เผย ความลับ มนษุ ย์ “แคผ่ สู้ ังเกตการณเ์ ทา่ นั้น” พบแลว้ ส่งิ ทข่ี าดหายไป สง่ิ ท่ีมีอยูแ่ ตไ่ มเ่ คยรู้ว่ามี ไม่ตอ้ งตามหาความสุข ไมต่ อ้ งหนที กุ ข์ ไม่ตอ้ งฝนื เปน็ คนดี เพราะมนษุ ยเ์ ป็นไดแ้ ค่ “ผู้สงั เกตการณ”์ วรรณนิภา พระครถู ิ่น
2 คํานํา การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นความจริงธรรมดาที่ทุกคน ทราบ เพราะแต่ละคนก็ต้องประสบกับการสูญเสียคนรัก คนในครอบครัว ญาติ หรือเพ่ือนรัก กันมาแล้วทั้งน้ัน ความ รัก โลภ โกรธ หลง เป็นกิเลสท่ีทุกคนควรละ การทําความดี เป็นส่ิงที่ทุกคนควรยกย่อง หลักธรรมคําสอนต่าง ๆ ของ พระพุทธเจ้า เช่น อริยสัจ ๔ อิทธิบาท ๔ พรหมวิหาร ๔ ทุกคนก็เคยศึกษากันมาแล้วท้ังน้ัน ทาน ศีล ภาวนา เป็นส่ิง ทท่ี ุกคนเคยได้ยิน รับรู้ มาโดยตลอด แต่จะมีสักกี่คนที่ได้เข้าถึงพระธรรมคําสอนของ พระพุทธเจ้า ได้ปฏิบัติธรรมเจริญสติ นําไปสู่ทางพ้นทุกข์ จะมีสักกี่คนที่จิตน้อมนําเข้าหาหลักธรรมคําสอน สาเหตุท่ี คนส่วนใหญ่ไม่เคร่งครัดในศีลธรรม ไม่ปฏิบัติตามคําสอน ของพระพุทธเจ้า จนนําไปสู่ปัญหาสังคมต่าง ๆ มากมาย กเ็ พราะการไม่รู้จกั เจรญิ สติ เป็น “ผู้สังเกตการณ์” กําหนดรู้ กายใจ น่ันเอง หนังสือเล่มน้ีเขียนขึ้นมาเพ่ือเล่าประสบการณ์ใน มุมมองของผู้ลงมือปฏิบัติธรรม ว่าปฏิบัติแล้วเป็นอย่างไร ไม่ได้เขียนเพ่ืออวดรู้ในภูมิธรรมของตนเอง เป็นเพียงคน หนึ่งในหลายหม่ืน แสน หรือล้านคน ที่ได้ปฏิบัติธรรมแล้ว เกิดความเปลี่ยนแปลง เปล่ียนพฤติกรรม และความคิด หากหนงั สือเล่มน้ีทําให้ผู้อ่านแม้เพียงหนึ่งคนได้ปฏิบัติธรรม
33 เพราะทุกอย่างมันเปลีย่ นแปลงอยตู่ ลอดเวลา บางคนอาจจะแย้งว่า แล้วจะทนต่อความเหงาได้หรือ เมื่อไมม่ ีแฟน จริง ๆ แลว้ ความเหงาเปน็ อารมณ์หน่งึ เทา่ นั้น โดยใจสง่ ออกนอกกายไปเกาะตดิ กับสง่ิ อ่ืน ๆ หากใจอยู่กับตัวเองไม่ไปยึดติดกับใครจะไม่เหงา หรือ ถา้ เหงา ก็รู้อาการเหงาน้นั ตรง ๆ ไปเลย คนเราไมเ่ หงาตลอดเวลา เหงาได้เดยี๋ วก็หาย แลว้ ใจจะคิดได้เองว่าเม่อื ก่อนไม่มแี ฟนทาํ ไมอยูไ่ ด้ แฟนมีได้ก็อยู่กันพักเดียวไม่เลิกกัน ก็ต้องตายจากกัน อยู่ดี แม้แตต่ วั เราเองยงั มีความตายรออยู่ดว้ ยกนั ท้งั นนั้ เวลา ตายกต็ อ้ งตายคนเดยี วอยูแ่ ลว้ เพราะตอนเกดิ ยงั เกิดคนเดียวเลย “ความอยากมี อยากได”้ เกิดจากกเิ ลสทั้งน้ันที่อยาก ได้โน่นนี่ สารพดั ปรนปรอความอยากของตนเอง อย่างไรก็ไม่พอ เพราะ ใจตา่ งหากท่ีไม่พอ วธิ งี า่ ย ๆ คือ รู้วา่ กําลังอยากมี อยากได้ เช่น อยากรวยมากๆ ก็รู้ไปท่อี าการนัน้ รู้ตลอดเวลาไม่ว่าจิตจะคิดอะไร พอรู้ทันอารมณ์ต่อไป เม่ือมคี วามอยากเกดิ ขน้ึ จติ จะสัง่ ว่า “ของนเ้ี รามอี ยู่แล้วจะซ้อื ทําไม”
Search