สวนพฤษศาสตร์ 2562 โรงเรยี นศกึ ษาสงเคราะห์ เชยี งใหม่ ครูที่ปรกึ ษา นางสาวฐริ ญา ทะนันชยั
สารบญั สวนพฤษศาสตร์ ความเปน็ มาและความสาคญั สวนพฤกษศาสตรส์ มเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ ต้นไมแ้ ละพชื พรรณภายในโรงเรยี น
สวนพฤษศาสตร์ สวนพฤกษศาสตร์ เป็นสถาบนั ทางวิชาการทีเ่ ป็นแหลง่ รวบรวม พรรณพืชตา่ ง ๆ เอาไวเ้ พื่อทาการอนรุ กั ษ์ ศกึ ษา วิจยั ทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะทางดา้ นพฤกษศาสตรห์ รอื วิทยาศาสตรว์ ่าดว้ ยพืช โดยมากจะมี การปลกู รวบรวมไวเ้ ป็นหมวดหมู่ ตามแตล่ ะนโยบาย ลกั ษณะพืน้ ท่ี และ งบประมาณของสวนพฤกษศาสตรน์ น้ั ๆ เชน่ สวนกลว้ ยไม้ สวนสมนุ ไพร สวนพืชใหส้ ี สวนพืชมีพิษ หรอื ตามการจดั จาแนกพืชเป็นวงศต์ า่ ง ๆ เชน่ วงศป์ าลม์ วงศข์ ิงขา่ เป็นตน้ โดยสวนพฤกษศาสตรท์ ่ีมีมาตรฐานจะมี องคป์ ระกอบทส่ี าคญั เช่น แปลงรวบรวมพรรณพืช หอ้ งสมดุ หอพรรณไม้ หอ้ งปฏิบตั ิการ นอกจากงานดา้ นอนรุ กั ษพ์ ืชแลว้ ยงั เป็นแหลง่ เรยี นรูด้ า้ นพืช สาหรบั การศกึ ษาของนกั วิจยั นกั เรยี นนกั ศกึ ษา หรอื ตอบสนองตอ่ การเป็น แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วและสถานพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ ซง่ึ แนวโนม้ ในปัจจบุ นั สวน พฤกษศาสตรจ์ ะตอ้ งตอบสนองตอ่ ความเป็นอยขู่ องมนษุ ย์ เชน่ การเป็น แหลง่ พนั ธกุ รรมใหแ้ กช่ มุ ชนในทอ้ งถ่ิน
ความเปน็ มาและความสาคญั ความเป็ นมาและความสาคญั ตามทสี่ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามราชกมุ ารี ทรงมีพระราชดารบิ าง ประการเกี่ยวกบั การอนรุ กั ษพ์ นั ธพุ์ ืช ซง่ึ มีใจความดงั ตอ่ ไปนี้ “การสอนและ การอบรมใหเ้ ด็กมีจิตสานกึ ในการอนรุ กั ษพ์ ืชพรรณนน้ั ควรใชว้ ิธีการปลกู ฝัง ใหเ้ ด็กเหน็ ความงดงาม ความสนใจ และเกิดปิตทิ ่ที าการศกึ ษาและอนรุ กั ษ์ พืชพรรณตอ่ ไปการใหว้ ิธีการสอน การอบรมและใหเ้ กิดความรูส้ กึ ว่า หากไม่ อนรุ กั ษแ์ ลว้ จะเกิดผลเสียอนั ตรายแกต่ นเอง จะทาใหเ้ ด็กเกิดความเครยี ด ซง่ึ จะเป็นผลเสยี แก่ประเทศไทยในระยะยาว” โครงการการอนรุ กั ษพ์ นั ธกุ์ รรม อนั เน่ืองมาจาก พระราชดาริ ฯ ดาเนินงานสนอง พระราชดรจิ ดั ตงั้ งาน “สวน พฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น เพื่อเป็นส่ือในการสรา้ งจิตสานกึ ดา้ นอนรุ กั ษก์ รรมพืช ใหเ้ ยาวชนไดใ้ กลช้ ิดกบั พืชพรรณไม้ เห็นคณุ คา่ ประโยชน์ ความสวยงามอนั กอ่ ใหเ้ ดความคดิ ทจ่ี ะอนรุ กั ษพ์ ืชโดยพรรณตอ่ ไป
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน คือ แหลง่ ท่ีรวบรวมพนั ธพ์ ืชชนิด ตา่ งๆท่มี ีชีวิต จดั ปลกู ตามความเหมาะสมกบั สภาพถ่ินอาศยั เดิม มี หอ้ งสมดุ สถานทเ่ี ก็บรวบรวมตวั อยา่ งพรรณไมร้ กั ษาสภาพ อาจเป็น ตวั อยา่ งแหง้ หรอื ตวั อยา่ งดองหรอื เก็บรกั ษาดว้ ยวิธีอืน่ ๆ พืชพนั ธทุ์ ีท่ าการ รวบรวมไวน้ น้ั จะเป็นแหลง่ พกั ผอ่ นหยอ่ นใจ ซงึ่ สามารถดาเนินการสวน พฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นใชใ้ นพืน้ ท่ีของโรงเรยี น โดยมีองคป์ ระกอบดงั กลา่ ว เป็นสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นใชใ้ นวตั ถปุ ระสงคด์ งั กลา่ วอกี ทงั้ ใชใ้ น การศกึ ษาและเป็นประโยชนใ์ นการสอนวิชาตา่ งๆ
สวนพฤกษศาสตรส์ มเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ สวนพฤกษศาสตรส์ มเดจ็ พระนางเจา้ สิริกิต์ิเป็นสวนพฤกษศาสตร์ ตงั้ อยทู่ ี่ 100 หมู่ 9 ตาบลแมแ่ รม อาเภอแมร่ มิ จงั หวดั เชยี งใหม่ ตงั้ อยทู่ ่ีกิโลเมตรที่ 12 บนถนนใหญ่สาย แมร่ มิ -สะเมิง อาเภอแมร่ มิ จงั หวดั เชียงใหม่ ซง่ึ อยไู่ มไ่ กลจากยา่ นชมุ ชนและหา่ งจากตวั เมือง เชยี งใหมเ่ พียง 27 กิโลเมตร ตงั้ ขนึ้ เม่ือปี พ.ศ. 2526 บนพนื้ ที่ 2,000 ไร่ ดาเนินการโดยกรมป่ า ไม้ ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2535 ไดโ้ อนมาดาเนินงานโดยองคก์ ารสวนพฤกษศาสตร์ (อสพ.) ซง่ึ เป็น รฐั วิสาหกิจ ในความดแู ลของกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2537 องคก์ ารสวนพฤกษศาสตร์ ไดร้ บั พระมหากรุณาธิคณุ จากสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ีนาถ พระราชทานพระราชานญุ าตใหใ้ ชช้ อื่ สวนพฤกษศาสตรส์ ากลแหง่ แรกของ ประเทศไทยในภาคเหนือนีว้ า่ \"สวนพฤกษศาสตรส์ มเด็จพระนางเจ้าสิรกิ ิติ์ ปัจจบุ นั เป็น สวนพฤกษศาสตรแ์ หง่ แรกของไทยท่มี มี าตรฐานระดบั สากล มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือเป็นแหลง่ เรยี นรู้ วิชาการ และ ศกึ ษาวิจยั ทางดา้ นพฤกษศาสตร์ อีกทงั้ ยงั เป็นสถานทที่ อ่ งเท่ยี วพกั ผอ่ น หยอ่ นใจที่มคี วามสวยงาม บนพนื้ ที่ 6,500 ไร่ ซง่ึ เตม็ ไปดว้ ยพรรณไม้ นานาพรรณจากทงั้ ใน และจากตา่ งประเทศ
ตน้ ไมแ้ ละพชื พรรณภายในโรงเรยี น
ตน้ พดุ ซอ้ น พดุ ซ้อนเป็ นไม้พ่มุ สูงประมาณ 1-2 เมตร แตกกง่ิ แขนงมาก ลาต้นเรียวเป็ นรูป กรวย ใบเดยี่ ว รูปหอก ปลายใบ และโคนใบแหลม ใบมสี ีเขียวมน ดอกเดยี่ วสีขาวออกตามซอกใบ และปลายกงิ่ มกี ลบี เลยี้ งหนา เป็ นสัน มที ้งั ชนิดดอกลา คือ กลบี ดอกช้ันเดยี ว และชนดิ ดอก ซ้อน มกี ลบี ดอกจานวนมาก เรียงซ้อนกนั เม่ือดอกบานมเี ส้น ผ่านศูนย์กลางประมาณ 7-8 เซนตเิ มตร กลน่ิ หอมแรง ออก ดอกตลอดปี
ตน้ หางไหลแดง หางไหลหรือโล่ตนิ๊ เป็ นไม้เลือ้ ย ชนิดเนื้อแข็ง จัดเป็ นพืชตระกลู ถ่ัวชนิดหนงึ่ พืชชนดิ นมี้ สี ารออก ฤทธ์ิทางชีวภาพทส่ี าคญั คือโรติ โน พบมากในราก มฤี ทธ์ิฆ่าแมลง โดยการกนิ หรือการสัมผสั ตวั และเป็ นสารท่ีสลายตวั ได้ง่ายเมื่อ ถูกความร้อนหรือแสงแดด สามารถนามาใช้เป็ นสารฆ่าแมลง ได้ท้งั ในรูปรากแห้งและรากสด โดยสารสกดั จากรากหางไหลแห้ง นี้ สามารถใช้กาจดั หนอน
หญ้านวดแมว หญ้าหนวดแมว เป็ น ไม้ล้มลุกขนาดเลก็ ลาต้นส่ี เหลยี ม มสี ีนา้ ตาล ใบเดยี่ ว เรียงตวั แบบตรงข้ามสลบั ต้งั ฉาก (decussate) รูปร่างใบแบบ รูปไข่ ปลาย ใบเรียวแหลม ขอบใบจัก เป็ นฟันเลื่อย ช่อดอกแบบ กระจุก ปลายยอดคล้ายฉัตร ออกบริเวณปลายยอด และ ปลายกง่ิ สมบูรณ์เพศ สมมาตรด้านข้าง กลบี ดอก มสี ีขาว และสีม่วง เชื่อม ตดิ กนั เป็ นหลอด ปลายแยก เป็ นรูปปากเปิ ด
ต้นมะยม มะยม ภาคอสี านเรียกว่า หมาก ยม ภาคใต้เรียกว่า ยม เป็ นไม้ยืน ต้น ขนาดเลก็ ถึงขนาดกลาง สูง ประมาณ 3 – 10 เมตร ลาต้นต้งั ตรง เปลือกต้นขรุขระสีเทาปน นา้ ตาล แตกกงิ่ ที่ปลายยอด กง่ิ ก้านจะเปราะและแตกง่าย ใบ ประกอบ มใี บย่อยออกเรียงแบบ สลบั กนั เป็ น 2 แถว แต่ละก้านมี ใบย่อย 20 – 30 คู่ ใบรูปขอบ ขนานกลมหรือค่อนข้างเป็ น สี่เหลย่ี มขนมเปี ยกปูนปลายใบ แหลม
อบเชยญวน อบเชยญวนเป็ นไม้ไม่ ผลดั ใบ และเป็ นพืช ท้องถิ่นในคาบสมุทรอิน โดจีน มีความใกล้เคยี ง กับอบเชยจีนมากกว่า อบเชยลงั กา มนี ้ามัน หอมระเหย 1-5% และ มี 25% ในน้ามันหอม ระเหยซ่ึงมากกว่าชนิด อื่นๆ จึงมีราคาสูงกว่า อบเชยจนี และอบเชย ลงั กา
ต้นลน้ิ งเู หา่ ลนิ้ งูเห่า เป็ นไม้ล้มลุกกง่ึ เลือ้ ยในวงศ์ ไม่ค่อยแตกกง่ิ แขนง ใบเดย่ี ว เรียงตรงข้าม ใบบาง ขอบใบเป็ นคลื่น ดอก ช่อ ออกทีป่ ลายยอด มดี อก ย่อยช่อละ 12 – 20 ดอก ดอกย่อยในช่อบานไม่พร้อม กนั สีส้ม ปลายแยกเป็ น 2 แฉก เป็ นไม้ถ่นิ เดยี วของไทย พบเฉพาะทางภาคตะวนั ออก กระจายพนั ธ์ุในเขต ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี และตราด ช่ือสปี ชีส์ต้งั เป็ น เกยี รตแิ ก่ประเทศไทย
ชาทอง ไม้พ่มุ สูง 1 เมตร ผวิ ลาต้น หยาบ ขรุขระ สีเทาอ่อน ใบ เดยี่ วแบบตรงข้าม ใบรูปรี กว้างประมาณ 1.5-2.5 เซนตเิ มตร ยาวประมาณ 5 เซนตเิ มตร ใบสีเขยี วอ่อนอม เหลืองถงึ สีเหลืองทอง ปลายใบ แหลม โคนใบสอบเรียว ขอบ ใบเรียบ ดอกช่อแบบช่อวงแถว เดยี่ ว กลนิ่ หอม ออท่ีปลายยอด
ดอกเฟย้ี งฟา้ เฟื่ องฟ้าเป็ นไม้ยืนต้นประเภทพ่มุ กง่ึ เลือ้ ย ขนาดต้งั แต่พ่มุ เลก็ ถึงพ่มุ ใหญ่ มหี นามขนึ้ ตามลาต้นอยู่ ใบ เดยี่ ว แตกออก สลบั กบั กงิ่ หรือ เยือ้ งกนั มขี นขนึ้ ปกคลุมเลก็ น้อย มสี ีเขยี วหรือใบด่าง รูปร่างรีแหลม ยาว 3-6 ซม. กว้าง 2-3 ซม. ใบ ประดบั ลกั ษณะคล้ายรูปหวั ใจหรือ รูปไข่มี 3-5 ใบ มหี ลายสี เช่น ม่วง แดง ชมพู ส้ม ฟ้า เหลืองและอ่ืนๆ
ปาล์มหางกระรอก ปาล์มหางกระรอกเป็ นปาล์ม ชนดิ เดยี วใน มถี ่ินกาเนดิ ใน ออสเตรเลยี และเกาะนิวกนิ ี นิยม ปลูกเป็ นไม้ประดบั ปัจจุบันมี จานวนลดลงเน่ืองจากการ ทาลายป่ า ปาล์มหางกระรอกเป็ นปาล์มต้น เดย่ี ว สูงได้ถงึ 20 เมตร ลาต้นมี เส้นผ่านศูนย์กลาง 10-15 เซนตเิ มตร คอต้นมสี ีเขียวอม เทา ใบรูปขนนกเป็ นพวง ทางใบ ยาว 3 เมตร
ล่ันทม ลนั่ ทม หรือ ลลี าวดี เป็ นไม้ ดอกยืนต้นในวงศ์ตนี เป็ ด หรือ วงศ์ไม้ลนั่ ทม มหี ลาย ชนิดด้วยกนั บางคนมคี วาม เช่ือว่า ไม่ควรปลกู ต้นลน่ั ทม ในบ้านเพราะมคี วามเช่ือว่า เน่ืองจากมชี ่ือเป็ นอปั มงคล คือไปพ้องกบั คาว่า 'ระทม' ซ่ึงแปลว่า เศร้าโศก ทุกข์ใจ นยิ มปลกู กนั แพร่หลายอย่าง มาก ช่ือพืน้ เมืองอ่ืน ๆ ได้แก่ จาปา, จาปาลาว และ จาปาขอม เป็ นต้น
ขเ้ี หล็ก ขีเ้ หลก็ จัดเป็ นพืชใน นอกจากนีย้ งั มชี ื่อเรียกใน ท้องถิ่นทแ่ี ตกต่างกนั เช่น ขเี้ หลก็ แก่น (ราชบุรี) ขเี้ หลก็ บ้าน (ลาปาง) ขเี้ หลก็ หลวง (ภาคเหนือ) ขีเ้ หลก็ ใหญ่ (ภาคกลาง บางท่ี) ผกั จลี้ ี้ (ฉาน- แม่ฮ่องสอน) ยะหา (มลายู-ปัตตาน)ี และ ขีเ้ หลก็ จหิ ร่ี (ภาคใต้) เป็ น ต้น ลกั ษณะทาง พฤกษศาสตร์ของต้น ขีเ้ หลก็ เป็ นไม้ยืนต้นขนาด เลก็ ถึงปานกลาง ผลดั ใบ สูงประมาณ 8-15 เมตร
ตน้ วาสนา ไม้พ่มุ สูง 5-10 ม. ลา ต้นกลมจะไม่มกี ง่ิ ก้านสาขา แต่จะ มขี ้อตดิ ๆ กนั ใบ ใบเรียงเวยี นสลบั ถ่ีที่ีป่ ลาย ยอด ใบเดยี่ ว รูปหอกเรียวยาวโค้ง ลงสู่พืน้ ดนิ กว้าง 6-10 ซม. ยาว 30-120 ซม. โคนใบแผ่เป็ นกาบหุ้ม ลาต้น ปลายใบแหลมงอง้มุ ลง ดอก ดอกช่อขนาดใหญ่ มสี ีชมพู อ่อนถึงขาว ช่อดอกยาว 40-60 ซม. ออกทซ่ี อกใบใกล้ปลายยอด ใบประดบั แห้งสีขาว มดี อกย่อย จานวนมาก บานเกือบพร้อมกนั ท้งั ช่อ
บรรณานกุ รม https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B 9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0% B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%81 https://www.google.com/search?rlz=1C1ZKTG_thTH830TH830&sxsrf=ALeKk 03WIMRPyV27DusTgE0TZwnHNbqhkA%3A1582704780136&ei=jChWXtHuB _uU4- EP9aOyEA&q=%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8% 9F%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9F%E0%B9 %89%E0%B8%B2&oq=%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80% E0%B8%9F&gs_l=psy- ab.1.1.0l10.2148.3649..5873...1.1..0.565.1394.0j2j1j1j0j1......0....1..gws- wiz.....10..0i71j35i362i39j35i39j0i131j0i67.tYhBWXbE1cU
สมาชกิ กลุ่ม น.ส. ณฐั ธดิ า จติ มา เลขท่ี 4 นาย อภิเชษฐ์ โข่วะกา เลขท่ี37 นาย วรวฒุ ิ วอเชอลอย เลขท่ี40
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: