Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แหล่งเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับวัดในอำเภออัมพวา

แหล่งเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับวัดในอำเภออัมพวา

Description: แหล่งเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับวัดในอำเภออัมพวา

Search

Read the Text Version

ทำเนียบแหล่งเรยี นรู้วัดในอำเภออมั พวำ จังหวัดสมุทรสงครำม รวบรวมโดย หอ้ งสมดุ ประชำชน “เฉลมิ รำชกมุ ำร”ี อำเภออัมพวำ ศูนย์กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศยั อำเภออมั พวำ สำนักงำน กศน. จังหวดั สมทุ รสงครำม

คำนำ เอกสาร ฉบับน้ีจัดทาข้ึนเพื่อรวบรวมแหล่งเรียนรู้ข้อมูลเก่ียวกับวัดในอาเภออัมพวา เพื่อใช้เป็น การศึกษาค้นคว้าแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับวัดในอาเภออัมพวา ดังนั้นห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อาเภออัมพวาจงึ ไดจ้ ัดทาเอกสารเลม่ น้ี และเปน็ การสง่ เสรมิ การอา่ นและการเรียนรู้ต่อไป คณะผู้จัดทาหวังเปน็ อย่างยิ่งวา่ เอกสารเลม่ นจ้ี ะมีประโยชน์สาหรับผู้ที่สนใจหรือเกี่ยวข้องกับงานด้าน กจิ กรรมส่งเสริมการอา่ นอยู่บ้างไม่มากกน็ อ้ ย และหากมขี ้อผดิ พลาดประการใดทางคณะผู้จัดทาต้องขออภัยไว้ ณ ท่นี ี้ หอ้ งสมดุ ประชาชน“เฉลมิ ราชกุมารี”อาเภออมั พวา กนั ยายน 2563

สำรบญั หนำ้ พระอารามหลวงในจงั หวดั สมทุ รสงคราม 1-2 พระอารามหลวงมหานกิ าย 3 วัดราษฏร์ในจังหวัดสมุทรสงคราม วดั ราษฏรม์ หานิกายในอาเภออัมพวา 6 วดั ราษฏร์ธรรมยตุ กิ นิกาย 46

1 พระอารามหลวงในจงั หวดั สมุทรสงคราม พระอารามหลวงมหานิกาย วดั อมั พวันเจตยิ ารามวรวิหาร (พระอารามหลวงชน้ั โท ชนดิ วรวหิ าร) ตาบลอัมพวา อาเภออมั พวา วดั ประดู่ (พระอารามหลวงชน้ั ตรี ชนิดสามัญ) ตาบลวัดประดู่ อาเภออมั พวา วัดราษฏรใ์ นอาเภออมั พวา วัดราษฏรม์ หานกิ าย  วดั บางเกาะเทพศักด์ิ ตาบลแควอ้อม  วดั บางแคนอ้ ย ตาบลแควอ้อม  วดั บางแคใหญ่ ตาบลแควออ้ ม  วดั ปากน้า ตาบลแควออ้ ม  วดั เทพประสทิ ธ์คณาวาส ตาบลท่าคา  วดั มณสี รรค์ ตาบลท่าคา  วดั ราษฎรว์ ัฒนาราม ตาบลนางล่ี  วัดบางแคกลาง ตาบลบางแค  วดั ปรกสธุ รรมาราม ตาบลบางแค  วัดสาธชุ นาราม ตาบลบางแค  วัดจุฬามณี ตาบลบางชา้ ง  วัดชา้ งเผอื ก ตาบลบางชา้ ง  วัดดาวดึงษ์ ตาบลบางช้าง  วัดบางพรหม ตาบลบางชา้ ง  วดั พระยาญาติ ตาบลบางช้าง  วดั ลังกา ตาบลบางช้าง  วดั อลงกรณ์ ตาบลบางช้าง  วดั โคกเกตุบญุ ญศริ ิ ตาบลปลายโพงพาง  วัดประชาโฆสติ าราม ตาบลปลายโพงพาง  วัดสแ่ี ยกราษฎรบ์ ารุง ตาบลปลายโพงพาง  วดั อมรวดี ตาบลปลายโพงพาง  วดั คลองขุดเลก็ ตาบลแพรกหนามแดง  วัดเจรญิ รัตนาราม ตาบลแพรกหนามแดง  วดั เขายสี่ าร ตาบลยีส่ าร  วัดบุญนาคประชาสรรค์ ตาบลย่ีสาร  วดั ช่องลมวรรณาราม ตาบลวดั ประดู่  วัดทอ้ งคุ้ง ตาบลสวนหลวง  วัดบางนางลีใ่ หญ่ ตาบลสวนหลวง  วดั ภมุ รนิ ทร์กฎุ ีทอง ตาบลสวนหลวง  วัดวรภูมิราษฎรบ์ ารุง ตาบลสวนหลวง  วดั แวน่ จันทร์ ตาบลสวนหลวง

2  วดั สวนหลวง ตาบลสวนหลวง  วัดแก้วเจริญ ตาบลเหมืองใหม่  วัดท่งุ ตาบลเหมอื งใหม่  วดั บางวันทอง ตาบลเหมืองใหม่  วัดราษฎรบ์ รู ณะ ตาบลเหมืองใหม่  วัดละมดุ ตาบลเหมืองใหม่  วัดเสดจ็ ตาบลเหมืองใหม่  วัดหนองกะพง ตาบลเหมืองใหม่  วดั เหมอื งใหม่ ตาบลเหมืองใหม่  วัดอินทาราม ตาบลเหมืองใหม่  วดั เกษมสรณาราม ตาบลอมั พวา  วดั บางกะพ้อม ตาบลอมั พวา  วดั ทุ่งเศรษฐี ตาบลเหมอื งใหม่ วัดราษฏร์ธรรมยตุ กิ นิกาย  วัดนางวงั ตาบลอัมพวา

3 พระอารามหลวงในจงั หวัดสมทุ รสงคราม พระอารามหลวงมหานกิ าย วดั อัมพวันเจตยิ ารามวรวิหาร (พระอารามหลวงชัน้ โท ชนิดวรวหิ าร) ตาบลอัมพวา อาเภออมั พวา ไมเ่ พียงเปน็ วดั ของตระกลู ราชนกิ ุลบางช้างเท่านัน้ หากยังเปน็ วดั ที่มีความสาคัญทางประวัติศาสตร์ใน สมยั รัตนโกสินทรต์ อนต้น เน่ืองจากเปน็ นิวาสสถานเก่าของหลวงยกกระบัตร (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช) และคุณนาค (สมเด็จพระอัมรินทรามาตย์พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 1) และยังเป็นสถานที่ พระราชสมภพของรชั กาลท่ี 2 ด้วยเช่นกัน จากเดิมทีที่ช่ือว่า “วัดอัมพวา” เมื่อได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้ง ใหญ่ในสมัย รัชกาลท่ี 3 ก็ไดร้ บั พระราชทานนามใหม่วา่ “วัดอัมพวันเจตยิ าราม” และจัดเป็นพระอารามหลวง ชนั้ โท โดยสิ่งที่น่าสนใจของวดั น้คี อื ภาพจติ รกรรมฝาผนังที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกล้าฯ ให้เขียนขึ้นตามแบบรัตนโกสินทร์อันเป็นเร่ืองราวเก่ียวกับพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระ พุทธเลศิ หล้านภาลัย และบทพระราชนิพนธ์ตา่ ง ๆ นอกจากน้ียังมจี ิตรกรรมบริเวณระหว่างช่องประตูด้านล่าง เป็นภาพการเสดจ็ พระราชดาเนนิ เลียบพระนครโดยกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค รวมท้ังกุฏิใหญ่ พระที่ นั่งทรงธรรม พระตาหนัก พระวิหาร พระบรมรูปรัชกาลท่ี 2 ซ่ึงล้วนสะท้อนศิลปะและสถาปัตยกรรมในสมัย รัตนโกสินทรต์ อนตน้ แทบทง้ั สิน้ ข้อมูลการติดตอ่ ทอี่ ยู่ : ตาบลอัมพวา อาเภออมั พวา จงั หวดั สมุทรสงคราม เบอรโ์ ทร : 066 3472 5547

4 วดั ประดู่ (พระอารามหลวงช้นั ตรี ชนิดสามัญ) ตาบลวัดประดู่ อาเภออมั พวา ประวตั ิวดั ประดู่พระอารามหลวง วัดประดู่พระอารามหลวง เป็นวัดโบราณที่มีมาต้ังแต่ในอดีต โดยจากหลักฐานที่พอจะระบุได้น้ัน ตวั วดั สร้างขน้ึ ในสมัยกรงุ ศรอี ยธุ ยาตอนปลาย ราวๆพทุ ธศกั ราช ๒๓๒๐ ซง่ึ แรกเริ่มเดิมทีนั้นวัดประดู่เป็นเพียง แค่วัดธรรมดาๆทว่ั ไปเทา่ นนั้ โดยวัดประดู่นับว่าเปน็ วัดประวัตศิ าสตร์ที่สาคัญในช่วงรัชกาลที่ ๕ เป็นอย่างมาก เพราะในสมัยหลวงปู่แจ้งซึ่งดารงตาแหน่งเจ้าอาวาสในขณะน้ัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๕ ได้เสด็จประพาสต้นทางชลมารคมายัง วัดประดู่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗ และทรงเสวยพระกระยาหารเชา้ ทีว่ ัดประดู่ พระองคท์ รงมพี ระราชศรัทธาต่อหลวงปแู่ จ้ง สมัยนั้นหลวง ปู่แจ้งเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นท่ีเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาววัดประดู่ เม่ือพระองค์เกิด พระราชศรัทธาต่อ หลวงปู่แจง้ จงึ ได้นมิ นต์หลวงปู่แจ้งเข้าไปในพระราชวังหลายครั้งด้วยกัน ที่สาคัญพระองค์ ได้ถวายเคร่ืองราชศรัทธาที่สาคัญๆอันทรงคุณค่าไว้ให้หลวงปู่แจ้ง เช่นเรือเก๋งพระที่น่ัง พระแท่นบรรทม ตาลปัตร ป่ินโตสลักบาตร เป็นต้น จนกระทั่งใน พ.ศ. ๒๕๔๓ ทางวัดจึงได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์เครื่องราชศรัทธา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๕ ขึ้นมา นอกจากนี้ภายในวัดยังมีศาลาเก๋งเรือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๕ ที่สร้างข้ึนเม่ือ พ.ศ.๒๕๔๑ ลักษณะเป็นทรงไทยชั้น เดยี ว ใชเ้ ป็นสถานที่เก็บรักษาเกง๋ เรอื พระราชทาน เมอ่ื วันท่ี ๒๑ ก.ค. ๒๔๔๗ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยหู่ ัว รัชกาลที่ ๕ สมเดจ็ กรมพระยาดารงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยเจ้าฟ้าหลาย พระองค์ และสมเด็จข้าราชบรพิ ารได้เสด็จทางชลมารคโดยเรือพระทนี่ ่งั ซ่ึงเป็นเรือขนาด ๔ แจว ขุดจากซุงไม้

5 สกั หรอื ตะเคยี น พระองค์ได้จอดแวะพักและผูกเรือพระท่ีน่ัง ณ ต้นสะเดา เพ่ือทาครัวเสวยพระกายาหารเช้า เก๋งเรอื พระราชทานนี้ ปัจจุบันทางวัด ได้บูรณะซ่อมแซมจากของเดิมที่ชารุดให้ สมบูรณ์สวยงามเช่นเดิมและ เม่ือวนั ที่ ๒๙ มถิ ุนายน พ.ศ.๒๕๕๑ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวฯ รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะวัดประดู่จากวัดราษฎร์ ข้ึนเป็นพระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดสามัญ ซึ่งด้วยความสาคัญทาง ประวัติศาสตร์ของทางวัด และความนิยมศรัทธาจากชาวบ้าน ทาให้ในปัจจุบันน้ีวัดประดู่พระอารามหลวง กลายมาเป็นวัดทม่ี คี นท่วั ไปเขา้ มาเย่ียมชมและสกั การะเป็นจานวนมาก อีกท้ังยังได้รับความเคารพศรัทธาจาก ประชาชนทั่วไปเปน็ จานวนมากอกี ด้วย ทาเนียบเจา้ อาวาส จากอดีตจนถึงปจั จบุ ันวัดประดพู่ ระอารามหลวงมีเจา้ อาวาสมาแลว้ ทง้ั หมด ๘ รปู ดังน้ี ๑. หลวงปมู่ า ๒. หลวงปูก่ ลม ๓. หลวงปกู่ ล่อม ๔. หลวงปู่แจง้ ปุณฺยจนฺโท ๕. หลวงปแู่ จม่ ๖. พระครูนพิ ทั ธว์ รการ (เอีย้ ง สวุ ณฺณปทุโม) ๗. พระครนู ิพทั ธว์ รการ (เพ้ียน เขมาภริ โต) ๘. พระครูพิศาลจรยิ าภิรม (พระมหาสุรศักด์ิ อตสิ กโฺ ข) สถานทต่ี ้งั ตาบล วัดประดู่ อาเภอ อัมพวา สมทุ รสงคราม ๗๕๑๑๐ โทร ๐๓๔-๗๗๒-๒๙๙

6 วดั ราษฏร์ในจงั หวัดสมทุ รสงคราม วดั ราษฏรม์ หานกิ ายในอาเภออมั พวา วดั บางเกาะเทพศักดิ์ ตาบลแควออ้ ม ที่ต้ัง วดั บางเกาะเทพศักดต์ิ ั้งอยรู่ ิมคลองแควอ้อมในตาบลแควออ้ ม อาเภออมั พวา จงั หวัดสมทุ รสงคราม ประวัติ ข้อมูลจากเฟสบุ๊คของหลวงพ่อคง ธมฺมโชโต วัดบางกะพ้อมกล่าวว่าวัดบางเกาะเทพศักดิ์เป็นวัด โบราณทม่ี ีมาตง้ั แตส่ มยั กรุงศรอี ยุธยา สร้างขนึ้ เม่อื พ.ศ. ๒๓๐๐ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเม่ือ พ.ศ. ๒๓๒๐ ไม่ทราบวา่ ผใู้ ดเปน็ ผู้สร้าง แตเ่ ดิมชอ่ื วา่ “วดั เกาะกาหลง” ต่อมาเปล่ียนชื่อเป็น \"วัดบางเกาะกรรณิกา ราม\" ต่อมา เม่อื มกี ารรวมวัดบางเกาะกับวดั จาปาศกั ด์ิซึ่งเป็นวัดร้างที่อยู่ใกล้ๆ เข้าด้วยกันใน พ.ศ. ๒๔๙๖ จึง ไดเ้ ปล่ยี นช่อื ใหมเ่ ป็น “วดั บางเกาะเทพศกั ด\"ิ์ ภายในวัดมีรอยพระพุทธบาทจาลองอายุราว ๘๐ ปีและยังมีภาพจิตรกรรมบนเพดานฝีมือช่างชาว มอญเป็นลายมงคลจักรวาล บนผนังมีภาพพุทธประวัติซึ่งเขียนขึ้นสมัยรัชกาลท่ี ๒ (ผู้จัดทาเองคิดว่าภาพไม่ นา่ จะเกา่ ขนาดนั้น น่าจะเขยี นข้ึนสมยั รชั กาลที่ ๖-๘ มากกว่า) วัดบางเกาะเทพศักดิ์ได้รับการยกย่องให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๙ และเป็นวัดท่ีมี ผลงานดเี ดน่ ดา้ นวฒั นธรรมใน พ.ศ. ๒๕๔๒ ท่ีต้ังภาพจิตรกรรม: มณฑปรอยพระพทุ ธบาท เน้ือหา: จิตรกรรมในมณฑปมี ๒ สมัยด้วยกัน สาหรับจิตรกรรมท่ีเก่ากว่านั้นเขียนไว้บนผนังในระดับเหนือ หน้าต่างและประตูโดยแบ่งออกเป็น ๒ แถว แถวบนเขียนพุทธประวัติ ส่วนแถวล่างเขียนเร่ืองทศชาติ นอกจากนนั้ บนเพดานยงั เขยี นรูปเทวดาและสัตวห์ ิมพานต์ดว้ ย สาหรบั ผนังทอี่ ยูร่ ะหวา่ งหน้าต่างนั้นมภี าพเขียนพุทธประวัตสิ มยั รชั กาลท่ี ๙ อยูป่ ระมาณครึ่งหนึ่งของ ผนัง ๔ ด้านซ่ึงนา่ จะเป็นฝีมือของอาจารย์นติ ยา ศักดเิ์ จรญิ

7 วัดบางแคน้อย ตาบลแควอ้อม วดั บางแคน้อย ต้ังอยู่ที่ตาบลแควอ้อม อาเภออัมพวา ริมแม่น้าแม่กลอง คุณหญิงจุ้ย (น้อย) วงศาโรจน์ เป็นผู้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2411 เดิมอุโบสถของวัดสร้างบน แพไม้ไผ่ผูกไว้กับต้น โพธิ์รมิ ฝง่ั แม่น้าแม่กลอง ปัจจบุ นั วดั นี้ ไดร้ บั การ บูรณะอย่างดี สิ่งท่ีน่าชมภายในวัด ได้แก่ผนัง ภายในพระอุโบสถทาจากไม้สักแกะสลัก เป็น เรื่องราว ในพุทธประวัติ การประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน และเรื่องพระเจ้าสิบชาติ ลวดลาย สวยงามชัดเจนโดยฝีมือช่างแกะสลกั จงั หวดั เพชรบุรีซึ่งมี ช่ือเสียงด้านการแกะสลักไม้ นับเป็นอุโบสถท่ีมีความ งดงามในศลิ ปะการแกะสลกั ไม้จิตรกรรมฝาผนังแกะสลัก ภายในจะเป็นไม้สักแกะสลักทั้งหมด อุโบสถหลังนี้มี ความงดงามยิ่ง การแกะสลกั น่าสนใจ และหาดไู ด้ยาก เนอ่ื งจากตอ้ งใช้ งบประมาณเวลาและฝีมือการแกะสลัก ทป่ี ราณีต บรรจง โดยใชช้ า่ งท่ีมีความชานาญ โดยใช้ไม้มะค่าโมงซึ่งใช้เป็นแท่นรอง พระประธานมีขนาดใหญ่ มาก คือกว้าง 2 เมตรคร่ึง ยาว 3 เมตร หนา 4 น้ิว ชุกชี (ฐานปูนสาหรับประดิษฐาน) พระประธาน เป็นไม้ แกะสลักในทรงจอมแห พื้นอุโบสถปูด้วยไม้ตะเคียนทอง หนา 2 นิ้ว กว้าง 40-44 น้ิว ฝาผนังพ้ืนเป็นไม้ แกะสลัก หนา 3 น้ิว แกะสลักเป็นรูปคน สัตว์ ต้นไม้ และแกะเสริม รวมหนาถึง 6 นิ้ว ฝาผนังด้านตรงข้าม พระประธานเป็นไม้แกะสลักรูปปางชนะมารฝาผนงั ด้านซ้าย ขวา ของ พระประธานเปน็ ไม้แกะสลักรูปพระเจ้า สบิ ชาตฝิ าผนังด้านหลงั พระประธาน เปน็ ไม้แกะสลกั การประสูติ ตรสั รู้ นพิ พาน ฝาผนังใต้ธรณีหน้าต่าง 2 ข้าง แกะสลกั ฝังด้วยไมโ้ มกมันรูปพระเวสสนั ดรจั่วด้านหน้าและหลังเป็น ไม้แกะสลัก ด้านข้างท้ังสองเป็นคูหาหลง รักปิดทองคันทวยเป็นไม้ลงรักปิดทองจากรายละเอียดดังกล่าว จะเห็นได้ว่า เป็นอุโบสถที่มีความสวยงาม มี คุณค่าทางด้านศิลปะเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ ช่างแกะสลักเป็นช่างฝีมือจากเพชรบุรี ซ่ึงมีช่ือเสียงทางด้าน แกะสลกั ไมเ้ ปน็ อยา่ งมาก การเดินทางไปวัดบางแคนอ้ ย 1.ทางรถยนต์ ใช้เสน้ ทางถนนพระราม2 ( ธนบรุ ี-ปากท่อ) ประมาณกิโลเมตรที่ 63 แยกเข้าเมืองสมุทรสงครามวิ่ง มาตาม ทางหลวงหมายเลข 325 ถนนสมุทรสงคราม-บางแพ ถึงศูนย์ตารวจจราจรอัมพวาให้เลี้ยวซ้ายข้าม สะพาน สมเด็จพระศรีสุริเยนทร์ และตรงไปถึงสามแยกแล้วเลี้ยวขวาไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3062 ข้าม คลองประชาชน่ื ผ่านวัดภุมรินทร์ ตรงไปจนถึงสามแยกเล้ียวขวาจะผ่านบ้านแมวไทยว่ิงต่อไปจะเห็นซุ้ม ประตูทาง เข้าวดั บางแคนอ้ ย ซึง่ ตดิ กับโรงพยาบาลอัมพวา 2.รถประจาทาง สามารถเดินทางโดยรถสองแถว มีรถออกตลอดทั้งวันรถสาย แม่กลอง - วัดปราโมทย์ หรือสายแม่ กลอง -วัดแกว้ รถจอดบรเิ วณฝง่ั ตรงข้ามธนาคารนครหลวงไทยสาขาสมุทรสงคราม

8 วดั บางแคใหญ่ ตาบลแควอ้อม วัดบางแคใหญ่ เป็นวัดโบราณ สร้างข้ึนใน สมัยกรุงศรีอยุธยา ได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ในสมัย รัชกาลท่ี 2 (พ.ศ. 2357) โดยเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ (แสง วงศาโรจน)์ สมุหพระกลาโหม ภูมิประเทศ มีน้า โอบ มีคลองบางแค ผ่านทางทิศตะวันออก คลองเมรุ ท า ง ทิ ศ เ ห นื อ แ ล ะ ค ล อ ง บ า ง ล่ี ท า ง ทิ ศ ใ ต้ สภาพแวดล้อมร่มรื่นไปด้วยไม้สวน ตั้งอยู่ หมู่ 7 ตาบลแควอ้อม อาเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ฝ่ายเถรวาท มหานิกาย ประวตั วิ ัด วัดบางแคใหญ่ ตามคาบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในละแวกวัดและท่านพระครูโฆสิตสุตคุณ (กอน โฆสโก) อดีตเจ้าอาวาส และอดีตเจ้าคณะอาเภออัมพวา ซึ่งเกิดท่ีบ้านนี้ กล่าวว่า วัดน้ีเจ้าพระยาวงศาสุรศักด์ิ (แสง วงศาโรจน์) สรา้ งให้กบั ภรรยาหลวงของท่าน จึงได้ช่ือว่าวัดบางแคใหญ่ ส่วนหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี ปรากฏท่ีผนงั ภายใน ดา้ นหนา้ อโุ บสถ ซงึ่ เป็นแผ่นหินชนวนมีตัวอักษรไทยภาษาไทย อ่านได้ชัดเจน ว่า วนั อาทิตย์ เดือนหา้ ขนึ้ ค่าหนง่ึ จลุ ศักราชพันเจดสิบสาม ปิ์มะแม ตรีศก เจ้าพญาวงศาสุรศักด์ิผู้วามีสมุหะ พระกลาโหม ไดส้ า้ งพระอารามนิแล้วแต่ณะวันสุกร เดือนสิบ แรม สิบค่า พุทธศักราชล่วงแล้วได้สองพันสาม ร้อยห้าสบิ เจ็ด ปีจอฉอศก คอื ท่านเจ้าพระยาวงศาสุรศักด์ิ ได้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2357 อันเป็นช่วงต้นแผ่นดินรัช การท่ี 2 แห่งราชวงศ์จักรี สิง่ สาคญั ภายในวัด พระพทุ ธรูปรอบวิหารคด เป็นพระพุทธรูปหินทรายแดง เรียงรายรอบระเบียง น้ิวพระหัตถ์กางแบบ ปาละ หน้าพระเป็นรูปไข่แบบอูท่ องหน้านาง เป็นประติมากรรมสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา แสดงว่าอาจจะนามา จากท่ีอืน่ หรอื เป็นของเก่าแก่ดัง้ เดมิ ของวัด อย่างใดอย่างหน่ึงล่วงมาในสมัยอยุธยา หรือ รัตนโกสินทร์ตอนต้น มกี ารเอาปนู มาปน้ั พอกพระศลิ าทรายแดงไว้ บางองคก์ ท็ าทรงเครื่อง ใบเสมาหนิ ทรายแดงรอบอุโบสถ ใบเสมา หนิ ทรายแดงขนาดเลก็ สมยั อยธุ ยา เป็นแบบเดียวกบั วดั หลวงพอ่ วดั บ้านแหลม และวัดโบราณสมัยอยุธยาตอน ปลายในเขตจังหวัดสมุทรสงครามโดยทั่วไป บ่งว่ามีการปฏิสังขรณ์ให้เป็นวัดขึ้นมาใหม่สมัยอยุธยาตอนปลาย เจดีย์เหลี่ยมย่อมุมสิบสองหน้าอุโบสถ เจดีย์เหลี่ยมย่อมุมสิบสองอยู่บนลานหน้าพระอุโบสถท่ีมีพระระเบียง ล้อมรอบ เจดยี เ์ หล่ยี มยอ่ มมุ สิบสองนี้เปน็ แบบสมัยพระนารายณ์ หรอื พระเพทราชา ภาพจติ กรรมฝาผนังในกุฎี สงฆ์เดิมเป็นเรอื นไทยยกพน้ื เตี้ยๆ ภายหลงั วัดได้รื้อแล้วสรา้ งขึ้นใหม่ โดยสร้างเป็นกุฏิสองช้ัน ช้ันล่างก่ออิฐถือ ปนู ชนั้ บนเป็นอาคารไมท้ รงไทย หลงั คาเครอ่ื งไมม้ งุ กระเบื้อง ช่อฟ้าใบระกาปูนปั้นประดับกระจก หน้าบันรูป พระอนิ ทร์ทรงชา้ งเอราวณั ภาพจิตรกรรมจะปรากฏอยทู่ ีฝ่ าประจนั ไมก้ ้ันห้อง เป็นงานจิตรกรรมสีฝุ่นผสมกาว ลงบนพน้ื ไมส้ กั

9 วดั ปากน้า ตาบลแควอ้อม ชื่อแหล่งท่องเทย่ี ว : วดั ปากน้า(อมรวมิ ลจนั ทร์) ประเภทสถานที่ทอ่ งเทย่ี ว : สถานทศี่ ักดสิ์ ิทธ์ิ สถานทต่ี งั้ : ม.6 ต.แควอ้อม หมายเลขติดต่อสอบถาม : 034 - 761777 , 034 latitude : 13.44 longitude : 99.94 ตั้งอยู่ทบ่ี า้ นปากน้า หมู่ที่ 6 ปากคลองแควอ้อม ตาบลแควอ้อม จังหวัดสมุทรสงคราม วัดน้ี เป็นวัดโบราณ สมัยกรุงศรีอยธุ ยา อายุ 300 ปเี ศษ โดยสังเกตจากโบราณวัตถุทีย่ งั หลงเหลืออยู่ มีรอยพระพุทธ บาท และพระพุทธไสยาสน์ เป็นต้น ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้างเพ่ิงขอตั้งเป็นวัดเม่ือ พ.ศ. 2458 และได้ รับ วิสุงคามสีมา ในปเี ดียวกัน คือ พ.ศ. 2458 มเี จา้ อาวาสปกครอง ดูแลติดต่อกันมาทั้งเจริญร่งุ เรืองและเสื่อมทรุด วัดมีความเจริญสูงสุด เม่ือพระครูวิมลศีลาจารย์เป็นเจ้าอาวาส และท่านเป็นเจ้าคณะอาเภออัมพวาด้วย มี ความเจริญทางด้านการศึกษา ท้ังด้านศาสนา และการศึกษาสามัญ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิร ญาณวโรรส เคยเสด็จมาทอดพระเนตรวัดน้ี เมือ่ วนั ท่ี 24 พฤศจิกายน 2458 การเดนิ ทาง : การเดินทางไปวัดปากน้า สะดวกท้ังทางบก และทางน้า เพราะวัดอยู่ติดกับคลอง แควออ้ ม และแมน่ า้ แม่กลอง สว่ นทางบกจากวัดบางแคนอ้ ย ตรงไปเรอื่ ยๆ จนถึงคลองแควอ้อม วัดปากน้าอยู่ ขวามอื กอ่ นข้ึนสะพาน ขา้ มคลองเลยไป ซา้ ยมอื วัดโบสถ์ ขวามือวัดอมรเทพ แลว้ ถงึ ค่ายบางกุ้ง

10 วัดเทพประสทิ ธค์ ณาวาส ตาบลท่าคา สถานท่ตี ั้ง ตาบลท่าคา อาเภออาเภออมั พวา จังหวดั สมุทรสงคราม ความสาคญั /ลกั ษณะ วัดนกี้ าเนดิ ได้ดว้ ยมกี ารทรงเจ้า ช่ือ หลวงพ่อบ้านแหลม มคี นเลือ่ มใสในการรกั ษาพยาบาลเร่ือง โรคต่างๆ โดยไมค่ ิดคา่ รกั ษา ตอ่ มาจึงสร้างวิหาร 1 หลงั และมีพระมาจาพรรษา จงึ เป็นสานักสงฆ์ ต่อมามีพระ มาจาพรรษามากขึ้น จงึ จดั สรา้ งเป็นวัดและจดทะเบียนเปน็ วัดเมื่อ พ.ศ. 2425 ชื่อวัดวิหาร ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อ เป็น วัดเทพประสิทธิ์คณาวาส เพราะเช่ือว่ามีเทวดาคคุมครองหลวงพ่อบ้านแหลมอยู่ สิ่งสาคัญได้แก่ พระพทุ ธรูปหล่อปางอุ้มบาตร ช่ือว่า หลวงพ่อบา้ นแหลม

11 วัดมณีสรรค์ ตาบลท่าคา วดั มณีสรรค์ ประเภท: การท่องเทย่ี ว สถานทสี่ ักการะ วัด Marker Icon ถนน ทางหลวงชนบท สส. 5018 ตาบล ทา่ คา อาเภออัมพวา จังหวดั สมุทรสงคราม 75110 Phone Icon (+66) 34766363 วดั ราษฎร์วฒั นาราม ตาบลนางล่ี สถานที่ตงั้ ตาบลบางนางล่ี อาเภออาเภออัมพวา จังหวดั สมทุ รสงคราม ประเภทแหลง่ ศิลปกรรมฯ ความสาคญั /ลกั ษณะ เดิมชื่อวัดใหม่ยายเกลียว ตั้งข้ึนเมื่อ พ.ศ. 2522 สิ่ง สาคัญได้แก่ พระประธานในอุโบสถสร้างมาพร้อมกับวัด เป็น พระพุทธรปู ทองเหลืองปางสมาธิ กุฏสิ งฆท์ รงไทย

12 วัดบางแคกลาง ตาบลบางแค ทีอ่ ยู่: หมู่ 1 บางนางลี่ ตาบล บางแค อาเภออัมพวา สมุทรสงคราม 75110 โทรศัพท:์ 034 751 696 วดั ปรกสุธรรมาราม ตาบลบางแค ประวัติ วัดปรกสุธรรมาราม เป็นวัดโบราณ วัดหนึ่ง ตั้งอยู่ริมคลองสองด้าน คือ คลอง แควอ้อม กับคลองวัว แต่เดิมเป็นป่ารกชัฏ ไม่ค่อยมีบ้านเรือน บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแกก่ ารบาเพญ็ สมณธรรม หลวงปเู่ พ็ง อดีตเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดบางแคใหญ่ (ประมาณ พ.ศ. ๒๓๕๗) ได้ใช้บริเวณน้ี เป็น สถานท่ีอยปู่ ริวาสกรรม รว่ มกบั พระภิกษุที่อยู่ ในละแวกใกล้เคียงเสมอ ๆ ในเวลาออกพรรษา จึง สนั นษิ ฐานวา่ บรเิ วณน้ีนา่ จะมีสานักสงฆ์อยูก่ ่อนแล้ว ต่อมาคุณหญิงเกษม ณ บางช้าง บ้านอยู่ เมืองราชบุรี ได้ ถวายท่ีดินให้สร้างวัด เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๑ เน้ือท่ี ๑๐ ไร่ ๓ งาน ๔๒ ตารางวา ได้ขอจัดตั้งเป็นวัด เม่ือ พ.ศ. ๒๓๘๕ อุโบสถหลงั แรกเป็นทรงไทย ไมเ้ น้อื แข็ง ไดร้ ับวสิ ุงคามสมี า คร้งั แรก พ.ศ. ๒๔๑๙ ต่อมาสมัยหลวงปู่สิน เจ้าอาวาสรูปที่ ๕ ได้ร้ืออุโบสถหลังเดิมแล้วสร้างใหม่แบบก่ออิฐถือปูน ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ตลอดมา จนกระทั่งอุโบสถเก่าชารุดทรุดโทรมมาก จึงได้สร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เม่ือวนั ท่ี ๓ กรกฎาคม ๒๕๓๕ ศาสนสถานสาคญั ในวัด อุโบสถ และพระประธานในอโุ บสถ พระปูนปัน้ ปางสมาธิ พระพทุ ธบาทจาลอง สร้างเมอื่ พ.ศ. ๒๔๗๒ ศาลเจ้าแมต่ ะเคยี นทอง หอระฆัง (รวยไมเ่ ลกิ ) หอระฆงั ของเก่าสวยงาม

13 วัดสาธชุ นาราม ตาบลบางแค สานักปฏิบตั ธิ รรมประจาจงั หวัดสมุทรสงคราม แห่งที่ 12 ต.บางแค อ.อัมพวา สมุทรสงคราม 75110 นกิ าย: มหานกิ าย หมวดหมู่: วัด-ประจาจงั หวัด วดั สาธชุ นาราม เปน็ วัดราษฎร์ สงั กัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยูท่ ี่ ตาบลบางแค อาเภออมั พวา จังหวดั สมทุ รสงคราม วัดจฬุ ามณี อาเภออัมพวา จ.สมทุ รสงคราม ประวตั วิ ัดจฬุ ามณี ตาบลบางชา้ ง อาเภออมั พวา จังหวดั สมุทรสงคราม วัดจุฬามณี ตั้งอยู่ท่ีเลขท่ี ๙๓ หมู่ ๙ ตาบลบางช้าง อาเภอ อมั พวา จงั หวัดสมทุ รสงคราม อยตู่ ิดถนนสายสมุทรสงคราม- บางแพ ด้านหน้าติดกับคลองอัมพวา เช่ือมติดต่อกับคลอง บางผีหลอก ห่างจากตัวจงั หวัดสมุทรสงครามราวประมาณ ๗ กิโลเมตรเศษ และห่างจากที่ต้ังท่ีว่าการอาเภออัมพวา ประมาณ ๒ กิโลเมตร ด้านทิศเหนือติดกับถนน สาย สมุทรสงคราม-บางแพ ทิศใต้ติดกับคลองอัมพวา วัดจุฬามณี เปน็ วัดเก่าแก่โบราณ มีความสาคัญในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ ราชวงศ์จักรี ฝ่ายราชนิกุล(ตระกูลบางช้าง) วัดจุฬามณี เดิมมี ชอื่ เรียกว่า “วัดแม่เจ้าทิพย์” ตามประวัติสืบมาได้ว่า วัดน้ีสร้างมาแต่ รัชสมัยพระเจา้ ปราสาททอง มีกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ตามประวัติว่าท่านท้าวแก้วผลึก(น้อย) ธิดาคนหนึ่ง ของท่านพลาย ซึ่งเป็นนายตลาดบางช้าง มีหน้าที่เก็บภาษีอากรขนอนตลาด จึงมีทรัพย์และรายได้มากชั้น เศรษฐีผู้หนึ่ง จึงได้สร้างวัดจุฬามณีข้ึนมาใหม่ วัดจุฬามณีได้รับความอุปถัมป์ทานุบารุงจากมหาอุบาสก และ มหาอุบาสิกาสาคัญ ซึ่งต่อมาภายหลังเป็นต้นราชวงศ์จักรี โดยภูมิประเทศแห่งนี้เป็นท่ีประสูติของเจ้าผู้ครอง ประเทศไทยสบื ต่อกันมา

14 ประวัติบ่งชัดว่า เป็นต้นราชตระกูลบางช้าง ข้อสาคัญก็คือ วงศ์ตระกูลราชนิกุลบางช้างน้ี มีต้นกาเนิดไปจาก ตาบลบางช้างนี้เอง นิวาสถานเดิมของท่านเศรษฐีทอง เศรษฐีสั้น เป็นพระชนกชนนีของ สมเด็จพระอัมรินท รามาตยน์ น้ั ต้ังอยูห่ ลังวัดจุฬามณี ซงึ่ เดินไปราวสกั ๕ เสน้ (หรอื ราวประมาณ ๕ นาท)ี บริเวณนิวาสถานน้ันมีต้น จนั ทนใ์ หญอ่ ยู่ ๓ ต้น แต่ละต้นวัดโดยรอบประมาณ ๒ คนโอบ ระหว่างต้นห่างกันประมาณ ๔ วา กล่าวกันว่า ปลกู อยขู่ ้างบา้ นของทา่ นเศรษฐีท้งั สอง แต่เปน็ ทีน่ ่าเสียดายว่าตน้ จันทนไ์ ดท้ ้ิงซากล้มขอนไวจ้ นผุ ซากนี้ยังคงท้ิง ขอนอยูจ่ นถึงปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๑๐ ต่อมาได้ทราบว่าท่านศึกษาธิการอาเภออัมพวาในสมัยนั้น ท่านสนใจต้องการทราบ ประวัติและ หลักฐาน ทงั้ ทางภูมิศาสตรแ์ ละประวัติศาสตร์ อันเป็นนิวาสถานเดิมของต้นราชตระกูลแห่งราชวงศ์จักรี จึงได้ เดนิ ทางไปสารวจ แตต่ วั ผู้เช่าสวนหรือเจ้าของทด่ี ินรเู้ ท่าไม่ถึงการณ์ได้เอาไฟเผาซากตอที่ท้ิงซากล้มขอนนั้นไป จนหมดส้นิ ไมเ่ หลอื ร่องรอยไว้เลย เข้าใจว่าผู้เช่าหรือเจ้าของท่ีดินบริเวณน้ันเกรงว่าทางราชการจะมายึดท่ีดิน คืน คงสงวนไว้เพ่ือเป็นพื้นท่ีประวัติศาสตร์ก็เป็นได้ ซ่ึงที่ต้นจันทน์ ๓ ต้นนี้ถูกปลูกข้ึนคงอยู่ใกล้นิวาสถานที่ ประสูติ และเจริญพระชนมช์ ันษา และประทบั ทตี่ าหนกั นี้ สมเด็จพระอมรินทรามาตย์(นาค) เป็นพระธิดารูปสวยงดงามของท่านเศรษฐีบางช้าง จนกิตติศัพท์ เลือ่ งลอื ไปจนถึงกรุงศรีอยุธยา ในสมัยน้นั พระเจ้าแผ่นดินกรุงศรอี ยุธยา ซึ่งทรงแสวงหาสตรีรูปงามไปเป็นสนม ได้มีอามาตย์ใกล้ชิดกราบบังคมทูลว่าธิดาเศรษฐีบางช้างรูปสวยนัก จึงได้จัดส่งคนมาสู่ขอ ท่านเศรษฐีผู้เป็น บิดา-มารดาทราบเข้า จึงชิงยกลูกสาวให้แต่งงานกับมหาดเล็กชื่อทองด้วงเสียก่อน มหาดเล็กทองด้วงน้ัน ภายหลงั ไดม้ าเป็นหลวงยกกระบตั ร เมืองแม่กลอง แขวงราชบุรี เม่ือสมรสหรือแต่งงานกันแล้วได้มาอยู่กับศรี ภรรยาทต่ี าบลบางช้างน้ี คร้ันเม่ือเกิดศึกพม่ายกเข้าตีกรุงศรีอยุธยาแตก หลวงยกกระบัตรทองด้วง ได้อพยพ ครอบครวั หลบภัยพม่าอยู่ในป่าทึบหลังวัดจุฬามณีน่ันเอง ก่อนที่จะได้ไปฝากตัวเข้ารับราชการกับสมเด็จพระ เจา้ ตากสนิ มหาราช ผู้ครองกรุงธนบุรี ต่อมาส้ินแผ่นดินของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หลวงยกกระบัตร ทองด้วงหรอื เจา้ พระยามหากษัตรยิ ์ศึกไดป้ ราบดาภิเษกขึน้ เป็นพระมหากษัตริย์ ตั้งราชวงศ์จักรี สืบตอ่ มา การหลบภัยพม่าคร้ังน้ัน ท่านนาคซึ่งต่อมาได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระบรม ราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงครรภ์แก่ จึงต้องพาเสด็จพระบาทสมเด็จพระ พุทธเลศิ หล้านภาลัย ซึ่งสถิตย์อยู่ในพระครรภ์ไปหลบซ่อนพม่าอยู่ในป่าทึบหลังวัดจุฬามณีด้วย และต่อมาได้ ประสูตกิ าล ทา่ นฉมิ (พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๓๑๐ ตรงกับ วันพุธ เดือน ๔ ขึ้น ๗ ค่า ปีกุน สถานที่ประสูติก็ว่าในนิวาสถานใกล้ต้นจันทน์อันเป็นนิวาสถานหลังเก่าของ ท่านเศรษฐีทอง เศรษฐีส้ัน น่ันเอง และยิ่งไปกว่าน้ัน ในระหว่างที่หลบภัยพม่าอยู่หลังวัดจุฬามณีน้ัน กรม สมเด็จพระศรีสุดารักษ์ (แก้ว) พระพี่นางองค์ท่ี ๒ ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ เสด็จหลบภัยพมา่ มาอาศยั อย่กู บั พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราชดว้ ย กาลงั อยู่ในระหว่างทรง พระครรภ์แกแ่ ละได้ประสตู พิ ระธิดา ในปา่ หลังวัดจุฬามณีด้วยเหมือนกัน เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๓๑๐ ตรงกบั วันอาทิตย์ แรม ๑๒ คา่ เดือน ๑๒ ปีกนุ พระธิดาพระองคน์ ีท้ รงพระนามวา่ เจา้ ฟา้ หญิงบุญรอด ซ่งึ ถอื นิมติ ท่วี า่ หนพี น้ พม่าข้าศกึ มาได้ ภายหลังเจ้าฟา้ หญิงบญุ รอดไดอ้ ภิเษกสมรสเป็นมเหสีในพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลยั รัชกาลท่ี ๒ และได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ นับเป็นพระ บรมราชนิ อี งค์ท่ี ๒ ของราชวงศ์จักรีแหง่ กรงุ รัตนโกสินทร์ และเปน็ การประหลาดมากที่ได้มาถือกาเนิดท่ีตาบล บางชา้ งในปา่ หลังวดั จุฬามณี เหมือนสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระบรมราชินีในรัชกาลท่ี ๑ แผ่นดินตาบล

15 บางช้าง เมืองสมุทรสงคราม บริเวณหลังวัดจุฬามณีนี้ จึงนับว่าเป็นแผ่นดินที่เป็นมงคลยิ่ง เพราะเหตุ ๕ ประการคือ ๑) เปน็ สถานท่กี าเนดิ ของพระชนก-ชนนขี องสมเดจ็ พระอมรนิ ทรามาตย์ เท่ากับเปน็ ดินแดนต้นกาเนิด ของราชนิกลุ บางชา้ ง ๒) เป็นสถานท่ีประสตู ขิ องสมเด็จพระอมรนิ ทรามาตย์ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๑ และ สมเด็จพระ ศรสี รุ เิ ยนทรามาตย์ พระราชนิ ใี นรชั กาลท่ี ๒ ซ่ึงทา่ นเป็นเลอื ดเนื้อเชื้อไขชาวสมุทรสงครามโดยตรง ๓) เปน็ สถานทป่ี ระทบั ดบั รอ้ นของพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ก่อนท่ีจะไปเป็น แม่ทัพใหญใ่ นสมัยกรุงธนบุรี และตอ่ มาไดป้ ราบดาภิเษกข้นึ เปน็ พระมหากษัตริยต์ ้งั ราชวงศ์จักรี ไดเ้ คยฝากดาบ ฝากแหวนไปถวายสมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชจากดินแดนแห่งน้ี ตาบลบางช้างจึงเป็นสถานท่ีตั้งเนื้อต้ังตัว ของพระองคท์ า่ นโดยแท้ ๔) เป็นสถานทไ่ี ด้รบั ทุกขเวทนาของสมเดจ็ พระอมรินทรามาตย์ ที่ตอ้ งเสด็จหลบหนีภัยพม่าไปพักแรม อยูใ่ นป่าระหว่างทรงพระครรภพ์ ระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้านภาลัย ๕) เป็นสถานท่ีประสูติของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระมหากษัตริย์ รัชกาลท่ี ๒ แหง่ ราชวงศจ์ ักรี เม่ือวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๓๑๐ สถานท่ีประสูติ ในป่าหลังวัดจุฬามณี ผู้เฒ่าผู้ แก่เลา่ ต่อกนั มาว่า ท่านเศรษฐีทองกับเศรษฐีส้ัน เป็นเศรษฐีใจบุญชอบทาบุญฟังธรรมและถือศีลอุโบสถในวัน พระ ๘ ค่าและ ๑๕ ค่า เสมอเป็นนิจ มาวันหน่ึงซ่ึงวันนั้นเป็นวันพระ ท่านเศรษฐีสองสามีภรรยาได้ไปถือศีล อุโบสถอย่ทู วี่ ดั จฬุ ามณี ได้ปวารณาตนวา่ จะยดึ ม่ันภาวนารษั าศีลเป็นเวลาคนื และวัน จะไม่ไปไหนหากยังไม่ย่าง เข้าวันใหม่ จะไมอ่ อกจากวดั กลับบา้ น ซึ่งสมัยน้ันมีท่านเจ้าอาวาสของวัดจฬุ ามณีคอื ท่านพระอธิการอิน ซ่ึงเป็น คนในตระกลู เศรษฐีบางชา้ งผ้หู นึ่ง ได้มาอุปสมบทจนได้เป็นสมภารของวัดจุฬามณี พอตกกลางคืนบ่าวไพร่มา แจง้ วา่ อคั คีไฟกาลงั ไหมบ้ า้ นขอใหร้ ีบกลับไป แต่ด้วยว่าท่านเศรษฐีทั้งสองมีความม่ันคงในบวรพุทธศาสนา ไม่ ว่อกแวก่ หวัน่ ไหวปลงใจตกว่า อนั ทรัพยส์ มบตั ยิ ่อมจะต้องมีวิบัติ แม้แต่ชีวิตร่างกายของคนเราก็ยังมีเกิด มีดับ ไปเป็นธรรมดา เมื่อทรัพย์ยังอยู่ ชีวิตยังอยู่ก็ได้ใช้ทรัพย์ไป เมื่อทรัพย์สูญไปหรือชีวิตดับไปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทรพั ยจ์ ะเปน็ ของเรากห็ าไม่ ทรพั ยส์ มบัติเปน็ ของนอกกาย เมื่อชีวิตยังอยู่ก็คงทามาหาได้ เมื่อคิดดังน้ันแล้วได้ ส่ังบ่าวไพร่ว่า ให้ขนทรัพย์สินที่พอหยิบยกได้เอาโยนลงคลองขนัดสวนไป ได้เท่าไรก็เอาขนใส่ลงไปเท่านั้น สว่ นตัวทา่ นทั้งสองทาใจยึดม่ันอยู่ในการเจริญภาวนาถอื ศีล รักษาอโุ บสถ จวบจนกระทง่ั รุง่ เช้าของวนั ใหม่ ท่าน เศรษฐีทงั้ สองกก็ ลับเคหาบ้านเรือนของท่าน ก็ปรากฎว่าอคั คีไฟไหม้บ้านเรือนของทา่ นไปหมดแล้ว เรื่องนี้แสดงว่า วัดจุฬามณีมีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ท้าวแก้วผลึก(น้อย)เศรษฐีในวงศ์ราชนิกุลบาง ช้างคงสร้างวัดจุฬามณีนี้ข้ึนมาประมาณปีพุทธศักราช ๒๑๙๐ จะก่อนหรือหลังจากน้ีก็ไม่ก่ีปี ท่านเศรษฐีสั้น พระชนนีของสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ ที่เคยมาถือศีลรักษาอุโบสถที่วัดจุฬามณีนี้นั้น ท่านได้มีอายุต่อมา จนถึงสมัยรัชกาลที่ ๑ ท่าน สิ้นอายุขัยไปในราวปีพุทธศักราช ๒๓๔๔ อายุได้ ๙๐ ปีเศษ ท่านคงเกิดในราวปี พุทธศักราช ๒๒๕๐ วัดจุฬามณีคงสร้างก่อนท่านเกิดราวประมาณ ๗๐ ปี เพราะท่านท้าวแก้วผลึก(น้อย) ผ้สู ร้างวดั จุฬามณีนเ้ี ปน็ คนในแผ่นดินพระเจ้าปราสาททอง เป็นธิดาท่านพลอย เป็นน้องสาวท่านชี ท่านชีเป็น มารดาของท่านเศรษฐีทอง จะเป็นด้วยว่า วัดจุฬามณี(วัดแม่เจ้าทิพย์)นั้นเป็นวัดเก่าแก่จริงๆซึ่งควรค่าแก่ การศกึ ษาค้นคว้าแต่ก็คงยากพอสมควร เพราะว่าสภาพเก่าแก่ของวัดได้ถูกธรรมชาติรบกวนทาลายปรักหักพัง ไปเกือบหมดสิ้นแล้ว พระอุโบสถเกา่ แกท่ ีเ่ ชอ่ื ว่าทา่ นเศรษฐีทอง เศรษฐีสั้นมาถือศีลรักษาอุโบสถได้ถูกร้ือทิ้งลง ไปเพราะธรรมชาติได้ทาลายจนใช้การไม่ได้แล้ว ทางวัดในสมัยท่านพระครูโกวิทสมุทรคุณ(เนื่อง) จึงทาการ

16 สรา้ งอุโบสถในบริเวณทต่ี รงนั้นด้วยประการหน่ึง อีกประการหนึ่งอุโบสถหลังเก่าพังยุบลงมาเหลือแต่ฐานล่าง แลว้ จงึ ต้องรอื้ ไป วัดจุฬามณี ได้เคยเจริญรุ่งเรืองมาแล้วเพราะมีสมภารเจ้าอาวาสเป็นผู้มีสติปัญญาปราดเปร่ือง นาม ของท่านช่ือว่า ท่านพระอธิการเนียม นัยว่าท่านเป็นเจ้าอาวาสองค์ท่ี ๒ ที่สืบมาได้ของวัดจุฬามณี ท่านพระ อธิการเนียมรูปนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าสืบกันมาว่า ท่านเช่ียวชาญทางหนังสือขอม ในสมัยน้ันท่านสามารถให้ กัมมฏั ฐานกบั บรรดาผู้ที่ใส่ใจเลือ่ มใสใคร่อยากเรียนปฏบิ ัติ ไมเ่ พยี งเท่าน้ันทา่ นยงั สามารถเป็นครูสอนหนังสือ มี ญาติโยมสง่ ลูกหลานเขา้ มาเรียนเป็นจานวนมาก จนสามารถตั้งเป็นโรงเรียนสอนหนังสือไทยและหนังสือขอม ขึ้นในวัดจุฬามณไี ด้ ต่อมาท่านได้ละสังขารไป เม่ือสิ้นท่านไปเสียแล้วในราวปีพุทธศักราช ๒๔๕๙ วัดจุฬามณี เกือบจะเป็นวัดร้างมีพระจาพรรษาอยู่เพียงไม่กี่รูป จนวัดเสื่อมสภาพทรุดโทรมปรักหักพังเสียเป็นส่วนให ญ่ ชาวบ้านทนดูสภาพความเสอื่ มของวัดอยู่ไม่ไดจ้ งึ ไดป้ ระชมุ ปรกึ ษาหารอื กนั โดยมีกานันตาบลปากง่าม(ปัจจุบัน คือตาบลบางช้าง)เปน็ ประธานมีความเห็นตกลงกันว่า ควรไปขออาราธนาพระอาจารย์แช่ม โสฬส ซ่ึงเป็นพระ ลกู วัดจาพรรษาอยู่ในวัดบางกะพ้อม มีพรรษาและคุณวุฒิความรู้ดีพอท่ีจะปกครองวัดให้เจริญรุ่งเรืองได้ จาก หลวงปูค่ ง ธมฺมโชโต เจ้าอาวาสวัดบางกะพ้อม สมัยนั้นหลวงปู่คงท่านทราบความประสงค์ท่านก็ไม่ขัดข้อง ได้ ส่งหลวงพ่อแชม่ โสฬส ผู้เป็นศิษย์ทีท่ า่ นไดอ้ บรมสั่งสอนประสิทธิ์ประสาธน์วิชาธรรมปฏิบัติเป็นอย่างดีมาเป็น เจา้ อาวาส เมื่อหลวงพอ่ แชม่ ท่านได้มาแลว้ ทา่ นได้ริเริ่มปลูกสร้างเสนาสนะสงฆ์และสร้างศาลาการเปรียญ จวบ จนกระทง่ั เสรจ็ เรียบรอ้ ยเมือ่ ปพี ุทธศักราช ๒๔๘๓ ท่านได้ปฏิบัติภารกิจต่างๆท่ีเก่ียวข้องกับสาธุชนด้วยความ เมตตานุเคราะห์เป็นอย่างดีเจริญรอยตามหลวงปู่คงผู้อุปัชณาย์เพียบพร้อมทุกประการ มาถึงปีพุทธศักราช ๒๔๘๙ หลวงพอ่ แชม่ โสฬส ทา่ นจึงไดม้ รณภาพลงดว้ ยอายุ ๘๔ ปี ทาการประชมุ เพลงิ ในปีพทุ ธศักราช ๒๔๙๑ การประชมุ เพลงิ ท่านส้นิ สุดลงแล้ว ทางการคณะสงฆจ์ งั หวดั เห็นสมควรทีจ่ ะแต่งตั้งพระภกิ ษเุ น่อื ง โกวิโท ให้ข้ึน ดารงตาแหนง่ เจ้าอาวาสสบื ตอ่ ไป ซงึ่ ต่อมาก็คือทา่ นพระครูโกวทิ สมทุ รคุณ(เน่ือง โกวิโท เถาสุวรรณ) ท่านรูปน้ี เป็นศษิ ย์ทัง้ ของหลวงปคู่ ง ธมมฺ โชโต และหลวงพ่อแช่ม โสฬส ตามลาดับ วัดจุฬามณี ซ่ึงสันนิษฐานว่าสร้างข้ึนระหว่างปีพ.ศ.๒๑๗๒ ถึงพ.ศ.๒๑๙๐ กุฎีและอุโบสถล้วนสร้าง จากไม้สักไม้เน้ือแข็ง แต่กาลเวลาที่ล่วงเลยย่อมมีการเส่ือมโทรมผุพังตามสภาพเป็นธรรมดา เจ้าอาวาสที่ ปกครองวัดหลายองค์ได้รับภาระบรู ณะซ่อมแซมวัดท่ีมีความสาคัญในประวัติศาสตร์ ให้มีสภาพมั่นคงสวยงาม มาโดยตลอด โดยเม่ือวันท่ี ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๐ พระครูโกวิทสมุทรคุณ(หลวงพ่อเน่ือง) โกวิโท เจ้า อาวาสองค์ก่อน ได้ประชุมคณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์ เพื่อหารือสร้างอุโบสถหลังใหม่ แทนหลังเก่าที่ เสอื่ มโทรม ท่ปี ระชมุ เหน็ ชอบและได้ขอให้หลวงพ่อเน่ือง ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ท่ีมีลูกศิษย์ลูกหาเคารพนับถือท่ัว ประเทศออกวัตถุมงคลเหรียญ “หลวงพ่อเน่ือง” ซึ่งลูกศิษย์ทุกคนเรียกว่า รุ่นแซยิด น.บน และ นะ สังฆาฏิ แจกใหก้ บั ผทู้ รี่ ่วมสร้างอุโบสถหลังใหม่ และแผนงานทุกอย่างดาเนินการไปด้วยดีจนได้มีกาหนดวางศิลาฤกษ์ อุโบสถวัดจุฬามณี ในวันท่ี ๑๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๑ โดยนิมนต์ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก (จวน อุฏฐายี) เสด็จมาประกอบพิธีวางศลิ าฤกษ์ในเวลา ๑๒.๓๐ น. ด้วย ชอ่ื เสยี งของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เนอื่ งไดร้ ะบือนาม ไปจนถึงในพระราชวังจนเมื่อวันท่ี ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๐ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมงกฎุ ราชกมุ ารพร้อมดว้ ยสมเด็จพระโสมสวลีพระวรชายา โดยเสด็จพระราชดาเนนิ เป็นการส่วนพระองค์ มากราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อเนื่อง และในวันเสาร์ที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๕ สมเด็จพระเทพ รตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ก็ได้เสดจ็ พระราชดาเนินถวายผา้ พระกฐินเปน็ การส่วนพระองค์

17 หลวงพ่อเน่ือง ได้ดูแลบูรณะปฏิสังขรณ์วัดจุฬามณี จนเป็นศาสนสถานอันร่มรื่น มีอุโบสถจตุรมุข หินอ่อน ๓ ชั้น กว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร สูง ๑๐ เมตร ท่ีมีมูลค่าก่อสร้างนับสิบล้านบาท ได้มีลูกศิษย์และผู้มีจิต ศรัทธาได้บรจิ าคเงินร่วมสมทบการก่อสร้างจนเงินเกนิ งบประมาณ หลวงพ่อเนื่องไดเ้ ฝ้าติดตามดูแลอุโบสถหลัง ใหม่ ที่สร้างด้วยความปราณีตพิถีพิถันอยู่นานถึง ๒๐ ปีเศษ อุโบสถก็กาลังจะเสร็จสมบูรณ์เหลือเพียงบาน หน้าตา่ งอกี เพียงไมก่ ี่บาน และพ้ืนอุโบสถท่ปี ูหนิ อ่อนใกล้จะเสร็จเรียบร้อย แล้วในวันท่ี ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๐ เวลา ๐๖.๒๐ น. หลวงพ่อเน่ืองก็ได้ละสังขารไปอยา่ งสงบ ทงิ้ ไว้แต่ผลงานสรา้ งวดั จฬุ ามณีให้ร่มรื่น เงิน สดอีก ๒๙ ล้านบาทเศษ และอุโบสถหินอ่อนท่ีใกล้จะแล้วเสร็จให้เจ้าอาวาสองค์ใหม่รับช่วงดาเนินการต่อไป ทา่ มกลางน้าตาและความโศกเศรา้ ของลกู ศิษยล์ กู หา ต่อจากนั้นพระอาจารยอ์ ฏิ ฐ์ ภททฺ จาโร ศิษย์เอกของหลวงพ่อเนื่อง ได้ก้าวขึ้นสู่ตาแหน่งเจ้าอาวาสวัด จุฬามณีด้วยวัยแค่ ๓๒ ปี พรรษา ๑๒ จากการลงคะแนนเลือกต้ังถึง ๒ คร้ัง โดยมีผู้เล่ือมใสในวัดจุฬามณีได้ ร่วมกันลงคะแนนให้ความสนับสนุนอย่างท่วมท้นท้ัง ๒ ครั้ง และได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าคณะจังหวัด สมทุ รสงคราม ใหด้ ารงตาแหนง่ เจ้าอาวาสวัดจฬุ ามณี เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๒ พระอาจารย์อิฏฐ์ เร่มิ งานแรกด้วยการนาเงนิ จานวน ๓๐ ล้านบาท ไปจดั ต้งั มลู นธิ ิ“หลวงพ่อเน่ือง โกวิ โท” นาดอกผลมาบารงุ สงฆ์ในวัด พฒั นาวัด และช่วยเหลอื สาธารณะตามสมควร จากน้ันก็ได้สานต่องานสร้าง อโุ บสถของหลวงพ่อเนื่องท่ียังค้างอยู่ ปูพื้นอุโบสถชั้นบนสุดที่ยังค้างอยู่ด้วยหินหยก จากกรุงการาจี ประเทศ ปากสี ถาน จนแลว้ เสรจ็ สร้างบานหน้าตา่ งด้านทศิ เหนอื ท่ียงั คา้ งอย่อู ีก ๖ บาน ขนาดกว้าง ๔๐ ซ.ม. หนา ๑๐ ซ.ม. สูง ๓.๑ เมตร ดา้ นในแกะสลกั เปน็ ลายไทย และเรือ่ งราวในนทิ านชาดก ด้านนอกจะเป็นงานฝีมือสมุกรัก ฝังมุก ภาพตราพระราชลัญจกร ประจารชั กาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ,รัชกาล ที่ ๒ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลัย ,รัชกาลท่ี ๓ พระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ,รัชกาลท่ี ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,รัชกาลท่ี ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช , รัชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว , รัชกาลที่ ๗ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว , รัชกาลท่ี ๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ,รัชกาลท่ี ๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอ ดุลยเดชมหาราช ,พระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตก์พระบรมราชินีนาถ สก. ,สมเด็จพระศรีนคริน ทราบรมราชชนนี สว. ,สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจ้าฟา้ มหาวชริ าลงกรณ์ สยามบรมราชกุมาร มวก. ,สมเด็จ พระเทพรัตนราชสดุ า เจา้ ฟา้ มหาจักรสี ริ นิ ทร สยามบรมราชกุมารี สธ. ,สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ วลัยลักษณ์อัครราชกุมารี จภ. ,ตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก.) ๒๔๘๔ ,นพรัต นราชวราภรณ์ (น.ร.) ๒๔๘๔ ,ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ (ป.จ.ว.) ๒๔๖๑ ,มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) ๒๔๕๒ ,มหาวชิรมงกฎุ (ม.ว.ม.) ๒๔๑๖ ,ประถมภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.) ๒๔๑๒ ,ประถมภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.) ๒๔๓๖ ภาพสมกุ รักฝังมกุ ทุกภาพจะมลี ักษณะวงกลม เส้นผา่ ศูนย์กลาง ๒๐ ซ.ม. อยใู่ นกรอบส่ีเหลี่ยมของบาน หน้าต่าง บานละ ๗ ภาพ บานซา้ ยและบานขวาของแตล่ ะช่องหนา้ ต่างจะเป็นภาพท่ีเหมือนกันเมื่อรวมกับช่อง บานหน้าต่าง ทวารประตูอุโบสถทั้งสี่ทิศแล้ว อุโบสถวัดจุฬามณี นอกจากนี้ยังมีภาพตราแผ่นดิน ตรา เครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณ์ เรื่องราวของพระพุทธประวัติ นทิ านชาดกต่างๆ ใหป้ ระชาชนไดศ้ ึกษาอีกนับเปน็ จานวน กว่า ๒๐๐ ภาพ ซ่งึ ขณะนีแ้ ลว้ เสรจ็ มผี ู้คนทส่ี นใจมาขอเขา้ ชมเป็นจานวนมาก

18 ความเปน็ มาของการเขยี นจติ รกรรมฝาผนังอุโบสถของวัดจุฬามณี ท่านพระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (พระอาจารย์ อิฏฐ)์ เจ้าอาวาสวดั จฬุ ามณี ตาบลบางช้าง อาเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม กาหนดจัดสร้างจิตรกรรมฝา ผนังในอุโบสถของวัดซง่ึ เปน็ อโุ บสถหินอ่อน จตุรมุข ๓ ชัน้ ชั้นฐานกวา้ ง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร สูง ๑๐ เมตร ประตูหนา้ ต่างดา้ นในแกะสลักเปน็ ลายไทย ส่วนดา้ นนอกเป็นงานฝีมือสมุกรักฝังมุก มีอัลลอยด์ลายดอกไม้เถา ทุกประตแู ละหน้าต่าง และหน้าตา่ งด้านนอกมีรปู เทพประจาทิศเป็นอลั ลอยด์ อาจารยอ์ ิฏฐ์ กลา่ วว่า มูลเหตุจงู ใจในการสรา้ งจติ รกรรมฝาผนังอโุ บสถของวัดน้ี เน่อื งจากตลอดเวลาท่ี เข้าไปทากจิ กรรมของสงฆ์ในอโุ บสถ เช่น ทาวัตร สวดมนต์ ทุกครั้งท่ีมองไปรอบ ๆ ฝาผนังและเพดานอุโบสถ ลว้ นเหน็ แต่ชอ่ งว่างเปล่า น่าเสียดายพน้ื ท่วี า่ งเปล่าไม่ไดป้ ระโยชนเ์ หล่าน้ี จึงคิดท่ีจะสร้างจิตรกรรมฝาผนังและ เพดานอุโบสถไว้เพ่ือเตือนใจและจูงใจให้ศาสนิกชนได้ใฝ่ใจในธรรมะยิ่งขึ้น และยังเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจ ศึกษาในศิลปกรรมจากจิตรกรรมฝาผนัง เป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาใน เวลาเดียวกัน จึงได้ว่าจ้างช่างเขียนภาพจิตรกรรมในศิลปแบบอยุธยาผสมสานกับแบบรัตนโกสินทร์ ซึ่งท่าน พระอาจารย์อฏิ ฐเ์ รียกภาพจติ รกรรมน้วี ่าศลิ ปแบบ “รตั โนธยา” ได้เริ่มต้นการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังและ เพดานอโุ บสถ ลาดบั จา้ อาวาส วัดจุฬามณี ท่ีสืบไดม้ ดี ังนี้ ๑.พระอธกิ ารอนิ มรณภาพ ๒.พระอธิการเนยี ม มรณภาพ ๓.พระอาจารยแ์ ปะ๊ ลาสกิ ขาบท ๔.พระอาจารย์ปาน ลาสิกขาบท ๕.หลวงพอ่ อว่ ม มรณภาพ ๖.พระอาจารย์น่มุ มรณภาพ ๗.หลวงพ่อแชม่ มรณภาพ ๘.หลวงพ่อเนื่อง (พระครโู กวทิ สมุทรคณุ เน่ือง โกวิโท)เถาสุวรรณ มรณภาพ ๙.พระอาจารยอ์ ิฏฐ์ (พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ อิฏฐ์ ภทฺทจาโร) นอ้ ยมา องค์ปัจจุบัน

19 วดั ชา้ งเผือก ตาบลบางช้าง ทอี่ ยู่ : วัดช้างเผือก ตาบลบางช้าง อาเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม วัดในบริเวณใกลเ้ คียง วัดดาวดึงษ์ วัดช้างเผือก วัดจุฬามณี วัดบาง พรหม วดั พระยาญาติ วัดลงั กา วัดอลงกรณ์ โ ร ง เ รี ย น ใ น บ ริ เ ว ณ ใ ก ล้ เ คี ย ง วั ด ช้ า ง เ ผื อ ก โรงเรียนวัดจุฬามณี(มาลยานุสาวรีย์) โรงเรียน วัดช้างเผือก(วัฒนคชาราษฎร์ศึ โรงเรียน อนบุ าลอมั พวา(ไวยประชานุกลู ) วัดดาวดงึ ษ์ ตาบลบางชา้ ง วดั ดาวดงึ ษ์ ประเภท: การท่องเที่ยว สถานท่สี ักการะ วัด Marker Icon ถนน ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 325 ตาบล บางช้าง อาเภอ อัมพวา จงั หวัด สมทุ รสงคราม 75110 Phone Icon (+66) 34771845 สมุทรสงคราม แหล่งน้าศักด์ิสิทธ์ิ สามแยกตักน้า มุรธาภิเษก ท่ีบริเวณหน้าอุโบสถวัดดาวดึงษ์ ตาบล บางช้าง อาเภออัมพวา นาง สกุ านดา วรเชษฐบัญชา ผู้ว่า ราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ได้ลงตรวจพ้ืนที่ บริเวณดังกล่าว ซ่ึงเป็นพ้ืนท่ีประกอบพิธีกรรมตักน้าเพื่อไป ประกอบพธิ ีเสกน้าพระพุทธมนต์ศักด์ิสทิ ธิ์ บริเวณคลองสามแยกหน้าวัดดาวดึงษ์ อ.อัมพวา จ. สมุทรสงคราม บรเิ วณจุดทก่ี าหนดตกั นา้ ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ เปน็ บรเิ วณ สามแยกทีน่ า้ ไหลมาจาก 3 คลอง คือ คลองผีหลอก คลองอัมพ วา และคลองดาเนินสะดวก นา้ จะไหลมาบรรจบกัน ณ. จุดนี้ ซึ่งบริเวณจุดตัดดังกล่าวเป็นวังน้าวน ท่ีลึกที่สุด ในบริเวณน้ัน เพราะน้าที่ท่าหน้าวัดน้ีใช้ในพิธีบรมราชาภิเษกทุกรัชกาลมาถือเป็นน้าศักด์ิสิทธ์ิแห่งหน่ึงท่ีใช้ สาหรับกษัตริย์ สรงน้ามูรธาภิเษก ตามประวัติศาสตร์เม่ือวันท่ี 22 กรกฎาคม 2447 พระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 5 ได้เสด็จประภาสต้น ณ. คลองอัมพวา และได้เสด็จประทับยังศาลาการ เปรียญในวัดดาวดึงษ์และได้จัดทาเคร่ืองเสวยในบริเวณนี้อีกด้วย จึงถือได้ว่าน้าที่คลองสามแยก หน้าวัด ดาวดึงษ์แหง่ น้ีเปน็ น้าศักด์ิสทิ ธิ์ และไดอ้ ัญเชิญมาประกอบพระราชพิธีบรมราชาภเิ ษกอยา่ งต่อเน่ืองจากอดีตมา จนถึงปัจจุบัน จากท่ผี วู้ ่า ได้ลงพ้นื ทใ่ี นครัง้ น้เี พื่อเตรยี มความพรอ้ มก่อนถึงวนั จัดพิธจี รงิ ต่อไป

20 วัดบางพรหม ตาบลบางช้าง ประวตั คิ วามเป็นมา ตาบลบางพรม เป็นตาบลที่ตั้งอยู่ในเขตการ ปกครองของอาเภอบางคนที ประกอบไปด้วย 8 หมู่บ้าน ไดแ้ ก่ หมู่ 1 บ้านบางพรม หมู่ 2 บ้านคลองตาสาม หมู่ 3 บ้านบางพลับ หมู่ 4 บ้านบางพลับ หมู่ 5 บ้านคลอง ขนมจีนใต้ หมู่ 6 บ้านคลองต้นมูกแถว หมู่ 7 บ้านคลอง หนองออ้ หมู่ 8 บ้านคลองไทร เขตพืน้ ที่ ทิศเหนือ ติดกับ ต.กระดงั งา อ.บางคนที จ.สมทุ รสงคราม ทศิ ใต้ ติดกบั ต.บางช้าง อ.อมั พวา จ.สมุทรสงคราม ทศิ ตะวันออก ติดกบั ต.บางกระบอื อ.บางคนที จ.สมทุ รสงคราม ทศิ ตะวันตก ตดิ กบั ต.บางก้งุ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม สาธารณปู โภค จานวนครวั เรอื นที่มีไฟฟา้ ใช้ในเขต อบต. 718 ครวั เรือน คิดเป็นรอ้ ยละ 100.00 จานวนบา้ นทม่ี ี โทรศพั ท์ 685 หลงั คาเรือน คิดเปน็ ร้อยละ 95.40 ของจานวนหลงั คาเรือน ผลติ ภัณฑ์ ลน้ิ จี่-ส้มโอ วัดพระยาญาติ ตาบลบางช้าง วัดพระยาญาติ เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่าย มหานิกาย ต้ังอยู่ท่ี ตาบลบางช้าง อาเภออัมพวา จังหวดั สมทุ รสงคราม ต า บ ล บ า ง ช้ า ง อ า เ ภ อ อั ม พ ว า จั ง ห วั ด สมุทรสงคราม 75110, ประเทศไทย ท่ีอยู่นี้ตั้งอยู่ใน ตาบล บางช้าง และอยู่ในย่านของ อาเภอ อัมพวา, สมุทรสงคราม

21 วดั ลังกา ตาบลบางชา้ ง ประวัติวัดลงั กา วัดลังกาตั้งอยู่ท่ีบ้านวัดลังกา หมู่ที่ 8 ต า บ ล บ า ง ช้ า ง อ า เ ภ อ อั ม พ ว า จั ง ห วั ด สมทุ รสงคราม วัดลงั กาเป็นวัดโบราณวัดหนึ่ง เล่า กันว่า พื้นท่ีบริเวณที่สร้างวัดเดิมเป็นป่าไม่มี เจา้ ของ มีพระแขก 2 รปู พดู ไทยไม่ไดม้ าพกั อาศัย อยู่ ชาวบ้านเกิดศรัทธาจึงสร้างกุฏิเล็ก ๆ 2 หลัง ถวายเป็นท่ีพักและอาราธนาให้ท่านอยู่จาพรรษา ณ ท่ีน้ี พระ 2 รูป จงึ อยู่มาจนมรณภาพ ในระหว่างน้ันมีพระภิกษุจากสานักอ่ืนมาพักอาศัยด้วย ต่อมาวัดนี้ได้รับ การปฏสิ ังขรณ์และสรา้ งถาวรวตั ถุ ศาสนสถาน โดยความร่วมมอื ทง้ั ฝา่ ยสงฆ์ และชาวบ้านในตาบลนี้ เม่ือขอตั้ง เปน็ วัดเมอื่ พ.ศ.2379 จงึ ตง้ั ชอื่ ว่า “วัดลงั กา” เพอ่ื เปน็ อนุสรณ์แก่พระแขก 2 รูปนั้น ซ่ึงน่าจะเป็นพระจากศรี ลังกามากกว่าอินเดีย เพราะชาวศรีลังกาส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา สภาพของวัดลังกาในระยะแรกไม่ค่อย เจริญนัก เพราะชาวบ้านมาต้ังบ้านเรือนทามาหากินยังน้อย และใกล้ ๆ วัดลังกาก็มีวัดอีก 2 วัด คือ วัดโรง ธรรม และวัดใหม่ตาภักด์ิ (วัดพักตราราม) แต่ด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ชาวบ้านได้ช่วยกันทานุ บารุงวัด เพื่อมิให้วัดสลายตัวลงไป จึงได้อาราธนาพระจากท่ีอ่ืนมาจาพรรษาจนถึงสมัย พระอธิบายโต๊ะ พฺรหมฺสโร เป็นเจ้าอาวาสวัด จึงได้เจริญข้ึน ประชาชนให้ความร่วมมืออย่างดี ร่วมกันสร้างอุดบถ กุฏิสงฆ์หอ สวดมนต์ หอฉัน สร้างด้วยไม้ทั้งสิ้น ทาให้วัดลังกาเจริญอยู่ได้มาจนทุกวันน้ี ด้วยความเล่ือมใสศรัทธาของ ประชาชน ซ่ึงแสดงว่าการอบรมสง่ั สอนของภิกษสุ ามเณรซมึ ซบั เขา้ ไปในจิตในของชาวบา้ น ปัจจุบันทางรถยนต์สะดวกมาก เข้าได้ 2ทาง คือ ถนนแม่กลอง –บางแพ ผ่านทางเข้าวัดจุฬามณี วัดดาวดึงส์ แล้วถึงวัดลังกา อยู่ทางขวามือ ถ้ามาจากตลอดแม่กลอง เข้าทางหมู่บ้านเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ทางเข้าวดั ดาวโดง่ ขา้ มสะพานใหม่คลองแมก่ ลอง ทางเขา้ อยขู่ วามือ ถึงทางแยกแรกเลยี้ งซ้าย แล้วตรงไปเรื่อย ๆ มปี า้ ยบอกทางเขา้ วัดลังกาอยู่ดา้ นซ้ายมือ #ปจั จุบันวดั กาลงั สร้างเขอ่ื น หนา้ วัด วัดอลงกรณ์ ตาบลบางช้าง วดั อลงกรณ์ อยู่ที ถนน โครงการวดั อลงกรณ์ หมู่ 1 ตาบล บางช้าง อาเภอ อมั พวา จังหวดั สมทุ รสงคราม 75110

22 วัดโคกเกตบุ ญุ ญศิริ ตาบลปลายโพงพาง วัดโคกเกตุบุญญศริ ิ ต้ังอยู่ทีบ่ ้านโคกเกตุ หมู่ท่ี 7 ตาบลปลายโพงพาง อาเภออัมพวา จังหวัด สมุทรสงครามได้เริ่มต้ังเป็นสานักสงฆ์ เม่ือ พ.ศ. 2440 วัดน้ีมีต้นเกดใหญ่อยู่บนโคกจึงช่ือว่า \"วัด โคกเกตุ\" พระอธิการบุญมี สายทอง เป็นผู้ริเร่ิม ก่อสร้างและได้รับอนุญาตจัดตั้งเป็นวัดในปี เดียวกัน คือ พ.ศ. 2440 ได้รับวิสุงคามสีมาและ ผูกพทั ธสีมาอุโบสถ เม่ือ พ.ศ. 2445 วัดนี้เป็นวัด ที่ค่อนข้างใหญ่ มีการ่อสร้างอุโบสถมาแล้ว 3 หลัง ตั้งแต่สมัยเร่ิมสร้างวัดต่อมาได้ทรุดโทรมไป จึงสร้างใหม่ ในสมยั พระอธกิ ารวงศ์ นวลจันทร์ เป็นเจ้าอาวาส และขอวิสุงคามผูกพัทธสีมาใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2478 หลังที่ 3 สมัยหลวงพอ่ ช่อ เมอ่ื พ.ศ. 2519 วัดนไี้ ดร้ ับการบรู ณปฏสิ งั ขรณต์ ลอดมา ปรับระบบการกอ่ สร้าง จนมีระเบียบ สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยงิ่ เจ้าอาวาสองคป์ จั จบุ ัน คือ พระครใู บฎีกาชอ่ บุสสระ หรือครูสังวรานุโยค ท่านเป็น พระนกั พฒั นา ไดร้ บั ตาแหน่งเจ้าอาวาส เมอ่ื วันที่ 4 กุมภาพนั ธ์ 2496 นับถงึ ปัจจบุ ัน เป็นเวลา 51 ปีแล้ว ท่าน ได้สร้างความเจริญให้แก่วัดโคกเกตุมากมาย วัดน้ีจึงพร้อมด้วยศาสนสถาน และศาสนวัตถุ มีระเบียบวินัย พระสงฆ์ประพฤติปฏิบัติดี ประชาชนมีความเลื่อมใสศรัทธาได้บริจาคทรัพย์สิน ที่ดิน และอุทิศส่ิงต่างๆ ที่ จาเปน็ แก่วัดเปน็ จานวนมาก ส่งิ สาคัญของวดั ท่ีควรชม และนมสั การ ไดแ้ ก่ 1. พระประธานในอโุ บสถ เป็นพระปนู ปนั้ ปางมารวิชัยคูม่ ากบั วัด 2. กุฏิสงฆท์ รงไทย มรี ะเบยี บสวยงาม 3. สานักชี “เกตสุ ันตนิ ารี” ซง่ึ หลวงพ่อช่อ เปน็ ผบู้ ริจาคปัจจัยส่วนตัว ซือ้ ทีด่ ินใหว้ ดั นี้พระยังพายเรือบิณฑบาต อยู่ เพราะหน้าวดั ติดกบั คลองขดุ ตากล่อม จงึ มีพระบิณฑบาต ท้ังทางบก และทางน้า อนึ่งน้ามนต์หลวงพ่อช่อ นิยมนับถือกนั มา 50 ปแี ลว้ ว่า คา้ ขายดีนักแล ทางวดั ต้องเตรยี มน้ามนต์ไวถ้ งึ วนั ละ 3 ตุ่ม การเดินทาง เดินทางไปวดั โคกเกตทางบกสะดวกกว่าใช้เส้นทางถนนแม่กลอง – ปากท่อสายเก่า จาก สะพานพระราม 2 ผ่านสะพานข้ามคลองบางเรือหักเลี้ยวซ้ายตรงไป แล้วเลี้ยวซ้ายถึงทางแยกตรงไปเร่ือยๆ ผ่านวัดธรรมสถิตติ์ฯ (วดั คู้) วัดประชาโฆสิตาราม ถึงทางเขา้ วดั โคกเกตุอยู่ซ้ายมือ หน้าทางเข้ามีซุ้มประตูใหญ่ บอกช่ือวัด ทางหลวงชนบท สส. 2012 เจ้าอาวาสวดั โคกเกตุฯ พระครูสังวรานุโยค โทร. 034 – 732809 รองเจ้าอาวาส พระครสู ริ ิพัชรญาณ โทร. 034 – 732808 , 089 – 9145517

23 วัดประชาโฆสติ าราม ตาบลปลายโพงพาง วัดประชาโฆสิตาราม เดิมช่ือว่า “วัดบางนกแขวก” ตามช่ือคลองและช่ือ หมู่บ้าน ตั้งอยู่ท่ี หมู่ที่ ๒ ตาบลปลาย โพงพาง อาเภออมั พวาจังหวัดสมุทรสงคราม เดิมมีเนอ้ื ท่ี ๑๙ ไร่ ๑ งาน ๓๗ ตารางวา วัด น้ีสันนิษฐานว่าสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๒๕๑ตรง กบั ปลายสมัยพระพุทธเจา้ เสือ กษัตริย์องค์ท่ี ๑๙ สมัยกรุงศรีอยุธยาสาหรับรายชื่อเจ้า อาวาสองค์ก่อนๆ ไม่สามารถจะสืบทราบได้ เพราะการบันทึกได้ขาดหายไป ท่ีสืบทราบได้มี ประวตั ิความเปน็ มา ดังนพี้ ระอธกิ ารช่อ ในสมัยของท่าน ได้มีการย้ายพระอุโบสถหลังเก่าไปทางทิศเหนือของ วัด ลักษณะของพระอุโบสถเป็นแบบอาคารไม้มุงด้วยจากและได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมาใหม่ ต่อมาใน สมัยของพระอธิการผ้ึงซึ่งเป็นเจ้าอาวาสปกครองต่อจากพระอธิการช่อ ในราวปี พ.ศ.๒๔๒๒ปรากฏว่าพระ อุโบสถที่สร้างในสมัยพระอธิการช่อนั้น ได้ชารุดทรุดโทรมนายเมือง นางขา ได้มีจิตศรัทธา ปฏิสังขรณ์ขึ้นมา ใหม่เปลีย่ นมาเป็นแบบก่ออิฐถอื ปูน มงุ ดว้ ยกระเบือ้ งดินเผา สร้างทับหลังเก่าและได้สร้างพระประธานข้ึนใหม่ หน่งึ องค์ หน้าตักกวา้ ง ๓ ศอก ๙ นวิ้ ต่อมา ในราวปี พ.ศ.๒๔๔๓ พระอาจารย์บุญมี พระภิกษุในวัดได้ทาการย้ายศาลาการเปรียญ จาก ริมนา้ ไปทางทิศใต้เปล่ยี นแปลงให้กว้างขวางกว่าเดิม ในปีเดียวกันนี้ นายเมือง นางขาได้สร้างหอสวดมนต์อีก หลงั หนึ่ง พ.ศ.๒๔๖๓ สมยั พระครสู ุนทรโฆสติ (ทองอยู่)เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัด อุโบสถชารุดทรุดโทรมจึงได้ ทาการรื้อแล้วปลูกสร้างใหม่ โดยทาการก่อสร้างในที่เก่าขนาด ๔ วา, ๒ ศอก, ยาว ๑๒ วา ก่ออิฐถือปูน หลังคามุงด้วยกระเบ้ืองดินเผาและสร้างกาแพงแก้วล้อมรอบ โดยมีประชาชนในละแวกนั้นและขุนพัฒน โพงพาง(สมบูรณ์กล้ายประยงค์) และนางตาบกล้ายประยงค์ (ภรรยา) ได้รวบรวมจตุปัจจัยส มทบทุนสร้าง จนแล้วเสร็จในราวปี พ.ศ.๒๔๖๕และในปี พ.ศ.๒๔๖๔๒๔๖๗ได้ทาการก่อสร้างกุฎี หอสวดมนต์ หอฉัน หอ รับแขกรวมทั้งสรา้ งถนนภายในวดั พ.ศ.๒๔๘๐ นางตาบกล้ายประยงค์ ได้มอบกรรมสิทธ์ิ ท่ีดินให้ ๔ ไร่ ๒ งาน ๓๕ตารางวา ให้เป็นท่ี ปลูกสรา้ งอาคารเรียน และสร้างโรงเรียนแบบ ป.๒ ข.พิเศษ ๒ ชั้น ด้วยไม้สัก ขนาดกว้าง ๑๐.๐๐ เมตร ยาว ๑๗.๖๐ เมตรและในขณะเดียวกันก็ได้สร้างบ้านพักครู ศาลาท่าน้า ถนนคอนกรีตโต๊ะเรียนพระพุทธรูปหล่อ ด้วยทองเหลือง หน้าตกั กวา้ ง ๒๔ น้วิ พร้อมดว้ ยกระจก พ.ศ.๒๔๘๑ – ๒๔๘๗ นางตาบกล้ายประยงค์ พร้อมด้วยญาติได้ต่อมุขอาคารโรงเรียนและอุปกรณ์ การศึกษา และได้มอบบ้านทรงไทย ๒ ชั้นให้แก่วัดเพ่ือปลูกสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม ในระยะที่พระครู สุนทรโฆสิตเปน็ เจา้ อาวาสได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่วัดอย่างคณานับจนต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๘๕ พระครู สุนทรโฆสิต ได้เปล่ียนชื่อวัดจาก “วัดบางนกแขวก” มาเป็น “วัดประชาโฆสิตาราม” พ.ศ.๒๔๘๕พระครู

24 สุนทรโฆสิต ได้มรณภาพลง ต่อมาพระวิจารณ์ ฐานวิจาโร (หลวงพ่อคล่ีฐานวิจาโร (ศิริสวัสดิ์)) (ต่อมามีสมณ ศักดิเ์ ปน็ พระครูสมทุ รวจิ ารณ)์ ได้รับการแตง่ ต้งั ใหเ้ ปน็ เจา้ อาวาส ขณะที่ปกครองวัดประชาโฆสิตารามน้ันหลวง พอ่ ท่านไดท้ าการวางแผนผังวัดใหม่อันเนื่องมาจากสิ่งท่ีปลูกสร้างมาตั้งแต่คร้ังก่อนได้ชารุดทรุดโทรมและคับ แคบ จึงได้ทาการซอ่ มแซม ร้อื ถอนทาการปลูกสร้างใหม่ให้เป็นระเบียบอันได้แก่ กุฏิ หอฉัน ศาลาการเปรียญ ศาลาเอนกประสงค์ โรงพิธีศาลาบาเพ็ญกุศล สะพานข้ามคลอง โรงเรียนพระปริยัติธรรม ศาลาท่าน้าโรงครัว สถานีอนามัยวัดประชาฯ + อุปกรณ์ทางการแพทย์ โรงเรียนวัดประชาฯ + อุปกรณ์การเรียน, ทุนการศึกษา ซุ้มป้ายวัด ถนนทางเข้าวัดบ่อน้าบาดาลชุมชน ปรับปรุงคลองชลประทาน ทาเข่ือนก้ันน้าริเริ่มชุมชนแผ่นดิน ธรรม แผ่นดินทอง เปน็ ต้น พ.ศ.๒๕๑๓ได้พิจารณาเห็นวา่ พระอุโบสถหลังเก่ามีสภาพชารุดทรุดโทรม และคับ แคบหลวงพ่อทา่ นจงึ สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ข้ึนมาแทน (ทาการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถเก่าให้เป็นวิหาร แทน)ในทีด่ นิ ของ นางสาวเปรียบกรสวัสดซ์ิ ึง่ ถวายกรรมสทิ ธิ์(โฉนดที่ดนิ )ให้แก่วัดในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายนพ.ศ. ๒๕๑๙จานวน ๒ ไร่ ๒งาน ๒ ตารางวา โดยท่ีพระอุโบสถหลังใหม่ มีความกว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๓๖เมตรทรง เหยียบมุข ๓ ชั้น ๒๖ ไร่ ๑ งาน ๗๒ ตารางวา ใต้ถุนสูง ๔ เมตร วางศิลาฤกษ์ เม่ือวันท่ี ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๔ โดยพระธรรมปฎิ ก (อดตี เจ้าอาวาสวัดประทมุ คงคาในสมัยน้ัน) วันท่ี๒๒พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๒สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารได้เสด็จพระราช ดาเนินมาทาพิธยี กชอ่ ฟ้าพระอโุ บสถ รวมทัง้ ไดพ้ ระราชทานพระปรมาภไิ ธยยอ่ ภ.ป.ร. ประดิษฐานหน้าบันพระ อุโบสถของวัด วันท่ี ๗ มิถนุ ายน พ.ศ.๒๕๒๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้ เสดจ็ พระราชดาเนินเททองพระประธานปฏมิ ากรสาหรบั ประดิษฐานไวห้ นา้ พระอโุ บสถ วนั ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒สมเดจ็ พระบรมโอสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารเสด็จพระราชดาเนิน มาทาพิธีตดั หวายลูกนิมติ วดั ประชาโฆสติ าราม เป็นวดั ที่ใหญ่และเจริญรุ่งเรืองวัดหน่ึงของจังหวัดสมุทรสงครามเป็นวัดท่ีมีพระ อาจารยเ์ กจิ ผูม้ ีปฏิปทาทเ่ี ปร่ยี มลน้ ไปด้วยเมตตาธรรม โดยเฉพาะพระครูสมุทรวจิ ารณ์ (หลวงพอ่ คล่ีฐานวิจาโร (วิจารณ์ศิริสวสั ดิ)์ )ทา่ นไดร้ ับสมญานามว่า พระเกจแิ หง่ ล่มุ แม่นา้ แมก่ ลองชาวจังหวดั สมทุ รสงคราม และจังหวัด ใกลเ้ คียง เคารพนบั ถอื ทา่ นมากท่านได้สร้างถาวรวัตถุ และความเจริญรงุ่ เรืองใหแ้ ก่วัดและชุมชนอย่างมากมาย สดุ แต่คณานบั ท่านเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดประชาโฆสิตาราม เป็นระยะเวลา ๔๓ ปีท่านได้มรณภาพลง ใน วันท่ี ๕ มถิ ุนายน พ.ศ.๒๕๓๓ ลาดับเจา้ อาวาส รายชือ่ เจ้าอาวาสองคก์ ่อนๆไม่สามารถจะสืบทราบได้ เพราะการบนั ทึกไดข้ าดหายไปท่ีสบื ทราบไดม้ ี ประวัตคิ วามเป็นมาดงั นี้ ๑.พระอธิการชอ่ ๒.พระอธกิ ารผ้ึง, ๓.พระครสู นุ ทรโฆสิต (หลวงพอ่ ทองอย)ู่ , ๔.พระครูสมุทรวจิ ารณ์ (หลวงพ่อคลฐ่ี านวิจาโร (วิจารณศ์ ิริสวสั ดิ)์ )

25 ปัจจุบัน วัดประชาโฆสิตาราม มีพระอธิการอุทัยอิสฺสรธมฺโม (หลวงพ่ออุทัย เอ่ียมสะอาด) เป็นเจ้า อาวาสได้รับการแตง่ ตงั้ เมือ่ วนั ที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๔ตอ่ จากท่านพระครูสมุทรวจิ ารณ์ทที่ า่ นได้มรณภาพไป พระครสู มุทรวจิ ารณ์ (หลวงพอ่ คลี่) นามเดิม วิจารณ์ นามฉายา ศิริสวัสด์ิ ชาตะเม่ือวันพุธ แรม ๑๒ ค่า เดือน ๙ ปมี ะโรง วนั ท่ี ๗ กัยยายน พ.ศ. ๒๔๔๗ บิดาช่ือ นายคล้า มารดาช่ือ นางหลง ศิริสวัสดิ์ บ้านปลายโพงพาง หมู่ที่ ๖ ตาบลปลายโพงพาง อาเภออมั พวา จงั หวดั สมุทรสงคราม - พ.ศ. ๒๔๖๑ สาเร็จช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ ท่ีโรงเรียนวัดประชาโฆสิตาราม ต.ปลายโพงพาง อ.อัมพวา จ.สมทุ รสงคราม - พ.ศ. ๒๔๖๒ บรรพชาเปน็ สามเณรที่วัดประชาโฆสิตาราม พระครูสุนทรโฆสิต(หลวงอา) เจ้าอาวาส วัดประชาโฆสิตาราม ในสมัยน้นั เป็นพระอุปัชฌาย์ - พ.ศ. ๒๔๖๗ อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดประชาโฆสิตาราม พระครูวิมลศีลาจารย์ วัดปากน้า ต.แควออ้ ม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เป็นพระอุปัชฌาย์ - พ.ศ. ๒๔๗๗ สอบนักธรรมชั้นเอก ได้ในสนามหลวง สานักเรียนวัดพระเชตุพนฯ เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร - พ.ศ. ๒๔๘๐ เป็นผูช้ ว่ ยเจา้ อาวาสวัดประชาโฆสิตาราม - พ.ศ. ๒๔๘๗ เป็นผรู้ ักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดประชาโฆสิตาราม - พ.ศ. ๒๔๙๐ เปน็ เจ้าอาวาสวัดประชาโฆสิตาราม - พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็นพระปลดั ฐานานุกรม ฐานานุศักดิ์ เจ้าคณะอาเภอเมอื งสมุทรสงคราม - พ.ศ. ๒๔๙๕เปน็ ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะตาบลปลายโพงพาง - พ.ศ. ๒๔๙๖ เปน็ พระครสู มุหฐ์ านานกุ รม พระเทพมุนี วดั สังเวชวทิ ยารามกรงุ เทพมหานคร - พ.ศ. ๒๔๙๖ เป็นเจ้าคณะตาบลปลายโพงพาง - พ.ศ. ๒๔๙๗ เป็นผรู้ กั ษาการแทนเจ้าอาวาสวัดคลองโคน - พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นผรู้ กั ษาการแทนเจา้ อาวาสวดั เจรญิ รัตนาราม - พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นพระอปุ ชั ฌาย์ - พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นพระครสู ญั ญาบตั ร เจา้ คณะตาบลชนั้ ตรี - พ.ศ. ๒๕๐๘ เป็นพระครสู ัญญาบัตรเจ้าคณะตาบลช้ันโท - พ.ศ. ๒๕๑๗ เป็นพระครูสัญญาบัตรเจา้ คณะตาบลช้ันเอกท่านเป็นเจา้ อาวาสปกครองวัดประชาโฆสิ ตาราม เป็นระยะเวลา ๔๓ ปี ทา่ นได้มรณภาพลง ในวนั ท่ี ๕ มถิ ุนายน พ.ศ.๒๕๓๓ ท่ีต้งั อยู่ตาบลปลายโพงพาง อาเภออัมพวา วัดประชาโฆสิตาราม เป็นวัดท่ีใหญ่และเจริญรุ่งเรืองวัดหน่ึง ของจังหวดั สมุทรสงครามเปน็ วัดท่ีมีพระอาจารยเ์ กจิ ผู้มปี ฏิปทาท่ีเปร่ียมล้นไปดว้ ยเมตตาธรรม โดยเฉพาะพระ ครสู มทุ รวิจารณ์ (หลวงพ่อคล่ีฐานวิจาโร (วิจารณ์ศิริสวัสด์ิ))ท่านได้รับสมญานามว่า พระเกจิแห่งลุ่มแม่น้าแม่ กลองชาวจังหวดั สมุทรสงคราม และจังหวัดใกล้เคียง วันท่ี๒๒พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๒สมเด็จพระบรมโอรสาธิ ราชสยามมกุฎราชกุมารได้เสด็จพระราชดาเนินมาทาพิธียกช่อฟ้าพระอุโบสถ รวมท้ังได้พระราชทานพระ ปรมาภิไธยยอ่ ภ.ป.ร. ประดิษฐานหน้าบนั พระอุโบสถของวดั

26 เม่ือวันที่ 7 มิถุนายน 2523 ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสด็จพระราช ดาเนนิ เททองพระประธานปฏิมากรในพระอุโบสถ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปลูกต้นพิกุลด้านทิศ ตะวันออกหน้าอุโบสถหลังใหมไ่ ว้อีกด้วยและเมือ่ วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒ สมเด็จพระบรมโอสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารเสด็จพระราชดาเนินมาทาพิธีตัดหวายลูกนิมิตเป็นวัดท่ีใหญ่และเจริญรุ่งเรืองวัดหนึ่งของ จงั หวัดสมุทรสงครามเป็นวัดทม่ี ีพระอาจารยเ์ กจิ ผู้มปี ฏปิ ทาที่เปรี่ยมล้นไปด้วยเมตตาธรรม โดยเฉพาะพระครู สมุทรวิจารณ์ (หลวงพ่อคลี่ฐานวิจาโร (วิจารณ์ศิริสวัสด์ิ) ท่านได้รับสมญานามว่า พระเกจิแห่งลุ่มแม่น้าแม่ กลองชาวจงั หวัดสมุทรสงคราม วดั สี่แยกราษฎร์บารุง ตาบลปลายโพงพาง วัดส่แี ยกราษฎรบ์ ารุงWat Si Yaek Rat Bamrung ทางหลวงชนบทหมายเลข 2009 ต.ปลายโพงพาง อ. อัมพวา จ.สมุทรสงคราม 75110 วัดอมรวดี ตาบลปลายโพงพาง วดั อมรวดี - WAT AMARAWADI ประเภท: การทอ่ งเท่ยี ว สถานทีส่ กั การะ วัด Marker Icon ถนน โยธาธิการ สส. วดั อมรวดี-เหมือง ใหม่ ตาบล ปลายโพงพาง อาเภออมั พวา จงั หวัด สมทุ รสงคราม 75110

27 วัดคลองขุดเล็ก ตาบลแพรกหนามแดง เป็นวัดราษฎรน์ กิ ายมหานกิ าย พืน้ ท่ี หลังวดั ติดคลองขดุ มตี านานพญานาค ลกั ษณะเดน่ วัตถมุ งคลเหรียญหลวงพอ่ เลก็ ศาลพญานาค ประวตั ิ วัดคลองขุดเล็ก วัดใน ต.แพรกหนามแดง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เป็นวดั ราษฎร์นกิ าย มหานิกาย พื้นที่หลังวัดติดคลองขุดมีตานาน พญานาค ปัจจุบันมีพระครูปลัดมงคลวรวัฒน์ ดารงตาแหนง่ เจา้ อาวาส วดั เจรญิ รัตนาราม ตาบลแพรกหนามแดง ชอ่ื แหลง่ ท่องเทย่ี ว : วดั เจรญิ รัตนาราม ประเภทสถานท่ีท่องเทยี่ ว : ศลิ ปะ วฒั นธรรม และแหล่งมรดก สถานทต่ี ้ัง : หมทู่ ี่ 6 ตาบลแพรกหนามแดง หมายเลขติดต่อสอบถาม : 034772069

28 วดั เขายสี่ าร ตาบลยีส่ าร รายละเอยี ดพระวิหาร บนยอดเขามีลักษณะเปน็ รูปเรือ เปน็ ท่ปี ระดิษฐานพระพุทธบาทส่ีรอยซ่ึงเป็นองค์ประธานของวัด ถ้า พระนอนประดษิ ฐานพระพุทธไสยาสน์ซง่ึ มนี ้ิวพระบาทเกา้ น้ิว นอกจากนด้ี ้างลา่ งยงั มีศาลประดิษฐานหลวงพ่อ ปศู่ รรี าชามคี วามศักดส์ิ ิทธิเ์ ปน็ ที่เคารพนับถือของชาวบ้านท่ัวไป มีงานนมัสการหลวงพ่อปู่กลางเดือนอ้ายของ ทกุ ปี ลักษณะเด่น มีภูเขาลูกเดียวในจังหวัด3สมุทร (สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ) -มีการเผาถ่านด้วยไม้ โกงกาง แห่งเดียวท่ีได้รับอนุญาต -มีการปลูกป่าโกงกางและตัดโดยถูกกฎหมายแห่งเดียวที่ได้รับอนุญาต - มีอาหารท้องถ่นิ ที่อรอ่ ยและมีช่ือเสียง ประวัติวัดเขายสี่ าร เปน็ วดั เก่าแก่สนั นิษฐานว่าสรา้ งมาแตค่ รัง้ กรงุ ศรีอยุธยาตอนปลาย ส่ิงที่น่าสนใจได้แก่ พระวิหาร บน ยอดเขามีลักษณะเป็นรูปเรือ เป็นท่ีประดิษฐานพระพุทธบาทส่ีรอยซึ่งเป็นองค์ประธานของวัด ถ้าพระนอน ประดษิ ฐานพระพทุ ธไสยาสนซ์ ง่ึ มีนว้ิ พระบาทเก้านว้ิ นอกจากน้ีดา้ งลา่ งยงั มีศาลประดษิ ฐานหลวงพ่อปู่ศรีราชา มคี วามศักดส์ิ ิทธ์เิ ป็นทีเ่ คารพนบั ถือของชาวบ้านท่วั ไป มงี านนมสั การหลวงพอ่ ปกู่ ลางเดือนอา้ ยของทกุ ปี

29 วัดบุญนาคประชาสรรค์ ตาบลยส่ี าร สถานทีต่ ้งั ตาบลย่ีสาร อาเภออาเภออัมพวา จังหวัดสมทุ รสงคราม ความสาคัญ/ลกั ษณะ เป็นวัดที่ต้ังขึ้นใหม่ เดิมเป็นสานักสงฆ์ และชื่อเดิมว่า วัดต้นลาแพน เพราะทิศใต้ของวัดติดกับคลองลาแพน ส่ิงสาคัญได้แก่ พระพุทธรูปหล่อปางสมาธิ และ พระพุทธรูปหลอ่ ปางห้ามสมุทร วัดชอ่ งลมวรรณาราม ตาบลวัดประดู่ วดั ช่องลมวรรณาราม เป็นวัดในพระพุทธศาสนาเถรวาท สังกัดคณะสงฆ์ มหานกิ าย ตั้งอยู่ทบ่ี ้านคลองส้มโชติ หมู่ท่ี 9 ตาบลวัดประดู่ อาเภออัมพวา จังหวัด สมุทรสงคราม ประวัติ วดั ชอ่ งลมวรรณาราม ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็น ผู้สร้าง เดิมช่ือ วัดหัวสวน ก่อต้ังเม่ือ พ.ศ. 2441 มี บูรณปฏสิ งั ขรณต์ ลอดมาตามลาดับ ท้ังเจ้าอาวาสและประชาชนร่วนกันช่วยทานุบารุงวัดให้คงสภาพดีมาโดย ตลอด สมัยท่านอาจารย์คง เป็นเจ้าอาวาสได้เกิดเพลิงไหม้กุฏิสงฆ์ทั้งหมด คงเหลือแต่อุโบสถ กับศาลาการ เปรยี ญเทา่ น้ัน จงึ ได้สรา้ งกฏุ สิ งฆ์ขึ้นใหม่ และได้รับการบูรณะซ่อมแซมต่อๆ มา มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม มี โรงเรยี นประชาบาลใหเ้ ดก็ ไดศ้ กึ ษาเล่าเรยี น ปจั จุบันอุโบสถสรา้ งใหม่แทนหลังเกา่ ซึ่งหมดสภาพตามกาลเวลา เสนาสนะภายในวดั ปชู นยี สถานสาคัญ 1. พระประธานในอโุ บสถหลังเก่า เป็นพระปนู ปั้น ปางมารวิชัย 2. พระพุทธรปู หลอ่ ทองเหลือง ปางมารวชิ ัย พระประธานในอโุ บสถหลงั ใหม่ สร้างมาพรอ้ มอโุ บสถ 3. รอยพระพุทธบาทจาลอง ผู้มีจิตศรทั ธาสรา้ งถวายเป็นของใหม่ ลาดับเจ้าอาวาส พระครูสมทุ รพฒั นกิจ พระครปู ลัดเกียงไกร (องค์ปัจจบุ ัน)

30 วัดท้องคงุ้ ตาบลสวนหลวง วัดทอ้ งคงุ้ เป็นวัดพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท สงั กดั คณะสงฆ์มหานิกาย ตง้ั อยหู่ มทู่ ่ี ๑๐ ตาบลสวนหลวง อาเภออมั พวา จังหวัดสมทุ รสงคราม ๗๕๑๑๐ ประวัติ วัดทองคุ้งเป็นวัดท่ีมีอายุประมาณ ๒๐๐ ปี ไม่มี หลกั ฐานปรากฏวา่ ใครเปน็ ผสู้ ร้าง มีแต่ผู้ปฏิสังขรณ์ วัดต่อๆกันมา เดิมมีช่ือว่า “วัดราชบูรณะ” ตัว อารามอยู่ติดกับฝ่ังแม่น้าซ่ึงเป็นท้องคุ้งของแม่น้าแม่กลอง ประชาชนผูซ้ ึง่ อาศัยแม่น้าสายนี้เปน็ ทางสัญจรไปมาจะมองเห็นวัดนีไ้ ดแ้ ตใ่ นระยะไกลด้วยเหตุนจี้ งึ เปล่ียนชือ่ วัด ใหมว่ ่า “วดั ท้องค้งุ ” มาจนกระทงั่ ปัจจุบันนี้ พระประธานในอุโบสถ เป็นพระปั้นด้วยปูนพระองค์เป็น “พระปางมารวิชัย” หน้าตักกว้าง ๒.๕๖ เมตร สูง ๔.๖๑ เมตร หรอื เรยี กว่า “หลวงพ่อโต”เป็นพระพุทธรปู ปางมารวิชยั ขัดสมาธิราบ คาดว่าด้านในอาจ เป็นพระพทุ ธรปู สารดิ เน่ืองจากในช่วงหนึ่งมีการรบติดพัน มขี า้ ศกึ พม่าเขา้ มาในบา้ นเรา กลัววา่ พวกทหารพม่า จะเขา้ มาพบและนาเอาพระพุทธรปู ลา้ คา่ กลบั ประเทศพม่า จงึ ไดม้ ีการอาพรางเอาไว้ เม่ือคร้ังสงครามไทยพม่า นัน่ เอง พระปฏมิ ากรเก่า 1.พระพทุ ธรปู ท่ปี ั้นด้วยปูนหุม้ ไว้ภายนอก ปางมารวิชยั \"หลวงพอ่ โต\" 2.พระพุทธรปู บชู า หล่อด้วยสัมฤทธิ์ ปางประทานพร 3.พระพทุ ธรูปบูชา ซง่ึ หม่อมคุ้มถวายไว้เป็นพระสมั ฤทธข์ิ องเกา่ โบราณ เจา้ อาวาส 1.พระอธกิ ารฉาย 2.พระครสู มุหฮ์ ้อ 3.พระอธกิ ารเชอื่ ม 4.พระครูสมุทรธรรมโกศล (หลวงพ่อเจน) 5.พระใบฎกี าสวสั ด์ิ นาถธมโฺ ม 6.พระปลดั ปัญญา จติ ตฺ ปญโฺ ญ (หลวงพ่อแดง)

31 วัดบางนางลใี่ หญ่ ตาบลสวนหลวง วดั บางนางลี่ใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้าแม่กลอง ตรงข้ามที่ทาการอาเภออัมพวา หมู่บ้านโรงหม้อ หมู่ท่ี 3 ตาบลสวนหลวง อาเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม วัดบางนางล่ีใหญ่ เป็นวัดโบราณไม่ทราบว่าใครเป็น ผู้สร้าง มีหลักฐานจากอุโบสถ คือสร้างมาแต่คร้ัง สุโขทัย อุโบสถสร้างแบบสาเภา ซึ่งต่อมาสมัยอยุธยานิยม สร้างเรียนแบบสโุ ขทัย ประตเู ขา้ อโุ บสถมีด้านหน้าประตเู ดยี ว เรียกกนั วา่ \"โบสถ์มหาอุด\" หมายความว่าเข้าแล้วไม่ออก บวช แล้วไมสึก โบสถ์เป็นรูปเรือสาเภา หมายความว่า เป็นยานพาหนะ พาสัตว์โลกข้ามโอฆสงสารสู่นิพพาน คือ เมอื งแก้ว ที่ประดิษฐานพระประธานทาเปน็ คูหา ถ้ายนื ทีห่ น้าอโุ บสถจะมองเหน็ พระประธานเพยี งพระศอ ต้อง น่งั ลง จึงจะเหน็ พระพักตร์ บานหน้าต่างทาเป็นช่องเล็ก ๆ ด้านละ 3 ช่อง พัทธสีมา 2 ใบซ้อนแสดงว่าได้ผูกอีกครั้งหนึ่ง สมัย ลังกาวงศ์ ปจั จบุ นั ไดส้ รา้ งอโุ บสถใหมแ่ ล้ว วดั นไ้ี ดต้ ง้ั เปน็ วัด เมอ่ื พ.ศ.1823 ได้รับวิสุงคามสีมา พ.ศ.2508 วัดบางนางลี่ใหญ่ เดิมมีอยู่ 2 วัดมีชื่อ เรียกตามตาบลท่ตี งั้ อยู่ คอื ตาบลบางนางลี่ ตอ่ มาชื่อตาบลได้เปล่ียนไปเป็นตาบลสวนหลวง ชื่อวัดยังอยู่ดังเดิม วัดบางนางลี่ใหญ่ และวัดบางนางล่ีน้อยต่ังอยู่ไม่ห่างกันนัก วัดบางนางล่ีน้อยอยู่ปากคลองบางนางล่ีด้านบน หรอื ด้านเหนือ ส่วนวดั บางนางล่ีใหญต่ ั่งอยูป่ ากคลองบางนางลล่ี า่ ง หรือดา้ นใต้ หลังวัดบางนางล่ีน้อย คือวัดภูมรินทร์ ฯ ต่อมาวัดบางนางล่ีน้อยได้พังลงน้าหมดไปแล้ว และได้ย้ายส่ิงสาคัญของวัดบางนางล่ีน้อยไปรวมกับวัดภูมริ นทร์ฯ เชน่ กฏุ ที อง เป็นต้น

32 วดั ภุมรนิ ทร์กุฎีทอง ตาบลสวนหลวง วัดภุมรินทร์กุฎีทอง สร้างเม่ือ พ.ศ.2431 ในสมัยรัชกาลที่ 5 นางพุ่ม หรือนางสาวพุ่ม พงษ์พิทักษ์ เปน็ ผู้สร้างจึงเรียกว่าวัดภุมรินทร์ นอกจากนางสาวพุ่ม พงษ์พิทักษ์ แล้วก็มี นายแจ้ง นางชม พงษ์พิทักษ์ เป็นผู้รว่ ม บริจาคทรพั ย์สรา้ งด้วย นางสาวพุ่ม เป็นบตุ รตรี นายเหล็ง พงษ์พิทักษ์ เก่ียวเน่ืองเป็นวงศ์ญาติกับ ตระกูล อศั เวศนแ์ ละนาคสวสั ดิ์ นางภู่ พงษ์พิทักษ์ ภรรยานายเหล็ง มารดานางสาวพุ่ม เป็นคนนครปฐมเป็นเถ้าแก่ โรงหีบอ้อย ประวัติ ิวัดภุมรนิ ทรก์ เ็ กีย่ วเน่ืองอยูใ่ นสามตระกลู น้ี สิ่งทน่ี า่ สนใจในวัดภมุ รินทร์กฎุ ีทอง 1.พิพิธภัณฑ์วัดภุมรินทร์และอุทยานการศึกษา เป็นสถานที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุล้าค่าสมควรแก่ การศึกษาและอนุรกั ษ์ ไว้ เช่น พระ2.พระพุทธรูปเก่าแกอ่ ายุกว่า 300 ปี เป็นพระพุทธรูปปูนป้ันปิดทอง ปางมารวิชัยชื่อ พระพุทธรัตนมงคลหรือหลวงพ่อโตและพระบรม ราชานสุ าวรีย์ พระบาท สมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั ประดิษฐาน สอบถามรายละเอยี ดไดท้ ี่โทร. 0 3475 1085 และ 0 3475 1492 การเดนิ ทางไปวัดภุมรนิ ทร์กุฎีทอง 1. โดยรถยนตส์ ว่ นตวั จากตวั เมอื งสมุทรสงคราม ไปตามทางหลวงหมายเลข 35 (แมก่ ลอง-อมั พวา) ประมาณ 5 กม. เลยวัด บางกะพอ้ ม (ยังไมถ่ ึงทางเข้าตลาดอมั พวา)ใหส้ งั เกตทางแยกซา้ ยมือ เล้ียวซ้ายขึ้นสะพานพระศรีสุริเยนทร์ตรง ไปถงึ ทางแยก เลยี้ วขวา ตรงไปข้ามสะพานวดั อยขู่ วามอื 2.รถสาธารณะ จากตัวเมืองสมุทรสงคราม น่ังรถโดยสารสองแถวสายแม่กลอง-วัดปราโมทย์,สายแม่กลอง-วัดแก้ว เจริญ สายแม่กลอง-วัดสาธุ, สายแม่กลอง-วัดแว่นจันทร์ คิวรถอยู่บริเวณธนาคารนครหลวงไทย สาขา สมทุ รสงคราม รถวง่ิ ผ่านวัด

33 วัดวรภูมริ าษฎร์บารุง ตาบลสวนหลวง ท่อี ยู่ : วัดวรภูมริ าษฎรบ์ ารุง ตาบลวรภูมิ ราษฎร์บารุง อาเภออัมพวา จงั หวดั สมทุ รสงคราม วดั ในบรเิ วณใกลเ้ คยี ง วัดบางนางล่ใี หญ่ วดั สวนหลวง วดั ท้องคุ้ง วัด ภุมรินทร์กฎุ ที อง วัดแวน่ จนั ทร์ วัดวรภมู ริ าษฎร์ บารุง โรงเรยี นในบริเวณใกล้เคียงวัดวรภูมิราษฎร์บารุง โรงเรยี นวดั บางนางลใี่ หญ่(บริษัทเกลือ โรงเรียน วดั วรภูม(ิ วรไวทยาวาส) ความสาคญั /ลักษณะ เป็นวัดโบราณในคลองบางล่ี ต้ังข้ึนเม่ือ พ.ศ. 2449 สิ่งสาคัญได้แก่พระประธานในอุโบสถ เป็น พระพทุ ธรูปปนู ปัน้ ปางมารวิชยั ของเก่าคู่มากับวัด กุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรยี ญ หอสวดมนต์ และหอฉันเป็นเรือน ไมส้ ักไทย วัดแว่นจันทร์ ตาบลสวนหลวง ประวตั วิ ัดแว่นจันทร์ (ตาดว้ ง) วัดแว่นจันทร์ต้ังอยู่ท่ี ๘๕ หมู่๑๕ ต.สวนหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เป็นวัดเก่าแก่ในสมัยกรุงศรี อยธุ ยา ได้รับวิสุงคามสมี า เมอื่ พ.ศ.๒๓๓๕ พระประธาน ประจาวัด เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หรือพระปาง สะดุ้งมาร สร้างจากหินศิลา เป็นพระประธานประจา อุโบสถต้ังแต่สร้างวัดม และชาวบ้านวัดแว่นจันทร์จึงเรียก พระพทุ ธรูปองค์นวี้ ่า หลวงพอ่ ศลิ า เป็นที่นบั ถือของชาวบ้านกันมาก สว่ นประวตั ผิ ู้สร้างวัดน้ีไม่ปรากฎคนสร้าง ทีเ่ รียกกันวา่ วดั ตาด้วง สนั นิษฐานกนั วา่ คนช่ือดว้ งเป็นผู้สร้างวัดแห่งนี้ อุโบสถของวัดนี้เป็นอุโบสถทรงไทยไม้ สกั ทองท้ังหลังและเปน็ อุโบสถมหาอดุ คือ ไมม่ ีประตทู างออกดา้ นหลัง

34 วดั สวนหลวง ตาบลสวนหลวง วัดสวนหลวงตั้งอยู่ท่ี บา้ นแหลมสวนหลวง หมู่ที่ 1 ตาบลสวนหลวง ผสู้ ร้างวดั นข้ี น้ึ จากหลักฐานของกองพุทธศาสนาบันทึกไว้ว่า ได้ต้ังเป็นวัดเมื่อปี พ.ศ. 2245 ร่วมอายุ ของวัดนี้แล้ว 300 ปีเศษ จึงทาให้ถาวรวัตถุในวัดหลายๆชิ้นที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน เป็นส่ิงที่ยืนยังได้ ถึงความ เก่าแก่ของวัดสวนหลวง แห่งน้ี ไม่ว่าจะเป็น หลวงพ่อจักรนารายณ์ พระพุทธรูปโบราณปูนปั้น ที่มีความ ศกั ดิส์ ทิ ธิ์ ท่ปี ระดษิ ฐ์สถานอย่ใู นอโุ บสถ เจดยี ์โบราณสมยั กรงุ ศรี อยุธยาตอนปลาย ท่ีตั้งอยู่ข้างอุโบสถ กุฏิสงฆ์ ทสี่ รา้ งในสมยั รชั การที่ 5 แหง่ เดยี วในจงั หวดั สมุทรสงคราม พระพทุ ธรูปโบราณอกี จานวนหนึ่ง ซ่ึงทางวัดได้เก็บรักษาไว้จนถึงปัจจุบัน นอกจากน้ันยังมีส่ิงศักด์ิสิทธิ์ท่ีเล่าขานกันมาจนถึงปัจจุบันอีก หลายอย่าง อาทเิ ช่น พ่ีจกุ กมุ ารเทพ ทม่ี คี วามศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ โดง่ ดังไปท่ัวโลก และน้าศักด์ิสิทธิ์ จากตอต้นมะม่วงที่ มีน้าขังอยู่ ตลอดเวลา ชาวบ้านเชื่อกันว่าน้าน้ันรักษาได้ทุกโรค แต่เน่ือง จากมีกลุ่มคน บางกลุ่มได้หา ผลประโยชน์ จึงทาให้ นา้ ในบ่อเหือดแห้งไปปัจจุบนั บอ่ นา้ ศักดิไ์ ด้เปน็ ที่ตัง้ ของศาลาการเปรยี ญในปจั จุบนั

35 วดั แกว้ เจริญ ตาบลเหมืองใหม่ เดิมชอ่ื วดั แก้วเฉย ๆ แล้วมาเติมคาว่าเจรญิ ตอ่ ทา้ ย เพอ่ื เป็นมงคลหรือหลกั ชัยให้ปฏิบัติรักษาให้สมช่ือ แล้วกเ็ จรญิ ตลอดมา ช้ันและท่ีต้ังวัด วดั แกว้ เจรญิ เป็นอารามราษฎร์ ตัง้ อยู่ในหมูบ่ ้านท่ี ๑๐ ตาบลเหมืองใหม่ อาเภออัมพวา จังหวัด สมุทรสงคราม รมิ ฝั่งขวาแห่งลาแม่น้าอ้อม ติดกับปากคลองประดู่ท่ีตั้งวัดน้ี เดิมเป็นหมู่บ้านที่ ๑ ตาบลหัว ลาด อาเภออมั พวา จังหวดั สมทุ รสงคราม มณฑลราชบรุ ี ผู้สร้างและผปู้ ฏิสงั ขรณ์ วัดน้ีเป็นวัดโบราณ สบื ไม่ได้ว่าสร้างขึ้นแต่คร้ังไร และใครเป็นผู้สร้าง คงได้ความแต่เพียงว่าเป็นวัด โบราณวัดหนึ่งเชน่ เดียวกับวดั โบราณอืน่ ๆ ทั้งไมป่ รากฏว่าเดิมมนี ามว่าวัดอะไร ตามคากลา่ วของผู้เฒ่าผู้แก่ใน ถิ่นน้ีเล่าสืบ ๆ กันมาว่า ชาวบ้านท่าใหญ่ซึ่งอพยพหลบภัยจากพม่าข้าศึกมาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คร้ังเสียกรุงเม่ือ พ.ศ. ๒๓๑๐ ได้มาถึงตาบลนี้ เห็นเป็นชัยภูมิท่ีเหมาะท้ังเป็นท่ีรกร้างว่างเปล่าหาผู้คนอยู่ อาศัยมิได้ จึงได้จัดการแผ้วถางเพื่อสร้างเคหะสถานเป็นท่ีอยู่ ครั้นแผ้วถางจากริมฝั่งเข้าไปตามชายคลอง ประดู่ลึกประมาณ ๓ เส้นเศษ ก็พบซากพระอุโบสถอันหาฝาผนัง และหลังคามิได้ พบแต่สิ่งปรักหักพัง ปรากฏอยู่กบั พระพทุ ธประธานศิลาแลงพระพุทธรูปปางตา่ ง ๆ และพระพุทธรูปสร้างด้วยแก้ว ประดิษฐาน อยบู่ นชกุ ชีพบในสีมารอบพระอโุ บสถ หน้าและหลังผนังอุโบสถมีพระพุทธรูปศิลาแลงประดิษฐานอยู่บนแท่น นอกจากนย้ี งั พบเจดีย์แบบรามัญ ๒ องค์ชารุดหักพัง มีพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธ์ิ ชนิดไม่มีผ้าพาด ซง่ึ เรยี กว่า พระกรวยบรรจุอยูเ่ ป็นอันมาก จึงทราบวา่ เป็นอารามรา้ ง คร้ันเห็นว่าเป็นท่ีธรณีสงฆ์ไม่เหมาะแก่ การสร้างบ้านเรือนอยูอ่ าศัย จงึ ได้พากันข้ามคลองประดู่ไปแผ้วถางอยู่ใหม่ทางทศิ ตะวนั ตกของวัดห่างประมาณ ๕ เสน้ เศษ และหมู่บ้านทา่ ใหญ่ก็ยังคงปรากฏ อยจู่ นปจั จุบัน

36 วัดท่งุ เศรษฐี ตาบลเหมอื งใหม่ พระครูสังฆรักษ์วทิ ยา หรือหลวงพท่ี ยุ เจา้ อาวาสวดั ทงุ่ เศรษฐี ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า วัดทุ่งเศรษฐี เดิมชื่อวัดทุ่ง เป็นวัดร้างมาเกือบ 100 ปี หลวงพ่อแดง หรือพระครูพิสิฐประชานาถ เจา้ อาวาสวัดอนิ ทาราม เจา้ คณะตาบลแควออ้ ม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ได้ทาการบุกเบิกขึ้นมาใหม่ให้เป็น สานักสงฆ์ข้ึนก่อน แล้วให้พระลูกวัดอินทารามมาจาวัด จานวน 5 รูป พร้อมกับให้พัฒนาสานักสงฆ์แห่งน้ี ข้นึ มา เมือ่ พรอ้ มแล้วก็จะทาเร่อื งขอเปน็ วัดอีกครัง้ หนึ่งตอนเขา้ มาใหม่ๆ พ้ืนที่เป็นท่ีราบลุ่ม หญ้าขึ้นรกเต็มไป หมด ในระหวา่ งหกั ล้างถางพงหญ้าอยู่ กพ็ บพระพุทธรปู ปางพระสวี ลีองคข์ นาดหนา้ อกกวา้ งกว่า 1 ศอก ความ สูงประมาณ 2 เมตร หลวงพ่อแดงจึงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้วัดร้างแห่งน้ี และต้ังช่ือวัดใหม่ว่า วัดทุ่งเศรษฐี เดมิ ชือ่ วดั ทุ่งเฉยๆ จากนัน้ มากไ็ ดร้ ับการพัฒนาเรอ่ื ยมา จากสานักสงฆ์ มีศาลาการเปรียญ 1 หลัง ไม่มีกุฏิพระ ไมม่ ีหอฉัน ไม่มวี ิหาร หอ้ งน้า หอ้ งส้วม ท่ีสาคญั คอื ไม่มีโบสถส์ าหรบั ประกอบพธิ ีทางศาสนา เม่ือทุกอย่างเกือบครบสมบูรณ์ จึงทาเร่ืองไปที่สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สานักพุทธฯ ทา เรื่องถึงมหาเถรสมาคม และกรมการศาสนา เพ่ือขอวิสุงคามสีมาเป็นวัดขึ้นมาอีกครั้ง ประมาณเดือนเศษๆ ทางกรมการศาสนาก็ตอบมาทางสานักพุทธฯ ให้สานักสงฆ์วัดทุ่งเศรษฐีเป็นวัดได้สมบูรณ์แบบ จึงใช้เต็มๆ ว่า วัดท่งุ เศรษฐี จนถึงทุกวันนี้ในช่วงน้ัน ท่าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้ให้เกียรติมา เป็นประธานทอดกฐินและหล่อพระประธาน ท่าน ดร.สุเมธกล่าวกับหลวงพ่อวัดทุ่งเศรษฐีว่า หากทางวัดทุ่ง เศรษฐีจะสร้างโบสถ์ใหม่ ให้สร้างตามแบบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 9 คือโบสถ์แบบ พอเพยี ง ตามแนวทฤษฎีของพระองค์ท่าน พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 9 ไดต้ รัสกับ ดร.สุเมธ ถงึ เรื่องวัดว่า ในปัจจุบันไม่ ตอ้ งสรา้ งวดั ให้ใหญ่โต ไม่ตอ้ งสรา้ งโบสถ์หรือวหิ ารให้ใหญโ่ ตมากนัก คนบวชพระน้อยลง พระจาวัด จาพรรษา กน็ ้อยลง คนท่ีจะมาร่วมสังฆกรรมก็น้อยลง สร้างแบบพอเพียงให้เข้ากับเหตุการณ์ ภาวะในปัจจุบันเพียงพอ แล้ว เก็บเงินไว้ทานุบารุงศาสนาอย่างอ่ืนๆ เหมาะสมกว่าดร.สุเมธกล่าวว่า เม่ือเห็นวัดทุ่งเศรษฐีจะสร้าง

37 อโุ บสถ จึงแนะนาเจ้าอาวาสวัดทุ่งเศรษฐี เจ้าอาวาสเห็นดีด้วย จึงทาเร่ืองถึงสานักพระราชวัง กราบบังคมทูล ขอแบบอุโบสถแบบพอเพียง ตามที่พระองค์ทา่ นทรงแนะนามา พระองคท์ า่ นก็ทรงออกแบบพระราชทานมาให้ พรอ้ มพระราชทานนามวา่ \"โบสถ์พอเพียง\" เมือ่ ได้รบั พระราชทานแบบแลว้ ทาง ดร.สุเมธนาแบบมามอบให้วัด ทุ่งเศรษฐี ทางวัดจงึ ลงมอื สร้าง กาหนดวนั วางศิลาฤกษ์ทันทแี ละทา่ น ดร.สเุ มธกม็ าเป็นประธานในการวางศิลา ฤกษ์ให้ และมาเป็นประธานทอดกฐนิ เกือบทุกปี จนโบสถส์ ร้างเสรจ็ ท่านก็มาเป็นประธานยกช่อฟ้าพระอุโบสถ ให้ หลงั จากนน้ั ไมน่ านกม็ งี านผูกพทั ธสมี าและปดิ ทองฝังลูกนิมิต ดร.สุเมธก็มาเป็นประธานเปิดงานปิดทองฝัง ลกู นิมติ และผูกพทั ธสีมา ตลอดจนมกี ารหล่อพระประธาน ดร.สเุ มธก็ให้เกียรตมิ าเปน็ ประธานอกี เชน่ กัน อุโบสถของวดั ทุ่งเศรษฐี จงึ เปน็ พระอุโบสถที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรม นาถบพิตร หรือรัชกาลท่ี 9 พระราชทานแบบตัวโบสถ์ให้วัดทุ่งเศรษฐี เป็นโบสถ์ตามพระราชประสงค์ของ พระองค์ คือโบสถ์พอเพียง นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงต่อวัดทุ่งเศรษฐีและชาวจังหวัด สมทุ รสงครามอยา่ งหาทเี่ ปรยี บมไิ ด้ สาหรับพระอุโบสถของวดั ทุง่ เศรษฐี เปน็ โบสถ์แบบพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 9 พระราชทานออกแบบให้ ตัวอาคารโบสถ์ก่อด้วยอิฐมอญธรรมดา เม่ือก่อโครงสร้างแล้วก็มุงกระเบื้องเป็นสี ขาวเช่นกัน ภายในตัวโบสถ์ประตูหน้าต่างเป็นไม้ และเหล็กสเตนเลส ฝาผนังไม่มีภาพวาด เป็นพื้นราบเรียบ ทาสีขาวเช่นกัน ภายในอุโบสถมีพระประธานอยู่ 1 องค์ ถ้าจะประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ในพระอุโบสถ บรรจทุ งั้ คนและพระประมาณไมเ่ กนิ 20 คน หรอื 20 รูปสาหรับพระภกิ ษสุ ามเณร

38 วดั บางวนั ทอง ตาบลเหมอื งใหม่ ประวัติหลวงพอ่ ตาด วัดบางวันทองอัลบ้ัมประวัติหลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง หลวงพ่อตาด วัดบาง วนั ทอง พระคณาจารย์ผู้เข้มขลังเร่ืองเวทย์พุทธาคมแห่งลุ่มน้าแม่กลองในอดีต ร่วมยุคสมัยกับ หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย หลวงพ่ออยู่ วัดบางน้อย เป็นครูบาอาจารย์ทางพุทธาคมไสยเวทย์ของ หลวงพ่อคง วัดบางกะ พ้อม และเป็นอปุ ชั ฌาย์ อาจารย์ของ หลวงพอ่ ทองสขุ วัดโตนดหลวง พระคณาจาย์ดงั เมอื งเพชรบุรี พ้ืนเพของ ท่านเป็นชาว บ้านเบิกไพร อ.บ้านโป่ง จ. ราชบุรี บรรพาชาอุปสมบทเมื่ออายุครบ ภายหลังการอุปสมบท กาลเวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจระบุได้ ท่านได้ออกเดินธุดงค์ไปตามสถานท่ีต่างๆ ผ่านป่าเขาลาเนาไพร กระท่งั คร้งั หนงึ่ มุ่งหนา้ มาทาง คลองแควอ้อม กระทง่ั ถงึ วดั บางวนั ทอง ซงึ่ ตงั้ อยรู่ มิ คลองแควอ้อม เห็นว่าเป็น สถานท่สี งบวเิ วก เหมาะแก่การปฏิบตั ิธรรม จึงพานักจาพรรษาทีว่ ัดแห่งน้ี กระท่ังไดเ้ ป็นเจ้าอาวาสรูปที่ 3 ของ วัดบางวันทอง ไดบ้ รู ณะปฏสิ ังขรณ์วดั จนเจรญิ รุ่งเรือง ซงึ่ ตอ่ มาท่านได้รับแตง่ ต้ังเป็นพระอุปัชฌาย์ สามารถให้ การอุปสมบทกุลบุตรได้ ในหลายพื้นที่ เชน่ เพชรบุรี , ราชบุรี ,สมทุ รสงคราม , กาญจนบุรี หลวงพ่อตาด ท่าน เป็นพระคณาจารย์ผู้เชยี่ วชาญในสรรพศาสตร์ และพทุ ธาคมหลายแขนง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิชา นะปัดตลอด ซึ่งจะหาพระคณาจารยท์ สี่ าเรจ็ วชิ านี้ได้ยากเป็นวิชาท่ีว่าด้วย การกระทาส่ิงใดทางพุทธาคมไสยเวทย์ ทาเพียง ครงั้ เดียวย่อมสาเรจ็ ครบถว้ นทกุ อย่างเช่น การลงผา้ ยนั ต์ , การลงอักขระบนแผ่นโลหะ จะลงเพียงแผ่นหรือผืน เดยี วดา้ นบน จะสาเร็จเสร็จส้ินทะลุถึงแผ่นสุดท้าย ตลอดจนการลงกระหม่อม หากลงให้กับผู้เป็นพ่อ หากได้ บุตรคนแรกหรือคนหัวปีเป็นชาย อักขระเลขยันต์ที่ลงให้ผู้เป็นพ่อ จะติดมาถึงบุตรชาย เหล่าน้ี เป็นต้น นอกจากน้ีแล้ว หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง ยังเชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณ และยาสมุนไพร ซ่ึงท่านได้ อนุเคราะหญ์ าตโิ ยม และ ศษิ ยานุศษิ ย์ ด้วยความเมตตา ด้วยความเสมอภาค กระทั่งต้นปี พ.ศ. 2548 ท่านได้ ถึงแก่มรณะภาพปี พ.ศ. 2459 จึงได้ฌาปนกิจศพ สาหรับหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ตามประวัติกล่าวว่า ได้มาขอศกึ ษาดา้ นระเบดิ เทยี น , เมตตามหานิยม, วิชานะปัดตลอด ,วชิ าแพทย์แผนโบราณ

39 วัดราษฎรบ์ ูรณะ ตาบลเหมอื งใหม่ วดั ราษฎรบ์ ูรณะ ต้ังอย่ทู ีบ่ ้านหัวหาด หมทู่ ี่ ๙ ตาบลเหมืองใหม่ อาเภออมั พวา จังหวดั สมุทรสงคราม วดั ราษฎรบ์ รู ณะ ตั้งอยรู่ มิ คลองแควอ้อม ด้านหลงั วัดจดถนนผลไม้ใกล้กับวัดละมุด เป็นวัดโบราณเก่าแก่สร้าง ข้ึนเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๐๐ ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง ต่อมานายสุข และนางเงิน พร้อมด้วยน้องสาว ได้ บริจาคทรัพย์และท่ีดินให้สร้างวัดข้ึนใหม่ พร้อมด้วยสังฆารามต่าง ๆ จึงได้เรียกช่ือวัดว่า “วัดใหม่ยายเงิน” ตามนามของผู้บริจาคอุโบสถเดิมของวัดเป็นไม้สักทรงผ่ากระดานหน้าอุโบสถ คือ คลองแควอ้อม ศาลาการ เปรียญ ตลอดจนกุฏิสงฆ์ เป็นเรือนไม้สักทรงไทยท้ังส้ิน ต่อมาได้ชารุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และสร้าง อุโบสถใหมเ่ ป็นอโุ บสถคอนกรีตกอ่ อิฐถือปูน สมัยพระครทู องสุขเปน็ เจา้ อาวาส เรยี กชอ่ื ใหม่ว่า “วัดใหม่ราษฎร์ บูรณะ” ได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๙ ชื่อว่า “วัดราษฎร์บูรณะ” ส่ิงสาคัญของวัด ท่ีควรชมและ นมสั การ ไดแ้ ก่ พระประธานในอุโบสถ และหน้าบนั ของอุโบสถ เป็นรปู หนา้ กาล ซ่ึงแปลกกว่าวัดอ่ืน ๆ กุฏิ หอ ฉนั หอสวดมนต์ ทรงไทยโบราณทั้งสน้ิ ต้นตะเคียนใหญ่ และตน้ พิกุล อายุ ๓๐๐ ปี การเดินทาง วัดราษฎร์บูรณะอยไู่ มไ่ กลจากวัดอินทาราม เข้าถนนผลไม้ อบต.แควอ้อม จาดวัดอินทา ราม เลีย้ วขวาถนนดี ผ่านวัดเสด็จ วัดลุมุด แล้วถึงวดั ราษฎรบ์ รู ณะ

40 วดั ละมดุ ตาบลเหมอื งใหม่ วดั ละมุด - WAT LAMUT ประเภท: การท่องเทยี่ ว สถานที่สักการะ วัด Marker Icon 70 ถนน ครเู ออ้ื สนุ ทรสนาน ตาบล เหมอื งใหม่ อาเภอ อัมพวา จังหวัด สมุทรสงคราม 75110

41 วัดเสด็จ ตาบลเหมืองใหม่ หลว ง ปู่ ใจ อินฺ ทสุว ณฺโ ณ(พ ร ะ ร า ช มงคลวฒุ าจารย)์ วัดเสด็จ ต.เหมือง ใหม่ อ.อัมพ ว า จ.สมุทรสงคราม ในบรรดาอมตะพระคณาจารย์ขลังแห่ง ลานา้ แมก่ ลอง ทีป่ รากฏเกยี รติคุณช่ือเสีย โดง่ ดังเปน็ ที่เลอื่ งลือร้จู ักเคารพศรัทธาแก่ พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ซึ่งมีอยู่หลาย ท่าน ตลอดสองฝ่ังแห่งลานา้ แมก่ ลอง หลวงปู่ใจ อินฺทสุวณฺโณ สมณศักดิ์ที่ พระราช มงคลวุฒาจารย์ แห่ง ?วัดเสด็จ? เป็นอมตเถราจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งเกียรติคุณช่ือเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จัก และ เคารพศรัทธาจากบรรดาศิษย์ ไม่แพ้อมตเถราจารย์ท่านใดในอดีต แม้แต่ในปัจจุบัน ด้วยท่านเป็นพระเถระ นักพัฒนาที่มีผลงานเป็นประจักษ์มากมาย ทั้งในส่วนของการพัฒนาวัดวาอาราม ตลอดถึงสถานศึกษาต่างๆ อิทธิคุณความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ด้านพุทธาคมของท่านก้อเป็นที่เลื่องลือกล่าวขาน จากประสบการณ์ในวัตถุ มงคลของท่านที่ไดส้ ร้างและปลกุ เสกเอาไว้ เปน็ สิ่งยนื ยันไดเ้ ปน็ อยา่ งดี วัดหนองกระพง ตาบลเหมืองใหม่ วัดหนองกระพง เป็นวัดราษฎร์ สังกัด คณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ท่ี ตาบล เหมืองใหม่ อาเภออมั พวา จังหวัดสมทุ รสงคราม ลาดบั รายนามเจา้ อาวาส พระครูสมุทรธีรคุณ (พีระ) เจ้าอาวาสวัด หนองกะพง ท่ีต้ัง 98/47 ถนน รพช. สส. 4025 (บ้าน เหมืองใหม่-บ้าน หงกระรี่) ตาบล เหมืองใหม่ อาเภอ อัมพวา จังหวัด สมุทรสงคราม 75110

42 วัดเหมอื งใหม่ ตาบลเหมอื งใหม่ วัดเหมืองใหม่ เปน็ วดั ราษฎร์ สงั กดั คณะสงฆฝ์ ่ายมหานกิ าย ตัง้ อย่ทู ่ี ตาบลเหมืองใหม่ อาเภออัมพวา จงั หวดั สมุทรสงคราม เป็นวัดโบราณ ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง จากหลักฐานทางกรมศาสนาบันทึกไว้ว่า สร้างเป็นวัดเม่ือ พ.ศ. 2300 เป็นวัดท่ีสาคัญทางประวัติศาสตร์วัดหนึ่ง เมื่อก่อนใช้ช่ือว่า วัดเมืองใหม่ เน่ืองจากมีกษัตริย์องค์ หนึ่งจะสรา้ งเมืองทนี่ ่ี ตอ่ มาเพ้ียนเป็น วัดเหมืองใหม่ และวัดนี้ยังเป็นวัดท่ีมีความสาพันธ์กับหลวงพ่อคง ท่าน มาก เพราะท่านได้บวชีทีวัดน้ีตั้งแต่ท่านอายุได้ 12 ปี จนถึง 19 ปีท่านได้ลาสิกขาบทเพ่ือกลับไปช่วยพ่อแม่ ทางาน และเม่ือมีอายุครบบวช 20 ปีบริบูรณ์ท่านก็ได้บวชที่วัดแห่งนี้ โดยมีพระอาจารย์ ทิม วัดเหมืองใหม่ เปน็ พระอนสุ าวนาจารย์ และท่านก็เรียนวิชากับพระอาจารย์ทิม ท่านจาพรรษาอยู่ท่ีวัดแห่งน้ี จนถึงพรรษาท่ี ๒๑ ชาวบ้านในต.บางกะพอ้ ม ไดเ้ ลอ่ื มใสและไดอ้ าราธนาทา่ นมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบางกะพ้อม ตราบต้ังแต่นั้น มา จนทา่ นไดม้ รณภาพ

43 วดั อนิ ทาราม ตาบลเหมอื งใหม่ วัดอนิ ทาราม 1 หมู่ 1 ตาบลเหมืองใหม่ อาเภออมั พวา ต.เหมอื งใหม่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม 75110 รายละเอียดวัดอินทาราม มสี ิง่ ทีน่ ่าสนใจภายในวดั ได้แก่ พระพุทธรูปหลวงพอ่ โตอายกุ ว่า 300 ปี พระอุโบสถสร้างด้วยหินอ่อน ท้ังหลงั บานหน้าต่างและบานประตูเป็นไม้สักแกะสลักสุภาษิตสอนใจ ท่าน้าของวัดเป็นอุทยานปลาตะเพียน นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารปลาได้ภายในมีพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่าเป็นพระแกะสลักด้วยศิลา แดง ปางมารวิชัย กรมศิลปากรได้จดทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ มีเจดีย์เก่าแก่ท่ีไม่ได้บรรจุอัฐิ หน้า อโุ บสถหลังเกา่ 2 องค์ กรมศิลปากรได้จดทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ บริเวณหน้าวัดเป็นเขตอภัยทาน เป็นท่อี ยขู่ องปลาตะเพยี นเงินและตะเพยี นทองจานวนมาก ลกั ษณะเดน่ วัดอินทาราม มสี ง่ิ ทนี่ า่ สนใจภายในวดั ได้แก่ พระพุทธรูปหลวงพ่อโตอายกุ ว่า 300 ปี พระอุโบสถสร้างด้วยหินอ่อน ท้งั หลงั บานหน้าต่างและบานประตูเป็นไม้สักแกะสลักสุภาษิตสอนใจ ท่าน้าของวัดเป็นอุทยานปลาตะเพียน นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารปลาได้ภายในมีพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่าเป็นพระแกะสลักด้วยศิลา แดง ปางมารวิชัย กรมศิลปากรได้จดทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ มีเจดีย์เก่าแก่ที่ไม่ได้บรรจุอัฐิ หน้า อุโบสถหลังเกา่ 2 องค์ กรมศลิ ปากรไดจ้ ดทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ บริเวณหน้าวัดเป็นเขตอภัยทาน เป็นทอี่ ยู่ของปลาตะเพยี นเงินและตะเพยี นทองจานวนมาก ประวัตวิ ดั อินทาราม มีส่งิ ทน่ี ่าสนใจภายในวดั ได้แก่ พระพุทธรูปหลวงพ่อโตอายุกว่า 300 ปี พระอุโบสถสร้างด้วยหินอ่อน ทง้ั หลงั บานหน้าต่างและบานประตูเป็นไม้สักแกะสลักสุภาษิตสอนใจ ท่าน้าของวัดเป็นอุทยานปลาตะเพียน นกั ทอ่ งเท่ยี วสามารถใหอ้ าหารปลาได้

44 วัดเกษมสรณาราม ตาบลอัมพวา วดั เกษมสรณาราม (วดั บางจาก) วดั เกษมสรณาราม ต้งั อย่เู ลขท่ี 40 ต.อัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เป็นศาสนาพุทธมหานิกาย วดั บางจากตั้งขนึ้ เมือ่ ปีพ.ศ. 2350 เดิมมีช่ือว่าวัดใหม่ตาเพชรเพราะผู้บริจาคท่ีดินให้สร้างวัด ช่ือ “นายเพชร” จึงตั้งช่ือวัดตามชื่อผู้บริจาคที่ดิน ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น วัดเกษมสรณารามตามบัญชาของสมเด็จ พระสงั ฆราช (จวน อฎุ ฐายี) ในปี พ.ศ. 2476 ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นวัดที่ได้รับการพัฒนาและบูรณปฏิสังขรณ์มาโดย ตลอด จนได้รับพระราชทาน “วิสุงคามสีมา” เมื่อปี พ.ศ. 2420 และยังมีอุโบสถเก่าแก่ ที่สร้างข้ึนต้ังแต่สมัย ปลายอยธุ ยาจนถึงต้นรัตนโกสินทร์ อุโบสถหลังน้ีสร้างขึ้นเม่ือปี พ.ศ. 2440 ซึ่งเป็นท่ีประดิษฐานที่สาคัญของ พระประธานประจาโบสถ์ พร้อมพระโมคคัลลานะ และพระสารีบุตร และภายในอุโบสถบนกาแพงยังมีภาพ จติ รกรรมเขียนด้วยสฝี ุ่นผสมยางไม้ เปน็ ภาพพระสมั มาสัมพุทธเจา้ และพระเจา้ สิบชาติ ประวัติความเปน็ มา ของพระหลวงปู่อ้น หลวงปู่อ้นมีนามเดิมว่า “ม.ร.ว. อ้น อิศรางกูร ณ อยุธยา” ท่านอุปสมบทท่ีวัด ระฆังและเม่ืออุปบทแล้วจาพรรษาอยู่ที่วัดระฆังฯ รับใช้และศึกษาวิปัสสนากรรมมัฏฐานรวมถึงไสยเวทกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต โดยท่านเป็นศิษย์อาวุโสของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ภายต่อมาท่านได้ไปจาวัดที่วัด ปรกคลองวัว หรอื วัดปรกสุธรรมาราม อาเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามจากนั้นท่านได้มาอยู่ท่ีวัดบางจาก จนถงึ แกม่ รณภาพ สาหรับท่านที่ออกทรปิ ทวั รไ์ หวพ้ ระ 9 วดั จะต้องมีวัด เกษมสรณาราม (วัดบางจาก) อยู่ใน รายชื่อ 1 ใน 9 วดั ของอัมพวาอยา่ งแนน่ อน

45 วัดบางกะพอ้ ม ตาบลอัมพวา ประวัติ ในอดีตสมยั เสยี กรุงศรอี ยุธยามชี าวบ้าน 2 คนซ่ึงเป็นสามีภรรยากันได้หนีศึกสงครามมาตั้งหลักทามา หากนิ ทบ่ี า้ นบางกะพอ้ มแห่งน้ี โดยยึดอาชีพการสานกระพ้อมเพ่ือยังชีพ แต่อยู่ได้ไม่นานนักก็ถูกพวกพม่าบุก โจมตี คร้นั จะหนีก็ไม่ทันจึงเขา้ ไปหลบอยูใ่ นกระพอ้ มทส่ี านเอาไว้ และไดอ้ ธิษฐานวา่ ถา้ รอดพ้นจากการตายคร้ัง นีไ้ ปได้จะจดั การสรา้ งวดั และวิหารขน้ึ ตรงน้ี ต่อมาเม่ือรอดพ้นจากอันตรายใดๆ จึงปฏิบัติตามคาพูดท่ีกล่าวไว้ ไดส้ ร้างวดั ขนึ้ ชื่อว่า วดั บงั กบั พ้อม ตอ่ มาได้เปล่ียนเปน็ วดั บางกะพอ้ ม มาจนถึงปจั จุบนั นี้ อาณาเขตทต่ี ้งั วัด วัดบางกะพ้อมตั้งอยู่ ตาบลอัมพวา อาเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม อยู่ห่างจากตัวจังหวัด สมทุ รสงครามประมาณ 3 กโิ ลเมตร มพี ืน้ ที่ 4ไร่ 1งาน 62ตารางวา ศาสนสถาน-ถาวรวตั ถุ วหิ ารวัดบางกะพอ้ ม วิหารหลวงพอ่ คง วหิ ารหลวงพ่อ 6 องค์ วหิ ารหลวงพอ่ ดา

46 วดั ราษฏรธ์ รรมยตุ กิ นกิ าย วัดนางวัง ตาบลอัมพวา วดั นางวัง เปน็ วดั ราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนกิ าย ทตี่ ง้ั ซ.325 ต.อัมพวา อ.อมั พวา จ.สมุทรสงคราม 75110 ธรรมยตุ ิกนิกาย หรือ คณะธรรมยตุ เป็นคณะสงฆ์ท่ีพระวชริ ญาณเถระทรงตงั้ ขน้ึ เพื่อฟน้ื ฟูศาสนาพุทธ ในสยาม และแกไ้ ขวัตรปฏบิ ตั ิให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เม่ือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวผนวช อยู่นั้น ได้ทรงศึกษาพระไตรปิฎกอย่างแตกฉานทาให้มีพระวิจารณญาณเกี่ยวกับความเป็นมาของ พระพุทธศาสนา และความประพฤติปฏิบัติของพระภิกษุสามเณรได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน เป็นเหตุให้มี พระราชดารใิ นอันท่ีจะฟ้ืนฟูการสั่งสอนพระพุทธศาสนา และการประพฤติปฏิบัติของพระสงฆ์ให้ถูกต้องตาม พระธรรมวินยั ตามทีไ่ ดท้ รงศึกษา และทรงพิจารณาสอบสวนจนเป็นที่แน่แก่พระราชหฤทัยว่าถูกต้องเป็นจริง อย่างไร แล้วพระองค์ไดท้ รงนาประพฤติปฏบิ ตั ิขนึ้ กอ่ น หรอื กล่าวอกี อย่างหน่งึ ก็คอื ทรงเรมิ่ แก้ไขที่พระองคเ์ อง เปน็ อนั ดับแรก ตอ่ มาเม่ือมีบุคคลอื่นเหน็ ชอบและนยิ มตาม จึงไดม้ ีผปู้ ระพฤตปิ ฏบิ ัตติ ามอย่างพระองค์ข้ึน และ มีจานวนมากข้นึ เป็นลาดบั จนเกดิ เป็นพระสงฆห์ มู่หน่งึ หรือนิกายหนึ่ง ท่ีได้ช่ือในภายหลังว่า ธรรมยุติกนิกาย หรือท่ีเรียกส้ัน ๆ ว่า “ธรรมยุต” อันมีความหมายว่า ผู้ประกอบด้วยธรรม หรือชอบด้วยธรรม หรือยุติตาม ธรรม ทง้ั นก้ี ็เพราะว่าพระสงฆ์นี้เกิดขึ้นด้วยมุ่งแสวงหาว่า ข้อใดเป็นธรรม เป็นวินัย เป็นสัตถุศาสน์ (คือคาสั่ง สอนของพระศาสดา) แล้วปฏิบัติข้อนั้น เว้นข้อที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย ไม่เป็นสัตถุศาสน์ แม้จะเป็นอา จนิ ปฏบิ ัติ (ข้อปฏิบตั ติ ามกันมาแตผ่ ดิ พระธรรมวินยั ) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั มีพระบรมราช โองการ ให้ประกาศใช้พระราชบัญญัติลักษณะการปกครองคณะสงฆ์ขึ้น เป็นครั้งแรกในประเทศไทย พระราชบัญญัตฉิ บับน้มี ชี ื่อวา่ พระราชบัญญตั ิคณะสงฆ์ ร.ศ. 121 มีสาระสาคัญคือได้ยกสถานะคณะธรรมยุติ ใหเ้ ปน็ นกิ ายอย่างถกู ต้องตามกฎหมาย แหล่งอา้ งอิงข้อมูล : www.google.com/วดั ในอาเภออมั พวา/วถิ พี เี ดีย

47 คณะผูจ้ ัดทา ท่ปี รกึ ษา ดร.สาคร ชว่ ยดารง ผู้อานวยการ กศน.อาเภออมั พวา นางฐติ มิ า แดงสกุล ครูชานาญการพิเศษ นางสาวฉลวย โตแดง ครชู านาญการพิเศษ นางรุ่งทิวา บรรเทาวงษ์ ครชู านาญการพเิ ศษ ผดู้ าเนินงาน นายธีรยทุ ธ ท่งั ทอง ตาแหนง่ บรรณารักษ์ นายสาทร สุกปลงั่ ตาแหน่งบรรณารกั ษอ์ ตั ราจา้ ง นายชล จนั ทรเ์ กษม ตาแหนง่ พนกั งานบรกิ าร ผู้รวบรวมข้อมลู และจดั ทาเอกสาร นายธีรยทุ ธ ทง่ั ทอง ตาแหน่ง บรรณารักษ์