Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การปลูกถั่วเขียว

การปลูกถั่วเขียว

Description: การปลูกถั่วเขียว

Search

Read the Text Version

เอกสารคำ� แนะน�ำลำ� ดับที่ 4/2557 การปลกู ถั่วเขยี ว พมิ พ์ครัง้ ท่ี 1 : ปี 2557 จำ� นวน 5,000 เล่ม พมิ พท์ ี่ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จ�ำกดั



สารบัญ การปลูกถวั่ เขียว หน้า สภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสมในการปลกู ถ่ัวเขียว พันธ ์ุ 1 การคลกุ เช้อื ไรโซเบียม 3 วิธีการปลูก 6 การดแู ลรักษา 7 ศัตรพู ชื 11 การเกบ็ เก่ียว และวิทยาการหลงั การเกบ็ เกย่ี ว 13 บรรณานุกรม 29 32

การปลกู ถัว่ เขียว ถั่วเขียว จัดอยู่ในกลุ่มพืชท่ีผลิตไว้ใช้ในประเทศ ถั่วเขียวเป็น พืชที่มีโปรตีนสูงนิยมใช้ทั้งการบริโภคและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ หลายรปู แบบ ได้แก่ ถั่วงอก วนุ้ เส้น ขนมหวาน แปง้ ถว่ั เขยี ว สบู่และครมี ทาผวิ เป็นต้น รวมถึงการใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรในการปรับปรุงบ�ำรุงดิน เนื่องจากถ่ัวเขียวเป็นพืชอายุส้ันมีประสิทธิภาพการตรึงไนโตรเจนในอากาศ 10 - 56 กิโลกรัมตอ่ ไรต่ อ่ ปี และตน้ ถัว่ เขยี วยังสามารถเปน็ พชื สดได้ดี โดยท่วั ไป จะให้ปริมาณไนโตรเจนสงู ถึง 5 - 6 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลกู ถวั่ เขียว • สภาพพ้ืนท่ี สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกสภาพพ้ืนที่ ทั้งเป็นท่ีราบ •ทีร่ าบเชิงเขาและที่ดอน มกี ารระบายน�้ำดี ลักษณะดิน ถั่วเขียวสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ตั้งแต่ ดินเหนียว ดินร่วนทราย มีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง ประมาณ 5.5 - 7.0 ควรหลีกเลี่ยงดินด่างหรือดินเค็ม (สังเกตเห็นก้อนเล็กๆ สีขาว ข้ึนประปราย เช่น ดินชุดตาคลี) เพราะจะท�ำให้ต้นแคระแกร็น ใบด่างเหลือง ผลผลิตต่�ำ และหากดินเป็นกรดจัดหรือดินเปร้ียว ควรหว่านปูนขาว เพื่อลดความเป็นกรด และลดพิษของอลูมิน่ัมและเหล็ก การปลูกถัว่ เขยี ว 1

• สภาพภูมิอากาศ เกษตรกรสามารถปลูกถ่ัวเขียวได้ตลอดปี การก�ำหนดวันปลูกต้องค�ำนึงถึงปริมาณความช้ืนในดินและปริมาณน้�ำฝน ท่ีตกในระยะออกดอกและระยะเก็บเก่ียว ตลอดจนอุณหภูมิขณะมีการเจริญเติบโต ทางล�ำต้น เพราะถ้าฝนตกหนัก ขณะถ่ัวเขียวก�ำลังออกดอกจะท�ำให้ติดฝักน้อย ระยะเกบ็ เก่ียวเมลด็ จะมคี วามชนื้ สงู ท�ำให้เมลด็ บวม ถ่ัวเขียวไม่ทนต่อสภาพอากาศหนาว ถ้าอุณหภูมิเฉล่ียประมาณ 15 องศาเซลเซียสหรือต�่ำกว่า ถ่ัวเขียวจะชะงักการเจริญเติบโต โดยเฉพาะ เมื่อต้นยังเล็ก ดังนั้นจึงควรหลีกเล่ียงการปลูกถ่ัวเขียวช่วงอากาศหนาวจัด •อุณหภมู ิที่เหมาะสมกับการปลูกถ่วั เขยี ว เฉลย่ี ประมาณ 25 องศาเซลเซียส แหล่งน้�ำ ควรอยู่ใกล้แหล่งน้�ำเพ่ือช่วยแก้ไขปัญหาการขาดน้�ำเม่ือ ฝนทงิ้ ช่วง โดยเฉพาะในระยะออกดอกและตดิ ฝัก 2 การปลกู ถ่ัวเขียว

พนั ธุ์ ใช้เมล็ดพันธุ์ท่ีมีความสมบูรณ์ ความงอกไม่ต่�ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ คุณภาพดีตรงตามต้องการของตลาด ต้านทานหรือทนทานต่อโรคและแมลง ทส่ี �ำคญั เจรญิ เตบิ โตดเี หมาะกับชนิดของดนิ และสภาพภมู อิ ากาศ ถว่ั เขยี วท่นี ยิ มปลกู มี 2 ชนิด ถัว่ เขยี วผวิ มัน หรือที่เรยี กว่า ถว่ั มนั (Vigna radiata (L.) Wilczek ถั่วเขียวผวิ ด�ำ หรือที่เรียกว่า ถว่ั แขก (Vigna mungo (L.) Hepper • ถ่วั เขยี วผวิ มัน พันธุ์ก�ำแพงแสน 1 อายุประมาณ 65 - 75 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 208 กิโลกรัมต่อไร่ ลักษณะเด่นคือ ฝักส่วนใหญ่อยู่เหนือทรงพุ่ม น�้ำหนัก 1,000 เมลด็ ประมาณ 69 กรมั ต้านทางโรคใบจดุ สนี ำ�้ ตาลและโรคราแปง้ ในระดบั ปานกลาง เหมาะส�ำหรับการปลูกในฤดูฝนหรือในเขตชลประทาน ข้อด้อย คือค่อนข้างออ่ นแอต่อดินด่าง • พันธุ์ก�ำแพงแสน 2 อายุประมาณ 65 - 75 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 193 กิโลกรัมต่อไร่ น�้ำหนัก 1,000 เมล็ด ประมาณ 66 กรัม ลักษณะเด่น ฝักอยู่เหนือทรงพุ่ม ต้านทานโรคใบจุดสีน้�ำตาลและโรคราแป้ง ในระดับปานกลาง เหมาะส�ำหรับปลูกในฤดูแล้ง นอกเขตชลประทาน ข้อด้อย คืออ่อนแอมาก ต่อดนิ ดา่ ง การปลูกถ่ัวเขียว 3

• พันธุ์ชัยนาท 60 อายุเก็บเก่ียว 55 - 60 วัน ผลผลิตเฉล่ีย 175 กโิ ลกรมั ต่อไร่ นำ�้ หนกั 1000 เมล็ด ประมาณ 62 กรมั ลกั ษณะเด่น ทรงพมุ่ เลก็ ต้นเตี้ย ฝักอยู่เหนือทรงพุ่มเด่นชัด อายุเก็บเกี่ยวส้ัน เหมาะส�ำหรับการปลูก ต้นฝน ทนดินดา่ ง ขอ้ ดอ้ ยคือฝักแก่ค่อนข้างแตกง่าย อ่อนแอต่อโรคใบจดุ สีน้ำ� ตาล • พนั ธุ์ชยั นาท 36 อายุเก็บเก่ียว 67 วนั ผลผลิตเฉล่ีย 216 กิโลกรมั ต่อไร่ น้�ำหนัก 1,000 เมล็ด ประมาณ 72 กรัม ลักษณะเด่น ขนาดเมล็ดใหญ่ ทนทานดินด่าง ต้านทานใบจุดสีน�้ำตาลปานกลาง เหมาะส�ำหรับการปลูก ปลายฝน และฤดูแล้ง เป็นพันธุ์ที่มีการสุกแก่ของฝักชุดแรกและชุดสุดท้าย ใกล้เคียงกันมากที่สุด คือ ฝักแรกแก่ห่างจากฝักสุดท้ายประมาณ 12 วัน ข้อดอ้ ย คอื ไมต่ า้ นทานตอ่ โรคราแป้ง • พันธุ์ชัยนาท 72 มีอายุเก็บเก่ียว 63 วัน ผลผลิตเฉล่ีย 224 - 230 กิโลกรัมต่อไร่ น้�ำหนัก 1000 เมล็ด ประมาณ 66 กรัม ลักษณะเด่น ปลกู ได้ในทุกฤดแู ละทุกภาค ตา้ นทานหนอนแมลงวันเจาะลำ� ต้นปานกลาง 4 การปลกู ถวั่ เขียว

• พันธุ์ มอ 1 ปรับปรุงพันธุ์โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อายุประมาณ 65 - 75 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 208 กิโลกรัมต่อไร่ ลักษณะเด่น เป็นพันธุ์ที่ทนต่อสภาพน�้ำขัง เหมาะส�ำหรับการปลูกในภาคใต้ เช่น ปลูกแซม ในสวนยาง มีความต้านทานโรคใบจุดสีน�้ำตาลปานกลาง ข้อด้อย คือค่อนข้าง ออ่ นแอตอ่ ดินดา่ ง • พันธุ์ มทส. 1 อายุประมาณ 65 - 70 วัน ผลผลิตเฉล่ีย 221 กิโลกรัมต่อไร่ ลักษณะเด่น ฝักมีลักษณะเป็นหวี อยู่เหนือทรงพุ่ม เก็บเก่ียวง่าย ฝักไม่มีขน ฝักเหนี่ยวไม่แตกง่าย เวลาถูกฝนน�้ำไม่ซึมผ่านฝัก เข้าไปหาเมล็ด ดังนั้นจึงสามารถรอเก็บเกี่ยวฝักรุ่น 1 และรุ่น 2 พร้อมกันได้ ทนทานต่อโรคใบจุดสีน้�ำตาล และราแป้งปานกลาง ข้อด้อย คือยังมีลักษณะ เมล็ดตันหลงเหลอื อยู่ ถว่ั เขยี วผวิ ดำ� • พันธ์ุอทู่ อง 2 อายปุ ระมาณ 90 วัน ผลผลิตเฉลีย่ 180 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ น�้ำหนัก 1,000 เมล็ด ประมาณ 44 กรัม เมล็ดสีน้�ำตาลหรือสีแดง ขนาดเมล็ด เล็กสม่�ำเสมอ • พันธุ์พิษณุโลก 2 มีทรงพุ่มเต้ียแคบและโปร่งกว่าพันธุ์อู่ทอง 2 อายุประมาณ 77 วัน ผลผลิตเฉล่ีย 190 กิโลกรัมต่อไร่ น�้ำหนัก 1,000 เมล็ด ประมาณ 50 กรัม ให้ผลผลติ สูงกวา่ พันธุ์อู่ทอง 2 โดยเฉพาะเมอื่ ปลูกในฤดแู ล้ง การปลูกถัว่ เขยี ว 5

การคลุกเชอ้ื ไรโซเบยี ม ก่อนปลูกควรคลุกเมล็ดด้วยเชื้อไรโซเบียม เป็นการลงทุนท่ีต่�ำที่สุด ปริมาณไนโตรเจนท่ีตรึงได้จะเป็นอาหารของต้นถ่ัว และท�ำให้ดินอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะในพื้นท่ีที่ไม่เคยปลูกถ่ัวเขียวมาก่อนหรือเคยปลูกแต่เว้นระยะเวลาปลูก ไปนาน จ�ำเป็นต้องคลุกเชื้อไรโซเบียมแก่เมล็ดถ่ัวเขียวก่อนน�ำไปปลูก เพ่ือเป็น การชว่ ยเพมิ่ ผลผลิตใหส้ ูงข้ึน ขอ้ ควรระวังในการคลกุ เช้อื ไรโซเบียม คือ • ใชเ้ ชอ้ื ไรโซเบยี มส�ำหรับถว่ั เขยี วเท่าน้ัน • เมลด็ พนั ธ์ถุ ว่ั เขยี วที่คลุกไรโซเบียมแลว้ ควรใชใ้ หห้ มดทนั ที • ไมค่ วรปลกู ถวั่ เขยี วที่คลุกเชอื้ ไรโซเบยี มในดนิ ท่แี หง้ มากๆ เพือ่ รอฝน • เม่ือหยอดเมล็ดพันธุ์ถ่ัวเขียวแล้วควรรีบกลบทันที เพ่ือไม่ให้เมล็ด ถกู แดดเผา 6 การปลกู ถั่วเขยี ว

วิธกี ารปลกู ฤดูปลูก สามารถปลูกได้ตลอดปี คือ ต้นฤดฝู น ปลายฤดฝู น และแลง้ หลงั จากเก็บเก่ยี วขา้ วนาปี • ต้นฤดูฝน ประมาณเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน เป็นการ ปลูกถั่วเขียวผิวมันก่อนการปลูกพืชไร่อื่นๆ ถั่วเขียวจะได้รับปริมาณน้�ำฝน ตลอดฤดูปลูก มีการเจริญเติบโต แตกกิ่ง ก้าน สาขา มากกว่าการปลูกใน ฤดูอ่ืนๆ เวลาออกดอกจะติดฝักช้าแต่ผลผลิตต่อไร่จะสูง ผลเสียของการปลูก ในชว่ งนีค้ อื กระทบฝนขณะเก็บเกี่ยวท�ำให้คณุ ภาพลดลง • ปลายฤดูฝน ประมาณเดือนสิงหาคมและกันยายน เป็นการปลูก ตามหลังพืชไร่อ่ืนๆ การปลูกในช่วงนี้ เกษตรกรจะปลูกถ่ัวเขียวผิวมัน และถั่วเขียวผิวด�ำ ผลผลิตท่ีได้จะต่�ำกว่าการปลูกช่วงฝน เน่ืองจากปริมาณ น้�ำฝนอาจจะไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต โดยเฉพาะถ้าฝนหยุดเร็วในช่วง ถั่วออกดอกจะมีผลกระทบต่อผลผลิตมาก แต่คุณภาพเมล็ดดีกว่าเพราะ เก็บเกี่ยวชว่ งฝนหมด • ฤดูแล้ง ประมาณเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ หลังเก็บเก่ียว ข้าวนาปี ถ้าต้องการผลผลิตสูงไม่ควรปลูกเกินปลายเดือนมกราคม แต่ถ้าอากาศ หนาวอุณหภูมิต�่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส ควรปลูกช้าออกไปโดยให้เก็บเก่ียว ในช่วงเดอื นเมษายนถึงพฤษภาคมก่อนฝนตกชมุ การเตรียมดิน การจัดการแปลงปลูก การเตรียมดินให้ เหมาะสมในการปลูกถ่ัวเขียวเป็นส่ิงส�ำคัญมาก วิธีการเตรียมดินข้ึนอยู่กับ สภาพพื้นท่ี ลักษณะดินและจะสัมพันธ์กบั วิธกี ารปลกู • ทดี่ อน ถ้าเป็นดินเหนยี วควรมกี ารไถดะ และไถพรวนในขณะทด่ี นิ มีความช้ืนพอเหมาะ และย่อยดินให้มีขนาดเล็ก ส�ำหรับดินร่วนหรือดินร่วน ปนทราย ท�ำการเตรียมดินโดยใช้ผาน 7 เพียงคร้ังเดียวก็พอ ในกรณีปลูก ถ่ัวเขียวต้นฝน ควรปลูกแบบเป็นแถวเป็นแนว สามารถก�ำจัดวัชพืชได้ดีกว่า การปลูกโดยวธิ หี ว่าน เพราะช่วงฤดูฝนมักมีปญั หาเรือ่ งวัชพชื มาก การปลกู ถัว่ เขียว 7

• ในนา เป็นการปลูกในฤดูแล้งหลังการเก็บเกี่ยวข้าวนาปี ในกรณีท่ี เป็นดินร่วนปนทรายหลังเก็บเกี่ยวข้าว เกษตรกรตัดตอซังเม่ือดินหมาดหรือ ความช้ืนพอเหมาะ จึงหว่านเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว แล้วใช้ผาน 7 ไถกลบ ในคราวเดียวกัน บางแห่งที่มีปัญหาเรื่องวัชพืชจะไถดะด้วยผาน 3 ตากดินท้ิงไว้ และเมื่อเก็บเศษวัชพืชออก แล้วไถด้วยผาน 7 อีกคร้ัง ก่อนหว่านเมล็ดถ่ัวเขียว แลว้ คราดกลบเมล็ด กรณีเป็นดินเหนียวจัด อาจท�ำเฉพาะร่องระบายน้�ำรอบแปลง และ ท�ำการปลูกโดยไม่ไถเตรียมดิน กล่าวคือ หลังเก็บเก่ียวข้าว พอดินหมาดให้ตัด ตอซังท�ำร่องระบายน้�ำรอบกระทงนา แล้วหว่านเมล็ดถ่ัวเขียว โดยไม่มีการ ไถเตรียมดินและไถคราดกลบหลังหว่านเมล็ดแต่อย่างใด วิธีน้ีเป็นการปลูกโดย ไม่ให้น้�ำจะท�ำได้ในบริเวณที่มีระดับน�้ำใต้ดินค่อนข้างสูง แต่การใช้วิธีนี้จะต้อง ใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ปลูกสูงถึง 8 - 10 กิโลกรัมต่อไร่ (เผื่อเมล็ดไม่งอกและ นกมาจิกกนิ เมลด็ ถวั่ เขียวหลังปลูก) กรณีปลกู ในเขตชลประทานท่ีเปน็ ดนิ เหนยี วจัด ตอ้ งทิง้ ไว้ใหด้ ินแหง้ กอ่ น แล้วให้น�้ำเม่ือดินหมาดจึงค่อยไถพรวน วิธีนี้ดินจะแตกออกเป็นก้อนเล็ก ได้ง่าย เพราะหากไถพรวนทันทีหลังเก่ียวข้าว ดินยังมีความชื้นสูง เมื่อไถดินจะ จับเป็นก้อนโตท�ำให้กลบเมล็ดพันธุ์ไม่ดี ความชุ่มชื้นในดินจะสูญหายไปเร็วมาก การปลูกถ่วั เขียวฤดแู ลง้ จะต้องรักษาความชน้ื ในดินใหม้ ีการสญู เสียน้อยท่สี ุด 8 การปลูกถว่ั เขียว

วิธีการปลกู และระยะปลกู สามารถปลูกได้ 2 วธิ ี คอื 1. การปลกู แบบหว่าน ใช้เมล็ดพนั ธ์ุถว่ั เขยี ว อัตรา 5-7 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ สภาพไร่ ปลูกหลังเก็บเก่ียวพืชไร่ โดยอาศัยน้�ำฝน ภายหลังการ เตรียมดินไถพรวน และปรับพื้นที่ให้มีความลาดเอียงเล็กน้อยเพ่ือป้องกัน น�้ำท่วมขัง ให้หว่านเมล็ดถ่ัวเขียวในขณะที่ดินมีความช้ืนเพียงพอส�ำหรับการงอก ของเมล็ด และพรวนดินกลบทันที และควรมีการขุดร่องระบายน�้ำ เพื่อให้น�้ำ ทที่ ่วมขังระบายได้เรว็ ขน้ึ สภาพนา การปลูกถ่ัวเขียวหลังนาโดยอาศัยความชื้นในดิน หลังเก็บเก่ียวข้าวแล้ว ให้ไถดินขณะท่ีดินยังมีความช้ืนเพียงพอส�ำหรับการงอก ของเมล็ด ควรเตรียมดินให้ละเอียด ให้หว่านเมล็ดถ่ัวเขียวแล้วพรวนดินกลบทันที เพื่อปิดผิวหน้าดินกันการระเหยของน�้ำใต้ดิน ในกรณีดินเหนียวที่แห้งเกินไป ความช้ืนไม่เพียงพอส�ำหรับการงอก ควรปล่อยให้ดินแห้งจนแตกระแหงแล้ว จึงปล่อยน้�ำเข้าให้ท่วม และระบายออกทันที ทิ้งไว้จนดินหมาดหรือความช้ืน พอเหมาะ แลว้ จงึ ไถพรวนและปลกู ตามวธิ ีการข้างตน้ การปลกู ถ่วั เขยี ว 9

2. การปลกู เป็นแถว ใช้เมลด็ พนั ธุ์ถัว่ เขียวอตั รา 4 - 5 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ สภาพไร่ ปลูกแบบแถวเด่ียว ใช้ระยะระหวา่ งแถว 50 เซนติเมตร ระยะระหว่างต้น 10 เซนติเมตร จ�ำนวน 2 ต้นต่อหลุม ได้จ�ำนวนต้น 64,000 ต้นตอ่ ไร่ สภาพนา ปลูกแบบแถวคู่บนสันร่อง ระยะระหว่างแถว 50 เซนติเมตร ระยะระหว่างต้น 10 เซนติเมตร จ�ำนวน 2 ต้นต่อหลุม ได้จ�ำนวนต้น 64,000 ต้นต่อไร่ การใช้เครื่องปลูก ควรเตรียมดินให้ละเอียด และสม�่ำเสมอ กอ่ นปลูก ใช้ระยะระหวา่ งแถว 50 เซนตเิ มตร จำ� นวน 20 - 25 ตน้ ตอ่ แถวยาว 1 เมตร ไดจ้ ำ� นวนต้น 64,000 - 80,000 ต้นต่อไร่ 10 การปลกู ถ่วั เขียว

การดแู ลรักษา การใส่ป๋ยุ ถ่ัวเขียวเป็นพืชที่มีความต้องการไนโตรเจนสูง แต่โดยธรรมชาติของ พืชตระกูลถั่ว สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศมาใช้เป็นประโยชน์โดยการ ท�ำงานของจุลินทรีย์ไรโซเบียมท่ีปมราก จึงควรคลุกเมล็ดด้วยเช้ือไรโซเบียม •ถวั่ เขยี วก่อนปลกู ถ้าดินมีความเป็นกรดเป็นด่างต่�ำกว่า 5.5 ให้หว่านปูนขาวหรือ ปูนมาร์ล อัตรา 100 - 200 กิโลกรัมต่อไร่ พรวนกลบแล้วปล่อยท้ิงไว้ 14 วัน •ก่อนปลูก ถ้าในดินมีอินทรียวัตถุสูงกว่า 1.5 เปอร์เซ็นต์ ฟอสฟอรัสเป็น ประโยชน์มากกว่า 10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และโพแตสเซี่ยมท่ีแลกเปลี่ยนได้ •มากกวา่ 60 มลิ ลกิ รมั ต่อกโิ ลกรมั ไม่ต้องใส่ป๋ยุ เคมี การปลูกโดยทั่วไปใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 12 - 24 - 12 อัตรา 20 - 30 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ หวา่ นพรอ้ มกับการเตรียมดิน การปลกู ถวั่ เขยี ว 11

การให้น�ำ้ แม้ว่าถ่ัวเขียวเป็นพืชทนแล้ง ใช้น้�ำน้อยตลอดฤดูปลูกประมาณ 220 มิลลิเมตร แต่ช่วงวิกฤติถั่วเขียวไม่ควรขาดน้�ำ คือระยะออกดอกและ •ติดฝัก ต้นถั่วเขียวควรได้รับนำ�้ เพียงพอ มฉิ ะนัน้ ผลผลติ อาจตกต่ำ� ได้ การปลูกถั่วเขียวในฤดูแล้งเขตชลประทาน ควรให้น�้ำทันทีหลังปลูก หรือเมื่อดินมีความชื้นไม่เพียงพอส�ำหรับการงอก โดยท่ัวไปจะให้น้�ำประมาณ •3 - 4 ครั้ง ตลอดฤดกู าล การปลูกถั่วเขียวในฤดูฝน ในพ้ืนท่ีท่ีไม่มีแหล่งน้�ำหรือชลประทาน ควรศึกษาปริมาณน�้ำฝนย้อนหลัง เพ่ือจัดช่วงระยะเวลาปลูกไม่ให้กระทบ ฝนท้ิงช่วงในระยะออกดอกและติดฝัก ขณะเดียวกันเพ่ือหลีกเล่ียงการถูกฝน •ในระยะเกบ็ เกี่ยว ซ่ึงจะให้ผลผลติ คณุ ภาพต�่ำ ในพ้ืนที่ท่ีระดับน�้ำใต้ดินสูง และลักษณะดินเป็นดินเหนียวหรือ ดินร่วนปนเหนียว สามารถปลูกถ่ัวเขียวโดยการให้น�้ำเพียงครั้งเดียวหรือ ไมใ่ ห้นำ้� เลย เช่น ในกรณีปลูกในนาหลังเก่ียวขา้ ว หวา่ นเมลด็ แลว้ ไถกลบถั่วเขียว •ก็สามารถเจริญเตบิ โตและใหผ้ ลผลิตสูงพอสมควร ในกรณีที่มีน้�ำจ�ำกัด ควรใช้วัสดุ เช่น ฟางข้าวคลุมดิน เพ่ือลด ความรุนแรงของการขาดน�้ำ ขอ้ ควรระวงั อย่าใหถ้ ั่วเขียวขาดน�ำ้ ในระยะงอก ออกดอก และตดิ ฝกั เพราะจะทำ� ให้ผลผลติ ลดลงอย่างมาก 12 การปลกู ถว่ั เขียว

ศตั รพู ชื หญ้ารังนก หญา้ ปากควาย วัชพืชทสี่ ำ� คญั และการปอ้ งกนั ก�ำจัด ผกั ยาง • ชนิดวชั พชื โทงเทง 2 วัชพืชฤดูเดียว เป็นวัชพืชที่ แห้วหมู ครบวงจรชีวิตภายในฤดูเดียว ส่วนมากขยายพันธุ์ การปลกู ถว่ั เขยี ว 13 ด้วยเมล็ด ประเภทใบแคบ เช่น หญ้านก สีชมพู หญ้าตีนนก หญ้าตีนกา หญ้าปากควาย หญา้ รังนก และหญ้าดอกขาว เป็นต้น ประเภทใบกว้าง เช่น ผักยาง ผักปลาบ ผักโขม ปอวัชพืช ผักเบี้ยหิน ผักเส้ียนผี สาบแร้งสาบกา ผักคราดหัวแหวน ผักไผ่น้�ำ หญ้า ก�ำมะหย่ี เทียนนา และกะเม็ง เปน็ ต้น ประเภทกก เชน่ กกทราย เป็นตน้ 2 วัชพืชข้ามปี เป็นวชั พืชทีข่ ยายพันธ์ุ ดว้ ยต้น ราก เหง้า หวั และไหลได้ดีกว่าการขยายพนั ธ์ุ ดว้ ยเมล็ด ประเภทใบแคบ เช่น หญ้าแพรก หญ้าตนี ตดิ และหญา้ ชันกาด เป็นตน้ ประเภทใบกว้าง เช่น ไมยราบเครือ สาบเสอื และตดหมูตดหมา เป็นตน้ ประเภทกก เช่น แห้วหมู และกก ดอกตมุ้ เปน็ ตน้ การเตรียมแปลงที่ดีก่อนการปลูกจะช่วยลด ปริมาณวัชพชื ในแปลงไดม้ าก

• การกำ� จดั วชั พชื ท�ำได้ 2 วธิ ี คือ 1. วธิ ีกล 2 ไถดิน 1 ครงั้ ตากดนิ 7 - 10 วนั พรวน 1 คร้ัง แล้วคราด เกบ็ ซาก ราก เหง้า หัว ไหล ของวชั พชื ขา้ มปี ออกจากแปลง กอ่ นปลูกถว่ั เขียว 2 ใช้เคร่ืองมือกล เช่น จอบหรือไถชักร่องก�ำจัดวัชพืช ระหว่างแถวของถ่ัวเขียวในกรณีท่ีปลูกแบบโรยเป็นแถว หรือใช้เคร่ืองปลูก เป็นแถวเปน็ แนว 1 - 2 คร้ัง ตามความจ�ำเปน็ เม่อื ถวั่ เขียวอายุ 15 และ 30 วนั หลงั งอก 2 คลุมดนิ ด้วยเศษซากวชั พืชหรอื ฟางขา้ วทนั ทหี ลงั ปลกู 2. สารเคมี ในกรณีที่การป้องกันก�ำจัดวัชพืชด้วยวิธีกลไม่มี ประสิทธิภาพเพียงพอ ให้ใช้สารเคมีก�ำจัดวัชพืช การใช้สารเคมี มี 2 ประเภท คือก่อนและหลังวัชพืชงอก ท้ังน้ีสัมพันธ์กับวิธีปลูก ชนิดของวัชพืชในแปลงปลูก และเงือ่ นไขอน่ื ๆ เชน่ ข้อจำ� กัดดา้ นเวลา กล่าวคอื สารควบคุมประเภทหลงั งอก พ่นหลังจากวัชพืชงอกแล้ว แต่พืชยังไม่งอก กรณีปลูกโดยไม่ไถเตรียมดินหรือ ปลูกตามพืชอน่ื ให้เลอื กใช้วิธีพ่นสารก�ำจดั วชั พืชตามค�ำแนะน�ำในตารางที่ 1 14 การปลูกถ่วั เขยี ว

ตารางท่ี 1  สารใชป้ อ้ งกันกำ� จัดวชั พชื ในถัว่ เขียว วชั พชื สารป้องกันก�ำจัด อัตราการใช/้ วธิ ีการใช/้ วชั พชื ฤดเู ดยี ว วชั พืช1/ นำ้� 20 ลติ ร/ ข้อควรระวงั ทเ่ี กดิ จากเมล็ด พ้นื ที่ 1 งาน พ่นทนั ทีหลังปลูก ท้งั วัชพชื ใบแคบ อะลาคลอร์ 125-150 กอ่ นถ่วั เขยี วและวัชพชื งอก และใบกวา้ ง (48% EC) มิลลิลิตร ขณะพ่นดนิ ควรมคี วามช้นื ออกซาไดอะซอน 80-150 และไม่มีวชั พืชขึน้ อยู่ วัชพืชฤดูเดยี ว (25% EC) มิลลิลติ ร ทีเ่ กิดจากเมล็ด อิมาเซทาเพอร์ 75-95 พน่ คลุมไปบนตน้ ถัว่ เขียว และเปน็ วัชพชื (5.3% AE) มลิ ลลิ ิตร และวชั พืช ระยะท่วี ัชพชื ใบแคบมาก ฟลูอะซฟิ อบ-พ-ี 40+40 สว่ นใหญ่ มี 3-5 ใบ หรอื บวิ ทลิ (15% EC) + มลิ ลลิ ิตร ประมาณ 15-20 วันหลงั งอก โฟมีซาเฟน หา้ มใช้โฟมีซาเฟนเกนิ อัตรา (25% EC) 50+40 ที่ก�ำหนด เพราะอาจเปน็ ควิซาโลฟอบ-พ-ี มิลลลิ ติ ร อนั ตรายตอ่ ตน้ ถั่วเขยี ว เทฟิวรลิ (6% EC) + พ่นคลมุ ไปบนต้นถวั่ เขียว โฟมซี าเฟน 40 และวัชพชื ระยะทว่ี ัชพืช (25% EC) มิลลลิ ิตร สว่ นใหญม่ ี 3-5 ใบ หรอื ฟลูอะซิฟอบ-พี- 50 ประมาณ 15-20 วันหลังงอก บิวทลิ (15%EC) มลิ ลิลติ ร ควซิ าโลฟอบ-พี- เทฟวิ รลิ (25% EC) การปลูกถวั่ เขยี ว 15

ตารางท่ี 1  สารใชป้ อ้ งกนั ก�ำจดั วัชพืชในถ่วั เขยี ว (ตอ่ ) วัชพืช สารป้องกนั ก�ำจัด อัตราการใช/้ วิธกี ารใช/้ วชั พืช1/ นำ�้ 20 ลิตร/ ข้อควรระวงั พ้ืนท่ี 1 งาน วัชพชื ฤดูเดียว โฟมีซาเฟน 40 พน่ คลมุ ไปบนตน้ ถัว่ เขยี ว ทเ่ี กดิ จากเมล็ด (25% EC) มิลลิลิตร และวชั พชื ระยะทีว่ ชั พชื และเปน็ พืช สว่ นใหญม่ ใี บ 3-5 ใบ หรือ ใบกว้างมาก ประมาณ 15-20 วันหลังงอก หา้ มใช้เกินอัตราที่ก�ำหนด เพราะอาจเป็นอันตราย ตอ่ ต้นถ่วั เขยี ว วชั พืชฤดูเดียว อะลาคลอร์ 125+75 พน่ ทนั ทีหลงั ปลกู ที่เกิดจากเมล็ด (48% EC) + มิลลิลติ ร ก่อนถ่ัวเขยี วและวัชพชื งอก และตน้ วชั พืช พาราควอท 125+100 ขณะพ่นดินควรมีความช้นื ทีง่ อกขนึ้ มา (27.6% SL) มลิ ลิลิตร และมวี ชั พืชงอกขึน้ มา กอ่ นปลูกถว่ั เขียว กอ่ นปลูกถวั่ เขียว ทัง้ วัชพชื ใบแคบ อะลาคลอร์ และใบกวา้ ง (48% EC) + วัชพชื ขา้ มปี ไกลโฟเสท และต้นวัชพชื (48% SL) ท่งี อกข้นึ มากอ่ น ปลกู ถ่วั เขียว ทง้ั วัชพชื ใบแคบ และใบกวา้ ง 1/ ในวงเลบ็ คือ เปอรเ์ ซน็ ต์สารออกฤทธิ์และรปู แบบของสารก�ำจดั วัชพชื 16 การปลูกถั่วเขียว

โรคที่สำ� คญั และการป้องกนั ก�ำจดั 1.  โรคราแป้ง สาเหตุ  เช้ือรา Oidium sp. ลักษณะอาการ  พบเส้นใยสีขาวคล้ายผงแป้งโรยอยู่บนใบหรือส่วน ของพืชท่ีถูกเช้ือราเข้าท�ำลาย ต่อมาใบจะเปล่ียนเป็นสีแดงและแห้งตายไป ถ้าเชื้อราเข้าท�ำลายในระยะกล้าอาจท�ำให้ต้นกล้าตาย แต่ถ้าเชื้อราเข้าท�ำลาย ในระยะออกดอกจะท�ำให้ต้นแคระแกร็น ติดฝักน้อย ฝักและเมล็ดมีขนาดเล็กลง ฝักที่มีเชื้อราสีขาวคล้ายผงแป้งข้ึนคลุมฝักจะบิดเบ้ียวแคระแกร็น และเมล็ด ไม่สมบูรณ์ เชอื้ ราแพร่ระบาดโดยลม ช่วงเวลาระบาด เป็นโรคท่ีพบระบาดในช่วงอากาศแห้งและเย็น ระหวา่ งเดือนพฤศจิกายน - กมุ ภาพันธ์ •• การปอ้ งกันกำ� จัด ก�ำจัดวชั พชื ทเ่ี ป็นพืชอาศยั ของโรค พ่นสารปอ้ งกันก�ำจดั โรคพชื ตามค�ำแนะน�ำในตารางท่ี 2 2.  โรครากเน่า โคนเน่า สาเหตุ  เช้อื รา Pythium aphanidermatum ลักษณะอาการ  ผิวนอกของรากและโคนต้นส่วนที่ติดดินมีสีน�้ำตาล ถ้าในแปลงมีความชื้นสูงอาการของโรคจะลุกลามอย่างรวดเร็วและพบเส้นใย สีขาวละเอียดปกคลุมบริเวณแผล ต้นถ่ัวเขียวที่เป็นโรคจะเหี่ยวและแห้งตาย ท�ำความเสียหายให้กับถ่ัวเขียวในทุกแหล่งปลูก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ดินมีความชื้นสูง ดินมีน้�ำขัง และการระบายน้�ำไม่ดี เชื้อราสามารถเข้าท�ำลาย ตน้ ถัว่ เขียวไดท้ ุกระยะการเจรญิ เตบิ โต ถ้าเข้าท�ำลายเมลด็ เมลด็ จะเนา่ กอ่ นงอก โดยทว่ั ไป ถา้ ตน้ ถัว่ เขียว อายุ 1 - 2 สปั ดาห์จะอ่อนแอตอ่ การ เขา้ ทำ� ลายของเชอ้ื รามาก การปลกู ถั่วเขียว 17

ชว่ งเวลาระบาด ช่วงฤดฝู นดนิ มีความชน้ื สงู •• การป้องกนั ก�ำจดั เตรียมแปลงให้มีการระบายน�้ำดแี ละไมม่ นี ำ�้ ขัง ในแหล่งท่ีระบาดประจ�ำ คลุกเมล็ดก่อนปลูกตามค�ำแนะน�ำใน •••ตารางที่ 2 พน่ สารป้องกันกำ� จดั โรคพืชตามค�ำแนะนำ� ในตารางท่ี 2 ถอนและเผา ท�ำลายตน้ ทเี่ ปน็ โรค ปลูกพืชหมุนเวียนสลับกับการปลูกถั่วเขียว ไม่ควรปลูกถ่ัวเขียวซ�้ำ ท่เี ดิมติดต่อกนั 3.  โรคใบจดุ สีนำ้� ตาล สาเหตุ  เชื้อรา Cercospora canescens ลักษณะอาการ  มักระบาดในฤดูฝน พบแผลบนใบจุดสีน�้ำตาล คอ่ นข้างกลม ขอบแผลไม่สม่ำ� เสมอตรงกลางแผลมีสีเทา ขนาดแผล 1 - 5 มิลลเิ มตร ถ้าอาการรุนแรงใบจะเปล่ียนเป็นสีน้�ำตาลและแห้งร่วงหล่น โรคนี้สามารถเข้า ท�ำลายได้ทุกระยะการเจริญเติบโตท�ำให้ผลผลิตเสียหายมาก จะเป็นรุนแรงข้ึน ในระยะท่ีต้นถั่วเขียวแก่ใกล้เก็บเกี่ยว ท�ำให้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เพียง คร้งั เดยี ว ฝกั จะลีบและขนาดของเมล็ดเล็กลง ช่วงเวลาระบาด  ระบาดอยา่ งรุนแรงในฤดูฝน •• • การปอ้ งกันกำ� จดั ปลกู ถ่ัวเขียวพันธตุ์ า้ นทานโรค เชน่ พนั ธ์ชุ ยั นาท 36 หลกี เล่ยี งการปลูกถั่วเขยี วในช่วงทมี่ ีการระบาดของโรค ก� ำ จั ด วั ช พื ช บ ริ เ ว ณ ร อ บ แ ป ล ง ป ลู ก • เพอ่ื ไมใ่ หเ้ กดิ การสะสมของโรค ถ้าพบระบาดมากควรพ่นสารป้องกันก�ำจัด โรคพืชตามคำ� แนะนำ� ในตารางที่ 2 18 การปลกู ถ่ัวเขยี ว

4.  โรคไวรสั ใบด่างเหลือง สาเหตุ  เชือ้ ไวรัส  Mungbean Yellow Mosaic Virus (MYMV) ลั ก ษ ณ ะ อ า ก า ร   ต้นที่ เป็นโรคใบจะเป็นจุดสีเหลืองเล็กๆ กระจายอยู่ท่ัวไปบนใบท�ำให้ใบมี สีเหลืองปนเขียว ต่อมาอาการใบจุด สีเหลืองนี้จะกระจายแผ่ออกไปเป็น ผืนใหญ่ และในที่สุดใบเปล่ียนเป็น สีเหลืองจัด ต่อมาอาการลามขึ้นไปสู่ ใบยอด ท�ำให้ยอดที่แตกใหม่มีอาการด่างเหลือง ต้นแคระแกร็น ไม่ออกดอกและ ไม่ติดฝัก แต่ถ้าโรคน้ีเกิดในระยะท่ีติดฝักแล้ว ฝักจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองจัด ขนาดเล็ก และสน้ั ผดิ ปกติ สว่ นมากฝักจะงอขนึ้ ไม่ตดิ เมล็ดหรอื เมล็ดจะลีบเล็กกว่าต้นปกติ ช่วงเวลาระบาด  โรคน้ีพบระบาด ท�ำความเสียหายกับถั่วเขียวได้ ทุกระยะการเจริญเตบิ โต ต้งั แต่ถวั่ เขียวอายุประมาณ 2 สปั ดาห์ขึ้นไป • การปอ้ งกันก�ำจดั หลกี เลยี่ งการปลกู ถว่ั เขยี วในบรเิ วณทมี่ กี ารระบาดของโรค ถา้ จำ� เปน็ •ให้ถอนตน้ ทเ่ี ปน็ โรคเผาท�ำลาย เว้นระยะ 2 - 3 เดอื น จงึ ค่อยปลกู ใหม่ ก�ำจัดพืชอาศัยทั้งในและนอกแปลงปลูก เช่น พืชตระกูลถั่วและ •วชั พชื ต่างๆ พ่นสารก�ำจัดแมลงเมื่อพบแมลงหว่ีขาวระบาดมาก เช่น อิมิดา- โคลพรดิ 5 % EC อัตรา 20 มลิ ลิลิตรตอ่ นำ�้ 20 ลติ ร หรือไตรอะโซฟอส 40 % EC อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้�ำ 20 ลิตร หรือ คาร์โบซัลแฟน 20 % EC อัตรา 60 มลิ ลลิ ิตรตอ่ นำ้� 20 ลติ ร โดยพน่ 2 - 3 ครง้ั ห่างกัน 7 - 10 วนั การปลกู ถั่วเขยี ว 19

5.  อาการท่ีเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก ลักษณะอาการ ส่วนใหญ่พบในดินด่างสีด�ำชุดตาคลี อาการท่ีพบ คือใบยอดที่แตกออกมาใหม่มีสีเหลืองซีดแต่เส้นกลางใบยังคงมีสีเขียว ถ้าขาด รุนแรงใบเปล่ียนเป็นสีเหลืองซีดจนเกือบขาว ต้นแคระแกร็นผลผลิตลดลง หรอื ไม่ได้ผลผลิต •• การป้องกนั กำ� จดั ใชพ้ ันธ์ทุ นทาน ได้แก่ พันธ์ุชยั นาท 84 - 1 ชัยนาท 72 และชัยนาท 36 พ่นเหล็กซัลเฟต ความเข้มข้น 0.5 % อัตรา 3 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อ ต้นถ่ัวเขียวอายุ 20, 30 และ 40 วนั หลังงอก 20 การปลกู ถัว่ เขยี ว

ตารางท่ี 2 การป้องกันกำ� จดั โรคถว่ั เขียว โรค สารปอ้ งกัน อตั ราการใช/้ วธิ ีการใช้/ หยดุ การใชส้ าร ราแป้ง ก�ำจดั โรคพชื 1/ น้�ำ 20 ลิตร ขอ้ ควรระวัง ก่อนเกบ็ เกี่ยว เบโนมิล 15-20 กรัม พ่นเม่อื ถ่ัวเขียว (วนั ) (50% DS) อายุ 30 วัน 14 และพ่นซำ้� อีก ทกุ 10 วนั รวม 3 ครงั้ รากเน่าโคนเนา่ เมทาแลกซลิ 5 กรัม/ คลุกเมลด็ พนั ธ์ุ - (35% DS) เมลด็ พนั ธ์ุ กอ่ นปลูก 1 กโิ ลกรัม ใบจุดสนี ้ำ� ตาล เบโนมลิ 15-20 กรมั พ่นถัว่ เขียว 14 (50% WP) 20 กรมั เม่อื อายุ 30 วัน ไทโอฟาเนต- และพ่นซ�ำ้ อีก เมทลิ 1-2 คร้ัง (70% WP) ทุกๆ 7-10 วนั ขน้ึ อยกู่ บั ความ รุนแรงของโรค 1/ ในวงเลบ็ คือ เปอร์เซน็ ตข์ องสารออกฤทธ์แิ ละรูปแบบของสารปอ้ งกันและกำ� จัดโรคพชื การปลกู ถ่ัวเขยี ว 21

แมลงศตั รูทสี่ �ำคัญและการปอ้ งกันก�ำจัด 1.  หนอนแมลงวนั เจาะล�ำตน้ Ophiomyia phaseoli (Tryon) Melanagromyza sojae (Zehntner) ลักษณะและการท�ำลาย  ตัวเต็มวัยเป็นแมลงขนาดเล็ก สีเทาด�ำ ขนาดประมาณ 2 - 3 มิลลิเมตร วางไข่ในเนื้อเย่ือของใบ หนอนจะชอนไชไป กัดกินเนื้อเยื่อแกนกลางล�ำต้น หรือเน้ือเยื่อรอบๆล�ำต้นในระดับผิวดิน ท�ำให้ เน้ือเยื่อล�ำต้นเนา่ เปื่อย หากเข้าท�ำลายรุนแรงในระยะต้นอ่อน อาจท�ำให้ต้นตาย ตน้ แคระแกรน็ ผลผลิตลดลง ชว่ งเวลาระบาด  ระยะต้นออ่ น หรือถั่วเขียวอายุ 7 - 21 วนั • การป้องกนั ก�ำจัด คลุกเมล็ดก่อนปลูกหรือพ่นสารป้องกันก�ำจัดแมลงศัตรูพืชตาม ค�ำแนะนำ� ในตารางท่ี 3 22 การปลกู ถ่ัวเขยี ว

2.  เพลีย้ ไฟ Megalurothrips usitatus (Bagnall) ลักษณะและการท�ำลาย  เป็นแมลงขนาดเล็ก ขนาดประมาณ 1 - 3 มิลลิเมตร สีเหลือง สีน�้ำตาลหรือน�้ำตาลด�ำ ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกิน น�้ำเลี้ยงจากส่วนอ่อนต่างๆ ของพืช เช่น ใบ และดอก ท�ำให้ใบหงิกงอบิดเบ้ียว แห้งกรอบ ดอกรว่ ง ตดิ ฝักนอ้ ย ช่วงเวลาระบาด  ในฤดแู ลง้ ประมาณปลายเดอื นมกราคม - กุมภาพนั ธ์ หรือในฤดูฝนท่ีเกดิ สภาวะฝนทิ้งชว่ ง อากาศร้อนและความชน้ื สัมพทั ธส์ งู • การปอ้ งกนั กำ� จดั ในฤดูแลง้ ควรปลูกถ่ัวเขยี วกลางเดอื นธันวาคม - กลางเดอื นมกราคม •ซึง่ เป็นช่วงที่มกี ารทำ� ลายของแมลงน้อยทส่ี ดุ พน่ สารป้องกนั ก�ำจัดแมลงศตั รูพชื ตามคำ� แนะน�ำในตารางท่ี 3 3.  หนอนกระทู้ผกั Spodoptera litura (Fabricius) ลกั ษณะและการทำ� ลาย  ตวั เตม็ วยั เปน็ ผเี สอื้ กลางคนื เมอื่ กางปกี กวา้ ง ประมาณ 3 เซนติเมตร วางไข่เป็นกลุ่มตามใบพืช มีขนสีน�้ำตาลอ่อนปกคลุมไว้ ตัวหนอนมีสีเขียวหรือน�้ำตาลอ่อนมีจุดสีด�ำ 2 จุดด้านข้าง ท�ำลายโดนกัดกินใบ ดอกและฝกั ออ่ น ในเวลากลางวันมักหลบซ่อนในดิน การปลูกถั่วเขยี ว 23

ช่วงเวลาระบาด  ระบาดทุกระยะการเจริญเติบโตของพืชในถั่วเขียว ที่ปลูกฤดูแล้งพบมากระหว่างเดือนมกราคม-มนี าคม •• การปอ้ งกนั ก�ำจดั เก็บกลุ่มไข่และตวั หนอนท�ำลาย พ่นสารป้องกันก�ำจัดแมลงศตั รูพืช ตามคำ� แนะนำ� ในตารางท่ี 3 4.  หนอนเจาะสมอฝ้าย Helicoverpa armigera (Hubner) ลักษณะและการท�ำลาย  ตัวเต็มวัยเป็นผีเส้ือกลางคืน วางไข่เป็น ฟองเด่ียวๆ ตามส่วนต่างๆของพืช ตัวหนอนมีสีต่างๆ กัน ได้แก่เขียวเหลืองเทา และน�้ำตาลเข้ม มีขนรอบตัวและมีแถบสีด�ำพาดยาวตามด้านข้างล�ำต้น ท�ำลาย ถ่วั เขียวผวิ ดำ� โดยกัดกินใบ ดอก เจาะฝกั และกัดกินเมล็ดภายในฝัก ชว่ งเวลาระบาด  ในฤดแู ลง้ ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ - มนี าคม • การป้องกนั กำ� จดั พ่นสารป้องกนั ก�ำจัดแมลงศตั รูพืช ตามค�ำแนะนำ� ในตารางท่ี 3 24 การปลกู ถั่วเขยี ว

5.  หนอนเจาะฝกั มารคู ่า Maruca vitrata (Fabricius) ลักษณะและการท�ำลาย  ตัวเต็ม วยั เปน็ ผเี สอื้ กลางคนื เมอื่ กางปกี กวา้ งประมาณ 2.3 - 3 เซนตเิ มตร วางไข่ไว้ที่กลบี ดอก ตัวหนอน มีสีขาวและขาวเหลือง มีจุดสีน�้ำตาลด�ำเป็นคู่ บนส่วนหลังของล�ำตัวทุกปล้อง ท�ำความเสียหายกับถ่ัวเขียว โดยสร้างใยมาพันช่อดอก แล้วอาศัยอยู่ภายในกัดกิน เกสรดอก และกลีบดอกจนหมด แล้วเคลื่อนย้ายไปเจาะกัดกินดอกอ่ืนๆ ต่อไป เม่ือท�ำลายดอกหมดแล้ว หนอนจะเจาะเข้าท�ำลายดอกท่ีอยู่ติดกับดอกหรือติดกับ ใบและกัดกินเมล็ดภายในฝัก ทำ� ใหผ้ ลผลติ ลดลงมากหรือไมไ่ ดผ้ ลผลติ เลย ชว่ งเวลาระบาด  ระยะออกดอกและตดิ ฝัก ปลายฤดฝู นประมาณเดอื น สงิ หาคม-ตลุ าคม • การปอ้ งกันก�ำจัด พ่นสารป้องกนั ก�ำจัดแมลงศัตรูพืช ตามคำ� แนะนำ� ในตารางท่ี 3 6.  เพลี้ยออ่ น Aphis craccivora (Koch) ลักษณะและการท�ำลาย  เพล้ียอ่อนเป็นแมลงปากดูดท่ีมีขนาดเล็ก เคล่ือนไหวช้า ผนังล�ำตัวอ่อนนุ่มมสี ่วนทอ้ งโต ท้ังตวั ออ่ นและตัวเตม็ วัยมีลกั ษณะ คล้ายกนั มาก ดูดกินน�ำ้ เล้ียงตามยอดใบอ่อน ชอ่ ดอก และฝกั อ่อน ทำ� ใหต้ น้ แคระ แกร็น ยอดบดิ เบีย้ ว และเมล็ดลบี ทำ� ใหผ้ ลผลิตเสียหาย การปลกู ถั่วเขียว 25

ช่วงเวลาระบาด  ในฤดูแล้ง ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม ฤดฝู นประมาณเดอื นกนั ยายน - ตุลาคม • การปอ้ งกันกำ� จดั พน่ สารป้องกันก�ำจดั แมลงศตั รพู ืช ตามค�ำแนะนำ� ในตารางที่ 3 7.  ดว้ งถว่ั เขียว Callosobruchus maculatus (Fabricius) Callosobruchus chinensis (Linnaeus) ลกั ษณะและการท�ำลาย ตวั เตม็ วยั มสี นี ำ้� ตาล เป็นด้วงปีกแข็งขนาดเล็กประมาณ 3.0 - 4.5 มิลลิเมตร ปีกส้ันไม่คลุมสุดล�ำตัว มีแถบหรือจุดสีน�้ำตาลแก่บนปีก ท้ังสองข้าง ปลายปีกมีสีด�ำ ล�ำตัวเรียวแคบไปทาง ส่วนหัว หัวเล็กและงุ้มเข้าหาส่วนอก เข้าท�ำลายเมล็ด โดยวางไข่สีขาวนวลท่ีผิวเมล็ด หนอนเป็นระยะเดียว ที่ท�ำลายเมล็ด เมื่อฟักออกจากไข่แล้วเจาะเข้าไปอาศัยและ กัดกินเน้ือภายในเมล็ด และเข้าดักแด้อยู่ภายในจนกระทั่งเป็น ตัวเต็มวัย จึงเจาะรูกลมออกมาภายนอก ถั่วเขียวจะถูกด้วงถั่วเขียวเข้าท�ำลาย ตงั้ แตย่ ังเปน็ ฝกั อยใู่ นไร่ ซง่ึ จะเจริญเตบิ โตและขยายพนั ธุต์ อ่ ในโรงเก็บ ช่วงเวลาระบาด  ระบาดตลอดปี การปอ้ งกนั ก�ำจดั • ท�ำความสะอาดโรงเกบ็ ก่อนน�ำเมลด็ เข้าเก็บรกั ษา • เมื่อพบแมลงตอ้ งทำ� การกำ� จัดทนั ที • ใช้สารคลุกเมลด็ หรอื สารรมเมล็ดตามค�ำแนะนำ� ในตารางที่ 3 26 การปลูกถ่วั เขยี ว

ตารางท่ี 3 การใชส้ ารปอ้ งกนั กำ� จดั แมลงถั่วเขียว แมลงศัตรพู ืช สารป้องกนั อัตราการใช้/ หยุดการใชส้ าร ก�ำจดั แมลง1/ นำ้� 20 ลติ ร วธิ กี ารใช้/ขอ้ ควรระวงั ก่อนเกบ็ เกี่ยว (วนั ) หนอนแมลงวนั ไตรอะโซฟอส 50 มลิ ลลิ ติ ร พ่นหลังจากถั่วเขียว 14 เจาะล�ำต้น (40% EC) งอกพ้นดิน 7-10 วนั และพ่นซำ�้ อกี 1-2 คร้งั หา่ งกัน 7 วนั อิมดิ าโคลพรดิ 2 กรมั /เมล็ด คลุกเมลด็ ก่อนปลูก - (70% WS) 1 กโิ ลกรัม เพลีย้ ไฟ คารโ์ บซัลแฟน 50 มลิ ลลิ ติ ร พน่ เมอ่ื พบเพล้ียไฟ 14 (20% EC) ทำ� ลายใบและดอก 14 ในระยะที่ถ่ัวเขียว ไตรอะโซฟอส 50 มลิ ลลิ ิตร เจริญเติบโตทางใบ (40% EC) และล�ำตน้ จนถงึ ระยะ ตดิ ฝกั ออ่ น ควรพน่ 1-2 ครง้ั หา่ งกนั 7-10 วัน หนอนกระทู้ฝัก ไตรอะโซฟอส 40 มิลลลิ ิตร พน่ เม่อื พบใบถูกทำ� ลาย 14 (40% EC) มากกว่า 30 % 1-2 คร้งั หา่ งกนั 7-10 วนั หนอนเจาะ ไตรอะโซฟอส 50 มิลลิลิตร พน่ เมือ่ พบหนอนเกิน 14 สมอฝ้าย (40% EC) 50 มิลลลิ ติ ร 2-3 ตัว/แถวถ่ัวเขยี ว 7 คลอร์ไพรฟิ อส ยาว 1 เมตร หรอื พ่น (40 % EC) 1-2 คร้งั หา่ งกนั 7-10 วัน ในระยะ ถว่ั เขยี วออกดอก การปลูกถัว่ เขียว 27

ตารางที่ 3 การใช้สารปอ้ งกนั กำ� จดั แมลงถวั่ เขยี ว (ต่อ) แมลงศตั รูพืช สารป้องกนั อตั ราการใช/้ หยุดการใช้สาร กำ� จดั แมลง1/ นำ้� 20 ลิตร วธิ ีการใช/้ ข้อควรระวัง ก่อนเก็บเกีย่ ว (วนั ) หนอนเจาะฝกั ไตรอะโซฟอส 50 มลิ ลลิ ติ ร พ่นเมอ่ื ดอกและฝัก มารคู า่ (40% EC) 20 มลิ ลิลติ ร ถูกทำ� ลาย 30% ในระยะ แลมบด์ ้า- ถ่วั เขยี วออกดอกและฝัก ไซฮาโล ถูกท�ำลาย 20% ในระยะ (2.5% EC) ฝกั แรกเต่ง ควรพน่ 1-2 คร้ัง หา่ งกัน 10 วัน เพล้ยี อ่อน ไตรอะโซฟอส 40 มลิ ลิลิตร พ่นเม่ือพบเพล้ยี ออ่ น (40% EC) 50 มลิ ลลิ ติ ร ระบาดมาก 1-2 ครงั้ คารโ์ บซัลแฟน หา่ งกนั 7-10 วัน (20% EC) ด้วงถั่วเขียว อลูมเิ นียมฟอส อตั ราที่ใช้ 2-3 รมเมล็ดนาน เวลา ไฟด์ (56% TB) เมด็ /เมล็ดถัว่ 5-7 วนั โดยใช้ ผา้ พลาสติกหนา เขยี ว 1 ตนั 0.2 มลิ ลิเมตร และ ใช้ถงุ ทรายทบั ชายผ้า เพ่อื เก็บกกั กา๊ ซสารรม ที่ใช้แลว้ จะสลายตัว เปน็ ผง ใหน้ �ำไปฝังดนิ 1/ ในวงเลบ็ คือ เปอร์เซน็ ต์ของสารออกฤทธ์ิและรูปแบบของสารปอ้ งกนั กำ� จดั แมลงศตั รูพืช 28 การปลูกถ่ัวเขยี ว

การเก็บเกี่ยว และวิทยาการหลงั การเก็บเก่ยี ว การเกบ็ เกยี่ ว ถ่ัวเขียวเป็นพืชที่มีการสุกแก่ของฝักในต้นเดียวกันไม่พร้อมกัน อายุการ เก็บเก่ียวถั่วเขียวข้ึนอยู่กับพันธุ์และสภาพแวดล้อม ถ้าสภาพการเพาะปลูก มีอุณหภูมติ ่�ำและความชื้นสงู อายเุ ก็บเกยี่ วถั่วเขยี วจะยืดออกไป แตส่ ภาพแวดลอ้ ม การเพาะปลูกมีอุณหภูมิสูง ความชื้นต่�ำ อายุการเก็บเก่ียวจะสั้นลง โดยทั่วไปจะ เก็บเกี่ยว 2 ครั้ง โดยเก็บเก่ียวครั้งแรกเมื่อมีฝักแก่ (ฝักแก่มีสีด�ำ) ร้อยละ 80 และครั้งท่ี 2 หลังจากเก็บเก่ียวคร้ังแรกประมาณ 14 วัน เก็บเกี่ยวโดยใช้มือปลิด แต่ถ้าเก็บเก่ียวด้วยเคร่ืองจักรกล จะท�ำให้เก็บเกี่ยวถั่วเขียวได้เร็ว แต่สามารถ เกบ็ เกยี่ วถัว่ เขียวไดเ้ พยี งครั้งเดยี ว ท�ำให้สญู เสยี เมล็ดถ่วั เขียวทย่ี ังไม่แก่ การตากและนวด การตาก  น�ำฝักถวั่ เขียวมาตากแดด ในกรณีทีต่ ากบนพื้นดินใหใ้ ช้ผา้ ใบ หรือผา้ พลาสติกรองพื้นกนั ความชนื้ ตากประมาณ 1-2 แดด เพ่อื ให้ความชื้นฝัก และเมล็ดลดลงเหลือประมาณรอ้ ยละ 11-13 การปลกู ถว่ั เขียว 29

• การนวด  สามารถทำ� ได้ 3 วิธี ได้แก่ ใช้แรงงานคน โดยเอาฝักถั่วเขียวใช้กระสอบผ้าหรือพลาสติกแล้ว ใช้ไม้ทุบ การใช้วิธีน้ีใช้เวลานาน ส้ินเปลืองแรงงาน แต่ได้เมล็ดคุณภาพดี •มกี ารแตกหักของเมล็ดนอ้ ยมาก ใช้รถเหยียบย่�ำ วิธีนี้ท�ำได้โดยกองฝักถั่วเขียวสูงประมาณ 25 เซนติเมตรบนทแี่ ห้ง ลานซเี มนต์ หรือลานดนิ ที่อดั แนน่ และรองพ้ืนด้วยผา้ ใบ ใช้รถไถเดินตามหรือรถแทร็กเตอร์ย�่ำ ควรปล่อยลมยางให้อ่อนและใช้ความเร็ว •รอบของเครอื่ งต�ำ่ เพ่ือลดการแตกหกั ของเมลด็ ถัว่ เขียว ใช้เคร่ืองกะเทาะเมล็ดถ่ัวเขียว ซ่ึงจะสามารถกะเทาะถั่วเขียวที่มี ความชื้นของเมล็ด 11.0 - 13.5 เปอรเ์ ซ็นต์ อตั ราท�ำงาน 550 รอบต่อนาที 30 การปลูกถ่วั เขยี ว

การเกบ็ รกั ษา หลังนวดเสร็จแล้ว ท�ำความสะอาดเมล็ดโดยฝักหรือใช้แรงลมเพื่อ เอาเศษเปลือกฝักหรือสิ่งเจือปนอ่ืนๆ ออก แล้วน�ำเมล็ดไปผึ่งแดดเพ่ือลด ความช้ืนให้เหลือประมาณ 11 - 12 เปอร์เซ็นต์ บรรจุเมล็ดถ่ัวเขียวในกระสอบ ท่ีสะอาด มดั ใหม้ ดิ ชิด เพ่ือเกบ็ รกั ษาหรอื สง่ จ�ำหน่ายต่อไป ✤✤✤ การปลกู ถวั่ เขยี ว 31

บรรณานกุ รม กรมวิชาการเกษตร, ฝ่ายพันธุ์พืช กองควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร. 2543. พันธุ์พืชขึ้นทะเบียนและพันธุ์พืชรับรองตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 เลม่ 1. กรมวชิ าการเกษตร.กรุงเทพมหานคร. 293 หน้า. กรมวิชาการเกษตร, สถาบันวิจัยพืชไร่. 2539. เอกสารวิชาการ พนั ธุพ์ ืชไร่ 2539. สถาบนั วิจัยพชื ไร่ กรงุ เทพมหานคร. 144 หนา้ . กรมวิชาการเกษตร, สถาบนั วิจยั พืชไร่. 2544. เอกสารวิชาการ พันธ์พุ ืชไร่ 2543. สถาบันวจิ ัยพืชไร่ กรงุ เทพมหานคร. 77 หนา้ . กรมสง่ เสริมการเกษตร. กองส่งเสริมพชี ไรน่ า. 2545 เทคโนโลยีการผลติ ถ่ัวเขียว ผวิ มันคุณภาพดี กองสง่ เสรมิ พชื ไร่นา 31.หนา้ กลมุ่ งานวจิ ัยวัชพืช. 2548. ค�ำแนะน�ำการป้องกันกำ� จัดวัชพืชและการใช้สารเคมี ก�ำจัดวัชพืช ปี2547. ส�ำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการ เกษตร กรุงเทพฯ. 133 หน้า. กองกีฏและสัตววิทยา. 2551. การป้องกันก�ำจัดแมลงและสัตว์ศัตรูพืชปี 2551. เอกสารวิชาการเกษตรค�ำแนะน�ำ กลุ่มกีฏและสัตววิทยา ส�ำนักวิจัย พฒั นาการอารกั ขาพชื กรมวชิ าการเกษตร กรุงเทพฯ. 295 หน้า. กองปฐพีวิทยา. 2543. ลักษณะอาการขาดธาตุอาหารของพืช. เอกสารวิชาการ กองปฐพีวิทยา กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. 119 หนา้ . กองโรคพืชและจุลชีววิทยา. 2545. คู่มือโรคพืชไร่. เอกสารวิชาการกองโรคพืช และจุลชีววิทยา กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กรุงเทพฯ. 105 หน้า. กองโรคพืชและจุลชีววิทยา. 2544. โรคของถ่ัวเขียวและงา.กองโรคพืชและ จลุ ชวี วทิ ยา กรมวชิ าการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ กรงุ เทพฯ. 32 การปลกู ถวั่ เขยี ว

นันทินี ศรีจุมปา ปรีชา สุรินทร์ สมยศ พิชิตพร พรพุฒิ ประเสริฐกุล และ จรัสพร ถาวรสุข. 2532. การศึกษาการเข้าท�ำลายของเชื้อรา Macrophomina phaseolina บนถั่วเขียวผิวด�ำพันธุ์ต่างๆ. หน้า 353-372. ใน: รายงานผลงานวิจัยปี 2532 ถ่ัวเขียว และ พืชไร่ในเขตชลประทาน ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท สถาบันวิจัยพืชไร่ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ รังสิต สุวรรณเขตนิคม. 2547. สารป้องกันก�ำจัดวัชพืชพ้ืนฐานและวิธีการใช้. ภาควชิ าพชื ไรน่ า คณะเกษตร มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์. 374 หน้า. วิเชียร บ�ำรุงศรี เตือนจิตต์ สัตยาวิรุทธ์ ศรีสมร พิทักษ์ สาทร สิริสิงห์ และ วรัญญา ตันติยุทธ. 2543. เอกสารวิชาการ แมลงศัตรูถ่ัวเขียวและ การปอ้ งกนั กำ� จดั . กลมุ่ งานวจิ ยั แมลงศตั รพู ชื นำ้� มนั และพชื ไรต่ ระกลู ถว่ั กองกีฏและสตั ววทิ ยา กรมวชิ าการเกษตร กรงุ เทพฯ. 44 หน้า. ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท 2543. การผลิตถั่วเขียวอย่างถูกต้องและเหมาะสม ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท สถาบันวิจัยพืชไร่ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 49 หน้า ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท. 2552. การผลิตถ่ัวเขียวในเขตชลประทาน. เอกสาร วิชาการศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตร และสหกรณ์. 12 หน้า. ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท. 2555. การผลิตถ่ัวเขียว. เอกสารเผยแพร่วิชาการ ศูนย์วจิ ยั พืชไรช่ ยั นาท กรมวิชาการเกษตร 28 หน้า ภาพประกอบไดร้ บั การเออ้ื เฟอ้ื จากกรมวิชาการเกษตร การปลกู ถ่ัวเขียว 33

บนั ทกึ /NOTE 34 การปลูกถัว่ เขียว

เอกสารคำ� แนะน�ำท่ี 4/2557 การปลกู ถวั่ เขยี ว ทป่ี รกึ ษา นายโอฬาร พิทกั ษ ์ อธิบดีกรมส่งเสรมิ การเกษตร นายน�ำชยั พรหมมีชัย รองอธิบดีกรมสง่ เสริมการเกษตร ฝา่ ยบริหาร นายไพรชั หวังดี รองอธบิ ดีกรมสง่ เสริมการเกษตร ฝา่ ยวิชาการ นายสุรพล จารุพงศ์ รองอธิบดกี รมส่งเสริมการเกษตร ฝ่ายสง่ เสรมิ และฝกึ อบรม นางสุกญั ญา อธิปอนนั ต ์ ผูอ้ �ำนวยการสำ� นักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี นางอรสา ดิสถาพร ผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั สง่ เสริมและจัดการสนิ ค้าเกษตร เรียบเรยี ง นางศรสี ุดา เตชะสาน ผู้อำ� นวยการกลมุ่ ส่งเสริมการผลติ พืชน�้ำมันและพชื ตระกูลถว่ั จดั ท�ำ นางอมรทิพย์ ภริ มยบ์ ูรณ์ ผู้อำ� นวยการกลุ่มพฒั นาสอ่ื สง่ เสรมิ การเกษตร นายพงษ์เพชร วงศ์โสภา นักวชิ าการเผยแพร่ช�ำนาญการ กลุ่มพัฒนาสื่อส่งเสรมิ การเกษตร สำ� นักพฒั นาการถา่ ยทอดเทคโนโลยี กรมสง่ เสรมิ การเกษตร