Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องเมฆ (Cloud)

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องเมฆ (Cloud)

Published by Udcharawan Pharasee, 2022-01-17 12:04:05

Description: ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องเมฆ (Cloud) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

Search

Read the Text Version

กระทรวงศึกษาธิการ (2560, หนา้ 30 - 31) กลา่ ววา่ กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ มุง่ หวงั ใหผ้ ูเ้ รียนไดเ้ รียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ท่ีเนน้ การเช่ือมโยงความรูก้ บั กระบวนการ มีทกั ษะสาคญั ในการ คน้ ควา้ และสรา้ งองคค์ วามรู้ โดยใชก้ ระบวนการในการสืบเสาะหาความรูแ้ ละแกป้ ัญหาท่ีหลากหลาย ใหผ้ ูเ้ รี ยนมีส่วนร่วมในการเรี ยนรู้ทุกขนั้ ตอน มีการทากิจกรรมดว้ ยการลงมือปฏิ บตั ิจริ งอยา่ ง หลากหลาย เหมาะสมกบั ระดบั ชนั้ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ เร่ือง เมฆ โดยใชร้ ูปแบบการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) สาหรับนักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ถือเป็นชุดกิจกรรมการเรียนรูท้ ่ีมุง่ พฒั นาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์ เร่ื องเมฆ ใหม้ ีประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน โดยชุด กิจกรรมน้ีจดั ทาข้ึนใหส้ อดคลอ้ งกบั ยคุ ของ Thailand 4.0 ท่ีนาเทคโนโลยีหรือนวตั กรรมทางการศึกษา มาใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ โดยเนน้ ผูเ้ รียนเป็ นสาคญั มีการจดั การเรียนการสอนทง้ั ภาคทฤษฎีและ ภาคปฏิบตั ิ มีการใชก้ ระบวนการสารวจ การทดลอง กระบวนการกลุม่ การคานึงถึงความแตกต่าง ระหวา่ งบุคคลในการจดั การเรียนรู้ ซ่ึงชุดกิจกรรมการเรียนรูน้ ้ีถือเป็ นทางเลือกหน่ึงท่ีทาใหค้ รูผูส้ อน สามารถนาไปพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน เร่ืองเมฆ ไดอ้ ยา่ งเต็มศกั ยภาพ ผูจ้ ดั ทาตอ้ งขอขอบพระคุณทุกทา่ นท่ีใหก้ ารสนบั สนุนในการจดั ทาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง เมฆ (Cloud) เป็ นอยา่ งดี จนสาเร็จลุล่วงไปดว้ ยดี และผูจ้ ดั ทาหวงั เป็ นอยา่ งย่ิงว่าชุดกิจกรรมน้ีจะ สามารถนาไปพฒั นาผูเ้ รียนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ อจั ฉราวรรณ ภาระษี มกราคม 2565

เร่ือง หนา้ คานา ก สารบญั ข ผงั มโนทศั น์ เร่ืองเมฆ (cloud) ง สว่ นประกอบของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จ คาแนะนาการใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรูส้ าหรับนักเรียน ฉ บทบาทของนักเรียน ช คาช้ีแจง ซ ผงั การจดั ชน้ั เรียน ญ ส่ ื อชุดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ 1 ขนั้ ตอนการทากิจกรรม 2 แบบทดสอบกอ่ นเรียน 3 กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลงั เรียน 7 กิจกรรมท่ี 1 เร่ืองความหมายและการเกิดเมฆ 8 แบบบนั ทึกกิจกรรมท่ี 1 เร่ืองความหมายและการเกิดเมฆ 9 ใบความรูท้ ่ี 1 เร่ืองความหมายและการเกิดเมฆ 10 แบบฝึกทกั ษะท่ี 1 เร่ืองความหมายและการเกิดเมฆ 11 ใบความรูท้ ่ี 2 เร่ืองชนิดของเมฆ 12 แบบฝึกทกั ษะท่ี 2 เร่ืองชนิดของเมฆ 15 ใบความรูท้ ่ี 3 เร่ืองการแบง่ ชนั้ ของเมฆ 16 แบบฝึกทกั ษะท่ี 3 เร่ืองการแบง่ ชน้ั ของเมฆ 18 ใบความรูท้ ่ี 4 เร่ืองสีของเมฆ 19 แบบฝึกทกั ษะท่ี 4 เร่ืองสีของเมฆ 20 ใบความรูท้ ่ี 5 เร่ืองการเปรียบเทียบปริมาณเมฆบนทอ้ งฟา้ 21 แบบฝึกทกั ษะท่ี 5 เร่ืองการเปรียบเทียบปริมาณเมฆบนทอ้ งฟ้า 22

เร่ือง หนา้ กิจกรรมท่ี 2 เร่ืองการสารวจเมฆ 23 แบบบนั ทึกกิจกรรมท่ี 2 เร่ืองการสารวจเมฆ 24 คิดเพ่ิม เสริมรู้ “เมฆ (Cloud)” 26 แบบทดสอบหลงั เรียน 27 กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลงั เรียน 31 เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการวดั และประเมินผล 32 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล 33 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล 34 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ 35 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ 36 แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 37 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 38 เอกสารอา้ งอิง 39 ภาคผนวก 40 ประวตั ิผูจ้ ดั ทา 50



ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ืองเมฆ (Cloud) ของนักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนบา้ นแมโ่ จ้ อาเภอสนั ทราย จงั หวดั เชียงใหม่ ประกอบดว้ ย คาแนะนาการใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรูส้ าหรบั นกั เรียน บทบาทของนักเรียน คาช้ ีแจง ผงั การจดั ชนั้ เรียน ส่ ื อชุดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ ขนั้ ตอนการทากิจกรรม แบบทดสอบกอ่ นเรียน กิจกรรมท่ี 1 เร่ืองความหมายและการเกิดเมฆ แบบบนั ทึกกิจกรรมท่ี 1 เร่ืองความหมายและการเกิดเมฆ ใบความรูท้ ่ี 1 เร่ืองความหมายและการเกิดเมฆ แบบฝึกทกั ษะท่ี 1 เร่ืองความหมายและการเกิดเมฆ ใบความรูท้ ่ี 2 เร่ืองชนิดของเมฆ แบบฝึกทกั ษะท่ี 2 เร่ืองชนิดของเมฆ ใบความรูท้ ่ี 3 เร่ืองการแบง่ ชน้ั ของเมฆ แบบฝึกทกั ษะท่ี 3 เร่ืองการแบง่ ชน้ั ของเมฆ ใบความรูท้ ่ี 4 เร่ืองสีของเมฆ แบบฝึกทกั ษะท่ี 4 เร่ืองสีของเมฆ ใบความรูท้ ่ี 5 เร่ืองการเปรียบเทียบปริมาณเมฆบนทอ้ งฟ้า แบบฝึกทกั ษะท่ี 5 เร่ืองการเปรียบเทียบปริมาณเมฆบนทอ้ งฟ้า กิจกรรมท่ี 2 เร่ืองการสารวจเมฆ แบบบนั ทึกกิจกรรมท่ี 2 เร่ืองการสารวจเมฆ คิดเพ่ิม เสริมรู้ “เมฆ (Cloud)” แบบทดสอบหลงั เรียน เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการวดั และประเมินผล เอกสารอา้ งอิง

1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ืองเมฆ ชุดน้ีใชเ้ วลาในการจดั การเรียนการสอน จานวน 6 ชว่ั โมง 2. ตวั แทนนกั เรียนแตล่ ะกลุม่ มารับเอกสารจากครูผูส้ อน ดงั น้ี 2.1 ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ืองเมฆ (Cloud) กลุม่ ละ 1 ชุด เพ่ือนาไปแจกใหน้ ักเรียนในกลุม่ คนละ 1 ฉบบั ซ่ึงประกอบดว้ ย แบบทดสอบกอ่ นเรียนและกระดาษคาตอบ จานวน 6 ฉบบั กิจกรรมท่ี 1 เร่ืองความหมายและการเกิดเมฆ จานวน 6 ฉบบั แบบบนั ทึกกิจกรรมท่ี 1 เร่ืองความหมายและการเกิดเมฆ จานวน 6 ฉบบั ใบความรูท้ ่ี 1 เร่ืองความหมายและการเกิดเมฆ จานวน 6 ฉบบั แบบฝึกทกั ษะท่ี 1 เร่ืองความหมายและการเกิดเมฆ จานวน 6 ฉบบั ใบความรูท้ ่ี 2 เร่ืองชนิดของเมฆ จานวน 6 ฉบบั แบบฝึกทกั ษะท่ี 2 เร่ืองชนิดของเมฆ จานวน 6 ฉบบั ใบความรูท้ ่ี 3 เร่ืองการแบง่ ชน้ั ของเมฆ จานวน 6 ฉบบั แบบฝึกทกั ษะท่ี 3 เร่ืองการแบง่ ชน้ั ของเมฆ จานวน 6 ฉบบั ใบความรูท้ ่ี 4 เร่ืองสีของเมฆ จานวน 6 ฉบบั แบบฝึกทกั ษะท่ี 4 เร่ืองสีของเมฆ จานวน 6 ฉบบั ใบความรูท้ ่ี 5 เร่ืองการเปรียบเทียบปริมาณเมฆบนทอ้ งฟ้า จานวน 6 ฉบบั แบบฝึกทกั ษะท่ี 5 เร่ืองการเปรียบเทียบปริมาณเมฆบนทอ้ งฟ้า จานวน 6 ฉบบั กิจกรรมท่ี 2 เร่ืองการสารวจเมฆ จานวน 6 ฉบบั แบบบนั ทึกกิจกรรมท่ี 2 เร่ืองการสารวจเมฆ จานวน 6 ฉบบั คิดเพ่ิม เสริมรู้ “เมฆ (Cloud)” จานวน 6 ฉบบั แบบทดสอบหลงั เรียนและกระดาษคาตอบ จานวน 6 ฉบบั 2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล จานวน 1 ฉบบั 2.3 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ จานวน 1 ฉบบั 2.4 แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ จานวน 1 ฉบบั

นักเรียนควรทราบบทบาท ของตนเองกอ่ น…นะคะ 1. เตรียมอุปกรณ์ เชน่ เคร่ืองเขียน หนังสือเรียน สมุด 2. เตรียมตวั ใหพ้ รอ้ มในการเรียนรู้ ศึกษาผลการเรียนรู้ ผงั มโนทศั น์ 3. ปฏิบตั ิกิจกรรมตามขนั้ ตอนการทากิจกรรม 4. จดั เก็บอุปกรณต์ า่ ง ๆ ท่ีใชใ้ นการทากิจกรรมไวท้ ่เี ดิมใหเ้ รียบรอ้ ย 5. ทาแบบฝึกทกั ษะ ตอบคาถาม อภิปรายร่วมกบั เพ่ือนภายในกลุม่ 6. ตรวจคาตอบจากแนวการบนั ทึกกิจกรรมและเฉลยแบบฝึกทกั ษะ 7. รวบรวมคะแนนสง่ ครู แลว้ บนั ทึกความรูล้ งในสมุดบนั ทึก

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ืองเมฆ (Cloud) จดั ทาข้ึนเพ่ือใหน้ กั เรียนไดศ้ ึกษาหาความรูใ้ นหน่วย การเรียนรูท้ ่ี 5 บรรยากาศ รายวิชาวิทยาศาสตร์ ว21102 ซ่ึงมีเน้ือหาเก่ียวกบั การเกิดเมฆ ชนิดของ เมฆ การแบง่ ชน้ั เมฆ สีของเมฆ การเปรียบเทียบปริมาณเมฆบนทอ้ งฟ้า และการสารวจเมฆ รวมทงั้ วดั ผลการเรียนรูแ้ ละตรวจสอบผลการเรียนรู้ โดยใชเ้ คร่ื องมือการวดั และประเมินผลท่ีอยูภ่ ายในชุด กิจกรรมน้ีไดท้ นั ทีท่ีเรียนเสร็จ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการ เปล่ียนแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีภยั พิบตั ิ กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศแล ะ ภูมิอากาศโลก รวมทง้ั ผลตอ่ ส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดลอ้ ม ตวั ช้ีวดั ว 3.2 ม.1/2 อธิบายปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ การเปล่ียนแปลงองคป์ ระกอบของลมฟ้าอากาศ จากขอ้ มูลท่ีรวบรวมได้ สาระการเรียนรู้ ลมฟ้าอากาศ เป็นสภาวะของอากาศในเวลาหน่ึงขอพ้ืนท่ีหน่ึงท่ีมีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลา ข้ึนอยูก่ บั องคป์ ระกอบลมฟ้าอากาศ ไดแ้ ก่ อุณหภูมิอากาศ ความกดอากาศ ลม ความช้ืน เมฆ และ หยาดน้าฟ้า โดยหยาดน้าฟ้าท่ีพบบอ่ ยในประเทศไทย ไดแ้ ก่ ฝน องคป์ ระกอบลมฟ้าอากาศเปล่ียนแปลง ตลอดเวลาข้ึนอยูก่ บั ปัจจยั ตา่ ง ๆ เชน่ ปริมาณรังสีจากดวงอาทิตยแ์ ละลกั ษณะพ้ืนผิวโลกส่งผลตอ่ อุณหภูมิอากาศ อุณหภูมิอากาศและปริมาณไอน้าส่งผลตอ่ ความช้ืน ความกดอากาศส่งผลตอ่ ลม ความช้ืนและลมสง่ ผลตอ่ เมฆ

ดา้ นความรู้ (Knowledge : K) 1. อธิบายความหมายและการเกิดเมฆได้ 2. อธิบายลกั ษณะและประเภทของเมฆแตล่ ะชนิดได้ 3. เปรียบเทียบลกั ษณะของเมฆแตล่ ะชน้ั ได้ 4. อธิบายปรากฏการณท์ ่ีทาใหเ้ มฆมีสีแตกตา่ งกนั ได้ 5. อธิบายและเปรียบเทียบปริมาณเมฆบนทอ้ งฟ้าได้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (Process : P) 1. ทกั ษะการสงั เกต 2. ทกั ษะการทดลอง 3. ทกั ษะการจาแนกประเภท 4. ทกั ษะการลงความเห็นจากขอ้ มูล 5. กระบวนการกลุม่ ดา้ นคุณลกั ษณะ (Attitude : A) 1. ซ่ือสตั ย์ สุจริต 2. มีวินยั 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุง่ มน่ั ในการทางาน เวลาท่ีใช้ จานวน 6 ชวั่ โมง

โตะ๊ ครู กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 กลุ่มท่ี 3 กลุ่มท่ี 4 กลุ่มท่ี 5 กลุ่มที่ 6



การจดั กระบวนการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) 1. ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) 2. ขน้ั สารวจและคน้ ควา้ (Exploration) 3. ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) 4. ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) 5. ขนั้ ประเมินความรู้ (Evalute)

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและการเกิดเมฆได้ 2. อธิบายลกั ษณะและประเภทของเมฆแตล่ ะชนิดได้ 3. เปรียบเทียบลกั ษณะของเมฆแตล่ ะชนั้ ได้ 4. อธิบายปรากฏการณท์ ่ีทาใหเ้ มฆมีสีแตกตา่ งกนั ได้ 5. อธิบายและเปรียบเทียบปริมาณเมฆบนทอ้ งฟา้ ได้ คาช้ีแจง 1. แบบทดสอบฉบบั น้ีเป็นแบบทดสอบแบบปรนัย ชนิด 4 ตวั เลือก จานวน 20 ขอ้ คะแนนเต็ม 20 คะแนน ใชเ้ วลาทดสอบ 20 นาที 2. ใหน้ ักเรียนอา่ นแบบทดสอบดว้ ยความรอบคอบแลว้ ตอบคาถาม โดยเลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งท่ี สุดเพียง ขอ้ เดียว แลว้ ทาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคาตอบ 1. ขอ้ ใดกล่าวถึงความหมายของเมฆ (Cloud) ไดถ้ กู ตอ้ งที่สุด ก. กลุม่ ของละอองน้าขนาดเล็ก ซ่ึงเกิดจากการควบแน่นของหยดน้าในอากาศ ข. การรวมตวั หรือเกาะกลุม่ ของไอน้าจนเกิดการควบแน่นและตกลงมาเป็นหยาดน้าฟ้า ค. ละอองน้าและเกล็ดน้าแข็งท่ีรวมตวั กนั เป็นกลุม่ กอ้ นลอยตวั อยูใ่ นชนั้ บรรยากาศท่ีเราสามารถมองเห็นได้ เป็ นไอน้าท่ ีควบแน่นเป็ นละอองน้า ง. ถูกทง้ั ขอ้ ก. ข. และ ค. 2. เมฆเกิดข้ึนไดอ้ ย่างไร ก. ไอน้าในอากาศอ่ิมตวั ข. ไอน้าในอากาศมีอุณหภูมิลดลง ค. ไอน้าในอากาศเย็นตวั ลงรวมตวั กนั เป็นกลุม่ ละอองน้า ง. อากาศเย็นลอยต่าลง อากาศรอ้ นลอยข้ึนไปกระทบความเย็น 3. ปัจจยั ในขอ้ ใดที่ส่งผลทาใหเ้ กิดเมฆบนทอ้ งฟ้า ข. ไอน้า และละอองน้า ก. ไอน้า และลม ง. หยดน้า และความกดอากาศ ค. ความช้ืนอากาศ และลม

4. เพราะเหตใุ ด ในวนั ท่ีเมฆปกคลุมทอ้ งฟ้าจึงมีอณุ หภมู ิของอากาศตา่ กว่าวนั ท่ีทอ้ งฟ้าโปร่ง ก. ไอน้าในเมฆชว่ ยลดความรอ้ นจากดวงอาทิตย์ ข. หยดน้าในเมฆชว่ ยดูดกลืนรงั สีความรอ้ นไวบ้ างสว่ น ค. ในเมฆมีแกส๊ บางชนิดท่ีชว่ ยลดความรอ้ นจากดวงอาทิตย์ ง. เมฆชว่ ยระบายความรอ้ นออกจากโลกได้ ทาใหอ้ ณุ หภูมิของโลกไมร่ อ้ นเกินไป 5. จงพิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี A เมฆเกิดข้ึนโดยมีรูปร่าง 2 ลกั ษณะ คือ เมฆกอ้ น และเมฆแผน่ B เมฆกอ้ น เรียกวา่ “คิวมูลสั (Ciumulus)” สว่ นเมฆแผน่ เรียกวา่ “สเตรตสั (Stratus)” C หากเมฆกอ้ นลอยชิดติดกนั เราจะนาช่ือทง้ั สองมาตอ่ กนั เรียกวา่ “สเตรตสั คิวมูลสั (Stratuscumulus)” ขอ้ ใดกลา่ วผิด ก. ขอ้ A ข. ขอ้ B ค. ขอ้ C ง. ขอ้ A B และ C 6. วนั ที่ลมกระโชกแรง เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง จะพบเห็นเมฆชนิดใด ก. อลั โตคิวมูลสั ข. ซีรโ์ รคิวมูลสั ค. คิวมูโลนิมบสั ง. อลั โตสเตรตสั 7. เมฆแผ่นที่มีฝนตกปรอย ๆ เป็ นเวลานาน ไม่เกิดฟ้าแลบ ฟ้ารอ้ ง ฝนลกั ษณะดงั กล่าวเกิดจากเมฆ ชนิดใด ก. คิวมูโลนิมบสั ข. ซีรโ์ รคิวมูลสั ค. นิมโบสเตรตสั ง. อลั โตสเตรตสั 8. เมฆชนิดใดท่ีสามารถทาใหเ้ กิดปรากฏการณพ์ ระอาทิตยท์ รงกลดได้ ก. ซีรโ์ รคิวมูลสั ข. อลั โตคิวมูลสั ค. อลั โตสเตรตสั ง. ซีรโ์ รสเตรตสั 9. หากพบเห็นเมฆกอ่ ตวั ในแนวตงั้ มีลกั ษณะเป็ นกอ้ นขนาดใหญ่ ส่วนยอดแผ่แบนออกคลา้ ยทงั่ แสดง วา่ สภาพอากาศเป็ นอย่างไร ก. อากาศแจม่ ใส ลมพดั แรง ข. อากาศแหง้ ลมสงบ ค. อากาศมีความช้ืนต่า อาจมีฝนตกปรอย ๆ ง. อากาศมีความช้ืนสูง และมีฝนฟ้าคะนอง

10. จงพิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี A เมฆชนั้ กลางประกอบดว้ ย สเตรตสั เพียงอยา่ งเดียว B เมฆชน้ั สูงประกอบดว้ ย ซีรร์ ัส ซีรโ์ รสเตรตสั และซีร์โรคิวมูลสั C เมฆชนั้ ต่า ประกอบดว้ ย อลั โตคิวมูลสั อลั โตสเตรตสั และนิมโบสเตรตสั ขอ้ ใดกลา่ วผิด ก. A และ B ข. A และ C ค. B และ C ง. A B และ C 11. ขอ้ ใดกล่าวถกู ตอ้ งเกี่ยวกบั ลกั ษณะของเมฆชนั้ กลางและเมฆชน้ั สงู ก. หยดน้าธรรมดาคือองคป์ ระกอบหลกั ของเมฆทง้ั สองชน้ั ข. หยดน้าเย็นย่ิงยวด และผลึกน้าแข็งเป็นองคป์ ระกอบหลกั ตามลาดบั ค. หยดน้าธรรมดา และผลึกน้าแข็งเป็นองคป์ ระกอบหลกั ตามลาดบั ง. หยดน้าธรรมดา และหยดน้าเย็นย่ิงยวดเป็นองคป์ ระกอบหลกั ตามลาดบั 12. เมฆคิวมลู สั มีลกั ษณะแตกต่างจากเมฆอลั โตคิวมลู สั อย่างไร ก. คิวมูลสั เป็นกอ้ นลอยแพ สว่ นอลั โตคิวมูลสั เป็นร้ิวสีขาวคลา้ ยขนนก ข. คิวมูลสั เป็นกอ้ นขนาดใหญม่ าก สว่ นอลั โตคิวมูลสั เป็นกอ้ นสีขาวคลา้ ยฝูงแกะ ค. คิวมูลสั เป็นแผน่ บาง เกิดหลงั ฝนตก สว่ นอลั โตคิวมูลสั เป็นแผน่ สีเทา ทาใหเ้ กิดฝนพรา ๆ ง. คิวมูลสั เป็นกอ้ นปุกปุย สีขาวคลา้ ยรูปกะหล่า สว่ นอลั โตคิวมูลสั เป็นกอ้ นสีขาว คลา้ ยฝูงแกะ 13. เมฆสีเหลืองเกิดจากสาเหตใุ นขอ้ ใด ข. การกระจายตวั ของไอน้า ก. ฝุ่นควนั ในอากาศ ง. การสะทอ้ นพลงั งานความรอ้ น ค. การกระเจิงของแสงพระอาทิตย์ 14. การกระเจิงของแสงอาทิตยเ์ มื่อตกกระทบน้าแข็ง ทาใหเ้ กิดเมฆใน ขอ้ ใด ก. เมฆสีเหลือง ข. เมฆสีขาวหรือเทา ค. เมฆสีแดงหรือชมพู ง. เมฆสีฟา้ หรือสีเขียว 15. หากเกิดฝนตกหนกั ลมแรง และพายุฝนฟ้าคะนองข้ึนหลายจงั หวดั นกั เรียนจะเห็นเมฆสีอะไร ก. สีแดง ข. สีเทา ค. สีชมพู ง. สีเหลือง 16. นกั เรียนมกั จะพบเห็นเมฆเป็ นสีสม้ สีแดง หรือสีชมพู ในเวลาใด ก. ตอนเชา้ ข. ตอนเย็น ค. ตอนกลางวนั ง. ตอนเชา้ และตอนเย็น

17. ปริมาณเมฆมีมากกวา่ 5/10 ถึง 8/10 ของทอ้ งฟ้า แสดงว่าทอ้ งฟ้ามีลกั ษณะอย่างไร ก. โปร่ง ข. มีเมฆมาก ค. มีเมฆบางสว่ น ง. มีเมฆเป็นสว่ นใหญ่ 18. หากสงั เกตเห็นทอ้ งฟ้าปลอดโปร่ง แสดงวา่ มีเมฆอยู่ทงั้ หมดก่ีส่วน ก. มากกวา่ 1/10 ถึง 3/10 ข. มากกวา่ 3/10 ถึง 5/10 ค. มากกวา่ 5/10 ถึง 8/10 ง. มากกวา่ 8/10 ถึง 9/10 19. ในช่วงฤดหู นาว เราจะพบเห็นปริมาณเมฆบนทอ้ งฟ้าอยู่ทง้ั หมดก่ีส่วน ก. มากกวา่ 5/10 ข. มากกวา่ 8/10 ค. นอ้ ยกวา่ 1/10 ง. นอ้ ยกวา่ 3/10 20. นกั อตุ นุ ิยมวิทยาใชเ้ กณฑใ์ ดในการบอกลกั ษณะของทอ้ งฟ้า ก. ปริมาณเมฆบนทอ้ งฟา้ ข. ปริมาณน้าฝนท่ีตกลงมา ค. ปริมาณความช้ืนในอากาศ ง. ทิศทางและอตั ราเร็วของลม

ชื่อ – สกลุ ………………………………………………………………………………… ชนั้ ……………… เลขที่………… คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนทาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงในชอ่ งตวั เลือก ก ข ค ง ท่ีถูกตอ้ งท่ีสุด เพียงขอ้ เดียวในกระดาษคาตอบ ขอ้ ก ข ค ง ขอ้ ก ข ค ง 1 11 2 12 3 13 4 14 5 15 6 16 7 17 8 18 9 19 10 20 คะแนนเต็ม 20 คะแนน ผลการประเมิน คะแนนท่ีได้ ผา่ น ไมผ่ า่ น ลงช่ือ…………………………………………ผูต้ รวจ (……………………………..............)

จดุ ประสงคก์ ารทดลอง สงั เกต ทดลองการเกิดเมฆ และอธิบายความหมายของเมฆได้ อุปกรณก์ ารทดลอง 1 ใบ 1. บีกเกอร์ 1 ใบ 2. กระจกนาฬิกา 3. น้ารอ้ น 4. น้าแข็ง วิธีการทดลอง 1. ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุม่ เทน้าร้อนลงในบีกเกอร์ ปริมาณ 1 ใน 3 ของบีกเกอร์ สงั เกตการ เปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึน บนั ทึกผลการทดลอง 2. ใสน่ ้าแข็งลงบนกระจกนาฬิกา นากระจกนาฬิกาท่ีบรรจุน้าแข็งวางไวท้ ่ีปากบีกเกอรท์ ่ีใสน่ ้ารอ้ น 3. ตงั้ ท้ิงไว้ 5 นาที สงั เกตการเปล่ียนแปลงภายในบีกเกอร์ บนั ทึกผลการทดลอง

สมาชิกกลุ่มท่ี…………… 1. ………………………………………………………………. 4. ………………………………………………………………. 2. ………………………………………………………………. 5. ………………………………………………………………. 3. ………………………………………………………………. 6. ………………………………………………………………. จุดประสงคก์ ารทดลอง (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ตารางบนั ทึกผลการทดลอง (1 คะแนน) ผลการสงั เกต การทดลอง เทน้ารอ้ นใสล่ งในบีกเกอร์ นากระจกนาฬิกาใสน่ ้าแข็งวางไวบ้ นบีกเกอร์ คาถามหลงั การทดลอง (2 คะแนน) 1. เม่ือเทน้ารอ้ นใสล่ งในบีกเกอร์ จะสงั เกตเห็นการเปล่ียนแปลงอยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. เม่ือวางกระจกนาฬิกาท่ีใสน่ ้าแข็งไวบ้ นบีกเกอร์ท่ีใสน่ ้ารอ้ น จะสงั เกตเห็นการเปล่ียนแปลงอยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. สรุปผลการทดลอง (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. คะแนนเต็ม 5 คะแนน ลงช่ือ………………………………………………ผูต้ รวจ คะแนนท่ีได้ ……….. คะแนน (……………………………..............)

ความหมายของเมฆ เมฆ (Cloud) คือ กลุม่ ของน้าท่ีอยูใ่ นรูปของหยดน้าเล็ก ๆ (Water Droplet) และผลึกน้าแข็ง (Ice Crystals) ท่ีแขวนลอยอยใู่ นอากาศ การเกิดเมฆ เม่ือน้าจากแหลง่ ตา่ ง ๆ เชน่ มหาสมุทร ทะเล ทะเลาสาบ แมน่ ้า คลอง ระเหยเป็นไอน้า รวมทงั้ ไอน้า จากการคายน้าของพืชถูกกระแสอากาศพดั พาข้ึนไปกระทบกบั อากาศเย็น จะกล่นั ตวั เป็ นหยดน้า เล็ก ๆ รวมกนั เป็นกอ้ นเมฆ ซ่ึงมีความช้ืนของอากาศ และลมเป็นปัจจยั ในการเกิดเมฆ หากในอากาศมีความช้ืนสูง หรือการเกิดลมโดยการเคล่ือนท่ีของอากาศจะทาใหไ้ อน้าในอากาศยกตวั สูงข้ึน มีผลทาใหเ้ กิดเมฆมากข้ึน ภาพการกอ่ ตวั ของเมฆ

ช่ือ – สกุล ……………………………………………………………………………………………..... ชนั้ ……………… เลขท่ี………… คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนศึกษาใบความรูท้ ่ี 1 เร่ืองความหมายและการเกิดเมฆ แลว้ ตอบคาถามตอ่ ไปน้ีใหถ้ ูกตอ้ ง 1. เมฆเกิดข้ึนไดอ้ ย่างไร และมีปัจจยั ใดบา้ งที่ทาใหเ้ กิดเมฆ (2 คะแนน) ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... 2. เพราะเหตใุ ดเมฆบนทอ้ งฟ้าจึงมีการเปล่ียนแปลงรปู ร่างตลอดเวลา (1 คะแนน) ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... 3. จงวาดภาพกระบวนการเกิดเมฆ พอสงั เขป (7 คะแนน) คะแนนเต็ม 10 คะแนน ลงช่ือ………………………………………………ผูต้ รวจ คะแนนท่ีได้ ……….. คะแนน (……………………………..............)

ในธรรมชาติ เมฆเกิดข้ึนโดยมีรูปร่าง 2 ลกั ษณะ คือ เมฆกอ้ น และเมฆแผน่ เมฆกอ้ น เรียกว่า “คิวมูลสั (Cumulus)” และเมฆแผน่ เรียกวา่ “สเตรตสั (Stratus)” หากเมฆกอ้ นลอยชิดติดกนั จะนา ช่ือทง้ั สองมาต่อกนั เรียกว่า “สเตรโตคิวมูลสั (Stratocumulus)” ในกรณีท่ีเป็ นเมฆฝนจะเพ่ิมคาว่า “นิ มโบ” หรื อ “นิ มบัส” ซ่ึงแปลว่า “ฝน” เขา้ ไป โดยเรียกเมฆกอ้ นท่ีทาใหเ้ กิดพายุฝนฟ้าคะนองว่า “คิวมูโลนิมบสั (Cumulonimbus)” และเรียกเมฆแผน่ ท่ีมีฝนตกปรอย ๆ อยา่ งสงบวา่ “นิมโบสเตรตสั (Nimbostratus)” เมฆ สามารถแบ่งตามรูปร่างออกเป็ น 3 ประเภท ดงั น้ี ซีรร์ สั (cirrus) - เป็นเมฆท่ีลอยอยรู่ ะดบั สูง - ลกั ษณะแตกเป็นเสน้ ๆ คลา้ ยกบั ขนนก - ประกอบดว้ ยผลึกน้าแข็ง - บง่ บอกถึงลกั ษณะทอ้ งฟ้าปลอดโปร่ง และแจม่ ใส คิวมูลสั (cumulus) - เกิดในระดบั ความสูงท่ีแตกตา่ งกนั - ลกั ษณะเป็นปุยฝ้ายหรือสาลี รวมกนั อยเู่ ป็ นกอ้ น มีสีขาว และกระจายทว่ั ทอ้ งฟา้ - บง่ บอกถึงลกั ษณะทอ้ งฟ้าแจม่ ใส สเตรตสั (stratus) - เป็นเมฆท่ีเกิดในชน้ั ต่าสุด - ลกั ษณะหนาทึบท่ีปกคลุมอยทู่ ว่ั ทอ้ งฟา้ - ประกอบดว้ ยหยดน้าจานวนมาก - บง่ บอกถึงลกั ษณะทอ้ งฟา้ ท่ีมีอากาศมืดคร้ึม

นกั อตุ นุ ิยมวิทยา แบ่งเมฆตามระดบั ความสูงของฐานเมฆไดเ้ ป็ น 3 ประเภท ดงั น้ี 1. เมฆชนั้ สูง ฐานเมฆอยใู่ นระดบั ความสูงมากกวา่ 6 กิโลเมตร อณุ หภูมิต่ากวา่ จุดเยือกแข็ง จึงประกอบดว้ ยผลึกน้าแข็งเกือบทงั้ หมด ไดแ้ ก่ ซีรโ์ รคิวมลู สั (Cirrocumulus, Cc) เมฆกอ้ นท่ีอยูร่ ะดบั สูง มองจากพ้ืนจะเห็นแต่ละกอ้ นเป็ น เม็ดเล็กละเอียด มีองคป์ ระกอบเป็นผลึกน้าแข็ง ซีรโ์ รสเตรตสั (Cirrostratus, Cs) Cirrostratus เมฆแผน่ บาง สีขาว เป็นผลึกน้าแข็ง ปกคลุมทอ้ งฟ้าเป็น บริเวณกวา้ ง โปร่งแสงตอ่ แสงอาทิตย์ บางคร้ังหกั เหแสงทาใหเ้ กิด ดวงอาทิตยท์ รงกลด และดวงจนั ทรท์ รงกลด เป็นรูปวงกลม สีคลา้ ยรุง้ ซีรร์ สั (Cirrus, Ci) เมฆร้ิ ว สีขาว มีลักษณะคลา้ ยขนนก อยู่ในระดับสู ง Cirrus มีองคป์ ระกอบเป็ นผลึกน้าแข็ง คาวา่ cirrus เป็ นภาษา ละติน แปลวา่ เสน้ ผมปลายมว้ นโคง้ 2. เมฆชน้ั กลาง ฐานเมฆอยใู่ นระดบั ความสูง 2 – 6 กิโลเมตร ประกอบดว้ ยผลึกน้าแข็ง และละอองน้า ไดแ้ ก่ อลั โตคิวมูลสั (Altocumulus, Ac) เมฆกอ้ น สีขาว มีลักษณะคลา้ ยฝูงแกะ ลอยเป็ นแพ มีชอ่ งวา่ งระหวา่ งกอ้ นเล็กนอ้ ย Altocumulus อลั โตสเตรตสั (Altostratus, As) Altostratus เมฆแผน่ หนา สว่ นมากมกั มีสีเทา เน่ืองจากบงั แสงดวงอาทิตย์ ไมใ่ หล้ อดผา่ น และเกิดข้ึนปกคลุมทอ้ งฟา้ เป็นบริเวณกวา้ งมาก หรือปกคลุมทอ้ งฟ้าทงั้ หมด

3. เมฆชนั้ ตา่ ฐานเมฆอยใู่ นระดบั สูงต่ากวา่ 2 กิโลเมตร ประกอบดว้ ยละอองน้าเกือบทงั้ หมด ไดแ้ ก่ สเตรตสั (Stratus, St) เมฆแผน่ บาง ลอยสูงเหนือพ้ืนไมม่ ากนัก เชน่ ลอยปกคลุม ยอดเขา มกั เกิดข้ึนตอนเชา้ หรือหลงั ฝนตก บางคร้ังลอย ต่ามีลกั ษณะคลา้ ยหมอก Stratus สเตรโตคิวมูลสั (Stratocumulus, Sc) เมฆกอ้ น ลอยติดกนั เป็นแพ ไมม่ ีรูปทรงท่ชี ดั เจน มีชอ่ งวา่ ง ระหวา่ งกอ้ นเพียงเล็กนอ้ ย มกั เกิดข้ึนเวลาท่อี ากาศไมด่ ี และมีสีเทา เน่ืองจากลอยอยูใ่ นเงาของเมฆชน้ั บน Stratocumulus นิมโบสเตรตสั (Nimbostratus, Ns) เมฆแผน่ สีเทา เกิดข้ึนเวลาท่ีอากาศมีเสถียรภาพทาใหเ้ กิด ฝนพรา ๆ ฝนผ่าน หรื อฝนตกแดดออก ไม่มีพายุฝน ฟา้ คะนอง ฟ้ารอ้ ง ฟา้ ผา่ มกั ปรากฏใหเ้ ห็นสายฝนตกลงมา จากฐานเมฆ Nimbostatus คิวมโู ลนิมบสั (Cumulonimbus, Cb) Cumulonimbus เมฆกอ่ ตวั ในแนวตง้ั พฒั นามาจากเมฆคิวมูลสั มีขนาดใหญม่ าก ปกคลุม พ้ืนท่คี รอบคลุมทง้ั จงั หวดั ทาใหเ้ กิดพายุฝนฟ้าคะนอง หากกระแสลมชน้ั บน พดั แรงก็จะทาใหย้ อดเมฆรูปกะหล่า กลายเป็นรูปทง่ั ตเี หล็ก ตอ่ ยอดออกมา เป็นเมฆซีรโ์ รสเตรตสั หรือซีรร์ สั คิวมลู สั (Cumulus, Cu) เมฆกอ้ นปุกปุย สีขาว เป็ นรูปกะหล่า ก่อตัวในแนวต้ัง เกิดข้ึนจากอากาศไม่มีเสถียรภาพ ฐานเมฆเป็ นสีเทา เน่ืองจากมีความหนามากพอท่ีจะบดบงั แสง จนทาใหเ้ กิดเงา Cumulus มกั ปรากฏใหเ้ ห็นเวลาอากาศดี ทอ้ งฟา้ เป็นสีฟา้ เขม้

ชื่อ – สกลุ ………………………………………………………………………………………………..... ชน้ั ……………… เลขที่……………. คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนพิจารณาขอ้ ความในแนวตง้ั และแนวนอน แลว้ ระบุช่ือเมฆลงในตารางใหส้ มั พนั ธก์ นั พรอ้ มทง้ั แบง่ ประเภทของเมฆตามระดบั ความสูงของฐานเมฆใหถ้ ูกตอ้ ง (10 คะแนน) เมฆชนั้ ต่า ไดแ้ ก่ ………………………………………………………………………………………………………………………… เมฆชนั้ กลาง ไดแ้ ก่ ………………………………………………………………………………………………………………………… เมฆชน้ั สูง ไดแ้ ก่ ………………………………………………………………………………………………………………………… คะแนนเต็ม 10 คะแนน ลงช่ือ………………………………………………ผูต้ รวจ คะแนนท่ีได้ ……….. คะแนน (……………………………..............)

นกั อตุ นุ ิยมวิทยา แบง่ เมฆตามระดบั ความสงู ของเมฆได้ 3 ประเภท ดงั น้ี 1. เมฆชน้ั สูง (High clouds) มีองคป์ ระกอบหลกั คือ ผลึกน้าแข็ง (ice crystal) อยูใ่ นระดบั ความสูงจากพ้ืนโลกมากกวา่ 6 กิโลเมตร ไดแ้ ก่ ซีร์รสั ซีร์โรคิวมูลสั และซีร์โรสเตรตสั 2. เมฆชน้ั กลาง (Middle clouds) มีองคป์ ระกอบหลกั คือ หยดน้าเย็นย่ิงยวด (supercooled water droplet) ซ่ึงเป็นน้าท่ีมีสถานะเป็นของเหลว แตม่ ีอุณหภูมิต่ากวา่ 0 องศาเซลเซียส ในทางปฏิบตั ิ น้าบริสุทธ์ิท่ีเย็นย่ิงยวดอาจจะมีอุณหภูมิต่าสุดไดถ้ ึง -42 องศาเซลเซียส แตห่ ากเย็นกวา่ น้ีก็จะกลายเป็น น้าแข็ง โดยกลไกการเกิดนิวเคลียสแบบโฮโมจีเนียส (homogeneous nucleation) เมฆชนั้ น้ีจะอยใู่ นระดบั ความสูงจากพ้ืนโลกระหวา่ ง 2 – 6 กิโลเมตร ไดแ้ ก่ อลั โตคิวมูลสั และอลั โตสเตรตสั 3. เมฆชน้ั ตา่ (Low clouds) มีองคป์ ระกอบหลกั คือ หยดน้าธรรมดาท่ีมีอุณหภูมิสูงกว่า 0 องศาเซลเซียส อยใู่ นระดบั ความสูงจากพ้ืนโลกไมเ่ กิน 2 กิโลเมตร ไดแ้ ก่ นิมโบสเตรตสั สเตรโตคิวมูลสั สเตรตสั คิวมูลสั และคิวมูโลนิมบสั

แผนผงั สรปุ การแบ่งระดบั ชนั้ ของเมฆ ซีรร์ สั ซีรโ์ รสเตรตสั Cirro ซีรโ์ รคิวมลู สั ชน้ั สงู อลั โตสเตรตสั Alto อลั โตคิวมูลสั ชนั้ กลาง นิมโบสเตรตสั สเตรตสั Strato ชน้ั ตา่ คิวมูลสั คิวมโู ลนิมบสั (เมฆฝน) (เมฆแผ่น) สเตรโตคิวมูลสั (เมฆกอ้ น) (เมฆฝน) ขยายความ รรู้ อบดา้ น Mammatus clouds หรือ Bumpy clouds โดยคาวา่ mammatus มาจากภาษาละติน ซ่ึง mamma แปลวา่ เตา้ นม โดยมาจากการท่ี กอ้ นเมฆมีลกั ษณะคลา้ ยเตา้ นมของววั แตล่ ะปุ่มของเมฆชนิดน้ีมีขนาดใหญป่ ระมาณ 1 – 3 กิโลเมตร ย่ืนยาวลงมาประมาณ 0.5 กิโลเมตร เรียงรายยาวหลายรอ้ ยกิโลเมตร โดยทว่ั ไปเมฆชนิดน้ีสามารถกอ่ ตวั ไดจ้ ากเมฆซีร์โรคิวมูลสั อลั โตสเตรตสั อลั โตคิวมูลสั และสเตรโตคิวมูลสั ใชเ้ วลาในการกอ่ ตวั ประมาณ 10 นาที บางครั้งนานถึง 1 ชว่ั โมง Mammatus clouds ถือเป็นหน่ึงในเมฆท่ีสวยท่ีสุดในโลก และถึงแมจ้ ะเป็นเมฆท่ีมีความสวยงาม แตเ่ มฆชนิดน้ีจะก่อตวั กอ่ นมีพายุ ขนาดใหญ่ หรือ กอ่ นเกิดพายทุ อร์นาโด

ช่ือ – สกลุ ………………………………………………………………………………………………............. ชน้ั ……………… เลขท่ี……………. คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนพิจารณาภาพและตวั เลขท่ีกากบั ตอ่ ไปน้ีวา่ เป็นเมฆชนิดใด พรอ้ มทงั้ แบง่ ประเภทของเมฆ ตามระดบั ความสูงของฐานเมฆใหถ้ ูกตอ้ ง (10 คะแนน) 1. ……………………………………………………………… 6. ……………………………………………………………… 2. ……………………………………………………………… 7. ……………………………………………………………… 3. ……………………………………………………………… 8. ……………………………………………………………… 4. ……………………………………………………………… 9. ……………………………………………………………… 5. ……………………………………………………………… 10. ……………………………………………………………. เมฆชนั้ ต่า ไดแ้ ก่ ……………………………………………………………………………………………………………………… เมฆชน้ั กลาง ไดแ้ ก่ ……………………………………………………………………………………………………………………… เมฆชน้ั สูง ไดแ้ ก่ ……………………………………………………………………………………………………………………… คะแนนเต็ม 10 คะแนน ลงช่ือ………………………………………………ผูต้ รวจ คะแนนท่ีได้ ……….. คะแนน (……………………………..............)

สีของเมฆบง่ บอกถึงปรากฏการณ์ท่ีเกิดข้ึนภายในเมฆ ซ่ึงเมฆเกิดจากไอน้าลอยตวั ข้ึ นสู่ท่ีสูง เย็นตวั ลง และควบแน่นเป็ นละอองน้าขนาดเล็ก ละอองน้าเหลา่ น้ีมีความหนาแน่นสูง แสงอาทิตยไ์ ม่ สามารถสอ่ งทะลุผา่ นไปไดไ้ กลจากกลุม่ ละอองน้าน้ี จึงเกิดการสะทอ้ นของแสงทาใหเ้ ห็นเป็ นเมฆสีขาว ในขณะท่ีเมฆกลน่ั ตวั หนาแน่นข้ึน และเม่ือละอองน้าเกิดการรวมตวั ขนาดใหญข่ ้นึ จนในท่ีสุดตกลง มาเป็นฝน ในระหวา่ งกระบวนการน้ีละอองน้าในกอ้ นเมฆซ่ึงมีขนาดใหญข่ ้ึนจะมีชอ่ งวา่ งระหวา่ งหยดน้ามาก ข้ึน ทาใหแ้ สงสามารถส่องทะลุผา่ นไปไดม้ ากข้ึน ซ่ึงถา้ เมฆน้ันมีขนาดใหญพ่ อและชอ่ งวา่ งระหวา่ งหยดน้า มากพอ แสงท่ีผา่ นเขา้ ไปก็จะถูกซึมซบั ไปในเมฆและสะทอ้ นกลบั ออกมาน้อยมาก ซ่ึงการซึมซบั และการ สะทอ้ นของแสงน้ีสง่ ผลใหส้ ามารถเห็นเมฆไดต้ งั้ แตส่ ีขาว สีเทา ไปจนถึงสีดา โดยสีของเมฆนั้นสามารถใช้ ในการบอกสภาพอากาศได้ ดงั น้ี เมฆสีขาวหรือเทา เกิดจากการกระเจิงของแสงอาทิตยเ์ ม่ือตกกระทบน้าแข็ง เมฆท่ีพบเห็นเป็นสีน้ี ไดบ้ อ่ ยคือ เมฆคิวมูโลนิมบสั ซ่ึงบง่ บอกถึงการกอ่ ตวั ของพายุฝน พายุลูกเห็บ ลมท่มี ีความรุนแรง หรือพายุทอรน์ าโด เมฆสีเหลือง เมฆสีน้ีไมค่ อ่ ยพบเห็นไดบ้ อ่ ยคร้ัง แตอ่ าจเกิดข้ึนในชว่ งปลายฤดูใบไมผ้ ลิจนถึง ชว่ งตน้ ของฤดูใบไมร้ ่วง ซ่ึงเป็นชว่ งท่ีเกิดไฟป่าไดง้ า่ ย โดยสีเหลืองนั้นเกิดจาก ฝุ่นควนั ในอากาศ เมฆสีสม้ สีแดง หรือสีชมพู โดยปกติเกิดในชว่ งพระอาทิตยข์ ้ึน และพระอาทิตยต์ ก ซ่ึงเกิดจากการกระเจิง ของแสงในชนั้ บรรยากาศ ไมไ่ ดเ้ กิดจากเมฆโดยตรง เมฆเป็นเพียงตวั สะทอ้ น แสงน้ีเทา่ นั้น แตใ่ นกรณีท่ีมีพายุฝนขนาดใหญ่ ในชว่ งเดียวกนั จะทาใหเ้ ห็นเมฆ เป็นสีแดงเขม้ เหมือนสีเลือด

ชื่อ – สกลุ ……………………………………………………………………………………………….............. ชนั้ ……………… เลขท่ี……………. คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนพิจารณาภาพท่ีกาหนดให้ พรอ้ มทงั้ ระบุช่ือเมฆ ประเภทของเมฆตามระดบั ความสูง ลกั ษณะของเมฆ สีของเมฆ และปัจจยั ท่ีทาใหเ้ มฆเกิดเป็นสีดงั กลา่ ว (5 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... คะแนนเต็ม 5 คะแนน ลงช่ือ………………………………………………ผูต้ รวจ คะแนนท่ีได้ ……….. คะแนน (……………………………..............)

การเปรียบเทียบปริมาณเมฆบนทอ้ งฟ้า ปริมาณเมฆบนทอ้ งฟ้าสามารถใชเ้ ป็นเกณฑบ์ อกลกั ษณะของทอ้ งฟ้าได้ โดยการแบง่ พ้ืนท่ี ทอ้ งฟ้าเป็ น 10 สว่ น แลว้ สงั เกตวา่ มีเมฆอยทู่ ง้ั หมดก่สี ว่ น เพ่ือบอกลกั ษณะของทอ้ งฟา้ ดงั น้ี แจม่ ใส โปร่ง มีเมฆบางส่วน นอ้ ยกวา่ 1/10 มากกวา่ 1/10 ถึง 3/10 มากกวา่ 3/10 ถึง 5/10 ของทอ้ งฟ้า ของทอ้ งฟา้ ของทอ้ งฟา้ มีเมฆเป็ นส่วนมาก มีเมฆมาก มีเมฆเต็มทอ้ งฟ้า มากกวา่ 5/10 ถึง 8/10 มากกวา่ 8/10 ถึง 9/10 10/10 ของทอ้ งฟ้า ของทอ้ งฟ้า

ชื่อ – สกุล ………………………………………………………………………………………………............. ชนั้ ……………… เลขท่ี……………. คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนศึกษาเร่ืองการเปรียบเทียบปริมาณเมฆบนทอ้ งฟ้า แลว้ ตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. ระบุลกั ษณะของทอ้ งฟ้าเมื่อใชป้ ริมาณเมฆในทอ้ งฟ้าเป็ นเกณฑ์ (6 คะแนน) …………………… …………………… …………………… …………………… …………………… …………………… …………………… …………………… …………………… …………………… …………………… …………………… …………………… …………………… …………………… …………………… …………………… …………………… 2. ปริมาณเมฆบนทอ้ งฟ้าบ่งบอกถึงลกั ษณะใด (1 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 3. ปริมาณเมฆบนทอ้ งฟ้ามีประโยชนต์ อ่ การดารงชีวิตของมนุษยอ์ ย่างไร จงยกตวั อย่างมา 3 ขอ้ (3 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... คะแนนเต็ม 10 คะแนน ลงช่ือ………………………………………………ผูต้ รวจ คะแนนท่ีได้ ……….. คะแนน (……………………………..............)

จดุ ประสงค์ 1. สงั เกตลกั ษณะของเมฆท่ีอยใู่ นชีวิตประจาวนั ได้ 2. สามารถอธิบายไดว้ า่ เมฆท่ีเห็นบนทอ้ งฟ้าเป็นเมฆชนิดใด และมีรูปร่างลกั ษณะอยา่ งไร วสั ดุอปุ กรณ์ 1 แผน่ 1. ฟิวเจอร์บอร์ด ขนาด A4 1 แผน่ 2. แผนภาพเมฆ 10 ชนิด 1 อนั 3. กรรไกร 1 อนั 4. คตั เตอร์ 1 หลอด 5. กาว 1 ดา้ ม 6. ไมบ้ รรทดั วิธีการดาเนินกิจกรรม 1. ใหน้ กั เรียนนาแผนภาพเมฆ 10 ชนิด ติดลงบนฟิวเจอร์บอรด์ ขนาด A4 2. ใชค้ ตั เตอร์ หรือกรรไกร ตดั ชอ่ งตามรอยประตรงกลางใหเ้ ป็นชอ่ งวา่ ง 3. นาแผนภาพเมฆไปใชเ้ ปรียบเทียบกบั ทอ้ งฟ้าจริง จากนน้ั ปร้ินรูปติดลงในแบบบนั ทึกกิจกรรมท่ี 2 เร่ืองการสารวจเมฆ พรอ้ มทง้ั ตอบคาถามทา้ ยกิจกรรม

ชื่อ – สกลุ ………………………………………………………………………………………………..... ชน้ั ……………… เลขท่ี…………… คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนใชแ้ ผนภาพเปรียบเทียบเมฆ เพ่ือสารวจเมฆตามทิศท่ีสนใจ พรอ้ มทง้ั วาดรูปและตอบคาถาม ทา้ ยกิจกรรมท่ีกาหนดให้ (5 คะแนน) วนั ที่สารวจ…………………………………………….. สถานที่สารวจ…………………………………………………………………………. เวลาท่ีสารวจเมฆ……………………… ทิศ………………………… ผสู้ ารวจ……………………………………………………………….. คะแนนเต็ม 5 คะแนน ลงช่ือ………………………………………………ผูต้ รวจ คะแนนท่ีได้ ……….. คะแนน (……………………………..............)

คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนตอบคาถามทา้ ยกิจกรรมการสารวจเมฆใหถ้ ูกตอ้ ง (5 คะแนน) 1. เมฆท่ีนกั เรียนพบจากการทากิจกรรมส่วนใหญ่เป็ นเมฆชนิดใด และสาเหตุใดที่ทาใหเ้ กิดเมฆชนิดน้ี (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. จากการสารวจเมฆที่นกั เรียนพบมีก่ีชนิด อะไรบา้ ง (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3. ใหน้ กั เรียนถา่ ยภาพแลว้ นาภาพเมฆท่ีนกั เรียนสารวจมาติดลงในช่องวา่ งท่ีกาหนดให้ (1 คะแนน) 4. สรุปผลการสารวจเมฆ (2 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. คะแนนเต็ม 5 คะแนน ลงช่ือ………………………………………………ผูต้ รวจ คะแนนท่ีได้ ……….. คะแนน (……………………………..............)

ชื่อ – สกุล ……………………………………………………………………………………………….............. ชน้ั ……………… เลขที่……………. คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนพิจารณาความสมั พนั ธ์ แลว้ นาอกั ษร A – O มาเติมหนา้ ชอ่ งวา่ งของแตล่ ะขอ้ ใหถ้ ูกตอ้ ง (10 คะแนน) ............. 1. เมฆซีร์โรสเตรตสั เป็นเมฆชนั้ ใด A. สีฟา้ ............. 2. เมฆอลั โตคิวมูลสั จดั เป็นเมฆชน้ั ใด B. ซีร์รัส ............. 3. เมฆสีใดท่ีทาใหเ้ กิดพายุทอรน์ าโดได้ C. สเตรตสั ............. 4. เมฆชนิดใดท่ีทาใหเ้ กิดฝนตกปรอย ๆ D. คิวมูลสั ............. 5. เมฆชนิดใดท่ีทาใหเ้ กิดพายุฝนฟ้าคะนอง E. เมฆชนั้ ต่า ............. 6. เมฆชนิดใดท่ีมีลกั ษณะเป็นร้ิวคลา้ ยขนนก F. เมฆชนั้ สูง ............. 7. เมฆชนิดใดท่ีทาใหเ้ กิดพระอาทิตยท์ รงกลด G. เมฆชน้ั กลาง ............. 8. เมฆท่ีมีลกั ษณะเป็นแผน่ มีช่ือเรียกวา่ อะไร H. สีขาวหรือเทา ............. 9. เมฆชนิดใดท่ีมีลกั ษณะเป็นกอ้ นคลา้ ยฝูงแกะ I. สีสม้ หรือแดง ............. 10. เมฆท่ีมีความสูงระหวา่ ง 2 – 6 กิโลเมตร เป็นเมฆชน้ั ใด J. ซีร์โรสเตรตสั K. นิมโบสเตรตสั L. คิวมูโลนิมบสั M. ซีรโ์ รคิวมูลสั N. อลั โตคิวมูลสั O. สเตรโตคิวมูลสั คะแนนเต็ม 10 คะแนน ลงช่ือ………………………………………………ผูต้ รวจ คะแนนท่ีได้ ……….. คะแนน (……………………………..............)

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและการเกิดเมฆได้ 2. อธิบายลกั ษณะและประเภทของเมฆแตล่ ะชนิดได้ 3. เปรียบเทียบลกั ษณะของเมฆแตล่ ะชนั้ ได้ 4. อธิบายปรากฏการณท์ ่ีทาใหเ้ มฆมีสีแตกตา่ งกนั ได้ 5. อธิบายและเปรียบเทียบปริมาณเมฆบนทอ้ งฟา้ ได้ คาช้ีแจง 1. แบบทดสอบฉบบั น้ีเป็นแบบทดสอบแบบปรนัย ชนิด 4 ตวั เลือก จานวน 20 ขอ้ คะแนนเต็ม 20 คะแนน ใชเ้ วลาทดสอบ 20 นาที 2. ใหน้ ักเรียนอา่ นแบบทดสอบดว้ ยความรอบคอบแลว้ ตอบคาถาม โดยเลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งท่ี สุดเพียง ขอ้ เดียว แลว้ ทาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคาตอบ 1. ขอ้ ใดกล่าวถึงความหมายของเมฆ (Cloud) ไดถ้ กู ตอ้ งที่สุด ก. กลุม่ ของละอองน้าขนาดเล็ก ซ่ึงเกิดจากการควบแน่นของหยดน้าในอากาศ ข. การรวมตวั หรือเกาะกลุม่ ของไอน้าจนเกิดการควบแน่นและตกลงมาเป็นหยาดน้าฟ้า ค. ละอองน้าและเกล็ดน้าแข็งท่ีรวมตวั กนั เป็นกลุม่ กอ้ นลอยตวั อยูใ่ นชนั้ บรรยากาศท่ีเราสามารถมองเห็นได้ เป็ นไอน้าท่ ีควบแน่นเป็ นละอองน้า ง. ถูกทง้ั ขอ้ ก. ข. และ ค. 2. เมฆเกิดข้ึนไดอ้ ย่างไร ก. ไอน้าในอากาศอ่ิมตวั ข. ไอน้าในอากาศมีอุณหภูมิลดลง ค. ไอน้าในอากาศเย็นตวั ลงรวมตวั กนั เป็นกลุม่ ละอองน้า ง. อากาศเย็นลอยต่าลง อากาศรอ้ นลอยข้ึนไปกระทบความเย็น 3. ปัจจยั ในขอ้ ใดที่ส่งผลทาใหเ้ กิดเมฆบนทอ้ งฟ้า ข. ไอน้า และละอองน้า ก. ไอน้า และลม ง. หยดน้า และความกดอากาศ ค. ความช้ืนอากาศ และลม

4. เพราะเหตใุ ด ในวนั ท่ีเมฆปกคลุมทอ้ งฟ้าจึงมีอณุ หภมู ิของอากาศตา่ กว่าวนั ท่ีทอ้ งฟ้าโปร่ง ก. ไอน้าในเมฆชว่ ยลดความรอ้ นจากดวงอาทิตย์ ข. หยดน้าในเมฆชว่ ยดูดกลืนรงั สีความรอ้ นไวบ้ างสว่ น ค. ในเมฆมีแกส๊ บางชนิดท่ีชว่ ยลดความรอ้ นจากดวงอาทิตย์ ง. เมฆชว่ ยระบายความรอ้ นออกจากโลกได้ ทาใหอ้ ณุ หภูมิของโลกไมร่ อ้ นเกินไป 5. จงพิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี A เมฆเกิดข้ึนโดยมีรูปร่าง 2 ลกั ษณะ คือ เมฆกอ้ น และเมฆแผน่ B เมฆกอ้ น เรียกวา่ “คิวมูลสั (Ciumulus)” สว่ นเมฆแผน่ เรียกวา่ “สเตรตสั (Stratus)” C หากเมฆกอ้ นลอยชิดติดกนั เราจะนาช่ือทง้ั สองมาตอ่ กนั เรียกวา่ “สเตรตสั คิวมูลสั (Stratuscumulus)” ขอ้ ใดกลา่ วผิด ก. ขอ้ A ข. ขอ้ B ค. ขอ้ C ง. ขอ้ A B และ C 6. วนั ที่ลมกระโชกแรง เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง จะพบเห็นเมฆชนิดใด ก. อลั โตคิวมูลสั ข. ซีรโ์ รคิวมูลสั ค. คิวมูโลนิมบสั ง. อลั โตสเตรตสั 7. เมฆแผ่นที่มีฝนตกปรอย ๆ เป็ นเวลานาน ไม่เกิดฟ้าแลบ ฟ้ารอ้ ง ฝนลกั ษณะดงั กล่าวเกิดจากเมฆ ชนิดใด ก. คิวมูโลนิมบสั ข. ซีรโ์ รคิวมูลสั ค. นิมโบสเตรตสั ง. อลั โตสเตรตสั 8. เมฆชนิดใดท่ีสามารถทาใหเ้ กิดปรากฏการณพ์ ระอาทิตยท์ รงกลดได้ ก. ซีรโ์ รคิวมูลสั ข. อลั โตคิวมูลสั ค. อลั โตสเตรตสั ง. ซีรโ์ รสเตรตสั 9. หากพบเห็นเมฆกอ่ ตวั ในแนวตงั้ มีลกั ษณะเป็ นกอ้ นขนาดใหญ่ ส่วนยอดแผ่แบนออกคลา้ ยทงั่ แสดง วา่ สภาพอากาศเป็ นอย่างไร ก. อากาศแจม่ ใส ลมพดั แรง ข. อากาศแหง้ ลมสงบ ค. อากาศมีความช้ืนต่า อาจมีฝนตกปรอย ๆ ง. อากาศมีความช้ืนสูง และมีฝนฟ้าคะนอง

10. จงพิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี A เมฆชนั้ กลางประกอบดว้ ย สเตรตสั เพียงอยา่ งเดียว B เมฆชน้ั สูงประกอบดว้ ย ซีรร์ ัส ซีรโ์ รสเตรตสั และซีร์โรคิวมูลสั C เมฆชนั้ ต่า ประกอบดว้ ย อลั โตคิวมูลสั อลั โตสเตรตสั และนิมโบสเตรตสั ขอ้ ใดกลา่ วผิด ก. A และ B ข. A และ C ค. B และ C ง. A B และ C 11. ขอ้ ใดกล่าวถกู ตอ้ งเกี่ยวกบั ลกั ษณะของเมฆชนั้ กลางและเมฆชน้ั สงู ก. หยดน้าธรรมดาคือองคป์ ระกอบหลกั ของเมฆทง้ั สองชน้ั ข. หยดน้าเย็นย่ิงยวด และผลึกน้าแข็งเป็นองคป์ ระกอบหลกั ตามลาดบั ค. หยดน้าธรรมดา และผลึกน้าแข็งเป็นองคป์ ระกอบหลกั ตามลาดบั ง. หยดน้าธรรมดา และหยดน้าเย็นย่ิงยวดเป็นองคป์ ระกอบหลกั ตามลาดบั 12. เมฆคิวมลู สั มีลกั ษณะแตกต่างจากเมฆอลั โตคิวมลู สั อย่างไร ก. คิวมูลสั เป็นกอ้ นลอยแพ สว่ นอลั โตคิวมูลสั เป็นร้ิวสีขาวคลา้ ยขนนก ข. คิวมูลสั เป็นกอ้ นขนาดใหญม่ าก สว่ นอลั โตคิวมูลสั เป็นกอ้ นสีขาวคลา้ ยฝูงแกะ ค. คิวมูลสั เป็นแผน่ บาง เกิดหลงั ฝนตก สว่ นอลั โตคิวมูลสั เป็นแผน่ สีเทา ทาใหเ้ กิดฝนพรา ๆ ง. คิวมูลสั เป็นกอ้ นปุกปุย สีขาวคลา้ ยรูปกะหล่า สว่ นอลั โตคิวมูลสั เป็นกอ้ นสีขาว คลา้ ยฝูงแกะ 13. เมฆสีเหลืองเกิดจากสาเหตใุ นขอ้ ใด ข. การกระจายตวั ของไอน้า ก. ฝุ่นควนั ในอากาศ ง. การสะทอ้ นพลงั งานความรอ้ น ค. การกระเจิงของแสงพระอาทิตย์ 14. การกระเจิงของแสงอาทิตยเ์ มื่อตกกระทบน้าแข็ง ทาใหเ้ กิดเมฆใน ขอ้ ใด ก. เมฆสีเหลือง ข. เมฆสีขาวหรือเทา ค. เมฆสีแดงหรือชมพู ง. เมฆสีฟา้ หรือสีเขียว 15. หากเกิดฝนตกหนกั ลมแรง และพายุฝนฟ้าคะนองข้ึนหลายจงั หวดั นกั เรียนจะเห็นเมฆสีอะไร ก. สีแดง ข. สีเทา ค. สีชมพู ง. สีเหลือง 16. นกั เรียนมกั จะพบเห็นเมฆเป็ นสีสม้ สีแดง หรือสีชมพู ในเวลาใด ก. ตอนเชา้ ข. ตอนเย็น ค. ตอนกลางวนั ง. ตอนเชา้ และตอนเย็น

17. ปริมาณเมฆมีมากกวา่ 5/10 ถึง 8/10 ของทอ้ งฟ้า แสดงว่าทอ้ งฟ้ามีลกั ษณะอย่างไร ก. โปร่ง ข. มีเมฆมาก ค. มีเมฆบางสว่ น ง. มีเมฆเป็นสว่ นใหญ่ 18. หากสงั เกตเห็นทอ้ งฟ้าปลอดโปร่ง แสดงวา่ มีเมฆอยู่ทงั้ หมดก่ีส่วน ก. มากกวา่ 1/10 ถึง 3/10 ข. มากกวา่ 3/10 ถึง 5/10 ค. มากกวา่ 5/10 ถึง 8/10 ง. มากกวา่ 8/10 ถึง 9/10 19. ในช่วงฤดหู นาว เราจะพบเห็นปริมาณเมฆบนทอ้ งฟ้าอยู่ทง้ั หมดก่ีส่วน ก. มากกวา่ 5/10 ข. มากกวา่ 8/10 ค. นอ้ ยกวา่ 1/10 ง. นอ้ ยกวา่ 3/10 20. นกั อตุ นุ ิยมวิทยาใชเ้ กณฑใ์ ดในการบอกลกั ษณะของทอ้ งฟ้า ก. ปริมาณเมฆบนทอ้ งฟา้ ข. ปริมาณน้าฝนท่ีตกลงมา ค. ปริมาณความช้ืนในอากาศ ง. ทิศทางและอตั ราเร็วของลม

ชื่อ – สกลุ ………………………………………………………………………………… ชนั้ ……………… เลขที่………… คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนทาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงในชอ่ งตวั เลือก ก ข ค ง ท่ีถูกตอ้ งท่ีสุด เพียงขอ้ เดียวในกระดาษคาตอบ ขอ้ ก ข ค ง ขอ้ ก ข ค ง 1 11 2 12 3 13 4 14 5 15 6 16 7 17 8 18 9 19 10 20 คะแนนเต็ม 20 คะแนน ผลการประเมิน คะแนนท่ีได้ ผา่ น ไมผ่ า่ น ลงช่ือ…………………………………………ผูต้ รวจ (……………………………..............)



แบบฝึ กทกั ษะท่ี………… เรื่อง……………………………………………………………..…………………….. ช่ือ – สกลุ ……………………………………………………………….……… ………………………. ชนั้ …………………… เลขท่ี…………… คาช้ีแจง ใหผ้ ูป้ ระเมินสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคลของนักเรียน และบนั ทึกคะแนนลงในชอ่ งผลการ ประเมินใหต้ รงกบั สภาพจริงเพ่ือนาผลการประเมินไปใชพ้ ฒั นานักเรียนตอ่ ไป รายการประเมิน คะแนน ผลการประเมิน เต็ม 3 2 1 1. ความสนใจใฝ่รูแ้ ละกระตือรือรน้ ในการเรียนรู้ 3 2. มุง่ มน่ั อดทน ปฏิบตั ิกิจกรรมไดอ้ ยา่ งมีระบบระเบียบ 3 3. ความละเอียดรอบคอบในการปฏิบตั ิกิจกรรม 3 4. ความซ่ือสตั ย์ ประหยดั และรบั ผิดชอบในหนา้ ท่ี 3 คะแนนรวม 12 สรุปผลการประเมิน ระดบั คณุ ภาพและเกณฑก์ ารประเมิน คะแนนเต็ม ระดบั คุณภาพ เกณฑก์ าร 12 คะแนน ประเมิน 9 – 12 ดี ผา่ น 5 – 8 พอใช้ (ผ) ต่ากวา่ 5 ปรับปรุง ไมผ่ า่ น (มผ) ลงชื่อ ………………………………………………… ลงช่ือ ………………………………………………… (……………………………………………………...) (นางสาวอจั ฉราวรรณ ภาระษี) ครูผสู้ อน ผปู้ ระเมิน

รายการประเมิน ระดบั คะแนน พอใช้ (2) ดี (3) ปรบั ปรุง (1) 1. ความสนใจใฝ่รูแ้ ละ มีความสนใจ ใฝ่รู้ และกระตือรือรน้ มี ค ว า ม ส น ใ จ ใ ฝ่ รู้ แ ล ะ ไมส่ นใจใฝ่รูแ้ ละไมก่ ระตือรือร้น กระตื อรื อร้นในการ ในการเรียนรูท้ ุกครั้ง เป็นผูน้ าชวน กระตือรื อรน้ ในการเรียนรู้เป็ น ในการเรียนรู้ จะเกิดบา้ งก็ตอ่ เม่ือ เรียนรู้ เพ่ื อนใหเ้ กิดความอยากรู้อยาก บางครั้ง มีผูอ้ ่ืนกระตนุ้ เทา่ นนั้ เรียนเสมอ 2.มุง่ มน่ั อดทน ปฏิบตั ิ มี ค ว า มมุ่ง ม่ัน อ ด ท น ป ฏิ บัติ มีความมุ่ง ม่ัน อด ทน ป ฏิ บัติ มีควา มมุ่ง ม่ัน อด ทน ปฏิ บัติ กิ จกร รมไ ด้อย่าง มี กิจกรรมไดอ้ ยา่ งมีระบบระเบียบทุก กิจกรรมไดอ้ ยา่ งมีระบบระเบียบ กิจกรรมได้ แต่ยังขาดระบบ ระบบ ระเบียบ ครั้ง และมีขั้นตอนปฏิ บัติ งาน เ ป็ น บ า ง ค รั้ง แ ล ะ มี ขั้น ต อ น ร ะ เ บี ย บ แ ล ะ ไ ม่มี ขั้น ต อ น ชดั เจน ครบถว้ นถูกตอ้ งสมบูรณ์ ปฏิบตั ิงาน แตไ่ มช่ ดั เจน ปฏิบตั ิงาน 3 . ค ว า ม ล ะ เ อี ย ด มีความละเอียด ประณีต สะอาด มีความละเอียดรอบคอบในการ ไมม่ ีความละเอียดรอบคอบในการ รอบคอบในการปฏิบตั ิ รอบคอบในการปฏิบตั ิกิจกรรมทุก ปฏิบตั ิกิจกรรม โดยตอ้ งใหค้ รูหรือ ปฏิบตั ิกิจกรรม ไมต่ รวจสอบงาน กิจกรรม ครั้ง เป็ นตวั อย่างท่ีดีให้กบั เพ่ือน เพ่ือนกาชบั ตกั เตือนเป็นบางครง้ั ตอ้ งมีครูหรือเพ่ือนกาชบั ตกั เตือน และตรวจสอบงานกอ่ นสง่ ทุกคร้ัง ทกุ ครง้ั 4 . ค ว า ม ซ่ื อ สั ต ย์ มีความซ่ื อสัตย์ ประหยัดและมี มีความซ่ือสัตย์ ประหยัดและมี มีความซ่ือสัตย์ ประหยัดและมี ป ร ะ ห ยั ด แ ล ะ ความรับผิ ด ชอบทุกครั้งอย่าง ความรับผิดชอบเป็นบางครง้ั ความรับผิดชอบน้อย จนเพ่ือน รบั ผิดชอบในหนา้ ท่ี สม่าเสมอจนเพ่ือนยอมรับ และ ตอ้ งตกั เตือน เป็นแบบอยา่ งได้

กิจกรรมท่ี………… เร่ือง……………………………………………………………..…………………….. สมาชิกกลุ่มท่ี…………… 1. ………………………………………………………………. 4. ………………………………………………………………. 2. ………………………………………………………………. 5. ………………………………………………………………. 3. ………………………………………………………………. 6. ………………………………………………………………. คาช้ีแจง ใหผ้ ูป้ ระเมินสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ ของนักเรียนแตล่ ะคน และบนั ทึกคะแนนลงในชอ่ ง ผลการประเมินใหต้ รงกบั สภาพจริงเพ่ือนาผลการประเมินไปใชพ้ ฒั นานักเรียนตอ่ ไป รายการประเมิน คะแนน ผลการประเมินนกั เรียนในกลุ่ม / คนที่ เต็ม 1 2 3 4 5 6 1. ความร่วมมือในการทางาน 3 2. ความรบั ผิดชอบ ตอ่ หนา้ ท่ี 3 3. การแสดงความคิดเห็น 3 4. ขนั้ ตอนการทางาน 3 คะแนนรวม 12 สรุปผลการประเมิน ระดบั คณุ ภาพและเกณฑก์ ารประเมิน คะแนนเต็ม ระดบั คุณภาพ เกณฑก์ าร 12 คะแนน ประเมิน 9 – 12 ดี ผา่ น 5 – 8 พอใช้ (ผ) ต่ากวา่ 5 ปรับปรุง ไมผ่ า่ น (มผ) ลงชื่อ ………………………………………………… ลงช่ือ ………………………………………………… (……………………………………………………...) (นางสาวอจั ฉราวรรณ ภาระษี) ครูผสู้ อน ผปู้ ระเมิน

รายการประเมิน ระดบั คะแนน พอใช้ (3) ดี (4) ปรบั ปรุง (2) 1. ความร่วมมือในการ สมาชิกในกลุม่ ทุกคนมีสว่ นร่วม สมาชิกสว่ นใหญม่ ีส่วนร่วมและให้ สมาชิกบางคนมีส่วนร่วมและให้ ทางาน และใหค้ วามรว่ มมืออยา่ งเต็มท่ี ความร่วมมือ ความร่วมมือ 2. ความรับผิ ดช อบ สมาชิกทุกคนทางานตามท่ีไดร้ ับ สมาชิกสว่ นใหญท่ างานตามท่ีไดร้ ับ สมาชิกบางคนเล่ียงงานไมท่ าตาม ตอ่ หนา้ ท่ี มอบหมายจนเสร็ จสมบูรณ์ มอบหมายจนเสร็จ แตไ่ มท่ นั เวลา ไดร้ ับมอบหมาย งานไมส่ มบูรณ์ ทนั เวลา 3. ก า ร แ ส ด ง ค ว า ม สมาชิกทุกคนร่วมแสดงความ สมาชิกส่วนใหญ่ร่วมแสดงความ สมาชิกไมใ่ หค้ วามร่วมมือในการ คิดเห็น คิดเห็น คิดเห็น แสดงความคิดเห็น 4. ขนั้ ตอนการทางาน มีการกาหนดขน้ั ตอนการทางาน มีการกาหนดข้ันตอนการทางาน มีการกาหนดขนั้ ตอนการทางานท่ี ท่ี ชัด เ จ น ต้ัง แ ต่เ ร่ิ ม ท า ง า น คอ่ นขา้ งชดั เจนตงั้ แตเ่ ร่ิมการทางาน ไม่ชัดเจน ทาให้งาน ไม่เสร็ จ จนกระทง่ั งานเสร็จสมบูรณ์ จนกระทง่ั งานเสร็จ สมบูรณ์

แบบฝึ กทกั ษะที่………… เร่ือง……………………………………………………………..…………………….. ช่ือ – สกุล ……………………………………………………………….……… ………………………. ชนั้ …………………… เลขท่ี…………… คาช้ีแจง ใหผ้ ูป้ ระเมินสงั เกตคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องนักเรียน และบนั ทึกคะแนนลงในชอ่ งผลการ ประเมินใหต้ รงกบั สภาพจริง เพ่ือนาผลการประเมินไปใชพ้ ฒั นานักเรียนตอ่ ไป รายการประเมิน คะแนน ผลการประเมิน เต็ม 321 1. ซ่ือสตั ย์ สุจริต 2. มีวินัย 3 3. ใฝ่เรียนรู้ 3 4. มุง่ มน่ั ในการทางาน 3 3 คะแนนรวม 12 สรุปผลการประเมิน ระดบั คณุ ภาพและเกณฑก์ ารประเมิน คะแนนเต็ม ระดบั คุณภาพ เกณฑก์ าร 12 คะแนน ประเมิน 9 – 12 ดี ผา่ น 5 – 8 พอใช้ (ผ) ต่ากวา่ 5 ปรับปรุง ไมผ่ า่ น (มผ) ลงช่ือ ………………………………………………… ลงช่ือ ………………………………………………… (……………………………………………………...) (นางสาวอจั ฉราวรรณ ภาระษี) ครูผสู้ อน ผปู้ ระเมิน

ระดบั คะแนน รายการประเมิน ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1) 1. ซ่ือสตั ย์ สุจริต ปฏิบัติตนตอ่ ผูอ้ ่ืนดว้ ยความ ปฏิบตั ิตนตอ่ ผูอ้ ่ืนดว้ ยความ ไม่ปฏิ บัติตนต่อผูอ้ ่ื นด้วย 2. มีวินัย ซ่ือตรง และใหข้ อ้ มูลท่ีถูกตอ้ ง ซ่ื อ ต ร ง แ ล ะ ใ ห้ข้อ มู ล ท่ี ความซ่ือตรง และใหข้ อ้ มูลท่ี 3. ใฝ่เรียนรู้ และเป็ นจริ งกับเพ่ื อนอย่าง ถูกตอ้ ง และเป็นจริงกบั เพ่ือน ไมถ่ ูกตอ้ ง และไมเ่ ป็นจริงกบั 4. มุง่ มน่ั ในการทางาน สม่าเสมอ เป็ นบางครง้ั เพ่ ื อน เขา้ หอ้ งตรงเวลา และส่งงาน เ ข้ า ห้ อ ง ส า ย ไ ม่ เ กิ น เขา้ หอ้ งสายเกิน 5 นาที และ ตรงตามเวลาท่กี าหนด 5 นาที และสง่ งานเกินเวลาท่ี ไมส่ ง่ งาน กาหนด 2 วนั ตั้งใจเรี ยนศึกษาคน้ ควา้ หา ต้งั ใจเรียนศึกษาคน้ ควา้ มี ต้ังใจเรี ยน และเข้าร่วม ความรู้ มีสว่ นร่วมในการเรียนรู้ สว่ นร่วมในการเรียนรูแ้ ละเขา้ กิจกรรมตา่ ง ๆ ในหอ้ งเรียน และเขา้ รว่ มกิจกรรมตา่ ง ๆ ใน ร่ว ม กิ จ ก ร ร มต่า ง ๆ ใ น เป็นบางคร้งั หอ้ งเรียนเป็นประจา หอ้ งเรียนบอ่ ยคร้ัง ตง้ั ใจทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย ตงั้ ใจทางานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ไม่คอ่ ยตั้งใจทางานท่ีไดร้ ับ ชอบซกั ถามทุกครัง้ ท่สี งสยั ชอบซกั ถามบอ่ ยครั้งท่ีสงสยั มอบหมาย

สุธารี คาจีนศรี และภคพร จิตตรีขนั ธ.์ (2563). หนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 เล่ม 2. กรุงเทพฯ : บริษัท อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จากดั . (พิมพค์ รัง้ ท่ี 6). บญั ชา ธนบุญสมบตั ิ. (2563). ร่ืนรมย์ ชมเมฆ. ศูนยเ์ ทคโนโลยีโลหะและวสั ดแุ หง่ ชาติ. National Geographic. (2560). ทาความรจู้ กั กบั “เมฆ” แตล่ ะประเภท. สืบคน้ เม่ือ 11 มกราคม 2565. กรมอตุ ุนิยมวิทยา. (2561). ความรอู้ ุตนุ ิยมวิทยา. สืบคน้ เม่ือ 11 มกราคม 2565. จาก https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=57 พฒั นาส่ือการสอน. (2561). สื่อประกอบการสอน เรื่อง เมฆ. สืบคน้ เม่ือ 11 มกราคม 2565. จาก https://www.facebook.com/sci.edu.ssru/posts สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (2561). หนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 2 มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง 2560) ตามหลกั สูตรแกน กลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook