ลมออกมาดว้ ย ทำให้มีเสียงลมแทรกและเสียดสีกับเสน้ เสียง เม่อื พดู จงึ ฟงั ดแู หบพร่า คอนสแตนตนิ สตานสิ ลาฟสก้ี (Constantine Stanislavski) ผกู้ อ่ ตง้ั สำนกั การแสดง ท่ีมีช่ือเสียงเคยกล่าวไว้ว่า “สระที่เปล่งออกมาคือสายน้ำ และพยัญชนะก็คือชายฝ่ัง” เสียงคือส่ิงท่ีมนุษย์ทำกับอากาศ สระและพยัญชนะเป็นส่ิงที่คู่กันและมีความสำคัญใน ระดับเท่าเทียมกัน ในการออกเสียง หากเราเน้นท่ีพยัญชนะมากเกินไป อาจทำให้คำพูด ออกมาเกดิ ความกระดา้ ง เสยี งขน้ึ จมกู หรอื ลงคอ อาทิ ‘ม’ ‘ณ’ ‘น’ ‘ง’ เปน็ พยญั ชนะเสยี งนาสกิ ไม่ควรออกเสียงท่ีพยัญชนะนั้นเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เสียงที่ออกมาเป็นเสียงขึ้น จมกู เสียงกระดกล้ิน ‘ร’ และคำควบกล้ำในภาษาไทยก็เป็นปัญหาสำหรับบางคน นอกจากนี้ คนรนุ่ ใหม่ยงั มปี ัญหากับเสียง ‘ส’ ‘ช’ ‘ท’ อกี ด้วย ดงั นนั้ การอา่ นหรอื พูดอย่าง มปี ระสทิ ธิภาพจึงควรออกเสียงใหถ้ กู ต้อง เสียง ‘ร’ เกิดจากฐานเสียงกระทบกันระหว่างปลายลิ้นตีรัวกับเพดานในช่องปาก คนท่ีมีปัญหาในการกระดกล้ินอาจเริ่มจากการหายใจเข้า แล้วปล่อยลมหายใจออกพร้อม กบั เปล่งเสียง ‘ร’ สน้ั ๆ ก่อน เมอื่ ทำไดแ้ ลว้ ก็รัวเสยี ง ‘ร’ ยาวๆ ชา้ ๆ จนกระทัง่ ลมหมด ส่วนผทู้ ่อี อกเสียง ‘ร’ เป็นเสียง ‘R’ ในภาษาอังกฤษนั้น เพราะงอลิ้นเอาไว้เฉยๆ โดยไม่ ใหป้ ลายลนิ้ สัมผัสด้วยการตีรวั กบั เพดานบน การออกเสียงดังกล่าวไม่ไดเ้ นื่องจากลน้ิ แข็ง และเกรง็ อาจใช้วธิ ีรัวล้ินเหมือนเสยี งเคร่ืองยนตเ์ รอื (tongue blow) แต่ไมค่ วรทำมาก จนผิดธรรมชาติ และไม่ควรพูดสลับเสียง ‘ร’ กับ ‘ล’ เพราะจะทำให้ผิดความหมาย เชน่ เรยี น เลียน เปน็ ต้น ในการออกเสียง ‘ล’ น้ันควรปล่อยลิ้นตามสบาย ใช้ปลายลิ้นแตะเบาๆ ทเ่ี พดานบรเิ วณปุ่มเหงอื ก และออกเสียง ‘ละ่ ละ่ ละ่ ’ หรือ ‘เลอ่ ะ เลอ่ ะ เล่อะ’ เบาๆ จะกลายเปน็ เสยี ง ‘ล’ ไมใ่ ชเ่ สยี ง ‘L’ ในภาษาองั กฤษทต่ี อ้ งมว้ นลน้ิ ในการเปลง่ เสยี งออกมา Readers Theatre 51
เรารักโรงเรยี นเรา เราเรง่ เรา้ ในการเรยี น รับรวู้ า่ ครเู พียร เร่งการเรยี นให้กบั เรา จงเรง่ รบี ศกึ ษา รตู้ ำราอย่าโฉดเขลา เรียนรู้อย่าดูเบา รบี รบั เอาเรารีบเรยี น รุ่งโรจนเ์ ร่อื งความร้ ู เรง่ รีบดเู รื่องอ่านเขยี น เรง่ รัดรักเรอ่ื งเรยี น รบี พากเพียรเรยี นเรอื่ งราว “ผ้เู ลิศเลอไม่เหลาะแหละหลุกหลกิ และเหลวไหล ไม่ลมุ่ หลงใจลอยเดินเล่นตากลมจนลืมเวลาท่ีล่วงเลย” “นักเรียนในโรงเรยี นของเราเรียบรอ้ ยรกั เรียน เร่งรบี กระตอื รือรน้ พากเพยี รหาความร้อู ย่างรวดเรว็ ” รูร้ กั รอบชอบอารมณ์ให้สมแรง อยา่ ลักลอบเหลก็ ชะแลงท้ิงลงหลมุ ไหนำ้ กรดกลดคนั สนั้ กนั้ ทีม่ มุ ดอกประทุมดปี ลคี ่อยปรีดิเ์ ปรม ยำหวั ปลีเจอื น้ำปลารสปลม้ื ปลาบ มะปรางเปรย้ี วรสซาบสุขเขษม ใครใคร่ขายไก่ใหป้ รดี ิเ์ ปรม รสชะเอมหวานต้นเลย่ี นทเุ รยี นแพง 52 ละครสรา้ งนักอ่าน
เสียง ‘ส’ มีฐานเสียงท่ีเกิดจากการงอปลายลิ้นแตะหลังฟันบนแล้วปล่อยให้ลม พ่งุ ออกมาตรงๆ พร้อมกบั ปลอ่ ยลน้ิ ตกลง ปญั หาท่เี กดิ จากเสยี งนเี้ พราะบางคนปลอ่ ยลม ใหพ้ ุง่ ออกขา้ งๆ ลิ้น หรือเกิดจากฐานตำแหนง่ เสยี งผิด คอื ปลายลิน้ แตะอยรู่ ะหว่างฟนั บน และฟันล่าง (เรียกว่าเสียง interdental) ซึ่งเป็นการออกเสียง ‘th’ ในภาษาอังกฤษ หรอื บางคนออกเสยี ง ‘ส’ โดยใชฟ้ นั บนกระทบกบั รมิ ฝปี ากลา่ ง กท็ ำใหก้ ลายเปน็ เสยี ง ‘ฝ’ ได ้ เสลาสลอดสลับสลา้ ง สลัดได สอึกสอะสอมสไอ สอาดสอา้ น มแฟม่ ฟาบมเฟืองมไฟ มแฟบมฝ่อ พอ่ เอย ตขบตขาบตเคยี นตคร้าน ตคร้อตไคร้ตเคราตครอง ฯ (โคลงนริ าศสพุ รรณ) เสียง เสยี ดแทรก ‘ท’ ‘ช’ ‘จ’ ที่ใช้ลมและรูปปากมากเกินไปจนกลายเปน็ เสียงพยัญชนะ ในภาษาอังกฤษ บางคนถือว่าเป็นการออกเสียงที่ฟังแล้วเท่ เหมือนนักเรียนนอกหรือ ศิลปินนักร้องหลายคนท่ีนิยมทำเสียงเหล่าน้ี เสียง ‘ท’ ‘ช’ ‘จ’ เวลาเปล่งเสียงไม่ควร ปล่อยลมอยา่ งแรง และไมใ่ ชล้ ้ินมาสกดั กนั้ ลมหรอื ห่อปากเป็นวงกลม เพราะจะออกเสียง ได้ไมช่ ัด เสยี งไกข่ ันรบั ทอดตลอดทุ่ง จวนจะรุ่งเวลาอษุ าไข ตืน่ เขา้ ครวั ตงั้ หมอ้ เตรียมกอ่ ไฟ เรง่ เร็วไวจัดสำรับเคร่ืองกบั แกง Readers Theatre 53
พระเทศนจ์ นครบถว้ นกระบวนสอน ประนมกรกม้ ราบลงกราบไหว้ ประเคนของถวายเรียงเคยี งกันไป ตา่ งสดใสแย้มยม้ิ อ่ิมผลบญุ ชิง รกั แรกวา่ ล้มิ รสตาล สกุ บ่สขุ ฤๅหวาน ฝากลิ้น กอ่ น รกั ตรติ รองนาน แน่รกั จริงฤๅ ห่าม เรม่ิ ลองชมิ ลิน้ ฝาดเปรี้ยวเบาบาง คนทพ่ี ดู คำว่า ‘ดกี วา่ เปน็ ดีฝ่า’ ‘ควาย เป็น ฟาย’ และ ‘ขวา เปน็ ฝา’ ผู้พดู ตอ้ ง ระลึกว่า ‘ฝ’ ‘ฟ’ เป็นพยัญชนะท่ีขณะพูดต้องใช้ฟันแตะริมฝีปาก ในขณะที่ตัวควบกล้ำ เหล่านี ้ (‘กว’ ‘คว’ ‘ขว’) จะไมใ่ ชฟ้ นั แตะริมฝีปากเลย แต่จะเปน็ เสียงท่ีเกิดจากโคนลน้ิ การออกเสยี งจงึ ต้องหมั่นฝกึ ฝนและดคู วามแตกตา่ งของความหมายดว้ ย เพ่ือจะสามารถ ออกเสียงไดถ้ กู ต้อง 54 ละครสรา้ งนักอา่ น
ควายไล่ขวิดขา้ งฝา คว้าขวานมาไลข่ วา้ งควายไป ควายขวางวิง่ วนขวกั ไขว่ ควายขวางวง่ิ วนขวกั ไขว่ กวดั แกวง่ ขวานไล ่ ล้มควำ่ ขวางควาย ควนั ไฟในกองฟาง กวาดหาพลางควานขวานดม ขวกั ไขวค่ วันไฟรม ขวานขวากคมไขวเ้ ขวไป ฝันถงึ ความควายหาย ใหข้ วญั หายกวา่ ฝนั ใฝ่ ทองกวาวขวางมะไฟ ขวนขวายไปหาแตงกวา ฟั่นเฟือนเหมือนเหน็ กวาง ความตาฝางไม่เหน็ ฝา ควา้ ไขวไ่ ปซา้ ยขวา ควายเดนิ มาควำ่ กองฟาง เสยี งทมี่ คี ณุ ภาพนอกจากตอ้ งฝกึ เรอื่ งการหายใจ และการฝกึ อา่ นออกเสยี งคำตา่ งๆ (Diction) ใหถ้ ูกต้องแลว้ ส่ิงสำคญั ทส่ี ดุ ในการแสดงการอา่ น จะต้องสอดใสอ่ ารมณ์ใหก้ ับ เสยี งทอ่ี า่ นดว้ ยเพอื่ เพมิ่ สสี นั และชวี ติ ชวี าใหก้ บั เรอ่ื งทอ่ี า่ น การฝกึ ใชเ้ สยี งกบั ตวั บท (Oral Interpretation) และแสดงอารมณข์ องเสียงตามเน้ือเรอ่ื งจะช่วยได้เป็นอย่างดี Readers Theatre 55
การแสดงอารมณจ์ ากการอา่ น คือ การตีความตวั อักษรออกมาเปน็ เสยี งในอารมณ์ ต่างๆ ซ่ึงต้องใช้จินตนาการควบคู่ไปด้วย หากผู้อ่านเชื่อว่าเกิดเหตุการณ์เช่นน้ันจริงๆ อารมณข์ องเสียงจะเกดิ ขนึ้ และผู้ชมก็จะคลอ้ ยตามได้ ในการแสดงการอ่าน ผู้อ่านต้องเข้าใจความหมายโดยรวบยอดความหมายย่อยใน แตล่ ะช่วง แตล่ ะประโยค ตลอดจนถอ้ ยคำทุกคำที่อยใู่ นขอ้ ความนน้ั ให้ตลอดโดยสมบรู ณ์ เสยี ก่อน เม่ือเข้าใจแล้ว ขณะที่อ่านกต็ ้องรูจ้ กั ใชน้ ำ้ เสียง รู้จักทอดจงั หวะและแสดงกริยา อาการประกอบดว้ ย เช่น การแสดงออกทางสหี นา้ การเคล่อื นไหวของศรี ษะและลำตวั ให้ พอเหมาะ เพื่อช่วยในการตีความใหท้ ้งั ผอู้ ่านและผู้ฟงั รับรคู้ วามหมายไดอ้ ย่างเต็มที่ ผู้อ่านจะต้องรับรู้อารมณ์หรือความรู้สึกท่ีเน้ือหาข้อความน้ันสอดแทรกไว้ให้ได้ และเมือ่ รับร้ไู ว้ได้แล้ว เวลาท่อี า่ นกต็ ้องใชน้ ้ำเสยี งและกิริยาอาการให้สอดคล้องกลมกลนื กบั ความรสู้ กึ และอารมณใ์ นบททอ่ี ่านน้ัน ผอู้ า่ นตอ้ งทำใหผ้ ฟู้ งั ซงึ่ กำลงั ฟงั อยรู่ บั รนู้ ยั สำคญั ของบททอ่ี า่ น นนั่ คอื การใชน้ ำ้ เสยี ง การหยุดระยะ และการแสดงออกทางสีหนา้ และท่าทางนัน่ เอง 56 ละครสร้างนักอา่ น
