย มีอัล-กรุ อฺ านเป็นธรรมนูญชวี ติ และ นบีมฮุ มั มัด ศอ็ ลลลั ลอ ฮอุ ะลัยฮิวะสลั ลมั เป็นแบบอย่าง ท่จี ะกอ่ ใหเ้ กดิ คุณธรรม จรยิ ธรรม สามารถ อย่รู ว่ มกนั ในสังคมได้อย่างมี ความสขุ โดยกำหนดสาระการเรียนรู้ดงั น้ี * อัล-อะกดี ะฮฺ (หลกั ศรัทธา) ว่าดว้ ยความเช่ือ การยึดเหนี่ยวทาง จติ ใจของมนุษย์ต่อ อัลลอฮฺ สบุ หานะฮวุ ะตะอาลา มเี จตจำนงอนั แนว่ แน่ต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮุวะตะอาลา และ ส่ิงท่อี ลั ลอฮฺ สบุ หานะฮวุ ะตะอาลา ทรงบัญญัติไว้ เพอ่ื ขดั เกลาจิตใจของมนุษย์ใหป้ ฏบิ ตั ใิ นสิง่ ดงี าม มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านยิ มอนั พึงประสงค์ * อลั -ฟกิ ฮฺ (ศาสนบญั ญตั )ิ เป็นหลกั ปฏบิ ัตขิ องมนุษย์ ทศ่ี รัทธาตามบทบัญญัติ ทัง้ โดย ปัจเจกบคุ คลและส่วนรวม เพื่อใหส้ ามารถดำเนนิ ชีวติ ประจำวันและอยู่ร่วมกนั อย่างมคี วามสุข * อตั -ตารีค (ศาสนประวตั ิ) เรียนรู้ในชีวประวัตขิ องนบีมุฮัมมัด ศ็อลลลั ลอฮอุ ะลัยฮวิ ะสลั ลมั เศาะหาบะฮแฺ ละผู้เสียสละ ท่ีทรงคุณูปการอย่างอเนกอนนั ตใ์ นโลกอสิ ลาม อาณาจกั รและอารยธรรม ของโลกอสิ ลามท่ีเป็นมรดกโลก เพือ่ เปน็ คติเตือนใจและนำคณุ ลกั ษณะต่าง ๆ มาเปน็ แบบอย่าง ในการดำเนินชีวิต * อัล-อัคลาก (จริยธรรม) เรียนรู้ หลกั ปฏิบัติตอ่ ตนเอง ผูอ้ ืน่ และสิง่ แวดล้อมท่บี ัญญัตไิ วใ้ น อัล-กุรฺอานและอัล-หะดีษ เรยี นรูม้ ารยาทต่าง ๆ ตามแบบอยา่ งนบีมุฮมั มดั ศอ็ ลลัลลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะสลั ลัม เพอื่ นำไปปฏบิ ตั ใิ นชวี ิตประจำวัน อนั นำไปสู่ความดี งามของตนเอง สังคม ชุมชน และประเทศชาติ สบื ไป * อลั -กรุ ฺอาน มสุ ลมิ ทุกคนต้องสามารถอ่านอลั -กุรฺอาน ได้ เรียนรู้หลักการอ่านพรอ้ ม ความหมาย และนำหลกั คำสอนไปเปน็ แนวทางปฏบิ ตั ใิ นชีวติ ประจำวนั
คณุ ภาพผเู้ รยี น * จบช้ันประถมศึกษาปีที่ 3 มคี วามรูค้ วามเข้าใจ ยอมรับ และปฏิบัติตามองค์ความรใู้ นระดบั พื้นฐานเบือ้ งต้น ตามสมควรแกว่ ัย เพียงพอท่ีจะเรม่ิ สมั ผสั กบั ขอ้ กำหนดต่าง ๆ ตามหลักศาสนาเกยี่ วกบั อีมาน อิสลาม อหิ สฺ าน หลกั ศรทั ธา หลกั ปฏิบัติหลักคณุ ธรรม จรยิ ธรรม สาระและขอ้ กำหนดตามหลัก ศาสนบญั ญัต(ิ ฟิกฮฺ) อสั มาอลุ หุสนา ลำดับท่ี 1-39 ชวี ประวตั นิ บีมฮุ ัมมัด ศอ็ ลลลั ลอฮุอะลัยฮวิ ะสัลลัม ชอื่ รสลู 25 ทา่ น จรยิ ธรรมตามแบบอย่างนบีมุฮมั มัด ศ็อลลลั ลอฮุอะลัยฮวิ ะสลั ลัม การอ่านอัล-กรุ อฺ าน และท่องจำสูเราะฮตฺ ามท่ีกำหนด จนเกดิ การยอมรบั มีพัฒนาการ ด้านร่างกาย สตปิ ญั ญา และอารมณ์ สามารถคิด ปฏิบตั แิ ละแกป้ ญั หาดว้ ยตนเอง และรว่ มงานกบั ผู้อน่ื เป็น กิจนสิ ยั ตามควรแก่วัย * จบชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 มคี วามรู้ความเข้าใจ ยอมรับ มีความซาบซึง้ และปฏบิ ตั ติ ามองคค์ วามรู้ ระดบั พ้ืนฐาน เบื้องต้นตามสมควรแก่วัย เพยี งพอทจ่ี ะเร่ิมสมั ผัสกับข้อกำหนดต่าง ๆ ตามหลักศาสนาเก่ยี วกบั อี มาน อสิ ลาม อหิ สฺ าน หลกั ศรทั ธา และการตงั้ ภาคี(ชริ กฺ) หลกั ปฏบิ ตั หิ ลักคณุ ธรรม จรยิ ธรรม สาระ และ ขอ้ กำหนดตา่ ง ๆ ตามหลกั ศาสนบัญญตั (ิ ฟกิ ฮฺ) อสั มาอุลหุสนา ลำดับที่ 40-99 ชีวประวัติ นบมี ฮุ มั มดั ศ็อลลลั ลอฮุอะลัยฮิวะสัลลมั เศาะหาบะฮฺ เหตกุ ารณ์ในการเผยแผ่และบทบาทนบีมุฮัมมัด ศอ็ ลลัลลอฮอุ ะลยั ฮิ วะสลั ลัม ในนครมักกะฮฺและนครมะดนี ะฮฺ จริยธรรมตามแบบอยา่ งนบมี ฮุ ัมมดั ศ็อลลัลลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะสัลลมั การอา่ นอัล-กรุ ฺอานและทอ่ งจำสูเราะฮฺตามทีก่ ำหนด จนเกดิ การยอมรับปฏิบตั ติ าม และฝกึ ฝนตนเองจนเปน็ กิจนิสัย นำไปเป็นบทสรุปเพอ่ื เป็นพ้ืนฐานในการดำเนนิ ชวี ติ และศึกษาตอ่ ในระดบั ท่สี ูงขนึ้ * จบมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 มีความรู้ความเขา้ ใจ ยอมรบั มีความซาบซ้งึ และปฏบิ ตั ติ ามองคค์ วามรูร้ ะดบั พื้นฐาน เบื้องตน้ มีความศรัทธาต่ออลั ลอฮฺ สุบหานะฮวุ ะตะอาลา อยา่ งม่นั คง มีเหตผุ ลเก่ียวกับเตาฮดี อลุ ฮู ิยะฮฺ รบุ ูบี ยะฮฺ อัสมาอวฺ ัศศฟิ าต ชริ กฺ ปฏบิ ัตศิ าสนกิจได้ถูกต้องตามหลกั ศาสนบญั ญตั ิการละหมาด การถอื ศลี อด การ จา่ ยซะกาฮฺ การปกปดิ เอาเราะฮฺ การจัดการญะนาซะฮฺ รแู้ ละเข้าใจเกยี่ วกับหจั ญ์ ชวี ประวตั ินบีมฮุ ัมมัด ศอ็ ลลัลลอฮุอะลยั ฮวิ ะสลั ลัม เคาะลฟี ะฮทฺ ง้ั ส่ี ศาสนสถาน อุลุลอัซมยี ฺ มจี รยิ ธรรม เป็นแบบอย่างแกผ่ ูอ้ ่ืนในการ เปน็ ผนู้ ำ ผตู้ าม และสาระท่ีเกีย่ วข้องกับการอ่านอลั -กุรฺอาน และ การทอ่ งจำสูเราะฮฺที่กำหนด เพ่ือเป็นหลักใน การดำเนนิ ชวี ิตและการศกึ ษาตอ่ ในระดับที่สูงขึน้ * จบมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 มคี วามรูค้ วามเข้าใจสาระท่กี ำหนดอย่างลึกซง้ึ สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์ และ ปฏบิ ตั ิ ได้อย่างถูกต้อง เปน็ แบบอยา่ งแกผ่ ู้อ่ืนเกย่ี วกบั วิธีคิดแบบอิสลาม ปรชั ญาอิสลาม การดำเนนิ ชวี ิต ตาม ระบบอสิ ลาม กฎหมายอิสลาม และหลักเศรษฐศาสตรอ์ สิ ลาม โดยมคี ุณลกั ษณะเปน็ มสุ ลมิ ทีด่ ี ตามแบบอยา่ งน บมี ุฮมั มัด ศ็อลลลั ลอฮุอะลัยฮวิ ะสัลลมั และรากฐานจากอลั -กรุ ฺอาน รวมทั้งสามารถ ลำดบั เหตกุ ารณต์ ่าง ๆ ใน ประวัติศาสตรอ์ ิสลามได้ เพ่ือเป็นพืน้ ฐานในการดำเนินชวี ิตและ การศกึ ษาต่อในระดบั ทส่ี งู ข้ึน
การจดั การเรยี นร้อู สิ ลามศึกษา สถานศึกษาต้องจัดการเรียนการสอนสาระอิสลามศึกษาให้กับผเู้ รียนทน่ี บั ถือศาสนาอิสลาม เพอ่ื ให้ ผูเ้ รียนไดเ้ รยี นรู้หลักธรรมและการปฏบิ ัติตนตามคำสอนของศาสนาทต่ี นนบั ถือ เพื่อให้บรรลุ ตามมาตรฐานท่ี กำหนดไว้ในสาระท่ี 1 ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม กลมุ่ สาระสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ซึ่งเปน็ รายวชิ าพน้ื ฐาน โดยไดก้ ำหนดตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรูแ้ กนกลาง อสิ ลามศึกษา ตลอดจนจัดทำคำอธิบาย รายวชิ าและหนว่ ยการเรยี นรู้ เพ่ือใหส้ ถานศกึ ษาสามารถ นำไปปรับใชใ้ หเ้ กิดประโยชนต์ อ่ ผู้เรยี นสูงสดุ นอกจากน้ีสถานศกึ ษาตอ้ งจดั การเรยี นการสอนอสิ ลามศึกษาในรายวชิ าเพมิ่ เติม คือ รายวชิ าอัล-กรุ อฺ านในทุก ระดบั ชน้ั ซึง่ เป็นรายวชิ าท่นี ักเรียนมสุ ลิมทกุ คนตอ้ งเรยี นร้เู พื่อนำไปใช้ ในการปฏบิ ัตศิ าสนกจิ ในชวี ติ ประจำวนั และปฏบิ ัตติ นเป็นมุสลมิ ที่ดที งั้ ในโลกนีแ้ ละโลกหนา้ * โครงสรา้ งเวลาเรียน
สถานศกึ ษาทจี่ ดั การเรียนรู้อสิ ลามศึกษาในระดบั ประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนตน้ ต้องจดั การเรียนการสอน อสิ ลามศกึ ษาไมน่ อ้ ยกว่า 2 ช่วั โมง/สปั ดาห์ (80 ชวั่ โมง/ปี/หอ้ งเรยี น) โดยจดั เป็นรายวชิ า พนื้ ฐานในกลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 40 ชวั่ โมง/ปี และรายวชิ าเพมิ่ เตมิ ใน รายวิชา/กิจกรรมที่สถานศกึ ษาจัดเพม่ิ เตมิ ตามความพรอ้ ม และจุดเนน้ 40 ชว่ั โมง/ปี สำหรับระดับ มัธยมศึกษาตอนปลายต้องจดั การเรียนการสอนอสิ ลามศกึ ษาไมน่ อ้ ยกวา่ 240 ช่ัวโมง/3 ปี โดยจัดเป็น รายวิชาพ้ืนฐานในกลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 80 ชว่ั โมง/3 ปี และรายวชิ า เพ่มิ เติมในรายวิชา/ กิจกรรมท่สี ถานศกึ ษาจดั เพม่ิ เตมิ ตามความพร้อมและจดุ เน้น 160 ชั่วโมง/3 ป การวัดและประเมนิ ผลการเรียนร้อู สิ ลามศึกษา การประเมินผลการเรียนรสู้ าระการเรียนรอู้ สิ ลามศกึ ษา เป็นการประเมินตวั ช้วี ดั โดยดำเนนิ การดงั น้ี 1.1 กำหนดสัดสว่ นคะแนนระหวา่ งเรียนกับคะแนนปลายป/ี ปลายภาค โดยใหน้ ำ้ หนัก ความสำคัญ ของคะแนนระหวา่ งเรียนมากกว่าคะแนนปลายปี/ปลายภาค เช่น 80 : 20, 70 : 30 เป็นต้น โดยครผู ูส้ อน จะต้องตัดสินผลการเรยี นให้แก่ผ้เู รยี นตามระเบยี บแนวทางการวัดและ ประเมินผลของสถานศกึ ษา 1.2 การดำเนนิ การวดั และประเมินผล ดำเนินการเป็น 3 ระยะ ไดแ้ ก่ การประเมินผล กอ่ นเรยี น การประเมินผลระหว่างเรยี น และการประเมนิ ผลหลงั เรยี น มีรายละเอียดดังน้ี การประเมนิ ผลก่อนเรียน การ ประเมนิ ผลกอ่ นเรยี น เป็นการประเมนิ ความพรอ้ ม ความรู้พ้ืนฐานและความรอบรู้ ของผู้เรยี น เพ่อื ตรวจสอบ ความรู้ ทักษะและความพร้อมด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนโดยใช้วิธีการ ท่ีเหมาะสม แล้วนำผลการประเมิน มาปรับปรุง ซ่อมเสริม หรือตระเตรียมผู้เรยี นให้มีความพรอ้ ม และพืน้ ฐานพอเพยี งทกุ คน ซง่ึ จะชว่ ยใหผ้ เู้ รยี น ประสบความสำเร็จในการเรียนไดเ้ ปน็ อยา่ งดี การประเมนิ ความพร้อมและความรู้พ้ืนฐานของผูเ้ รยี นกอ่ นเรยี น เป็นหน้าท่ีของครผู ้สู อน ในแตล่ ะรายวิชา ทกุ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ เพ่ือนำไปจัดกระบวนการเรียนรู้ใหส้ อดคลอ้ งกบั พ้นื ฐาน ของผู้เรยี น ตามแนวทางการจดั กระบวนการเรียนรทู้ ห่ี ลักสตู รกำหนด แตจ่ ะไม่นำผลการประเมินนี้ ไป ใช้ในการพจิ ารณาตดั สนิ ผลการเรียน การประเมินผลก่อนเรียน มแี นวปฏบิ ัตดิ ังนี้ 1) วเิ คราะห์ความรู้และทกั ษะท่เี ป็นพ้ืนฐานของเรื่องท่ีจะตอ้ งเรยี น 2) เลอื กวิธกี ารและจัดทำเครื่องมอื สำหรบั ประเมนิ ความรู้และทักษะพ้ืนฐานอย่างเหมาะสม และมี ประสทิ ธภิ าพ เช่น ใช้แบบทดสอบ ซักถามผู้เรยี น สอบถามผู้สอนเดิม ตรวจสอบผลการเรียน หรอื พจิ ารณา แฟม้ สะสมงานที่ผา่ นมา 3) ดำเนนิ การประเมนิ ความรแู้ ละทักษะพน้ื ฐานของผู้เรยี น 4) นำผลการประเมนิ ไปดำเนินการตระเตรียมผู้เรยี นใหม้ คี วามพรอ้ มท่ีจะเรยี น เชน่ จัดการเรียนรู้ พน้ื ฐานสำหรับผทู้ ต่ี อ้ งการความชว่ ยเหลอื และเตรยี มแผนจัดการเรียนรูเ้ พือ่ สนับสนนุ ผ้เู รยี นทมี่ คี วามสามารถ พิเศษ
การประเมินผลระหว่างเรยี น การประเมินผลระหวา่ งเรียน เป็นการประเมินท่มี งุ่ ตรวจสอบพัฒนาการของผูเ้ รยี นในการ บรรลถุ ึง ตัวชวี้ ัดตามแผนการจัดการเรยี นรูท้ ค่ี รูไดว้ างแผนไว้ เพื่อให้ได้ขอ้ มูลสารสนเทศไปพฒั นา ปรับปรุง แก้ไข ข้อบกพร่องของผู้เรียน และส่งเสรมิ ผเู้ รียนใหม้ ีความรูค้ วามสามารถและเกดิ พฒั นาการสงู สุดตามศกั ยภาพ นอกจากนีย้ ังใชเ้ ปน็ ข้อมลู ในการปรับปรงุ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ของผ้สู อน การประเมินระหวา่ งเรยี นท่ี ดำเนนิ การอย่างถูกตอ้ ง เข้มงวดและจรงิ จัง จะให้ผล การประเมินท่สี ะทอ้ นภาพความสำเร็จ และศกั ยภาพของ ผู้เรยี นอยา่ งถกู ตอ้ งสมบูรณแ์ ละนา่ เช่ือถือ การประเมนิ ผลระหวา่ งเรียน มีแนวทางการปฏิบตั ิดังน้ี 1) กำหนดหน่วยการเรยี นรทู้ ี่จะสอน จดั ทำแผนการเรียนรกู้ ำหนดตวั ชว้ี ัดและแนวทาง การประเมินผล ใหส้ อดคล้องกบั ตัวช้ีวัด ซึง่ ในแผนการเรยี นรู้ควรระบุภาระงานทจ่ี ะทำให้ผ้เู รียน บรรลุตามตวั ชว้ี ัดอย่าง เหมาะสม 2) เลือกวธิ กี ารวัดและประเมนิ ท่สี อดคล้องกบั ภาระงานหรอื กิจกรรมท่ีกำหนดใหผ้ ูเ้ รียน ปฏิบตั ทิ ั้งนี้ วธิ ีการประเมนิ ทเ่ี หมาะสมอยา่ งยงิ่ สำหรับการประเมินระหว่างเรียน ไดแ้ ก่ การประเมนิ จากสงิ่ ที่ผู้เรยี นได้ แสดงให้เห็นวา่ มีการพัฒนาด้านความรูค้ วามสามารถ ทกั ษะ ตลอดจน มีคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ่ีเปน็ ผล จากการเรยี นร้ผู ูส้ อนสามารถเลือกใชว้ ิธกี ารวัดและประเมนิ ผล ไดห้ ลากหลาย ดงั น้ี 2.1 การประเมนิ ดว้ ยการสื่อสารสว่ นบุคคล ไดแ้ ก่ (1) การถามตอบระหว่างทำกิจกรรมการเรียน (2) การพบปะสนทนาพดู คยุ กับผู้เรียน (3) การพบปะสนทนาพดู คุยกับผเู้ ก่ียวขอ้ งกบั ผู้เรยี น (4) การสอบปากเปลา่ เพื่อประเมินความรู้ความเข้าใจ และทศั นคติ (5) การอา่ นบนั ทึกเหตุการณ์ตา่ ง ๆ ของผูเ้ รียน (6) การตรวจแบบฝึกหัดและการบา้ น พร้อมใหข้ อ้ มูลปอ้ นกลับ 2.2 การประเมนิ จากการปฏิบตั ิ (Performance Assessment) เปน็ วิธกี ารประเมนิ งาน หรอื กิจกรรมทผี่ สู้ อนมอบหมายให้ผูเ้ รยี นปฏบิ ัติเพ่ือให้ได้ข้อมูลสารสนเทศวา่ ผเู้ รยี นเกิดการเรียนรู้ มากนอ้ ยเพียงใด การประเมินการปฏิบัตผิ ู้สอนตอ้ งเตรียมการในส่งิ สำคัญ 2 ประการ คอื ภาระงาน หรอื กจิ กรรมทจี่ ะใหผ้ ู้เรียน ปฏบิ ตั ิ(Tasks) และเกณฑก์ ารให้คะแนน (Rubrics) สำหรบั วิธีการประเมิน การปฏิบตั จิ ะเปน็ ไปตามลกั ษณะ งาน ดังน้ี (1) ภาระงานหรอื กจิ กรรมทผี่ สู้ อนกำหนดใหผ้ ูเ้ รียนทำเปน็ รายบุคคลหรอื กลมุ่ จะประเมิน วธิ ีการทำงานตามข้นั ตอนและผลงานของผูเ้ รียน (2) ภาระงานหรือกจิ กรรมทีผ่ ู้เรยี นปฏิบัติตามแผนการเรยี นรู้ และกจิ วัตร ประจำวนั จะ ประเมินด้วยวิธกี ารสังเกต จดบนั ทกึ เหตกุ ารณเ์ ก่ียวกับผู้เรียน
(3) การทำโครงงาน ผสู้ อนต้องกำหนดภาระงานในลกั ษณะของโครงงานให้ผู้เรยี น ปฏบิ ตั ติ ามท่ี สถานศึกษากำหนด ในการประเมนิ การปฏบิ ตั งิ านดังกล่าวมาขา้ งตน้ ผู้สอนจำเปน็ ต้องสร้างเครือ่ งมอื เพ่ือใช้ ประกอบการประเมินการปฏิบัติเช่น แบบวัดภาคปฏิบตั ิแบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบตรวจสอบ รายการ เป็นตน้ 2.3 การประเมินสภาพจรงิ (Authentic Assessment) การประเมินสภาพจริง เปน็ การประเมนิ จากการปฏบิ ัติงานหรอื กจิ กรรมอย่างใด อยา่ งหน่ึง ทมี่ อบหมายให้ผเู้ รียนปฏบิ ัติอาจจะเปน็ งานหรือสถานการณ์ ท่เี ปน็ จรงิ (Real life) หรอื ใกลเ้ คียงกบั ชวี ิตจริง จงึ เปน็ งานทม่ี ีสถานการณ์ที่ซบั ซ้อน (Complexity) และเปน็ องคร์ วม (Holistic) มากกวา่ งานปฏบิ ัติในกิจกรรมการเรียนทว่ั ไป วธิ ีการประเมินสภาพจรงิ ไม่มีความแตกตา่ งจากการประเมินจากการปฏบิ ตั ิ (Performance Assessment) เพยี งแตอ่ าจมีความยุง่ ยากในการประเมินมากกว่า เน่ืองจาก เปน็ สถานการณ์จรงิ หรอื ตอ้ งจดั สถานการณ์ใหใ้ กล้เคียงกบั ความเปน็ จริง แตจ่ ะเกิดประโยชน์ กับผูเ้ รยี นมาก เพราะจะทำให้ทราบความสามารถทีแ่ ท้จริง ของผู้เรยี น อันจะนำไปสู่การแกไ้ ข ทีต่ รงประเดน็ ท่สี ดุ 2.4 การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน (Portfolio Assessment) การประเมนิ ด้วยแฟ้มสะสมงาน เป็นวิธีการประเมนิ ทชี่ ่วยสง่ เสรมิ ใหก้ ารประเมนิ ตามสภาพจรงิ มีความสมบูรณ์ สะท้อนศักยภาพทแี่ ทจ้ ริงของ ผู้เรียนมากข้นึ โดยการใหผ้ ู้เรยี น ไดเ้ กบ็ รวบรวมผลงานจากการปฏิบัตจิ ริง ท้ังในชนั้ เรยี นหรือในชวี ติ จริงทเี่ กย่ี วข้อง กับการเรยี นรู้ ตามสาระการเรยี นร้ตู า่ ง ๆ มาจัดแสดงอยา่ งเปน็ ระบบ โดยมีจดุ ประสงคเ์ พอื่ สะทอ้ นให้เหน็ ความพยายาม เจตคติแรงจูงใจ พฒั นาการ และสมั ฤทธ์ผิ ลในการเรยี นรู้ของผเู้ รยี น การวางแผน ดำเนนิ งาน การประเมินดว้ ยแฟ้มผลงานท่สี มบูรณ์จะชว่ ยผู้สอนให้สามารถประเมนิ จากแฟ้มสะสมงาน แทนการประเมิน จากการปฏิบตั จิ ริงได้มแี นวทางในการดำเนินงานดงั น้ี (1) กำหนดรูปแบบแฟ้มสะสมงานจากวัตถุประสงคใ์ นสิง่ ทตี่ ้องการสะท้อน ความสามารถ และพัฒนาการของผเู้ รียน ทั้งนีอ้ าจพจิ ารณาจากผลการเรียนรทู้ คี่ าดหวังตาม สาระการเรียนรูท้ ่สี ะท้อนได้จาก การใหผ้ ู้เรียนจดั ทำแฟ้มสะสมงาน (2) กำหนดวธิ ีการเกบ็ รวบรวมผลงานให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแฟ้ม สะสมงาน เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนได้ทำแฟม้ สะสมงาน (3) กำหนดให้วธิ กี ารประเมินงานเพอ่ื พฒั นาชิน้ งาน ซ่งึ ส่งผลถึงการพัฒนาผ้เู รยี น ให้มี ความสามารถสงู สุด ทง้ั นคี้ รอู าจจัดทำเกณฑ์การใหค้ ะแนน สำหรบั ให้ผเู้ รยี นนำไปใชเ้ ปน็ ข้อชนี้ ำ ในการพัฒนา งาน (4) ส่งเสรมิ ให้เกดิ ความรว่ มมอื ในการพัฒนางาน โดยการมสี ว่ นรว่ มในการ ประเมนิ จากทกุ ฝ่าย แล้วนำขอ้ มูลที่สอดคล้องกนั ไปเปน็ สารสนเทศ หลักในการใหข้ ้อมูลป้อนกลับ สำหรับให้ผเู้ รียนใช้ในการ ปรับปรงุ แกไ้ ขขอ้ บกพร่อง (5) จัดใหม้ ีการนำเสนอผลงานทไี่ ด้สะสมไว้ โดยใชว้ ิธกี ารท่ีเหมาะสม ซงึ่ ผ้สู อน และผเู้ รียน ควรวางแผนรว่ มกนั ในการคดั เลือกชนิ้ งานที่ดที ส่ี ดุ ทัง้ นก้ี ารนำเสนอช้นิ งานแตล่ ะชิ้น ควรมหี ลกั ฐานการพฒั นา งานและการประเมนิ ผลงานดว้ ยตนเอง เกณฑ์การประเมนิ ผลงานประกอบ ไวด้ ้วย
การประเมนิ หลงั เรียน การประเมนิ เพ่ือสรุปผลการเรยี นเป็นการประเมนิ เพอ่ื มุ่งตรวจสอบความสำเร็จของผเู้ รยี น เม่ือผา่ น การเรยี นรูใ้ นช่วงเวลาหนึ่ง หรอื ส้นิ สดุ การเรียนรายวิชาปลายป/ี ปลายภาค การประเมนิ หลงั เรยี น เปน็ การประเมินผ้เู รยี นในเร่ืองทีไ่ ดเ้ รียนจบแลว้ เพอ่ื ตรวจสอบ การเกดิ การ เรยี นรู้ตามตวั ช้ีวัดของผเู้ รียน พฒั นาการของผู้เรยี น เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับ ผลการประเมินก่อนเรยี น ทำให้ สามารถประเมนิ ศกั ยภาพในการเรยี นรูข้ องผเู้ รียน และประสิทธิภาพ ในการจัดการเรียนรูข้ องผสู้ อน ข้อมลู ที่ได้จากการประเมินภายหลังการเรยี น สามารถนำไปใช้ ประโยชนไ์ ดม้ ากมาย ไดแ้ ก่ ✿ ปรับปรงุ แกไ้ ข ซอ่ มเสริมผเู้ รียนใหบ้ รรลตุ ัวช้วี ัดชั้นปี ✿ ปรับปรงุ แกไ้ ขวิธเี รยี นของผูเ้ รยี นใหม้ ีประสิทธภิ าพยิ่งขน้ึ ✿ ปรับปรุง แกไ้ ข และพฒั นาการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ การประเมนิ หลังเรียนจำเปน็ ตอ้ งให้มี ความสอดคลอ้ งกบั การประเมินกอ่ นเรยี น เพื่อการ เปรียบเทยี บพัฒนาการของผ้เู รยี น ควรใชว้ ธิ ีการและ เคร่อื งมอื ประเมินชดุ เดียวกันหรือคขู่ นานกนั ซ่ึงขอ้ มลู ทีไ่ ดส้ ามารถนำไปใชส้ ำหรับการวิจยั ในช้ันเรียนไดอ้ ีกดว้ ย ........................................................................................................ ศึกษาธกิ าร.กระทรวง.หลกั สูตรอสิ ลามศกึ ษาตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐานพทุ ธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ:โรงพิมพช์ มุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย,2553. ศกึ ษาธิการ.กระทรวง.การจัดการเรียนร้อู สิ ลามศกึ ษาตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551.กรุงเทพฯ:โรงพมิ พ์ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย,2553.
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: