Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore องค์ความรู้เรื่องการเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก

องค์ความรู้เรื่องการเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก

Description: องค์ความรู้เรื่องการเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก

Search

Read the Text Version

องค์ความรู้เรอื่ ง การเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม www.dra.go.th

องคค์ วามร้เู รื่องการเทศน์มหาชาตเิ วสสันดรชาดก ผจู้ ัดพมิ พ ์ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ปีทีพ่ มิ พ ์ ๒๕๕๘ จำนวน ๒๕,๐๐๐ เลม่ ท่ปี รึกษา นายกฤษศญพงษ์ ศิร ิ อธบิ ดีกรมการศาสนา นายสเุ ทพ เกษมพรมณ ี ผูอ้ ำนวยการสำนกั พัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรม นายพสิ ทิ ธิ์ นิรัตติวงศกรณ์ ผู้อำนวยการกองศาสนปู ถมั ภ์ นายเกรยี งศกั ดิ์ บุญประสทิ ธิ ์ เลขานุการกรมการศาสนา คณะผู้จดั ทำ นายสำรวย นกั การเรียน นกั วชิ าการศาสนาชำนาญการพิเศษ นางสาวสณุ ี หวังสันตติ ระกูล นกั วชิ าการศาสนาชำนาญการ นายศกั ดิเ์ พชร ยานะแก้ว นกั วิชาการศาสนาชำนาญการ นางสาวสพุ ัตรา ปรชี นื่ นักวชิ าการศาสนาปฏิบตั กิ าร นางปลิ นั ธนิ ี เปรมดิลกรตั น์ เจา้ พนกั งานการศาสนาชำนาญงาน นายปญั ญา ดีเลศิ นกั วิเทศสมั พันธ์ ภาพปกจาก http://ssukumaa.blogspot.com/2012/12/blog-post_15.html พิมพ์ท ี่ โรงพิมพ์สำนกั งานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ ๓๑๔-๓๑๖ ถนนบำรุงเมอื ง ป้อมปราบศตั รพู า่ ย กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๐๐ โทร. ๐-๒๒๒๓-๓๓๕๑, ๐-๒๒๒๓-๕๕๔๘, ๐-๒๒๕-๗๔๙๑, ๐-๒๒๒๑-๐๑๓๕ โทรสาร ๐-๒๖๒๑-๒๙๑๐, ๐-๒๖๒๑-๒๙๑๑

คำนำ เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ สมเด็จพระเทพ รตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ๒ เมษายน ๒๕๕๘ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหน่วยงานของรัฐท่ีมีบทบาทและหน้าที ่ ในการดำรงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตลอดจน ดำเนินงานด้านศาสนา ให้คนไทยนำหลักธรรมทางศาสนามาใช ้ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เป็นคนดีมีคุณธรรม ได้พิจารณาเห็นว่า เป็นโอกาสอันดียิ่งท่ีพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าจะได้แสดงออกถึง ความจงรกั ภกั ดตี อ่ สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ดว้ ยการบำเพญ็ คณุ งามความดี ถวายพระราชกุศลแด่พระองค์ที่ได้สร้างคุณประโยชน์แก่พสกนิกร และประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์ จึงได้จัดให้มีการเทศน์มหาชาต ิ เวสสันดรชาดกขึ้นทั่วประเทศ เพ่ือให้ชนในชาติได้เข้าร่วมกิจกรรม ทางพระพุทธศาสนา และได้ศึกษาหลักธรรมท่ีปรากฏในมหาชาต ิ เวสสันดรชาดก รวมทั้งนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง และสังคม สงั คมมคี วามสมัครสมานสามัคคแี ละปรองดองสมานฉันท ์ ในการน้ี กรมการศาสนาได้จัดพิมพ์หนังสือ “องค์ความรู้ เรอ่ื งการเทศนม์ หาชาตเิ วสสนั ดรชาดก” ขน้ึ ซง่ึ เปน็ การรวบรวมองคค์ วามรู้ เกย่ี วกับมหาชาตเิ วสสนั ดรชาดก คอื ความเป็นมาของการเทศน์มหาชาติ

ประเพณีการเทศน์มหาชาติ รูปแบบการจดั เทศน์มหาชาติ เนื้อหาโดยยอ่ และข้อคิดของแต่ละกัณฑ์ และประโยชน์ที่ได้รับจากการเทศน์มหาชาติ เพ่ือให้พุทธศาสนิกชนและผู้สนใจได้ใช้เป็นคู่มือแนวทางในการศึกษาเร่ือง การเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จักอำนวยประโยชน์แก่ ผทู้ ส่ี นใจ ทำใหไ้ ดร้ บั ความรเู้ รอื่ งการเทศนม์ หาชาตเิ วสสนั ดรชาดกไดด้ ยี งิ่ ขน้ึ (นายกฤษศญพงษ์ ศิริ) อธบิ ดีกรมการศาสนา

สารบัญ หนา้ ความเป็นมา ๑ ประเพณีการเทศนม์ หาชาต ิ ๔ ประโยชนท์ ไ่ี ดจ้ ากการเทศนม์ หาชาติ ๙ สงิ่ ทต่ี ้องจัดเตรยี มในการเทศนม์ หาชาติทีน่ ิยมยึดถอื ปฏิบตั ิ ๑๑ รปู แบบการจัดเทศนม์ หาชาติ ๑๒ ทำนองการเทศน์มหาชาติ ๑๒ จำนวนกัณฑ์ของมหาชาตเิ วสสันดรชาดก ๑๖ เนอ้ื หาโดยยอ่ ของมหาชาติเวสสันดรชาดก ๑๓ กัณฑ์ ๑๗ เพลงประกอบการเทศนม์ หาชาติ ๒๒ อานสิ งสใ์ นการทำบุญของแตล่ ะกณั ฑ์ ๒๖ อานสิ งสใ์ นการฟงั เทศนม์ หาชาติท้งั ๑๓ กณั ฑ์จบในวนั เดียว ๒๘ ข้อคดิ ที่ได้จากมหาชาตเิ วสสันดรชาดกทง้ั ๑๓ กณั ฑ ์ ๒๙ บรรณานุกรม ๓๓

องคค์ วามรู้เร่ืองการเทศนม์ หาชาติเวสสนั ดรชาดก  องค์ความรู้เรือ่ งการเทศนม์ หาชาติ เวสสันดรชาดก ความเป็นมา การเทศน์มหาชาติ คอื การช้แี จงหรอื การเล่าเร่ืองเวสสนั ดร ชาดก ว่าด้วยพระบุพจริยาของพระพุทธองค์ในอดีตชาติ เม่ือเสวย พระชาติเป็นพระเวสสันดร ทรงบำเพ็ญพระบารมีเป็นชาติสุดท้ายก่อน จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การเทศน์มหาชาติน้ีมีมาแต่คร้ัง กรุงสุโขทัย เวสสันดรชาดกน้ันเป็นพุทธพจน์ซึ่งพระผู้มีพระภาคได้ตรัส แก่พระภิกษุสงฆ์และพระประยูรญาติ ณ นิโครธาราม กรุงกบิลพัสด ์ุ ในคราวท่ีพระพุทธองค์เสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ พระประยูรญาติมีพระเจ้า สุทโธทนะเป็นประธานเสด็จมาต้อนรับ ต่างก็ยังมีทิฐิมานะแรงกล้า ไม่ยอมนอบน้อมนมัสการพระพุทธองค์ ด้วยเห็นว่าพระพุทธองค์มีวัย อ่อนกว่าตน พระพุทธองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นเหตุดังน้ัน จึงทรงแสดง ปาฏิหาริย์เสด็จลอยข้ึนไปจงกรมอยู่บนอากาศ ให้ธุลีละอองพระบาท หลน่ ลงมาบนพระเศยี รเหลา่ พระประยรู ญาติ ลำดบั นนั้ หมพู่ ระประยรู ญาติ ต่างพากันคลายทิฐิมานะ ประคองอัญชลีนมัสการชื่นชมโสมนัส ดว้ ยบญุ ญาภินหิ ารของพระพุทธองค์ ขณะนนั้ ฝนโบกขรพรรษ (มีน้ำฝน

องคค์ วามรู้เรอ่ื งการเทศนม์ หาชาตเิ วสสันดรชาดก สีแดง) ก็ตกลงมาเป็นท่ีน่าอัศจรรย์ ผู้ใดปรารถนาจะให้เปียกก็เปียก ถ้าไม่ปรารถนาจะให้เปียกแล้วแม้แต่นิดหนึ่งก็ไม่เปียกกายเลย ต่อมา พทุ ธศาสนกิ ชนไดเ้ กดิ มคี วามเชอื่ วา่ หากผใู้ ดไดส้ ดบั ตรบั ฟงั เทศนม์ หาชาติ ย่อมเกิดสิริสวัสด์ิพิพัฒนมงคลเป็นอย่างมาก เป็นกุศลบุญราศีสืบไป ดังน้ัน การเทศน์มหาชาติคือมหากุศลที่เตือนบุคคลให้น้อมรำลึกถึง การบำเพ็ญบุญอันมีการสละความเห็นแก่ตัว เพื่อผลประโยชน์สูง ของมวลมนุษยชาตเิ ป็นสำคัญ เวสสนั ดรชาดก มเี นอื้ หาสาระมาก รวมไวใ้ นมหานบิ าตชาดก ซงึ่ มีดว้ ยกัน ๑๐ เร่อื ง ซ่ึงเรียกกันว่า ทศชาติ แต่อกี ๙ เร่ืองนัน้ ไม่เรียกว่า มหาชาติ คงเรียกแต่เวสสันดรชาดกเร่ืองเดียวเท่าน้ันที่เรียกว่า มหาชาติ ในเรื่องน้ี สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายว่า พุทธศาสนิกชนชาวไทยตลอดจนประเทศใกล้เคียงนับถือ กนั มาแตโ่ บราณวา่ เรอ่ื งเวสสนั ดรชาดกสำคญั กวา่ ชาดกอนื่ ๆ ดว้ ยปรากฏ บารมีของพระโพธิสัตว์บริบูรณ์ในเร่ืองเวสสันดรชาดกทั้ง ๑๐ อย่าง คือ ๑. ทานบารมี ทรงบริจาคทรัพย์สิน ช้าง ม้า ราชรถ พระโอรส พระธิดา และพระมเหสี ๒. ศีลบารมี ทรงรักษาศีลอย่างเคร่งครัด ระหว่างผนวช เปน็ ฤา ษีอยู่ ณ เขาวงกต ๓. เนกขัมมบารมี ทรงครองเพศบรรพชิตตลอดเวลา ทป่ี ระทับ ณ เขาวงกต ๔. ปัญญาบารมี ทรงบำเพ็ญภาวนามัยปัญญาตลอดเวลา ทผ่ี นวช ๕. วริ ยิ บารมี ทรงปฏิบตั ิธรรมมิไดย้ ่อหย่อน

องค์ความรูเ้ รื่องการเทศนม์ หาชาตเิ วสสันดรชาดก  ๖. สัจจบารมี ทรงลั่นพระวาจายกพระกุมารให้ชูชก เม่ือพระกุมารหลบหนีก็ทรงติดตามมาให้ ๗. ขนั ตบิ ารมี ทรงอดทนตอ่ ความยากลำบากตา่ ง ๆ ขณะที่ เดินทางมายังเขาวงกต และตลอดเวลาท่ีประทับ ณ ที่นั้น แม้เม่ือ ทอดพระเนตรเห็นชูชกเฆ่ียนตีพระกุมารอย่างทารุณ พระองค์ก็ทรง ข่มพระทยั ไว้ได้ ๘. เมตตาบารมี เม่ือพราหมณ์เมืองกลิงคราษฎร์ มาทูล ขอช้างปัจจัยนาค เพราะเมืองกลิงคราษฎร์ฝนแล้ง ก็ทรงพระเมตตา ประทานให้ และเม่ือชูชกมาทูลขอพระกุมารท้ังสองพระองค์ โดยอ้างว่า ตนได้รบั ความลำบากตา่ ง ๆ พระองคก์ ็มเี มตตาประทานใหด้ ว้ ย ๙. อเุ บกขาบารมี เมอ่ื ทรงเห็นว่า พระกุมารท้งั สองถูกชูชก เฆี่ยนตี และวิงวอนให้พระองค์ช่วยเหลือ พระองค์ก็ทรงบำเพ็ญอุเบกขา คอื ทรงวางเฉย เพราะทรงเห็นวา่ ไดป้ ระทานเป็นสิทธ์ิขาดแกช่ ชู กไปแลว้ ๑๐. อธิษฐานบารมี ทรงตั้งมั่นท่ีจะบำเพ็ญบารมีเพื่อให้ สำเร็จพระโพธิญาณเบ้ืองหน้า แม้จะมีอุปสรรคก็มิได้ทรงย่อท้อ ทำให้ พระอนิ ทรต์ อ้ งประทานความชว่ ยเหลอื ตา่ ง ๆ เพราะตระหนกั ในนำ้ พระทยั อันแนว่ แน่ของพระองค์ ในศิลาจารึกสมัยสุโขทัย หลักที่ ๓ ที่เรียกว่าจารึก “นครชุม” ซ่ึงจารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๑๙๐๐ ในรัชสมัยพญาลิไท (พระมหา ธรรมราชาที่ ๑) มีกล่าวไว้วา่ “พระธรรมเทศนามหาชาตหิ าคนสวดมิได”้

องคค์ วามรู้เรอ่ื งการเทศนม์ หาชาติเวสสนั ดรชาดก หลักฐานน้ีจึงเป็นเคร่ืองแสดงได้ว่า พุทธศาสนิกชนชาวไทยนิยมจัดให้มี การเทศน์มหาชาตมิ าแตส่ มยั สโุ ขทัยเปน็ ราชธาน ี ในไตรภูมิพระร่วง ได้กล่าวถึงพระเวสสันดรว่า “ครั้งเม่ือ พระพทุ ธเจา้ เรานสี้ รา้ งสมภารเปน็ พระญาเวสสนั ดร อนั อวยทานชา้ งเผอื ก ตัวช่ือปัจจยนาเคนทร์ แก่พราหมณ์ทั้งหลายอันมาแต่เมืองกลึงคราฐ ด้วยใจสัทธา ด้วยบุญสมภารบารมี ดังนั้น ตูจึงได้มาเป็นพระรัศมีอันขาว แลตูไดไ้ ปก่อนหน้าทา่ นด้วยบญุ สมภารเราดงั น้แี ล” ประเพณีการเทศนม์ หาชาติ ในสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่ม ๑๘ ได้กล่าวไว้ว่า ประเพณีการเทศน์มหาชาติจัดเป็นการทำบุญที่สำคัญและมีความหมาย มากท่สี ุดในสงั คมไทย เนอ่ื งจากเป็นประเพณีของพุทธศาสนิกชนชาวไทย ที่ทำสืบเนื่องมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน เพราะความเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้ฟัง เทศน์มหาชาติแล้วจะได้กุศลแรง และหากใครต้ังใจฟังให้จบในวันเดียว จะได้เกิดร่วม และพบพระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ซึ่งจะมาตรัสรู้ เปน็ พระพุทธเจา้ ในอนาคต สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถทรงโปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระชมุ พระสงฆ์ นักปราชญ์ ราชบัณฑิตแปลและแต่งมหาชาติคำหลวงข้ึนเป็นภาษาไทย เมื่อ พ.ศ. ๒๐๒๕ สำหรับสวดในพระราชพิธีเข้าพรรษาและสวดให้ อบุ าสกอบุ าสกิ าฟงั ระหวา่ งพรรษา

องค์ความร้เู รือ่ งการเทศนม์ หาชาตเิ วสสันดรชาดก  เรื่องราวของมหาชาติชาดกมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ พุทธศาสนิกชน เพราะถือว่าเป็นตอนท่ีพระพุทธเจ้าเสวยพระชาต ิ เป็นพระเวสสันดรอันเป็นพระชาติสุดท้ายที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีครบ ๑๐ ประการ กอ่ นจะตรสั รพู้ ระสมั มาสมั โพธญิ าณ ดว้ ยทานบารมชี น้ั สดุ ยอด ทยี่ ากยิ่ง จงึ เรยี กว่า มหาชาต ิ ความนิยมและความสำคัญของเรื่องมหาชาติชาดก ปรากฏ ใหเ้ หน็ ไดจ้ ากวรรณกรรมทแ่ี ตง่ ขน้ึ มากมาย ทงั้ ตา่ งสำนวนและตา่ งยคุ สมยั เฉพาะท่ีเป็นฉบับหลวงก็มีมากมายในลักษณะของรูปแบบคำประพันธ์ ตา่ ง ๆ นอกจากนีย้ งั มีมหาชาตฉิ บบั ทอ้ งถิน่ ตา่ ง ๆ อีก เช่น ทางภาคเหนือ มีมหาชาติภาคพายัพ เขียนเป็นอักษรล้านนา มีหลายฉบับและ หลายสำนวน ทางภาคอีสาน มีมหาชาติคำเฉียง ส่วนทางภาคใต ้ มีมหาชาติชาดกฉบับวัดมัชฌิมาวาส สงขลา เป็นต้น และยังมีมหาชาติ สำนวนต่าง ๆ อีกมากมายท่ีแต่งกันเองโดยอิสระกระจายอยู่ตามหัวเมือง ต่าง ๆ ประเพณีการฟังเทศน์มหาชาติจึงปรากฏในสังคมไทยทุกภูมิภาค ทัง้ ในราชสำนกั และในหมู่ประชาชนทว่ั ไป ในราชสำนัก ปรากฏเป็นพระราชพิธีในวังหลวงมาแต่สมัย สุโขทัยแล้ว ในสมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ถึงกับทรงโปรดเกล้าฯ ใหส้ ร้างพระท่ีนง่ั ทรงธรรม ด้วยพระราชประสงค์ให้เป็นทที่ รงธรรมในงาน พระราชพิธีเทศน์มหาชาติ พระราชพิธีนี้สืบเน่ืองมาจนถึงสมัย

องค์ความรเู้ ร่อื งการเทศนม์ หาชาตเิ วสสนั ดรชาดก กรุงรัตนโกสินทร์ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเกณฑพ์ ระบรมวงศานวุ งศ์ ขา้ ราชการทำกระจาดใหญบ่ ชู ากณั ฑเ์ ทศนา คราวหนง่ึ แมพ้ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ครงั้ ทที่ รงดำรงอยู่ ในสมณเพศก็ทรงหัดเทศน์กัณฑ์มัทรี จนกลายเป็นธรรมเนียมให ้ พระราชโอรสถวายเทศน์มหาชาติในวังหลวง ในทอ้ งถนิ่ โดยเฉพาะในเขตภาคอสี านถอื เปน็ งานบญุ ทย่ี ง่ิ ใหญ่ สำคัญที่สุดของปี จะจัดขึ้นในราวเดือน ๔ เรียกว่า บุญพระเวส ทั้งยังมี ประเพณีเกี่ยวเน่ืองกับเทศกาลน้ีด้วย เช่น พิธีแห่พระเวสเข้าเมืองและ พิธีแห่ข้าวพันก้อนเพื่อบูชาคาถาพัน ทางภาคเหนือก็ให้ความสำคัญกับ การเทศน์มหาชาติมาก เห็นได้จากมีประเพณีสร้างหลาบเงินหรือ แผ่นเงินแกะลาย แขวนห้อยรอบฉัตรถวายเป็นเครื่องขันธ์ต้ังธรรมหลวง ในงานบญุ เทศน์มหาชาติ แผน่ เงินเหล่านีจ้ ะจำหลักเปน็ รปู ลวดลายตา่ ง ๆ ส่วนทางภาคใต้น้ัน ประเพณีเทศน์มหาชาติได้คลี่คลายไปเป็นประเพณี สวดด้านซึ่งคล้ายคลึงกับการสวดโอ้เอ้วิหารรายอย่างกรุงเทพฯ ท่ีวัด พระศรีรตั นศาสดาราม จะเห็นว่าประเพณีเทศน์มหาชาติที่เป็นประเพณีหลวง ได้ส่งผลกระทบต่อประเพณีราษฎร์อย่างกว้างขวาง แต่ท้องถ่ินได้พัฒนา รูปแบบการเทศน์และประเพณีต่าง ๆ ใหแ้ ตกตา่ งไป เพอ่ื ให้สอดคลอ้ งกบั ธรรมเนยี มทอ้ งถน่ิ ทแี่ ตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะภาค ในภาคกลางจะคงลกั ษณะ

องค์ความรู้เรื่องการเทศนม์ หาชาติเวสสนั ดรชาดก  สำคัญของประเพณีหลวงไว้มาก เช่น ในการเทศน์มักจะมีป่ีพาทย ์ ประโคมขณะดำเนนิ พธิ ตี ามแบบของหลวงดว้ ย เชอ่ื วา่ เปน็ การเสรมิ ศรทั ธา ใหเ้ กดิ ความปตี ใิ นผลบญุ ทไ่ี ดบ้ ำเพญ็ กบั ทงั้ เปน็ เครอ่ื งเตอื นใจใหผ้ ทู้ ไ่ี ดย้ นิ เสยี ง ป่ีพาทย์ ได้ทราบว่ากำลังมีพิธีเทศน์มหาชาติอยู่ ผู้ใดรับกัณฑ์เทศน์ใดไว้ จะได้ตระเตรียมตัวได้ทัน ปี่พาทย์ในงานเทศน์มหาชาติจะเริ่มด้วยเพลง โหมโรง และกำหนดเพลงป่ีพาทย์ประจำกัณฑ์ไว้ ซึ่งเป็นเพลงหน้าพาทย์ ตามแบบหลวงที่มีความศักด์ิสิทธิ์และถือเป็นเพลงช้ันสูงทั้งสิ้น เช่น กัณฑ์ทศพร ใชเ้ พลงสาธุการ กัณฑห์ มิ พานต์ ใช้เพลงตวงพระธาตุ เปน็ ตน้ การเทศน์มหาชาติในส่วนท่ีเป็นประเพณีราษฎร์ นอกจาก จะรักษาขนบแบบราชสำนักท่ีเน้นความศักด์ิสิทธิ์แล้ว ยังแฝงด้วย ความสนุกสนานและการละเล่นแทรกอยู่ด้วย เช่น พระที่เทศน์มหาชาติ กณั ฑต์ า่ ง ๆ อาจวา่ แหลเ่ พอ่ื ใหผ้ ฟู้ งั ไดร้ สยงิ่ ขนึ้ แหลต่ า่ ง ๆ ทมี่ ปี ระจำกณั ฑ ์ ที่เรียกว่าแหล่นอกน้ีจะแต่งเป็นพิเศษนอกเนื้อเรื่องพระเวสสันดรก็ได้ หรือชาวบ้านในบางท้องที่แถบภาคกลางจะมีการเล่นมหาชาติทรงเคร่ือง เวลามีพิธีเทศน์มหาชาติ ซึ่งชาวบ้านจะรับมาจากวัดและไปเล่นกันเอง ตอ่ มาชาวบา้ นกลบั ไปชวนพระมาเลน่ ดว้ ยกนั จงึ เปน็ การเลน่ ระหวา่ งแมเ่ พลง ทมี่ เี สยี งดที มี่ กั รบั บทเปน็ พระนางผสุ ดหี รอื พระนางมทั รกี บั พระทม่ี กั จะรบั บท พระเวสสนั ดรและชูชก เป็นต้น

องคค์ วามรเู้ รือ่ งการเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก จะเห็นได้ว่าคติธรรมต่อการดำเนินชีวิตตามหลัก พระพทุ ธศาสนา โดยเฉพาะคตขิ องการทำบญุ ใหท้ าน การกลบั ชาตมิ าเกดิ ของพระโพธิสัตว์คือพระเวสสันดร ความเช่ือเร่ืองบุญ-กรรมอยู่ในสำนึก ของชาวไทยทั้งสังคม ด้วยอิทธิพลของมหาชาติชาดกที่มีบทบาทอย่างสูง ในการสร้างบูรณาการทางศาสนาให้เกดิ ขึน้ ตอ่ ชาวไทยทุกภมู ภิ าคมาเปน็ เวลาชา้ นานแลว้ พระสงฆเ์ ปน็ ผมู้ บี ทบาทอยา่ งยง่ิ ตอ่ กระบวนการเชอื่ มตอ่ ประเพณีหลวงสู่ประเพณีราษฎร์ ทำให้เกิดความกลมกลืนในทาง วัฒนธรรมท่ีมีพระพุทธศาสนาเป็นสัญลักษณ์แห่งส่ิงศักด์ิสิทธิ์ร่วมกัน ทา่ มกลางคตคิ วามเชอ่ื ในท้องถ่นิ ทแ่ี ตกต่างกนั ลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างประเพณีหลวงและประเพณี ราษฎร์ที่เห็นจากประเพณีการเทศน์มหาชาติ แสดงให้เห็นถึงเจตนา ในการพยายามเผยแพร่ประเพณีหลวงสู่ท้องถิ่นโดยตรง อิทธิพลของ ประเพณหี ลวงทสี่ ง่ ตอ่ ประเพณรี าษฎร์ กระทำโดยผา่ นกระบวนการเรยี นรู้ ทางสังคม ท่ีมีวัดเป็นศูนย์กลางในการให้การศึกษาและอบรมส่ังสอน สอดแทรกคา่ นยิ มจากราชสำนกั ทเ่ี นน้ แบบแผนทเ่ี ปน็ ระเบยี บใหค้ ลา้ ยคลงึ กนั แต่ความโน้มเอียงของประเพณีราษฎร์ที่จะเลียนแบบประเพณีหลวง ตามธรรมชาติของการยกย่องแบบแผนจากราชสำนักเป็นพื้นเดิมของ สังคมชาวนาอยู่แล้ว ทำให้ประเพณีหลวงบางอย่างกลายเป็นส่ิงที่ ประชาชนต้องการเอาอย่างโดยท่ีราชสำนักเองไม่ได้มีเจตนาหรือต้องการ จะมอี ิทธพิ ลแต่ประการใด

องคค์ วามรูเ้ รอ่ื งการเทศน์มหาชาติเวสสนั ดรชาดก  (http://guru.sanook.com/search/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0% B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8 %A3%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%A 1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4) ประโยชน์ที่ไดจ้ ากการเทศนม์ หาชาต ิ สิ่งท่ีได้รับเมื่อฟังเทศน์มหาชาติ ได้แก่ สอนให้คนรู้จัก ทำความดี ประกอบกรรมดี รู้จักการบำเพ็ญบุญ บริจาคทาน สละ ความเห็นแก่ตัว สละทรัพย์เพื่อสาธารณประโยชน์ เป็นการลด ความตระหน่ีในใจ ลดความเห็นแก่ตัว ทำให้ไม่ยึดติดกับสิ่งที่เป็นรูป รส กลนิ่ เสยี ง ทเี่ ปน็ อนจิ จงั เพราะเวลาจากโลกนไ้ี ปแลว้ ไมม่ ใี ครนำสงิ่ ตา่ ง ๆ ติดตัวไปได้ มแี ต่ความดีและความช่วั เท่านนั้ ท่สี ามารถเอาไปไดใ้ นภพหนา้ นอกจากน้ัน พุทธศาสนิกชนยังมีความเชื่อว่า การได้ฟังพุทธวจนะ เช่น การฟงั เทศนม์ หาชาติ ยอ่ มเกดิ อานสิ งสแ์ ละกศุ ลราศแี กต่ น และยงั เนอ่ื งมาจาก ความเช่ือเรื่องศาสนอันตรธาน คือ ความเส่ือมของพระพุทธศาสนา ๕ ประการ ไดแ้ ก่ ๑. ปริยตั อิ ันตรธาน คือ ความสูญสิน้ ผ้ศู กึ ษาเลา่ เรียน ๒. ปฏิบัตอิ ันตรธาน คือ ความสญู สน้ิ ของการปฏิบตั ธิ รรม

10 องคค์ วามรเู้ รอื่ งการเทศน์มหาชาตเิ วสสนั ดรชาดก ๓. ปฏิเวธอันตรธาน คือ ความสูญส้ินการตรัสรู้อริยมรรค อริยผล ๔. สังฆอนั ตรธาน คอื ความสญู ส้นิ พระภกิ ษุสงฆ ์ ๕. ธาตุอันตรธาน คือ ความสูญสิ้นพระสารีริกธาตุของ พระพทุ ธเจา้ ดงั นน้ั การเทศนม์ หาชาตจิ งึ เปน็ การสนบั สนนุ ใหม้ กี ารศกึ ษา ปริยัติสัทธรรมและเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาอีกด้วย จึงเช่ือกันว่า ผู้ใดได้ฟังเทศน์มหาชาติหรือเวสสันดรชาดกครบ ๑๓ กัณฑ์ ๑,๐๐๐ พระคาถาจบภายในวันเดียว และบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียนแต่ละอย่าง ให้ครบพัน สิริมงคลย่อมเกิดผู้น้ัน แม้น้ำที่ต้ังไว้ในมณฑลพิธีก็ถือกันว่า เป็นน้ำมนต์ สามารถกำจัดเสนียดจัญไรได้ นอกจากน้ันยังเช่ือว่าจะได้ อานิสงสอ์ ันย่ิงใหญ่ ๕ ประการ คอื ๑. จะได้เกิดมาในยุคศาสนาพระศรีอริยเมตไตรย ซ่ึงจะมา อบุ ตั เิ ป็นพระพุทธเจา้ องคต์ ่อไปในอนาคต ๒. เมื่อดับขันธ์จะได้ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เสวยทิพย สมบัติอันโอฬาร ๓. จะไมเ่ กดิ ในอบาย (ไม่ตกนรก) เมื่อตายไปแลว้ ๔. จะเปน็ ผู้ม่ังมีลาภยศ สรรเสริญ ไมตรี และมคี วามสุข ๕. เม่ือได้ฟังพระธรรมเทศนา จะได้รับมรรคผล นิพพาน เป็นพระอรยิ บุคคลในพระพุทธศาสนา

องคค์ วามรเู้ ร่ืองการเทศนม์ หาชาตเิ วสสนั ดรชาดก 11 สิ่งที่ต้องจัดเตรียมในการเทศน์มหาชาติที่นิยมยึดถือปฏิบัต ิ มดี ังน ี้ ๑. การตกแต่งบริเวณพิธี บริเวณพิธีนิยมตกแต่งให้มี บรรยากาศคล้ายอยู่ในบริเวณป่าหิมพานต์ตามเนื้อเรื่องเวสสันดรชาดก โดยเจ้าของกัณฑ์แต่ละกัณฑ์จะนำต้นกล้วย ต้นอ้อย ใบมะพร้าว (ทางมะพร้าว) และก่ิงไม้มาผูกตามเสาและบริเวณรอบ ๆ ธรรมาสน์ ประดบั ธงทวิ และราชวตั ฉิ ตั รธงปกั ไวต้ ามสมควร สำหรบั เครอ่ื งกณั ฑเ์ ทศน์ จะประกอบด้วย ผลไม้นานาชนิด ขนม และส่ิงที่มักจะขาดไม่ได้ คือ กลว้ ย อ้อย และนอกจากน้ัน จดั เตรยี มขันเรียกว่า “ขันประจำกัณฑ”์ ไว้ โดยเจ้าภาพและผู้มาร่วมงานจะนำปัจจัยมาใส่ขันเพื่อติดกัณฑ์เทศน ์ เมื่อถึงเวลาเทศน์กัณฑ์ของใคร เจ้าภาพก็ไปประจำอยู่ที่ใกล้กับธรรมาสน์ พระเทศน์ ทั้งนี้ เจ้าของกัณฑ์มักจะเตรียมดอกไม้ธูปเทียนให้เท่ากับ จำนวนคาถา เช่น กัณฑ์ทศพร ๑๙ คาถา ดอกไม้ธูปเทียนอย่างละ ๑๙ ดอก เม่อื เทศนจ์ บกณั ฑ์แล้ว ป่พี าทยจ์ ะประโคมเพลงประจำกัณฑร์ บั ๒. การต้ังขันสาครใหญ่ ในการจุดเทียนบูชาประจำกัณฑ์ นิยมต้ังขันสาครใบใหญ่หรืออ่างใหญ่ท่ีเหมาะสมไว้ ใส่น้ำสะอาดให้เต็ม เพ่ือปักเทียนบูชาประจำกัณฑ์ในระหว่างที่พระเทศน์ (ภาชนะใส่น้ำนี้ ต้งั หน้าธรรมาสน์ กลางบริเวณพิธี) นำ้ ในภาชนะทีต่ ้ังนเ้ี สร็จพธิ ีแล้ว ถอื วา่ เปน็ นำ้ พระพทุ ธมนต์ สามารถเป็นนำ้ ปัดเสนียดจัญไรต่างๆ ได ้

12 องคค์ วามรเู้ ร่ืองการเทศนม์ หาชาติเวสสนั ดรชาดก ๓. การเตรยี มเทียนเลม่ เลก็ ในการเตรยี มเทียนสำหรบั บูชา ประจำกัณฑ์ จะเตรียมไว้จำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม แยกเป็นมัดไว้แล้ว ทำเครือ่ งหมายให้ทราบวา่ มัดไหนสำหรบั บชู าคาถากณั ฑ์ใด เมอื่ ถงึ คราว เทศน์กัณฑ์นั้นก็จะเอาเทียนมัดนั้นออกจุดบูชาติดรอบ ๆ ภาชนะที่ใส่น้ำ กระทำเชน่ น้ตี ่อกนั ไปจนครบ ๑๓ กัณฑ์ ครบจำนวนเทียน ๑,๐๐๐ เล่ม ซึ่งเท่ากับจำนวนคาถา ในบางสถานท่ีนิยมทำธงเล็ก ๆ ๑,๐๐๐ คัน แบง่ จำนวนเทา่ คาถาประจำกณั ฑเ์ ชน่ เดยี วกบั เทยี น เตรยี มไวส้ ำหรบั ปกั บชู า ท่ีหยวกกล้วย การจุดเทียนหรือปักธงบูชากัณฑ์ดังกล่าวนั้นเป็นหน้าท ่ี ของเจ้าภาพผ้รู ับกณั ฑ์นนั้ ๆ รปู แบบการจดั เทศน์มหาชาติ ๑. แบบการจัดเทศน์เรียงกัณฑ์ คือ การจัดให้พระเทศน์ แตล่ ะกัณฑเ์ รียงลำดับไปทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ๒. แบบการจัดเทศนแ์ บบประยุกต์ คอื การจัดใหเ้ หมาะสม กับความต้องการของผู้จัดและผู้ฟัง เช่น จัดให้มีการเทศน์ธรรมาสน์เดียว เลา่ เร่ืองตงั้ แต่ตน้ จนจบ จดั ใหม้ ีเทศน์ ๒ ธรรมาสน์ มีการแสดงประกอบ การเทศน์ เปน็ ต้น ทำนองการเทศนม์ หาชาติ ในระยะเร่ิมแรก การเทศน์มหาชาติใช้ภาษาบาลีล้วน ท่ีเรียกว่า “เทศน์คาถาพัน” ทำให้ประชาชนทั่วไปฟังไม่เข้าใจเน้ือเรื่อง

องค์ความรู้เรอ่ื งการเทศน์มหาชาติเวสสนั ดรชาดก 13 ขาดความน่าสนใจ นอกจากความเชื่อท่ีว่าได้บุญเพียงอย่างเดียว ต่อมา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงพิจารณาเห็นว่าหากปล่อยให้เป็น เชน่ นต้ี อ่ ไป เวสสนั ดรชาดกจะสญู สน้ิ ไป จงึ มรี บั สงั่ ใหน้ กั ปราชญร์ าชบณั ฑติ แต่งมหาชาติคำหลวงขึ้น มหาชาติคำหลวงไม่ได้แต่งสำหรับเทศน์ แต่แต่งสำหรับสวดให้อุบาสกอุบาสิกาฟัง ในเวลาไปอยู่บำเพ็ญกุศลท่ีวัด ในวนั พระ ขน้ึ /แรม ๘ คำ่ ๑๕ คำ่ หรอื นำมาสวดในวนั สำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา ครั้นสมัยรัตนโกสินทร์นี้ก็ยังรักษาประเพณีการสวดมหาชาติคำหลวงอยู่ โดยสวดมหาชาติคำหลวงทำนองเก่าถวายขณะเสด็จพระราชดำเนินไป บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพุ่มเทียนแก่เจ้าอาวาสพระอารามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ และพระครูสัญญาบัตร ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ ของเทศกาลเข้าพรรษา ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และการท่ีเด็กนักเรียนไปน่ังสวดหนังสือเร่ืองต่างๆ ตามทำนองซึ่งเรียกว่า “สวดโอ้เอ้วิหารราย” ตามศาลารายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ก็สบื เน่ืองมาจากประเพณนี ้เี ชน่ กนั ในรชั สมยั สมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรมโปรดเกลา้ ฯ ใหแ้ ตง่ หนงั สอื มหาชาตคิ ำหลวงขน้ึ อกี ครง้ั หนงึ่ หรอื เรยี กวา่ กาพยม์ หาชาติ เปน็ คำประพนั ธ์ ชนดิ รา่ ยยาว แต่งไวส้ ำหรบั พระเทศนใ์ หส้ าธชุ นฟงั แต่มเี นอื้ เรื่องยาวมาก ไม่อาจเทศน์ให้จบภายในวันเดียวได้ หากเทศน์เพียงอย่างเดียวจะทำให้ น่าเบ่ือ พระท่ีเทศน์จึงมีการใส่ลีลา น้ำเสียง สำเนียง ท่วงทำนอง

14 องคค์ วามรู้เร่ืองการเทศนม์ หาชาตเิ วสสนั ดรชาดก ในแต่ละบทบาทของตัวละครในแต่ละกัณฑ์ เพื่อให้เกิดจินตนาการ ชวนติดตาม การเทศน์มหาชาติด้วยทำนองต่าง ๆ จึงน่าจะเริ่มต้นจาก กาพย์มหาชาติที่แต่งข้ึนในรัชสมัยของพระเจ้าทรงธรรมนี้ และได้รับ ความนิยมแพรห่ ลายมาจนถึงปัจจบุ นั พระครูวินัยธรมานพ กนฺตสีโล วัดพระเชตุพนวิมล มังคลาราม ได้อธิบายไว้ว่า ทำนองในการเทศน์มหาชาติมีทำนองหลัก อยู่ ๒ แบบ คือ ๑. การเทศน์มหาชาติทำนองหลวง เป็นการเทศน์แบบ ทำนองธรรมวัตรและทำนองแหล่ ซ่ึงต้องเทศน์ไปตามเนื้อหาที่มีอย ู่ ในคัมภีร์ ทำนองหลวงถือเป็นทำนองมาตรฐานหรือทำนองราชการ โบราณถอื เปน็ แบบฉบบั ของการเทศนม์ หาชาติ การเทศนแ์ บบทำนองธรรมวตั ร เป็นการเทศนท์ ่ใี ช้ทำนองธรรมดา มกี ารเอ้ือนเสียงอย่บู า้ ง แต่ไม่มากนกั การเทศน์มหาชาติแบบทำนองแหล่ตามทำนองหลวง เปน็ การเทศนท์ ม่ี ที ว่ งทำนองไปตามเนอื้ หาทม่ี อี ยใู่ นคมั ภรี ์ หรอื ทเ่ี รยี กกนั วา่ แหล่ พระท่ีจะเทศน์มหาชาติแบบน้ีได้ต้องฝึกการเอื้อนเสียงขึ้น-ลง และต้องมีเสียงค่อนข้างดี มีความชัดเจน ต้องใช้เสียงเป็น การเทศน์ ทำนองแบบน้ี พระเทศน์ต้องฝึกมาเป็นอย่างดี จึงจะเทศน์ได้น่าฟัง เพราะการเทศนม์ หาชาตแิ ตล่ ะครงั้ จะตอ้ งมกี ารเลน่ เสยี งและใชเ้ สยี งมาก

องคค์ วามรเู้ รอ่ื งการเทศนม์ หาชาติเวสสนั ดรชาดก 15 มที งั้ ทำเสยี งเลก็ เสยี งใหญ่ ทำนองมหาชาตแิ ตล่ ะกณั ฑจ์ งึ มคี วามแตกตา่ งกนั เช่นเดียวกับความแตกตา่ งของเพลงหน้าพาทยท์ ั้ง ๑๓ เพลง อันเปน็ เพลง ประจำกณั ฑ ์ ๒. การเทศน์มหาชาติทำนองราษฎร์ หรือการแหล่แบบ ทำนองราษฎร์ หมายถงึ ทำนองแหลท่ ม่ี เี นอื้ หาอยนู่ อกคมั ภรี ์ ไมว่ า่ จะเปน็ แหลน่ อกเทยี บกบั เนอื้ ทม่ี เี นอื้ ความอยใู่ นมหาชาตทิ ง้ั ๑๓ กณั ฑ์ หรอื แหลน่ อก ท่ีมีเน้ือความไม่เกี่ยวข้องกับเน้ือความในมหาชาติเลย เช่น แหล่พร แหล่นอกท่ีมีเนื้อความเก่ียวกับพุทธประวัติ การแหล่ประเภทนี้ข้ึนอยู่กับ พระนักเทศน์เลือกมานำเสนอกับคนฟัง ตามความเหมาะสมของโอกาส และเวลา พระพจิ ิตรธรรมพาที (ชัยวัฒน์ ธมฺมวฑฒฺ โน) ไดอ้ ธิบายไวว้ า่ ทำนองในการเทศนม์ หาชาติมที ำนองหลกั อยู่ ๓ ทำนอง คือ ๑. ทำนองประจำกัณฑ์ ได้แก่ ทำนองทางราชการ หรือ ท่เี รียกวา่ “ทำนองหลวง” หรือทำนองในเนือ้ (เนือ้ เร่ือง) ๒. ทำนองประจำตัว ไดแ้ ก่ ทำนองที่ผูแ้ ตง่ หรือผ้แู หลจ่ ะคดิ ประดิษฐข์ ึ้น หรอื ยกั ยา้ ยให้เกดิ ความไพเราะ ตามความสามารถของตน ๓. ทำนองประจำภาค ได้แก่ ทำนองที่เป็นไปตามสำเนียง ภาษาของแต่ละท้องถิ่น เฉพาะทำนองประจำกัณฑ์ ยังแบ่งออกไปอีก

16 องคค์ วามร้เู รือ่ งการเทศนม์ หาชาตเิ วสสนั ดรชาดก หลายลักษณ์หลายทำนอง เช่น ทำนองธรรมวัตร ทำนองธรรมวัตรกราย ทำนองธรรมวตั รแท้ ทำนองเดนิ ทำนองเดนิ กราย ทำนองขน้ึ ทำนองขน้ึ สงู ทำนองย้าย เปน็ ต้น ทำนองการเทศน์มหาชาติ จัดได้ว่าเป็นศิลปะจูงใจคน เขา้ สศู่ าสนา ศลี ธรรม โดยอาศยั ลลี า นำ้ เสยี ง ทว่ งทำนองเปน็ ตวั ดำเนนิ เรอ่ื ง ใหเ้ หน็ ถงึ ลกั ษณะของบคุ คลทงั้ ในดา้ นดแี ละเลว และเปน็ การจรรโลงจติ ใจ สาธุชนให้สัมผัสถึงอรรถรสของธรรมะ และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิต ประจำวนั ได ้ จำนวนกัณฑข์ องมหาชาติเวสสนั ดรชาดก กัณฑ์ หมายถึง ข้อความส่วนหนึ่ง ตอนหนึ่ง มักใช้กับ การแสดงพระธรรมเทศนาหรือการเทศน์ กล่าวคือ ข้อความธรรมะ ท่ีอธิบายจบเรื่องในตอนเดียว เรียกว่า กัณฑ์ เวสสันดรชาดกมีทั้งหมด ๑๓ กัณฑ์ ดังน้ี ๑. กณั ฑท์ ศพร มจี ำนวนคาถา ๑๙ คาถา ๒. กัณฑห์ มิ พานต์ มีจำนวนคาถา ๑๓๔ คาถา ๓. กณั ฑ์ทานกณั ฑ์ มจี ำนวนคาถา ๒๐๙ คาถา ๔. กณั ฑว์ นปเวสน์ มีจำนวนคาถา ๕๗ คาถา ๕. กัณฑ์ชชู ก มจี ำนวนคาถา ๗๙ คาถา ๖. กณั ฑจ์ ลุ พน มจี ำนวนคาถา ๓๕ คาถา

องค์ความร้เู ร่อื งการเทศน์มหาชาตเิ วสสันดรชาดก 17 ๗. กณั ฑ์มหาพน มีจำนวนคาถา ๘๐ คาถา ๘. กัณฑก์ มุ าร มีจำนวนคาถา ๑๐๑ คาถา ๙. กณั ฑม์ ัทรี มีจำนวนคาถา ๙๐ คาถา ๑๐. กัณฑส์ กั กบรรพ มีจำนวนคาถา ๔๓ คาถา ๑๑. กัณฑม์ หาราช มจี ำนวนคาถา ๖๙ คาถา ๑๒. กณั ฑฉ์ กษัตรยิ ์ มีจำนวนคาถา ๓๖ คาถา ๑๓. กัณฑน์ ครกัณฑ์ มีจำนวนคาถา ๔๘ คาถา เนื้อหาโดยย่อของมหาชาติเวสสันดรชาดก ๑๓ กัณฑ์ มดี งั น ้ี ๑. กัณฑ์ทศพร เมื่อพระนางผุสดีเทพอัปสรสิ้นบุญ ท้าวสักกะ พระสวามีทรงทราบจึงพาไปประทับยังสวนนันทวันในเทวโลก พร้อมให้พร ๑๐ ประการ คือ ขอให้ได้อยู่ในประสาทของพระเจ้าสีพี ขอให้มจี กั ษดุ ำดุจนยั นต์ าลกู เนอ้ื ขอให้คว้ิ ดำสนทิ ขอใหพ้ ระนามว่า ผุสดี ขอใหม้ โี อรสทที่ รงเกยี รตยิ ศเหนอื กษตั รยิ ท์ งั้ หลายและมใี จบญุ ขอใหม้ คี รรภ ์ ที่ผิดไปจากสตรีสามัญคือแบนราบในเวลาทรงครรภ์ ขอให้มีถันงามไม่ดำ และหย่อนยาน ขอให้มีเกศาดำสนิท ขอให้มีผิวงาม และขอให้มีอำนาจ ปลดปล่อยนกั โทษได้ ๒. กณั ฑห์ มิ พานต์ พระนางผสุ ดไี ดจ้ ตุ ลิ งมาเปน็ พระราชธดิ า ของพระเจ้ามทั ทราช เมื่อเจรญิ ชนมายไุ ด้ ๑๖ ชนั ษา จึงไดอ้ ภเิ ษกสมรส กับพระเจ้ากรุงสญชัยแห่งเมืองสีพี ต่อมาได้ประสูติพระโอรสนามว่า

18 องค์ความร้เู รอื่ งการเทศนม์ หาชาติเวสสนั ดรชาดก เวสสันดร ในวันท่ีประสูติน้ันได้มีนางช้างฉัททันต์ตกลูกเป็นช้างเผือก ขาวบริสุทธิ์ ข้าราชบริพารจึงนำมาไว้ในโรงช้างเป็นช้างต้นคู่บารม ี ให้มีช่ือว่า ปัจจัยนาค เมื่อพระเวสสันดรเจริญชนมายุได้ ๑๖ พรรษา พระบิดาได้ยกสมบัติให้ครอบครองและทรงอภิเษกกับพระนางมัทรี พระธิดากษัตริย์มัททราช ต่อมามีพระโอรสช่ือ ชาลี พระธิดาช่ือ กัณหา เม่ือครองราชย์แล้ว พระองค์ได้สร้างโรงทาน บริจาคทานแก่ผู้เข็ญใจ ต่อมาพระเจ้ากาลิงคะแห่งเมืองกาลิงครัฐได้ส่งพราหมณ์มาขอ พระราชทานช้างปัจจัยนาค พระองค์จึงได้พระราชทานช้างปัจจัยนาค แก่พระเจ้ากาลิงคะ ชาวเมืองสญชัยไม่พอใจพระองค์ จึงเนรเทศ พระเวสสนั ดรออกนอกพระนคร ๓. กัณฑ์ทานกัณฑ์ พระนางผุสดีทรงเสียพระทัย เมื่อทรง ทราบว่า พระเวสสันดร ถูกประชาชนกล่าวโทษว่าได้พระราชทานช้าง ปัจจัยนาคแก่เมืองอ่ืน และให้เนรเทศจากเมืองสีพี จึงรีบเสด็จมาพบ พระเวสสันดรและพระนางมัทรี จากน้ันเสด็จเข้าไปเฝ้าพระเจ้ากรงุ สญชยั ทูลขออภัยโทษแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะเป็นไปตามกฎของธรรมศาสตร ์ ราชประเพณี ร่งุ เชา้ พระเวสสนั ดรทรงบริจาคสตั สดกมหาทาน คอื การให้ ครงั้ ใหญ่ ๗ อยา่ ง ๆ ละ ๗๐๐ คือ ชา้ ง มา้ โคนม รถ นารี ทาส ทาส ี จากนั้นทูลลาพระชนกและพระชนนีออกไปจากเมือง พระเจ้าสญชัย ขอให้พระนางมัทรีและพระโอรสพระธิดาไม่ต้องตามไป แต่ทั้งหมด

องคค์ วามรู้เรอ่ื งการเทศนม์ หาชาติเวสสนั ดรชาดก 19 ไม่ยินยอม รุ่งขึ้นพระเวสสันดร พระนางมัทรี พร้อมด้วยพระโอรส พระธิดา เสดจ็ ออกจากนคร มุงตรงไปยังเขาวงกต ๔. กัณฑ์วนปเวสน์ พระเวสสันดรพร้อมพระมเหส ี และพระโอรสพระธิดา เมอ่ื เสด็จถึงเมอื งเจตรัฐ พระราชาเสดจ็ มาต้อนรบั และทลู เชิญให้ครองเมืองเจตรฐั แตพ่ ระเวสสันดรขอไปบำเพ็ญเพียรในป่า กษัตริย์เจตรัฐจึงรับสั่งให้พรานชื่อว่า เจตบุตร คอยอารักขาในป่า เมือ่ พระเวสสันดรเดินทางมาถงึ เขาวงกต ทรงเปลยี่ นเคร่อื งทรงเป็นน่งุ หม่ ของนักบวช พระนางมัทรีก็ทรงบวชเป็นดาบสินี บำเพ็ญศีลในป่าอยู่ที่ อาศรม พระนางมัทรีได้ปัดกวาดอาศรมทุกวัน จากน้ันก็ออกไปหาผลไม้ ในปา่ ตกั นำ้ มาเตรยี มไว้ ในปา่ นนั้ อดุ มดว้ ยผลไมน้ านาชนดิ มสี ระโบกขรณ ี น้ำสะอาดใสไหลเย็น มีพฤกษาร่มรื่นและมีดอกไม้หอมหวนทั่วท้ังป่า ราวประดุจวมิ านทิพย์ ๕. กณั ฑช์ ชู ก พราหมณช์ อื่ วา่ ชชู ก ไดเ้ ทย่ี วขอทานเกบ็ เงนิ ได้ถึง ๑๐๐ กษาปณ์ จึงนำเงินไปฝากเพื่อนไว้ จากนั้นก็ออกเดินทาง ตระเวนขอเงินเร่ือยไป ส่วนพราหมณ์ผัวเมียเก็บเงินไว้นานแล้ว เห็นว่า ชูชกไม่กลับมาเอาคืน คิดว่าชูชกคงตายไปแล้ว จึงนำเงินนั้นออกมา ใช้จ่ายจนหมด ครั้นชูชกหวนกลับมาทวงเงินคืน พราหมณ์ผัวเมียก็ตกใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ด้วยความที่กลัวชูชกจะเอาความ จึงได้ตกลงมอบ นางอมติ ตดาลกู สาวใหแ้ กช่ ชู กแทนเงนิ ทใี่ ชห้ มดไป นางอมติ ตดานนั้ มรี ปู งาม

20 องคค์ วามรู้เรอ่ื งการเทศน์มหาชาตเิ วสสันดรชาดก และเป็นสาวรุ่น ส่วนชูชกเฒ่าชราและมีรูปลักษณ์อุบาทว์อัปลักษณ์ย่ิงนัก เมอ่ื ชชู กพานางอมติ ตดาไปอยกู่ นิ ดว้ ยกนั ทห่ี มบู่ า้ นทนุ วฐิ พวกเมยี พราหมณ์ บ้านอื่นต่างพากันริษยาอิจฉานางอมิตตดา พราหมณ์ท้ังหมู่บ้านต่างก็ ช่ืนชมนางอมิตตดาจนมาทุบตีเมียตนทุกวัน เพราะนางอมิตดาน้ัน เปน็ บตุ รกตญั ญู เมอื่ มาอยู่กบั ชชู กกป็ รนนิบัติรับใช้ทกุ ประการ ๖. กัณฑ์จุลพน พรานเจตบุตรผู้มีรูปร่างกำยำไว้หนวดแดง หนา้ ตาถมงึ ทงึ ถอื หนา้ ไมอ้ าบยาพษิ มาหาชชู กหมายจะฆา่ ใหต้ ายตามคำสงั่ กษตั รยิ ์เจตรัฐ เฒ่าชูชกเจา้ เลห่ ค์ ดิ อุบายเอาตวั รอด จึงตวั สนั่ งนั งกรบี รอ้ ง บอกไปว่า ตนเองเป็นราชทูตของพระราชามาทูลเชิญพระเวสสันดร กลับพระราชวัง เพราะพระราชาทรงอภัยโทษแล้ว พรานเจตบุตรได้ยิน กด็ ใี จเช่ือคำเท็จน้นั จงึ จัดเสบียงเพมิ่ ให้ชูชกและชี้ทางให้อีกดว้ ย ๗. กัณฑ์มหาพน เฒ่าชูชกเดินทางไปกลางป่า ได้พบกับ อัจจุตฤาษี ได้หลอกลวงฤาษีให้หลงกล ว่าตนเองเป็นกัลยาณมิตร ของพระเวสสันดร จนได้พักค้างคืนกับฤาษี รุ่งข้ึนฤาษีได้ให้กินผลไม ้ และช้ีให้ชมเขาลำเนาไพร พร้อมบอกระยะทางสภาพป่าและหนทาง ทจ่ี ะไปส่เู ขาวงกตใหแ้ ก่ชชู ก เม่ือไปถึงเปน็ เวลาพลบคำ่ เฒ่าชชู กกซ็ ่อนตัว บนชะง่อนเขาด้วยคิดว่า ต้องรอรุ่งเช้าให้พระนางมัทรีออกไปหาผลไม้ กอ่ น เพราะพระนางคงไมย่ อมยกลูกให้ใครแน ่ ๘. กัณฑ์กุมาร เม่ือพระนางมัทรีเข้าป่าหาผลไม้แล้ว ชูชก จึงเข้าเฝ้าทูลขอพระชาลีและกัณหา พระเวสสันดรก็ประทานให้

องค์ความรเู้ รอื่ งการเทศน์มหาชาติเวสสนั ดรชาดก 21 สองกุมารได้ยิน จึงตกใจกลัวหนีไปซ่อนตัวอยู่ในสระ พระเวสสันดร ไดข้ อรอ้ งใหท้ ัง้ ๒ พระองคอ์ อกมา แลว้ ชูชกก็นำทง้ั สองพระองคไ์ ป ๙. กัณฑ์มัทรี พระนางมัทรีเข้าป่าหาผลไม้ ได้พบกับ เหตุการณ์มหัศจรรย์ต่าง ๆ จึงเดินทางกลับอาศรม ได้เกิดพายุใหญ ่ มดื ครม้ึ ไปทวั่ บรเิ วณ อกี ทงั้ ยงั มสี งิ หส์ าราสตั วร์ า้ ยมาขวางทางไว้ เมอ่ื มาถงึ อาศรมไดท้ ราบเรอื่ งราวทง้ั หมด ทำใหพ้ ระองคเ์ สยี พระทยั มาก จนสลบไป หลังจากฟ้นื คนื สตกิ ลบั มา พระนางก็อนโุ มทนากบั พระเวสสนั ดรด้วย ๑๐. กณั ฑส์ ักกบรรพ พระอนิ ทร์เกรงวา่ จะมีผ้มู าขอพระนาง มัทรีไปอกี และจะไม่มีผู้ปรนนิบัตพิ ระเวสสันดร จึงได้แปลงเป็นพราหมณ์ ชราลงมาขอ เมื่อได้แล้วไม่นำกลับไป ได้ถวายคืนแก่พระเวสสันดร โดยขอให้ไม่ประทานพระนางมัทรีแก่ผู้ใดอีก พร้อมทั้งประสาทพร ๘ ประการ ให้แกพ่ ระเวสสันดร คอื ๑. ใหท้ รงไดร้ ับอภัยโทษ ๒. ให้ทรง ช่วยคนถูกฆ่าได้ ๓. ให้ไพร่ฟ้าได้พ่ึงพา ๔. ให้มั่นคงในมเหสี ไม่ลุ่มหลง สตรีอ่ืน ๕. ให้ได้สืบสันตติวงศ์ ๖. ให้มีส่ิงของบริจาคทานอย่างไม่ม ี ทส่ี น้ิ สดุ ๗. ใหม้ อี าหารทพิ ยพ์ อเพยี งทกุ รงุ่ เชา้ ๘. ใหไ้ ดส้ ำเรจ็ พระโพธญิ าณ จากน้นั พระอินทร์จึงเสด็จกลบั สู่สวรรค์ ๑๑. กัณฑ์มหาราช ชูชกได้พาสองกุมารหลงทางไปจนถึง เมืองสีพี จนกระทั่งได้พบกับพระอัยยกาและพระอัยยิกา จึงรับส่ังให้ ไถ่ถอนตัวทั้งสองพระองค์ และพระราชทานเลี้ยงอาหารช้ันดีแก่ชูชก

22 องคค์ วามรู้เร่ืองการเทศน์มหาชาตเิ วสสนั ดรชาดก ชูชกไม่มีวาสนาเพราะบริโภคมากเกินไป จึงเป็นเหตุให้ไฟธาตุพิการ อาหารไม่ย่อยจนถึงแก่ความตาย พระเจ้าสญชัยรับสั่งให้เตรียมกองทัพ ไปรบั พระเวสสนั ดรและพระนางมัทร ี ๑๒. กณั ฑฉ์ กษตั รยิ ์ พระเจา้ สญชยั และจตรุ งคเสนา เดนิ ทาง ไปถึงเขาวงกต กษตั รยิ ท์ ัง้ ๖ พระองค์ คอื พระเจา้ สญชยั พระนางผสุ ดี พระเวสสนั ดร พระนางมทั รี พระชาลี พระกัณหา ได้มาพบกันในกลางปา่ โดยมไิ ดค้ าดฝนั กท็ รงวปิ โยคโศกศลั ยจ์ นถงึ วสิ ญั ญภี าพสลบลง ฝนโบกขรพรรษ บนั ดาลตกลงมาใหท้ รงฟนื้ จากนน้ั พากนั ขอลโุ ทษ และไดข้ อใหพ้ ระเวสสนั ดร ลาผนวช ๑๓. กณั ฑน์ ครกณั ฑ์ พระเวสสนั ดรเมอ่ื ลาผนวชแลว้ ทรงสง่ั ลา พระอาศรม รับพระราชทานเคร่ืองทรงกษัตริย์ แล้วเสด็จกลับไป ครองเมืองสีพี ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข จนพระชนมายุ ๑๒๐ พรรษา สวรรคตแล้ว ได้อุบตั เิ ป็นท้าวสนั ดุสติ เทพบตุ ร บนสวรรคช์ ้นั ดสุ ติ เพลงประกอบการเทศน์มหาชาต ิ นบั แตโ่ บราณมา การประกอบพธิ กี รรมหรอื กิจกรรมต่าง ๆ ในวิถีชีวิต มักใช้ดนตรีเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการจัดกิจกรรมเสมอ ไมว่ า่ เปน็ พธิ กี รรมทางการเกดิ การตาย การทำบญุ ตา่ ง ๆ ในการเทศนม์ หาชาติ ก็เช่นเดียวกัน การใช้ดนตรีบรรเลงในพิธีกรรมเพ่ือการจูงใจให้สาธุชน ที่อยู่ห่างไกลได้ทราบว่า มีการจัดกิจกรรมเทศน์มหาชาติข้ึน พร้อมท้ัง

องค์ความรูเ้ รือ่ งการเทศนม์ หาชาตเิ วสสันดรชาดก 23 เชิญชวนให้มาร่วมงานบญุ และเปน็ การชว่ ยทำใหพ้ ิธีกรรมน้ันๆ ศักด์ิสทิ ธิ์ กระตนุ้ เรา้ จติ ใจ และชว่ ยเสรมิ ใหก้ ารเทศนใ์ นแตล่ ะกณั ฑไ์ ดอ้ รรถรสยง่ิ ขน้ึ การใช้เพลงประกอบนั้นใช้เมื่อพระขึ้นธรรมาสน์เทศน ์ และเมอื่ จบการเทศนใ์ นแตล่ ะกณั ฑ์ เมอ่ื พระขนึ้ ธรรมาสนเ์ ทศนบ์ รรเลงเพลง สาธุการ เพือ่ บชู าพระรัตนตรัยและอัญเชญิ ส่งิ ศกั ดสิ์ ิทธิ์ลงมายงั มณฑลพิธี เพื่อฟังพระธรรมเทศนา และเมื่อเทศน์จบแต่ละกัณฑ์ บรรเลงเพลง ประจำกัณฑ์ตามจุดเด่นของแต่ละกัณฑ์ สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ได้ประทานเพลงประจำกัณฑ์แบบหลวง ในเรอ่ื งเวสสนั ดรชาดก ดังนี้ กัณฑ์ทศพร ๑๙ พระคาถา บรรเลงเพลงสาธุการ เพ่ือประกอบกิริยาน้อมนมัสการรับพร ๑๐ ประการของพระนางผุสดี จากพระอินทร ์ กัณฑห์ มิ พานต์ ๑๓๔ พระคาถา บรรเลงเพลงตวงพระธาตุ เพ่ือประกอบกิริยาให้ทาน มุ่งประกอบการบริจาคทานของพระเวสสันดร เป็นเพลงฉิ่ง ใช้อัตรา ๒ ช้ัน และเลือกมาเฉพาะเพลงนี้ เพ่ือให้ชื่อเป็น เคร่ืองน้อมนำไปถึงเหตุการณ์ในพุทธประวัติ ตอนโทณพราหมณ ์ ตวงพระบรมสารีริกธาตุ บรรเลงโดยใช้ตะโพน กลอง ประกอบจังหวะ จดุ เดน่ ของกัณฑ์อย่ทู ก่ี ารใหช้ า้ งปัจจยั นาค

24 องค์ความร้เู รอ่ื งการเทศน์มหาชาติเวสสนั ดรชาดก กัณฑ์ทานกัณฑ์ ๒๐๙ พระคาถา บรรเลงเพลงพระยาโศก ประกอบกิริยาโศกสลด รันทดใจ ของพระเจ้าสญชัย พระนางผุสดี พระนางมทั รี และบรรดาพระบรมวงศานวุ งศท์ พ่ี ระเวสสนั ดรตอ้ งถกู เนรเทศ ออกจากเมือง กัณฑ์วนปเวสน์ ๕๗ พระคาถา บรรเลงเพลงพระยาเดิน ประกอบกิริยาการเดินปา่ ของพระเวสสันดร พระนางมทั รี และพระกมุ าร ทงั้ ๒ พระองค ์ กัณฑ์ชูชก ๗๙ พระคาถา บรรเลงเพลงเซ่นหล้า ประกอบ กิริยาการกินอันตะกละตะกลามของพราหมณ์ชูชก ถ้าไม่ใช้การบรรเลง พิณพาทย์หลวงก็จะใช้เพลงค้างคาวกินกล้วย (หรือวรเชษฐ์) ซ่ึงเป็นเพลง หนา้ พาทย์ประกอบการไปมาของผทู้ ุพพลภาพ หรอื วิกลจริตต่าง ๆ กัณฑ์จุลพน ๓๕ พระคาถา บรรเลงเพลงคุกพาทย ์ หรือเพลงรัวสามลา ซึ่งเป็นเพลงหน้าพาทย์ประกอบการแสดงอิทธิฤทธ์ิ หรือขขู่ วญั ซึ่งพรานเจตบตุ รแสดงแกช่ ูชก กัณฑ์มหาพน ๘๐ พระคาถา บรรเลงเพลงเชิดกลอง ประกอบการเดินทางอย่างรีบเร่งของชูชกไปยังเขาวงกต หลังจากได้รับ การบอกทางจากอจั จุตฤาษแี ลว้ กัณฑ์กุมาร ๑๐๑ พระคาถา บรรเลงเพลงโอด เชิดฉ่ิง คือ บรรเลงเพลงโอดกับเพลงเชิดฉ่ิงสลับกัน ประกอบอากัปกิริยาที่ชูชก

องค์ความรู้เร่อื งการเทศนม์ หาชาติเวสสันดรชาดก 25 พากัณหาชาลีเดินทางไปเฆี่ยนตีไป กัณหาชาลีจึงร้องไห้ไปเดินทางไป สลบั กันตลอดทาง กัณฑ์มัทรี ๙๐ พระคาถา บรรเลงเพลงทยอยโอด คือ บรรเลงเพลงโอดสลับกับเพลงทยอย ประกอบกิริยาคร่ำครวญหวน ให้ของพระนางมัทรี เมื่อได้ทราบว่าพระเวสสันดรได้บริจาคพระกุมาร ท้งั ๒ พระองคใ์ ห้แกช่ ชู ก กัณฑ์สักกบรรพ ๔๓ พระคาถา บรรเลงเพลงเหาะ ประกอบกิริยาเหาะลงมาของพระอินทร์ บางครั้งอาจบรรเลงเพลงกลม ซ่ึงเป็นเพลงหน้าพาทย์ประกอบกิริยาเหาะเหินเดินอากาศของเทพยดา เชน่ เดยี วกนั และบางครง้ั บรรเลงเพลงกระบองกนั ซง่ึ เปน็ เพลงหนา้ พาทย์ ประกอบการแปลงตัวของพระอินทร์ก็มี กัณฑ์มหาราช ๖๙ พระคาถา บรรเลงเพลงกราวนอก ประกอบการยกพล ซง่ึ พระเจา้ สญชยั ยกออกไปรบั พระเวสสนั ดรกลบั เมอื ง บางคร้ังอาจบรรเลงเพลงเร่ืองทำขวัญหรือเวียนเทียน ประกอบท้องเร่ือง ในตอนที่พระเจา้ สญชัยทรงรับขวญั พระราชนัดดาท้ังสอง กัณฑ์ฉกษัตริย์ ๓๖ พระคาถา บรรเลงเพลงตระนอน ประกอบกิริยานอน เพราะในกัณฑ์น้ี กษัตริย์ทั้ง ๖ คือ พระเจ้าสญชัย พระนางผุสดี พระเวสสันดร พระนางมัทรี พระชาลีและพระกัณหา ไดพ้ บปะและประทับแรมคืนอยู่ ณ บริเวณอาศรมในป่าน้นั

26 องค์ความรู้เรอื่ งการเทศน์มหาชาตเิ วสสันดรชาดก กณั ฑน์ ครกณั ฑ์ ๔๘ พระคาถา บรรเลงเพลงกลองโยนแลว้ เชดิ เพลงกลองโยน หมายถึง การยกขบวนเสด็จพยุหยาตราอย่างมีศักดิ์ พร่ังพร้อมไปด้วยขบวนอิสริยยศ ส่วนเพลงเชิดน้ัน เป็นหน้าพาทย์แสดง การไปโดยทางไกล ประกอบเนื้อเร่ืองที่เชิญพระเวสสันดรกลับเมืองสีพี พร้อมไปดว้ ยขบวนอสิ รยิ ยศอยา่ งสมพระเกียรติ เมื่อการเทศน์มหาชาติส้ินสุดลงโดยมิได้มีการเทศน์อริยสัจ หรอื มงี านอืน่ ใดอีก ก็บรรเลงเพลง “กราวรำ” ตอ่ กับเพลงเชิด ซึ่งบรรเลง เม่ือจบกัณฑ์นครกัณฑ์ เพลงกราวรำเป็นเพลงแสดงความรื่นเริง ดีใจ ซงึ่ หมายถงึ อารมณอ์ นั เบกิ บานดว้ ยปตี ทิ ก่ี ศุ ลกรรมไดส้ ำเรจ็ ไปแลว้ โดยบรบิ รู ณ์ กบั เปน็ การอนโุ มทนาและอวยพรใหผ้ ทู้ มี่ ารว่ มในการกศุ ลนี้ มคี วามสขุ กาย สบายใจท่ัวกัน เหมือนคำว่า “สวัสดี” และพระภิกษุสงฆ์กล่าวยถาสัพพี แสดงวา่ จบงานแต่เพยี งเท่านี้ อานิสงส์ในการทำบญุ ของแต่ละกัณฑ์ เช่ือกันสืบ ๆ กันมาแต่โบราณกาลว่า ในการทำบุญของ แต่ละกัณฑน์ น้ั จะไดร้ บั อานสิ งสแ์ ตกตา่ งกนั ออกไป ดงั น ี้ ๑. กัณฑ์ทศพร ผู้ใดบูชากัณฑ์ทศพร ผู้นั้นเกิดในภพภูมิใด จะได้รับทรัพย์สินเงินทองสมปรารถนา ถ้าเป็นสตรีจะได้สามีเป็นท่ีชอบ เป็นท่ีเจริญใจ ถ้าเป็นชายจะได้ภรรยาตามท่ีประสงค์ต้องการ ถ้ามีบุตร หญิงหรือชาย กจ็ ะเป็นคนวา่ นอนสอนงา่ ย มีรูปร่างหนา้ ตางดงาม

องคค์ วามรู้เรื่องการเทศน์มหาชาตเิ วสสันดรชาดก 27 ๒. กัณฑห์ มิ พานต์ ผู้ใดบูชากัณฑ์หิมพานต์ ผ้นู ้นั เกดิ ในภพ ภมู ใิ ด จะไดส้ ง่ิ ปรารถนาทกุ ประการ เกดิ ในตระกลู ทพี่ รงั่ พรอ้ มดว้ ยทรพั ยส์ นิ เงนิ ทองและบรวิ าร และจะมีแตค่ วามสขุ กายสุขใจ ๓. กัณฑ์ทานกัณฑ์ ผู้ใดบูชากัณฑ์ทานกัณฑ์ ผู้น้ันเกิดใน ภพภูมใิ ดจะบริบรู ณด์ ้วยแกว้ แหวนเงนิ ทอง ขา้ ทาสบรวิ าร ๔. กัณฑ์วนปเวสน์ ผู้ใดบูชากัณฑ์เทศน์วนปเวสน์ ผู้นั้น เกิดในภพภูมิใดจะได้รับความสุขสมปรารถนา เฉลียวฉลาด สามารถ ปราบศัตรูให้ยอ่ ยยับไปได้ ๕. กัณฑ์ชูชก ผู้ใดบูชากัณฑ์ชูชก ผู้น้ันเกิดในภพภูมิใด จะประกอบดว้ ยสมบตั อิ นั งดงามกวา่ ผอู้ น่ื จะเจรจากบั ผใู้ ดกม็ เี สยี งไพเราะ ครัน้ จะไดส้ ามหี รอื ภรรยา รวมทงั้ มีบุตร กจ็ ะมรี ูปร่างทรงงดงาม ว่านอน สอนงา่ ย ๖. กัณฑ์จุลพน ผู้ใดบูชากัณฑ์จุลพน ผู้น้ันเกิดในภพภูมิใด จะเปน็ ผูส้ มบูรณ์ดว้ ยสมบตั แิ ละบรวิ าร ๗. กณั ฑม์ หาพน ผใู้ ดบชู ากณั ฑม์ หาพน ผนู้ น้ั เกดิ ในภพภมู ใิ ด จะมที รัพยส์ นิ ศฤงคารและบริวารมาก ๘. กัณฑ์กุมาร ผู้ใดบูชากัณฑ์กุมาร ผู้น้ันเกิดในภพภูมิใด ยอ่ มประสบความสำเรจ็ ในส่ิงท่ีปรารถนา

28 องคค์ วามรูเ้ รือ่ งการเทศนม์ หาชาติเวสสนั ดรชาดก ๙. กณั ฑม์ ทั รี ผใู้ ดบชู ากณั ฑม์ ทั รี ผนู้ น้ั เกดิ ในภพภมู ใิ ดจะเปน็ ผู้ม่ังคั่ง สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ เป็นผู้มีอายุยืนยาว ท้ังประกอบด้วย รูปโฉมงดงามกว่าคนท้ังหลาย มีแตค่ วามสขุ ความเจรญิ ๑๐. กัณฑ์สักกบรรพ ผู้ใดบูชากัณฑ์สักกบรรพ ผู้นั้นเกิดใน ภพภูมใิ ดจะไดเ้ ปน็ ผู้เจรญิ ดว้ ยลาภยศ ตลอดจนจตรุ พิธพรทงั้ ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สขุ ะ พละ ๑๑. กัณฑ์มหาราช ผู้ใดบูชากัณฑ์มหาราช ผู้นั้นเกิดใน ภพภมู ใิ ดจะได้มนุษยส์ มบัติ สวรรคส์ มบตั ิ และนพิ พานสมบตั ิ ๑๒. กัณฑ์ฉกษัตริย์ ผู้ใดบูชากัณฑ์ฉกษัตริย์ ผู้น้ันเกิดใน ภพภูมิใดจะได้เป็นผ้เู จรญิ ด้วยจตรุ พธิ พรท้งั ๔ ประการ คอื อายุ วรรณะ สขุ ะ พละ ๑๓. กัณฑ์นครกัณฑ์ ผู้ใดบูชากัณฑ์นครกัณฑ์ ผู้นั้นเกิดใน ภพภูมิใดจะได้เป็นผู้บริบูรณ์ด้วยวงศาคณาญาติ ข้าทาสชายหญิง ธิดา สามี หรือบิดามารดาเป็นต้น อย่พู ร้อมหนา้ กันโดยความผาสกุ ปราศจาก โรคาพาธทั้งปวง จะทำการใด ๆ ก็พร้อมเพรียงกัน ยังการงานนั้น ๆ ใหส้ ำเร็จลุลว่ งไปดว้ ยด ี อานสิ งสใ์ นการฟังเทศนม์ หาชาติทั้ง ๑๓ กณั ฑ์จบในวนั เดียว ๑. เม่ือตายจากโลกน้ีไปแล้ว เม่ือกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ จะไดพ้ บพระศรีอารย์พุทธเจา้

องค์ความร้เู รื่องการเทศน์มหาชาตเิ วสสันดรชาดก 29 ๒. เมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว จะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เสวยทิพยสมบัต ิ ๓. เมอื่ ตายจากโลกนไี้ ปแล้ว จะไม่ตกนรก ๔. เม่ือถึงยุคพระศรีอารย์พุทธเจ้า หากเป็นเทพบุตร เทพธดิ าจะได้จตุ ลิ งมาเกดิ เปน็ มนษุ ย์ ๕. คร้ันได้ฟังพระธรรมเทศนา ก็จักได้บรรลุมรรคผล นพิ พาน เปน็ พระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา ข้อคดิ ทไี่ ดจ้ ากมหาชาติเวสสนั ดรชาดกทง้ั ๑๓ กณั ฑ ์ ในการฟังเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก ได้มีผู้รวบรวม ข้อคดิ ไว้ในแตล่ ะกัณฑ์ไว้ ดงั ต่อไปนี ้ ๑. ขอ้ คดิ ประจำกณั ฑท์ ศพร : การทำบญุ ใหส้ ำเรจ็ สมประสงค์ ต้องอธิษฐานจิต ต้ังเป้าหมายชีวิตที่ตนปรารถนาไว้ ความปรารถนา ทจี่ ะสำเรจ็ ได้ ผนู้ นั้ จะตอ้ งทำความดี ตอ้ งรกั ษาความดนี น้ั ไว้ และตอ้ งหมนั่ เพิม่ พูนความดใี ห้มากย่งิ ข้ึน ๒. ข้อคิดประจำกัณฑ์หิมพานต์ : ๑. คนดีเกิดมาทำโลก ใหร้ ม่ เยน็ ๒. โลกตอ้ งการผเู้ สยี สละ ๓. การทำดยี อ่ มมอี ปุ สรรค ๔. จดุ หมาย ปลายทางแห่งการเสยี สละอยู่ทีพ่ ระโพธิญาณ พระเวสสนั ดรกไ็ ม่หว่นั ไหว ๓. ข้อคิดประจำกัณฑ์ทานกัณฑ์ : ๑. ความรักของแม่ ความหว่ งของเมยี ๒. โทษทณั ฑข์ องการเปน็ หมา้ ย คอื ถกู ประณามหยามหมนิ่

30 องค์ความรเู้ ร่ืองการเทศนม์ หาชาติเวสสันดรชาดก อาจถึงจบชีวิตด้วยการก่อกองไฟให้ลุกโชนแล้วโดดฆ่าตัวตาย ๓. พึงยอม เสยี สละประโยชน์สุขสว่ นตวั เพอ่ื ประโยชน์สุขของส่วนรวม ๔. ยามบญุ มี เขากย็ ก ยามตกตำ่ เขากห็ ยาม ชวี ติ มที ง้ั ไดร้ บั อฏิ ฐารมณแ์ ละอนฏิ ฐารมณ ์ ๔. ขอ้ คิดประจำกณั ฑว์ นประเวศน์ : ๑. ยามเห็นใจ ยามจน ยามเจ็บ ยามจาก เป็นยามท่ีควรจะได้รับความเหลียวแล ๒. ผลดีของ มิตรแท้ คือ ไม่ทอดทิ้งในยามเพ่ือนทุกข์ ช่วยอุ้มชูยามเพ่ือนอ่อนล้า ชว่ ยฉดุ ดงึ ยามเพอ่ื นตกตำ่ ๓. นำ้ ใจของคนดี หากรวู้ า่ ปกตสิ ขุ ของคนสว่ นมาก จะมีเพราะการเสยี สละของตน ก็ยนิ ดสี ละโอกาสและโชคลาภอนั จะพึงได้ ด้วยความช่นื ชม ๕. ข้อคิดประจำกัณฑ์ชูชก : ๑. ของท่ีรักและหวงแหน ทโ่ี บราณห้ามฝากผู้อื่นไว้ คือ เงนิ ม้า เมยี ๒. ภรรยาท่ดี ียอ่ มไม่ยอ่ หยอ่ น ต่อหน้าที่ ๓. ของไม่คู่ควรย่อมมีปัญหา ดังหิโตปเทศท่ีกล่าวไว้ว่า “ความร้เู ปน็ พิษเพราะเหตุที่ไม่ใช้ อาหารเป็นพิษเพราะเหตไุ ฟธาตไุ มย่ อ่ ย เมยี สาวเปน็ พษิ เพราะผัวแก่” ๖. ขอ้ คดิ ประจำกณั ฑจ์ ลุ พน : ๑. มอี ำนาจ หากขาดปญั ญา ย่อมถูกหลอกได้ง่าย ๒. คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด ๓. ไว้ใจทาง วางใจคน จะจนใจตวั ๗. ข้อคิดประจำกัณฑ์มหาพน : ๑. ฉลาดแต่ขาดเฉลียว มปี ญั ญา แตข่ าดสตกิ เ็ สยี ทพี ลาดทา่ ได้ ๒. สงสารฉบิ หาย เชอื่ งา่ ยเปน็ ทกุ ข์ ๓. คบคนใหด้ ูหน้า ซอ้ื ผา้ ใหด้ เู นอ้ื ซือ้ เส่ือให้ดลู าย

องค์ความรเู้ ร่ืองการเทศนม์ หาชาติเวสสันดรชาดก 31 ๘. ข้อคิดประจำกณั ฑ์กุมาร : ๑. ความเปน็ ผรู้ จู้ กั กาลเทศะ ชชู กไมผ่ ลผี ลามเขา้ ไปขอ รอจนพระนางมทั รเี ขา้ ปา่ จงึ เขา้ ไปของสองกมุ าร ๒. พ่อแม่ทุกคนรักลูกเหมือนกนั แต่เป็นห่วงไม่เท่ากนั หว่ งหญิงมากกวา่ ห่วงชาย ๓. สติ เตสัง นิวารณัง สตเิ ปน็ เครือ่ งป้องกนั อันตรายท้งั ปวงได้ ขันติ สาหสวาระณา ขันติป้องกันความหุนหันพลันแล่นได้ เป็นเหตุให้ พระเวสสนั ดรไมท่ ำรา้ ยชชู ก เมอื่ ถกู ชชู กประณาม ๔. วสิ ยั หญงิ นนั้ แมจ้ ะมาก อยู่ด้วยเมตตากรุณา ชอบปลดเปล้ืองทุกข์แก่ผู้อื่นก็จริงอยู่ แต่เว้น อย่างเดียวที่ผู้หญิงนัน้ ไมม่ วี ันจะสละสิง่ นน้ั คอื “ลูก” ๙. ข้อคิดประจำกัณฑ์มัทรี: ลูกคือแก้วตาดวงใจของผู้เป็น พ่อแม่ ๑๐. ข้อคิดประจำกัณฑ์สักกบรรพ : การทำดีแม้ไม่มีคนเห็น ก็เป็นความดีอยู่วันยังค่ำ ดุจทองคำแม้จะอยู่ในตู้โชว์ หรือในกำป่ันก็เป็น ทองคำ การทำความดแี ม้ไมม่ ีคนเหน็ แต่เทวดาอารกั ษเ์ บ้อื งบนย่อมรู ้ ๑๑. ขอ้ คดิ ประจำกณั ฑม์ หาราช : คนดตี กนำ้ ไมไ่ หล ตกไฟไมไ่ หม้ ย่อมไดร้ บั ความปกปอ้ งคมุ้ ครองภัยในทที่ ุกสถาน ๑๒. ขอ้ คดิ ประจำกณั ฑฉ์ กษตั รยิ ์ : ๑. พรากมวี นั พบ จากมวี นั เจอ จากกันยามเป็นได้เห็นนำ้ ใจ จากกันยามตายไดเ้ ห็นนำ้ ตา ๒. การให้อภัย ทำให้เกิดสันติสุขแก่ส่วนรวม ๓. ส่ีเท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้ผิด บรรพชิตยังรู้เผลอ ความผิดพลาดเป็นเร่ืองของมนุษย์ แต่การให้อภัย เปน็ วสิ ัยของเทวดา

32 องคค์ วามรูเ้ ร่ืองการเทศนม์ หาชาติเวสสนั ดรชาดก ๑๓. ข้อคดิ ประจำกณั ฑน์ ครกณั ฑ์ : การทำความดียอ่ มได้รบั ผลดีตอบแทน การใช้ธรรมะในการปกครองย่อมทำให้เกิดความสงบ รม่ เย็น (http://talk.mthai.com/topic/388285)

องค์ความร้เู ร่อื งการเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก 33 บรรณานกุ รม กรมการศาสนา. เทศน์มหาชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เน่ืองในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลมิ พระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธนั วาคม ๒๕๔๒ ระหวา่ ง วนั ที่ ๑๕-๑๗ กันยายน ๒๕๔๒ ณ หอประชมุ พุทธมณฑล อำเภอพทุ ธมณฑล จังหวัดนครปฐม. กรงุ เทพฯ : วงตะวัน, ๒๕๔๒. ๑๓๒ หนา้ . ธนิต อยู่โพธ์ิ. ตำนานเทศน์มหาชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พิมพ์เป็นท่ีระลึกในงานทอดผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วดั มหรรณพาราม กรงุ เทพมหานคร วนั ที่ ๒๙ ตลุ าคม พุทธศักราช ๒๕๒๔. กรุงเทพฯ : สำนักเลขาธิการ นายกรัฐมนตร,ี ๒๕๒๔. หน้า ๓๖-๔๒. ตำนานเทศน์มหาชาต.ิ พระนคร : พระจันทร์, ๒๕๐๑. หน้า ๗๔-๘๕. นริศร์ เลี่ยมทอง. คู่มือมหาเวสสันดรชาดก ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๕-๖. กรงุ เทพฯ : รวมสาส์น (๑๙๗๗), ๒๕๔๒. หนา้ ๑-๒๒. พระครวู นิ ยั ธร มานพ ปาลพนั ธ.์ รปู แบบ เนอื้ หา และวธิ กี ารเทศนม์ หาชาต ิ ในยุคปัจจุบัน. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี, ๒๕๔๙. ๕๔๙ หนา้ .

34 องคค์ วามรเู้ รอื่ งการเทศน์มหาชาตเิ วสสันดรชาดก ดร.พระครวู นิ ยั ธรมานพ ปาละพนั ธ์ (กนตฺ สโี ล). ๒๕๕๓. สบื สานการเทศน ์ มหาชาต.ิ กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั เอดสิ นั เพรส โพรดกั ส์ จำกดั . พระครวู วิ ธิ ธรรมโกศล (ชยั วัฒน์ ธมมฺ วฑฺฒโน). กะเทาะเปลือกเวสสันดร. พิมพ์ครั้งท่ี ๓. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์เลี่ยงเชียง, ๒๕๓๖. หนา้ ๑-๑๗. พระพิจติ รธรรมพาที (ชยั วัฒน์ ธมมฺ วฑฺฒโน). แก่นมหาชาติ. กรงุ เทพฯ : คอมแพคท์พร้นิ ท์, ๒๕๔๓. หนา้ ๑๒๖-๑๓๑. โรงเรยี นราชินี. เทศน์มหาชาติ โรงเรยี นราชนิ ี ๑๓-๑๕ ธนั วาคม ๒๕๔๘. กรุงเทพฯ : กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรียนราชนิ ี, ๒๕๔๘. หน้า ๒๒-๒๓. เวบ็ ไซต ์ http://chinaiji.blogspot.com/2013/02/blog-post.html http://guru.sanook.com/search/%E0%B8%9B%E0%B8% A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0% B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80% E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8% A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0% B8%95%E0%B8%B4 http://www.faihin.org/index.php?option=com_kunena& Itemid=55&func=view&catid=20&id=980 http://talk.mthai.com/topic/388285