• “ซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว” ประพันธ์ข้ึนจากชีวิตจริงของเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น เธออาศัยอยู่ในเมืองฮิโรชิม่าเมื่อ กองทัพอากาศสหรฐั ฯ ทง้ิ ระเบิดปรมาณลู งในเมอื งนี้เพื่อยุติ สงครามโลกคร้ังที่สอง สิบปีต่อมาเธอก็เสียชีวิตเน่ืองจาก ผลของกัมมันตภาพรังสีจากลูกระเบิดดังกล่าว บทนี้เป็น ช่วงหน่ึงท่ีเธอพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ลองอ่านแบบ ใชน้ ำ้ เสยี งให้สอดคล้องกบั อารมณ์และความร้สู ึกของตวั ละครดู บา่ ยวนั นน้ั ชสิ โึ กะเปน็ คนแรกทมี่ าเยยี่ มซาดาโกะ เธอยมิ้ อยา่ งมเี ลศนยั พรอ้ มกบั ถอื อะไรบางอย่างไวข้ ้างหลงั “ปดิ ตาซิ ซาดาโกะ” ขณะทซี่ าดาโกะปดิ ตาลง ชสิ โึ กะกว็ างแผน่ กระดาษและกรรไกรลงบนเตยี ง “เอาละ่ ตอนน้ีดไู ดแ้ ลว้ ” เธอบอกตอ่ “อะไรหรอื ” ซาดาโกะถาม ตาจอ้ งมองที่กระดาษและกรรไกร ชิซึโกะพออกพอใจตัวเอง “ฉันมีทางออกท่ีดีสำหรับเธอ จะทำให้เธอหายป่วย” เธอพดู อยา่ งภาคภมู ใิ จ “ดใู หด้ นี ะ” แลว้ เธอกต็ ดั กระดาษสที องเปน็ สเ่ี หลย่ี มจตั รุ สั ขนาดใหญ่ ในช่วงเวลาส้ันๆ น้ันเอง ชิสึโกะพับไปพับมาหลายต่อหลายทบ จนในท่ีสุดกลายเป็น นกกระเรียนแสนสวย ซาดาโกะงง “แลว้ นกกระดาษนจี่ ะทำให้ฉนั หายป่วยได้อยา่ งไรล่ะ” “เธอจำไม่ได้หรือ เรื่องเก่าท่ีเล่าต่อกันมาเก่ียวกับนกกระเรียนน่ะ” ชิสึโกะถาม “เราเช่ือกันว่านกกระเรียนมีอายุถึงพันปี ดังน้ันถ้าคนท่ีเจ็บไข้ได้ป่วยพับนกกระเรียนได้ พนั ตวั สง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธจ์ิ ะประทานความหวงั ให้ ทำใหค้ นๆ นน้ั มสี ขุ ภาพแขง็ แรงขน้ึ มาอกี ครง้ั หนง่ึ ” เธอยื่นนกกระเรยี นกระดาษใหซ้ าดาโกะ “น่ีเป็นนกกระเรียนตัวแรกของเธอ” ดวงตาของซาดาโกะเอ่อไปด้วยน้ำตา ชิสึโกะช่างน่ารักเหลือเกิน นำเครื่องราง Readers Theatre 57
แหง่ ศภุ นมิ ติ มาให้ ซาดาโกะนำนกกระเรยี นสที องมาตง้ั ไวแ้ ละสรา้ งความหวงั เมอ่ื เออ้ื มมอื ไปแตะตัวนก เธอรู้สกึ อมิ่ เอิบใจ “ขอบใจมากชสิ โึ กะจัง” เธอพูดเสียงแผ่ว “ฉันจะเก็บนกตวั นไ้ี วต้ ลอดไป” เม่ือซาดาโกะเร่ิมพับกระดาษ เธอพบว่ามันหาได้พับง่ายอย่างที่เห็นไม่ ด้วยความ ช่วยเหลือของชิสึโกะ เธอจึงรู้วิธีพับส่วนที่ยากๆ และพับเองได้หลังจากพับได้ถึงสิบตัว ซาดาโกะก็ตั้งเรียงไว้บนโต๊ะต่อจากนกกระเรียนสีทอง บางตัวไม่ค่อยเรียบร้อยนักแต่ไม่ เปน็ ไร นคี่ ือการเรม่ิ ต้น “ตอนนี้ฉันต้องพับอีกแค่เก้าร้อยเก้าสิบตัวเท่าน้ัน” ซาดาโกะพูดขึ้น นกกระเรียน สที องท่อี ยูใ่ กลๆ้ ทำให้เธอร้สู ึกปลอดภัยและมคี วามหวงั ทำไมนะหรอื อกี 2-3 สัปดาห์ เธอย่อมพบั ได้เสรจ็ พนั ตัว แลว้ เธอก็แข็งแรงพอทีจ่ ะกลบั บ้านได้ เย็นวันนั้น มาซาฮิโรเอาการบ้านของซาดาโกะจากโรงเรียนมาให้ เมื่อเขาเห็น นกกระเรยี น เขาพดู ข้นึ วา่ “โตะ๊ เล็กในหอ้ งนีไ้ ม่พอตั้งโชว์นกกระเรยี นของเธอหรอก พี่จะ แขวนเพดานใหด้ ีกวา่ นะ” ซาดาโกะยิม้ กว้าง “พี่สัญญาไหมละ่ วา่ จะแขวนทกุ ตัวทฉี่ นั พบั ” มาซาฮิโรสัญญา “ดี แล้วพ่จี ะตอ้ งแขวนใหฉ้ ันทงั้ หมดพนั ตัว” ซาดาโกะร้องด้วยดวงตาเปน็ ประกาย อย่างเป็นต่อ “พันตัว!” พีช่ ายคราง “พูดเปน็ เลน่ นา่ ” ซาดาโกะเลา่ เรอ่ื งนกกระเรยี นใหม้ าซาฮโิ รฟงั มาซาฮโิ รเกาหัว “เธอหลอกพี”่ เขายิ้มแหยๆ “แต่เอาเถอะพ่ีจะทำให”้ แลว้ เขาก็ขอ ยืมด้ายกับเข็มหมุดจากพยาบาลยาสึนางะ และแขวนนกสิบตัวแรกของซาดาโกะติดกับ เพดาน สว่ นนกกระเรียนสที องยงั อย่บู นโต๊ะอย่างสง่างาม… • จากหนงั สือวรรณกรรมเยาวชน “ซาดาโกะกับนกกระเรยี นพันตัว” โดย อลี ิเนอร์ เคอร์ แปลโดย ถิรนันท์ อนวัช จัดพิมพ์โดยโครงการส่ือสันติภาพ คณะนิเทศศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , 2529 58 ละครสรา้ งนักอ่าน
เพิ่มสสี ันãหบ้ ทกวี ทุกคนคงเคยท่องบทอาขยานพร้อมๆ กันใน ห้องเรยี นสมัยเด็กๆ ลองใชว้ ธิ เี ดยี วกันนม้ี าใช้กับ การอา่ นบทกว ี โคลง ฉนั ท ์ กาพย ์ กลอนใหม้ ลี กั ษณะ การอา่ นประสานเสยี งแบบตา่ งๆ จะชว่ ยเพมิ่ สสี นั และความเข้าใจได้มากขึ้น การอ่านประสานเสียง (Choral Reading) เปน็ การอา่ นแบบเปน็ กลมุ่ และเหมาะกบั การอา่ น บทกว ี เพราะผทู้ ร่ี ว่ มอา่ นประสานเสยี งจะชว่ ยกนั และกนั ในการเรยี นรวู้ ธิ อี า่ นไดด้ กี วา่ การอา่ นลำพงั เพียงคนเดียว พวกเขาจะเรียนรู้การทำเสียงให้ ประสานสอดคลอ้ งกนั กบั ผอู้ นื่ การหยดุ ตามจงั หวะ ทำนอง การใช้ระดบั เสียงสูงต่ำ และการเน้นคำ หรือข้อความ การอ่านบทกวี (หรือโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน) แม้เป็นการอ่านเด่ียว (solo) ผู้อ่านต้องแสดงอารมณ์ น้ำเสียง และจังหวะให้คล้อยตามเนื้อความ จึงจะเพิ่ม ความน่าฟงั ใหบ้ ทกวี แตก่ ารอ่านบทกวบี ทเดียวกันหลายๆ คนและเพิ่มจังหวะในการอา่ น ทห่ี ลากหลาย จะย่งิ เพิ่มความน่าฟังของบทกวีและสร้างภาพให้เห็นชัดเจนยง่ิ ขนึ้ Readers Theatre 59
ตอ่ ไปนเ้ี ป็นเทคนคิ บางอย่างในการอา่ นบทกวแี บบเปน็ กล่มุ Antiphonal การอ่านแบบโต้ตอบกันระหว่าง 2 กลุ่ม เป็นการอ่านสลับกันกลุ่ม ละคำ/วลี/ประโยค โดยอา่ นต่อเนื่องกนั เชน่ กลมุ่ ท่ี 1 ลมยังพัด กลมุ่ ที่ 2 พรม กลุ่มท่ี 1 พร่าง กลมุ่ ท่ี 2 อยู่อย่างนั้น กลุ่มท่ี 1 ดวงตะวนั ยังสวา่ งกระจา่ งแสง กลมุ่ ท่ี 2 น้ำยังเอื่อยเรือ่ ยไหลไมล่ ดแรง กลุ่มที่ 1-2 (พร้อมกัน) ความเปลย่ี นแปลงเป็นไปไมข่ าดตอน (บางตอนจาก “ธรรมคตี า” คำหยาด : เนาวรัตน์ พงษ์ไพบลู ย)์ Canon การอ่านข้อความเดียวกันทีละคน (หรือทีละกลุ่ม) โดยเร่ิมและจบใน จังหวะที่ไม่พรอ้ มกนั เช่น นกั อา่ น 1 (ดอกไม้) นกั อ่าน 2 (ดอกไม)้ นกั อ่าน 3 ดอกไม้ นกั อา่ น 1-3 (พร้อมกนั ) ดอกไมจ้ ะบาน บริสทุ ธกิ์ ล้าหาญ จะบานในใจ (บางตอนจาก “ดอกไม้จะบาน” ใบไมท้ ห่ี ายไป : จิระนันท์ พติ รปรีชา) Choral Refrain การอ่านแบบมผี ูน้ ำการอ่าน 1 คน และมีกล่มุ เป็นลูกคู่อ่านซำ้ ในขอ้ ความเดยี วกนั หรอื ผนู้ ำการอา่ นอา่ นสว่ นทส่ี ำคญั แลว้ กลมุ่ กอ็ า่ นซอ้ นขอ้ ความ เดยี วกนั ในลกั ษณะของการคอรัส (chorus) เช่น นักอ่าน 1 ตะลงุ่ ตงุ้ แฉ่ เขาแห่สิงโต กลมุ่ (ตะล่งุ ตุง้ แฉ่ ตะลุ่งต้งุ แฉ่ เขาแหส่ ิงโต) 60 ละครสร้างนักอา่ น
นกั อา่ น 2 ยอ่ งแย่งโยงโยอ่ ยโู่ ลดโผน กลมุ่ (ย่องแยง่ โยงโย่อยู่โลดโผน) นกั อ่าน 1 หน้ากระโจนหลงั ย่อ นกั อา่ น 2 หนา้ ย่อหลังกระโจน นักอ่าน 1-2 (พร้อมกนั ) สา่ ยหวั ยวั่ โยนไปมา กลมุ่ (ส่ายหวั ยว่ั โยนไปมา) (บางตอนจาก “เตน้ ” มือนัน้ สีขาว : ศักด์ศิ ิริ มสี มสบื ) Cumulative การอ่านเน้นข้อความท่ีเป็นจุดสำคัญท่ีสุดในบทกวีอาจทำโดยการ เน้นคำ เพ่ิมน้ำหนักเสียงในการอ่าน เพิ่มความดังของเสียงหรือใช้การอ่านท่ัวไป ทลี ะคน แลว้ เมอ่ื ถงึ ขอ้ ความทตี่ อ้ งการเนน้ กอ็ า่ นพรอ้ มๆ กนั ทง้ั หมด (หรอื ใชว้ ธิ สี ลบั กนั คอื อา่ นพรอ้ มกนั ทัง้ หมด พอถงึ ขอ้ ความทีต่ อ้ งการเน้นก็ให้อ่านเดย่ี ว) เชน่ นกั อ่าน 1 น้ำตารนิ ไหลพรา่ งอย่างเงียบเงยี บ นกั อา่ น 2 มันเยน็ เฉียบเหมือนเชอื ดให้เลือดไหล นกั อ่าน 3 ทง้ั ปวดลึกร้าวท่วั เน้ือหัวใจ นักอ่าน 1-3 (พรอ้ มกนั ) วันทำไมจงึ มดื ยืดยาวนัก หรือ นักอา่ น 1-3 (พรอ้ มกนั ) แลว้ วันนว้ี นั ท่ีรอก็มาถึง นกั อา่ น 1-3 (พร้อมกัน) เปน็ วันหนงึ่ ซึ่งฉันแสนหวน่ั ไหว นกั อา่ น 1-3 (พร้อมกนั ) วันทเ่ี ราจะเลกิ รอกนั ตอ่ ไป นกั อา่ น 4 (เดย่ี ว) ทกุ สิ่งไดด้ บั ลงตรงน้แี ล้ว (บางตอนจาก “ในนามของความรัก” คำหยาด : เนาวรัตน์ พงษไ์ พบูลย)์ Echo การอ่านแบบสะทอ้ นเสยี ง เช่น (อนั กึกกอ้ ง) นกั อ่าน 1 อยกู่ บั ความอกึ ทึกอันกกึ ก้อง นักอา่ น 2 Readers Theatre 61
นกั อ่าน 1 ในหอ้ ง นกั อา่ น 2 (ในห้อง) นกั อา่ น 1 ทป่ี ดิ มดิ ชดิ กั้น นกั อ่าน 3 พบตนเองโทรมเหงื่อจนเนอื้ มนั นักอา่ น 4 กำลังฝันถงึ ใครกไ็ ม่รู้ นักอา่ น 1-4 (พรอ้ มกัน) (ฝันถงึ ใครก็ไมร่ ู้) (บางตอนจาก “นพิ พานในร้านหมี่เปด็ ศิรวิ ฒั น์” โลกในดวงตาข้าพเจ้า : มนตรี ศรียงค)์ Line-around การอา่ นเด่ยี วสลบั กันคนละบรรทดั เช่น นักอา่ น 1 หากเด็กยังยมิ้ ใส โลกยอ่ มได้รอยยิม้ สวย นกั อา่ น 2 ผู้ใหญ่กย็ ้ิมด้วย เพราะเดก็ ชว่ ยเชอ่ื มสมั พันธ์ นกั อ่าน 3 ย้มิ เดก็ คอื ยม้ิ โลก บรรเทาโศกด้วยยิ้มฝัน นักอา่ น 4 ฝันเดก็ ด่ังตะวนั สาดแสงงามยามอรณุ (บางตอนจาก “เดก็ นอ้ ยในเมืองใหญ่” ม้ากา้ นกล้วย : ไพวรนิ ทร์ ขาวงาม) Melody คือการนำบทกวีมาใส่เป็นทำนอง อ่านให้มีเสียงสูง-ต่ำต่างกัน หรือใส่ ทำนองเพลงให้กับบทกวีแลว้ รอ้ งเป็นเพลง ทเ่ี ราคุน้ เคยกันดี เชน่ ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมทุ ร ไมส่ ้ินสุดความรกั สมคั รสมาน แมน้ อยูใ่ นใตห้ ล้าสุธาธาร ขอพบพานพศิ วาสมิคลาดคลา Ostinato (มาจากภาษาอิตาเลียน เทียบกับภาษาอังกฤษในความหมายว่า obstinate) กลุ่มหน่งึ พดู หนงึ่ คำหรอื ประโยคซำ้ ๆ ขณะทอ่ี กี กลุม่ หน่งึ อา่ นข้อความ แตกตา่ งไป แตเ่ ป็นเร่ืองราวท่ีมคี วามเกีย่ วขอ้ งกนั เชน่ 62 ละครสรา้ งนักอ่าน
นกั อ่าน 1 แลว้ ชวี ติ นกั อ่าน 2 ออ่ น นักอ่าน 3 ใส นกั อา่ น 4 เขยี วใบไม้ นกั อา่ น 1 ค่อยพลิกไหวพบละอองของแดดออ่ น นักอ่าน 2 (ใบไม้ - ใบไม้ - - แดดออ่ นออ่ น) นักอ่าน 3 บทเริม่ ต้นตามลลี าความอาทร นักอ่าน 4 ผลใิ บซอ้ นกอ่ นใบซบลงทบดิน นกั อ่าน 2 (ใบไม้ - ใบไม้ - ใบไม้ - - ลงทบดนิ ) (บางตอนจาก “ชวี ิตและเงอ่ื นไข” ใบไม้ท่ีหายไป : จริ ะนนั ท์ พติ รปรชี า) Unison การอา่ นออกเสียงพร้อมๆ กนั เปน็ เสยี งเดยี ว เปน็ เทคนิคทเี่ ราคุน้ เคยทีส่ ุด คือการอ่านหรือท่องอาขยานพร้อมกนั ทงั้ ชั้นเรียนนั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีการอ่านแบบแยกเสียงตามกลุ่มเสียง เช่นระดับเสียงสูง-ต่ำ หรอื เสยี งกลมุ่ ชาย-หญงิ ฯลฯ อยา่ งไรกต็ าม การอา่ นบทกวไี มว่ า่ จะเปน็ การอา่ นเดย่ี วหรอื อ่านกลุ่มในแบบต่างๆ จะต้องตีความบทกวีก่อน คือต้องรู้จักอารมณ์และบรรยากาศ ในบทกวีน้ันๆ เช่น บทกวีกล่าวถึงความเงียบเหงา วังเวง อาจต้องใช้เสียงเรียบ เย็น และแผว่ เบา เมือ่ พดู ถึงความโหดเห้ยี ม อาจตอ้ งใชเ้ สยี งทุ้มต่ำ เป็นตน้ Readers Theatre 63
ในการอ่านบทกวีหน่ึงบท ไม่ควรใช้เทคนิคใดเทคนิคหน่ึงเพียงอย่างเดียว เพราะจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกซ้ำซาก แต่ควรใช้หลากหลายรูปแบบผสมผสานกัน จะช่วยเพ่ิม สสี ันและความน่าสนใจในการอา่ นและการฟังบทกวมี ากยิ่งขน้ึ เทคนคิ ตา่ งๆ ควรทดลอง ใชแ้ ละค้นหาแนวทางใหม่ๆ ตามความคดิ สรา้ งสรรคข์ องแตล่ ะคน นกั อา่ น 1 หมู่พุ่ม นักอา่ น 2 ไม้ใบ นกั อา่ น 3-4 (พร้อมกัน) งามใบไม้พุ่ม นักอา่ น 1-4 (พร้อมกัน) (หมูพ่ ุม่ ไม้ใบ งามใบไมพ้ มุ่ ) นกั อา่ น 1 ใบสวย นักอ่าน 2 สวย นกั อา่ น 3 เปน็ กลมุ่ นักอ่าน 4 กลุม่ นกั อา่ น 1 พมุ่ ละหลายหลายสี นกั อา่ น 2-4 (พรอ้ มกนั ) (หลาย-หลายส)ี (บางตอนจาก “สาวน้อยในสวน” มอื นน้ั สีขาว : ศกั ด์ศิ ริ ิ มีสมสบื ) 64 ละครสร้างนักอา่ น
ãช้´นตรสี ร้างบรรยากาÈ เสียงดนตรไี มว่ า่ จะเปน็ จงั หวะ ทว่ งทำนอง หรอื โทนเสยี ง ย่อมชว่ ยสรา้ งอารมณ์ ให้ผูท้ ่ไี ดย้ ินไดฟ้ ังเสมอ เพราะเสยี งดนตรีเป็นสิ่งท่รี ับรู้ไดผ้ ่านประสาทสัมผสั การนำเสยี ง ดนตรีมาประกอบควบคูไ่ ปกบั การแสดงการอ่านจะช่วยสร้าง “บรรยากาศ” ได้ด ี นอกจาก จะดงึ อารมณข์ องผชู้ มไดแ้ ลว้ ยงั ชว่ ยดงึ อารมณข์ องนกั แสดงทสี่ รา้ งไวใ้ หค้ งอยบู่ นเวทดี ว้ ย การนำเสยี งดนตรีหรอื เพลงประกอบเข้ามาใช้ควบคูไ่ ปกับการแสดง จะช่วยในการ เดนิ เรอ่ื งและเปน็ ตัวแทนส่อื ถึงบคุ ลกิ ลักษณะของตวั ละครแตล่ ะตัวได้ อกี ท้งั ยงั ชว่ ยให้สงิ่ ที่เป็นนามธรรมหรือส่ิงท่ีไม่มีรูปร่าง ไม่มีตัวตน กลายเป็นสิ่งท่ีรับรู้และสัมผัสได้ เช่น เม่ือต้องการสอ่ื คำวา่ “อำนาจเผดจ็ การ” การใชเ้ สียงดนตรีในโทนทมุ้ ต่ำ (เชน่ สาย Bass ของกตี ารส์ ายท ี่ 4-6) และเลน่ ในจงั หวะหนกั ประกอบเสยี งของผบู้ รรยายชาย จะชว่ ยใหร้ สู้ กึ ถึงความรุนแรงได้ ขณะท่ีต้องการส่ือถึง “ประชาธิปไตย” ก็ใช้ท่วงทำนองที่อ่อนหวาน ละมุนเข้ามาแทน โทนเสียงท่ีแตกต่างทำหน้าท่ีแทนพลังของอำนาจ 2 ขั้วท่ีขัดแย้งกัน ผู้ชมจะเกดิ ภาพในการเปรยี บเทียบได้ชดั เจนขนึ้ ถ้าคุณ (หรือในกล่มุ ผ้เู ข้าร่วมกิจกรรม) มีความสามารถทางดนตรี ก็อาจใช้ดนตรี ประกอบการอ่าน เช่น เล่นกีตารค์ อรด์ งา่ ยๆ คลอไปพร้อมกบั การอา่ น หากไม่สะดวกที่จะ เลน่ ดนตรกี อ็ าจเลอื กเพลงบรรเลงจากเทปหรอื ซดี มี าเปดิ คลอไปพรอ้ มกบั การอา่ นไดเ้ ชน่ กนั การเล่นดนตรีสดมีข้อดีคือ สามารถแสดงควบคู่ไปกับการแสดงการอ่านได้เป็น อย่างดี ให้จังหวะและอารมณ์ท่ีสดกว่า ขณะที่การใช้เพลงสำเร็จรูปแม้จะทำได้ง่ายกว่า แตต่ อ้ งอาศยั จงั หวะและควิ การเปดิ -ปดิ เพลงทแี่ นน่ อน แมน่ ยำ และไมส่ ามารถพลกิ แพลง ให้เข้ากับผูแ้ สดงไดเ้ หมอื นดนตรสี ด Readers Theatre 65
การนำเพลงทคี่ นุ้ หผู ชู้ มมาประกอบการแสดง สลับกับการอ่านก็ช่วยสร้างสีสันและความน่าสนใจ ใหม้ ากขน้ึ ได ้ แตก่ ารเลอื กเพลงตอ้ งเกย่ี วโยงกบั เนอ้ื หา ของเรื่องที่กำลังแสดงการอา่ นด้วย หากเป็นไปได้ก็อาจนำบทกวีหรือ วรรคทองจากหนังสือหรือเร่ืองที่นำเสนอ มาใส่ทำนอง และถา่ ยทอดโดยการรอ้ งเปน็ เพลงในแนวตา่ งๆ ซง่ึ อาจจะดจู ากเนอ้ื ความ หรือกลุ่มเป้าหมายว่าเหมาะสมกับเพลง ลักษณะใด หากมีข้อจำกัดเรื่องทักษะทาง ดนตรี ก็อาจใช้เสียงของผ้อู ่านสร้างจังหวะ หรอื ทำนองใหก้ บั เนอ้ื ความ การสรา้ งจงั หวะ การอา่ นใหเ้ หมอื นทำนองเพลง เสยี งทถ่ี า่ ยทอดไปสผู่ ชู้ มจะมมี ติ แิ ละความนา่ สนใจมากขน้ึ เช่น การแบ่งวรรคและสลับกันอ่านต้ังแต่ 2 คนข้ึนไป หรือการอ่านพร้อมกันหลายๆ คนในเนอ้ื ความท่ตี ้องการเน้น เป็นตน้ การใช้เสียงดนตรีประกอบการแสดงการอ่านหรือการอ่านเป็นจังหวะดนตรี ไม่มีแบบแผนตายตัว ข้ึนอยู่กับคุณและนักอ่านของคุณว่าจะสร้างสรรค์ด้วยวิธีใด แล้ว ทดลองใชเ้ ทคนิคหรอื วิธกี ารนั้นๆ เพ่มิ เติมเขา้ ไปตามความเหมาะสม 66 ละครสรา้ งนักอ่าน
• การอา่ นจดหมายของระพินทร์ทีเ่ ขียนถึงเพลินใน “สงครามชีวิต” ระพนิ ทร ์ “ถ้าฉันเป็นนก ฉันคงจะบินติดตามเธอไปทุกหนแห่ง แม้ว่าเม่ือบินไป ระหวา่ งทาง ตัวฉันจะต้องลูกธนู ฉันก็จะอุตส่าห์พยุงกายบินไปตกตรง หน้าตักเธอ และเมื่อยอดรักได้เช็ดเลือดและน้ำตาให้ฉันสักครั้ง ฉันกจ็ ะหลบั ตาด้วยความสุข” (เพลงขึ้น : เพลงอาลัยรัก) ฉนั รักเธอ รักเธอ ด้วยความไหวหว่นั ว่าสกั วันฉนั คงถูกทอดทงิ้ มนิ านเทา่ ไหร่ แล้วเธอก็ไปจากฉันจรงิ ๆ เธอทอดทิ้งให้อาลยั อยู่กับความรัก แมม้ ีปกี โผบินไดเ้ หมอื นนก อกจะต้องธนเู จบ็ ปวดนกั ฉนั จะบนิ มาตายตรงหน้าตกั ใหย้ อดรกั เชด็ เลอื ดและน้ำตา ระพนิ ทร์ “แตน่ ฉ่ี นั บินไมไ่ ดอ้ ย่างนก ดังน้ันแมย่ อดหญิงอย่าทง้ิ ฉันไปเลย... ฉนั ไม่มี คำสาปแชง่ จะใหแ้ กแ่ มช่ าวฟา้ ฉนั มแี ตพ่ ร มแี ตค่ วามรกั ทบี่ รสิ ทุ ธผ์ิ ดุ ผอ่ ง ท่ีงามหน่ึงไม่มีสอง ถ้าเธอไม่ตอบหรือรับคำวิงวอนอ้อนออดจากฉัน เธอกจ็ งปรงุ ยาพษิ สง่ มาใหฉ้ นั สกั ถว้ ยหนงึ่ อยา่ ฆา่ ฉนั อยา่ งผรู้ า้ ยเลอื ดเยน็ จงฆา่ ฉนั อย่างยอดรัก และให้ฉันตายอยา่ งยอดรกั ของเธอเถดิ ” Readers Theatre 67
¼่อนคลายกาย-จิต มุ่งสรา้ งอารมณ์ ก่อนเข้าสู่การแสดงหากผู้แสดงได้รับการฝึกพื้นฐานการแสดงอย่างง่ายๆ จะช่วย เพ่ิมอรรถรสและประสทิ ธภิ าพให้กบั การแสดงได ้ และพื้นฐานการแสดงทจ่ี ะกล่าวถงึ น้ยี ัง สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมนนั ทนาการอื่นๆ ได้ดว้ ย พน้ื ฐานการแสดงอยา่ งง่ายๆ มี 4 ดา้ น 1. การสร้างความรูส้ ึกผอ่ นคลาย (Relaxation) 2. การสรา้ งสมาธ ิ (Concentration/Attention) 3. การจินตนาการ (Imagination) 4. การแสดงอารมณ ์ ความรู้สกึ (Emotional Expression) สรา้ งความร้สู กึ ผอ่ นคลาย ภาวะผ่อนคลายเป็นภาวะที่สภาพร่างกายและจิตใจเป็นอิสระจากภาระท้ังปวง ไมม่ คี วามกงั วล ไม่มเี ร่ืองรบกวนจติ ใจ กลา้ มเนือ้ ไมเ่ กร็ง และพร้อมทจ่ี ะใชป้ ระสาทสัมผสั ทั้งหมดในการรับรู้สิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็นหรือการได้ยิน ฝึกสร้างความรู้สึก นไี้ ด้โดย • หาพื้นท่สี ่วนตัวท่ีหา่ งไกลจากความวุ่นวาย ไม่มีเสยี งดงั รบกวน ไมม่ ีผู้คนขวกั ไขว ่ เพื่อลดการตอบสนองต่อสิ่งเรา้ รอบข้าง • นอนราบกับพ้ืน ปล่อยน้ำหนักทั้งหมดลงบนพ้ืน ขณะท่ีนอนให้รับรู้ลมหายใจ ของตนเอง • ค่อยๆ หลบั ตาลงชา้ ๆ การหลับตาจะช่วยให้สมองพักจากการตคี วามภาพที่เห็น ความตึงเครียดของความคิดจะลดลง แต่ยังคงรับรู้ถึงการกำหนดลมหายใจ เข้า-ออก และสัมผสั รอบตัวอยู่ • ค่อยๆ แยกส่วนของร่างกายแต่ละส่วนให้รับรู้ว่าอยู่ในภาวะผ่อนคลายเต็มที่ หรือยัง การรับรู้ถึงสภาวะผ่อนคลายทำได้โดยเปรียบเทียบกับภาวะที่กล้ามเน้ือ 68 ละครสร้างนักอ่าน
ต้องใช้งานหรอื ออกแรง ภาวะที่ไมต่ อ้ งออกแรงก็คือสภาวะท่ผี อ่ นคลาย • “ปลายเทา้ ” คอื บรเิ วณตงั้ แตต่ าตมุ่ ถงึ ปลายนว้ิ เทา้ ใหเ้ กรง็ ปลายนวิ้ เทา้ ชา้ ๆ เตม็ ที่ แล้วคอ่ ยๆ คลายการเกรง็ น้นั ออก เปรียบเทยี บภาวะที่ผอ่ นคลายกับภาวะทเี่ กรง็ ทำซ้ำ 2-3 ครั้งเพ่ือให้เห็นความแตกต่าง และขยายความรู้สึกผ่อนคลายให้ท่ัว ปลายเทา้ • ย้ายส่วนข้ึนมาเร่ือยๆ จากปลายเท้าขนึ้ มาที่น่อง ตน้ ขา สะโพก หลงั ไหล่ แขน นว้ิ มอื คอ และบรเิ วณใบหนา้ โดยใชว้ ธิ เี ดมิ ใหเ้ ปรยี บเทยี บภาวะทเ่ี กรง็ กบั ภาวะ ที่ผ่อนคลาย ทำซ้ำ 2-3 ครั้งในแต่ละส่วน และขยายความรู้สึกผ่อนคลาย ให้มากขึ้น • เมอื่ ทำครบทกุ สว่ นของรา่ งกายแลว้ จะรบั รถู้ งึ ภาวะทเ่ี บาสบาย คลา้ ยกบั รา่ งกาย จะลอยอยู่เหนือพ้ืน • จดจำความรู้สึกผ่อนคลายน้ีไว้ ก่อนท่ีจะทำกิจกรรมใดๆ ที่ต้องใช้สมาธิจดจ่อ อยา่ เรม่ิ จากสภาวะท่รี า่ งกายยงั เกร็งและเครียดอยู่ • สมองก็เป็นอีกส่วนหนึ่งท่ีต้องได้รับการผ่อนคลาย โดยการพยายามตัดเสียง ตดั ภาพท่ีเข้ามาในความคิด ตดั เรื่องต่างๆ ท่ีเข้ามาในสมอง โดยทำให้เป็นชว่ งท่ี น่ิงและวา่ งทส่ี ดุ อาจเร่ิมจากการทำแค่ 1 วินาที แลว้ คอ่ ยๆ ขยายชว่ งเวลาใหไ้ ด้ 3 วินาที จะรูส้ ึกถงึ ความโล่งของสมองได้ Readers Theatre 69
การผ่อนคลายจะเปน็ จุดเริ่มต้นของการทำกิจกรรมตา่ งๆ ทตี่ ้องใชร้ า่ งกาย ภาวะที่ ไม่ผ่อนคลายจะทำให้ทำกิจกรรมเหล่าน้ันได้ไม่เต็มที่ ส่งผลถึงประสิทธิภาพของกิจกรรม น้นั ดว้ ย สรา้ งสมาธิ สมาธิเป็นภาวะท่ีเราสนใจและจดจ่อกับส่ิงที่เราต้องการโดยไม่สนใจกับส่ิงอ่ืน ขณะที่อ่านหนังสืออยู่ เราต้องจดจ่อกับตัวหนังสือและความหมายของคำ ฝกึ สรา้ งสมาธิโดย • เร่ิมจากการหาสงิ่ ทเ่ี ราจะจดจอ่ เช่น จดจอ่ กับลมหายใจใหร้ สู้ ึกตลอดเวลาวา่ ลม หายใจเข้า-ออกเป็นอย่างไร อาจใช้การนับจำนวนการหายใจหรือนับแค่การ เข้า-ออก มุ่งความสนใจไปท่ีการเข้า-ออกหรือการนับ จะทำให้เราลืมสิ่งต่างๆ ได้ชัว่ ขณะ ถือวา่ สมาธิเร่มิ เกิดขึ้นแลว้ • การสร้างสมาธิอาจฝึกได้จากการนับตัวเลขในใจอย่างเป็นระบบ เช่น นับเลข 1-100 เม่อื ครบแลว้ นับใหม่ หรือนบั เพ่มิ ขน้ึ ทลี ะ 2 เชน่ 1-2 / 1-2-3-4 / 1-2- 3-4-5-6 / ... เป็นต้น • หากมีมากกว่า 1 คน อาจประยุกต์ใช้เกมต่างๆ เป็นการฝึกเป็นกลุ่ม เช่น ทอ่ งสตู รคณู เปน็ วงกลม โดยแตล่ ะคนพดู คนละ 1 พยางค ์ ถา้ พดู ผดิ ตอ้ งเรม่ิ ตน้ ใหม ่ เป็นต้น สมาธิเป็นส่ิงท่ีรับรู้ได้เฉพาะบุคคล โดยแต่ละคนรู้ว่าจะต้องจัดการกับสิ่งเร้าต่างๆ ไดอ้ ย่างไร 70 ละครสร้างนักอา่ น
สร้างจินตนาการ จินตนาการเป็นสภาวะเสมือนจริงที่เราสร้างข้ึน เกิดจากการทำงานของความคิด การฝึกฝนจินตนาการเป็นทักษะที่ต้องส่ังสม การท่ีจะสร้างจินตนาการให้เกิดข้ึนได้น้ัน ต้องอาศัยภาวะท่ีร่างกายและสมองผ่อนคลายและมีสมาธิ มิฉะน้ันจินตนาการที่เกิดขึ้น จะอยูไ่ ดใ้ นระยะเวลาส้นั ๆ ไม่ตอ่ เนอ่ื ง เพราะถกู รบกวนจากส่งิ รอบตัว • การฝกึ จินตนาการควรเรม่ิ หลังจากรา่ งกายมีการผอ่ นคลาย และมสี มาธิกับสงิ่ ท่ี เรากำลงั จะสรา้ งขน้ึ เชน่ จนิ ตนาการการยกของทม่ี นี ำ้ หนัก ใหส้ มมตุ วิ า่ เรายก ของทมี่ นี ำ้ หนกั 1 กโิ ลกรมั และของทเี่ รายกอยมู่ นี ำ้ หนกั มากขน้ึ ๆ เปน็ 2 กโิ ลกรมั 3 กโิ ลกรมั เราจะพบความแตกต่างของการยก เมอื่ ของชิน้ นั้นมนี ้ำหนกั มากจน เราไมส่ ามารถยกได ้ พยายามผลกั มนั ใหเ้ คล่อื นที ่ เราจะเร่มิ รู้สึกเหนอื่ ย • การฝึกจินตนาการจากส่ิงท่ีมองไม่เห็น ลองนึกภาพว่าตัวเองเห็นเม็ดเล็กๆ กระจายอยู่ในอากาศ แล้วเอาปลายน้ิวเอื้อมไปจับไว้ให้แน่น จากนั้นมองหา เมด็ เลก็ ๆ นน้ั อกี แลว้ เออ้ื มมืออกี ขา้ งหนง่ึ ไปจับ เปล่ียนจดุ ไปเร่ือยๆ ทว่ั บริเวณ โดยเพ่ิมรายละเอียดของเม็ดท่ีเราจะจับ จะเห็นว่ามีสีต่างๆ หรือมีน้ำหนัก แตกต่างกนั • การฝึกจินตนาการเปน็ กลมุ่ อาจใช้เกมหรือกฬี าง่ายๆ เช่น เกมแยง่ ลูกบอลโดย ทไ่ี มม่ ลี กู บอลอย ู่ หรอื การแขง่ ขนั ปงิ ปองของสองทมี โดยจนิ ตนาการวา่ มโี ตะ๊ และ ลูกปิงปองอยู่ เปน็ ตน้ การฝึกเปน็ กลุ่มตอ้ งอาศยั ความเชื่อร่วมกัน ความสำเร็จ จะอยู่ท่ีความเชอื่ ทก่ี ลมุ่ สรา้ งขน้ึ การฝึกเข้าไปอยู่ในโลกของจินตนาการบ่อยๆ จะทำให้เราสามารถเชื่อมไปสู่โลก สมมุติได ้ การเช่อื มกบั สิง่ สมมุติจะทำใหอ้ รรถรสในการอา่ นหรอื ฟังเพ่ิมมากขึ้นดว้ ย Readers Theatre 71
แสดงอารมณ์ ความรู้สึก อารมณ์และความรู้สึกเป็นภาวะของจิตที่เปล่ียนจากสภาพสมดุล (ปกติ) ไปสู่อีก สภาวะหนงึ่ สภาวะทางจติ เชน่ โกรธ กลวั เศรา้ โศก สนกุ สนาน ขยะแขยง หรอื ประหลาดใจ เปน็ ตน้ ซง่ึ โดยปกตอิ ารมณเ์ หลา่ นจี้ ะเกดิ จากการตอบสนองกบั สง่ิ เรา้ ไมว่ า่ จะเปน็ เหตกุ ารณ์ บุคคล หรอื เรอ่ื งราว แตใ่ นการแสดงที่สื่อสารจากสิง่ ท่สี มมตุ ิจากเรอ่ื งแตง่ บางครัง้ กต็ อ้ ง อาศยั ความเชอ่ื หรอื จนิ ตนาการ วา่ สง่ิ เรา้ นน้ั เขา้ มากระทบจรงิ ทำใหเ้ ราตอบสนองสง่ิ เรา้ นนั้ ออกมาเปน็ อารมณท์ แ่ี ตกตา่ งกนั ได้ การแสดงอารมณ์จากการอ่าน ต้องอาศัยการตีความจากตัวหนังสือออกมาเป็น อารมณ์ คำจะไมม่ ีความหมายถ้าไม่ผา่ นการตีความ การฝกึ จินตนาการใหเ้ ชื่อกบั เรื่องราว ตา่ งๆ จะช่วยใหเ้ ราแสดงออกทางอารมณ์ไดง้ า่ ยและชัดเจนขน้ึ • การฝกึ แสดงอารมณโ์ ดยการนบั เลข 1-10 แบบออกเสยี ง ให้นบั ตัวเลขที่เพิ่มขึ้น แสดงถงึ อารมณ์ทเ่ี ข้มขน้ ขึน้ เชน่ โกรธ ระดับ 1 / โกรธ ระดับ 2 / ... / โกรธ ระดับ 10 แลว้ เปรียบเทยี บความรูส้ กึ ในระดับตา่ งๆ ว่าต่างกนั อย่างไร รวมถึง การเปรียบเทียบระหว่างความรสู้ ึกของคนท่ีออกเสยี งกับความรู้สึกของผฟู้ งั ด้วย • ฝึกพูดโดยการพูดประโยคหรือคำเดิมซ้ำๆ โดยให้ความรู้สึกของคำน้ันแตกต่าง กันในแต่ละอารมณ์ เชน่ “เส้อื ตวั นีเ้ ธอซื้อมาจากท่ีไหน” ถ้ารู้สึกวา่ ชอบเสื้อตวั น้ี เราจะพูดด้วยความรู้สึกอย่างไร ถ้าไม่ชอบจะพูดด้วยความรู้สึกอย่างไร ฝึกพูด ด้วยอารมณ์ความรู้สึกท่ีโกรธ กลัว เศร้า ขยะแขยง สนใจใคร่รู้ ฯลฯ หรือ ความรู้สึกในแบบต่างๆ ดว้ ยการออกเสียง • ฝึกเป็นคู่ โดยการเลือกคำที่มีความขัดแย้งกันมาโต้ตอบกัน เช่น “ใช่-ไม่ใช่” “ไป-ไมไ่ ป” “จรงิ -ไมจ่ รงิ ” โดยการฝกึ ลองพดู คำเหลา่ นน้ั ใหย้ นื ยนั วา่ สงิ่ ทต่ี วั เองพดู เปน็ สงิ่ ท่ีถกู ตอ้ งทส่ี ดุ แลว้ พิจารณาวา่ การทำซำ้ ๆ จะทำให้ระดบั แบบแสดงออก ของอารมณเ์ ปลย่ี นไปแคไ่ หน 72 ละครสรา้ งนักอ่าน
การแสดงอารมณ์และความรูส้ ึกตอ้ งอาศัยการปฏิบัตจิ ริง แล้วแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ กัน Readers Theatre 73
เตรยี มรา่ งกายãห้พร้อม ร่างกายคนเราประกอบดว้ ยอวัยวะตา่ งๆ ทำหน้าท่ตี า่ งกนั แต่มีความสัมพนั ธซ์ ง่ึ กัน และกัน และทำให้ร่างกายสามารถเคล่ือนไหวหรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้ การเรียนรู้เรื่อง การเคลอ่ื นไหวของร่างกายจงึ จำเปน็ ตอ้ งมคี วามร้เู กีย่ วกับส่วนตา่ งๆ ของรา่ งกาย เพ่ือให้ เข้าใจลักษณะและการใช้งานที่ถกู ต้อง โครงสร้างร่างกายของเราประกอบด้วย กระดูก กล้ามเน้ือ และผิวหนัง กระดูก เป็นตัวยึดส่วนต่างๆ ของร่างกาย รับน้ำหนักและควบคุมการเคลื่อนไหว ร่างกายของ มนุษยป์ ระกอบดว้ ยกระดกู ทัง้ ส้ิน 206 ชน้ิ กระดูกส่วนที่สำคัญคือกระดูกสันหลัง เป็นส่วนที่ช่วยในการเหยียดตรงและการ เคล่ือนไหวของลำตัว มีลักษณะพิเศษคือทำหน้าที่เสมือนท่อส่งผ่านเส้นประสาทจาก สมองไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย กระดูกสันหลังมีลักษณะเป็นท่อนๆ จำนวน 26 ชิ้น วางซ้อนกันเป็นรูปโคง้ แบ่งไดเ้ ปน็ 4 สว่ น • สว่ นคอ (cervical vertebrae) ทำหนา้ ท่ีค้ำจุนศรี ษะ • ส่วนหลงั (thoracic vertebrae) อยูบ่ รเิ วณส่วนอกดา้ นหลัง บริเวณน้จี ะมีกระดูกซโ่ี ครงออ้ มจากด้านหนา้ มาเชื่อม • สว่ นเอว (lumbar vertebrae) และ • สะโพก (sacrum & coccyx) รอยต่อระหว่างกระดูก 2 ท่อนเรียกว่าข้อต่อ ซ่ึงมีส่วนสำคัญในการเอ้ืออำนวย ให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้ ข้อต่อของกระดูกในร่างกายมีทั้งลักษณะข้อต่อแบบ บานพับ (hinge joint) เชน่ ขอ้ ศอก เข่า ขอ้ เท้า เปน็ ต้น และขอ้ ต่อแบบลกู กลมในเบ้า (ball and socket joint) ไดแ้ ก่ หัวไหล่และข้อตอ่ สะโพก 74 ละครสร้างนักอา่ น
ข้อต่อระหว่างปลายกระดูกจะเช่ือมต่อด้วยเอ็นและพังผืดจึงทำให้เราสามารถ พับ เหยียด หรือหมุนได้ ขณะท่ีเราเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อจะหดและยืดตัวตามลักษณะ ท่เี รากระทำ การเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน เช่น การยืน เดิน ว่ิง กระโดด เขย่ง จับ ดึง หรอื ยกของ ฯลฯ ถ้าปฏิบัตถิ ูกวิธีจะชว่ ยใหค้ วามสามารถและประสทิ ธภิ าพในการใชง้ าน ดีและใช้ได้ยาวนาน หากใช้ไม่ถูกวิธีจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานในระยะยาว ลดลงดว้ ย การยนื เทา้ ทัง้ สองจะต้องรบั น้ำหนกั ตวั ทงั้ หมด การยืนที่ดคี วรยนื ตัวตรง แยกเทา้ กว้างเท่าช่วงไหล่และลำตัวต้ังตรงจะทำให้ร่างกายรับน้ำหนักได้ดีที่สุด น้ำหนักจะตกลง ระหวา่ งเทา้ ท้งั สองขา้ งเท่ากนั และยนื ได้อย่างม่ันคง ขน้ั ตอนแรกคือต้องสำรวจตวั เอง โดยอาจมองตวั เองในกระจก สงั เกตดูว่าทา่ ทาง ของคุณขณะท่ีน่ังลงบนเก้าอี้ ยืนหรือลุกจากเก้าอี้ มีลักษณะอย่างไร ปัญหาท่ีมักพบ ในผู้ใหญ่ ได้แก่ การย่ืนศีรษะไปข้างหน้ามากเกินไป ไหล่งุ้มไปข้างหน้า และนั่งทรุดตัว หย่อนลง เม่อื สำรวจดใู นกระจก ทา่ ทาง (ยนื ) ทีถ่ ูกต้องเมอื่ ดจู ากดา้ นข้าง • หู ไหล่ สะโพก และข้อเทา้ ทั้งสองขา้ งอยู่ในแนวเสน้ ตรงเดียวกนั • ไหล่ผอ่ นคลายแต่ไม่งุ้มไปขา้ งหน้า • กระดูกสนั หลงั โคง้ เลก็ นอ้ ยใน 3 แห่ง คอื เวา้ ท่สี ว่ นคอ โคง้ ไปขา้ งหนา้ เลก็ นอ้ ยทหี่ ลังตอนบน และเวา้ ทีส่ ว่ นหลงั ส่วนลา่ ง • เขา่ ท้ังสองงอเลก็ นอ้ ย • น้ำหนกั ตัวตกอยู่ท่ีกลางเทา้ ไมใ่ ชห่ ัวแมเ่ ทา้ หรือสน้ เท้า การเคล่อื นไหวของร่างกายในลกั ษณะท่ีไมถ่ กู ตอ้ งมสี ่วนสมั พนั ธ์ตอ่ อาการปวดหลัง เชน่ การยกของหนกั ขณะทหี่ ลงั งอจะมแี รงกดมากเกนิ ไปตอ่ หมอนรองกระดกู ทำใหข้ อ้ ตอ่ ทก่ี ระดกู สนั หลงั ไปกดทบั เสน้ ประสาท ผลกค็ อื อาจมกี ารบาดเจบ็ หรอื เพม่ิ ความเจบ็ ปวดได้ Readers Theatre 75
การเรียนรู้กลไกการเคล่ือนไหวของร่างกายและทำกิจกรรมต่างๆ อย่างเหมาะสม ใช้ท่าทางการเคลื่อนไหวท่ีถูกต้องจะสามารถป้องกันอาการบาดเจ็บหรืออาการปวดท่ีอาจ เกดิ ขน้ึ ได้ กอ่ นทจ่ี ะเรม่ิ ทำกจิ กรรมใดๆ กต็ าม ขน้ั แรกสดุ จะตอ้ งคำนงึ ถงึ กลา้ มเนอ้ื หนา้ ทอ้ ง สะโพก และหลัง กล้ามเนื้อเหล่านี้ดึงหลังของคุณให้อยู่ในท่าทางท่ีสมดุลและรักษาการ เคลอ่ื นไหวใหอ้ ยภู่ ายใต้ขอบเขตของความสบาย เมื่อสำรวจร่างกายทีละส่วน จะพบว่าแต่ละส่วนสามารถใช้งานได้เหมือนและ แตกตา่ งกนั เชน่ คอ (กม้ เงย เอยี ง หนั ซา้ ย-ขวา) หวั ไหล่ (ยก กด ดนั หนา้ -หลงั หรอื หมนุ ได้ 360 องศา) ขอ้ ศอก หวั เขา่ (พบั ได)้ ขอ้ มอื ขอ้ เทา้ สะโพก ฯลฯ ทำอะไรไดบ้ า้ ง แลว้ ลองทำ 2 ข้างไม่เหมือนกนั เช่น ไหลข่ ้างหน่งึ ยกขน้ึ อกี ขา้ งกดลง หรอื ข้างหนึง่ หมุนไปทางซา้ ย ขา้ งหน่ึงหมนุ ไปทางขวา ทำได้หรอื ไม่ จะพบว่าสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายสามารถทำท่าทางตา่ งๆ ไดม้ ากมาย 76 ละครสรา้ งนักอา่ น
กิจกรรม • ให้ปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้ยิน เช่น เดินไปข้างหน้า ถอยหลัง เดินออก ด้านข้าง (ซ้าย/ขวา) ว่ิงเหยาะๆ ไปข้างหน้า ว่ิงถอยหลัง วิ่งออก ดา้ นข้าง (ซ้าย/ขวา) หยดุ นัง่ ยืน นอน คุกเข่า ยืน เดินเขย่ง ฯลฯ ออกคำสั่ง เปล่ียนท่าทางไปเร่ือยๆ จากนั้นให้เพ่ิม ท่าทาง เช่น มือสองข้างเท้าสองข้าง ตดิ พ้นื เดนิ ต่อ น่ังก้นติดพ้ืนอย่างเดียว ขาขวาติดพื้นข้างเดียว สะโพกและ ไหล่ขวาติดพื้น มือสองข้างติดพื้น อย่างเดียว ฯลฯ จะเห็นความคิด ส ร้ า ง ส ร ร ค์ ใ น ก า ร ท ำ ท่ า ท า ง ข อ ง แต่ละคน • แยกกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม เริ่มจาก ตบมือพร้อมกันเป็นจังหวะ 1-2-3-4 จ า ก น้ั น เริ่ ม แ ย ก ก า ร ต บ มื อ ต า ม หมายเลขกลุ่ม เชน่ จังหวะท่ี 1 กลมุ่ ท่ี 1 ตบมือ / จังหวะที ่ 2 กลมุ่ ท่ ี 2 ตบมือ... เวียนจนครบ 4 กลุ่ม (ควรเปิด เพลงคลอไปด้วย) แล้วกลับมาเริ่ม รอบใหม่ เม่ือทุกกลุ่มเริ่มคุ้นกับจังหวะ ของตัวเอง ให้เปลี่ยนเป็นรอบท ี่ 1 Readers Theatre 77
กลุม่ 1 และ 3 ตบมือ (กลมุ่ 2 และ 4 ใหท้ ำท่าอะไรกไ็ ด้ในจงั หวะตบมอื ของตวั เอง) รอบที ่ 2 กลมุ่ 2 และ 4 ตบมือ (กลมุ่ 1 และ 3 ทำทา่ ในจงั หวะตบมือของตัวเอง) เวยี นเชน่ น้ี สกั 4 รอบตดิ ตอ่ กนั จะช่วยฝกึ สมาธแิ ละจังหวะในการเคลอ่ื นไหวได้ • ใหแ้ บง่ เปน็ กลมุ่ ยอ่ ยกลมุ่ ละประมาณ 6-8 คน ให้ทำท่าทางอะไรกไ็ ดท้ ใ่ี ช้ รา่ งกายทกุ สว่ นและใหค้ วามรสู้ กึ วา่ เปน็ “เปดิ -ปดิ ” โดยใหเ้ วลาในการคดิ 1 นาท ี จะพบวา่ แตล่ ะกลมุ่ สรา้ งสรรค์ อ อ ก ม า เ ป็ น ภ า พ ก า ร เ ปิ ด - ปิ ด ในรูปแบบต่างๆ ได้ เช่น ทุกคน เดินล้อมเป็นวงกลม ใช้แขน ข้ า ง ห น่ึ ง ป ร ะ ส า น กั น ต ร ง ก ล า ง อีกข้างโบกเขา้ -ออก ซา้ ย-ขวา จน สุดแขน ภาพท่ีออกมาเหมือน ดอกไม้กำลังบานคลี่กลีบ เป็นต้น 78 ละครสรา้ งนักอ่าน
ลีลาáละทา่ เต้น ขอใหพ้ ิจารณาการแสดงตอ่ ไปน้ี • บนเวที นกั แสดงเคลื่อนออกมาพูดคนละประโยค แล้วโบกผ้าสขี าวพลิว้ นกั แสดง 1 สงิ่ ใดทเี่ กิดขน้ึ แลว้ นักแสดง 2 สง่ิ นั้นยอ่ มเกดิ ขึ้นแลว้ นักแสดง 3 เหตุการณบ์ างเรื่องที่เกิดขน้ึ และผา่ นไปนนั้ นกั แสดง 4 บางทีมนั กไ็ ด้ทง้ิ รอ่ งรอยของมันไวข้ ้างหลงั นักแสดง 5 เกินกวา่ ท่ีใครๆ จะคดิ เหน็ • การเคลื่อนไหวผา้ สีขาวพลว้ิ ในช่วงน้เี ปน็ อารมณ์ของกาลเวลาท่ัวๆ ไป นกั แสดง 1 ผู้ท่สี รา้ งประวตั ศิ าสตร์ นักแสดง 2 หรืออกี นยั หน่งึ ผ้ลู ิขติ ชะตากรรมของมนุษย์ นักแสดง 3 ผู้ลิขิตความเปลยี่ นแปลงของมนุษย์ นักแสดง 4 หาใช่พระพรหมหรอื พระผ้เู ป็นเจา้ นกั แสดง 5 หรือผ้ศู ักด์ิสทิ ธิท์ ่ีไหนไม่ นกั แสดง 1-5 (พร้อมกนั ) หากเป็นมนุษย์นั่นเอง • นักแสดงเคล่ือนไหวกลายเป็นภาพร่างของความเป็นมนุษย์ (move แล้วพากันยก ใครสกั คนใหส้ งู ขนึ้ ) • ทันใดผ้าสีแดงผืนใหญ่ก็เคลื่อนเข้าหานักแสดงเป็นมนุษย์ทั้งหมด เหมือนจะสร้าง หายนะให้ แต่แลว้ ก็กลายเป็นประดับประดาใหม้ นุษย์คนเดมิ น้ันสูงสง่ งดงามยง่ิ ขน้ึ Readers Theatre 79
(เสยี งผู้บรรยาย) ...กาลเวลาท่ีผ่านไป มิได้ผ่านไปอย่างไร้ความหมาย กาลเวลา มิได้ผ่านไปดุจว่ามันเป็นความว่างเปล่า และมิได้ทิ้งสิ่งหน่ึงสิ่งใดไว้ข้างหลังมัน มัน มิเคยเป็นเช่นนั้น ในอนาคตและอนันตกาล เบ้ืองหลังกาลเวลาผ่านไปย่อมมีพัฒนาการ ของสรรพสิง่ เหลอื ไว้เปน็ รอ่ งรอยของมันเสมอ... การใชผ้ า้ ขาวโบกเปน็ สญั ลกั ษณข์ องการมอี สิ ระ การใชผ้ า้ สแี ดงสอ่ื ถงึ ความมอี ำนาจ และความรุนแรง เพ่ือแสดงถึงการถูกพันธนาการความคิดด้วยกรอบปฏิบัติของสังคมใด สังคมหน่ึง... นี่คือการส่ือสารด้วยการแสดงลีลารูปแบบหน่ึงในการแสดงคีตกวีการชุด “กหุ ลาบตน้ นน้ั 36,500 ดอก” ในชว่ งทน่ี ำมาจากวาทะวา่ ดว้ ยประวตั ศิ าสตรแ์ ละกาลเวลา ของ ‘ศรีบูรพา’ (กุหลาบ สายประดษิ ฐ์) การใช้ท่าทางและลีลาประกอบการแสดง มักมีจุดประสงค์หลักคือการถ่ายทอด เร่อื งราวจากเนื้อหา เพ่ือสร้างบรรยากาศในการแสดงให้สามารถดึงดูดความสนใจจาก ผูช้ มเพ่มิ มากขนึ้ จากการฟังเน้ือความเพยี งอยา่ งเดยี ว และทำให้ผู้ชมได้ใชป้ ระสาทสัมผสั ทั้งการฟงั การชมไปพรอ้ มๆ กนั ซง่ึ จะกระตนุ้ ใหเ้ กดิ การจดจำเรอ่ื งราวจากภาพทเ่ี หน็ ได้ อยา่ งชัดเจนขน้ึ ลลี าและทา่ ทางในการสอื่ สารเรอื่ งราว เชน่ การรำ การแสดงบลั เลต์ หรอื การแสดง ละครใบ้ เปน็ การสือ่ สารผา่ นทา่ ทางที่ไม่มีคำพูด แตใ่ ช้ท่าทางในการแสดงเพ่อื สอ่ื สารกบั ผู้ชมแทนคำพดู และอารมณ์ ซึง่ ทา่ ทางในลักษณะนี้จะเป็นทา่ ทางท่ีแสดงสัญลกั ษณ์ เพ่อื สอ่ื ใหค้ นดเู ขา้ ใจความหมายไดโ้ ดยสากล ตามระเบยี บแบบแผนของการแสดงแตล่ ะประเภท เช่น การใหค้ วามหมายวา่ “ฉนั ” ในรำไทย คอื การจบี มือเข้าทีอ่ กตนเอง ในบลั เลตแ์ สดง โดยการผายมอื ทห่ี นา้ อกตนเอง และในการแสดงละครใบ้ คอื การชม้ี อื ทต่ี นเองดว้ ยนว้ิ โปง้ หรือนวิ้ ช้ี เปน็ ต้น การออกแบบการแสดงลลี าเพอ่ื ประกอบการอา่ น มคี วามแตกตา่ งจากการออกแบบ ท่าเต้นเพ่ือแสดงเพลง เพราะจะต้องอ่านบทหรือเน้ือหาของเร่ืองและตีความเพื่อเป็น ทา่ ทางทสี่ ามารถสอื่ สารกบั คนดไู ดต้ รงตามคำในเนอ้ื ความ และไมใ่ หเ้ สยี อรรถรสในการชม 80 ละครสรา้ งนักอา่ น
โดยไมใ่ ชท้ า่ ทางทซ่ี บั ซอ้ นเกนิ ไป การแสดงการอา่ นโดยทว่ั ไปจะไมม่ ดี นตรเี ปน็ องคป์ ระกอบ หลัก แต่จะใช้จังหวะของการอ่านแทน ดังนั้นการอ่านบทและตีความจึงมีความสำคัญ เพื่อใหเ้ นือ้ หากบั ทา่ ทางที่แสดงออกมารวมกนั ได้อย่างสอดคล้องลงตวั และไม่รบกวนกัน และกัน การตีความจากเน้ือหาควรให้ความหมาย ท่ีตรงคำ เมื่อแสดงเป็นท่าทางก็ไม่ควรใช้การ เคลอ่ื นไหวท่ีมาก ใชเ้ พียงแคก่ ารขยับร่างกายส่วนใด สว่ นหนง่ึ เทา่ นน้ั ในระหวา่ งการอา่ น เชน่ เมอ่ื ตอ้ งการ ส่ือถึง “พลัง” นักแสดงหันหน้าซ้าย-ขวาพร้อมกัน ท้ังหมด (5 คน) นักแสดงเคลื่อนไหวรา่ งกายส่วนใด ส่วนหนึ่งพร้อมๆ กันก็จะเกิดพลังในการเคล่ือนไหว ข้นึ และไมเ่ ปน็ การรบกวนการฟังดว้ ย เป็นตน้ ส่วนการออกแบบท่าเต้นประกอบเพลงมักมี จดุ ประสงคเ์ พอ่ื สรา้ งบรรยากาศสนกุ สนานใหแ้ กเ่ พลง นนั้ ๆ หรอื สรา้ งความสขุ ใหแ้ กผ่ ชู้ ม โดยทา่ ทางทแ่ี สดง ออกแต่ละท่านั้น จะเป็นท่าที่คิดค้นข้ึนมาเพื่อให้จำ ได้ง่าย สามารถเต้นตามได้ ถ่ายทอดความรู้สึก ภาพรวมของเพลงนน้ั ๆ โดยไมจ่ ำเปน็ วา่ ทา่ ทส่ี อ่ื ออกมา นน้ั จะมคี วามหมายตรงกบั คำของเพลงนน้ั ๆ นอกจากนี้ ท่าทางที่ประดิษฐ์ข้ึนนั้นจะใช้การเคลื่อนไหวทั้งตัว ผู้แสดงจึงต้องมีทักษะพ้ืนฐานในการเต้นที่ดีเพื่อให้ Readers Theatre 81
แสดงทา่ ทางออกมาไดส้ วยงาม นกั เตน้ จะตอ้ งมกี ารฝกึ ซอ้ มรา่ งกายตนเองอยเู่ สมอ เพอ่ื สรา้ งกำลงั และความแขง็ แรง ของร่างกายให้สามารถทนต่อการเต้นในรูปแบบต่างๆ โดยไม่ทำให้เหน่ือยง่ายและไม่ ทำให้รา่ งกายเสอื่ มสภาพจากการใชง้ านหนัก นกั เตน้ ตอ้ งรจู้ ักบำรุงและถนอมรา่ งกายตน เองไม่ให้เกิดการบาดเจ็บจากการฝึกซ้อมหรือการแสดง ด้วยการอบอุ่นร่างกายก่อนและ หลังการแสดง สำหรับนักแสดงก็เช่นกัน จะต้องมีการฝึกซ้อมการแสดง การแสดงละครน้ันไม่ สามารถเลน่ ไดด้ ้วยตนเองทั้งหมด ดังน้นั การฝกึ ซอ้ มร่วมกันจงึ เปน็ ส่ิงสำคญั เพราะจะทำ ให้นักแสดงร่วมเข้าใจอารมณ์ของตัวละครและสามารถรับส่งอารมณ์กันได้อย่างไหลลื่น สามารถทจี่ ะพฒั นาอารมณข์ องตวั ละครไดร้ ว่ มกนั มากขน้ึ เพอื่ ใหส้ ามารถถา่ ยทอดบทบาท นัน้ ไดส้ มจริงและสรา้ งอารมณ์ร่วมใหเ้ กิดข้ึนแก่คนดู ในการแสดงทกุ ชนดิ นนั้ การซอ้ มถอื เปน็ สง่ิ ทสี่ ำคญั มากทส่ี ดุ เพราะการซอ้ มจะชว่ ย ให้เกิดความแม่นยำในการจดจำ การรับส่งอารมณ์ร่วมกันของผู้แสดงความแข็งแรงของ ร่างกาย และท่าทางทเ่ี ป็นธรรมชาติของนักแสดงแต่ละคนจะไมข่ ัดเขินกบั การแสดงออก ในท่าทางแบบต่างๆ 82 ละครสร้างนักอ่าน
ตาโบล โชวค์ วามน่งิ คำว่า “ตาโบล วิวอง” (Tableau vivant/Tableaux vivants) เป็นศัพท์เฉพาะ มาจากภาษาฝรง่ั เศส หมายถงึ “ภาพนงิ่ มชี วี ติ ” ตาโบล ววิ อง หรอื เรยี กกนั สนั้ ๆ วา่ “ตาโบล” เป็นรูปแบบหน่ึงของการแสดง โดยนักแสดงทำท่าทางเป็นภาพน่ิงบนเวที มักใช้ในการ สอ่ื สารทางละคร ชว่ งเวลาทีน่ ักแสดงทำทา่ ทางเป็นภาพนงิ่ นนั้ จะไม่เคลื่อนไหว ไมพ่ ดู จา ให้ความร้สู ึกต่อผู้ชมคล้ายการดูภาพถ่าย ภาพวาด หรืออนุสาวรีย์ ผู้ชมจะจินตนาการ เหตกุ ารณต์ ่อจากภาพท่เี หน็ ตาโบล ววิ องเป็นรปู แบบการแสดงทน่ี ยิ มกนั มากในสมยั ก่อนทว่ี ิทย ุ โทรทศั น ์ และ ภาพยนตร์จะเข้ามามีบทบาท นักเรียนการละครในประเทศอังกฤษในสมัยวิกตอเรียใช้ เป็นรูปแบบหลักในการแสดงละคร และรูปแบบน้ีเป็นท่ีนิยมสูงสุดในช่วงศตวรรษที่ 19 ปจั จบุ นั ยงั คงใชก้ นั อยใู่ นการแสดงละครทวั่ ๆ ไปเพอ่ื รวบเวลาในการเลา่ เรอื่ ง มกั เรยี กกนั วา่ “ภาพนิง่ เล่าเรอ่ื ง”
การใชต้ าโบล วิวอง ชว่ ยใหก้ ารแสดงง่ายข้นึ เพราะไม่ต้องทำท่าใหเ้ ห็นเหตกุ ารณ์ ตง้ั แตต่ น้ จนจบ เพยี งแตต่ ดั ภาพทต่ี อ้ งการสอ่ื ความหมายมาแสดงเปน็ ภาพนงิ่ เชน่ หากใน เร่ืองมีการทะเลาะวิวาทและชกต่อยกัน นักแสดงสองคนก็ไม่จำเป็นต้องชกต่อยกันจริงๆ บนเวท ี แตใ่ หน้ กั แสดงคนหนง่ึ ทำทา่ เงอ้ื มกำปน้ั ชก สว่ นอกี คนกท็ ำทา่ หนั หนา้ เหมอื นถกู ชก เพียงง่ายๆ เท่านี้กส็ ามารถส่ืออารมณ์ของการชกตอ่ ยกันได้ ที่สำคัญคือการออกแบบท่าทาง ผู้ออกแบบควรเลือกภาพหรือเฟรมท่ีจะสื่อ ความหมายได้มากท่ีสุด การแสดงออกทางสีหน้าของนักแสดงต้องให้ความรู้สึกน้ันๆ ด้วย แต่ท่ีสำคญั ยง่ิ กวา่ น่นั คือ นกั แสดงจะตอ้ ง “น่ิง” การเคลอ่ื นไหวแมเ้ พยี งเลก็ นอ้ ย กอ็ าจสง่ ผลตอ่ ความรู้สกึ ของผู้ชมได้ 84 ละครสรา้ งนักอา่ น
เพม่ิ เทคนิคละครãบ้ ในการแสดงรีดเดอร์ส เธยี เตอร์ (RT) การแสดงอะไรก็ตามทอ่ี ธิบายไวใ้ นเน้อื เร่อื ง ท่ีอ่าน ผู้อ่านควรพยายามทำหรือไม่ก็เสนอออกมาโดยใช้เทคนิคละครใบ้ (mime) ถ้าใครสักคนกำลังกินข้าว เราก็ควรเห็นการยกช้อนขึ้นไปท่ีปาก ถ้าใครสักคนกำลังห้อย อย่กู ลางอากาศ เราก็ควรเหน็ แขนถกู ดงึ ตงึ เหมอื นลกู บอลลูนที่ลอยอย ู่ ถ้าใครสกั คนกำลัง ขมี่ ้าแขง่ เรากค็ วรเห็นเท้าม้ากำลงั ว่งิ คำสำคัญในที่น้ีก็คือ “ส่อให้เห็น” เพราะท่าทางการเคล่ือนไหวมักจะห่างไกลจาก ความเป็นจริง ตวั อย่างเชน่ มันลำบากที่จะถอดเสอื้ ออกมาจริงๆ ในเม่ือมือขา้ งหน่งึ ต้อง ถือบทท่ีจะอ่านอยู่ นักอ่านจะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วที่จะทำท่าหลับแบบนั่งตัวตรงโดยให้ ศรี ษะโนม้ ไปทางด้านขา้ ง และการเดินอยู่กบั ทเ่ี ป็นวธิ กี ารเดนิ ทางทนี่ กั อา่ นชอบมากท่ีสดุ ถงึ แมว้ า่ เทคนคิ ละครใบ ้ (mime) ทเ่ี ปน็ แบบแผนนนั้ ไมจ่ ำเปน็ แตม่ นั กช็ ว่ ยเพมิ่ ความ ประณตี ใหก้ บั การแสดง และมนั ยอ่ มดเี สมอทจ่ี ะใชว้ ธิ กี ารทไ่ี ดร้ บั การพสิ จู นม์ าแลว้ สำหรบั การเดินอยู่กับท่ี การขึ้นลงบันได ไต่เชือกหรือราวไม้ การยกหรือลากวัตถุหนัก ท่าบิน การหกลม้ และอ่ืนๆ ลองคน้ ดหู นังสือในหอ้ งสมุดทเ่ี ก่ยี วกับเทคนิคละครใบศ้ ึกษาดู ส่วนหน่ึงของกลุ่มนักแสดงละครใบ้ท่ีประสบความสำเร็จได้ก็คือ การตระหนักถึง ส่ิงที่มองไม่เห็น ถ้าม้าน่ังหมายถึงเก้าอ้ีหรือโต๊ะ ก็ต้องมั่นใจว่าไม่มีใครจะเดินผ่านโต๊ะ! แมแ้ ตป่ ระตซู งึ่ มองไมเ่ หน็ กไ็ มค่ วรยา้ ยตำแหนง่ ขณะทคี่ นอนื่ ๆ ผา่ นเขา้ ไป ถา้ ตวั ละครสองคน ดภู าพบนผนงั พวกเขาก็จะตอ้ งตกลงกันวา่ มนั อยู่ทไี่ หนและมองไปตรงจดุ เดยี วกนั Readers Theatre 85
สร้างสรรค์ “หุน่ ” ประกอบการáส´ง รีดเดอรส์ เธยี เตอร์ (RT) กเ็ หมือนกบั การเล่าเร่ืองทีส่ ามารถสร้างสรรค์ภาพต่างๆ โดยการเสนอภาพของสงิ่ ทีไ่ มส่ ามารถนำมาปฏิบัตไิ ดจ้ ริงบนเวที ระยะเวลาสามารถทำให้ สน้ั ลงหรือยืดขยายออกไปได้ คำพูดจากจินตนาการสามารถสรา้ งขึ้นได ้ และการเดนิ ทาง อนั นา่ พศิ วงกส็ ามารถนำมาแสดงไดเ้ ช่นกนั แต่กรณีนำไปใช้กับเด็กเล็กๆ อาจต้องมีเคร่ืองช่วยในการสร้างจินตนาการ การประดิษฐ์อุปกรณ์เพิ่มเติมจะทำให้เด็กๆ เห็นภาพได้ชัดเจนและสนุกสนานมากขึ้น เช่น ประดิษฐ์หมวกเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ให้เด็กสวม ใช้ภาพประกอบหรือนำหุ่นแบบต่างๆ มาชว่ ยสรา้ งสีสนั เพิ่มขึน้ เพอ่ื ดึงดูดความสนใจของเดก็ ๆ ในท่ีน้ีจะแนะนำการประดิษฐ์หุ่นท่ีเน้นวิธีที่ง่ายๆ และประหยัดค่าใช้จ่าย 5 แบบ คือ หุ่นหนังสือพมิ พ์ หุ่นปากอ้า หนุ่ สาย หุ่นน้ิวมอื ห่นุ ผ้าเจาะหน้า ËØ‹¹Ë¹Ñ§Ê×;ÁÔ ¾ อปุ กรณ ์ 1. กระดาษหนังสือพิมพ์ 2. สกอตช์เทปใส 3. กรรไกร 4. ไม้ไผ่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 นิ้ว ยาวประมาณ 2 ฟตุ 86 ละครสรา้ งนักอ่าน
ขน้ั ตอนการทำ • ฉีกแบง่ กระดาษหนงั สอื พมิ พ์ • ม้วนกระดาษหนังสือพิมพ์ตามแนวนอนให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กที่สุด จนสุดกระดาษ และตดิ สกอตช์เทปเพ่อื ยึดกระดาษใหต้ ดิ กัน • ดัดมว้ นกระดาษหนังสอื พิมพ์ให้เป็นรูปร่างทตี่ ้องการ เช่น ชา้ ง คน เปน็ ต้น โดย ตดิ สกอตช์เทปเพื่อใหเ้ ปน็ รูปร่างดังกล่าว • นำไมไ้ ผม่ าวางพาดตวั หนุ่ ตรงกง่ึ กลาง และตดิ สกอตชเ์ ทปเพอื่ ยดึ ใหต้ วั หนุ่ ตดิ กบั ไม้ไผ่ • ลองขยับหุ่นตามอารมณ์ต่างๆ หากเกิดความไม่แข็งแรงให้ยึดสกอตช์เทปให้ แน่นหนาขึ้น ขนาดของหนุ่ ไมค่ วรใหญห่ รอื เลก็ เกนิ ไป เพราะหากเลก็ ไปจะทำใหไ้ มเ่ หน็ เสน้ รปู รา่ ง ของหุ่นที่ชัดเจน และหากใหญ่เกินไปจะเกิดความง่อนแง่นและเคล่ือนไหวไม่สะดวก เวลาเชดิ และหากเลือกหนงั สือพมิ พห์ นา้ ทีม่ ีสสี นั มามว้ น ก็จะทำใหห้ ุน่ มีสีสนั มากขน้ึ เช่น อยากได้หางของช้างเป็นสีเขียว ก็อาจเลือกหน้าโฆษณาที่มีสนามหญ้ามาม้วน เพื่อโชว์ สีเขียวออกมาดา้ นนอก เปน็ ต้น Readers Theatre 87
ËØ¹‹ »Ò¡ÍÒŒ อุปกรณ์ 1. กระดาษแข็งเทาขาว 2. สีนำ้ หรือสีชอล์ก 3. กรรไกร 4. ดินสอ 5. กาว 6. กล่องนมขนาดส่เี หลีย่ มผนื ผ้า 7. คัตเตอร์ ข้นั ตอนการทำ • วาดรูปทีต่ ้องการลงบนกระดาษแขง็ เทาขาว • ตดั แบ่งชว่ งตวั ของหนุ่ เป็น 2 ส่วน คอื ช่วงหัวถงึ ปาก และช่วงปากถงึ ขา • ใช้คัตเตอร์กรีดกล่องนม 3 ด้าน และพับคร่ึงให้ปลายด้านบนและด้านล่าง เทา่ กนั • นำด้านหัวของกล่องนมมาทากาวติดบนรูปส่วนที่เป็นหัวถึงปาก โดยติดให้ ชดิ ขอบปาก 88 ละครสรา้ งนักอ่าน
• นำด้านท้ายของกล่องนมมาทากาวติดบนรูปส่วนท่ีเป็นปากถึงขา โดยติดให้ชิด ขอบปาก • ลองขยับหุน่ ตามอารมณ์ต่างๆ หากไม่แข็งแรงใหต้ ิดกาวให้แนน่ หนาขึ้น ขนาดของหนุ่ ไมค่ วรใหญห่ รอื เลก็ จนเกนิ ไป เพราะจะทำใหเ้ ชดิ ลำบากและกลอ่ งนม อาจรับน้ำหนักไม่ไหว หากมีเวลาจำกัด การเลือกใช้สีชอล์กอาจเหมาะสมกว่า เพราะ ให้สสี ันท่ีสดใสในเวลาจำกดั ËØ¹‹ ÊÒ อุปกรณ์ 1. กระดาษแขง็ เทาขาว 2. กาว 3. กรรไกร 4. สีนำ้ หรือสชี อลก์ 5. ไหมพรม Readers Theatre 89
ขนั้ ตอนการทำ • วาดรูปทตี่ อ้ งการลงบนกระดาษแข็งเทาขาว โดยวาดเปน็ 2 ชิน้ หนา้ -หลัง แต่มี ช่วงต่อกันท่ีด้านหัวของหุ่น เช่น วาดคน 2 ด้าน คือด้านหน้าและด้านหลัง ให้มีส่วนเชื่อมกันท่ีหัว เม่ือพับคร่ึงหุ่น 2 ช้ินจะทับกันสนิทเหลือหุ่นเพียง ตัวเดียว โดยสามารถสอดไหมพรมเข้าใต้ส่วนหัวซึ่งเชื่อมต่อกันได้ด้วย และ ระบายสีทั้งดา้ นหน้าและด้านหลงั • ตดั หนุ่ ตามรปู รา่ งและพบั ครึ่ง • นำไหมพรมมาผูกเป็นวงกลม และสอดไหมพรมไว้ในช่วงท่ีกระดาษเชื่อมต่อกัน (สว่ นหวั ของหุ่น) • ตดิ กาวใหห้ ่นุ ท้งั สองดา้ นตดิ กัน • ลองขยับหุน่ ตามอารมณต์ า่ งๆ ขนาดของห่นุ ไม่ควรใหญ่หรือเลก็ เกนิ ไป เพราะหากเล็กไปจะทำให้ผูช้ มมองไม่เห็น และหากใหญ่เกินไปไหมพรมจะรับน้ำหนักไม่ไหว หรืออาจแก้ด้วยการนำไหมพรมมาถัก เปน็ เปยี กอ่ นทจ่ี ะทำเปน็ เชอื กสำหรบั เชดิ กไ็ ด้ และเวลาระบายสใี หร้ ะบายสหี นุ่ ดา้ นหลงั กอ่ น เพราะหากระบายดา้ นหน้าก่อน เวลาระบายด้านหลังหุน่ จะเปอ้ื น หมดความสวยงาม 90 ละครสรา้ งนักอา่ น
ËØ‹¹¹ÔÇé Á×Í อปุ กรณ์ 1. กระดาษแข็งเทาขาว 2. กาวหรือสกอตช์เทปใส 3. กรรไกร 4. สีน้ำ สชี อล์ก หรอื สีเมจิก 5. ผ้าเช็ดหน้ารูปส่ีเหลี่ยมจัตุรัสกว้าง ประมาณ 1.5-2 ฟุต ขัน้ ตอนการทำ • วาดรูปที่ต้องการลงบนกระดาษแข็งเทาขาว โดยวาดเฉพาะส่วนหัวของหุ่น แล้วระบายสี • ตดั หุ่นตามรูปรา่ ง • ตัดกระดาษแข็งเป็นรปู สี่เหลี่ยมผนื ผ้า กว้างประมาณ 2 นิว้ ยาวประมาณ 5 นว้ิ และม้วนกระดาษทำเป็นแหวนครอบน้ิว โดยวัดเส้นผ่าศูนย์กลางแหวนจาก ความกว้างของน้ิวช้ขี องคนท่ีเชิดหนุ่ • ติดแหวนทด่ี า้ นหลงั ของห่นุ • เจาะรผู ้าเชด็ หน้า 3 ร ู เพือ่ ใช้สอดนว้ิ โป้ง น้วิ ช้ี และนิ้วกลาง • ลองสวมผ้าเช็ดหน้ากับมือผู้เชิด และลองสวมหุ่นส่วนหัวไว้ท่ีปลายนิ้วช้ี ลองขยับหนุ่ ตามอารมณต์ า่ งๆ Readers Theatre 91
ขนาดของหัวหุ่นต้องมีความสูงปิดน้ิวช้ีของผู้เชิด มิฉะนั้นน้ิวชี้จะโผล่ออกมา ทำใหไ้ มน่ า่ มอง หากผสู้ รา้ งสรรคไ์ มส่ ะดวกทจี่ ะวาดหวั หนุ่ เอง อาจเลอื กรปู นกั แสดง ดารา นางแบบ มาใช้ตัดเป็นหัวหุ่นแทนก็ได้ โดยแปะทับลงบนกระดาษแข็งอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ เกดิ ความแข็งแรง ËØ‹¹¼ÒŒ à¨ÒÐ˹ŒÒ อปุ กรณ์ 1. ผ้าดิบหน้ากว้างเกิน 1 หลา (90 เซนตเิ มตร) ยาวประมาณ 2-3 เมตร 2. สีนำ้ สโี ปสเตอร์ หรอื สีชอล์ก 3. กรรไกร ขัน้ ตอนการทำ • วาดรูปตามเร่ืองราวท่ีต้องการ โดยวาด ส่วนหน้าของรูปต่างๆ เท่าขนาดหน้า ของคนแสดงและระบายสี • ใช้กรรไกรเจาะส่วนหน้าของหนุ่ ทิ้ง เพ่อื ใช้สอดใบหนา้ ของผูแ้ สดง • ลองสอดใบหน้าของผู้แสดงเข้าไปในช่องที่เจาะ และลองขยับหน้าตามอารมณ์ ตา่ งๆ 92 ละครสร้างนักอ่าน
ควรวดั ขนาดหนา้ ของผแู้ สดงกอ่ นวาด และควรตดั ขนาดเลก็ กอ่ นแลว้ ลองสอดหนา้ เข้าไปในช่องว่าง หากช่องว่างเล็กกว่าใบหน้าของผู้แสดงค่อยเล็มผ้าออกทีละนิด หุ่นผ้า เจาะหนา้ สามารถเลา่ เรอ่ื งราวในหนงั สอื ไดค้ รบถว้ น เชน่ อาจทำผา้ 6 ผนื สำหรบั เลา่ เรอ่ื งราว 1 เรือ่ ง และหุ่นแบบนม้ี เี สนห่ เ์ วลาจัดแสดง สามารถดึงความสนใจของผชู้ มได้ Readers Theatre 93
หุ่นทั้ง 5 แบบควรมีผ้าสำหรับใช้ทำฉาก (เพอ่ื บงั ตวั ผเู้ ชดิ ) โดยใชผ้ า้ สพี น้ื หรอื ผา้ ถงุ แบบลายไทย ตารางหมากรุก ขนาดกว้างประมาณ 1 หลา ยาว ประมาณ 3 เมตร แลว้ ใชค้ น 2 คนจบั ปลายด้านซ้าย 1 คน ด้านขวา 1 คน สว่ นจะถือทิ้งชายผา้ ดา้ นลา่ ง หรือชูข้ึนด้านบน ข้ึนกับประเภทของหุ่นท่ีใช้เชิด หุ่นที่เสนอมาทั้ง 5 แบบน้ีจะเน้นถือชายผ้าทิ้งด้าน ล่างเพื่อบงั ผเู้ ชิดห่นุ ขอใหส้ นุกกับความมหศั จรรย์ของ เธียเตอร์ไดแ้ ลว้ !... รีดเดอรส์ 94 ละครสรา้ งนักอ่าน
“ËàÇÅÒ·¡Õ”ËÅ¢ÒÍÂ§Ç¹Ô¸Ñ¡Õ ÍÒ‹ ¹
96 ละครสร้างนักอา่ น
โครงการรดี เดอรส์ เธยี เตอร์ (RT) อาจใช้เวลาหลายวัน ขึ้นอยู่กับความยาวของเรื่องและจำนวนเวลาต่อวันท่ีแบ่งให้กับ กจิ กรรมการอา่ น โดยเฉลีย่ เวลาที่ใชต้ อ่ 1 เรือ่ งประมาณ 5 วัน การนำ RT ไปปฏบิ ตั นิ นั้ มหี ลากหลายวธิ ดี งั กลา่ วแลว้ วา่ รปู แบบ การนำไปปฏิบัติยังคงเกิดข้ึนเรื่อยๆ ข้ึนอยู่กับการสร้างสรรค์ และประยกุ ตใ์ ช้ของแต่ละคน ก่อนเริ่มกิจกรรม RT มีคำแนะบางประการ ดงั นี้ • ให้ผู้ร่วมกิจกรรมเลือกเร่ืองจากหนังสือหรือบทของ ตัวละครท่ีขึ้นอยู่กับความสนใจและความสามารถใน การอ่านของพวกเขา • กำหนดบทบาทการแสดง (เช่น ผู้บรรยาย ตัวละคร ผู้กำกบั ) • จดั เนอ้ื หาของเรอ่ื งใหผ้ ทู้ จ่ี ะอา่ น 1 ชดุ ตอ่ นกั อา่ น 1 คน • ให้นักอา่ นอ่านเนอ้ื เรอื่ งในใจ • พูดคยุ กันและอธบิ ายถงึ คำทย่ี ากหรือไมค่ ้นุ เคย Readers Theatre 97
• ชกั จงู ให้นกั อา่ นนึกภาพเก่ยี วกับตัวละคร (เชน่ เขานา่ จะพูดเสียงอย่างไร? การ แสดงสีหน้าของพวกเขาน่าจะเป็นอย่างไร? ท่าทางของตัวละครในตอนนั้นน่า จะเป็นอย่างไร?) • ให้นักอ่านอ่านบทของตัวเองด้วยการอ่านออกเสียงให้บ่อยคร้ังมากท่ีสุดเท่า ท่จี ำเป็น เพอ่ื สรา้ งความมั่นใจและให้เกดิ ความคล่องในการอ่านบทของตน • ช่วยนักอ่านในการตัดสินใจว่าพวกเขาจะทำการอ่านบนเวทีให้ดีได้อย่างไร (เช่น ผู้อ่านนั่งทั้งหมดหรือยืนท้ังหมด ผู้อ่านบางคนนั่งในขณะท่ีบางคนยืน ผู้อ่านท้ังหมดเรียงกันเป็นแถวตรง หรือผู้อ่านบางคนอยู่ด้านหน้าและบางคน อยูด่ า้ นหลงั ) ในช่วงของการแสดง RT มเี ร่ืองสำคญั ทค่ี วรกล่าวถงึ ดังนี้ • นกั อา่ นถอื บทในขณะทอ่ี า่ น หรอื ใหบ้ ททอ่ี า่ นวางอยบู่ นแทน่ แบบทว่ี างโนต้ ดนตรี • นักอ่านอาจเลือกที่จะมองไปในจุดที่อยู่เหนือศีรษะของกลุ่มผู้ชม หรือถ้าไม่ พวกเขากอ็ าจจะตดั สนิ ใจรว่ มกนั วา่ นา่ จะทำแบบใดในการปฏสิ มั พนั ธท์ เ่ี หมาะสม (เชน่ มองไปท่ผี ้อู ่านอกี คนหน่งึ ในขณะทีก่ ำลังพูด เปน็ ตน้ ) • กลุ่มผู้ชมจะนั่งและฟังอย่างต้ังใจ เพราะพวกเขาจะใช้จินตนาการให้สนุกไปกับ การตคี วามจากเร่อื งท่นี กั อ่านกำลงั อ่าน 98 ละครสรา้ งนักอ่าน
วธิ กี ารนำ RT ไปปฏบิ ตั นิ นั้ มที ง้ั การอา่ นในระดบั ฝกึ อา่ นเบอ้ื งตน้ การอา่ นแบบรอบวง การอา่ นแบบพรอ้ มใชใ้ นวนั เดยี ว การอา่ นแบบร่วมกนั คดิ การอา่ นบนเวที ไปจนถงึ แบบที่ เพิ่มความซับซ้อนทางการแสดงมากข้ึนอย่างวิธีการแสดงของ แชมเบอร์ เธียเตอร์และ สตอร ่ี เธยี เตอร ์ โดยท่ัวไปแล้ว การอ่านในระดับฝึกอ่านเบื้องต้น (Primary Reading) การอ่าน แบบรอบวง (Circle Reading) การอ่านแบบพร้อมใช้ในวันเดียว (Instant Reading) และการอา่ นแบบรว่ มกนั คดิ (Cooperative Reading) นนั้ มปี ระโยชนแ์ ละมปี ระสทิ ธภิ าพ มากที่สุดสำหรับครูหรือผู้จัดกิจกรรมที่ต้องการวิธีการในการ “เสริมสร้างการอ่าน” ส่วนผู้ท่ีเน้นเรื่องของ “การแสดง” ก็พบว่าวิธีเหล่านี้มีประโยชน์เช่นกันสำหรับกระบวน การฝึกซ้อมการแสดงบนเวทีในช่วงต้นๆ เพ่ือนำไปสู่การแสดงการอ่านบนเวที (Staged Reading) สำหรับนักกิจกรรมส่งเสริมการอ่านท่ีจัดกิจกรรมเป็นวาระ อาจเหมาะสมกับการ อ่านแบบพร้อมใช้ในวันเดียว (Instant Reading) หรืออาจใช้การแสดงการอ่านบนเวที (Staged Reading) โดยอาจต้องเป็นผู้แสดงเอง วิธีนำไปปฏิบัติท่ีจะกล่าวถึงนี้อาจต้อง นำไปประยุกต์ใหเ้ หมาะสมกับกล่มุ ผรู้ ว่ มกิจกรรม ตอ่ ไปนคี้ ือคำอธิบายขัน้ ตอนวธิ ีการของ RT แบบต่างๆ ดงั น้ี Readers Theatre 99
การอา่ นãนระ´บั ½กƒ อ่านเบéอื งต้น (Primary Reading) เมอ่ื ใชก้ ารอา่ นกบั กลมุ่ ผทู้ เ่ี รมิ่ หดั อา่ นในระดบั ประถมตน้ หรอื กลมุ่ เดก็ เลก็ สง่ิ สำคญั คือการเลือกเน้ือเรื่องท่ีมีลักษณะสามารถคาดเดาเร่ืองได้ และมีคำหรือวลีพิเศษที่ซ้ำๆ กนั ตลอดท้งั เร่ือง ในการอ่านระดับฝึกอ่านเบ้ืองต้นส่วนใหญ่น้ัน ครู/ผู้จัดกิจกรรมจะรับบทเป็น ผบู้ รรยายหลกั ขณะทเี่ ดก็ ๆ จะเขา้ รว่ มโดยการอา่ น (หรอื การพดู ซำ้ ) ดว้ ยคำ วล ี โคลงและ ประโยคซ้ำๆ ง่ายๆ วิธีนี้คล้ายกับการเข้าร่วมฟังการเล่านิทานซ่ึงเด็กๆ จะช่วยผู้เล่าใน การเลา่ เรือ่ ง โดยการฟังแล้วกพ็ ดู ซำ้ ขอ้ ความบางขอ้ ความ เพราะนกั อา่ นรนุ่ เยาวซ์ งึ่ เชอ่ื วา่ พวกเขาจะตอ้ งกลายมาเปน็ นกั อา่ นจรงิ ๆ จงึ เปน็ สง่ิ สำคัญทจี่ ะต้องทำสำเนาเน้ือหาของเรอื่ งและแจกใหก้ บั เดก็ ๆ ทกุ คนโดยไมค่ ำนึงถงึ ความ สามารถในการอ่าน สำเนาของเรื่องที่แจกนี้จะบรรจุถ้อยคำหรือข้อความทั้งหมด เพื่อช่วยให้เด็กๆ ใส่ใจกับเร่ืองที่พวกเขาได้ยินจากการอ่านออกเสียงของถ้อยคำท่ีอยู่บน หนา้ กระดาษ ข้นั ตอนดำเนินการ • ทำสำเนาเนอื้ หาของเร่อื งทจ่ี ะอ่านและแจกทุกคน • อ่านเน้ือเรื่องให้ดงั พอทเี่ ด็กๆ ทุกคนได้ยนิ และกระตุ้นใหเ้ ดก็ ๆ ทกุ คนเขา้ รว่ ม โดยการพูดซ้ำ คำหรอื วลีท้งั หมด ทค่ี ุณทำเครอ่ื งหมายเอาไว ้ หลังจากอ่านเรื่องแล้ว 1 หรือ 2 รอบ คุณอาจจะต้องช่วยเด็กๆ ขีดเส้นใต้ คำหรอื วลีทง้ั หมด ทีต่ ้องพูดซ้ำ • จากนั้นคุณและเด็กๆ ก็พร้อมท่ีจะอ่านซ้ำอีกครั้ง ช้ีให้เห็นแต่ละส่วนที่ถูกขีด เส้นใต้เมอื่ อา่ นถงึ ตรงนน้ั • ถ้าจำเป็นต้องมีบทพูดเดี่ยวหรือบทของตัวละครก็จัดแจงมอบหมายหรือขอ 100 ละครสรา้ งนักอา่ น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240