๑ บริเวณป่าร่มรื่นติดแม่น�้ำสายหน่ึง มีแนวต้นไม้รกคร้ึม ขนานยาวกบั สายนำ�้ ขา้ งเนนิ ปลวกภายใตเ้ งารม่ ไทรเยน็ สบายนนั้ มี สามเณรรปู หนง่ึ นงั่ ทอ่ งบทสวดมนตจ์ ากหนงั สอื สวดมนตเ์ จด็ ตำ� นาน บนขอนไม้อย่างมีสมาธิ เณรน้อยหลับตาท่องไปเรื่อยๆ ครั้นสะดุด ตรงไหน กล็ มื ตาเหลือบมองหนังสอื ทเ่ี ปิดกางอยู่ในมือ แล้วหลับตา ท่องกลับไปกลับมาสองสามเท่ียวจนจ�ำได้ ค่อยลืมตามองบทสวด มนต์แถวต่อไป จากนั้นก็ท่องต่อด้วยความต้ังใจมุ่งมั่นและมีสมาธิ โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นสายน�้ำทไ่ี หลผ่าน หรอื สายลม เยน็ พัดไล้ลบู ผวิ นำ�้ จนเกิดระลอกคลืน่ พล้ิวไหวงามตา เณรน้อยท่องบทสวดมนต์อย่างมีสมาธิ เสียงใสๆ ปนห้าว เพราะมีอายุสิบสี่ปี เร่ิมแตกหนุ่มแล้ว แต่เนื่องจากเป็นผู้ครองผ้า กาสาวพัสตร์ จงึ ดูมุ่งมนั่ และแน่วแน่เกนิ วัย เณรน้อยหลบั ตาอีกคร้งั แล้วเร่ิมทบทวนบทสวดมนต์ตั้งแต่ต้นจนจบ คราวนี้ไม่ติดขัด และ เพ่ือให้เกิดความมั่นใจ จงึ ท่องซำ้� สามเทย่ี ว ก่อนท่รี อยยิม้ จางๆ จะ ปรากฏบนเรยี วปากแดงเรอ่ื ขณะตาพรม้ิ หลบั อยู่ แลว้ ทบทวนบทสวด
โชติ ศรีสุวรรณ 11 มนต์ที่เพงิ่ ท่องได้ให้แน่ใจอกี คร้งั เณรนอ้ ยไมไ่ ดส้ นใจบรเิ วณทเี่ กดิ กระแสน�้ำวนลกึ อยา่ งผดิ ปกติ หรือเรียกว่า ‘น้�ำวนตาไก่’ ในแม่น�้ำตรงหน้า ยังคงปิดเปลือกตา สาธยายบทสวดมนตต์ อ่ ไป จงึ ไมเ่ หน็ ชายคนหนงึ่ โผลพ่ น้ ผวิ น้�ำขน้ึ มา อย่างประหลาดล�้ำ เขานุ่งผ้าม่วงปักด้ินทอง ทับด้วยโจงกระเบน ผ้าปักด้ินทองอีกที เผยช่วงบนท่ีมีกล้ามแกร่ง มือถือพระขรรค์ด้าม ทองลวดลายเครือเถาอันวจิ ติ ร หากไม่มีสงั วาลสองสายพาดไขว้ทบั บนอกกว้างน้นั กเ็ รียกได้ว่าร่างกายท่อนบนเปล่าเปลอื ย ใบหน้ารูป ไขเ่ รยี วนวลเนยี น ตาคมใตค้ ว้ิ โกง่ เหมอื นคนั ศร รบั กบั จมกู โดง่ พองาม รมิ ฝปี ากอมิ่ นนั้ ราวจะยมิ้ แยม้ เนอื งนติ ย์ ครนั้ เขากา้ วพน้ ตลงิ่ ขน้ึ มา ก็ เป็นเวลาท่ีเณรน้อยเปิดเปลอื กตาข้ึนพอดี เณรน้อยขยับตัวเล็กน้อย ตากลมใต้ค้ิวเกล้ียงเกลาเพราะถูก โกนนั้น ทอดมองร่างบุรุษผู้อยู่ในชุดอันแปลกกว่าการนุ่งห่มของ ชาวบ้านในละแวกนี้ เณรน้อยนึกถึงเจ้าชายรูปงามในหนงั สือนิทาน แนวจักรๆ วงศ์ๆ ท่ีเคยอ่าน โดยเฉพาะทรงผมท่ีรวบเป็นมวยแน่น ล้อมรอบด้วยอัญมณีสะท้อนแสงวูบวับ การเคล่ือนตัวของเขาก็ดู เหมือนก้าวเท้าไม่แตะผิวดนิ ขณะตรงมานง่ั คุกเข่าพลางพนมมอื ข้ึน เณรน้อยขย้ตี ามอง ไม่แน่ใจว่าตวั เองฝันไปหรือเปล่า เสียงหัวเราะหๆึ ดงั ออกจากลำ� คอเขา ตามด้วยเสียงนุ่มหูดงั พอให้ได้ยนิ “เณรน้อย...ไม่ได้ฝันไปหรอก” “ทะ...ท่านเป็นใคร ข้นึ มานง่ั บนขอนไม้นเ่ี ถอะ” เณรนอ้ ยบอกพลางขยบั กาย กง่ิ ไทรยอ้ ยบนเนนิ ปลวกพลวิ้ ไหว บรเิ วณนน้ั รม่ เยน็ และเงยี บสงดั ไมม่ เี สยี งนกทบ่ี นิ ลงมาเกบ็ กนิ ลกู ไทร พวกมันเงียบกันได้อย่างไร หรือเสียงท่องบทสวดมนต์ของเณรน้อย
12 ธุดงค์กับหลวงพ่อ รบกวนพวกมันจนไม่กล้าลงมากนิ ลกู ไทรสุก แต่ทุกวันเณรน้อยกไ็ ด้ อาศยั รม่ ไทรน้ี จนนกตา่ งๆ คนุ้ ชนิ วา่ ไมเ่ ปน็ อนั ตราย แมจ้ ะมรี า่ งเณร น้อยนงั่ อยู่ตรงน้ี พวกมันกก็ ล้าบินลงมาเกบ็ กินลกู ไทร บรุ ษุ ผมู้ คี วามงดงามราวกบั เจา้ ชายในภาพวาดประกอบนทิ าน เก่าแก่ ขยบั ตัวลุกแล้วนัง่ บนขอนไม้ตามค�ำเชื้อเชิญ “ต้องขออภัยเณรน้อย ท่ีนง่ั เสมอกบั ผู้มศี ลี บริสทุ ธ์”ิ “ไม่เป็นไร น่ีอยู่ในป่าริมแม่น้�ำ ไม่ใช่บนกุฏิ เณรไม่ถือสา หรอก” เณรน้อยบอก นัยน์ตาเจิดจรัสของบุรุษผู้มากับความแปลกทั้งการแต่งกาย และการปรากฏตวั จอ้ งเณรนอ้ ย นบั เปน็ ดวงตาแหง่ ความอบอนุ่ ทำ� ให้ เณรน้อยเกิดความชุ่มชื่นใจ และสบประสานสายตากลับไป ดังจะ บอกเร่ืองราวต่อกัน ทันใดน้ันเสียงดนตรีซึ่งน่าจะเป็นเสียงพิณแคน กด็ งั ขน้ึ เณรนอ้ ยยงั อยใู่ นอาการสงบ แมว้ นั นจี้ ะแตกตา่ งจากวนั อนื่ ๆ ก็ตาม “ท่านยังไม่ได้บอกเณรเลยว่าเป็นใคร มาจากไหน” เณรน้อย หลุดเสียงถามเหมือนอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ฝันทั้งที่รอบกาย สวา่ งไสวจากตะวนั ทจ่ี รสั แสงลงมาอาบทว่ั บรเิ วณใหเ้ กดิ ความรมุ่ รอ้ น น่ีหากไม่ได้ไอเย็นจากร่มไทร ไฉนเลยจะน่งั คยุ กนั ได้อย่างนี้ บุรุษผู้ปรากฏกายอย่างลึกลับยังไม่ตอบคำ� ถามเณรน้อยเสีย ทเี ดยี ว เขามองไปทางกฏุ หิ ลวงพอ่ ทปี่ รากฏเพยี งหลงั คาโผลพ่ น้ ยอด ไม้ ทจี่ ริงก็ไม่ได้อยู่ไกล เพยี งแต่สมุ ทุมพุ่มไม้บดบังเท่าน้นั “ขา้ มาจากภพภมู อิ นื่ ทไี่ มม่ ใี ครรู้ นอกจากหลวงพอ่ ผเู้ ปน็ อรยิ - สงฆ์เท่านั้น ท่านทราบดีจากญาณอันแก่กล้าของท่านที่เหนือกว่า ผู้คนธรรมดา” เสียงเพลงพิณยังดังมาให้ได้ยิน ซ่ึงดูเหมือนสะท้อนมาจาก
โชติ ศรีสุวรรณ 13 แม่น้�ำ หลวงพ่อเคยพร�่ำสอนไม่ให้ลุ่มหลงในรูป รส กลิ่น เสียง เสยี งดนตรที ไ่ี ดย้ นิ จงึ ไมต่ า่ งไปจากเสยี งนกไพรและสายลมพรำ่� เพรยี ก เณรน้อยฟังแล้วก็คิดว่าเหมอื นเสยี งจากธรรมชาติ “ข้าศรัทธาการครองผ้ากาสาวพัสตร์ของเณรน้อย เพราะนับ เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ไฉนเณรน้อยจึงสละความสนุกสนานจากทางโลก ไดด้ ว้ ยวยั เพยี งแคน่ ี้ ขา้ อยากจะฟงั จากปากของเณร ขา้ ทำ� อยา่ งเณร นอ้ ยไมไ่ ด้ ทงั้ ๆ ทใี่ ฝฝ่ นั จงึ รกั ษาไดเ้ พยี งศลี หา้ เทา่ นนั้ ” เสยี งเขาหาย ไปในลำ� คอราวกับคนผดิ หวงั อยู่ลกึ ๆ เณรน้อยขยับริมฝีปากย้ิมละไม มองบุรุษแปลกหน้าราวกับ จะให้กำ� ลังใจ “ท่านเป็นบุรุษ ซ�้ำยังรูปงาม มีอวัยวะครบบริบูรณ์ทุกอย่าง อายกุ อ็ ยใู่ นวยั จะบวชพระได้ ไฉนเลยจะครองผา้ กาสาวพสั ตรไ์ มไ่ ด”้ เขาก้มหน้าเม้มริมฝีปากเหมือนก�ำลังคิดหนัก เณรน้อยรู้สึก ไม่สบายใจ คิดว่าค�ำพูดของตนมีส่วนสร้างความสะเทือนใจให้เขา หรอื อย่างไร บุรุษแปลกหน้าเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับเณรน้อย แล้ว พดู ราวกับล่วงรู้ความในใจ “ไม่มีอะไรสะกดิ ใจข้า เณรน้อยพดู ถูกแล้ว แต่ยงั ไงข้าก็บวช พระไม่ได้ เณรน้อยเล่าให้ข้าฟังด้วยเถิด มันจะเป็นบุญกุศลกับข้า หากได้ฟังเรือ่ งเล่าของเณร” เณรน้อยรู้สึกสะกิดใจ ชายผู้นีพ้ ูดแปลก เขาไม่มวี นั ที่จะบวช พระหรือเณรได้อย่างนั้นหรือ เณรน้อยรู้สึกฉงน แต่ก็เก็บความรู้สึก สงสยั ไว้ภายใน เขาอาจจะเป็นเจ้าชาย หรอื ชายตระกลู สงู ส่ง ถ้าคดิ จะบวชเรยี นคงเปน็ เรอื่ งลำ� บากหากบดิ ามารดาไมอ่ นญุ าต เณรนอ้ ย คิดเช่นน้ี ก่อนจะพูดข้ึน
14 ธุดงค์กับหลวงพ่อ “ท่านรักษาศีลห้าข้อได้บริสุทธ์ิก็นับว่าเป็นกุศลอันย่ิงใหญ่ แล้ว...” ตอนแรกเณรน้อยจะถามเขาเหมือนกันว่า เพราะเหตุใดจึง บวชพระหรอื เณรไมไ่ ด้ ทง้ั ๆ ทเี่ ขาเปน็ ผชู้ ายวยั ผใู้ หญแ่ ลว้ แตค่ รนั้ คดิ ว่าเป็นเหตุผลส่วนตัวของเขา เณรน้อยเลยเก็บความอยากรู้เอาไว้ ในใจ “สำ� หรับเณรนัน้ บวชด้วยศรัทธาในพุทธศาสนาเพอื่ รักษาศีล อยากงดเวน้ รงั แกสตั ว์ ไมต่ อ้ งการบรโิ ภคเนอ้ื สตั ว์ แรกนนั้ มารดาของ เณรก็ไม่เห็นด้วย เพราะในครอบครัวก็มมี ารดาและเณรเท่านน้ั ครนั้ เรยี นจบประถมปลาย มารดากอ็ ยากใหเ้ รยี นต่อมธั ยม แตเ่ ณรอยาก เรยี นธรรมะ อยากบวชเรยี นเพราะชอบชวี ติ สงบ แต่ยังไงมารดากไ็ ม่ ยอม เพราะมีลูกชายคนเดียว จึงอยากอยู่ใกล้ชิดกับลูก ถ้าไม่เกิด เหตุการณ์หนึง่ ข้ึน เณรก็คงไม่ได้บวช...” เณรน้อยหยดุ สดู ลมหายใจ ยาว ขณะสายตาจับอยู่บนผิวนำ�้ แมลงปอหลายตัวบินฉวัดเฉวียน อยู่เหนือผิวนำ�้ บางตัวก็เกาะน่ิงอยู่กับใบพืชนำ้� จำ� พวกกกและหญ้า นำ้� บรุ ษุ แปลกหนา้ ยงั จอ้ งผวิ หนา้ เนยี นนวลมสี งา่ ราศขี องเณรนอ้ ย แววตาบ่งบอกให้รู้ถึงความศรัทธาและความรักทเี่ ณรน้อยมิอาจรู้ได้ “เณรนอ้ ยวา่ อาศยั อยกู่ บั มารดาเพยี งลำ� พงั ...” ชายแปลกหนา้ ชะงกั สีหน้าดูครุ่นคดิ เหมือนจะเกดิ ความเกรงใจ ในท่สี ดุ กต็ ัดสนิ ใจ ถาม “เณรนอ้ ยคงไมต่ ำ� หนิ หากขา้ จะถามวา่ พอ่ เณรนอ้ ยละ่ ไปไหน ถึงไม่อยู่กับครอบครัว ทำ� ไมปล่อยให้เณรน้อยกับมารดาอยู่กันตาม ลำ� พงั และขา้ กอ็ ยากจะรวู้ า่ เกดิ อะไรขนึ้ กบั เณรนอ้ ย จงึ ตดั สนิ ใจบวช เณร ปล่อยมารดาอยู่ตามลำ� พัง” เณรน้อยมองแววตาอันอบอุ่นนน้ั ครู่หนึง่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
โชติ ศรีสุวรรณ 15 “เณรเกิดมาไม่เคยเห็นหน้าพ่อ ถามแม่ก็อ�้ำอ้ึงไม่ให้ความ กระจ่าง คร้ันถามรุกหนักเข้าแม่ก็ตอบด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า พ่อ ตายจากไปก่อนท่ีเณรจะเกดิ เพียงไม่กเี่ ดือน เมื่อแม่บอกเช่นนี้ เณร ก็ไม่อยากรื้อฟื้นให้แม่ทุกข์ใจ ส่วนสาเหตุท่ีตัดสินใจบวชเณรนั้น มี อยู่วนั หนึ่ง หลังจากโรงเรียนเลกิ เณรกลับถงึ บ้าน เพอื่ นวยั เดียวกัน ในหมู่บ้านสามสี่คนกม็ าชวนไปปักเบ็ดตอนเย็น โดยใช้ไส้เดือนเป็น เหยอ่ื หลงั จากปกั เบด็ เสรจ็ แลว้ กก็ ลบั มาพกั ทกี่ ระทอ่ มปลายนา พดู คุยกันตามประสาเด็กๆ ตอนนน้ั เรียนอยู่ช้ัน ป. หก เป็นปีสดุ ท้ายใน โรงเรียนระดับประถม เณรกับเพ่ือนคุยกนั เรื่องต่างๆ บางคนก็พดู ว่า อยากได้ปลาตัวโตๆ จะได้น�ำไปเป็นอาหารของครอบครัว บางคน ก็ว่าจะให้แม่เอาไปขาย” “ข้าอยากให้เบ็ดทุกคันติดปลากินเหยื่อ จะได้เอาไปขายซื้อ เส้อื กีฬาสี” เพ่ือนคนนั้นไม่ทนั พดู จบกถ็ ูกเพอ่ื นอีกคนขัดคอ “เฮ้ย! จะมีเหรอ ปลาตดิ เบด็ ทุกคัน เป็นไปไม่ได้หรอก” “ก็...ข้าคดิ ของข้าอย่างนี้” เพ่ือนเจ้าของความคดิ เถยี ง เณรนอ้ ยหยดุ มองบรุ ษุ แปลกหนา้ ครหู่ นงึ่ ครนั้ เหน็ เขาตงั้ ใจฟงั จึงเล่าต่อ “ส่วนเณรคิดต่างกับเพ่อื นคนอ่นื ๆ คือไม่อยากให้ปลาติดเบด็ ของตน ถ้าเณรบอกเพื่อนดังนี้ พวกเขาจะต้องหัวเราะเยาะและว่า เณรบ้าแน่นอน มาปักเบด็ ท�ำไมไม่อยากให้ปลาตดิ เบด็ ” เณรน้อยหยดุ สูดลมหายใจลึก บุรุษแปลกหน้าจดจ้องฟังด้วย ความสนใจ เณรน้อยจึงเล่าต่อ “เฮย้ ! พวกเราไปยามเบด็ กนั เถอะ เดยี๋ วจะคำ�่ เสยี กอ่ น” เพอื่ น คนหนง่ึ ในกลุ่มชวน
16 ธุดงค์กับหลวงพ่อ “ดเี หมอื นกนั จะไดถ้ า่ ยเหยอื่ เบด็ คนั ทถ่ี กู แมงตบั เตา่ หรอื ปกู นิ ถ่ายเหยือ่ แล้วค่อยเข้าบ้าน” เพ่อื นคนทเ่ี ห็นด้วยหันมาทางเณรและต่อว่ากลายๆ “เทพทอง...ท�ำไมเอ็งไม่กระตือรอื ร้นเลย” “ข้าไม่อยากให้ปลากนิ เบ็ด” เทพทองหรอื เณรน้อยตอบ เพื่อนทั้งสามคนหันมามองเทพทองเป็นตาเดียว ราวกับเขา กลายร่างเป็นสตั ว์ประหลาด “เอ็ง...พูดว่าไงนะ เมือ่ ครู่นี”้ เพ่ือนคนเดมิ ถาม “ข้าไม่อยากให้ปลากนิ เบด็ ” เทพทองยำ้� ประโยคเดิม “เฮ้ย! ไอ้นพ่ี ูดแปลกโว้ย แล้วเอ็งมาปักเบ็ดกับพวกข้าทำ� ไม” เทพทองเงียบ ไม่ตอบค�ำเพ่ือน แต่คว้าเอาข้องเปล่าซึ่งไม่มี ปลาสักตัวอยู่ในนั้นขึ้นมา จากนั้นเด็กชายที่มีใบหน้าคมคาย ผิว พรรณผุดผ่อง น่ารักน่าเอ็นดู แปลกตาไปกว่าเด็กคนอ่ืน ก็สะพาย ข้องเดินตามหลงั เพอื่ นๆ ไป คร้ันถึงคนั นาทต่ี นปักเบ็ดไว้จงึ แยกไปดู เพียงคันแรกเขาก็เห็นปลาดึงสายเบ็ดพันรอบกอข้าวจนคันเบ็ดโก่ง บางคร้งั คันเบ็ดกจ็ มลงไปในน�้ำจากแรงปลาดึงน่นั เอง
๒ เย็นวันนั้น...ปลาติดเบ็ดเกือบทุกคัน ซ่ึงนับเป็นเรื่อง ประหลาด เทพทองปลดปลาใส่ข้อง ถ่ายเหย่ือเบ็ดแล้วปักไว้ท่ีเดิม ข้องหนักอ้ึงจนสายตึง เด็กชายรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงบ่น บ้าง ครำ่� ครวญขณะสะพายขอ้ งเพอื่ จะตรงไปทก่ี ระท่อม เพราะทกุ คนนดั พบกันทน่ี นั่ อีกคร้งั หลงั จากดเู บ็ดของตนแล้ว “โอย...ข้าปวดปากเหลอื เกนิ ” “ข้าก็เหมือนกนั เบด็ แทงทะลเุ หงอื ก ข้าเจ็บปวดเหลือเกนิ ” “ข้าไม่น่าหลงกินเหยื่อน่นั เลย ต้องพลดั พรากจากพ่ีน้อง ลูก เมยี จะเป็นตายอย่างไรกไ็ ม่รู้” “นน่ั สิ ข้าไม่นกึ ว่าเหยอ่ื น้นั จะมีเบด็ เสียบอยู่ ส่วนข้าเป็นห่วง ลกู ๆ พวกเขายังเล็กอยู่เลย” พดู จบแม่ปลาช่อนในข้องก็ร้องไห้สะอกึ สะอืน้ “พวกเขายงั เล็กมาก คงดแู ลตวั เองไม่ได้ โธ่...ลูกทง้ั ครอกของ ข้า เดก็ พวกนใ้ี จร้ายจรงิ ๆ พวกเขาจะต้องได้รบั กรรมทเ่ี อาเบ็ดเกย่ี ว เหย่ือหลอกลวงให้ปลากนิ ”
โชติ ศรีสุวรรณ 19 เณรนอ้ ยจอ้ งหนา้ บรุ ษุ แปลกหนา้ ผมู้ ผี วิ พรรณเหลอื งละมนุ ตา เขาช่างมีผิวพรรณสวยราวกับฉาบทาด้วยทอง... “เณรนอ้ ยไดย้ นิ เสยี งโอดครวญจากปลาในขอ้ งอยา่ งนน้ั หรอื ” “ถกู แล้ว เณรได้ยนิ พวกมนั คร�่ำครวญ เสยี งบ่น บ้างสาปแช่ง แต่ก็ยังสะพายข้องฟังเสียงน้ันจนไปถึงกระท่อมที่พวกเพ่ือนๆ คอย อยู่” “เณรน้อยไม่นึกกลัวหรอื เมอ่ื ได้ยนิ เสยี งปลาพดู ภาษาคน” “ก.็ ..กลัวเหมือนกนั แต่ใจอยากรู้อยากเห็น ต้องข่มความกลัว จนไปถงึ กระท่อม” เพอ่ื นทงั้ สามดเู บด็ เสรจ็ กอ่ น เมอ่ื เหน็ เทพทองสะพายขอ้ งสาย ตงึ มา ก็พากนั ร้องถาม “เฮ้! เทพทองได้ปลาเยอะม้ยั ” คนหน่ึงร้องถามมาก่อน “ได้เกอื บเต็มข้อง” เทพทองบอกเพอื่ น “เฮ้ย! ขโ้ี ม้หรอื เปล่า ข้าได้ส่ีตวั เท่านั้นเอง” คนหน่งึ บอก เทพทองไมพ่ ดู แตป่ ลดขอ้ งจากไหลว่ างบนกระทอ่ ม เพอ่ื นคน หนึง่ เปิดฝาข้องชะโงกมอง เพื่อนอีกสองคนจงึ ทำ� อย่างนั้นบ้าง “จรงิ ว่ะ ไอ้เทพทองมนั ได้ปลาเกอื บเตม็ ข้อง ดไู อ้ช่อนตวั นน้ั สิ เกอื บสามกิโลได้ม้ัง” เจา้ คนแรกรอ้ งขน้ึ ดว้ ยนำ�้ เสยี งตน่ื เตน้ เมอื่ เหลอื บมองเจา้ ของ ปลา ก็เห็นทำ� หน้าเฉยเมยเหมอื นไม่ยินดยี นิ ร้าย “เทพ...เอง็ ไมด่ ใี จเหรอทไ่ี ดป้ ลาตวั ใหญๆ่ ทงั้ ปลาดกุ ปลาชอ่ น” เทพทองส่ายหน้า ก่อนจะพดู ข้นึ อย่างที่ทกุ คนคาดไม่ถงึ “ขา้ จะปลอ่ ยปลาพวกนี้ พวกเอง็ ฟงั ส.ิ ..มนั ครำ�่ ครวญถงึ ลกู ถงึ พ่อแม่พ่ีน้องของมนั ” เด็กชายทงั้ สามท�ำหน้างุนงง เจ้าคนหนง่ึ พูดขึ้น
20 ธุดงค์กับหลวงพ่อ “เทพ...เอ็งพดู อะไร ปลาท่ไี หนจะพดู ภาษาคนได้” “เอ็งกฟ็ ังดูดๆี สิ โดยเฉพาะปลาช่อนตัวโต มันทงั้ คร่�ำครวญ และร้องไห้คดิ ถึงลูกของมัน” เพื่อนท้ังสามจ้องหน้าเทพทองเหมือนเขากลายเป็นสัตว์ ประหลาด ทว่าเทพทองย้ิมให้ทกุ คน ก่อนจะหันมาทางข้องปลาของ ตน เมือ่ ได้ยินเสียงแม่ปลาช่อนพูดขึน้ “เจ้าเด็กน้อยผู้ใจบุญ ปล่อยข้าไปหาลูกๆ เถิด ลกู ข้ายังเลก็ นกั พวกเขาดแู ลตวั เองไมไ่ ด้ ถา้ พวกเขาขาดแมด่ แู ล กจ็ ะตกเปน็ เหยอ่ื ของงูเงย้ี วและพวกปลาใหญ่หมดแน่” “แม่ปลาช่อน ข้าจะปล่อยเจ้ากลบั ไปหาลูกๆ ปลาตวั อน่ื ๆ ข้า ก็จะปล่อยพร้อมกนั เดยี๋ วน้ลี ะ” เทพทองยกข้องปลาลงจากกระท่อม ขณะที่เพอ่ื นร้องตาม “เฮ้ย! ไอ้เทพทองมนั เป็นบ้าไปแล้ว มันพูดกบั ปลา” เทพทองไมส่ นใจ ถอื ขอ้ งเดนิ ไปยงั มมุ คนั นาทมี่ ตี น้ ขา้ วและนำ�้ เต็มปริ่ม แล้วน่งั ลงพลางเปิดฝาข้อง เอยี งปากข้องให้ปลาเหล่านนั้ ค่อยๆ ไหลลงสู่นำ�้ ในนาท่ีมีต้นข้าวเขียวชอุ่ม “แม่ปลาช่อนกลับไปหาลกู ๆ ของเจ้าเถอะ ป่านนีค้ งรอเจ้าอยู่ พวกปลาดุกก็ไปหาพ่ีน้อง ข้าให้อิสระแก่พวกเจ้าแล้ว ขอให้ดูแล ตวั เองให้ปลอดภัย โชคดีนะ” ขณะปลาค่อยๆ ไหลออกจากข้อง เพ่ือนทงั้ สามก็ว่งิ มาหมาย จะแย่งข้องในมือของเทพทอง “ไอ้เทพ เอง็ จะบ้าไปแล้วหรอื ปักเบด็ ได้ปลาแล้วปล่อย เอา มาให้ข้า” เพอื่ นคนน้นั พยายามแย่งข้องจากมอื เทพทอง “ใช่...ไอ้น่บี ้าแน่ๆ ปลาที่ไหนพดู ภาษาคน”
โชติ ศรีสุวรรณ 21 อกี คนหนึ่งกพ็ ดู บ้าง “ไอ้เทพบ้าแน่ๆ มนั พดู กับปลารู้เรื่อง” เทพทองไม่ใส่ใจ เมื่อเห็นเพื่อนจะแย่งเอาปลาไป เขาก็คว�่ำ ปากข้องลงกับน�้ำในนา ปลาท่ีเหลืออยู่จึงทะลักลงสู่ผืนน้�ำ ว่ายหนี ไปทนั ที เดก็ ทัง้ สามคว้าตามกไ็ ม่ทันเสยี แล้ว “ไอ้บ้าประสาทกิน ได้ปลาแล้วปล่อย” “ข้าเสยี ดายไอ้ช่อนตวั นัน้ เหลือเกิน” เพอ่ื นๆ ทำ� หน้าเสียดาย ส่วนเทพทองยมิ้ รับคำ� ดหู ม่นิ ดแู คลน จากเพ่ือน ย้มิ รับบุญกศุ ลท่ีตนเองตดั สนิ ใจท�ำอย่างท่เี พอ่ื นๆ ไม่อาจ เข้าใจ “ปลาของพวกเอง็ ก็ควรปล่อยมันไป ฟังสิ มันร้องขอชีวติ น่า เวทนา” เทพทองบอกเพื่อนทัง้ สามเม่ือกลบั มายังกระท่อม “พวกข้าไม่บ้าอย่างเอ็งน่ี” เพื่อนคนหนึ่งกระชากเสียงอย่าง ไม่พอใจ “ถ้าข้ามีเงิน จะซื้อปลาพวกเอ็งมาปล่อยเอาบุญ” เทพทอง บอกอย่างไม่ถือสาคำ� ว่ากล่าวของเพ่ือน “เอ็งมันไอ้ตวั ซวย รู้งีไ้ ม่ชวนเอ็งมาปักเบ็ดด้วยหรอก” “ใช.่ ..มนั ทำ� ยงั งไ้ี มร่ ้วู ่าเราจะได้ปลาอกี หรอื เปลา่ ” คนหนง่ึ บน่ “ถ้าพวกเอ็งว่าข้าเป็นตัวซวย ข้ากลับบ้านก่อนละ พูดไปพวก เอ็งกไ็ ม่มวี นั เชื่อ” เทพทองบอกเพื่อนท้ังสาม แล้วรีบเดินออกจากกระท่อมตรง เขา้ หมบู่ า้ น ทา่ มกลางความมดื ทมี่ เี สยี งน�้ำไหลลน้ คนั นาดงั จอ้ กแจก้ กบเขียดส่งเสียงร้องเริงรื่น หิ่งห้อยปล่อยแสงวับแวมอยู่สูงระดับ ปลายไม้ เขาได้ยินเสียงโห่เยาะหยันของเพื่อนดังตามหลังมา “ไป...ไปเลยไอ้เทพบ้า ได้ปลาแล้วปล่อย มีทไ่ี หนปลาพูดได้”
22 ธุดงค์กับหลวงพ่อ “ใช่...ไล่ไปเลยพวกเรา คนบ้า” บุรุษรูปงามสบตาเณรน้อยผู้มีความงดงามด้วยจริยาวัตรการ ถอื ศีลได้บรสิ ทุ ธ์ิ แม้จะมีอายุเพยี งสบิ กว่าปี ก่อนจะยน่ื มอื ไปสัมผัส ขาเณรน้อยพร้อมกล่าว “ผู้มีศลี บรสิ ทุ ธยิ์ ่อมเปล่งประกายงามแม้ด้านวรรณะ นับเป็น บุญของข้าท่ีได้พบได้เจรจาด้วย ข้าไม่เสียดายเวลาเลยที่ได้ฟังเร่ือง เล่าจากเณรน้อย” “ถ้าท่านได้สัมผสั กบั หลวงพ่อผู้เป็นอาจารย์ของเณร ท่านจะ เกิดความศรัทธาด้วยทางอันเป็นบุญ ใจของท่านจะสว่างไสวด้วย ปัญญา” “นนั่ คอื ความปรารถนาของขา้ สกั วนั หนงึ่ คงมโี อกาสนมสั การ ท่าน เพยี งข้าได้สมั ผัสกับเณรน้อยผู้เป็นศษิ ย์ ยังได้รบั แสงสว่างแห่ง ปัญญามากมายเพียงน้ี เณรน้อยยังมีเรื่องเล่าอะไรท่ีจะเพิ่มพูน ปัญญาของข้าได้บ้าง” เณรนอ้ ยระบายยม้ิ นอ้ ยๆ บนรมิ ฝปี ากแดงเรอ่ื ดวงตาสนี ลิ จรสั แสงแห่งความสขุ ทางใจ แววตาอ่อนโยนขณะจ้องนกกระเต็น ปีกสี ครามน้�ำเงินเปล่งประกายท่ามกลางแสงแดดยามบ่าย บุรุษรูปงาม ผู้ปรากฏตัวราวล่องลอยมากับสายลมมองตามสายตาของเณรน้อย เห็นนกกระเตน็ ตัวนัน้ จบั นงิ่ อยู่บนก่ิงไม้เล็กๆ ขนสีน้�ำตาลตรงอกตดั กับสีขนปีกเล่ือมพรายน้�ำเงินระยับ จะงอยปากแหลมยาวของมัน เตรียมพร้อมท�ำหน้าท่ีหากปีกพาร่างโผลงจับปลาขึ้นไปกิน มันต้อง ใช้เวลารอจังหวะด้วยความอดทนกว่าจะประสบความส�ำเร็จกับ อาหารแม้จะเป็นเพยี งปลาซิวตัวเล็กๆ สกั ตวั หน่งึ “ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งทเ่ี ปน็ ความดตี อ้ งใชเ้ วลา มคี วามพากเพยี รจงึ เกิดผลสำ� เร็จ”
โชติ ศรีสุวรรณ 23 บรุ ษุ แปลกหนา้ เอย่ “เจา้ นกกระเตน็ ควรจะไดอ้ าหารกนิ ประทงั ชวี ติ แม้ปลาซิวตัวอวบอ้วนทช่ี ีวติ หาไม่แล้ว” จบค�ำ...บุรุษรูปงามก็ชี้ไปท่ีผิวน้�ำเบื้องหน้านกกระเต็นตัวนั้น พลันปรากฏปลาซวิ หงายท้องเกล็ดขาวพราวลอยมาตามน้�ำ “ปลาตายย่อมไม่ว่ายทวนน้�ำ” เณรน้อยกล่าว “ใช่...ปลาตายเท่านั้นท่ีลอยตามน�้ำ” ขาดคำ� คสู่ นทนา นกกระเตน็ กก็ างปกี ทงิ้ ตวั ลงเหนอื ผวิ นำ�้ อยา่ ง รวดเร็ว จะงอยปากของมนั ทำ� หน้าท่ีได้ทนั การ มนั บินกลับคอนเก่า พร้อมปลาซวิ ตวั อ้วนในจะงอยปาก เพียงครู่เดียวนกกระเต็นก็ขยอก ปลาซิวตัวน้ันลงท้อง แล้วเกาะคอนเล็งผิวนำ้� รอคอยอาหารของมัน ต่อไป “เจ้านกกระเตน็ เมอ่ื มนั ได้อาหารแล้ว มนั คงอม่ิ ท้อง สบาย ทอ้ ง เพราะมอี าหารซง่ึ เปน็ สงิ่ จำ� เปน็ สำ� หรบั การมชี วี ติ ของมนั แตเ่ ณร กลบั ไดร้ บั ความทกุ ขท์ รมาน หลงั จากกนิ อาหารอนั มขี า้ ว ปู ปลา เนอ้ื เป็ด และไก่ลงไป แม้บางวันจะมีเพียงผักต้ม น�้ำพริกปลาป่นก็มี อาการอาเจียน จนแม่ตกใจร้อนใจพาไปหาหมอ...” เณรน้อยหยุดสูดลมหายใจลึก เปิดโอกาสให้บุรุษแปลกหน้า รูปงามซักถาม เพราะอยากได้ค�ำตอบอนั กระจ่าง “เณรน้อยมีอาการอย่างไรหรือ หลงั จากอ่ิมอาหารแต่ละมื้อ” “นบั แตว่ นั ทไ่ี ปปกั เบด็ ไดป้ ลามากมาย ฟงั ภาษาปลาพดู รเู้ รอ่ื ง เหมอื นเราคยุ กัน เณรกก็ ินอาหารที่มเี ลือดเน้อื สัตว์ไม่ได้เลย มนั เกิด อาการมวนท้อง ขอโทษเถอะ...” เณรน้อยชะงักการเล่าไปครู่หนง่ึ “เณรต้องโกง่ คออาเจยี นอาหารทก่ี นิ ออกมาจนแทบไม่มอี ะไร ค้างในท้อง อาหารมอื้ ใดกเ็ ป็นอยู่อย่างนน้ั หากกินเน้อื สตั ว์ปะปนลง
24 ธุดงค์กับหลวงพ่อ ไป จนรู้สกึ กลวั ไม่อยากกินอาหาร แต่ครน้ั ท้องว่างกลบั รู้สึกสบาย ร่างกายกไ็ ม่ซูบผอมเกนิ ไป แต่คนไม่สบายใจคอื แม่ ความรกั ลูกของ แม่คงน่ิงดูดายไม่ได้แน่ เม่ือเห็นคนเป็นลูกกินข้าวปลาไม่ได้ แม่พา ไปหาหมอทโี่ รงพยาบาล เลา่ อาการใหห้ มอฟงั หมอตรวจวนิ จิ ฉยั โรค บอกว่าเป็นโรคกระเพาะ จดั ยาให้กนิ ก่อนอาหาร หลังอาหาร” ... หลังกลับจากไปหาหมอท่ีโรงพยาบาล ครูพิมพรเอาใจใส่ต่อ การกนิ อาหารของลูกชายคนเดยี วโดยให้กนิ ตรงเวลา จะคอยกำ� ชบั เทพทอง ด้วยเกรงลูกจะเป็นโรคกระเพาะเรอ้ื รงั “เทพทอง ลกู ตอ้ งกนิ อาหารใหต้ รงเวลานะ แมเ่ ตรยี มไวใ้ นครวั เพียงพอ วันนแี้ ม่ต้มยำ� ปลาช่อนร้อนๆ เออ...ก่อนกินข้าวลกู ต้องกนิ ยาก่อนอาหาร เม่ืออิ่มแล้วอย่าลืมกินยาหลงั อาหารตามที่หมอบอก นะ” แม่กำ� ชับกำ� ชาแล้วจึงไปท�ำงาน เทพทองสงสารแม่ ทา่ นตอ้ งทำ� งานหาเลย้ี งลกู ตามลำ� พงั เปน็ ทัง้ พ่อและแม่ในเวลาเดียวกนั แต่ครพู มิ พรโชคดที ่มี ลี ูกชายบอกง่าย สอนงา่ ย เทพทองทำ� ตวั เปน็ ลกู ทแี่ มบ่ อกสอนได้ เขาไมเ่ คยทำ� ตวั เกเร ให้แม่หนักใจ หลังจากยายเสียชีวิตเพราะความชราเม่ือปีที่แล้ว ครอบครวั นกี้ อ็ ยกู่ นั สองคนแมล่ กู ณ บา้ นใตถ้ นุ สงู รมิ แมน่ ำ้� สายนตี้ าม ลำ� พงั “ครบั แม่...เทพจะกินยาตามหมอบอก” เทพทองยืนยนั ให้แม่ สบายใจ แมไ่ มร่ หู้ รอกวา่ ตม้ ยำ� ปลาชอ่ นทตี่ วั เองบรรจงปรงุ สดุ ฝมี อื หลงั จากเทพทองกนิ เข้าไปแลว้ กม็ อี าการปั่นป่วนในทอ้ ง จนต้องอาเจยี น ทั้งอาหารและยาก่อน-หลังอาหารออกมากระท่ังท้องเบาโหวง แล้ว อาการปั่นป่วนในท้องก็หายเป็นปลิดทิ้ง วิธีท่ีจะท�ำให้แม่สบายใจ
โชติ ศรีสุวรรณ 25 หากอาหารมื้อใดปรุงด้วยเลือดเนื้อของสัตว์ หลังจากเทพทองกิน เข้าไปแล้ว เขาต้องแอบไปอาเจยี นไม่ให้แม่เหน็ และไม่ให้ได้ยนิ เสยี ง ดว้ ยเกรงแมจ่ ะวติ กทกุ ขร์ อ้ นกบั อาการของเขา แลว้ เทพทองกก็ นิ ขา้ ว เปลา่ ๆ หรอื บางวนั เขากก็ นิ ขา้ วกบั ผกั พรกิ ผง แตท่ นี่ า่ ประหลาด หลงั กินข้าวแล้ว เขาไม่มีอาการอย่างทเ่ี คยเป็นเลย ในวันหยุดท่ีแม่ไม่ต้องไปสอนหนังสือ และเทพทองไม่ได้ไป โรงเรยี น แมอ่ ยากใหเ้ ปน็ วนั พเิ ศษสำ� หรบั ครอบครวั จงึ ขมี่ อเตอรไ์ ซค์ ไปตลาดแตเ่ ชา้ แลว้ กลบั มาพรอ้ มผกั ผลไม้ เนอื้ หมู และเครอื่ งในหมู พร้อมเครื่องปรุง “เทพ...วนั นม้ี เี วลา แม่จะท�ำลาบหมูให้กิน” แม่บอกเท่าน้ันก็เข้าครัว ไม่นานเสียงสับเน้ือหมูบนเขียงก็ดัง ขน้ึ เทพทองรดนำ�้ ตน้ ไมท้ ป่ี ลกู เรยี งรายอยใู่ นกระถาง และยงั มดี อกไม้ หลายแปลงในบริเวณบ้าน แม่ชอบปลูกดอกไม้ชนิดต่างๆ จำ� พวก มะลิ พดุ ซอ้ น ดาวเรอื ง บานชนื่ โดยจะเกบ็ ดอกไมบ้ ชู าพระ และเกบ็ ถวายหลวงพ่อตอนท่านมาบิณฑบาตหน้าบ้านในตอนเช้า แม่ชอบ ปลูกต้นไม้ แต่ไม่ชอบเล้ียงสตั ว์ “พวกเป็ด ไก่ หมา แมว เราต้องมเี วลาเอาใจใส่ดูแล เมอื่ จติ ผูกพัน หากมันป่วยเจ็บตายไปก็ไม่สบายใจ เราเลี้ยงต้นไม้ดีกว่า ดดู อกดใู บของมนั ชน่ื ตาชน่ื ใจ” แมบ่ อกเหตผุ ลทไ่ี มช่ อบเลยี้ งสตั วก์ บั เทพทอง เด็กชายจึงรักการปลูกต้นไม้ดอกไม้เหมอื นแม่ “คนรักต้นไม้ เทวดา นางฟ้าท่านก็ให้พร มีความสขุ เพราะ ยามค่�ำคืนเหล่าเทพจะลงมาช่ืนชมบ้านที่มีดอกไม้ ต้นไม้สวย และ บริเวณบ้านสะอาดสะอ้าน เทพเหล่าน้ันลงมาช่นื ชม ประสาทพรให้ เจ้าของบ้านพบแต่ความสุขสดช่นื ดังดอกไม้บาน” แม่บอกเทพทอง เทพทองรดน้�ำต้นไม้เสร็จ กล่ินลาบหมูก็โชยมา พิมพรเรียก
26 ธุดงค์กับหลวงพ่อ ลูกชายดังมาจากครวั “เทพ...รดนำ้� ตน้ ไมอ้ าบนำ�้ อาบทา่ แลว้ มากนิ ขา้ วเยน็ นะลกู แม่ จะคอย” “ครับแม่ เทพรดน�้ำต้นไม้เสร็จพอดี” เทพทองรับค�ำแล้วปิดก๊อกน้�ำเก็บม้วนสายยาง ก่อนจะกลับ ข้ึนเรือน ถือผ้าเช็ดตัวลงไปอาบน�้ำในห้องน�้ำแทนการลงว่ายน�้ำใน แม่นำ�้ ดงั ทกุ วนั เพราะไม่อยากใหแ้ ม่คอยนาน เขาชำ� ระรา่ งกายหอม กรนุ่ ดว้ ยสบหู่ อม หยดน�้ำยงั เกาะพราวตามล�ำตวั ใชผ้ า้ เชด็ ตวั ขนนมุ่ ซบั เบาๆ จนแห้งดี แล้วนงุ่ ผ้าเชด็ ตวั เดนิ ออกจากห้องน้�ำ เหลอื บมอง แสงตะวนั ทาทาบผวิ นำ้� ยามเยน็ เปน็ สที องระยบั สายลมพลวิ้ ไลผ้ วิ นำ�้ เป็นระลอกคลืน่ งามตา เพยี งชว่ั ครเู่ ทพทองกอ็ ยใู่ นชดุ กางเกงวอรม์ เสอ้ื ยดื คอกลม นงั่ กินข้าวกับมารดาหน้าเรอื นครวั “แม่ปรงุ สดุ ฝีมือเลยนะเทพ” พิมพรบอกลูกชาย เทพทองย้ิมให้แม่ทั้งที่รู้สึกวิตก แต่เพื่อความสุขใจของผู้เป็น แม่ เด็กหนุ่มจงึ บอก “เทพคงกินข้าวได้สองจานแน่ๆ เพราะฝีมือท�ำอาหารของแม่ สดุ อร่อย” เขาตักลาบหมขู องแม่มาใส่จานข้าวสวยอุ่นไอหอมกรุ่น หยบิ ถว่ั ฝกั ยาวสดๆ เปน็ ผกั เคยี ง แตข่ า้ วยงั ไมท่ นั หมดจาน เทพทองกเ็ กดิ อาการปั่นป่วนในท้อง เขาพยายามอดทนสะกดกล้ัน แต่อาการ คล่นื เหียนน้นั รนุ แรงจนเดก็ หนุ่มวางช้อนในมอื รีบยนื่ หน้าออกไปให้ อาหารทกี่ ลนื เข้าไปพุ่งออกมา พมิ พรเหน็ อาการลกู ชายกต็ กใจ ร้องถามเสยี งดงั “เทพเป็นยังไงบ้างลูก” แม่ลูบหลังให้ลูกชาย เสียงเทพทอง
โชติ ศรีสุวรรณ 27 อาเจยี นอาหารออกมาดงั ลนั่ โกง่ คอจนหนา้ ด�ำหนา้ แดง ทำ� ใหค้ นเปน็ แมม่ สี หี นา้ วติ ก ครนั้ อาการเบาลง พมิ พรจงึ ยน่ื ขนั น้�ำใหล้ กู พลางบอก “เอาน�้ำบ้วนปากซะลูก” เทพทองรบั ขันมาอมน�้ำล้างปากคอก่อนจะบ้วนท้ิง เขาท�ำอยู่ สองสามคร้งั จึงหันมายิ้มให้ผู้เป็นมารดา “เทพไม่เป็นอะไรหรอกครับ แม่กินข้าวต่อเถอะ” เดก็ หนุ่มไม่ อยากให้มารดาเป็นกังวล คนเป็นแม่ยงั จ้องมองเขาด้วยสหี น้าเป็นห่วง “เทพกินข้าวคลุกน้�ำพริกกะเกลอื ดีกว่า” เทพทองหาสง่ิ ทต่ี อ้ งการจากในครวั แลว้ กลบั มานงั่ กนิ ขา้ วตาม เดิม “เทพกินยังงไ้ี ด้ครับแม่” “แล้วลูกไม่อาเจยี น?” “ครับ” เทพทองตอบสั้นๆ พิมพรมองลูกชายด้วยความรู้สกึ ฉงนใจ
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: