334 8.5 เทคนคิ วธิ ีการในการศึกษาภาคสนาม ในการศึกษาภาคสนามจึงจาเป็นจะต้องมีเทคนิคเฉพาะบางประการเพื่อได้มาซ่ึงข้อมูลท่ี น่าเชื่อถือโดยเฉพาะอย่างย่ิงด้วยวิธีการสัมภาษณ์ ซ่ึงจะมีเทคนิคและหลักการเบ้ืองต้นในการ สัมภาษณ์ คือ การแสดงตัวตนและท่าทางความน่าเชื่อถือ เป็นขั้นตอนท่ีมีความสาคัญท่ีจะชี้ชัดถึง ฐานข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่จะได้มาว่าจะมีประสิทธิภาพอย่างไรและสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ หรอื ไม่ ซ่งึ มีแนวทางท่ีจะชว่ ยใหก้ ารสัมภาษณ์ดาเนินไปอย่างราบรื่นดังต่อไปน้ี 8.5.1 การแต่งกาย จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของผู้สัมภาษณ์ท่ีมีต่อผู้ถูกสัมภาษณ์ การแต่งกายจึงควรแต่งในลักษณะลาลอง คือ แต่งกายในลักษณะที่ไม่ซอมซ่อ สกปรกรกรุงรังมาก เกินไปหรือหรูหราเกินเหตุจนไม่เหมาะกับกาลเทศะในการศึกษาภาคสนาม โดยทั่วไปมักจะประกอบ ไปด้วยเสื้อผ้าท่ีสะอาด สีไม่ฉูดฉาด กางเกงรองเท้าผ้าใบ รวบผมเก็บไว้ในหมวก เป็นต้น ท้ังน้ีเพ่ือให้ เกิดความประทับใจแรกเห็นแกผ่ ู้ถูกสมั ภาษณ์ 8.5.2 กิริยามารยาท คือ สื่อชี้นาเกิดความรู้สึกนึกคิดในการให้ความร่วมมือในการให้ ข้อมูลท่ีถูกต้อง กิริยามารยาทไม่มีกฎเกณฑ์ท่ีตายตัวแต่การวางตัวเป็นผู้สุภาพ เรียบร้อย กิริยามารยาทดี ไม่กระโชกโฮกฮากจะทาให้เกิดบรรยากาศที่เป็นกันเอง ไม่มีความกดดันและ ความรู้สึกแง่ลบเกิดขึ้น ท้ังน้ีผู้สัมภาษณ์ต้องพึงคานึงว่าการให้ข้อมูลเป็นความสมัครใจของผู้ให้ข้อมูล กิริยามารยาทที่ดีอย่างหนึ่งในการศึกษาวิจัยภาคสนามด้วยการสัมภาษณ์คือ ต้องรู้จักรักษาเวลาและ เห็นอกเหน็ ใจผใู้ หข้ ้อมูลเสมอ 8.5.3 การใช้แบบนาสัมภาษณ์เพื่อชี้นา ในบางกรณีที่ผู้สัมภาษณ์ต้องการข้อมูลเชิง คุณภาพท่ีมีความลึกทั้งในเชิงรายละเอียดและมิติในด้านต่างๆ จาเป็นจะต้องใช้แบบสัมภาษณ์เป็น เคร่อื งมือชนี้ า แบบสมั ภาษณ์น้เี ปน็ ส่วนหน่ึงของการสมั ภาษณแ์ บบมหี ลกั การน้อย คอื ต้องอาศัยทักษะ ประสบการณ์ในภาคสนามเป็นหลัก แต่บางกรณีท่ีไม่สามารถจดจาข้อคาถามได้ท้ังหมด แบบนา สัมภาษณ์น้ีจะช่วยให้การส่ือสารไม่หลุดประเด็นหรือสามารถรักษามาตรฐานเวลาได้เป็นอย่างดี หรือ ในกรณีของการส่ือสารต่างภาษา ต่างวัฒนธรรมท่ีจะสามารถสร้างความเข้าใจโดยใช้วัฒนธรรมหรือ ภาษาท่สี ามารถเขา้ ใจร่วมกันได้ 8.5.4 ประเด็นที่ได้จากคาถามปลายเปิด คาถามปลายเปิดเป็นการสัมภาษณ์ท่ีมี ประโยชน์ต่อผู้ศึกษาวิจัยภาคสนามสูงมาก เพราะคาถามปลายเปิดจะช่วยให้เกิดการอภิปราย (Discuss) ในกลมุ่ คนหรอื ชมุ ชนได้ ประเด็นคาตอบท่ีได้มาจะมีความหลากหลายในแง่มุมท่ีแตกต่างกัน ของผถู้ กู ศึกษา ขอ้ พงึ ระวังในการใช้คาถามปลายเปิด คอื การหลีกเลีย่ งการปะทะกันทางความคิดและ อารมณ์ของผู้ถูกศึกษา นอกจากน้ันยังมีข้อควรระวังสาหรับผู้สัมภาษณ์เองในการวิเคราะห์ข้อมูลจาก คาถามปลายเปิดนั้น ไม่ควรบิดเบือนข้อมูลหรือทาการสรุปเน้ือหาใหม่เพราะข้อมูลนั้นผู้ศึกษาไม่
335 สามารถที่จะตีความหมายได้อย่างชีช้ ัด สิ่งท่ีพึงกระทาคือ การใส่เคร่ืองหมายคาพูดหรือเติมหมายเหตุ หลงั จากประโยคน้ันๆได้ 8.6 หลกั การศกึ ษาภาคสนาม หลักการศึกษาภาคสนามทางด้านภูมิศาสตร์มีกระบวนการที่คล้ายคลึงกับกระบวนการ ศึกษาทางด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์แต่มีการลงรายละเอียดท่ีมีความจาเพาะเจาะจงมากขึ้ น เพื่อการท่ีจะได้มาซึ่งข้อมูลที่มีความถูกต้องและตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้ศึกษาและวิจัย มีข้ันตอน ทัง้ หมด 6 ขัน้ ตอน ประกอบไปดว้ ย 8.6.1 การศึกษาบรบิ ทของพ้นื ทีใ่ นการออกศกึ ษาภาคสนาม คอื การวางแผนการศึกษา ภาคสนามท่วั ไป ทม่ี ีหลกั การและวตั ถุประสงค์ทช่ี ดั เจน เนอ่ื งจากการลงสู่พ้นื ท่ศี กึ ษาน้ันหากปราศจาก การศกึ ษาบริบทเชิงพนื้ ที่และการวางแผนแล้ว การศกึ ษาภาคสนามน้นั จะมปี ระสิทธภิ าพน้อยและบ่งช้ี ถึงการขาดความรบั ผิดชอบในการวางแผนศึกษาและวจิ ยั ในพ้ืนที่ การศกึ ษาบริบทเชิงพ้นื ที่นนั้ สามารถ กระทาได้ในหลายวิธีการขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญและชานาญการในด้านทักษะทางด้านภูมิศาสตร์ ของแต่ละบุคคล 8.6.2 การวางแผนการศึกษาและเตรียมพร้อมในการออกศึกษาภาคสนาม คือ การ วางแผนและเตรียมความพร้อมคือ กระบวนการก่อนที่จะลงสู่ภาคสนามจริง จะต้องมีการตระเตรียม เคร่ืองมือท่ีจะใช้ในการศึกษา การวางแผนแบ่งเขตพื้นที่สารวจ การกาหนดหน้าที่ของผู้ศึกษา ภาคสนาม การเตรียมแบบสอบถามหรือแบบนาสัมภาษณ์และข้อที่สาคัญท่ีสุดคือ การเตรยี มตัวของผู้ ศึกษาภาคสนามท่ีจะต้องทาความเข้าใจในบริบททุกด้านของพ้ืนที่อย่างละเอียด การเตรียมความ พร้อมของสภาพร่างกายและสภาพจิตใจรวมไปถึงการทาความเข้าใจกับกลุ่มผู้ถูกศึกษาในพ้ืนท่ี เปา้ หมาย 8.6.3 การสร้างความมีส่วนร่วมระหว่างผู้ศึกษาและผู้ถูกศึกษาในการออกศึกษา ภาคสนาม คือ การสร้างความสัมพันธ์เบื้องต้นระหว่างผู้ศึกษาและผู้ถูกศึกษาหรืออาจกล่าวได้ว่า ระหว่างผู้ศึกษาวิจัยภาคสนามกับชาวบ้านหรือชุมชนจะต้องมีความเข้าใจเบ้ืองต้นระหว่างกัน ทั้งน้ี อาจจะมีหน่วยงานของรัฐเป็นส่ือกลางหรือผู้ประสานงานให้การดาเนินการเป็นไปอย่างราบรื่นและ การสร้างความมีสว่ นร่วมมือมักเร่ิมต้นด้วยการความสัมพันธ์อันดเี สมอซึ่งจะทาให้การศึกษาภาคสนาม จริงมีประสทิ ธภิ าพและได้ขอ้ มูลที่เปน็ ข้อเทจ็ จริงมากทส่ี ดุ 8.6.4 การลงพ้ืนที่จริงในการออกศึกษาภาคสนาม คือ การเข้าสู่พื้นที่ศึกษาจริงตามวัน และเวลาที่กาหนด ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาภาคสนามเพ่ือเก็บรวบรวมข้อมูลหรือฝึกปฏิบัติการและไม่ วา่ จะลงพื้นทรี่ ายบคุ คลหรือปฏิบัติการเป็นกลุ่มก็จาเป็นที่จะต้องปฏิบตั ิตามรูปแบบของการศึกษาท่ีได้ กล่าวมาแล้วเบอ้ื งต้น นอกจากนั้นยังต้องระมัดระวังการศึกษาภาคสนามในพ้ืนท่ีที่อาจจะมีความเสี่ยง
336 อันตราย เช่น ป่าทึบ แนวชายแดน พื้นท่ีที่มีการะบาดของโรค เป็นต้น การลงพื้นที่จริง อาจจะ ประกอบไปด้วย การประชุมชาวบ้าน การสารวจพ้ืนท่ี การฝึกปฏิบัติรว่ มกับชุมชนและการเรยี นรูจ้ าก ชมุ ชน เปน็ ต้น 8.6.5 การสรุปและประมวลผลการออกศึกษาภาคสนาม คือ กระบวนการสุดท้ายใน การศึกษาภาคสนามท่ีดาเนินไปเพ่ือการประมวลองค์ความรู้รวมท่ีได้ศึกษามา ในขั้นตอนน้ีควรจะมี ผนู้ าชมุ ชนหรอื ปราชญช์ าวบ้านร่วมอยดู่ ้วยเน่ืองจากเพื่อชว่ ยตรวจสอบความถูกตอ้ งของข้อเท็จจริงให้ มีความใกล้เคยี งกบั ความเป็นจริงให้มากท่สี ุด ขน้ั ตอนนีม้ ีการปฏิบตั ิน้อยลงเนื่องจากในปัจจุบันการลง ศกึ ษาภาคสนามมคี ่าใชแ้ ละเวลาที่ค่อนข้างจากดั 8.6.6 การวิเคราะห์องค์ความรู้ท่ีได้จากการศึกษาภาคสนาม ขั้นตอนนี้อาจจะเกิดข้ึน ระหวา่ งชว่ งการศึกษาภาคสนามหรืออาจะเกิดขึน้ หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการศึกษาภาคสนามแล้วก็ ได้ ขน้ึ อยู่กับระยะเวลาในการศึกษาภาคสนามหากเป็นระยะเวลานานอาจจาเป็นต้องทาการวิเคราะห์ ทันทีเพ่ือไม่ให้ความทรงจาขาดช่วงหรือบางกรณีอาจมีความจาเป็นต้องรายงานความก้าวหน้าแก่ หน่วยงานหรือองค์กรเปน็ ระยะ 8.7 บทบาทของผศู้ ึกษางานศกึ ษาภาคสนาม บทบาทของผู้ศึกษางานภาคสนามคือ การสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วมในพื้นท่ีศึกษา ความหมายของการมีส่วนรวม คือ การท่ีนักวิจัยเข้าไปแสดงตัวและร่วมดาเนินกิจกรรมร่วมกับ สถานการณ์ท่ีต้องการศึกษา เพ่ือหาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงจากพฤติการณ์เหล่านั้นๆ แต่ไม่ได้ให้หน่วย การศกึ ษาใดเขา้ ไปมีส่วนร่วมในการรวบรวมขอ้ เทจ็ จริง (ไชยวฒั น์ รุง่ เรอื งศรี, 2550: 209-213) การศึกษาภาคสนามอย่างมีส่วนร่วมเป็นงานศึกษาทางด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับงานศึกษาทางด้านภูมิศาสตร์ มักจะพิจารณาจากการมีส่วนร่วมและการแสดง ตัวตนของผศู้ ึกษาวิจยั เอง ประกอบไปด้วย 4 ประเภท ไดแ้ ก่ 8.7.1 การมีส่วนร่วมอย่างเต็มท่ี (complete participant) ผู้ศึกษาภาคสนามไม่มี ความจาเปน็ ท่จี ะต้องเปิดเผยตวั ตนหรือแม้กระทง่ั แจง้ วัตถุประสงค์การศึกษา รวมถึงการปฏิเสธตัวตน เพื่อให้กิจกรรมภาคสนามดาเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยที่ผู้ศึกษาน้ันจะต้องคลุกคลีใน พฤติกรรมและสถานการณ์เสมือนว่าเป็นสมาชิกในพื้นที่ศึกษานั้นๆ ข้อดีของการปิดบังตัวตนของผู้ ศึกษาวิจัยภาคสนาม คือ ทาให้ผู้ถูกศึกษาให้ข้อมูลโดยท่ีไม่เกิดความรู้สึกในแง่ลบและยังต้องให้ ความสาคัญกับการปฏิบัติตนและการเคารพสิทธิส่วนตัวของผู้ถูกศึกษาอีกด้วย มากกว่าน้ันยังช่วยให้ ได้มาซึ่งข้อมูลท่ีเป็นข้อเท็จจริงที่สุด เนื่องจากบางกรณีเม่ือมีการเปิดเผยตัวตนของผู้ศึกษาภาคสนาม แล้วกลุ่มผู้ศึกษาหรือกลุ่มตัวอย่างอาจจะให้ข้อมูลท่ีเกินความเป็นจริงหรือเหนือธรรมชาติของข้อมูล
337 บางกรณีเม่ือกลุ่มตัวอย่างทราบว่ามีการศึกษาวิจัยแล้วอาจจะปิดบังข้อมูลหรือปฏิเสธการเข้าถึงพื้นท่ี ศึกษา อีกกรณีหนึ่งที่มีความสาคัญมากในการศึกษาภาคสนามอย่างมีส่วนร่วม คือ ความรู้สึกผูกพันท่ี จะเกิดข้ึนกับผู้ศึกษาภาคสนามที่เข้าร่วมในกิจกรรม พฤติกรรมหรือพ้ืนท่ีศึกษาเป็นระยะเวลาที่ ยาวนานจะทาใหข้ าดความยุติธรรมในการศกึ ษาข้อมลู หรือมีความรสู้ ึกที่เอนเอยี งไปในทางใดทางหน่ึง เป็นตน้ 8.7.2 การเป็นผ้มู ีส่วนรว่ มในฐานะผู้สังเกตการณ์ (participant - as - observer) เป็น กระบวนการศึกษาท่ีจะช่วยลดประเด็นปัญหาเร่ืองข้อขัดแย้งทางด้านจริยธรรมที่อาจจะเกิดข้ึนได้ใน การศึกษาภาคสนาม มีความคล้ายคลึงกับการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ตรงท่ีต้องเข้าไปมีส่วนร่วมใน กิจกรรมหรือพื้นที่น้ันๆ แต่มีข้อแตกต่างตรงท่ีผู้ศึกษาวิจัยในภาคสนามจะต้องแสดงตัวและ วัตถุประสงค์ที่ชัดเจน การดาเนินการศึกษาของผู้ศึกษาวิจัยจะเป็นไปในลักษณะที่มีความถูกต้องและ ไมม่ ีความรสู้ ึกในแงล่ บ การศึกษาภาคสนามประเภทนม้ี ักจะมีข้อเสีย ได้แก่ ข้อมลู ทไ่ี ด้รับอาจจะมีการ บิดเบือนเพ่ือสร้างข้อมูลหรือสถานการณ์เพ่ือเอาใจผู้ศึกษาวิจัยภาคสนามรวมไปถึงการปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ศึกษารับรู้เน่ืองจากเป็นเหตุการณ์ท่ีผิดต่อลักษณะความเป็นไปทางด้านกฎหมายหรือเป็นการ ผิดต่อศลี ธรรมหรอื ความถูกตอ้ ง 8.7.3 การเปน็ ผูส้ ังเกตการณอ์ ย่างเตม็ ที่ (complete observer) คอื แนวทางการศึกษา ในภาคสนามประเภทหนึง่ ทีน่ ยิ มกนั โดยท่วั ไป กระบวนการศึกษาจะตรงกนั ขา้ มกบั การมีส่วนรว่ มอย่าง เต็มท่ี คือ ผู้ศึกษาวิจัยภาคสนามจะทาได้เพียงการสังเกตเท่าน้ันไม่สามารถสัมผัสกับกลุ่มพื้นท่ี เป้าหมายและไม่สามารถเปิดเผยตนเองหรือวัตถุประสงค์ที่จะทาการศึกษาแก่กลุ่มตัวอย่างได้ ซ่ึง กลุ่มเป้าหมายก็จะไม่มีการรับรู้ว่าถูกศึกษาอยู่ทาใหก้ ารศึกษาเป็นไปอย่างธรรมชาติที่สุดแต่การศึกษา ประเภทน้ีจะได้ข้อมูลท่ีมีความเป็นทั่วไป ขาดรายละเอียดในเชิงลึกเน่ืองจากไม่สามารถเข้าไปมีส่วน ร่วมอย่างแท้จริง 8.7.4 การเป็นผู้สังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วม (observer - as - participant) การศึกษาภาคสนามในลักษณะน้ีมีความคล้ายคลึงกับการเป็นผู้สังเกตการณ์อย่างเต็มที่แต่จาเป็นท่ี จะต้องแสดงตัวตนของผู้ศึกษา แจ้งวัตถุประสงค์ของการศึกษาให้กลุ่มรับทราบอีกด้วย แต่ไม่สามารถ เข้าไปมีส่วนร่วมในสถานการณ์หรือกลุ่มพ้ืนที่ชุมชนท่ีต้องการศึกษา รูปแบบของการศึกษาประเภทนี้ จะใช้เวลาศึกษาในพื้นท่ีน้อยจึงช่วยให้เกิดปัญหาความรสู้ ึกเอนเอียงหรือคล้อยตามไปกับชุมชนมีนอ้ ย แต่ดว้ ยระยะเวลาของการศึกษาท่ีน้อยน้ีเองที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหาในดา้ นความละเอียดของข้อมูลที่ ได้มีความละเอียดน้อยไม่เพียงพอในการวิเคราะห์ ตีความและสรุปผลข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ โดย ความผิดพลาดท่ีเกิดในการวิเคราะห์ข้อมูลจากภาคสนามอาจจะมาจากความรู้สึกของผู้ศึกษาวิจัยที่ ตอ้ งการให้งานศึกษาเป็นไปตามท่ีตนต้องการให้เป็น และกย็ ังมสี าเหตุอืน่ ๆอีกมากมายท่เี ป็นปญั หาใน งานศึกษาภาคสนาม อาทิ การติดต่อสื่อสารกันอย่างผิดเป้าประสงค์ ความเกรงใจในการสื่อสาร ระหว่างกัน ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร อาการหวาดระแวงของกลุ่มผู้ให้ข้อมูลท่ีขาดความคุ้นเคย
338 และความเข้าใจในผู้ศึกษาภาคสนามแต่ทั้งน้สี ามารถปรับปรุงตนเองได้ด้วยการฝกึ ทักษะในการศึกษา แบบมีสว่ นร่วมและเก็บรวบรวมข้อเท็จจริงให้มีมากขึ้น บทบาทการศึกษาในภาคสนามเหล่านี้ คือ การศึกษาหรือเก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีการ สอดส่อง คน้ หาหรือสืบค้นข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างโดยใชว้ ธิ ีการท่ีหลากหลาย ไดแ้ ก่ การตัง้ คาถาม การ เฝา้ สังเกตและการมสี ว่ นรว่ มในกลมุ่ ศึกษา เปน็ ตน้ ในการศกึ ษาภาคสนามทางด้านภูมิศาสตร์ก็มีความ จาเปน็ ท่ีจะตอ้ งใช้กระบวนการดงั ที่กล่าวมาน้ีในการศึกษาภาคสนามเพียงแค่การศึกษาเหล่าจะเน้นไป ที่แนวการศกึ ษาเชิงมนษุ ย์ วัฒนธรรม สังคม ประชากร เปน็ ต้น ท้งั น้ีหลกั การสงั เกตการณ์บางประเภท ก็มีความเหมาะสมในการศึกษาในด้านกายภาพ ภูมิประเทศ ลมฟ้าอากาศและส่ิงแวดล้อมได้ เชน่ เดียวกัน 8.8 จรยิ ธรรมในการศึกษาภาคสนามทางด้านภูมศิ าสตร์ จริยธรรมในการศึกษาภาคสนามเป็นแนวทางการศึกษาภาคสนามท่ีเป็นกระแสท่ีมีการให้ ความสาคัญกระแสหน่ึง โดยเฉพาะอย่างย่ิงการศึกษาวิจัยในมนุษย์ เนื่องจากมนุษย์คือสิ่งมีชีวิตท่ีมี ความรู้สึกท่ีละเอียดอ่อน เปราะบาง เพราะฉะน้ันการศึกษาข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นมนุษย์น้ัน จาเป็นท่ีจะต้องมีหลักการท่ีมีความเหมาะสมและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้และเก็บรวบรวม ขอ้ มลู ทีม่ คี วามถูกตอ้ งมากท่ีสุด จริยธรรมการวิจัย (research ethic) คือ การประพฤติปฏิบัติท่ีถูกต้องของนักวิจัยในการ ทาวจิ ยั (อัศวิน แสงพิกลุ , 2560) การให้ความสาคัญกับความถูกต้องดีงามของวิธีการมากกว่าผลที่ได้จากการใช้วิธกี ารนั้นและให้ ความสาคัญกับคุณธรรมและความสามารถของผู้ศึกษา โดยท่ีข้อมูลท่ีดีจะต้องได้มาจากวธิ ีและกระบวนการ ทีไ่ ม่ล้าเส้นทางจริยธรรม จรรยาบรรณและฝีมอื ของนกั วิจยั จงึ มีความสาคญั (ชาย โพธิสิตา, 2558) กระบวนการศึกษาที่เป็นระบบเพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ทางด้านสุขภาพหรือวิทยาศาสตร์ การแพทย์ที่ได้กระทาต่อร่างกายหรือจิตใจของอาสาสมัครในการวิจัยหรือท่ีได้กระทาต่อเซลล์ ส่วนประกอบของเซลล์ วสั ดุสงิ่ ส่งตรวจ เนอ้ื เย่อื น้าคัดหล่ัง สารพันธกุ รรม เวชระเบียนหรอื ขอ้ มลู ด้าน สุขภาพของอาสาสมัครในการวิจัยและให้หมายความรวมถึงการศึกษาทางสังคมศาสตร์ พฤติกรรม ศาสตร์และมนษุ ยศาสตร์ทเี่ กยี่ วกับสุขภาพ (ระบบบริหารจัดการงานวิจยั แห่งชาติ, 2560) จากแนวทางการศึกษาภาคสนามโดยอาศัยหลักจริยธรรมสามารถสรุปได้ว่า จริยธรรม การศึกษาภาคสนามทางด้านภูมิศาสตร์น้ันจะต้องให้ความสาคัญกับวิธีการมากกว่าความต้องการ ข้อมูลและคานึงถึงความรู้สึกนึกคิดและความรู้สึกพึงพอใจของผู้ท่ีให้ข้อมูลด้วย โดยการให้ข้อมูลและ ข้อเทจ็ จรงิ จะต้องเป็นไปดว้ ยความสมัครใจของผใู้ ห้ข้อมลู
339 หลักการทางด้านจริยธรรมในการศกึ ษาภาคสนาม 8.8.1 การเคารพในสิทธิของผู้ให้ข้อมูล การเคารพในสิทธิของผู้ให้ข้อมูลเป็นส่ิงที่ผู้ ศึกษาภาคสนามควรจะกระทาเป็นลาดับแรก ดังเช่นในกรณีของการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการ สัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมายที่มีความเปราะบางและอ่อนไหวทางสภาพจิตใจ กลุ่มเป้าหมายประเภทน้ี อาจจะให้ข้อมูลได้เป็นบางส่วนหรืออาจจะไม่สามารถให้ข้อมูลได้เลยรวมไปถึงในกรณีของการปฏิเสธ การให้ข้อมูล ในกรณีดังกล่าวนี้ผู้ศึกษาภาคสนามจะต้องยอมรับกรณีที่เกิดขึ้น ข้อมูลหรือข้อเท็จท่ีจะ ได้จากเป้าหมายจะไม่มีการบนั ทกึ ข้อมูลเกดิ ขึ้น 8.8.2 การให้ข้อมูลต้องไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ให้ข้อมูล การศึกษาภาคสนาม เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลในบางครั้ง ความกระตือรือร้นในการเก็บรวบรวมข้อมูลหรือสัมภาษณ์ของผู้ ศึกษาภาคสนามอาจจะมีมากเกินขอบเขตที่พึงกระทา จนกลายเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของ กล่มุ เป้าหมายหรือผู้ให้ข้อมูลโดยท่ีไม่รู้ตัว อาทิ การเขา้ ไปในบริเวณที่พักอาศัยก่อนไดร้ ับอนุญาต การ ถามข้อคาถามท่ีกระทบกระเทือนความรู้สึกและการแสดงท่าทางท่ีไม่เหมาะสมในเชิงลบขณะเก็บ รวบรวมข้อมูล การกระทาท่ีละเมิดความเป็นส่วนตัวนั้นจึงเป็นข้อห้ามที่ต้องระลึกอยู่เสมอ ทั้งน้ีผู้ที่มี ประสบการณ์ภาคสนามมากจะสามารถทาความเข้าใจในประเด็นข้อนี้และสามารถช้ีแนะและให้ คาแนะนาแก่ผฝู้ กึ หัดศึกษาภาคสนามได้ 8.8.3 ความซ่ือสัตย์ของข้อมูลท่ีได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูล ในการศึกษาวิเคราะห์ ข้อมูลที่ได้เก็บรวบรวมมาจากการออกพื้นท่ีภาคสนาม ผู้ศึกษาจะต้องมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายของ การศึกษาหลักและมีความคาดหวังร่วมด้วย แต่ในกรณีที่ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงท่ีได้มาน้ันไม่ตรงตาม ความต้องการหรือวัตถุประสงค์แล้ว ความรู้สึกนึกคิดของผู้ศึกษาในการวิเคราะห์ข้อมูลอาจจะต้องการ บิดเบือนหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้เป็นไปในลักษณะที่ผู้ศึกษาต้องการ การกระทาดังกล่าวน้ันผิดหลัก จรยิ ธรรมในด้านการศึกษาวิจัยเพราะการบดิ เบือนหรือเปล่ียนแปลงข้อมูลนนั้ จะทาให้งานศึกษาวิจัยชิ้น นัน้ มคี วามเป็นจริงน้อยลงและในบางกรณอี าจจะทาให้งานศกึ ษาและวจิ ัยกลายเปน็ งานท่ีไม่มีคณุ ภาพ 8.8.4 การเกบ็ รกั ษาข้อมูลเปน็ ความลับ เปน็ หลกั การทม่ี ีความสาคัญมากในกรณีที่กลุ่ม ผู้ให้ข้อมูลเป็นกลุ่มท่ีมีปัญหาทางด้านสุขภาพ กลุ่มที่ต้องเก็บรักษาผลประโยชน์ส่วนตัวและกลุ่มท่ีมี ความเปราะบางทางด้านสภาพจิตใจ โดยข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายนี้อาจจะประกอบไปด้วย ช่ือ-สกุล ของผู้ถูกสัมภาษณ์หรือช่ือ-สกุลของผู้ให้ข้อมูลในกรณีที่ผู้ใหส้ ัมภาษณ์ไม่สามารถให้ข้อมูลเองได้ เลขท่ี ตามทะเบียนบ้าน จานวนผู้อาศัยในครัวเรือน ลักษณะสุขภาวะท่ีปรากฏ ข้อมูลโรคระบาด ข้อมูลการ เกิด ตายและย้ายถ่ินในครัวเรือน เป็นต้น เนื่องการเก็บรวบรวมข้อมูลในลักษณะนี้มักจะใช้วิธีการ สัมภาษณ์ที่จะต้องให้ความระมัดระวังในการซักถามและเม่ือได้ฐานข้อมูลมาแล้วจะต้องปิดบังไม่ สามารถเปดิ เผยข้อมูลสว่ นท่เี ป็นความลับออกส่สู าธารณะได้
340 8.9 งานศกึ ษาภาคสนามทางด้านภมู ิศาสตร์ทมี่ คี วามสาคญั ในประเทศไทย ตัวอย่างของงานศึกษาภาคสนามท่ีมีความสาคัญในประเทศไทยมีเป็นจานวนมากเนื่องจาก ปัจจุบันนี้ชุมชนต่างๆในหลายภูมิภาคได้รับการส่งเสริมเพ่ือให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสามารถ พ่ึงพาตนเองได้ หน่วยงานของรัฐมีบทบาทอย่างมากในการมีส่วนร่วมในการพัฒนารวมไปถึง สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาด้วย ประโยชน์ท่ีเกิดข้ึนในชุมชนหรือพ้ืนท่ีเป้าหมายคือ ผลลัพธ์ หลักท่ีเกิดขึ้นและผลลัพธ์ลาดับรองลงมาคือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดทักษะและ ความสามารถในการสรา้ งการพัฒนาใหเ้ กดิ ข้นึ ในชุมชนหรือพ้ืนทีเ่ ป้าหมายได้ 8.9.1 กรณศี ึกษาภาคสนามชมุ ชนบ้านปากโสม-ลาภพู าน พนื้ ทศี่ ึกษาภาคสนามนตี้ ั้งอยู่ ทต่ี าบลผาตงั้ อาเภอสังคม จังหวดั หนองคาย บริบทเชิงพื้นที่ทางด้านภูมิศาสตร์ของพ้ืนที่คือ พ้ืนที่ภูมิประเทศท่ีตั้งอยู่กึ่งกลาง ระหว่างแม่น้าโขงในช่วงตอนกลางและพ้ืนท่ีหน้าผาท่ีเป็นแนวเทือกเขาย่อยของเทือกเขาภูเก้าและภู พานคาโดยท่ีระหว่างสองลักษณะภูมิประเทศนี้มีลักษณะภูมิประเทศเป็นท่ีราบแคบๆ ที่พบได้ท่ัวไป และยงั สามารถพบพนื้ ที่ลานตะพกั ลานา้ ขนาดใหญ่ทเ่ี ป็นพืน้ ท่ีทมี่ ีความสาคัญ ประเด็นท่ีท่ีทาการศึกษาภาคสนามคือ ลักษณะภูมิประเทศที่มีลักษณะเป็น เทือกเขายอดตัดท่ีเป็นลักษณะเดน่ ของภูมิภาคน้ี ลักษณะของภูมิลักษณ์ท่ีพบมากในพื้นที่น้ีคือหนา้ ผา ชัน (cliff) ท่ีเกิดจากการกัดกร่อนของน้ามาเป็นระยะเวลานาน และยังพบลักษณะภูมิลักษณ์แบบถ้า (cave) ที่แปลกแยกจากถ้าโดยท่ัวไปคือ เป็นถ้าหินทรายท่ีเกิดการการไหลของน้าทาให้เกิดเป็นห้อง แตล่ ะห้องจะมลี ักษณะท่ีเปน็ เอกลกั ษณร์ วมไปถงึ กุมภลกั ษณห์ รือหลมุ หม้อ (pot hole) ทเ่ี ปน็ ลกั ษณะ ภูมิประเทศท่ีเกิดจากการไหลวนของน้าในหินจนมีลักษณะเป็นหลุมท่ีมีลักษณะเป็นวงกลม ในพื้นที่ บริเวณริมฝ่ังแม่น้าโขงนั้นพบลักษณะภูมิประเทศที่มีความน่าสนใจ เช่น หาดทรายหรือเนินทราย (sand dune) มกั จะพบได้ทั่วไปในช่วงเวลาน้าลดหรือในชว่ งฤดูแล้งตั้งแตเ่ ดือนเมษายนไปจนถงึ เดือน มิถนุ ายนและเกาะแกง่ (rapids) ทีพ่ บไดใ้ นช่วงระยะเวลาเดียวกนั กบั หาดทราย สิ่งท่ผี ศู้ กึ ษาจะไดร้ ับจากการลงพื้นทภี่ าคสนาม ประกอบไปดว้ ย การศึกษาเรียนรู้ ลักษณะภมู ปิ ระเทศ ลกั ษณะทางธรณวี ิทยาและลักษณะภูมลิ ักษณ์ท่ีมีความหลากหลาย ลกั ษณะพ้ืนที่ ระหว่างหน้าผาและพนื้ ท่รี าบรมิ แมน่ า้ จะทาใหผ้ ศู้ ึกษาเข้าใจถงึ ลักษณะของการกัดกร่อนจากธรรมชาติ หน้าผาชันจะแสดงให้เห็นถึงลักษณะทางด้านธรณีวิทยาของช้ันหินประเภทต่างๆ ที่สามารถทาความ เขา้ ใจไดจ้ ากสีของหินทรายท่สี ะสมเป็นตัวชั้นและแสดงออกเปน็ สีต่างๆ เชน่ สีแดง สีน้าตาลและสีเทา สีของชั้นหินท่ีแสดงน้ีจะเป็นตัวช้ีวัดถึงประเภทของหิน และความละเอียดของเนื้อหินจะแสดงถึง ระยะเวลาในการสะสมตัว ลักษณะภูมิลักษณ์ท่ีพบท้ังถ้าและกุมลักษณ์นั้นจะทาให้เกิดความเข้าใจใน เชิงความเป็นมาของลักษณะภูมิประเทศที่ต้องอาศัยระยะเวลาท่ียาวนานในการก่อให้เกิดลักษณะ สภาพดังท่ีปรากฏ ในส่วนของพ้ืนที่ริมแม่น้าน้ันเป็นการศึกษาภาคสนามในเชิงภูมิประเทศที่แตกต่าง
341 กันกับท่ีได้กล่าวมา คือ ลักษณะประเภทน้ีจะไม่มีความม่ันคงถาวรเท่าประเภทแรกเน่ืองจากการกัด เซาะของน้าจะมีความรวดเร็วมากกว่า ท้ังนี้รายละเอียดที่ได้จากการศึกษาในภาคสนามนั้นจาเป็น จะต้องมีการสัมภาษณ์ผู้รู้หรือปราชญ์ในชุมชนที่มีความเข้าใจและมีความชานาญในลักษณะภูมิ ประเทศอย่างแทจ้ รงิ ภาพ 8.10 การศึกษาภาคสนามชมุ ชนบา้ นปากโสม-ลาภูพาน ที่มา: ผเู้ ขียน 8.9.2 กรณีศึกษาภาคสนามชุมชนบ้านลาดเจริญ พ้ืนท่ีศึกษาภาคสนามนี้ตั้งอยู่ที่ ตาบลนาแวง อาเภอเขมราฐ จงั หวัดอบุ ลราชธานี บริบทเชิงพื้นที่ทางด้านภูมิศาสตร์ของพื้นที่คือ เป็นลักษณะพื้นท่ีภูมิประเทศริม แม่น้าโขงทางตอนล่างที่มีลักษณะย้อนกลับมาเป็นแก่งหรือโขดหิน (Rapids) พื้นท่ีน้ีจึงมีจุดเด่นที่ ความเร็วในการไหลของแม่น้าและลักษณะของหน้าผาชันริมแม่น้าเป็นหลัก รวมไปถึงลักษณะของ กุมภลักษณ์รูปแบบต่างๆที่พบได้ในพ้ืนท่ีท่ีถูกเรียกว่า “สามพันโบก” บ้านลาดเจริญต้ังอยู่ตรงกันข้าม กบั เมอื งสองคอน แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว มกี ารตดิ ต่อค้าขายกัน อยู่เปน็ ประจา สนิ คา้ ส่งออกและนาเขา้ โดยมากเปน็ สินคา้ ท้องถิ่นท่ีมีมลู ค่าสูง ประเด็นที่ท่ีทาการศึกษาภาคสนามคือ ความสัมพันธ์ระหว่างระบบนิเวศ วิถี วัฒนธรรมและชุมชน ประเด็นทางด้านระบบนิเวศท่ีสมบูรณ์เป็นประเด็นท่ีเช่ือมโยงกันกับลักษณะ ทางด้านภูมิศาสตร์ อันได้แก่ ลักษณะทางด้านภูมิประเทศ ลักษณะทางด้านภูมิอากาศและลักษณะ ทางด้านชีวภาคที่มีความสมดุลซ่ึงกันและกัน ยกตัวอย่างเช่น การประมงจะต้องมีฤดูกาลในการ ประกอบการและพื้นท่ีที่จะทาการประมงน้ันจะต้องมีความจาเพาะเจาะจงทางด้านภูมิประเทศท่ีเป็น
342 เกาะแก่งขนาดใหญ่เท่าน้ันจึงจะมีความเหมาะสม ดังท่ีได้กล่าวมาจึงมีความสัมพันธ์กับวิถีวัฒนธรรม และชุมชน ที่เป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาแต่โบราณด้วยวิธีการบอกเล่าโดยที่ไม่มีการบันทึกไว้ รวม ไปถงึ การเล่อื นไหลทางวฒั นธรรม (cultural flow) ระหวา่ งประเทศไทยและสาธารณรฐั ประชาธิปไตย ประชาชนลาว ท่ีมีความใกล้เคียงกันทางด้านวิถีวัฒนธรรม ในด้านศาสนา ภาษา ความเป็นอยู่และ ความเชื่อประเพณี ประเด็นความน่าสนใจนี้เองท่ีทาให้พื้นที่เกิดความกระเต้ืองในการพัฒนาและจะ พัฒนาเปน็ เมอื งหลกั ในอนาคตเน่ืองจากจะเปน็ พนื้ ท่บี ริการของสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 6 (นา ตาล-สาละวนั ) สิ่งที่ผู้ศึกษาจะได้รับจากการลงพื้นท่ีภาคสนาม ประกอบไปด้วย การศึกษา ความสัมพันธ์ของระบบนิเวศ ในพื้นที่น้ีผู้ศึกษาภาคสนามจะได้สัมผัสกับภูมิลักษณ์เฉพาะแบบต่างๆที่ พบได้แห่งเดียวในประเทศไทย อาทิ หน้าผาชัน (cliff) ที่ติดกับแม่น้าโขง ภาพแกะสลักท่ีบันทึกความ เป็นไปทางด้านภมู ิศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ กุมภลักษณ์ (pot hole) รูปแบบต่างๆ โดยที่ลักษณะภมู ิ ประเทศเหล่าน้ีจะมีความเช่ือมโยงกันกับวิถีความอยู่ของชาวประมงในชุมชนและจึงพัฒนาต่อไปเป็น แหล่งท่องเท่ียวท่ียังไมเ่ คยมีการคน้ พบ (unseen) เมื่อมาพิจารณารว่ มกบั วิถวี ัฒนธรรมท้องถิ่นแล้ววิถี ชีวิตและกิจกรรมเหล่าน้ีคือ อัตลักษณ์ของชุมชนที่ควรค่าแก่การศึกษาและเรียนรู้เพ่ือท่ีจะอนุรักษ์ไว้ ไม่ให้สูญหายไป การศึกษาภาคสนามในพื้นท่ีนี้จึงมีความหลากหลายในมิติด้านเวลา วัฒนธรรมและ ความเป็นไปของชุมชนท่ียังคงมีขนบธรรมเนียมประเพณีแบบด้ังเดิมที่ผสมผสานระหว่างชาวไทยและ ชาวลาวอยู่ ภาพ 8.11 การศกึ ษาภาคสนามชุมชนบ้านลาดเจรญิ ทมี่ า: ผู้เขยี น
343 8.9.3 กรณีศกึ ษาภาคสนามชมุ ชนบ้านท่าระแนะ พื้นที่ศึกษาภาคสนามนี้ต้ังอยู่ที่ตาบล หนองคนั ทรง อาเภอเมอื งตราด จงั หวัดตราด บริบทเชิงพื้นที่ทางด้านภูมิศาสตร์ของพื้นท่ีคือ พ้ืนที่น้ีเป็นพ้ืนที่รอยต่อระหว่าง พ้ืนทภ่ี มู ิภาคและพน้ื ทีช่ ายฝ่งั ทะเลของภาคตะวนั ออก ภาคตะวนั ออกของประเทศไทยมักจะถูกมองว่า เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางด้านภูมิประเทศท้ังเทือกเขา ที่ราบและที่ราบชายฝั่งทะเลส่งผลให้ พื้นทน่ี ี้มคี วามเหมาะสมในการศกึ ษาภาคสนามทางดา้ นภมู ิศาสตร์ พนื้ ทป่ี ่าชายเลนของภาคตะวันออก นั้นเปรียบเสมือนแหลง่ อนบุ าลสัตว์น้าท่ีมีความสาคัญในด้านการศึกษาสาหรับผศู้ ึกษาภาคสนาม พืน้ ที่ ศึกษานี้นอกจากจากจะมีป่าชายเลนแล้วบางแห่งยังพบลักษณะภูมิประเทศแบบชายหาดที่มีลักษณะ เป็นหาดหินหรือหาดกรวดและยังมีบางพ้ืนที่ท่ีมีความสาคัญในด้านการอนุรักษ์และเพาะเลี้ยงประมง ชายฝง่ั ประเด็นท่ีท่ีทาการศึกษาภาคสนามคือ ระบบนิเวศชายฝ่ังทะเลและป่าชายเลนที่ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของชุมชน ความอุดมสมบูรณ์ของภาคตะวันออกนั้นส่วนใหญ่มักจะมา จากปา่ ชายเลนโดยเฉพาะอย่างย่ิงพืน้ ท่ีทีต่ ิดกับอ่าวตราดเชน่ ชมุ ชนบ้านทา่ ระแนะเป็นพื้นท่ีที่มีการทา ประมงชายฝั่งมากกว่าร้อยละ 70 นอกจากน้ันยังมีประเด็นด้านการอนุรักษ์ป่าชายเลนและพืช สมุนไพรท้องถิ่นบางชนิดเพ่ือให้เกิดเป็นกิจกรรมสาหรับการท่องเที่ยว เป็นต้น โดยท่ัวไปแล้วจังหวัด ริมชายทะเลมักจะเป็นที่เข้าใจว่ามีระบบเศรษฐกิจการค้าเพียงการประมงน้าเค็มเท่าน้ันแต่ในความ เป็นจริงน้ันในพื้นที่น้ีสามารถประยุกต์เอาการเกษตรกรรมเข้าใช้ร่วมกับกิจกรรมการศึกษาและ ปฏบิ ัตกิ ารได้อย่างลงตัว สิ่งท่ีผู้ศึกษาจะได้รับจากการลงพ้ืนท่ีภาคสนาม ประกอบไปด้วยการเรียนรู้ ภาคสนามในประเด็นของป่าชายเลนที่เป็นลักษณะของป่าท่ีมีความคล้ายคลึงกับป่าบุ่งป่าทามแต่ป่า ชายเลนคือลักษณะความแตกต่างของป่าในกรณีของน้าเค็มและน้ากร่อยท่ีเป็นการผสมผสานระหว่าง น้าจืดและน้าเค็ม ลักษณะท่ีสาคัญของป่าที่อยู่ในเขตน้ากร่อยคือ จะมีความอุดมสมบูรณ์ของระบบ นิเวศท้งั ในด้านของพชื พรรณและสัตว์นา้ ซ่ึงมีการพ่ึงพาอาศยั กันเปน็ วัฏจักร ความหลากหลายทางดา้ น ระบบนิเวศที่พบประกอบไปด้วยพืชพรรณเฉพาะป่าชายเลน เช่น แสม โกงกาง ลาพู ลาแพน เป็นตน้ ในส่วนของสิ่งมีชีวิตประเภทสัตว์ป่าในป่าชายเลน ประกอบได้ ลิงแสม ปูดา ปูแสม ปลาตีน เป็นต้น โดยกระบวนการทีผ่ ู้ศึกษาใช้ในการเรียนรู้ คือ การศึกษาแบบมสี ว่ นรว่ มกับชมุ ชนโดยที่ชมุ ชนจะแสดง วิถีชุมชน องคค์ วามรทู้ ่ีเปน็ อัตลักษณเ์ ฉพาะของพ้ืนท่ีศกึ ษานี้
344 ภาพ 8.12 การศึกษาภาคสนามชุมชนบ้านทา่ ระแนะ ท่มี า: ผเู้ ขียน 8.9.4 กรณีศึกษาภาคสนามชุมชนริมน้าจันทบูร พื้นท่ีศึกษาภาคสนามนี้ต้ังอยู่ท่ีอาเภอ เมอื งจนั ทบรุ ี จังหวดั จันทบุรี บริบทเชิงพื้นที่ทางด้านภูมิศาสตร์ของพ้ืนที่คือ เป็นพื้นท่ีชุมชนด้ังเดิมของเมือง เก่าที่มีลักษณะการต้ังถ่ินฐานริมแม่น้าจันทบุรี ประวัติความเป็นของชุมชนมีมานานกว่า 300 ปี มี ความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมและศาสนา มีพ้ืนที่ประมาณ 335,150.84 ตารางเมตรหรือ ประมาณ 209.4 ไร่ การเปล่ียนแปลงของเวลาทาให้ชุมชุนต้องมีการปรับตัวเพ่ือความสมดุล บริบท ของพื้นทจี่ ึงอาจกลา่ วไดว้ ่า เป็นชุมชนวัฒนธรรมดั้งเดมิ ท่ีตัง้ อย่ทู า่ มกลางเมืองในยุคสมยั โลกาภิวัตน์ ประเด็นที่ท่ีทาการศึกษาภาคสนามคือ ประเด็นด้านวิวัฒนาการทางด้าน วฒั นธรรมทมี่ ีความเช่ือมโยงกับลุ่มแม่น้า ซง่ึ เป็นพ้ืนที่ศึกษาที่พบได้น้อยในประเทศไทยขณะทีล่ ักษณะ เช่นนม้ี ีมากในกลุม่ ประเทศพฒั นาแลว้ ที่มักจะใหค้ วามสาคญั กบั การปรบั ปรุงและพฒั นาพนื้ ทชี่ ุมชนที่มี วิถีชีวิตด้ังเดิม บริบทของชุมชนนี้คือ การรักษาวิถีดั้งเดิมไว้ให้คงเดิมมากที่สุด พยายามให้มีการ ปรับเปล่ียนไปกับยุคสมัยใหน้ ้อยที่สดุ อาทิ อาคารสถานท่ี การตกแต่งลักษณะภูมิทัศน์ของชุมชนรวม ไปถึงวิถีชวี ิตความเปน็ อยู่ นอกจากนนั้ ยังมีประเด็นด้านการอยู่ร่วมกนั ของชุมชนในดา้ นศาสนาท่ีมีท้ัง ศาสนาคริสต์ ศาสนาพุทธและความเช่ือในเทพเจ้าของคนไทยเช้ือสายจีนในพื้นท่ีริมแม่น้าแห่งน้ี ประเด็นทางด้านวัฒนธรรมของเชื้อชาติต่าง ได้แก่ ชาวไทย ชาวญวนหรือชาวเวียดนามและชาวไทย เช้ือสายจีนก่อให้เกิดความลงตัวของชุมชนในด้านวิถีวัฒนธรรมร่วม โดยท้ังหมดที่ได้กล่าวมาน้ีคือ กระบวนพัฒนาชุมชนผา่ นระบบการท่องเทยี่ ว
345 สิ่งท่ีผู้ศึกษาจะได้รับจากการลงพ้ืนที่ภาคสนาม ประกอบไปด้วยการศึกษา ลักษณะการต้ังถิ่นฐานของชุมชนริมแม่น้าจันทบุรีร่วมกับบริบทการไหลของแม่น้าวัยชรา (old age stream) ที่มีความคดโค้งและมีความหลายหลายทางด้านภูมิลักษณ์ก่อนท่ีจะออกสู่อ่าวไทยผ่านการ ล่องเรือ ลักษณะการคงอยู่ของชุมชนโบราณท่ีต้ังอยู่ใจกลางเมืองที่มีการเปล่ียนแปลงการใช้ที่ดินใน ดา้ นของการอนุรักษแ์ ละความเขม้ แขง็ ของชุมชน การศกึ ษาการอย่รู ่วมกันของชมุ ทม่ี ีหลายศาสนาและ ความเช่ือทแ่ี ตกตา่ งกันคือ ลักษณะทีผ่ ู้ศึกษาภาคสนามจะต้องศกึ ษาเพ่ือทาความเข้าใจในเรอื่ งของการ ปรับตัวของมนุษย์ รวมไปถึงการศึกษาอัตลักษณ์ทางด้านวัฒนธรรมของชาวไทย ชาวไทยเช้ือสายจีน และชาวญวนด้ังเดิม ในด้านที่อยู่อาศัยท่ีมีลักษณะแบบร่วมสมัย คือ เป็นอาคารแบบยุโรปแต่มีการ ตกแต่งรูปแบบเมืองร้อนเพื่อความเหมาะสมกับลักษณะภูมิอากาศแบบร้อนชื้นของภาคตะวันอ อก ความเชื่อทางและลักษณะทางด้านศรัทธาและจิตวิญญาณท่ีพบในชุมชนก็มีความหลายเช่นเดียวกัน เนือ่ งจากมีวัดเกา่ แก่ ศาลเจ้าแบบความเช่ือของชาวจีนและโบสถ์คริสต์ ทใ่ี นแต่ละชว่ งเวลาตา่ งๆของปี ก็จะมกี ิจกรรมทางด้านศาสนาท่ีคนในชุมมีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมพร้อมกัน กจิ กรรมทง้ั หมดน้ันจะช่วยให้ ผู้ศึกษาภาคสนามได้เข้าไปศึกษาในพื้นที่แบบมีส่วนร่วมและช่วยให้เกิดประสบการณ์ร่วมกับชมุ ชนซึง่ จะสง่ ผลเกดิ เปน็ องคค์ วามรู้ต่อไปได้ ภาพ 8.13 การศกึ ษาภาคสนามชุมชนรมิ นา้ จันทบรู ที่มา: ผู้เขยี น
346 8.9.5 กรณศี ึกษาภาคสนามเพื่อศึกษาลักษณะภูมิประเทศและภมู ิลักษณ์เชิงวฒั นธรรม ภาคกลางสู่ภาคตะวันตก พ้ืนท่ีศึกษาภาคสนามนี้ประกอบไปด้วยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สพุ รรณบรุ ี กาญจนบุรี ราชบุรีและเพชรบุรี บริบทเชิงพ้ืนท่ีทางด้านภูมิศาสตร์ของพ้ืนที่ สามารถจาแนกออกได้เป็นสี่ส่วน หลักด้วยกันระหว่างการเดินทาง ประกอบไปด้วย ลักษณะภูมิประเทศแบบที่ราบสูงของภาค ตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงจังหวัดนครราชสีมา และช่วงรอยต่อจังหวัดสระบุรีที่เป็นเทือกเขาหินปูน ลักษณะภูมิประเทศแบบท่ีราบลุ่มแม่น้าสายหลักของประเทศไทยสามสาย คือ แม่น้าเจ้าพระยา แม่ น้าป่าสักและแม่น้าลพบุรี ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เป็นลักษณะพื้นที่ราบลุ่มดินตะกอนขนาด ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ลักษณะภูมิประเทศพ้ืนที่เทือกเขาสูงในจังหวัดกาญจนบุรีที่มีแม่น้าสาย หลักคือแม่น้าแควใหญ่และแม่น้าแควน้อยและรวมกันเป็นแม่น้าแม่กลองในพ้ืนที่ราบของจังหวัด ราชบุรี และลักษณะภูมิประเทศแบบชายฝั่งทะเลฝั่งอ่าวไทยหรือชายฝ่ังทะเลภาคตะวันออกท่ีมี ลักษณะเป็นชายฝ่งั ทะเลแบบยกตวั ประเด็นที่ที่ทาการศึกษาภาคสนามคือ ลักษณะภูมิประเทศท่ีมีความโดดเด่น ระหว่างสองภูมิภาค การศึกษาลักษณะภูมิประเทศในพื้นท่ีท่ีไม่เคยมีการศึกษามาก่อนเป็นประเด็น การศึกษาที่น่าสนใจเน่ืองจากการสัมผัสพื้นท่ีภาคสนามจะนาไปสู่การสร้างประสบการณ์และองค์ ความรู้แก่ตัวผู้ศึกษาเอง ลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะช่วยให้เกิดความเข้าใจ ในลักษณะเชิงพื้นที่ทีเ่ ป็นท่รี าบดนิ ตะกอนสะสมขนาดใหญ่ ลักษณะภูมปิ ระเทศของจงั หวัดกาญจนบุรี ท่ีเป็นที่ราบแคบๆหลังแนวเทือกเขาสูงของประเทศไทยและลักษณะภูมิประเทศแบบชายฝั่งทะเลใน จังหวัดเพชรบรุ ี ทีไ่ ด้กล่าวมาน้ีคือการศึกษาภาคสนามในดา้ นการสารวจลักษณะทางด้านกายภาพ แต่ ในการศึกษาภาคสนามนี้ยังสามารถศึกษาสารวจในเชิงประวัติศาสตร์ความเป็นมา ลักษณะเชิง ภูมิอากาศ ลักษณะทางด้านประชากรและชาติพันธ์ุรวมไปถึงลักษณะทางด้านวิถีชีวิตสังคมและ ขนบธรรมเนียมประเพณที ้องถิน่ ได้อีกด้วย ส่ิงท่ีผู้ศึกษาจะได้รับจากการลงพื้นท่ีภาคสนาม ประกอบไปด้วย การทาความ คว า มเ ข้า ใจ ลั กษณะกา ร เ ป ลี่ ย น แ ป ลง ทา ง ด้ า นภู มิป ระเ ทศใน รู ปแ บ บ ของ ภ า พตั ด ขวา ง เ ชิงพื้นที่ (Profile study) ท่ีมีลักษณะเป็นท่ีราบลุ่มสลับกับเทือกเขาสูง การศึกษาสารวจเชิงพื้นท่ีของสถานที่ สาคัญที่มีความสาคัญและสัมพันธ์ทางด้านภมู ิศาสตร์ อันได้แก่ ถนนสายเอเชียหรือถนนพหลโยธนิ ทม่ี ี ความสาคัญในการของระบบการคมนาคมขนส่งสายหลักเส้นหนึ่งของประเทศไทยที่นาความเจริญ ออกสู่ภูมิภาค สะพานข้ามแม่น้าแควที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มีความสาคัญในเชิงประวัติศาสตร์ ตลาด น้าดาเนินสะดวกท่ีเป็นอัตลักษณ์ช้ีวัดวัฒนธรรมของชุมชนด้ังเดิมที่จะต้องมีการพ่ึงพาและดารงชีวิต ร่วมกับสายน้าและพื้นท่ีชายฝ่ังทะเลภาคตะวันตกท่ีเปน็ เครื่องมือศึกษาในด้านทรพั ยากรการประมงท่ี
347 มีความอุดมสมบูรณ์ในอ่าวไทยที่เป็นแหล่งอาหารท่ีสาคัญสาหรับคนในประเทศและเป็นแหล่งจ้าง แรงงานทัง้ ชาวไทยและชาวตา่ งชาติ ภาพ 8.14 การศกึ ษาภาคสนามภาคกลางและภาคตะวนั ตก ท่ีมา: ผูเ้ ขยี น 8.9.6 กรณีศึกษาภาคสนามเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างแหลง่ อารยธรรมและพื้นท่ี ลมุ่ น้าในภาคเหนือ พืน้ ที่ศึกษาภาคสนามน้ีประกอบไปด้วยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยาและแพร่ เป็นตน้ บริบทเชิงพื้นท่ีทางด้านภูมิศาสตร์ของพ้ืนท่ีคือ เป็นพ้ืนที่ที่เป็นลักษณะเฉพาะที่ พบไดใ้ นภมู ภิ าคน้ีเทา่ นน้ั บรบิ ทในเชิงพ้นื ท่ีของภาคเหนือตามที่นักภูมศิ าสตร์ได้ศึกษาน้ันสามารถสรุป ไดว้ า่ มลี ักษณะเป็นเทือกเขาเขาสูงสลบั ซบั ซ้อนที่มีความเหมาะสมในการศึกษาทางด้านภูมศิ าสตร์และ ธรณีวิทยา ลักษณะทางด้านธรณีวทิ ยาในภูมิภาคน้ีประกอบไปด้วย หินปูน หินแกรนิตและหนิ ตะกอน หรอื หนิ ชนั้ เปน็ ตน้ โดยทีพ่ ื้นท่ีภาคเหนอื น้ันมีลักษณะภมู ปิ ระเทศเปน็ แนวเทอื กเขาเขาสูงวางตัวขนาน กับแม่น้าสายหลักสี่สาย ท่ีราบลุ่มหรือแอ่งท่ีมีแม่น้าไหลผ่านจะกลายเป็นพื้นท่ีตั้งถ่ินฐานของมนุษย์ใน ปัจจุบัน ในภาคเหนือมีแอ่งอยู่เป็นจานวนมากโดยที่แอ่งที่มีความสาคัญแห่งหนึ่งคือ แอ่งเชียงใหม่- ลาพูน แอง่ เชียงราย แอง่ ลาปาง แอง่ พะเยา แอง่ น่าน เป็นต้น
348 ประเด็นที่ท่ีทาการศึกษาภาคสนามคือ รูปแบบลักษณะภูมิประเทศและวิถี วัฒนธรรมเฉพาะถ่ินของภูมิภาคนี้ รูปแบบลักษณะภูมิประเทศของภาคเหนือน้ันมีลักษณะท่ีชัดเจน และตายตัวคือเป็นแนวเทือกเขาวางตัวในแนวทิศเหนือและทิศใต้ท้ังหมด เป็นการวางตัวในแนว เดียวกับการไหลของแมน่ ้าสี่สายที่สาคัญ คือ แม่นา้ ปิง แม่นา้ วงั แม่นา้ ยมและแม่น้าน่านทีร่ วมกันเป็น แม่น้าเจา้ พระยา ประเดน็ สาคัญคอื แอ่งทีร่ าบทม่ี ีการต้ังถนิ่ ฐานของประชากรที่เป็นพื้นทร่ี าบลมุ่ ขนาด แคบ ลักษณะของการต้ังถิ่นถ่ินฐานมักจะมีความสอดคล้องไปกับแหล่งน้าที่มีความสาคัญในการ ประกอบกิจกรรมในการดารงชีวิต เช่น แม่น้าปิงในจังหวัดเชียงใหม่ แม่น้าวังในจังหวัดลาปาง แม่น้า ยมในจังหวัดแพร่และแม่น้าน่านในจังหวัดน่าน เป็นต้น และประเด็นด้านวิถีวัฒนธรรมเฉพาะถ่ินที่ เรียกว่า “วิถีวัฒนธรรมล้านนา” ที่เป็นวิถีวัฒนธรรมเฉพาะท่ีพบได้ในภาคเหนือเท่านั้น สามารถ จาแนกไดเ้ ป็น วัฒนธรรมดา้ นภาษา วัฒนธรรมดา้ นอาหาร วฒั นธรรมดา้ นการแตง่ กายและวัฒนธรรม ด้านศิลปหตั ถกรรม ทม่ี อี ตั ลกั ษณท์ ดี่ ึงดดู และน่าสนใจ ส่ิงที่ผู้ศึกษาจะได้รับจากการลงพ้ืนท่ีภาคสนาม ประกอบไปด้วย การศึกษา ลักษณะภูมิประเทศแบบเทือกเขาสูงของประเทศไทยที่มีระดับความสูงจากระดับน้าทะเลไม่ต่ากว่า 1,000 เมตรท่ีมีความสัมพันธ์กับอุณหภูมิในประเด็นที่ว่าอุณหภูมิจะลดลง 6.5 องศาเซลเซียส ทุกๆ ระดับความสูง 1 กิโลเมตร เมื่อข้ึนไปที่ระดับความสูงมากจะสามารถสัมผัสได้ถึงระดับอุณหภูมิท่ีเย็น ลงและระดับความกดอากาศที่ลดลงทาให้หายใจได้ยากลาบากมากขึ้น เป็นประสบการณ์ที่สามารถ สรา้ งข้ึนได้หากเกิดจากการเข้าถงึ ในพืน้ ทศ่ี ึกษาจริง การศกึ ษาระบบลานา้ ทีส่ ามารถสังเกตได้ตั้งแต่ต้น กาเนดิ ของแมน่ ้าไปจนถงึ การไหลของน้าในแม่น้าช่วงระดบั กลางและยงั สามารถศกึ ษาระบบภมู ิลักษณ์ ทวั่ ไปท่เี กิดขน้ึ ในชว่ งแม่น้าวยั เยาว์ (youth age stream) ซงึ่ ประกอบไปดว้ ย ถา้ น้าตก แกง่ หิน โตรก ธารหรือออบ เป็นต้น ในด้านการศึกษาภาคสนามเชิงมนุษย์และวัฒนธรรมพบว่า ภาคเหนือมีความ หลากหลายทางด้านวัฒนธรรมและความเช่ือ ประกอบไปด้วย วัฒนธรรมด้านภาษาท่ีมีสาเนียงเฉพาะ การพูดจาท่ีไพเราะอ่อนหวาน เนิบช้า เป็นอัตลักษณ์ที่ไม่สามารถพบได้ในภูมิภาคใดในประเทศไทย วัฒนธรรมด้านอาหารของภูมิภาคนี้ได้รับอิทธพิ ลจากประเทศเมียนมาร์และกลุ่มชาติพันธ์ุไทยใหญท่ า ให้เกิดการผสมผสานทางด้านวัฒนธรรมอาหารท่ีเหมาะสมกับลักษณะทางด้านภูมิอากาศท่ีมีความ หนาวเย็นในภาคเหนือของประเทศไทย วัฒนธรรมด้านการแต่งกายที่ได้รับอิทธิพลมาจากสอง วัฒนธรรมหลักๆในอดีตทางตอนเหนือของประเทศไทย ได้แก่ วัฒนธรรมของชาวเมียนมาร์และชาว ลาวทาให้มีการผสมผสานที่ลงตัวและงดงามแต่มีเอกลักษณ์ของตนเองรวมไปถึงวัฒนธรรมด้าน ศิลปหัตถกรรมที่มีการแบ่งสัดส่วนของชุมชนหรือหมู่บ้านของช่างฝีมือประเภทต่างๆ ในจังหวัด เชียงใหม่ เช่น หมู่บ้านช่างเค่ียนท่ีมีเอกลักษณ์ในด้านการแกะสลัก หมู่บ้านช่างฆ้องที่มีเอกลักษณ์ใน ทางการทาเคร่ืองดนตรนี าฏศลิ ป์ หม่บู ้านวัวลายทมี่ ีเอกลักษณ์ในด้านการทาเคร่ืองเงิน ชมุ ชนบอ่ สร้าง ที่มีความชานาญในการทาร่มกระดาษสาและชุมชนบ้านถวายท่ีมีทักษะในการแกะสลักไม้เป็นรูปภาพ
349 นูนต่า ลักษณะท่ีได้กล่าวมาท้ังหมดนี้สามารถทาการศึกษาภาคสนามได้ท้ังโดยวิธีการสังเกตแบบมี สว่ นร่วมและการสงั เกตอย่างไม่มสี ่วนรว่ มกไ็ ด้ ภาพ 8.15 การศกึ ษาภาคสนามในภาคเหนอื ที่มา: ผู้เขยี น 8.9.7 กรณีศึกษาภาคสนามเพ่ือศึกษาลักษณะของภูมิประเทศบนพื้นราบและพื้นท่ี ชายฝั่งของภาคใต้ พ้นื ทีศ่ ึกษาภาคสนามนตี้ ัง้ อยูท่ จ่ี งั หวดั กระบี่ บริบทเชิงพ้ืนที่ทางด้านภูมิศาสตร์ของพื้นที่คือ เป็นจังหวัดชายทะเลในภาคใต้ ของประเทศไทย ตั้งอยู่ติดกับชายฝ่ังทะเลอันดามันหรือชายฝ่ังทะเลภาคตะวันตกของประเทศไทย ชายฝั่งทะเลภาคตะวันตกของประเทศไทยมีลักษณะท่ีเป็นชายฝั่งแบบยุบตัวทาให้เกิดลักษณะภูมิ ประเทศท่ีมีความแตกต่างและน่าสนใจในการศึกษาภาคสนาม ลักษณะชายฝ่ังแบบยุบตัวนี้เองทาให้ เกิดลักษณะภูมิประเทศแบบหน้าผาชนั ชายฝัง่ ทะเลทีไ่ ม่มีหาดทรายหรือมีน้อยและส่งผลให้น้าทะเลมี สีครามเหมาะสมแก่การท่องเที่ยวประเภทการดาน้าประเภทต่างเพ่ือศึกษาลักษณะระบบนิเวศ ปะการงั ชายฝงั่ หรอื ตามหมเู่ กาะต่างๆ ประเด็นที่ได้ทาการศึกษาภาคสนามคือ ลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาที่ สามารถพบได้ตั้งแต่ผ่านประตูสู่ภาคใต้คือ จังหวัดชุมพร เป็นต้นมา แนวเทือกเขาสูงน้ีเป็นส่วนหนึ่ง ของเทือกเขาตะนาวศรีมาจนถึงเทือกเขาภูเก็ต ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นหินปูนมีถ้ามากมาย ลักษณะ ชายฝ่ังทะเลที่มีความโดดเด่นในด้านการท่องเท่ียวส่งผลให้เกิดการทะลักเข้ามาของนักท่องเท่ียวท้ัง ไทยและต่างชาติ ประเด็นที่สาคัญท่ีสุดในการศึกษาภาคสนาม คือ ความหลากหลายทางด้านระบบ นิเวศใต้ทะเลที่มีการอนุรักษ์ไว้เพ่ือศึกษาและวิจัย ในพื้นที่หลายเกาะของจังหวัดกระบ่ี ได้แก่ เกาะ
350 กระดาน เกาะปอดะ เกาะไก่ เกาะทับ เกาะผักเบี้ยและหมู่เกาะห้อง เป็นต้น ความสาคัญของระบบ นิเวศใต้ทะเลจะทาให้ผู้ศึกษาภาคสนามสามารถวิเคราะห์ได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ประเทศไทยและบางกรณีศึกษาสามารถวิเคราะห์และพยากรณ์ถึงความเป็นไปของระดับความวิกฤติ ด้านสงิ่ แวดล้อมใตท้ อ้ งทะเลในอนาคตได้ ส่ิงที่ผู้ศึกษาจะได้รับจากการลงพื้นที่ภาคสนาม ประกอบไปด้วยการศึกษา ลกั ษณะภมู ิประเทศของภาคใต้ทมี่ ีความคลา้ ยคลงึ กบั ลักษณะภูมปิ ระเทศในภาคตะวันตกแต่มปี ระเด็น ในการเปรียบเทียบของทั้งสองภูมิภาค ที่ไม่จาเป็นจะต้องศึกษาอย่างละเอียดก็สามารถทาการ เปรียบเทียบได้ในประเด็นด้านระดับความสูงและประเภทของหินต้นกาเนิดเป็นต้น ด้านการศึกษา ระบบนเิ วศนใ์ ตท้ ะเลในภาคใตข้ องประเทศไทยเป็นประสบการณท์ ่หี าได้ยากเนื่องจากการศึกษาระบบ นิเวศใต้ทะเลน้ันจะต้องเลือกศึกษาแหล่งท่ีมีความอุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริงและมีความหลากหลาย ทางชีวนิเวศที่ในปัจจุบันหลงเหลือค่อนข้างน้อย การศึกษาภาคสนามในภาคใต้จึงมีลักษณะคล้ายกับ การศึกษาท่องเท่ียวแต่ในเชิงภูมิศาสตร์แล้วการสรุปข้อมูลการศึกษาระบบนิเวศใต้ท้องทะเลเป็น ประเด็นการศึกษาท่ีต้องให้ความสาคัญกับรายละเอียดมากกว่าการศึกษาระบบนิเวศในพื้นราบ ประกอบกับปัญหาข้อจากัดทางด้านสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ศึกษาท่ีจะต้องมีความพร้อมในการ ลงพน้ื ทีศ่ กึ ษาจริงในระยะไม่ต่ากว่า 1 ช่วั โมงต่อครั้ง ภาพ 8.16 การศึกษาภาคสนามจงั หวดั กระบ่ี ท่มี า: สุจิตรา ศรีลิมปนนท์ (2551)
351 8.10 ประโยชน์ของการศกึ ษาภาคสนามทางดา้ นภมู ิศาสตร์ การศึกษาภาคสนามทางด้านภูมิศาสตร์มีคุณลักษณะที่เป็นประโยชน์ในงานศึกษาวิจัย ทางด้านมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ เนื่องจากความสาคัญของการศึกษาภาคสนามจะสง่ ผลให้เกิด ความสมบรู ณแ์ บบในการสร้างสรรค์ผลงานศึกษาและวิจัยเชงิ สังคม 8.10.1 เพ่ือทาความเข้าใจบริบทเชิงพ้ืนท่ีที่ได้ทาการศึกษา การศึกษาภูมิศาสตร์คือ การศึกษาความสัมพันธร์ ะหวา่ งสังคมมนุษย์และพื้นที่ ข้อมูลดังท่ีกล่าวมานี้จะได้มาด้วยการศึกษาจริง ในภาคสนาม บริบทของพ้ืนท่ีน้ันๆจะถูกเปิดเผยออกมาสู่ผู้ศึกษาภาคสนามผ่านกระบวนต่างๆ เช่น การสัมผัสด้วยตา การรับรู้ด้วยการฟังและเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ โดยกระบวนการท้ังหมดน้ีจะมี กลมุ่ ผถู้ กู ศกึ ษาหรือชมุ ชนเปน็ ผชู้ นี้ า 8.10.2 เพ่ือศึกษาความกระจ่างในเชิงพื้นท่ีท่ีได้ทาการศึกษา ความกระจ่างคือ ความรู้ ชดั และลกึ ซึ้งในพื้นทีเ่ ปา้ หมายหรอื พน้ื ท่ีที่ต้องการศกึ ษา การศึกษาภาคสนามเพียงครงั้ หรอื สองคร้ังไม่ สามารถสร้างความกระจ่างในข้อเท็จจริงได้ การศึกษาภาคสนามจะต้องมีการสร้างความคุ้นเคยจน สามารถเปรียบได้กับบ้านของตนเอง ซ่ึงเป็นประเด็นที่พบน้อยมากในวงการการศึกษาภาคสนามใน ปจั จุบัน 8.10.3 เพื่อให้เกิดทัศนคติท่ีดีระหว่างพ้ืนที่และผู้ศึกษาภาคสนาม ทัศนคติคือ ความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ที่มีต่อกิจกรรมหรือการปฏิบัติน้ันๆ โดยปกติแล้วผู้ศึกษาภาคสนามมักจะ คานึงถึงความยากลาบาก พื้นทศ่ี ึกษามคี วามทุรกันดารรวมไปถึงการดารงชีวิตที่ไมส่ ะดวกสบายนกั ใน ส่วนของกลุ่มชุมชนจะมีมุมมองเก่ียวกับผู้ศึกษาวา่ มาจากหน่วยงานของรัฐมาเพ่ือผลประโยชน์ของตน และไม่ได้สนใจการพัฒนาของพ้ืนท่ีหรือชุมชนนั้นๆ ด้วยเหตุผลดังกล่าวนั้นการศึกษาภาคสนามท่ีถูก ลักษณะกระบวนการจะช่วยให้เกิดทัศนคติและความสมั พันธท์ ี่ดีท้ังในกลุ่มผูศ้ ึกษาภาคสนามและกลุ่ม ชุมชนเปา้ หมาย 8.10.4 เพื่อให้เกิดการฝึกปฏิบัติการในการศึกษาภาคสนาม การฝึกปฏิบัติการ ภาคสนามเปน็ กระบวนการศกึ ษาท่ีการศึกษาในระดับอดุ มศกึ ษาต้องใหค้ วามสาคญั และสนบั สนุน การ ฝึกปฏิบัติการเป็นประจาจะทาให้เกิดทักษะ เมื่อเกิดทักษะแล้วจะเกิดการสะสมฐานความรู้และ ข้อเทจ็ จริงจนกลายเปน็ ประสบการณ์ ความสาคัญของทกั ษะและประสบการณจ์ ะมีความสาคัญในการ ปฏิบัติงานในภาคสนามจริง การประเมินศักยภาพของนักภูมิศาสตร์มักจะประเมินจากศักยภาพ 2 ดา้ น คือ ทกั ษะในการวเิ คราะห์เชงิ พ้ืนทแ่ี ละประสบการณใ์ นการศึกษาภาคสนาม 8.10.5 เพ่ือให้เกิดพัฒนาการขององค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาภาคสนามไปเป็นงาน ศึกษาวิจัยเพ่ือการพัฒนาท่ีเป็นสิ่งที่วงการการศึกษากาลังขาดแคลน ในปัจจุบันงานศึกษาวิจัยมักเปน็ การรายงานผลหรือศึกษาความเป็นไปในบริบทต่างๆ แต่การศึกษาวิจัยที่ส่งผลให้พ้ืนท่ีมีการพัฒนายงั
352 มีในวงจากัดโดยเฉพาะการนาเอาข้อมูลที่ได้จากการศึกษาภาคสนามมา วิเคราะห์ให้กลายเป็นองค์ ความรูห้ รอื ขอ้ เท็จจรงิ ทสี่ ามารถพิสจู น์และนาไปสรา้ งเป็นองค์ความรใู้ หม่ได้ 8.11 ปญั หาในการศึกษาภาคสนามทางดา้ นภูมิศาสตร์ แมว้ า่ การศึกษาภาคสนามทางด้านภมู ิศาสตร์จะมปี ระโยชนใ์ นการสร้างองค์ความรู้ใหม่และ การศึกษาวิจัยเพ่ือพัฒนาหรือแม้กระท่ังการปรับปรุงข้อมูลให้มีความทันสมัยก็ตาม ในบางกรณีน้ัน การศกึ ษาภาคสนามก็อาจมีปญั หาหรือผลเสียทีผ่ ู้ศึกษาพึงระวังไม่ใหเ้ กดิ ขนึ้ ระหว่างดาเนินการ ปญั หา หรือขอ้ เสยี ระหวา่ งการศกึ ษาภาคสนามประกอบไปดว้ ย 8.11.1 ความเอ้ืออานวยทางดา้ นพื้นท่ีภาคสนาม ในการศกึ ษาภาคสนามนัน้ บางพื้นท่ีมี ความเหมาะสมในการศึกษาแต่ในบางพ้ืนท่ีที่ยังไม่เคยมีการสารวจหรือค้นพบนั้นอาจะมีความเสี่ยง และเป็นอนั ตรายได้ ยกตวั อย่างเชน่ พน้ื ทรี่ อยตอ่ ชายแดน พืน้ ท่ีป่าดงดบิ และเขตหวงห้ามท่ีไม่อนุญาต ใหเ้ ขา้ ศึกษาขอ้ มูล 8.11.2 ค่าใช้จ่ายในการออกศึกษาภาคสนาม เนื่องมาจากสภาวะทางด้านเศรษฐกิจท่ี ค่าครองชีพเพ่ิมสูงมากข้ึน ค่าใช้จ่ายในการออกศึกษาภาคสนามก็จะเพ่ิมตามไปด้วยเร่ิมตั้งแต่ ค่าใช้จ่ายในระดับใหญ่ เช่น ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าสถานที่ ไปจนถึงค่าอุปกรณ์ประกอบที่มีความ จาเปน็ และไมอ่ าจจะขาดได้โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในการฝึกปฏบิ ัติการภาคสนาม 8.11.3 ความนา่ เชื่อถือของข้อมลู ทเ่ี ก็บรวบรวมมาได้ ในการศึกษาภาคสนามข้อมูลท่ีผู้ ศึกษาเก็บรวบรวมมาได้อาจจะมีความน่าเชื่อถือน้อยหรืออาจจะไม่น่าถือเลยในวงการวิชาการ อาจ เกิดขึ้นไดใ้ นกรณขี องการศกึ ษาภาคสนามในงานมนุษย์ สังคม วฒั นธรรมหรอื ชีวติ ความเป็นอยู่ที่ขอ้ มูล บางอย่างอาจจะขดั ต่อหลกั การทางด้านวิทยาศาสตร์และไม่สามารถพสิ ูจน์ได้ 8.11.4 ความสมเหตุสมผลของข้อมูลที่ได้จากการศึกษาภาคสนาม เป็นข้ันตอนท่ีเกิด จากผู้ศึกษาภาคสนามว่าจะมีทักษะและความสามารถในการสร้างเคร่ืองมือเก็บรวบรวมข้อมูลท่ีมี ประสิทธิภาพและสร้างเง่ือนไขท่ีจะวิเคราะห์ข้อมูลท่ีได้มาอย่างไรให้เกิดเป็นองค์ความรู้ต่อไปใน อนาคต 8.11.5 ผลลัพธ์ที่ได้จากการศึกษาเป็นเพียงข้อเสนอแนะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ดงั ทไี่ ดก้ ล่าวไว้ในประโยชน์ของการศึกษาวิจัยภาคสนาม งานเกบ็ รวบรวมข้อมูลเพื่อการศึกษาวิจัยทุก โครงการไม่ได้มีการรับรองว่าข้อมูลท่ีได้มาจะสามารถนาไปใช้งานได้ท้ังหมด ทั้งน้ีขึ้นอยู่กับศักยภาพ ของผู้ทาการวิเคราะห์ข้อมูลว่าจะสามารถนาข้อมูลมาใช้ให้เกิดผลในการพัฒนาอย่างไรให้มี ประสิทธิภาพมากทส่ี ุด
353 8.12 บทสรุป ประเด็นการศึกษาภาคสนามเป็นประเด็นสาคัญในการศึกษาในด้าน มนุษยศาสตร์แล ะ สังคมศาสตร์เน่ืองจากเปน็ การศึกษาทตี่ ้องใชข้ ้อมูลทเี่ ปน็ ข้อเท็จจรงิ ท่ีหาไดจ้ ากการศึกษาในภาคสนาม เท่าน้ัน การศึกษาภาคสนามจึงเคร่ืองมือท่ีมีความสาคัญท่ีผู้ศึกษาและปฏิบัติการภาคสนามจะต้องให้ ความสาคัญ การศึกษาภาคสนามในเชิงภูมิศาสตร์เป็นการดาเนินกระบวนการโดยอาศัยหลักการ เดียวกันกับการศึกษาภาคสนามในด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ แต่เป็นการที่ศึกษาท่ีมุ่ง ประเด็นไปที่ข้อเท็จจริงที่ต้องการศึกษาเป็นหลักและข้อเท็จจริงเหล่านั้นมักจะเป็นข้อมูลทางด้าน ลกั ษณะกายภาพเปน็ หลักและของลกั ษณะทางดา้ นสังคมวัฒนธรรมรองลงมา ประเภทของการศึกษาภาคสนามทางด้านภูมิศาสตร์ ที่ก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ประกอบ ไปด้วยการศึกษา 5 แนวทาง ได้แก่ การศึกษาภาคสนามในเชิงกายภาพและสิ่งแวดล้อม การศึกษา ภาคสนามในเชิงมนุษย์และประชากร การศึกษาภาคสนามในเชิงสังคมและวัฒนธรรม การศึกษา ภาคสนามในเชิงสุขภาพและสาธารณสุขและการศึกษาภาคสนามในเชิงภูมิสารสนเทศ โดยที่แนวทาง ท้ังหมดที่ได้กล่าวมาน้ีมีความสาคัญทุกแนวทางเน่ืองจากการศึกษาภาคสนามทางด้านภูมิศาสตร์จะ ช่วยเตมิ เต็มข้อเทจ็ จริงและองคค์ วามรู้ที่ไมส่ ามารถคน้ พบและรบั รู้ได้การการศกึ ษาภาคทฤษฎี ความสาคัญของการศึกษาภาคสนามทางด้านภูมิศาสตร์ เปรียบเสมือนวัตถุประสงค์ของ การศึกษาภาคสนามท่ีก่อให้เกิดประโยชน์ท้ังในด้านวิชาการและในด้านวิชาชีพ ประกอบไปด้วย 5 ประเภท ได้แก่ การศึกษาภาคสนามเพ่ือการสารวจ การศึกษาภาคสนามเพ่ือการปรับปรุงฐานข้อมูล การศึกษาภาคสนามเพ่ือการศึกษาวิจัย การศึกษาภาคสนามเพื่อการพัฒนาพ้ืนที่เป้าหมายและชุมชน และการศึกษาภาคสนามเพื่อการฝึกปฏิบัติการในการเรียนการสอน วัตถุประสงค์ของการศึกษา ภาคสนามท้ัง 5 ประเภท คือ กระบวนการปฏิบัติที่นักภูมิศาสตร์ที่มีศักยภาพจะต้องสามารถกระทา ทาได้ผ่านทักษะและประสบการณ์ที่สะสมมาเพ่ือท่ีจะสามารถนาไปใช้ได้จริงในกรณีที่จาเป็นต้อง การศึกษาภาคสนาม กระบวนการในการศึกษาภาคสนาม ประกอบไปด้วยวิถีทางท่ีสาคัญหลัก 5 ขั้นตอน คือ การสังเกตการณ์ การใช้แบบสอบถาม การสัมภาษณ์ การบันทึกข้อมูลภาคสนามและการศึกษา ภาคสนามด้วยเทคโนโลยี ทั้งห้ากระบวนการน้ีคือ กระบวนการมาตรฐานในการศึกษาภาคสนาม เพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งข้อมูล โดยท่ีแต่ละกระบวนการน้ันจะต้องปฏิเสธอย่างระมัดระวังเนื่องจาก กระบวนการที่ได้กล่าวมามีรายละเอียดที่ผู้ศึกษาต้องทาความเข้าใจให้ถ่องแท้ก่อนเข้าสู่การฝกึ ปฏิบตั ิ จริง เทคนิควิธกี ารในการศึกษาภาคสนาม คอื แนวทางการได้มาซึ่งข้อเทจ็ จรงิ ท่จี าเปน็ จะต้องมี เคล็ดลับบางประการในการสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ให้ข้อมูลหรือกลุ่มเป้าหมาย ประกอบไปด้วย
354 การแตง่ กาย กิริยามารยาท การใชแ้ บบนาสมั ภาษณ์เพ่ือช้ีนา ประเด็นท่ีไดจ้ ากคาถามปลายเปดิ โดยที่ เทคนิควิธีการเหล่านส้ี ามารถฝกึ ฝนได้โดยทีม่ ผี ูศ้ กึ ษาภาคสนามท่มี ีประสบการณ์คอยใหค้ าแนะนา หลักการศึกษาภาคสนาม คือ ขั้นตอนในการวางแผนเพื่อท่ีจะเข้าสู้ชุมชนหรือพ้ืนที่ศึกษา การศึกษาภาคสนามที่ดีจะต้องมีการวางแผนท่ีดีเพื่อลดข้อจากัดในการออกศึกษา ทั้งในประเด็นด้าน ค่าใช้จ่ายและระยะเวลาซึ่งมีขั้นตอนท้ังสิ้น 6 ขั้นตอน คือ การศึกษาบริบทของพ้ืนท่ีในการออกศึกษา ภาคสนาม การวางแผนการศึกษาและเตรียมพร้อมในการออกศึกษาภาคสนาม การสร้างความมีส่วน ร่วมระหว่างผู้ศึกษาและผู้ถูกศึกษาในการออกศึกษาภาคสนาม การลงพ้ืนท่ีจริงในการออกศึกษา ภาคสนาม การสรุปและประมวลผลการออกศึกษาภาคสนามและการวิเคราะห์องค์ความรู้ที่ได้จาก การศึกษาภาคสนาม ขั้นตอนทั้งหมดจะต้องดาเนินไปเพ่ือให้การศึกษาเป็นไปอย่างมีระบบหากมีการ ข้ามข้ันตอนอาจทาให้ข้อมูลเกดิ ความผดิ พลาดทสี่ ง่ ผลให้เกดิ การศกึ ษาภาคสนามใหม่อีกครั้ง บทบาทของผู้ศึกษางานศึกษาภาคสนาม เป็นแนวทางในการปฏิบัติและการสานึกถึง บทบาทหน้าที่ของผู้ศึกษาให้มีความเหมาะสมกับชุมชนหรือพื้นท่ีเป้าหมาย ซ่ึงประกอบไปด้วย การมี สว่ นร่วมอยา่ งเต็มที่ การเปน็ ผมู้ สี ่วนรว่ มในฐานะผสู้ ังเกตการณ์ การเปน็ ผ้สู ังเกตการณ์อย่างเต็มที่และ การเปน็ ผูส้ ังเกตการณอ์ ยา่ งมสี ว่ นรว่ ม จริยธรรมในการศึกษาภาคสนามทางด้านภูมิศาสตร์ คือหลักแนวทางที่ผู้ศึกษาภาคสนาม จะต้องให้ความสาคัญ เนื่องจากมีความละเอียดอ่อนและให้ความสาคัญกับความรู้สึกที่เปราะบางของ ผู้ให้ข้อมูล โดยท่ีหลักการทางด้านจริยธรรมประกอบไปด้วยการเคารพในสิทธิของผู้ให้ข้อมูล การให้ ข้อมูลต้องไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ให้ข้อมูล ความซ่ือสัตย์ของข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวม ข้อมลู และการเก็บรกั ษาขอ้ มูลเป็นความลับ เป็นตน้ งานศึกษาภาคสนามทางด้านภมู ิศาสตร์ท่ีมีความสาคัญในประเทศไทย เป็นการยกตัวอยา่ ง กรณีศึกษาท่ีมีความสาคัญและเป็นประเด็นท่ีควรให้ความสนใจเนื่องจากเป็นประเด็นการศึกษา ทางด้านภูมิศาสตร์ในแง่มุมต่างๆ ประกอบไปด้วย กรณีศึกษาภาคสนามชุมชนบ้านปากโสมและลาภู พาน กรณีศึกษาภาคสนามชุมชนบ้านลาดเจริญ กรณีศึกษาภาคสนามชุมชนบ้านท่าระแนะ กรณีศึกษาภาคสนามชุมชนริมน้าจันทบูร กรณีศึกษาภาคสนามเพื่อศึกษาลักษณะภูมิประเทศและภมู ิ ลักษณ์เชิงวัฒนธรรมภาคกลางสู่ภาคตะวันตก กรณีศึกษาภาคสนามเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง แหล่งอารยธรรมและพื้นท่ีลุ่มน้าในภาคเหนือและกรณีศึกษาภาคสนามเพ่ือศึกษาลักษณะของภูมิ ประเทศบนพน้ื ราบและพื้นทช่ี ายฝ่ังของภาคใต้ กรณศี กึ ษาจงั หวัดกระบ่ี กรณศี กึ ษาทีไ่ ดย้ กตัวอย่างมา น้ีแสดงให้เห็นถงึ ประเด็นการศกึ ษาภาคสนามในแต่ละภูมภิ าคของประเทศไทยท่สี ามารถทาใหผ้ ู้ศึกษา ภาคสนามเกิดแรงบันดาลใจในการศึกษาภาคสนามได้ ประโยชน์ของการศึกษาภาคสนามทางด้านภูมิศาสตร์ ประกอบไปด้วยเพื่อทาความเข้าใจ บริบทเชิงพื้นที่ท่ีได้ทาการศึกษา เพื่อศึกษาความกระจ่างในเชิงพ้ืนที่ท่ีได้ทาการศึกษา เพื่อให้เกิด
355 ทัศนคติท่ีดีระหว่างพ้ืนท่ีและผู้ศึกษาภาคสนาม เพ่ือให้เกิดการฝึกปฏิบัติการในการศึกษาภาคสนาม และเพ่อื ใหเ้ กิดพฒั นาการขององค์ความรู้ ปัญหาในการศึกษาภาคสนามทางด้านภูมิศาสตร์ คือข้อจากัดที่อาจเกิดข้ึนได้ ได้แก่ ความ เอ้ืออานวยทางด้านพ้ืนท่ีภาคสนาม ค่าใช้จ่ายในการออกศึกษาภาคสนาม ความน่าเช่ือถือของข้อมูล ความสมเหตุสมผลของข้อมูลที่ได้จากการศึกษาภาคสนามและผลลัพธ์ที่ได้จากการศึกษาเป็นเพียง ขอ้ เสนอแนะไม่สามารถแกไ้ ขปัญหาไดจ้ ริง 8.13 แบบฝกึ หดั ท้ายบท ตอนที่ 1 จงอธบิ ายอย่างละเอยี ด 1. จงอธบิ ายหลกั การในการศกึ ษาภาคสนามทางด้านภูมศิ าสตร์ 2. การศกึ ษาภาคสนามมขี ้อดีและข้อเสยี อย่างไร 3. จงอธิบายข้อดีและข้อเสียของการศึกษาเชิงทฤษฎีทางด้านภูมิศาสตร์และจงให้ข้อเติม เตม็ ข้อมลู ในการลงพืน้ ทภี่ าคสนาม 4. การศึกษาประเภทใดเก็บรวบรวมข้อมูลได้ยากท่ีสุดและจะมีอุปสรรคใดในการเก็บ รวบรวมขอ้ มูลภาคสนาม 5. หากนักศึกษาจาเป็นต้องศึกษาภาคสนามพื้นที่ใดคือ พื้นท่ีเป้าหมาย จงยกตัวอย่าง ประเดน็ ความสาคญั ทีต่ อ้ งการศึกษา
356 ตอนที่ 2 จงเติมพ้นื ที่ศกึ ษาภาคสนามของนกั ศึกษาใหส้ มบรู ณ์
357 บรรณานุกรม AMATA CORPORATION PCL. (2017). “Company Overview”. [Online]. Available: http://www.amata.com/thai/corporate_history.html. (20 April 2017). Auesriwong, A. Nilnoppakun, W. Parawech. (2015). “Integrative Participatory Community-based Ecotourism at Sangkhom District, Nong Khai Province, Thailand. Original Research Article Procedia.” Economics and Finance, 23, 778-782. Field Studies Council. (2016). “GEOGRAPHY FIELDWORK”. [Online]. Available: https://www.geography-fieldwork.org/. (22 April 2017). TWC Product and Technology LLC (2017). “Historical Weather”. [Online]. Available: https://www.wunderground.com/history. (22 April 2017). Usability Professionals Association. (2010). “Field Study”. [Online]. Available: http://www.sac.or.th/databases/anthropology-concepts/glossary/52. (23 January 2017). กรมชลประทาน. (2552). “โครงการเขอื่ นแควน้อยอันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริ”. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งทีม่ า:http://www.rid.go.th/royalproject/index.php?option=com_content& view=article&id=340%3A2009-06-15-04-41-33&catid=19%3A2009-05-04-06- 40-57&Itemid=4. (2 ธนั วาคม 2559). กรมชลประทาน. (2552). “โครงการพัฒนาแหลง่ นาอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ”. [ระบบออนไลน]์ . แหลง่ ทม่ี า: http://www.rid.go.th/royalproject/index.php?option=com_ content&view=article&id=157:2009-05-26-09-24-56&catid=49:2009-05-04-07- 26-20&Itemid=7. (5 มนี าคม 2559). กรมชลประทาน. (2559). “เขื่อนหว้ ยหลวง”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ที่มา: http://kromchol.rid.go.th/lproject/2010/index.php/2011-05-02-14-11-54/60- 2011-05-08-14-36-40/121-2011-05-15-09-58-54. (15 มีนาคม 2560). กรมชลประทาน. (2560). “โครงการลาพระเพลิง จงั หวัดนครราชสีมา”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งทม่ี า: http://web.rid.go.th/lproject/const/project/completed%20project/ lamprapreung/lamprapreung.html. (28 มนี าคม 2560).
358 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง. (2556). “ข้อมลู สมุทรศาสตร์ฝง่ั อันดามนั ”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ทมี่ า: http://marinegiscenter.dmcr.go.th/km/oceanography-of-andaman- sea/#.VQwIlY6UeK8. (17 พฤษภาคม 2559). กรมทรัพยากรธรณี. (2550). “แผนทที่ รัพยากรแร่รายจังหวดั ”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งท่ีมา: http://www.dmr.go.th/main.php?filename=province_a_map. (14 มิถุนายน 2559). กรมทรัพยากรธรณี. (2553). การจาแนกเขตเพื่อการจดั การด้านธรณวี ทิ ยาและทรัพยากรธรณี จงั หวัด อานาจเจรญิ . กรงุ เทพฯ : กรมทรพั ยากรธรณี. กรมทรัพยากรธรณี. (2556). “ทรพั ยากรแร่จงั หวดั กระบ่ี”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ที่มา: library.dmr.go.th/Document/DMR_Technical_Reports/2556/36566_2.pdf. (14 มกราคม 2560). กรมทรัพยากรธรณี. (2559). “แผนทท่ี รัพยากรแรร่ ายจังหวดั ”. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งทมี่ า: http://www.dmr.go.th/main.php?filename=province_a_map. (14 มกราคม 2560). กรมทางหลวง. (2559). “ท่ีตังของทางหลวง”. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งทมี่ า: http://www.doh.go.th/web/data/data_2.html. (14 มิถนุ ายน 2559). กรมปศุสัตว.์ (2560). “สถติ ิการปศุสตั ว์ปี 2558 รายจังหวัด”. [ระบบออนไลน]์ . แหลง่ ที่มา: http://ict.dld.go.th/th2/index.php/th/report/447-report-thailand- livestock/reportservey2558-1/869-report-survey58. (5 เมษายน 2560). กรมส่งเสริมการเกษตร. (2560). “การผลิตทางการเกษตรทส่ี าคญั ” [ระบบออนไลน]์ . แหล่งทม่ี า: http://production.doae.go.th. (17 พฤษภาคม 2560). กรมสนธสิ ญั ญาและกฎหมาย. (2548). “หนังสือแปล อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982”. กรุงเทพฯ : กรมสนธสิ ญั ญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ. กรมอตุ นุ ิยมวิทยา. (2559). “หนงั สืออุตุนยิ มวิทยา”. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งทีม่ า: https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=42. (2 มีนาคม 2560). กรมอตุ นุ ิยมวทิ ยา. (2560). “สรุปลกั ษณะอากาศรายเดอื น”. [ระบบออนไลน]์ . แหลง่ ท่ีมา: https://www.tmd.go.th/index.php. (5 มีนาคม 2560). กวี วรกวิน. (2556). ภมู ศิ าสตรก์ ายภาพประเทศไทย. กรุงเทพฯ: บรษิ ัทพฒั นาคุณภาพวิชาการ. กองทนุ สตั วป์ ่าโลกสากล. (2559). “ข้อมลู ทว่ั ไปของแมน่ าโขง”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งทมี่ า: http://www.wwf.or.th/what_we_do/wetlands_and_production_landscape/ mekongriver/. (5 พฤษภาคม 2560).
359 กองร้อยบินกองพลทหารมา้ ท่ี 1. (2559). “ข้อมลู สนามบนิ ในประเทศไทย”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งท่ีมา: http://www.geocities.ws/aircav1st/airportdata.html. (10 กมุ ภาพนั ธ์ 2559). การท่องเท่ยี วแห่งประเทศไทย. (2558). “ประวัติศาสตรไ์ ทย”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ที่มา: Http: //thai.tourismthailand.org. (17 พฤษภาคม 2559). การท่องเท่ยี วแห่งประเทศไทย. (2558). “อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย”. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งทีม่ า: http://thai.tourismthailand.org. (3 มิถุนายน 2559). การทอ่ งเทีย่ วแห่งประเทศไทย. (2559). “เขื่อนพระปรง”. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งท่มี า: https://thai.tourismthailand.org/สถานท่ีท่องเที่ยว/เข่ือนพระปรง—3092. (23 กรกฎาคม 2559). การนคิ มอตุ สาหกรรมแห่งประเทศไทย. (2560). “นิคมอตุ สาหกรรม”. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งทีม่ า: http://www.ieat.go.th/investment/about-industrial-estates/industrial-estates- in-thailand. (14 มีนาคม 2560). การไฟฟา้ ฝา่ ยผลิตแห่งประเทศไทย เขอื่ นรัชชประภา. (2559). “เขอื่ นรชั ชประภา”. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งท่มี า: http://rpb.egat.com/index.php. (14 กรกฎาคม 2559). การรถไฟแห่งประเทศไทย. (2560). “เส้นทางรถไฟในประเทศไทย”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ที่มา: http://www.railway.co.th/main/index2.html. (3 เมษายน 2560). ไกรวฒุ ิ ชวู ิลัย, วชิ ญ์ จอมวิญญาณ์และชฎล นาคใหม่. (2560). การศึกษาเชิงภูมิศาสตร์ของลกั ษณะ ทาเลทตี่ ังและการใชท้ ีด่ ินในเขตเทศบาลนครอุดรธานี. เอกสารประกอบการประชุม วิชาการระดับชาติด้านการบริหารจัดการ ครงั ที่ 9 ประจาปี 2560. สงขลา : คณะวทิ ยาการจัดการ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร.์ คณาจารยภ์ าควิชาภูมศิ าสตร์. (2560). ภูมศิ าสตรป์ ระเทศไทย. กรงุ เทพฯ: สานักพิมพม์ หาวทิ ยาลัย รามคาแหง. เครือข่ายกาญจนาภเิ ษก. (2541). “ผกั เมืองหนาว”. [ระบบออนไลน]์ . แหลง่ ท่มี า: http://kanchanapisek.or.th/kp12/product/vegetable/vegetable-detail.htm. (17 มถิ ุนายน 2559). โครงการชลประทานบุรรี ัมย์. (2558). “แมน่ ามูล”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งทม่ี า: http://ridceo.rid.go.th/buriram/mun.html. (5 มนี าคม 2560). โครงการสารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน. (2560). \"เส้นแบง่ เขตแดนระหวา่ งประเทศไทยกับประเทศ เพื่อนบา้ น\". [ระบบออนไลน์].แหลง่ ทม่ี า: http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/ book.php?.book=32&chap=5&page=t32-5-infodetail04.html. (19 มนี าคม 2560)
360 ชาย โพธสิ ติ า. 2558. “จริยธรรมในการวจิ ัยทางสงั คมศาสตร์”. [ระบบออนไลน]์ . แหลง่ ท่ีมา: www.irb.ipsr.mahidol.ac.th/download_article/2015-11-06-IRB-Chai.pdf. (29 เมษายน 2560). ไชยวัฒน์ ร่งุ เรอื งศรี. (2550). ระเบยี บวธิ ีวจิ ัยทางวทิ ยาศาสตรส์ งั คม. กรงุ เทพฯ: โอเดียนสโตร.์ ดนัย ไชยโยธา. (2550). ประวัติศาสตร์และวฒั นธรรมไทย. กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร์. ถนอม เจรญิ ลาภ. (2558). กฎหมายทะเลและเขตทางทะเลของประเทศไทย. กรงุ เทพฯ : สถาบนั วิจัยทรัพยากรทางนา จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. ทวีวฒั น์ นาคไชยะ. (2559). “ทรพั ยากรธรณี จงั หวดั มุกดาหาร”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ทมี่ า: www.dmr.go.th/download/article/article_20101215152516.pdf. (16 มีนาคม 2560). นฤพนธ์ ด้วงวเิ ศษ. (2560). “คาศัพท์”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ที่มา: http://www.sac.or.th/databases/anthropology-concepts/glossary/52. (23 เมษายน 2560). นวลศริ ิ วงศ์ทางสวัสดิ์. (2525). ภูมศิ าสตรก์ ายภาพไทยภาคเหนอื . เชียงใหม:่ ภาควชิ าภมู ศิ าสตร์ คณะสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่. บรรจบ วงษ์พิพฒั น์พงษ์. (2534). ภูมศิ าสตร์ภาคตะวนั ออกเฉียงใต้ของประเทศไทย. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์การศาสนา. บงั อง บุญปั้น. (2559). ภมู ิศาสตร์ประเทศไทย. พระนครศรีอยธุ ยา : มหาวทิ ยาลัยราชภัฏ พระนครศรอี ยุธยา. บุญช่วย ศรสี วสั ดิ์. (2545). ชาวเขาในไทย. กรงุ เทพฯ: สานักพิมพศ์ ิลปวฒั นธรรม. เพยี งตา สาตรกั ษ.์ (2551). หลกั และวิธีสารวจธรณวี ทิ ยาภาคสนาม. ขอนแก่น: ภาควชิ าเทคโนโลยี ธรณีคณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยขอนแกน. มนตรี ชูวงศ.์ 2553. ธรณสี ณั ฐานวทิ ยาพ้ืนฐาน. กรงุ เทพฯ: ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. มนัส สุวรรณ. (2549). ระเบียบวิธีวิจัยทางภมู ศิ าสตร.์ กรงุ เทพฯ: โอเดยี นสโตร.์ มนสั สวุ รรณ. (2549). ระเบยี บวิธีวิจัยทางสงั คมศาสตรแ์ ละมนุษยศาสตร์. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. (2552). “ป่าพรุเปน็ อยา่ งไร?”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ท่มี า: https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet6/envi2/pu/pu.htm. (14 กรกฎาคม 2559). โยธิน แสวงด.ี (2560). “เทคนิคการวจิ ยั ภาคสนาม”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งทม่ี า: www.spu.ac.th/research/files/2015/03/2.เทคนิคการวจิ ยั ภาคสนาม_note.pdf. (23 เมษายน 2560).
361 ระบบบรหิ ารจัดการงานวิจัยแหง่ ชาติ. (2560). “จรยิ ธรรมการวจิ ยั ในคน”. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งท่มี า: https://www.nrms.go.th/FileUpload/AttatchFile/News/ 256010121923328671661.pdf. (29 มีนาคม 2560). วรรณี พทุ ธาวฒุ ิไกร. (2546). ภมู ศิ าสตร์ประเทศไทย. กรงุ เทพฯ: โอเดยี นสโตร์. วชิ ญ์ จอมวิญญาณ์. (2557). การวิเคราะห์เชงิ ภูมิศาสตรข์ องโรคมะเร็งปอดในอาเภอเมืองลาปาง จงั หวดั ลาปาง. เชียงใหม่: ภาควชิ าภูมศิ าสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่. ศุทธินี ดนตรี. (2556). ภูมิศาสตรป์ ระเทศไทย. เชียงใหม่: ภาควชิ าภูมิศาสตร์ คณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม.่ ศนู ยข์ ้อมลู ภาคตะวันตก หอสมดุ พระราชวงั สนามจันทร์ สานักหอสมดุ กลาง มหาวิทยาลัยศิลปากร วทิ ยาเขตพระราชวงั สนามจนั ทร์. (2553). “กลุ่มชาตพิ นั ธใุ์ นภาคตะวนั ตก”. [ระบบ ออนไลน์]. แหล่งที่มา: http://www.snc.lib.su.ac.th/west/index.php?option=com_ content&view=article&id=61: westernkaren. (14 กรกฎาคม 2559). ศนู ยป์ อ้ งกันวิกฤตินา กรมทรัพยากรนา. (2559). “ลมุ่ นาบางปะกง”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งท่มี า: http://mekhala.dwr.go.th/knowledge-basin-bangpakong.php. (23 มกราคม 2560). ศูนยม์ านษุ ยวิทยาสริ นิ ธร. (2550). “ไทยวน Tai Yuan ตระกลู ภาษาไท-กะได”. [ระบบออนไลน]์ . แหลง่ ท่ีมา: http://www.sac.or.th/databases/ethnic/Content/Information/ taiyuan.html. (27 เมษายน 2559). ศนู ย์มานษุ ยวทิ ยาสริ นิ ธร. (2560). “กล่มุ ชาติพันธุ์”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งทมี่ า: http://www.sac.or.th/databases/ethnic-groups/site/index. (3 เมษาคม 2561). ศนู ย์ศกึ ษาฟ้นื ฟูภาษาและวฒั นธรรมในภาวะวิกฤต. (2561). “กลมุ่ ชาติพนั ธจ์ุ ีนยูนนาน”. [ระบบ ออนไลน์]. แหลง่ ท่มี า:http://www.langrevival.mahidol.ac.th/Research/ website/cu.html. (18 ธนั วาคม 2560). ส. วิปุลานุสาสน.์ (2539). “เงาะปา่ ซาไก”. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งที่มา: http://www.muanglung.com/sod.html. (23 กรกฎาคม 2559). สงา่ พงษภ์ ู่. (2542). ภูมิศาสตรก์ ายภาพภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. สกลนคร: ภาควชิ าภูมศิ าสตร์ คณะมนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สถาบันราชภัฏสกลนคร. สถาบันวจิ ัยทรัพยากรทางนา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . (2560). \"อาณาเขตทางทะเล (Maritime Zone)\". [ระบบออนไลน]์ . แหลง่ ทมี่ า: .http://www.mkh.in.th/index.php?option= com_content&view=article&id=47&Itemid=153&lang=th. (19 ธนั วาคม 2560). สมจนิ ต์ สันถวรักษแ์ ละคณะ. (2559). ไทยในเศรษฐกิจโลก. นนทบุรี: สานกั พิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัย ธรรมธริ าช.
362 สวาท เสนาณรงค์. (2533). ภูมศิ าสตรว์ ัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: อกั ษรเจรญิ ทัศน.์ สายพณิ วงษารัตน์. (2558). “รฐั โบราณในดินแดนประเทศไทย”. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งทีม่ า: https://sixsocial.files.wordpress.com/2010/07. (17 พฤษภาคม 2559). สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน. (2558). “แนวความคิดเก่ียวกับการกาหนดเสน้ แบง่ เขตแดนระหวา่ ง ประเทศ”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ทม่ี า: http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=32&chap=5&page =t32-5-infodetail02.htlm. (17 พฤษภาคม 2559). สานักงานจังหวดั แพร่. (2559). “อทุ ยานแห่งชาติเวียงโกศัย”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ที่มา: http://www.phrae.go.th/156x/html/nature-3.html. (18 เมษายน 2561). สานกั งานชลประทานที่ 7. (2556). “โครงการฝายลาเซบาย”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ที่มา: http://www.rid7.com/amnat/title_river_text/sebay.php. (6 กรกฎาคม 2559). สานกั งานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม. (2552). “ปา่ ชายหาด”. [ระบบออนไลน]์ . แหลง่ ท่ีมา: http://chm-thai.onep.go.th/chm/ForestBio/Beach- forest.html. (17 พฤษภาคม 2559). สานักงานนโยบายและแผนพลงั งาน กระทรวงพลงั งาน. (2560). “อุณหภมู ิเฉลี่ยในแต่ละเดือนของแต่ ละจังหวัด”. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งทีม่ า: http://www.e-report.energy.go.th/weather.html. (5 มนี าคม 2560). สานักงานมลู นธิ ิโครงการหลวงขอ้ มลู . (2559). “เกี่ยวกบั ชาวเขาเผา่ ตา่ งๆ”. [ระบบออนไลน]์ . แหลง่ ทีม่ า: http://www.thairoyalprojecttour.com/?cat=18. (14 มถิ ุนายน 2559). สานักงานราชบณั ฑิตยสภา. (2554). “ชาติพันธุ์”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ทมี่ า: http://www.royin.go.th/?knowledges. (25 มีนาคม 2561). สานกั งานเลขาธกิ ารศูนยไ์ ทยอาสาป้องกันชาติในทะเล. (2550). “อาณาเขตทางทะเลของประเทศ ไทย”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งทม่ี า: http://www.navy.mi.th/thaiasa/, 10 กันยายน 2550. (17 พฤษภาคม 2559). สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. (2559). “สถิติการนาเขา้ -ส่งออกสินคา้ ที่สาคัญ”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา: http://www.oae.go.th/oae_report/ export_import/export.php. (22 มถิ ุนายน 2559). สานกั งานสถติ ิแห่งชาต.ิ (2560). “สถติ ปิ รมิ าณฝน ณ สถานีอตุ ุนยิ มวิทยา พ.ศ. 2546 - 2558”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งท่ีมา: http://service.nso.go.th/nso/web/statseries/ statseries27.html. (5 มีนาคม 2560).
363 สานักงานสถติ ิแห่งชาติ. (2560). “สถิตอุณหภูมิ จาแนกตามสถานีอตุ นุ ิยมวิทยาเปน็ รายเดอื น พ.ศ. 2559”. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งทีม่ า: http://statbbi.nso.go.th/ staticreport/page/sector/th/21.aspx. (5 มีนาคม 2560). สานักงานอุทยานแหง่ ชาติ กรมอุทยานแหง่ ชาติสตั ว์ปา่ และพนั ธพ์ุ ชื . (2557). “อทุ ยานแหง่ ชาติ”. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งที่มา: www.nps.dnp.go.th/parks.php. (2 กรกฎาคม 2559) สานกั จดั การทรัพยากรปา่ ไม้ท่ี 4 สาขาพิษณุโลก. (2560). “ความสาคญั และประโยชน์ของป่าไม้”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ทีม่ า : http://www.forest.go.th/phitsanulok/index.php?option=com_content&view=arti cle&id=519:p12&catid=13:2010-06-04-06-%M- %S&lang=th. (5 มีนาคม 2560). สานักจดั การท่ดี ินป่าไม้ กรมป่าไม้. (2560). “เนือท่ีปา่ ไม้ของประเทศไทย แยกรายจงั หวดั ปี พ.ศ. 2547 – 2559”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ท่มี า: http://forestinfo.forest.go.th/ 55/Content.aspx?id=80. (17 มีนาคม 2560). สานกั บริหารการทะเบยี น กรมการปกครอง. (2560). “รายงานสถติ จิ านวนประชากรและบ้าน ประจาปี พ.ศ.2560”. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งที่มา: http://stat.bora.dopa.go.th/stat/ statnew/statTDD/views/showProvinceData.php. (5 มีนาคม 2560). สานักประชาสัมพันธเ์ ขต 1 ขอนแก่น. (2560). “เขือ่ นจุฬาภรณ์ (เข่ือนนาพรม)”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ที่มา: http://region1.prd.go.th/main.php?filename=Chaiyaphum_dam1. (28 พฤษภาคม 2560). สานักอนรุ ักษส์ ัตว์ปา่ . (2560). “เขตรกั ษาพนั ธ์ุสตั ว์ป่า”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ท่ีมา: http://www.dnp.go.th/wildlifednp/index.php?option=com_content&view=arti cle&id=28&Itemid=. (9 กุมภาพนั ธ์ 2560). สานักอทุ ยานแห่งชาติ กรมอุทยานสตั วป์ ่าและพนั ธ์ุพชื \". (2559). “อุทยานแหง่ ชาติ”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ท่ีมา: http:// dnp.go.th/ (3 มถิ ุนายน 2559). สุนันทา เจรญิ ปญั ญาย่งิ . (2559). “ทางรถไฟท่ีเช่อื มต่อเพ่ือนบา้ น”. [ระบบออนไลน]์ . แหลง่ ทม่ี า: http://www.tri.chula.ac.th/triresearch/connect/connect.html. (17 พฤษภาคม 2559). สุภาพ บุญไชย. (2549). ภมู ศิ าสตรป์ ระเทศไทย. กรุงเทพฯ: โอเดยี นสโตร์. อัศวนิ แสงพิกุล. 2560. “จริยธรรมการวิจัย”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ท่มี า: www.irb.ipsr.mahidol.ac.th/.../research%20ethics%20- %20Aswin%20Sangpikul.pdf (29 พฤศจิกายน 2560).
364
365 ภาคผนวก
366
367
368
369
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387