แนวทางการ จดั การดนิ และ ธาตุอาหาร พืชตระกูลสม้ บนพ้ืนทสี่ ูง
แนวทางการจดั การดนิ และธาตุอาหาร 2 พืชตระกูลสม้ บนพนื้ ทสี่ ูง
แนวทางการจดั การดนิ และธาตุอาหารพชื ตระกลู สม้ บนพ้ืนทส่ี ูง ค�ำนำ� พืชตระกูลส้ม เป็นไม้ผลท่ีส�ำคัญชนิดหนึ่งท่ีมูลนิธิ โครงการหลวงศึกษาวิจัยและพัฒนาเพ่ือให้เกษตรกรบนพื้นที่สูง ปลูกเป็นอาชีพ มีการน�ำเข้าสายพันธุ์พืชตระกูลส้มจากประเทศ ญี่ปุ่นและจากแหล่งต่างๆ ในประเทศ เพ่ือปลูกทดสอบพันธุ์และ การให้ผลผลิตก่อนส่งเสริมให้เกษตรกรบนพ้ืนที่สูงปลูก โดยเน้น พันธุ์ที่แตกต่างจากพื้นที่ราบและให้ผลผลิตได้ดีบนพื้นท่ีสูงซ่ึงมี อากาศเย็น ปัจจุบันมูลนิธิโครงการหลวงได้คัดเลือกชนิดและพันธุ์ สม้ ทมี่ ศี กั ยภาพเพอื่ ผลติ และสง่ เสรมิ ใหเ้ กษตรกรปลกู ในพน้ื ทม่ี ลู นธิ ิ โครงการหลวง ได้แก่ คัมควทั เกรปฟรตุ และเลมอน มีแนวโนม้ ที่ ตลาดมีความต้องการผลผลิตมากขึ้น จึงเป็นไม้ผลท่ีมีศักยภาพท้ัง การผลติ บนพ้ืนทีส่ ูงและการตลาด พชื ตระกลู สม้ เปน็ พชื ทต่ี อ้ งการทง้ั ธาตอุ าหารอยา่ งเหมาะ สมในแตล่ ะชว่ งการเจรญิ เตบิ โต เพอ่ื ใหผ้ ลผลติ มคี ณุ ภาพและเหมาะ สม ทั้งนี้ข้ึนกับสภาพดินและสภาพพ้ืนที่ของแต่ละพ้ืนที่ โดยที่ปุ๋ย เป็นต้นทุนส�ำคัญของการท�ำสวนส้ม คิดเป็นประมาณ 20% ของ ต้นทุนท้ังหมด เน่ืองจากการให้ปุ๋ยจะเน้นใหป้ ยุ๋ ในรปู ของปยุ๋ สำ� เรจ็ หรอื ปยุ๋ สตู รตา่ งๆ ในปรมิ าณไมเ่ หมาะสม มากหรือน้อยเกินไป มกี ารวเิ คราะห์ดินกอ่ นใส่ปุ๋ยนอ้ ยมาก ซ่งึ อาจจะมีความเส่ยี งสูงตอ่ การขาดหรือการได้รับธาตุอาหารในปริมาณมากเกินไปของธาตุ อาหารบางชนดิ ซงึ่ จะสง่ ผลถงึ สมดลุ ของธาตอุ าหาร ทำ� ใหข้ าดธาตุ อาหารรองและจุลธาตุได้ ทำ� ให้ส้มเกิดอาการต้นโทรมสง่ ผลใหโ้ รค เข้าท�ำลายได้ง่ายข้ึนและส่งผลต่อคุณภาพของผลผลิต ตลอดจน ต้นทุนค่าปุ๋ยสูงเกินความจ�ำเป็น ดังน้ัน การจัดการธาตุอาหารท่ี เหมาะสมจึงต้องมีการวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารในส้มและธาตุ อาหารในดนิ เพอื่ ประมาณความตอ้ งการธาตอุ าหารในสม้ และเปน็ แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการดินและธาตุอาหารใน การผลิตสม้ บนพืน้ ท่ีสงู คณะผู้จัดท�ำ 3
สารบญั ส้มบนพ้นื ที่สงู 06 ดนิ ความอุดมสมบูรณ์ของดินและธาตุอาหารพชื 08 ธาตุอาหารพชื 12 ความรู้เบอ้ื งตน้ เกี่ยวกับปยุ๋ 14 การประเมินความอดุ มสมบรู ณข์ องดิน 16 แนวทางการจัดการธาตุอาหาร 24 สำ� หรับพชื ตระกลู ส้ม ความตอ้ งการธาตุอาหารและ 26 แนวทางการจดั การปุย๋ พืชตระกลู สม้ การวเิ คราะหพ์ ชื 30 การใชป้ ๋ยุ เคมใี หม้ ีประสทิ ธภิ าพ 32 การใหป้ ๋ยุ อนิ ทรีย์ และการจดั การเศษวัชพชื ในสวนไมผ้ ล 35
แนวทางการ ัจดการ ิดนและธา ุตอาหาร6 ืพชตระกูล ้สมบน ้พืนที่ ูสง ส้ม บนพืน้ ที่สงู พชื ตระกลู สม้ (Citrus spp.) เปน็ ไมผ้ ลทสี่ ำ� คญั ชนดิ หนง่ึ ที่มูลนิธิโครงการหลวงศึกษาวิจัยและพัฒนาเพ่ือให้เกษตรกร บนพน้ื ทส่ี งู ปลกู เปน็ อาชพี โดยไดเ้ รมิ่ ดำ� เนนิ การมาตง้ั แตป่ ี พ.ศ. 2537 ดร.วิทยา สุริยาภณานนท์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้น�ำเข้าสายพันธุ์พืชตระกูลส้มจากประเทศญี่ปุ่นและจาก แหล่งต่างๆ ในประเทศ และได้ด�ำเนินการต่อเน่ืองโดยมูลนิธิ โครงการหลวงเพอ่ื ปลกู ทดสอบพนั ธแ์ุ ละการใหผ้ ลผลติ กอ่ นสง่ เสรมิ ใหเ้ กษตรกรบนพืน้ ทีส่ ูงปลกู โดยเน้นพนั ธุ์ที่แตกต่างจาก พน้ื ราบและใหผ้ ลผลติ ไดด้ บี นพน้ื ทสี่ งู ซง่ึ มอี ากาศทเ่ี ยน็ ปจั จบุ นั มูลนิธิโครงการหลวงได้คัดเลือกชนิดและพันธุ์ส้มท่ีมีศักยภาพ เพ่ือผลิตและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกในพ้ืนที่มูลนิธิโครงการ หลวง ไดแ้ ก่ เลมอน เกรปฟรุต และคมั ควัท คัมควัท (Kumquat :ช่ือวิทยาศาสตร์ Citrus japonica Thunb.) หรือทค่ี นไทยรจู้ ักกันในชื่อ ส้มจีด๊ หรือกิมจ๊อ เป็นพืชท้องถ่ินใน ประเทศจีน แล้วจึงแพรก่ ระจายพันธไุ์ ปญ่ีปนุ่ ไตห้ วัน และเกาหลี เป็นไม้พ่มุ ผลมีลักษณะเหมือนผลส้มทั่วไป แต่จะมีขนาดเล็กมีทั้งกลมและรี เป็นส้มท่ี สามารถกินได้ทั้งเปลือก น�ำมาใช้ปรุงแยม แช่อิ่ม เชื่อม ชาส้มจ๊ีด หรือน�ำ เปลือกไปดองเค็มท่ีเรียกว่า “กิมจ๊อ“ เปลือกผลสามารถน�ำมาใช้เป็นส่วน ประกอบส�ำคัญในการท�ำน้�ำมันหอมระเหย และสามารถปลูกเป็นไม้ประดับ ได้อกี ด้วย เลมอน (Lemon:ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Citrus limon (L.) Osbeck) หรือ ท่ีเรียกกันวา่ มะนาวฝรั่ง เปน็ ไมพ้ ่มุ มหี นามเฉพาะปลายยอด เม่ือขย้ีใบจะได้ กลิ่นหอมแรง ผลสุกเป็นสีเหลือง เนื้อในฉ่�ำน�้ำ นิยมน�ำมาแปรรูปเป็น น�้ำเลมอน มกี ารน�ำเลมอนมาสกัดเป็นน�้ำมันหอมระเหย มกี ารใชเ้ ปลือกเปน็ สว่ นประกอบในการท�ำอาหารหรอื ของหวาน
แนวทางการจัดการดนิ และธาตุอาหารพชื ตระกูลส้มบนพ้นื ทีส่ ูง เกรปฟรุต (Grapefruit: ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus paradisi เป็นผลไม้ก่ึงเขตร้อนท่ีจัดอยู่ในสกุลส้ม (Citrus) เป็นผลไม้ที่มีรสหวานอมเปร้ียวถึงเปรี้ยวจัด มีรสฝาดปน มขี นาดผลใหญก่ วา่ คมั ควทั และเลมอน นยิ มนำ� แปรรปู เปน็ น�้ำผลไม้ เพราะมสี สี วยงามน่าบรโิ ภค โดยพืชตระกูลส้มท้ัง 3 ชนิด มีผลผลิตท่ีจ�ำหน่าย ผ่านฝ่ายตลาดของมูลนิธิโครงการหลวง โดยเฉล่ียปีละ ประมาณ 8-10 ตนั และมีแนวโน้มท่ีตลาดมีความตอ้ งการ ผลผลติ มากขนึ้ ซึง่ พชื ตระกลู สม้ เป็นพชื ทต่ี ้องการทัง้ ธาตุ อาหารหลกั และธาตอุ าหารรองอยา่ งเหมาะสมในแตล่ ะชว่ ง การเจรญิ เตบิ โต ทง้ั นต้ี อ้ งมกี ารจดั การดนิ การปรบั ปรงุ ดนิ ให้เหมาะสม รวมท้ังการใส่ปุ๋ย เพ่ือส่งผลต่อปริมาณ คุณภาพของผลผลิต ในต้นทุนท่ีเหมาะสม โดยอาศัย การจัดการดนิ และการให้ปยุ๋ ท่มี ปี ระสิทธภิ าพ 7
แนวทางการ ัจดการ ิดนและธา ุตอาหาร8 ืพชตระกูล ้สมบน ้พืนที่ ูสง ดนิ ความอุดมสมบูรณข์ องดนิ และธาตุอาหารพชื ดิน เกิดจากการสลายตวั ผพุ งั ของอนินทรยี ส์ าร ไดแ้ ก่ หิน และแร่ กับอินทรีย์สาร ได้แก่ ซากพืชซากสัตว์ ผสมคลุกเคล้ากัน อยา่ งตอ่ เนอ่ื งเปน็ ระยะเวลายาวนาน ชว่ ยคำ�้ จนุ และเปน็ แหลง่ อาหาร ของพชื ส่วนประกอบของดิน ดินในแตล่ ะพ้ืนทจ่ี ะมสี ่วนประกอบ 4 ส่วนใหญๆ่ คือ 1. อนินทรียวัตถุ เป็นส่วนที่ได้จากการสลายตัวผุพังของหิน และแร่ อนั เปน็ แหลง่ กำ� เนดิ ธาตอุ าหารพชื และควบคมุ โครงสรา้ งของ ดิน 2. อินทรียวัตถุ เป็นส่วนที่เน่าเปื่อยผุพัง หรือเกิดจากการ สลายตวั ของเศษพืช อนั เป็นแหล่งก�ำเนดิ ธาตอุ าหารพืช ใหพ้ ลังงาน แกจ่ ลุ นิ ทรยี ด์ นิ และควบคมุ สมบตั ทิ างกายภาพของดนิ และจลุ นิ ทรยี ์ ดนิ 3. อากาศ เปน็ ส่วนของก๊าซตา่ ง ๆ ทีอ่ ย่ใู นช่องวา่ งระหว่าง ก้อนดินหรืออนุภาคดนิ 4. นำ้� เปน็ ส่วนของน�้ำที่พบอย่ใู นชอ่ งว่างของดนิ หรืออนุภาค ของดนิ ดิน ในอุดมคติที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช ควรมี ส่วนประกอบของอนินทรียวัตถุหรือแร่ธาตุร้อยละ 45 น�้ำหรือ สารละลายร้อยละ 25 อากาศร้อยละ 25 และอินทรียวัตถรุ อ้ ยละ 5
แนวทางการจัดการดินและธาตุอาหารพชื ตระกลู ส้มบนพ้นื ทสี่ งู ลกั ษณะดนิ บนพนื้ ท่ีสงู ทรพั ยากรดนิ ในพนื้ ทเ่ี กษตรกรรมโครงการ หลวงมีการใชป้ ระโยชน์ทด่ี นิ ใน 6 ลกั ษณะ ได้แก่ พชื ผัก ไม้ผล พืชไร่ ขา้ วนาน�้ำขัง ไมด้ อกไม้ประดับ ไม้ยืนต้น มีมาตรการอนุรักษ์ดินและน้�ำของกรม พฒั นาท่ีดิน ไดแ้ ก่ ตะพักข้นั บนั ได ปลกู พชื ตามแนว ระดบั ปลกู พชื หมนุ เวยี น ปลกู พชื เปน็ แถบ สว่ นใหญ่ วตั ถตุ น้ กำ� เนดิ ดนิ เปน็ วตั ถตุ กคา้ งและเศษหนิ เชงิ เขา ของ หินแกรนิต หินพาราไนส์ หินแกรโนไดโอไรต์ (อินทนนท์ แม่หลอด หมอกจ๋าม หนองหอย) หนิ ดนิ ดาน หนิ ฟลิ ไลต์ หนิ ปนู หนิ แกรนติ หนิ พาราไนส์ (แมส่ าใหม่ แม่แพะ ทุ่งเริง ทงุ่ เรา) และ หนิ ดนิ ดาน หินฟิลไลต์ หินกรวดมน หนิ ตะกอนเนอื้ ปนู ตะกอน น�ำ้ พาเก่า (ห้วยเสี้ยว พระบาทห้วยต้ม) ทรัพยากร ดนิ มพี ฒั นาการสงู หนา้ ตดั ดนิ ลกึ ถงึ ลกึ มาก มเี นอ้ื ดนิ ปานกลางถึงเนอ้ื ดินละเอยี ด ไดแ้ ก่ ดินร่วน ดินรว่ น ปนทราย ดนิ รว่ นปนเหนยี ว ดนิ รว่ นเหนยี วปนทราย ดินเหนียวปนทราย และดนิ เหนียว พบมีการสะสม ดินเหนียวในช้ันดินล่างอย่างชัดเจน ชนิดแร่ดิน เหนียวท่ีเป็นองค์ประกอบหลัก คือ เคโอลิไนต์ กบิ บไ์ ซต์ และเซสควอิ อกไซด์ ซงึ่ จดั อยใู่ นกลมุ่ แรด่ นิ เหนียวกิจกรรมต�่ำ ความหนาแน่นรวมของดินบน และดินล่างต่�ำถึงปานกลาง ความพรุนรวมของดิน รอ้ ยละ 30-60 ปรมิ าณน�้ำทเี่ ป็นประโยชนต์ อ่ พชื ใน ดนิ รอ้ ยละ15-30 โดยมวล ความคงทนของเมด็ ดนิ ไม่ ดี โดยเมด็ ดนิ จดั อยใู่ น กลมุ่ small macro aggre- gates และ large macro aggregates และ สัมประสิทธิ์การน�ำน�้ำของดินบนปานกลางถึงเร็ว มาก แตใ่ นดนิ ล่างช้าถึงชา้ มาก ท�ำให้ชัน้ ดินตอนบน 9
แนวทางการ ัจดการ ิดนและธา ุตอาหาร10 ืพชตระกูล ้สมบน ้พืนที่ ูสง เกดิ สภาพดนิ อม่ิ ตวั ดว้ ยนำ้� คอ่ นขา้ งเรว็ ดงั นน้ั ในเขตพนื้ ทล่ี าดชนั สงู จงึ เกดิ การกร่อนดินและเกิดสภาพดินคืบได้ง่ายเมื่อมีฝนตกหนักติดต่อกัน สมบัตทิ างเคมีและธาตุอาหารพืชของทรพั ยากรดนิ ในแปลงเกษตรกรรม มีปริมาณอินทรีย์วัตถุสูงถึงสูงมาก ปฏิกิริยาดินเป็นกลางถึงกรดรุนแรง มาก (pH 4.0-6.5) สว่ นใหญส่ ภาพความเป็นกรดของดินเกิดจากประจุ เหล็กและประจุอะลูมินัม ทรัพยากรดินมีสถานะความอุดมสมบูรณ์ของ ดินปานกลางถึงสูงมาก โดยปริมาณโพแทสเซียมและแมงกานีสสูงถึงสูง มาก แคลเซียมต่�ำ เหล็กปานกลางถึงสูงมาก แมกนีเซียมต่�ำถึงสูง ฟอสฟอรสั สงั กะสี ทองแดงปานกลางถงึ ตำ่� มาก และโบรอนตำ�่ ถงึ ตำ�่ มาก โดยทัว่ ไปในแปลงปลูกพืชผักและไมผ้ ลมฟี อสฟอรสั ท่ีเป็นประโยชน์และ โพแทสเซียมท่ีเป็นประโยชน์ปริมาณสูงมากเกินไป อันเป็นผลเน่ืองจาก เกษตรกรมกี ารใชป้ ยุ๋ เคมอี ตั ราสงู และตดิ ตอ่ กนั นานหลายปี ทำ� ใหเ้ กดิ การ แกง่ แยง่ และลดความเปน็ ประโยชนข์ องธาตเุ หลก็ สงั กะสี และแมกนเี ซยี ม ส่งผลให้พืชที่ปลูกเกิดการขาดธาตุอาหารพืชดังกล่าวได้ง่าย ท้ังนี้พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่มีการจัดการดินอย่างไม่เหมาะสมและมีการก�ำจัด วัชพืชด้วยวิธีการฉีดพ่นสารละลายเกลือแกง นอกจากนี้การใส่ปูน โดโลไมตด์ ว้ ยวธิ กี ารหวา่ นบนผวิ ดนิ เพอื่ ปรบั สภาพกรดของดนิ สภาพดนิ เนื้อปูน และน้�ำชลประทานซึ่งมีสารประกอบคาร์บอเนตและไบ คาร์บอเนต จะท�ำให้เกิดการเปล่ียนแปลงปฏิกิริยาดินเป็นสภาพด่างจัด ท�ำใหพ้ ชื ที่ปลูกเกิดการขาดจลุ ธาตุในบางชว่ งเวลาของรอบปี ไดแ้ ก่ ธาตุ เหล็ก สังกะสี ทองแดง แมงกานีส และโบรอน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อ ปรมิ าณและคณุ ภาพผลผลติ ของพชื โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ไมผ้ ล พชื ผกั และ พชื ไม้ดอก
แนวทางการจดั การดินและธาตอุ าหารพืชตระกลู สม้ บนพ้ืนทส่ี ูง ความอดุ มสมบรู ณข์ องดิน ความอดุ มสมบรู ณ์ของดิน หมายถงึ ความมากน้อยของธาตอุ าหารท่ีพืช สามารถน�ำไปใช้ประโยชน์ได้ ธาตุอาหารแต่ละธาตุที่มีอยู่ในดินน้ันพืชจะไม่ สามารถน�ำไปใช้ประโยชน์ได้ท้ังหมด พืชจะน�ำไปใช้เฉพาะส่วนที่ละลายได้ เท่าน้ัน การปลกู พืชในดินดีหรอื ดนิ ท่มี คี วามอดุ มสมบูรณ์สงู ยอ่ มใหผ้ ลผลติ สงู และมคี ุณภาพดีกวา่ ทป่ี ลูกในดินเลวหรอื ดินท่มี ีความอดุ มสมบรู ณต์ �่ำ ดินมีความอุดมสมบูรณ์สูงน้ัน หมายถึง ดินที่สามารถให้ธาตุอาหารท่ี จำ� เปน็ แกพ่ ชื ไดอ้ ยา่ งครบทกุ ธาตอุ ยา่ งเพยี งพอ ไดแ้ กธ่ าตอุ าหารหลกั ไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม ธาตุอาหารรองได้แก่ แคลเซยี ม แมกนเี ซยี มและ ก�ำมะถนั และจลุ ธาตุอาหาร เช่น เหลก็ ทองแดง สงั กะสี แมงกานสี โบรอน โมลบิ ดนี มั คลอรนี เป็นตน้ นอกจากปรมิ าณธาตอุ าหารในดินแล้ว สมบตั ิดา้ น อื่นของดินกม็ คี วามสำ� คัญ เชน่ อนิ ทรียวัตถขุ องดนิ และลกั ษณะทางกายภาพ เชน่ เน้อื ดิน จะส่งผลถงึ ความแนน่ ทึบ ความอมุ้ น�้ำ และการระบายน�้ำ ระบาย อากาศของดินวา่ ดหี รอื ไม ่ ธาตุอาหารพืชท่ีอยู่ในดินตามธรรมชาตินั้นมาจากส่วนประกอบของดิน 2 แหลง่ ด้วยกัน คือ 1. อนิ ทรยี วตั ถใุ นดนิ ซง่ึ สลายตวั และปลดปลอ่ ยธาตอุ าหารตา่ งๆ ออกมา 2. อนินทรีย์สารซ่ึงผุพงั มาจากหินและแร่ต่างๆ ส่วนนเ้ี ปน็ องคป์ ระกอบ หลักของดินทั่วไป เม่ือแร่เหล่านี้สลายก็จะปลดปล่อยธาตุอาหารท่ีเป็นส่วน ประกอบในแรน่ นั้ ออกมา ดงั นนั้ ความอดุ มสมบรู ณข์ องดนิ จงึ ขนึ้ อยกู่ บั ชนดิ ของ หินแร่ที่เป็นต้นก�ำเนิดของดินนั้น ดินท่ีเป็นดินร่วนปนทรายหรือดินทรายจะมี ปรมิ าณธาตอุ าหารนอ้ ยกวา่ ดนิ เหนยี ว เนอื่ งจากสว่ นใหญเ่ กดิ มาจากหนิ และแร่ ทมี่ ธี าตอุ าหารนอ้ ยกวา่ นอกจากนด้ี นิ ทมี่ อี นิ ทรยี วตั ถสุ งู จะเปน็ ดนิ ทมี่ ลี กั ษณะ ทางกายภาพดี ให้ธาตุอาหารอย่างครบถ้วน ซ่ึงธาตุอาหารท่ีมีอยู่ในดินตาม ธรรมชาติจะเริ่มลดน้อยลงเมื่อเรามีการน�ำผลผลิต ออกนอกพื้นที่หรือเพ่ือ จำ� หนา่ ยมากยงิ่ ขึ้น สง่ ผลท�ำใหค้ วามอุดมสมบรู ณ์ของดนิ ลดลง ชาวสวนจ�ำเป็น ต้องเข้าใจการจัดการดินธาตุอาหารที่เหมาะสมจึงจะท�ำให้พืชตระกูลส้ม ให้ผลผลิตทัง้ ปริมาณและคุณภาพในระยะยาวได้ 11
แนวทางการ ัจดการ ิดนและธา ุตอาหาร12 ืพชตระกูล ้สมบน ้พืนที่ ูสง ธาตุอาหารพชื ธาตุอาหารพืช หมายถึง ธาตุท่ีพืชต้องการเพ่ือด�ำรงชีพ ธาตุเหล่านั้นมี บทบาทในกระบวนการเมตาบอลซิ มึ (metabolism) อยา่ งเฉพาะเจาะจงในพชื ไม่มธี าตุอ่นื ใดท�ำหน้าที่แทนได้อย่างสมบรู ณ์ เม่อื พชื ขาดธาตอุ าหารใดธาตหุ นึ่ง จะชะงกั การเจรญิ เตบิ โต มอี าการผดิ ปกตอิ นั เปน็ ลกั ษณะเฉพาะและอาจฟน้ื ตวั ได้เมือ่ ไดร้ บั ปุ๋ยซึง่ มีธาตุนั้นจนเพยี งพอ โดยหนา้ ท่ขี องธาตอุ าหารพชื นนั้ สรุปไว้ ในตารางท่ี 1 การให้ธาตุอาหารแก่พืชจะมีการตอบสนองของพืชในระดับต่างๆ ตาม ปรมิ าณธาตอุ าหารทไี่ ดร้ ับ ดังนี้ ระดับการขาดธาตอุ าหาร (Nutrient deficiency) หมายถงึ การที่พืช ไดร้ บั ธาตอุ าหารทจ่ี ำ� เป็นต่อการเจริญเตบิ โตอยใู่ นระดบั ทขี่ าดแคลน ผลที่ตาม มาคือท�ำให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก พืชจะแสดงอาการขาดให้เห็นซ่ึงลักษณะ อาการขาดนอ้ี าจจะแสดงให้เหน็ ชัดเจนมากนอ้ ยแลว้ แต่ปริมาณที่พชื ไดร้ บั ใน กรณีทีพ่ ืชได้รับในระดับทข่ี าดแคลนมากอาจจะท�ำใหต้ าย ระดับท่ีพชื ไดร้ ับธาตอุ าหารไมเ่ พียงพอ (Insufficient) หมายถงึ พชื ได้ รับธาตุอาหารในระดับที่ต�่ำกว่าระดับความต้องการที่เหมาะสมต่อการเจริญ เติบโตของพืช หรอื ในระดับท่ีกอ่ ให้เกดิ ความไมส่ มดุลกับธาตุอาหารอ่ืน ๆ มี ผลทำ� ใหพ้ ชื มีการเจรญิ เตบิ โตช้าลง ใหผ้ ลผลติ นอ้ ยลง ในกรณีเชน่ น้พี ืชอาจจะ ไมแ่ สดงอาการขาดธาตอุ าหารออกมาใหเ้ ห็น ระดบั เปน็ พษิ (Toxic) หมายถงึ พชื ไดร้ บั ธาตอุ าหารหรอื ธาตใุ ด ๆ กต็ าม ในระดบั ทสี่ งู เกนิ ความตอ้ งการมาก จนมผี ลทำ� ใหพ้ ชื พชื ลดการเจรญิ เตบิ โต ใน กรณที พี่ ชื ไดร้ บั ในระดบั สงู มากพชื จะแสดงอาการออกมาใหเ้ หน็ หรอื อาจทำ� ให้ พืชตายได้ ระดับมากเกินพอ (Excessive) หมายถึง พชื ได้รับธาตุอาหารมากเกิน ความตอ้ งการ จนมผี ลทำ� ใหพ้ ชื เจรญิ เตบิ โตอยา่ งรวดเรว็ จนกอ่ ใหเ้ กดิ การขาดธาตุ อาหารอน่ื
แนวทางการจดั การดินและธาตอุ าหารพืชตระกูลส้มบนพนื้ ทส่ี งู ตารางท่ี 1 หน้าท่ีสำ� คัญของธาตุอาหาร 13 ธาตุ หนา้ ทีส่ ำ� คญั ไนโตรเจน เป็นองค์ประกอบของกรดอะมิโน โปรตีน คลอโรฟิลล์ และเอนไซม์ในพืช ส่งเสริมการเจริญเติบโตของ ยอดออ่ น ใบ และกงิ่ ก้าน ฟอสฟอรสั ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนและสารอินทรีย์ที่ส�ำคัญ ในพืช เป็นองค์ประกอบของสารท่ีท�ำหน้าที่ถ่ายทอด พลังงานในกระบวนการต่างๆ เช่น การสังเคราะห์แสง และการหายใจ โพแทสเซยี ม ช่วยสังเคราะห์น�้ำตาล แป้ง และโปรตีน ส่งเสริมการ เคลื่อนย้ายของน้�ำตาลจากใบไปยังผล ช่วยให้ผลเจริญ เตบิ โตเรว็ พชื แขง็ แรง มคี วามตา้ นทานตอ่ โรคบางชนดิ แคลเซียม เป็นองค์ประกอบในสารที่เชื่อมผนังเซลล์ให้ติดกัน ชว่ ยในการแบง่ เซลล์ การผสมเกสร การงอกของเมลด็ และ ชว่ ยใหเ้ อนไซมบ์ างชนดิ ทำ� งานไดด้ ี แมกนีเซยี ม เป็นองค์ประกอบของคลอโรฟิลล์ ช่วยสังเคราะห์ ก ร ด อ ะ มิ โ น วิ ต า มิ น ไ ข มั น แ ล ะ น้� ำ ต า ล ก�ำมะถนั เป็นองค์ประกอบของกรดอะมิโน โปรตีนและวติ ามิน โบรอน ช่วยในการออกดอกและการผสมเกสรมีบทบาทส�ำคัญ ในการติดผลและการเคล่ือนย้ายน�้ำตาลมาสู่ผล การเคล่ือนย้ายของฮอร์โมน การใช้ประโยชน์จาก ไนโตรเจนและการแบ่งเซลล์ ทองแดง ช่วยในการสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ การหายใจ การใช้ โปรตีนและแป้งกระตุ้นการท�ำงานของเอนไซม์บางชนิด คลอรนี มีบทบาทบางประการเกี่ยวกับฮอร์โมนในพชื เหล็ก ช่วยในการสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ มีบทบาทส�ำคัญใน การสังเคราะหแ์ สงและหายใจ สังกะส ี เกยี่ วกบั การสรา้ งฮอรโ์ มน เปน็ องคป์ ระกอบของเอนไซม์ หลายชนิด การสร้างโปรตนี
แนวทางการ ัจดการ ิดนและธา ุตอาหาร14 ืพชตระกูล ้สมบน ้พืนที่ ูสง ความร้เู บ้อื งตน้ เกย่ี วกบั ป๋ยุ ปุ๋ย คือ วัสดุท่ีมีธาตุอาหารพืชเป็นส่วนประกอบ หรือส่ิงมี ชวี ติ ทท่ี ำ� ใหเ้ กดิ ธาตอุ าหารพชื เมอื่ ใสล่ งไปในดนิ แลว้ ปลดปลอ่ ยหรอื สังเคราะหธ์ าตุอาหารทจ่ี �ำเป็นแกพ่ ืช แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คอื ปุ๋ยเคมี ปยุ๋ อินทรีย์ และปยุ๋ ชีวภาพ 1. ปยุ๋ เคมี คอื สารประกอบอนนิ ทรยี ท์ ใี่ หธ้ าตอุ าหารพชื เปน็ สารประกอบที่ผ่านกระบวนการผลติ ทางเคมี เมื่อใส่ลงไปในดินที่มี ความชื้นท่ีเหมาะสม ปุ๋ยเคมีจะละลายให้พืชดูดไปใช้ประโยชน์ได้ อยา่ งรวดเร็ว ปยุ๋ เคมีแบ่งเปน็ 2 ประเภท คอื 1.1 ปุ๋ยเด่ียวหรือแม่ปุ๋ย คือ ปุ๋ยท่ีมีธาตุอาหาร คือ ไนโตรเจน (N) หรือ ฟอสฟอรัส (P) หรอื โพแทสเซียม (K) เปน็ องค์ ประกอบอยู่หนึ่งหรือสองธาตุแล้วแต่ชนิดของสารประกอบที่เป็น แม่ป๋ยุ น้นั ๆ มปี ริมาณของธาตอุ าหารทีค่ งที่ และมีความเข้มขน้ สงู มักน�ำมาใช้ผสมเป็นปุ๋ยสูตรต่าง ๆ ได้แก่ ยูเรีย (46-0-0) ไดแอมโมเนยี มฟอสเฟต (18-46-0) โพแทสเซยี มคลอไรด์ (0-0-60) 1.2 ปุ๋ยผสม ได้แก่ ปุ๋ยท่ีมีการน�ำเอาแม่ปุ๋ยหลายชนิดมา ผสมรวมกนั เพอื่ ใหป้ ยุ๋ ทผี่ สมไดม้ ปี รมิ าณและสดั สว่ นของธาตอุ าหาร N P และ K ตามทต่ี ้องการเพ่อื ใหไ้ ดป้ ยุ๋ ทเ่ี หมาะทีจ่ ะใชก้ บั พืชและ ดินทแี่ ตกต่างกัน 2. ปุ๋ยอินทรยี ์ คือ สารประกอบที่ได้จากสิ่งมีชีวติ ได้แก่ พืช สตั ว์ และจุลนิ ทรีย์ ผ่านกระบวนการผลิตทางธรรมชาติ ป๋ยุ อนิ ทรยี ์ สว่ นใหญใ่ ชใ้ นการปรบั ปรงุ สมบตั ทิ างกายภาพของดนิ ทำ� ใหด้ นิ โปรง่ รว่ นซยุ ระบายนำ�้ และถา่ ยเทอากาศไดด้ ี ทำ� ใหร้ ากพชื ซอนไซไปหา ธาตุอาหารไดง้ า่ ยขนึ้
แนวทางการจัดการดนิ และธาตุอาหารพชื ตระกลู ส้มบนพ้นื ท่ีสูง ปยุ๋ อนิ ทรยี ์ มปี รมิ าณธาตอุ าหารนอ้ ยเมอื่ เปรยี บเทยี บกบั ปยุ๋ เคมี และธาตุ 15 อาหารพืชส่วนใหญ่อยู่ในรูปของสารประกอบอินทรีย์ พืชไม่สามารถดูดไปใช้ ประโยชน์ได้ทนั ที ตอ้ งผา่ นกระบวนการย่อยสลายโดยจลุ ินทรียใ์ นดินก่อน แลว้ จึงปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาในรูปสารประกอบอินทรีย์ พืชจึงดูดไปใช้ ประโยชน์ได้ ปุย๋ อินทรีย์ มี 3 ประเภท ได้แก่ 2.1 ปยุ๋ คอก เปน็ ปยุ๋ อนิ ทรยี ท์ ไี่ ดม้ าจากสงิ่ ขบั ถา่ ยของสตั ว์ เชน่ โค กระบอื สกุ ร เปด็ ไก่ และหา่ น โดยอาจจะใชใ้ นรปู ปุ๋ยคอกแบบแหง้ หรือนำ� ไปหมักให้ เกิดการย่อยสลายก่อนแลว้ ค่อยนำ� ไปใช้ 2.2 ปุ๋ยหมัก เป็นปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหน่ึง ซ่ึงได้จากการน�ำช้ินส่วนของพืช วสั ดเุ หลอื ใชท้ างการเกษตร หรอื วสั ดเุ หลอื ใชจ้ ากโรงงานอตุ สาหกรรม เชน่ หญา้ แหง้ ใบไม้ ฟางขา้ ว ซงั ขา้ วโพด กากออ้ ยจากโรงงานนำ้� ตาล แกลบจากโรงสขี า้ ว ขเี้ ลอื่ ยจากโรงงานแปรรูปไม้ เป็นต้น มาหมักในรูปของการกองซอ้ นกันบนพน้ื ดิน หรืออยู่ในหลุม เพื่อให้ผ่านกระบวนการย่อยสลายให้เน่าเปื่อย โดยอาศัย กิจกรรมของจลุ นิ ทรียด์ ิน 2.3 ป๋ยุ พชื สด เป็นปุ๋ยอนิ ทรยี ซ์ ึ่งไดจ้ ากการไถกลบตน้ ใบและส่วนตา่ ง ๆ ของพืช โดยเฉพาะพชื ตระกูลถั่วในระยะชว่ งออกดอกจนถงึ ดอกบานเตม็ ท่ี ซ่ึง เปน็ ชว่ งทม่ี ธี าตไุ นโตรเจนในลำ� ตน้ สงู สดุ แลว้ ปลอ่ ยไวใ้ หเ้ นา่ เปอ่ื ยผพุ งั ยอ่ ยสลาย เปน็ อาหารแกพ่ ชื ทจี่ ะปลกู ตามมา พชื ตระกลู ถว่ั ทค่ี วรใชเ้ ปน็ ปยุ๋ พชื สด ไดแ้ ก่ ถวั่ พมุ่ ถว่ั เขยี ว ถว่ั ลาย ปอเทอื ง ถวั่ ขอ ถวั่ แปป และโสน เปน็ ตน้ ปยุ๋ พชื สด นอกจาก จะให้ธาตุไนโตรเจน ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักแก่พืชแล้ว ยังให้ธาตุอาหารรอง อนื่ ๆ ท่ีจ�ำเป็นแกพ่ ชื ด้วย 3. ปุ๋ยชีวภาพ คือ ปุ๋ยท่ีประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตอยู่และมี คุณสมบัติพิเศษสามารถสังเคราะห์สารประกอบธาตุอาหารพืชได้เองหรือ สามารถเปลยี่ นธาตอุ าหารพชื ทอ่ี ยใู่ นรปู ทไี่ มเ่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ พชื ใหม้ าอยใู่ นรปู ทพี่ ืชสามารถดดู ไปใชป้ ระโยชน์ได้ ปุ๋ยชวี ภาพแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ 3.1 กลมุ่ จลุ นิ ทรยี ท์ ส่ี ามารถสงั เคราะหส์ ารประกอบอาหารพชื ไนโตรเจน ได้เอง ได้แก่ ไรโซเบียมท่ีอยู่ในปมรากพชื ตระกูลถ่วั สาหรา่ ยสเี ขียวแกมนำ้� เงนิ ที่อยู่ในโพรงใบของแหนแดง และยังมีจุลินทรีย์ท่ีอาศัยอยู่ในดินอย่างอิสระอีก มาก ที่สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศให้แกพ่ ืชได้เช่นกนั 3.2 กลุ่มจุลินทรีย์ท่ีช่วยท�ำให้ธาตุอาหารพืชในดิน ละลายออกมาเป็น ประโยชน์ต่อพืชมากท่ีสุด เช่น ไมคอร์ไรซาท่ีช่วยให้ฟอสฟอรัสที่ถูกตรึงอยู่ใน ดินละลายออกมาในรปู ทพี่ ืชดดู ไปใชป้ ระโยชน์ได้ เป็นต้น
แนวทางการ ัจดการ ิดนและธา ุตอาหาร16 ืพชตระกูล ้สมบน ้พืนที่ ูสง การประเมินความอุดมสมบรู ณข์ องดิน การผลิตพืชให้ผลผลิตดีอย่างต่อเน่ือง จะต้องรักษาระดับความ อดุ มสมบรู ณข์ องดนิ หากดนิ ขาดธาตอุ าหารกเ็ พมิ่ เตมิ ธาตอุ าหารลงไปให้ กบั พชื ตะกลู สม้ โดยการใสป่ ยุ๋ แตถ่ า้ ไมม่ กี ารจดั การปยุ๋ ทดี่ พี อจะสง่ ผลตอ่ คุณภาพของผลผลิตและอาจเริ่มแสดงอาการขาดธาตุอาหารออกมา ดังน้ันควรต้องมีการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดิน เพ่ือจะท�ำให้ ทราบว่าดินนั้นมีความอุดมสมบูรณ์เพียงใด มีปริมาณธาตุอาหารอยู่ เท่าใด โดยที่ การประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดิน หมายถึง กระบวนการตรวจสอบหรือประเมินระดับความอุดมสมบูรณ์ของดิน ในลักษณะของปริมาณและสัดส่วนของธาตุอาหารท่ีพืชสามารถน�ำไปใช้ ประโยชนไ์ ด้ ตลอดจนสมบตั ขิ องดนิ ทคี่ วบคมุ ความเปน็ ประโยชนข์ องธาตุ อาหารในดินซึ่งการน�ำข้อมูลจากการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดิน นี้ไปปรับปรุงดินโดยวิธีการต่างๆ เพ่ือท�ำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ทั้ง ปริมาณและสัดสว่ นของธาตอุ าหารพชื ตลอดจนความเหมาะสมของดนิ ตอ่ การเจริญเติบโตของพืช สดั สว่ นของธาตอุ าหารพชื ในดนิ หมายถงึ ปรมิ าณของธาตอุ าหาร ชนดิ ต่างๆ ในดนิ ทมี่ อี ย่ใู นรูปท่เี ป็นประโยชน์ตอ่ พืช ถา้ หากปรมิ าณของ ธาตุอาหารพืชในดินมีเพียงพอและมีสัดส่วนที่เหมาะสม พืชจะเจริญ เตบิ โตและสามารถใหผ้ ลผลติ ทดี่ ไี ด้ แตถ่ า้ หากมธี าตอุ าหารบางชนดิ มาก หรือน้อยเกินไปจะท�ำให้การเจริญเติบโตของพืชผิดปกติไป ในกรณีที่มี ธาตุอาหารบางชนดิ มากเกินไปอาจจะเปน็ พิษต่อพืช (Toxicity) หรอื ถา้ มีน้อยเกินไปอาจจะท�ำให้เกิดการขาดแคลนธาตุอาหารพืชชนิดนั้นๆ (Deficiency) ดังน้ันระดับความอุดมสมบูรณ์ของดินจึงเกี่ยวข้องกับ ปรมิ าณและสดั สว่ นของธาตอุ าหารในดนิ ตลอดจนสมบตั ขิ องดนิ ดา้ นอนื่ ๆ ท่ีควบคุมความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารในดินด้วย แนวทางการ พิจารณาการประเมินระดับความอุดมสมบูรณ์ของดินเบ้ืองต้น แสดงใน ตารางท่ี 2
แนวทางการจดั การดินและธาตอุ าหารพชื ตระกลู ส้มบนพนื้ ทสี่ งู ตารางท่ี 2 แสดงการพจิ ารณาการประเมนิ ระดบั ความอดุ มสมบรู ณ์ ของดินเบ้อื งตน้ การประเมนิ ระดับความอุดมสมบรู ณข์ องดิน ขกาอรงเพจชืรญิคณุ เตภบิ าโพตและ ต่ำ� ปานกลาง สงู ปรมิ าณผลผลติ พชื โตชา้ มอี าการผดิ ปกติ การเจรญิ เตบิ โต เจรญิ เตบิ โตดผี ลผลติ สงู หรือตายผลผลิตต่�ำ ปานกลางผลผลิต มาก หรอื ไมไ่ ดผ้ ลผลติ ค่อนขา้ งตำ่� ธาตอุ าหาร มี น ้ อ ย เ กิ น ไ ป ถึ ง มปี านกลาง ทุกธาตมุ ีเพยี งพอและ แตล่ ะธาตทุ อี่ ยู่ ขาดแคลนมาก การ ไมข่ าดแคลนนัก ดนิ ชดเชยธาตุอาหาร ในรปู ทเี่ ปน็ ประโยชน์ เปลย่ี นแปลงจากรปู ท่ี ดนิ ชดเชยธาตอุ าหาร แกพ่ ืชไดเ้ รว็ และเพยี ง ไม่เป็นประโยชน์มา แก่พืชไดใ้ นอัตราที่ พอ เป็นประโยชน์แก่พืช เกือบจะเพยี งพอแก่พืช ช้าเกินไป ธาตอุ าหารทเี่ ขา้ ขา่ ย อาจขาดแคลนหลาย อาจขาดแคลนเพยี ง 1 ดนิ มีธาตอุ าหารเพยี ง ขาดแคลนและสมดลุ ธาตุหรือบางธาตุมี ธาตุ และขาดแคลนไม่ พอและสมดุลกัน ของธาตอุ าหาร มากแตบ่ างธาตมุ นี อ้ ย มากนักอาจมีปญั หา เกนิ ไปจึงไม่สมดุล ดา้ นความสมดลุ ของ ธาตอุ าหารในดินบ้าง ความเขม้ ขน้ ของธาตุ มตี ำ่� มาก คอ่ นขา้ งตำ�่ อยู่ในขัน้ เพียงพอ อาหารในเนอ้ื เยอ่ื พชื ปรมิ าณปยุ๋ แตล่ ะชนดิ ต้องใช้ปุ๋ยมาก ใช้ปยุ๋ ไม่มาก ใชเ้ พียงเล็กน้อยเพ่อื ทรบัต่ี ธอ้ างตใชเุ ห้ เลพา่ อ่ืนในั้ หพ้ ชื ได้ ชดเชยส่วนทีต่ ดิ ไปกบั อยา่ งเพยี งพอ พืชทส่ี ญู หายไประหว่าง ฤดปู ลูก ปญั หาอน่ื ๆ ทอี่ าจพบ ดินเป็นกรดหรือด่าง ดินเป็นกรดหรอื ดา่ ง ดินไมม่ ปี ญั หาใดๆ จดั เปน็ ดนิ เคม็ หรอื ดนิ ปานกลาง เปน็ ดนิ เค็ม โซดิก มีกษัยการของ หรอื ดนิ โซดิกอยา่ งออ่ น ดินอย่างรุนแรง หรือ อาจมีกษัยการของดนิ มธี าตอุ าหารทเ่ี ปน็ พษิ บา้ งและมธี าตุอาหารที่ ในดิน เป็นพิษในดนิ ไม่มากนัก 17
แนวทางการ ัจดการ ิดนและธา ุตอาหาร18 ืพชตระกูล ้สมบน ้พืนที่ ูสง การวิเคราะหด์ ิน การวิเคราะห์ดิน เป็นการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดิน ท�ำให้ทราบถึงปริมาณธาตุอาหารท่ีมีอยู่ในดิน ท�ำได้โดยเก็บตัวอย่าง ดนิ บรเิ วณทรงพมุ่ พชื ตระกลู สม้ สง่ ใหก้ บั หนว่ ยงานทมี่ บี รกิ ารวเิ คราะห์ ดนิ ปจั จบุ นั มหี นว่ ยงานการศกึ ษาหลายแหง่ ทใ่ี หบ้ รกิ ารดา้ นน้ี อาจจะ ต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายเพราะการวิเคราะห์ต้องอาศัยเคร่ืองมือและ สารเคมีที่มีราคาแพง แต่เม่ือเทียบกับผลท่ีจะได้รับน้ัน ถือว่าคุ้มค่า เพราะสามารถที่จะให้ธาตุอาหารที่เหมาะสมแก่พืช ซ่ึงหากปริมาณ ธาตุอาหารที่วิเคราะห์ได้มีปริมาณมากแล้ว อาจไม่จ�ำเป็นต้องให้ปุ๋ย ชนิดนน้ั เลยกไ็ ด้ และหากดนิ มีสภาพความเปน็ กรดด่างไมเ่ หมาะสมก็ จะมีผลต่อความเป็นประโยชน์ของธาตอุ าหารได ้ การเกบ็ ตวั อยา่ งดิน หลักสำ� คัญของการเก็บตัวอยา่ งดิน 1.เกบ็ ตวั อย่างดนิ จากบริเวณขอบของทรงพุ่มรอบต้น 2.เครื่องมือท่ีใช้ขุดดิน และภาชนะบรรจุตัวอย่างดินจะต้อง สะอาด ไมม่ ีดนิ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง หรอื ผงสกปรกอนื่ ๆ ติดอยู่ เพราะจะ ไปปนเปือ้ นกับตวั อยา่ งดนิ 3.จุดที่จะเก็บตัวอย่างดิน ให้หลีกเลี่ยงบริเวณ กองปุ๋ยเก่า กองปูนเก่า หรือกองปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักเก่า หากต้นพืชตระกูลส้ม ในสวนมอี าการแตกต่างกนั ให้แยกเกบ็ คนละตัวอยา่ ง เปน็ ต้น อุปกรณ์ในการเก็บตวั อย่างดิน 1.เครื่องมือส�ำหรับขุดตัวอย่างดินเช่น จอบ เสียม พลั่วหรือ อปุ กรณเ์ กบ็ ตัวอย่างดินโดยเฉพาะ 2. ภาชนะสำ� หรบั รวบรวมตวั อยา่ งดิน เชน่ ถงั พลาสตกิ หรือ กะละมงั 3.ถงุ พลาสตกิ สำ� หรบั บรรจตุ วั อยา่ งดนิ ไดป้ ระมาณครงึ่ กโิ ลกรมั เพอ่ื สง่ ตวั อย่างดนิ ไปวิเคราะห์
แนวทางการจดั การดนิ และธาตอุ าหารพชื ตระกูลสม้ บนพน้ื ท่ีสงู วิธเี ก็บดนิ การเก็บตัวอย่างดินไม่ควรเก็บ ขณะท่ีดินแฉะหรือมีความชื้นมากเกินไป ในกรณีของสวนไม้ผลควรเก็บตัวอย่าง หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วทุก 1-2 ปี โดยเก็บตัวอย่างรอบทรงพุ่มท้ัง 4 ทิศใต้ ทรงพุ่ม 3-4 จุดต่อต้น(ภาพที่1) ควรใช้ สว่านเจาะดินเพื่อสะดวกในการเก็บให้ได้ ตัวอย่างดินตามระดับความลึกท่ีต้องการ แต่หากไม่มีสว่านเจาะดินก็สามารถใช้ ภาพที่ 1 เกบ็ ตวั อยา่ งดนิ ใตท้ รงพุม่ 3-4 จอบและพล่ัวแทนได้ โดยใช้จอบ เสียม จดุ ตอ่ ตน้ หรือพล่วั ให้เปน็ รปู ตวั วี ( V) ลกึ 20-30 เซนตเิ มตรดงั ภาพที่ 3 หลงั จากนนั้ ใชพ้ ลว่ั จอบหรือเสียมแซะดินด้านข้างของหลุม หนา ประมาณ 3-5 เซนติเมตร จากปาก หลมุ ใหข้ นานกบั รปู ตวั วี (V) ทข่ี ดุ ไว้ จนถงึ กน้ หลมุ แลว้ งดั ขนึ้ ใหห้ นา้ ดนิ ตดิ มากบั พลว่ั หรอื เสียม ใช้มดี ตดั ดนิ บนพลัว่ หรอื เสียม ออกทง้ั 2 ขา้ ง เหลอื ไวเ้ ฉพาะดนิ ตรงกลาง ภาพท่ี 2 ใชอ้ ปุ กรณเ์ กบ็ ตวั อยา่ งดนิ กวา้ งประมาณ 5 เซนติเมตร (ภาพท่ี 4) เก็บใส่ถังพลาสติก หลังจากนั้นคลุกเคล้า ใหด้ ีดงั ภาพท่ี 5 น�ำตวั อยา่ งดนิ ทีเ่ ก็บจาก หลายจุดมารวมกันเพ่ือเป็นตัวแทนของ พน้ื ท่ี ผง่ึ ตวั อยา่ งดนิ บนแผน่ พลาสตกิ หรอื กระดาษท่ีสะอาดในที่ร่มจนแห้ง ใช้ขวด แกว้ บดดนิ ใหแ้ ตกเปน็ กอ้ นเลก็ ๆ แลว้ ผสม คลุกเคล้าดินให้เข้ากันอย่างสม�่ำเสมอ หลังจากนั้นแบ่งตัวอย่างดินเพ่ือส่ง ภาพท่ี 3 ขดุ ดนิ ใหเ้ ป น็ รปู V ลกึ 30-50 วเิ คราะห์เพียง 0.5 กโิ ลกรัม ซม. 19
20 ภาพท่ี 4 ตดั ดนิ ออกทงั้ 2 ขา้ ง ภาพท่ี 5 คลกุ เคลา้ แลว้ แบง่ ใสถ่ งุ ตารางที่ 3 ปรมิ าณธาตอุ าหารทเ่ี หมาะสมในดินทว่ั ๆไป ธาตอุ าหาร ไทย1 ออสเตรเลยี 2 แนวทางการ ัจดการ ิดนและธา ุตอาหาร ความเปน็ กรด ด่าง(pH) 5.5-6.5 - ืพชตระกูล ้สมบน ้พืนที่ ูสง อนิ ทรยี วัตถุ (%) 2.0-3.0 1-3 ฟอสฟอรัส(มก/กก.) 35-60 20-60 100-120 78-195 โพแทสเซยี ม(มก/กก.) 800-1,500 1,200-2,000 แคลเซยี ม(มก/กก.) 250-450 192-384 แมกนเี ซียม(มก/กก.) 60-70 2-50 3-15 2-15 เหล็ก(มก/กก.) 0.3-10 สังกะส(ี มก/กก.) 3-5 1-5 ทองแดง(มก/กก.) 4-6 2-50 โบรอน(มก/กก.) 20-60 แมงกานสี (มก/กก.) ที่มา: 1ยุทธนาและคณะ, 2545 2Menzel and Simpson,1987
แนวทางการจัดการดินและธาตอุ าหารพืชตระกลู สม้ บนพ้ืนทีส่ งู การปรับปรงุ ความเป็นกรดของดนิ นอกจากการใสป่ ยุ๋ แลว้ การปรบั ปรงุ สมบตั ติ า่ งๆทไ่ี มเ่ หมาะสม เชน่ ความ เป็นกรดของดินบนพืน้ ทส่ี งู กม็ คี วามจ�ำเปน็ เพราะความเป็นกรด ด่าง ของดินมี ผลต่อความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหาร ซึ่งท�ำได้ โดยการเติมวัสดุปูนลงดิน ควรใส่ปูนโดยหว่านรอบทรงพุ่มและให้น�้ำตามปกติ อาจพรวนดินเล็กน้อยโดย ให้กระทบต่อรากน้อยท่ีสุด ปริมาณปูนที่เติมควรมีการวิเคราะห์ความต้องการ ปูน หรือการใหว้ ัสดุปูนโดยประมาณดังน้ี ตารางที่ 4 แสดงปรมิ าณปูนขาวและโดโลไมท(์ กโิ ลกรมั ตอ่ ต้น) เพื่อ ใช้ปรบั ปรุงความเปน็ กรดของดิน pH ของดิน ปนู ขาว โดโลไมท์ 4.5-5.0 3 3.5 5.0-5.5 2 2.5 มากกวา่ 5.5 1 1.2 *หมายเหตุ : คำ� นวนทข่ี นาดทรงพุม่ 20 ตารางเมตร หรือการปรับปรงุ เพ่ือเพิ่ม pH 0.1 หน่วย จะใชป้ ูน 38.4 กิโลกรัม ตอ่ ไร่ และโดโลไมท์ 64 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร ่ โดยประมาณและการแบ่งใส่ เพราะหาก ใส่ปูนในปริมาณมากคร้ังเดียวจะส่งผลให้เกิดสภาพเกินปูนซึ่งถึงผลเสียกระทบ ต่อต้นพืชได้ 21
22 การวิเคราะหด์ ินโดยใช ช้ ุดวิเคราะหด์ ินอย่าง รวดเรว็ การวิเคราะหป์ รมิ าณธาตอุ าหารในดิน นอกจาก การสง่ ตวั อยา่ งดนิ ไปวเิ คราะหใ์ นหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารตามหนว่ ย งานต่าง ๆ แล้ว การใช้ชุดวิเคราะห์ดินอย่างรวดเร็ว ซ่ึง เปน็ ชดุ ทสี่ ามารถนำ� ไปวเิ คราะหใ์ นภาคสนามหรอื ในแปลง ปลูกพืช เป็นแนวทางที่จะช่วยให้ทราบถึงปริมาณธาตุ อาหารในดนิ ไดไ้ มย่ ากและรวดเรว็ กวา่ การวเิ คราะหใ์ นหอ้ ง ปฏิบตั ิการ รวมทั้งยังมีราคาท่ถี ูกกว่า และเพยี งพอที่จะ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการใชป้ ยุ๋ ใหก้ บั เกษตรกรได ้ โดยเมอื่ นำ� ดนิ มาวเิ คราะหจ์ ะบอกไดว้ า่ ปรมิ าณธาตอุ าหารในดนิ มอี ยู่ ในปริมาณสงู ปานกลาง หรอื ต่�ำ ซงึ่ อาจแปลความหมาย ได้ดงั น้ี แนวทางการ ัจดการ ิดนและธา ุตอาหาร ืพชตระกูล ้สมบน ้พืนที่ ูสง
แนวทางการจดั การดนิ และธาตอุ าหารพชื ตระกลู สม้ บนพ้นื ที่สงู 23
แนวทางการ ัจดการ ิดนและธา ุตอาหาร24 ืพชตระกูล ้สมบน ้พืนที่ ูสง แนวทางการจัดการธาตอุ าหาร ส�ำหรบั พืชตระกลู ส้ม การจัดการดินและการใช้ปุ๋ยทผี่ ่านมา ชาวสวนจะอาศยั ข้อมูลจากประสบการณ์ท่ีเคยปฏิบัติกันมาเป็นหลัก ย่ิงไปกว่า นน้ั มชี าวสวนจำ� นวนไมน่ อ้ ยทมี่ กี ารจดั การปยุ๋ พชื ตระกลู สม้ ตาม ความเชื่อ เช่นเชื่อว่าการใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัสสูงจะช่วยให้ต้นไม้ ออกดอกไดด้ ี เปน็ ต้น ในกรณกี ารจัดการธาตอุ าหารทไ่ี ม่เหมาะ สมจะสง่ ผลตอ่ สมดลุ ของธาตอุ าหารในดนิ ซง่ึ จะมปี ญั หาตอ่ การ จดั การธาตุอาหารและการผลิตพชื ในอนาคตได้ นอกจากน้กี าร จัดการธาตอุ าหารไมเ่ หมาะสม ทำ� ใหช้ าวสวนเสียคา่ ใช้จ่ายโดย เปลา่ ประโยชน์ สง่ ผลใหต้ น้ ทนุ การผลติ สงู ขนึ้ ดงั นน้ั การใชข้ อ้ มลู ทางวชิ าการทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั การดนิ และธาตอุ าหารจะชว่ ย ใหก้ ารใหป้ ุ๋ยมีประสิทธภิ าพ ถกู ต้องและเหมาะสม ซึ่งจะทำ� ให้ ต้นทนุ จากการใชป้ ุ๋ยลดลง มปี ระสิทธิภาพสูงยิง่ ข้นึ เม่ือปลูกพืชติดต่อกันระยะหนึ่ง ดินจะเริ่มเสื่อมความ สมบรู ณ์ลง หรือปริมาณธาตุอาหารในดนิ มปี รมิ าณลดลงเพราะ การสูญเสยี ธาตอุ าหารจากดนิ ซึ่งมีสาเหตดุ ังนี้ 1) ติดไปกบั ผลผลติ ที่นำ� ออกจากสวนไปจำ� หนา่ ย 2) ตดิ ไปกบั ใบและกงิ่ กา้ นสาขาทรี่ ว่ งหลน่ และตดั แตง่ ลงมา 3) สูญเสียไปกับน้�ำที่ไหลบ่าไปตามผิวดินหรือซึมลึกลง สใู่ ตด้ ินเลยระดบั รากพชื
แนวทางการจัดการดินและธาตุอาหารพชื ตระกูลส้มบนพ้ืนท่ีสูง 4) สญู เสีย เนอ่ื งจากปฏิกิรยิ าเคมีของดนิ ซง่ึ เกี่ยวข้องกับการใช้ปุ๋ยที่ไม่ถูกต้องท�ำให้สภาพความ เป็นกรดด่างของดินไม่เหมาะสม หรือท�ำให้มีธาตุ อาหารบางชนดิ ตกคา้ งในดนิ มากเกนิ จนมผี ลใหธ้ าตุ อาหารอื่นตกตะกอนอยู่ในรูปที่พืชดูดไปใช้ไม่ได ้ เป็นต้น ดังน้ัน การจัดการธาตุอาหารพืชจึงควรยึด หลกั การที่ส�ำคญั คอื ต้องพิจารณาวา่ ในแต่ละรอบ ปี ไดน้ �ำเอาธาตุอาหารพชื ออกจากดนิ ไปในปริมาณ เท่าใด จะต้องใส่กลับคืนไปให้กับดินในปริมาณเท่า กัน ซ่ึงจะต้องใส่เผ่ือไว้ส�ำหรับการสูญเสียต่างๆท่ี กล่าวไว้ข้างต้นด้วย และที่ส�ำคัญควรจะต้องทราบ ด้วยว่าในดินมีธาตุอาหารพืชอยแู่ ล้วอยา่ งไร 25
26 ความตอ้ งการธาตอุ าหารและ แนวทางการจดั การปุ๋ยพืชตระกลู ส้ม การให้ปุ๋ยพืชตระกูลส้มโดยอาศัยค่าปริมาณธาตุอาหารที่ใช้ไปใน ระหว่างการเจริญเติบโต เช่นการแตกใบและที่สูญเสียไปกับผลผลิต(Crop removal) เป็นแนวทางหนึ่งในการเพ่ิมประสิทธิภาพการใส่ปุ๋ยเพราะ เปน็ การใหป้ ยุ๋ โดยอาศยั คา่ วเิ คราะหธ์ าตอุ าหารทพี่ ชื ตระกลู สม้ ใชใ้ นระหวา่ ง การสร้างผลและที่ติดไปกับผลผลิต ซ่ึงค�ำนวณเป็นปริมาณปุ๋ยหรือปุ๋ยสูตร แล้ว ปรมิ าณปุย๋ ทีค่ วรให้กบั พชื ตระกูลส้ม แสดงไดด้ งั ตารางที่ 5 ตารางที่ 5 ปริมาณธาตุอาหารท่ีติดไปกับผลผลิตสด 1 กโิ ลกรัม ทเี่ กบ็ เกยี่ วฤดปู ลกู พ.ศ. 2559 ของคมั ควทั เลมอน และเกรปฟรตุ จากหนว่ ยวิจัยสม้ โป่งนอ้ ย อ.แมว่ าง จ.เชียงใหม่ (กรัม/กโิ ลกรัม ผลผลติ ) แนวทางการ ัจดการ ิดนและธา ุตอาหาร ธาตุอาหาร ปริมาณธาตุอาหาร (กรัม/กิโลกรัมผลผลติ ) ืพชตระกูล ้สมบน ้พืนที่ ูสง ไนโตรเจน คัมควัท เลมอน เกรปฟรุต ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม 1.15 0.82 0.51 แคลเซียม 0.26 0.11 0.10 แมกนีเซยี ม 1.53 1.26 0.83 0.58 0.41 0.35 0.14 0.11 0.09
แนวทางการจดั การดนิ และธาตอุ าหารพืชตระกลู สม้ บนพน้ื ที่สงู จากการทดลองจนถึงปัจจุบัน ควรให้ปุ๋ยแก่พืชตระกูลส้ม ในปริมาณ 1.5 -2 เท่าของปริมาณธาตุอาหารที่ติดไปกับผลผลิต นอกจากนี้ ควรมีการ วเิ คราะหด์ ินในสวน กอ่ นเพ่อื จะทำ� ใหท้ ราบถงึ ปริมาณธาตุอาหารท่ีมีอยแู่ ลว้ ใน ดิน ตลอดจนทราบว่าดินเป็นกรดหรือไม่ เพ่ือที่จะได้มีการปรับปรุงดินก่อนใส่ ปุ๋ย จะท�ำให้พืชใช้ปุ๋ยได้ดียิ่งขึ้น และอาจมีวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารในใบ รว่ มด้วยเพอ่ื ประกอบการให้ปุย๋ ในฤดกู ารผลติ ปีถัดๆไป การใชค้ า่ ปรมิ าณธาตอุ าหารทตี่ ดิ ไปกบั ผลผลติ (Crop removal) และผล การวิเคราะห์ดินมาร่วมพิจารณาในการใส่ปุ๋ยจะท�ำให้การจัดการดินและปุ๋ยมี ประสทิ ธภิ าพมากข้ึน โดยหากผลการวเิ คราะหด์ นิ อยู่ในชว่ งท่เี หมาะสม ควรให้ ปุ๋ยตามค�ำแนะน�ำตามปริมาณธาตุอาหารท่ีติดไปกับผลผลิต หากค่าวิเคราะห์ ดนิ มคี า่ สงู หรอื ตำ�่ กวา่ คา่ ทเ่ี หมาะสม ใหท้ ำ� การเพม่ิ หรอื ลดการใสป่ ยุ๋ ตามสดั สว่ น ตามภาพท่ี 6 กลา่ วคอื หากดนิ ในสวนมปี ริมาณธาตุอาหารในปรมิ าณมากหรือ น้อย จะมีการใหป้ ยุ๋ เพิ่มเตมิ หรือ ลดลงตามสว่ น โดยพิจารณาจากปรมิ าณธาตุ อาหารท่ีติดไปกับผลผลิตและปริมาณธาตุอาหารในดิน เช่นเม่ือธาตุอาหารใน ดนิ อยใู่ นชว่ งระดบั ทเี่ หมาะสม จะมกี ารใหป้ ยุ๋ เทา่ กบั ปรมิ าณธาตอุ าหารทต่ี ดิ ไป กับผลผลิต (เพิ่มเติมปริมาณประสิทธิภาพและความเป็นประโยชน์ของธาตุลง ไปด้วยซึ่งงานวจิ ยั จนถึงปจั จบุ ันแนะนำ� ที่ 1.5 เท่าของปริมาณธาตอุ าหารท่ีตดิ ไปกับผลผลติ ) เปน็ ตน้ และหากในดินมธี าตุอาหารมากหรอื นอ้ ย ให้ลดลงหรอื เพิ่มเตมิ ตามสว่ น และติดตามผลของการใส่ปยุ๋ เพอื่ พจิ ารณาเพ่ิมหรอื ลดการใส่ ปุ๋ยในรอบการผลติ ถัดไปร่วมกับการวิเคราะห์ดนิ และ/หรือ การวิเคราะห์พชื ภาพที่ 6 แสดงแนวทางการใหป้ ุย๋ ตามคา่ วเิ คราะหด์ นิ และปรมิ าณธาตอุ าหารทต่ี ดิ 27 ไปกบั ผลผลติ
แนวทางการ ัจดการ ิดนและธา ุตอาหาร28 ืพชตระกูล ้สมบน ้พืนที่ ูสง แนวทางตดิ ตามผลของการใสป่ ุย๋ หลังจากมีการใส่ปุ๋ย ควรมีการวิเคราะห์ดิน และวิเคราะห์พืช เพื่อติดตามหรือตรวจสอบ ปรมิ าณธาตุอาหารในดิน และพืช ทัง้ กอ่ นและหลัง ใสป่ ยุ๋ ซง่ึ หากมปี รมิ าณธาตอุ าหารในดนิ เหมาะสม แล้วก็อาจไม่ใส่ปุ๋ยหรือพิจารณาลดปุ๋ยจากที่ใส่ อยเู่ ดมิ เพราะการใสป่ ยุ๋ มากเกนิ ไปอาจไมส่ ง่ ผลดกี บั ต้นพืชตระกูลส้มและสิ้นเปลืองโดยไม่จ�ำเป็น นอกจากนี้ การสังเกตอาการตอบสนองของพืช ตระกูลส้มว่าแสดงอาการผิดปกติใดใดหรือไม่ รวมท้ัง การวิเคราะห์ ธาตอุ าหารในใบว่าอยู่ในชว่ ง ที่เหมาะสมหรือไม่ ก็จะเป็นการเพ่ิมประสิทธิภาพ การใสป่ ุ๋ย หรือช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ การสงั เกตอาการตอบสนองของพชื ตระกลู สม้ หลงั จากใสป่ ุย๋ การใหป้ ยุ๋ กบั พชื ตระกลู สม้ โดยอาศยั วธิ กี าร ทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ นนั้ ในแตล่ ะสวนพชื ตระกลู สม้ อาจ จะตอบสนองต่อปุ๋ยท่ีให้แตกต่างกัน ซึ่งอาจเป็นผล มาจาก ดินในแต่ละสวนมคี วามแตกต่างกนั รวมทั้ง การจัดการอนื่ ๆแตกตา่ งกนั เปน็ ตน้ ดงั นั้น จะตอ้ ง มีการปรับลดหรือเพ่ิมปริมาณปุ๋ยท่ีควรให้กับพืช ตระกูลส้มในปีต่อไปด้วย ซ่ึงอาจท�ำได้โดยสังเกต ใบส้ม ที่ว่ามีอาการผิดปกติเช่น ใบล่างหรือใบยอด เหลอื งหรอื ไม่ เหลอื งมากหรอื นอ้ ย อาการเหลอื งเปน็ อย่างไร เป็นต้น หากพบอาการก็พิจารณาเพ่ิมปุ๋ย จากที่เคยให้ ตามอาการ แต่หากไม่พบอาการก็ แสดงว่าการให้ปุ๋ยของเราอาจจะเหมาะสมแล้ว ควรใชก้ ารวเิ คราะหด์ นิ และใบ รว่ มพจิ ารณาปรบั ลด หรือเพิ่มปริมาณปุ๋ยด้วย จะท�ำให้การให้ปุ๋ยมี ประสทิ ธิภาพยิง่ ข้ึน
แนวทางการจัดการดนิ และธาตุอาหารพืชตระกูลสม้ บนพื้นท่สี ูง ภาพที่ 7 อาการใบลา่ งเหลอื งของตน้ ทไ่ี ดร้ ับปุย๋ ไมพ่ อ(ซา้ ย) และไดร้ ับเพยี งพอ(ขวา) 29
30 การวเิ คราะห์พชื การวเิ คราะหพ์ ชื เปน็ การตดิ ตามวา่ ปยุ๋ ทเ่ี รา ใส่ลงไป พืชดูดข้ึนไปใช้เพียงใด ท�ำได้โดยการเก็บ ตวั อย่างใบพืชตระกลู ส้มต�ำแหน่งที่ 3-4 จากยอดไม่ ติดผลที่ใบอายุ 4-7 เดือนมาวิเคราะห์ปริมาณธาตุ อาหาร และเปรียบเทียบกับค่าที่เหมาะสมของพืช ตระกูลส้ม (ตารางท่ี 6 ) เช่นหากมกี ารวเิ คราะห์ใบ ได้ต�่ำหรือสูงกว่าค่าที่เหมาะสม(โดยทั่วไปใช้ นอ้ ยหรือมากกวา่ ค่าท่ีเหมาะสม 5 %) จะตอ้ งเพ่ิม หรอื ลดปยุ๋ ลงไป อกี ประมาณ 20-25 % จากอัตรา เดิมท่ีเคยใส่ หลังจากนั้นท�ำการติดตามสังเกต ผลผลติ ทเ่ี ปลย่ี นแปลงในปตี อ่ ไป พรอ้ มตรวจสอบคา่ วิเคราะห์ใบในปีต่อไปด้วยโดยรักษาระดับค่า วเิ คราะหใ์ บให้เหมาะสม ตารางที่ 6 แสดงชว่ งคา่ ทเี่ หมาะสมของปรมิ าณธาตอุ าหารในใบสม้ ค่าท่ีเหมาะสม ธาตุอาหาร (ดดั แปลงจาก คา่ ท่ีเหมาะสม Mattos et al.,2012) (นันทรตั น,์ 2545) แนวทางการ ัจดการ ิดนและธา ุตอาหาร ไนโตรเจน (%) 2.3-2.7 2.4-2.7 ืพชตระกูล ้สมบน ้พืนที่ ูสง ฟอสฟอรัส (%) 0.12-0.16 0.12-0.16 โพแทสเซยี ม (%) 1.0-1.5 0.8-1.1 แคลเซียม (%) 3.5-4.5 3.0-5.5 แมกนีเซยี ม (%) 0.3-0.4 0.26-0.60 เหลก็ (ppm) 50-120 สงั กะสี (ppm) - ทองแดง (ppm) 35-50 25-100 แมงกานีส (ppm) 10-20 5-16 35-50 31-100
แนวทางการจดั การดนิ และธาตุอาหารพืชตระกูลสม้ บนพน้ื ท่ีสงู ส�ำหรับจุลธาตุอาหารนั้น มีความจ�ำเป็นไม่น้อยไปกว่าการปรับปรุงดิน และการใหป้ ยุ๋ ทเ่ี ปน็ ธาตอุ าหารหลกั เพราะทผ่ี า่ นมาเกษตรกรละเลยการจดั การ ดนิ และมกี ารใหธ้ าตอุ าหารเพยี งธาตอุ าหารหลกั เทา่ นนั้ แทบจะไมม่ กี ารจดั การ ใหจ้ ลุ ธาตอุ าหารเลย รวมทง้ั ดนิ บนพนื้ ทสี่ งู มคี วามเปน็ กรด-ดา่ งไมเ่ หมาะสม ซงึ่ จะส่งผลถึงความเป็นประโยชน์ของจุลธาตุได้ ซึ่งสามารถพบการแสดงอาการ ขาดได้ท่วั ไป ดังนั้นควรมกี ารจดั การใหป้ ุ๋ยจุลธาตใุ ห้กับพืชตระกลู ส้ม และควร มกี ารให้ทางดนิ ซึง่ เป็นวธิ ที ่พี ืชนำ� ไปใชไ้ ดด้ ีทส่ี ดุ (พจิ ารณาตามค่าวเิ คราะห์ดนิ ) ดังตารางที่ 7 ส่วนการให้ทางใบนน้ั ควรพิจารณาใหต้ ามความจำ� เปน็ เท่านั้น ตารางท่ี 7 ปรมิ าณจลุ ธาตอุ าหารทใ่ี หท้ างดนิ และการใหท้ างใบ แร่ธาตุอาหาร การใหท้ างใบ การใหท้ างดนิ (กรัม/ลิตร) กรัม/ม2ของพื้นท่ี บอแรกซ์ (Borax) สังกะสี (Zinc sulphate heptahydrate) 1.0 ทรงพมุ่ /ปี ทองแดง(Copper sulphate (bluestone)) 2.0 2.0 เหล็ก(Iron sulphate or chelate) 2.0 25 แมงกานีส(Manganese sulphate) 1.0 4.0 2.0 10.0 5.0 ท่ีมา: Menzel and Simpson, 1986 31
แนวทางการ ัจดการ ิดนและธา ุตอาหาร32 ืพชตระกูล ้สมบน ้พืนที่ ูสง การใช้ปุย๋ เคมี ใหม้ ปี ระสิทธิภาพ การใชป้ ุ๋ยเคมีใหม้ ีประสทิ ธภิ าพสงู หมายถงึ การใชป้ ยุ๋ ชนดิ ทเี่ หมาะสมโดยวิธกี ารที่ถูกต้อง เพอ่ื ให้ได้ผลผลิตออกมามีมูลค่าสูงสุด และมีต้นทุนต่�ำ ซง่ึ หลกั การปฏบิ ตั เิ พอื่ ใหป้ ยุ๋ เคมที ใ่ี หม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ สงู สดุ มดี ังน้คี ือ 1. ใช้ปุ๋ยให้ตรงกับที่พืชขาด เม่ือขาดธาตุ ไนโตรเจนก็ต้องให้ปุ๋ยไนโตรเจน และต้องให้จนถึง ระดบั ท่เี พยี งพอ ถา้ ขาดแคลน 3 ธาตุ กใ็ ห้จนครบ และเพียงพอท้ัง 3 ธาตุ หากให้ไม่ครบก็จะให้ผล เหมอื นกบั ไมใ่ หอ้ ะไรเลย เพราะธาตทุ ข่ี าดอยจู่ ะเปน็ ตัวจำ� กดั การเจรญิ เตบิ โตของพืช 2. พยายามใหด้ นิ รว่ นซยุ และมคี วามชนื้ อยา่ ง เหมาะสม เพราะโดยปกติรากพืชจะแผ่ขยายและ ชอนไชในดนิ รว่ นซยุ ไดด้ มี าก ยอ่ มมโี อกาสดดู นำ้� และ ธาตุอาหารจากดินไปใช้อย่างเต็มท่ี เม่ือใส่ปุ๋ยลงไป พชื กด็ ดู ธาตอุ าหารจากปยุ๋ ไดม้ าก ถา้ ดนิ แนน่ ทบึ ตอ้ ง ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ให้พอเพียง รวมทั้งควรให้ความช้ืน อย่างเพียงพอ เพราะนอกจากจะท�ำให้ปุ๋ยละลาย แล้ว พืชยังต้องการน�้ำไปใช้ประโยชน์โดยตรงด้วย หากดินแห้งหรือแฉะเกินไปจะไม่สามารถดูดธาตุ อาหารไดด้ ี 3 .ใส่ปุ๋ยให้ถูกท่ี ถูกจังหวะและปริมาณที่ เหมาะสม ปยุ๋ ทใี่ สล่ งไปในดนิ จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ พชื ไดก้ ็ตอ่ เมื่อปยุ๋ นัน้ ละลายในดิน ตรงบริเวณท่รี ากพชื เจริญเติบโตและแผ่ขยายอย่างหนาแน่น แต่ความ เขม้ ขน้ ของปยุ๋ ในดนิ นน้ั จะตอ้ งไมม่ ากเกนิ ไปจนเปน็ พิษต่อรากพืช
แนวทางการจดั การดนิ และธาตอุ าหารพชื ตระกลู ส้มบนพนื้ ทสี่ ูง 4. ปอ้ งกนั การสญู หาย ปุ๋ยอาจสูญหายไปจากดินได้ดงั ไดก้ ล่าว 33 มาแล้ว หากป๋ยุ ท่ลี ะลายน�ำ้ ง่าย เชน่ ปุ๋ยไนโตรเจน จะถูกน�ำ้ ชะลงไป ในชน้ั ดนิ ลกึ ซง่ึ รากพชื ดดู มาใชไ้ มไ่ ด้ หลงั จากใสป่ ยุ๋ ไนโตรเจนตอ้ งรดนำ�้ แตพ่ อควรเทา่ นน้ั และควรปอ้ งกนั นำ�้ เซาะกรอ่ นดนิ แลว้ ดนิ ถกู พดั พาไป ตามน้�ำ ปัญหาอย่างนี้มักเกิดข้ึนเมื่อปลูกพืชในพื้นท่ีซึ่งมีความลาดเท มาก ส�ำหรบั อกี กรณีหน่ึงคอื การสญู เสยี ปุ๋ยโดยปุ๋ยระเหยไปจากดนิ มักเกิดข้ึนเสมอเม่ือใส่ปุ๋ยยูเรียหรือปุ๋ยแอมโมเนียในดินที่เป็นด่างจัด หรอื การใสป่ ยุ๋ ยเู รยี รว่ มกบั การใสป่ นู ดงั นน้ั จงึ ควรหลกี เลย่ี งการกระทำ� ดังกลา่ ว 5. การใส่ปุ๋ยไม่เหมาะสมอาจท�ำให้สมดุลของธาตุอาหารในดิน คลาดเคลอื่ นได้ ปญั หานจี้ ะเกดิ ขนึ้ หากชาวสวนใสป่ ยุ๋ บางธาตโุ ดยเฉพาะ ปยุ๋ ทเ่ี ปน็ ธาตอุ าหารหลกั หรอื ปยุ๋ สตู รทม่ี ขี ายกนั อยทู่ วั่ ๆ ไปเชน่ 15-15-15, 8-24-24 ในปริมาณมากและติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่มีการ วเิ คราะหด์ นิ วา่ ดนิ ในสวนมปี รมิ าณธาตอุ าหารมากนอ้ ยเทา่ ใด จะทำ� ให้ ธาตุอื่นซึ่งพืชยังไม่น่าจะขาดแคลนกลับขาดแคลนได้ โดยเฉพาะ ฟอสฟอรัสถ้ามีปริมาณมากเกินไปจะมีผลท�ำให้พืชขาดจุลธาตุเช่น สงั กะสแี ละทองแดง เชน่ ในดนิ ทม่ี สี งั กะสอี ยไู่ มม่ ากนกั แตพ่ ชื ยงั ไมข่ าด สงั กะสี ถา้ ใสป่ ยุ๋ ฟอสเฟตคอ่ นขา้ งมากในดนิ ประเภทน้ี จะทำ� ใหพ้ ชื เรมิ่ ขาดสงั กะสที นั ที ในดนิ ทม่ี โี พแทสเซยี มปรมิ าณมากจะไปขดั ขวางไมใ่ ห้ พืชดูดแคลเซียมและแมกนเี ซียมได้ เป็นตน้ 6. การเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการใช้ปุ๋ยโดยการตดั แตง่ กง่ิ นอกจาก จะเป็นการตัดก่ิงท่ีทึบ บังแสงซึ่งกันและกัน ท�ำให้ใบที่ถูกบังแสงมี ประสิทธิภาพในการสังเคราะห์แสงลดลง เปรียบรากพืชตระกูลส้มก่ิง ตอนซึ่งมีรากน้อยเสมือนปั๊มสูบน้�ำท่ีมีแรงจ�ำกัด และส่วนก่ิงและยอด พชื ตระกูลส้มเหมือนกับท่อนำ�้ จะเหน็ ได้วา่ หากมที อ่ น้�ำอย่มู ากเกินไป จะท�ำให้ปั๊มท่ีมีแรงจ�ำกัดไม่สามารถส่งน�้ำไปปลายท่อได้ในปริมาณท่ี มากพอ แตถ่ ้าปิดหรือลดทอ่ แยกลงเพื่อให้นำ้� จากปม๊ั ส่งถงึ ปลายทอ่ ได้ แรงขนึ้ ตน้ พชื ตระกลู สม้ กเ็ ชน่ กนั รากทมี่ อี ยจู่ ำ� กดั กไ็ มส่ ามารถสง่ อาหาร ไปเล้ียงทุกยอดได้อย่างดีพอ ท�ำให้ต้นพืชตระกูลส้มอาจแสดงอาการ ขาดธาตุอาหารได้ การตัดแต่งกิ่งพืชตระกูลส้มออกบ้างจะช่วยให้ราก สามารถดูดธาตุอาหารไปเลีย้ งส่วนยอดได้ทนั
แนวทางการจดั การดนิ และธาตุอาหาร 34 พืชตระกูลสม้ บนพนื้ ทสี่ ูง
แนวทางการจดั การดินและธาตุอาหารพชื ตระกลู ส้มบนพ้นื ทส่ี ูง การใหป้ ุ๋ยอนิ ทรยี ์ และการจดั การเศษวชั พืช ในสวนไมผ้ ล อนิ ทรยี วตั ถใุ นดนิ เปน็ สงิ่ ทสี่ ลายตวั ไดง้ า่ ย และรวดเรว็ ในประเทศเขตร้อนชื้นเช่นประเทศไทย ถ้าใช้แต่ปุ๋ยเคมีจะ ท�ำให้อินทรียวัตถุลดลงอย่างรวดเร็ว มีผลท�ำให้ดินแน่นทึบ การระบายน้ำ� และการถ่ายเทอากาศไมด่ ี จึงตอ้ งรกั ษาระดบั อนิ ทรยี วตั ถใุ นดนิ ไว้ ถา้ เปน็ ดนิ เหนยี วและดนิ รว่ นควรมอี นิ ทรยี วตั ถอุ ย่างนอ้ ย 2.5 เปอรเ์ ซ็นต์ ถา้ เปน็ ดินทรายควรมีอินทรีย วตั ถุอย่างน้อย 1.5 เปอรเ์ ซน็ ต์ โดยการใสป่ ุ๋ยอนิ ทรียป์ ระเภท มูลวัว มูลไก่ แกลบ การจดั การเศษปยุ๋ พืชตระกลู ส้มทไ่ี ด้จาก การตัดแต่งกิ่งโดยการท้ิงให้เน่าเปื่อยสลายตัวคลุมโคนต้น จดั วา่ เปน็ การเพม่ิ อนิ ทรยี วตั ถแุ กด่ นิ ทปี่ ระหยดั ทส่ี ดุ การกำ� จดั วชั พชื โดยการตดั แลว้ ใชเ้ ศษวชั พชื เปน็ ปยุ๋ อนิ ทรยี ก์ เ็ ปน็ อกี ทาง หนง่ึ ในการเพมิ่ อนิ ทรยี วตั ถใุ นดนิ นอกจากนกี้ ารไมเ่ ผาใบ และ ก่ิงแขนงที่ถูกตัดแต่งออกก็จะท�ำให้มีธาตุอาหารกลับคืนสู่ดิน 12 – 30 % 35
แนวทางการ ัจดการ ิดนและธา ุตอาหาร36 ืพชตระกูล ้สมบน ้พืนที่ ูสง พอืชาตกราะกรูลข...าสด้มธ า ตุ อ า ห า ร ใ น อาการขาดธาตแุ มกนเี ซยี มในเลมอน อาการขาดธาตสุ งั กะสใี นคมั ควทั
แนวทางการจดั การดินและธาตุอาหารพชื ตระกลู สม้ บนพ้ืนท่สี ูง อาการขาดธาตเุ หลก็ ในคมั ควทั อาการขาดธาตสุ งั กะสใี นคมั ควทั 37
บรรณานุกรม นนั ทรตั น์ ศภุ กำ� เนดิ .2545.โครงการวจิ ัยธาตอุ าหารส้ม. ใน ดิเรก ทองอร่าม (บรรณาธกิ าร). เอกสารประกอบฝกึ อบรมการจดั การดนิ และปยุ๋ พชื สวนเชงิ ธรุ กจิ . อาคาร สโุ ขสโมสร มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมมาธริ าช. พงษ์สันต์ิ สจิ ันทร ์ นภาพร พนั ธก์ มถศลิ ป์ ปญุ ญิตา ตระกลู ยงิ่ เจรญิ ศภุ ชัย อำ� คาและจิรวัฒน์ พุ่มเพชร. 2555.สภาวะธาตุอาหารพืชและปัจจัยทางดินเพื่อการฟื้นฟู ทรัพยากรดินและการใช้ประโยชน์ท่ีดินอย่างยั่งยืนในพื้นที่เกษตรกรรมโครงการหลวง ป2ี 555. รายงานการวจิ ยั ฉบบั สมบรู ณ์ สภาบนั วจิ ยั และพฒั นาพนื้ ทส่ี งู (องคก์ ารมหาชน). ยุทธนา เขาสเุ มรุ ชติ ิ ศรีตนทิพย์ และสันติ ชา่ งเจรจา. 2543. สภาวะธาตอุ าหาร ในดนิ และใบลำ� ไยตน้ โทรมและตน้ ปกตใิ นจงั หวดั เชยี งใหมแ่ ละลำ� พนู รายงานการประชมุ วิชาการประจ�ำปี 2543 สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต กรุงเทพมหานคร. ยทุ ธนา เขาสเุ มรุ ชิติ ศรีตนทิพย์ และสนั ติ ช่างเจรจา. 2545. ดินและป๋ยุ ลำ� ไย. ใน ดเิ รก ทองอรา่ ม (บรรณาธกิ าร). เอกสารประกอบฝกึ อบรมการจดั การดนิ และปยุ๋ พชื สวนเชงิ ธรุ กจิ . ณ อาคารสุโขสโมสร มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมมาธริ าช. ยุทธนา เขาสุเมรุ ชิติ ศรีตนทิพย์ และสันติ ชา่ งเจรจา. 2546. การประเมนิ ความ ต้องการธาตุอาหารของลำ� ไยในการแตกชอ่ ใบแต่ละครง้ั . ว. วิทย. กษ. 34:1-3(พิเศษ) 164-166 ยทุ ธนา เขาสุเมรุ ชิติ ศรีตนทพิ ย์ และสันติ ชา่ งเจรจา. 2560.การศึกษาวิธกี าร จัดการธาตุอาหารส�ำหรับพืชตระกูลส้มเพ่ือเพ่ิมคุณภาพผลผลิต รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการยอ่ ยที่ 4 ภายใตช้ ดุ โครงการวจิ ยั และพฒั นาการผลติ พชื ตระกลู สม้ ปลอดภยั บน พ้นื ทีส่ งู สถาบนั วจิ ัยและพัฒนาพน้ื ท่ีสงู (องค์การมหาชน) รยิ าภรณ์ ดํารงรกั ษ์ 2550 ธาตอุ าหารพืช กบั คณุ ภาพผลผลติ ส้ม โชกนุ วารสาร มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ยะลา 2 (1) 59-61 Mattos Jr, D., J. A. Quaggio, H. Cantarella, R. M. Boaretto, and F. C. B. Zambrosi. 2012. Nutrient Management for Hogh Citrus Fruit Yield in Tropical Soil. Better Crop. 69 (1) Menzel, C.M. and D.R. Simpson. 1986.Lychee growing in subtropical Queenland. In C.M Menzel and G.N.Greer (eds.) The potential of lychee in Australia. Proceeding of the First Lychee Seminar 14-15th Febuary. pp.54-70. Reuter, D.J. and J.B. Robinson. 1986. Plant analysis : An interpretation manual. Inkata Press. Melbourne, Sydney. 218pp. Weir, R. G. and G.C. Cresswell.,Plant Nutrient Disorders 2: Tropical fruit and Nut Crops.Inkata Press. Melbourne.
แนวทางการจัดการดนิ และธาตุอาหาร พชื ตระกลู สม้ บนพ้นื ที่สูง ISBN : 978-974-326-675-1 ISBN : 978-974-326-676-8 (E-Book) ผู้เขียน ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ยุทธนา เขาสเุ มรุ รองศาสตราจารย์ ดร.ชิต ิ ศรีตนทิพย์ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์สันติ ชา่ งเจรจา วา่ ทรี่ อ้ ยตรีรัชตพ์ งษ ์ หอชัยรตั น์ ดร.อจั ฉรา ภาวศทุ ธิ์ นางสาวดารากร อัดฮาดศรี นางสาวธนั ชนิตา จันทร์กระจ่าง นางสาววนั เพญ็ ศรแี ก้ว ปที ่พี ิมพ์ : 2563 คร้งั ที่พมิ พ์ : 1 จดั ทำ� โดย สำ� นักงานการวจิ ยั แหง่ ชาติ 196 ถนนพหลโยธิน จตุจกั ร กรุงเทพฯ 10900 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา 128 ถนนหว้ ยแก้ว ต�ำบลช้างเผอื ก อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งใหม่ 50200 พิมพ์ที่ บรษิ ทั เชียงใหม่ พรนิ้ ตงิ้ จ�ำกัด 213 ถนนมหดิ ล ต�ำบลช้างคลาน อำ� เภอเมืองเชียงใหม่ จงั หวดั เชียงใหม่ 50100 โทรศัพท์ 0-5320-0480
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: