Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

3

Published by wantana, 2020-05-27 05:02:58

Description: joinPdf_28ba3005c5ff4f092edee57b5d658b82

Search

Read the Text Version

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง แสงและทัศนอปุ กรณ์ รายวชิ า ฟสิ กิ ส์3 (ว30203) ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 5 ชุดท่ี 3 ปรากฏการณ์เก่ียวกับแสง นางสาววันทนา เกา้ เอ้ยี น ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะครูชานาญการ โรงเรียนเมอื งสรุ าษฎรธ์ านี อาเภอเมอื ง จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี สานักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 11

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ รายวิชา ฟสิ กิ ส์3 กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ชุดท่ี 3 เรอื่ ง ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกบั แสง จดั ทาโดย นางสาววันทนา เก้าเอี้ยน ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการ โรงเรียนเมืองสุราษฎรธ์ านี อาเภอเมือง จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี สานกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 11 สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ ปีการศกึ ษา 2560

คำนำ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง แสงและทัศนอุปกรณ์ รายวิชาฟิสิกส์3 (ว30203) สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 เร่ือง แสงและทัศนอุปกรณ์ ที่ใช้กระบวนการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ และเสริมเทคนิคการแก้โจทย์ปัญหาของโพลยา ประกอบด้วย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ท้ังหมด จานวน 5 ชุด ได้แก่ ชุดท่ี 1 เรื่อง ธรรมชาติและการสะท้อนของแสง ชุดที่ 2 การหักเหของแสง ชุดท่ี 3 ปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวกับแสง ชุดที่ 4 ทัศนอุปกรณ์ และชุดที่ 5 ตาและการมองเห็นสี จัดทาข้ึนเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนและยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ของผู้เรียน เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ตามความสามารถและความสนใจ มีอิสระในการคิด ทุกคนมีโอกาสใช้ความคิดอย่างเต็มที่ และเต็มศักยภาพ โดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ซึ่งชุดกิจกรรมน้ีจะช่วยให้ใช้เวลาน้อยลง ในการนาเสนอข้อมูลต่าง ๆ สามารถประกอบกิจกรรมการเรียนด้วยตนเองมากกว่าที่จะให้ครูบอก หรอื กาหนดให้ โดยครูเปน็ ผ้สู ร้างโอกาสทางการเรียนการสอน มกี จิ กรรมให้กับนักเรียนเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่ม ซ่ึงผู้เรียนจะดาเนินกิจกรรมการเรียนรู้จากคาแนะนาที่ปรากฏอยู่ในชุดกิจกรรมเป็นไป ตามลาดับข้ันด้วยตนเอง สอดคล้องกับธรรมชาติของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา และตอบสนอง กับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนา ท้ังด้านความรู้กระบวนการคิด กระบวนการสืบเสาะหาความรู้การแก้ปัญหา ความสามารถ ในการส่ือสาร การตัดสินใจ การนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน ตลอดจนมีจิตวิทยาศาสตร์คุณธรรม และคา่ นยิ มทถ่ี กู ตอ้ งเหมาะสม หวังเป็นอย่างย่ิงว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ใช้กระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ชุดที่ 3 ปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวข้องกับแสงเล่มน้ี จะเป็นประโยชน์ตอ่ การพัฒนาผู้เรียนและสง่ เสริมใหค้ รู จัดกิจกรรมการเรียนร้ไู ด้อย่างมีประสทิ ธภิ าพและเปน็ ส่วนสาคัญในการพัฒนาคุณภาพ และมาตรฐาน การศกึ ษากลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ขอขอบพระคุณผู้มีส่วนเก่ียวข้องทุกท่านท่ีตรวจสอบให้ข้อเสนอแนะ ในการปรับปรุง เพ่ือการแก้ไขชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ใช้กระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ให้มีความสมบูรณ์ อันส่งผลให้ชดุ กิจกรรมนมี้ ปี ระสิทธภิ าพ และสาเรจ็ ลลุ ว่ งไดด้ ้วยดี ไว้ ณ โอกาสน้ี วนั ทนา เก้าเอี้ยน ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เร่ือง แสงและทศั นอปุ กรณ์ ก ชดุ ท่ี 3 ปรากฏการณท์ ่เี กยี่ วขอ้ งกบั แสง

สำรบญั หนา้ คานา............................................................................................................................. .............. ก สารบัญ............................................................................................................................. ........... ข สารบัญภาพ................................................................................................................................ ค คาชแี้ จงเก่ียวกบั ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้....................................................................................... 1 คาชีแ้ จงสาหรบั คร.ู ...................................................................................................................... 3 คาช้ีแจงสาหรับนักเรยี น.............................................................................................................. 5 ลาดบั ขัน้ ตอนการศึกษาชุดกิจกรรมการเรยี นรู้............................................................................ 6 แผนผังการจัดชั้นเรียน................................................................................................................ 7 ผงั มโนทศั นก์ ารเรยี นรู้................................................................................................................. 8 สาระสาคญั / สาระการเรยี นรู้ / ผลการเรียนรู้………................................................................. 9 จุดประสงค์การเรียนรู้ / สมรรถนะสาคัญ................................................................................... 10 แบบทดสอบกอ่ นเรียน................................................................................................................. 11 กระดาษคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรยี น....................................................................................... 13 ใบกจิ กรรมท่ี 3.1 การกระจายแสง............................................................................................. 14 ใบบันทึกกิจกรรมท่ี 3.1 การกระจายแสง................................................................................... 16 ใบความรู้ท่ี 3.1 ปรากฏการณ์ทเี่ ก่ียวข้องกบั แสง........................................................................ 18 ใบงานท่ี 3.1 ปรากฏการณท์ ่เี กีย่ วข้องกับแสง............................................................................. 27 ใบกิจกรรมที่ 3.2 Save money…………………………................................................................... 29 บันทกึ การเรยี นรู้........................................................................................................................ 32 แบบบันทึกคะแนนกล่มุ .............................................................................................................. 33 แบบทดสอบหลงั เรยี น................................................................................................................ 34 กระดาษคาตอบหลังเรยี น........................................................................................................... 36 บรรณานุกรม............................................................................................................................. . 37 ภาคผนวก..................................................................................................................... .............. 38 เฉลยใบบนั ทึกกิจกรรมที่ 3.1 การกระจายแสง..................................................................... 39 เฉลยใบงานที่ 3.1 ปรากฏการณท์ เี่ ก่ียวข้องกับแสง.……………………..................................... 42 เฉลยใบกิจกรรมที่ 3.2 Save money………………………….................................................... 45 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรียน............................................................................ 48 ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เร่ือง แสงและทศั นอปุ กรณ์ ข ชดุ ท่ี 3 ปรากฏการณท์ ี่เก่ยี วขอ้ งกับแสง

สำรบญั ภำพ หน้า ภาพท่ี 3.1 การจัดอปุ กรณท์ ดลองเรอ่ื งการกระจายแสง…………………………………………………….. 14 ภาพที่ 3.2 การกระจายแสง…………………………………………………………………………………………… 18 ภาพท่ี 3.3 กราฟแสดงดรรชนีหักเหของแสงสตี า่ ง ๆ เมื่อผ่านตัวกลางต่าง ๆ……………………….. 20 ภาพท่ี 3.4 ร้งุ ……………………………………………………………………………………………………………….. 21 ภาพที่ 3.5 การเกดิ รงุ้ ……………………………………………………………………………………………………. 22 ภาพที่ 3.6 การทรงกลด…………………………………………………………………………………………………. 23 ภาพที่ 3.7 การเกดิ การทรงกลด……………………………………………………………….…………………….. 24 ภาพท่ี 3.8 มิราจ…………………………..………………………………………………………………………………. 24 ภาพที่ 3.9 ปรากฏการณ์มริ าจแบบภาพอยู่ด้านล่าง………………………………………………………….. 25 ภาพที่ 3.10 ปรากฏการณม์ ริ าจแบบภาพอยู่ด้านบน……………………………………………….………… 26 ภาพที่ 3.11 ปรากฏการณ์มิราจแบบฟาตามอร์กานา……………………………….……………………….. 26 ภาพท่ี 3.12 ตวั อย่างผลการทดลองเรอื่ งการกระจายแสง……………………………………………….….. 40 ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ ค ชุดท่ี 3 ปรากฏการณท์ ี่เก่ียวขอ้ งกับแสง

คำชีแ้ จงเก่ยี วกบั ชดุ กิจกรรมกำรเรียนรู้ 1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แสงและทัศนอุปกรณ์ วิชาฟิสิกส์ 3 สาหรับนักเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 เป็นชุดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีมุ่งเน้นให้ครูผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ท่ีหลากหลาย โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ และเสริมเทคนิคการแก้โจทย์ปัญหา ของโพลยา เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางด้านทักษะวิทยาศาสตร์และการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ซ่ึงมี 5 ขน้ั ดงั น้ี ข้ันที่ 1 ขน้ั สร้างความสนใจ ขน้ั ที่ 2 ขน้ั สารวจและค้นหา ขั้นท่ี 3 ขน้ั อภิปรายและลงข้อสรปุ ข้นั ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ ขั้นที่ 5 ขัน้ ประเมนิ 2. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แสงและทัศนอุปกรณ์ วิชาฟิสิกส์3 สาหรับนักเรียน ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 แบง่ ออกเปน็ 5 ชดุ ใชเ้ วลาในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ท้งั หมด 26 ช่ัวโมง ดงั นี้ แนะนาการใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ จานวน 1 ช่วั โมง ชุดที่ 1 เรื่อง ธรรมชาติและการสะท้อนของแสง จานวน 5 ชวั่ โมง ชดุ ที่ 2 เรื่อง การหกั เหของแสง จานวน 10 ช่วั โมง ชดุ ที่ 3 เร่ือง ปรากฏการณท์ ีเ่ กย่ี วกบั แสง จานวน 2 ชวั่ โมง ชุดท่ี 4 เรอ่ื ง ทัศนอุปกรณ์ จานวน 4 ชวั่ โมง ชุดท่ี 5 เรือ่ ง ตาและการมองเห็นสี จานวน 4 ชั่วโมง 3. สว่ นประกอบของชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แต่ละชดุ ประกอบด้วย 2.1 คานา 2.2 สารบัญ/สารบญั ภาพ 2.3 คาช้แี จงเกีย่ วกบั ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 2.4 คาช้ีแจงสาหรบั ครู 2.5 คาชแ้ี จงสาหรับนักเรียน 2.6 ลาดับขัน้ ตอนการศึกษาชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ 2.7 แผนผังการจดั ช้ันเรยี น 2.8 ผงั มโนทศั น์การเรียนรู้ 2.9 สาระสาคญั ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 1 ชุดที่ 3 ปรากฏการณท์ ่ีเกยี่ วกับแสง

2.10 สาระการเรยี นรู้ 2.11 ผลการเรียนรู้ 2.12 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.13 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 2.14 แบบทดสอบก่อนเรยี น 2.15 ใบความรู้ 2.16 ใบกิจกรรม 2.17 ใบงาน 2.18 แบบทดสอบหลงั เรียน 2.19 แบบบนั ทึกคะแนนการเรยี นรู้ 2.20 บรรณานกุ รม 2.21 ภาคผนวก ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 2 ชุดท่ี 3 ปรากฏการณท์ เี่ ก่ียวกับแสง

คำชีแ้ จงสำหรับครู ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง แสงและทัศนอุปกรณ์ วิชาฟิสิกส์3 สาหรับนักเรียน ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 แบ่งออกเป็น 5 ชุด ใชเ้ วลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรูท้ ั้งหมด 26 ชว่ั โมง ดังน้ี แนะนาการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ จานวน 1 ชวั่ โมง ชุดท่ี 1 เรื่อง ธรรมชาติและการสะท้อนของแสง จานวน 5 ช่วั โมง ชดุ ที่ 2 เรื่อง การหักเหของแสง จานวน 10 ช่วั โมง ชดุ ที่ 3 เร่ือง ปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวกบั แสง จานวน 2 ช่ัวโมง ชดุ ที่ 4 เรอื่ ง ทัศนอปุ กรณ์ จานวน 4 ชว่ั โมง ชดุ ที่ 5 เรื่อง ตาและการมองเห็นสี จานวน 4 ชัว่ โมง ในการจัดกิจกรรมเพ่ือช่วยให้การดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรม การเรียนรูน้ ้ีเปน็ ไปดว้ ยดี บรรลุวตั ถุประสงค์และมีประสทิ ธภิ าพ ครผู ้สู อนควรดาเนนิ การดังตอ่ ไปนี้ 1. ศึกษาแผนการจัดการเรียนรู้ คาชี้แจงเกี่ยวกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ คาชี้แจงสาหรับครู และทดลองใช้สื่อการเรยี นรใู้ ห้เกดิ ความชานาญกอ่ นใช้จริงในห้องเรียน 2. จัดเตรียมสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ประกอบในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่ระบุในชุดกิจกรรม การเรยี นรูน้ ีไ้ ว้ล่วงหนา้ ให้เรียบรอ้ ย และครบถ้วนตามจานวนที่ระบุไว้ 3. ศึกษากระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) และข้ันตอนการจัดกิจกรรม จากชดุ กิจกกรมการเรียนรูโ้ ดยละเอยี ด ซ่ึงมีทัง้ หมด 5 ข้ัน ดังนี้ ขน้ั ท่ี 1 ขั้นสร้างความสนใจ ขั้นท่ี 2 ขน้ั สารวจและค้นหา ขน้ั ที่ 3 ขน้ั อภิปรายและลงขอ้ สรปุ ขน้ั ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ ขน้ั ท่ี 5 ขน้ั ประเมิน 4. การจัดช้ันเรียน ควรจัดให้นักเรียนน่ังเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน โดยแบ่งกลุ่ม แบบคละความสามารถ และในแต่ละกลุ่มจะมีการแบ่งหน้าที่ของสมาชิก ซึ่งจะผลัดเปลี่ยนหน้าท่ีกัน ในแตล่ ะครงั้ ดังน้ี คุณอานวย ทาหนา้ ท่ี อานวยความสะดวกใหก้ ับสมาชกิ ในกลมุ่ โดยการไปหยบิ อุปกรณ์ หรือเอกสารต่าง ๆ คุณวางแผน ทาหน้าท่ี วางแผนการทางาน คุณจดั การความรู้ ทาหน้าท่ี รวบรวมองค์ความรู้ และผลงานของกลุ่ม ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 3 ชุดที่ 3 ปรากฏการณท์ เี่ กย่ี วกบั แสง

คุณเสนอ ทาหน้าท่ี นาเสนอผลงาน หรอื ความรูท้ ี่ไดเ้ รียนรู้ คณุ กิจกรรม ทาหนา้ ท่ี ทากจิ กรรมรว่ มกนั กับสมาชกิ ในกลุ่ม (ถา้ ม)ี 5. ครูควรชี้แจงให้นักเรียนทราบถึงบทบาทของนักเรียนในการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรม การเรียนรู้ 6. ครูควรให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนประจาชุดกิจกรรม เพ่ือวัดความรู้พ้ืนฐาน ของนักเรยี นแต่ละคน และเม่อื จัดกิจกกรมการเรียนรู้เรียบร้อนแลว้ จึงให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลัง เรียนประจาชุดกจิ กรรม 7. ครูควรจัดการเรียนการสอนให้เป็นไปตามลาดับขั้นตอนที่กาหนดไว้ในชุดกิจกรรม การเรียนรู้ โดยในระหว่างทากิจกรรมครูควรกระตุ้นให้นักเรียนได้คิด ได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ดว้ ยตนเองตามขัน้ ตอนอย่างเตม็ ความสามารถ และพยายามสอดแทรกคณุ ธรรมทกุ ครง้ั ทม่ี ีโอกาส 8. หากมีนักเรียนบางคนเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ ครูควรให้คาแนะนา หรืออาจจะมอบหมายงาน หรือใหศ้ กึ ษาชดุ กจิ กรรมเพ่มิ เตมิ ในเวลาวา่ ง ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 4 ชดุ ท่ี 3 ปรากฏการณท์ ่ีเกี่ยวกับแสง

คำชแี้ จงสำหรบั นักเรยี น ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แสงและทัศนอุปกรณ์ วิชาฟิสิกส์3 สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ชุดที่ 3 เร่อื ง ปรากฏการณ์ทีเ่ ก่ียวกบั แสง นักเรยี นจะตอ้ งปฏบิ ัติ ดงั นี้ 1. ก่อนเร่ิมการจัดการเรียนรู้จากชุดกิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนต้องทาแบบทดสอบ ก่อนเรียน จานวน 10 ข้อ ใช้เวลา 15 นาที เพ่ือประเมินความรู้พื้นฐานของนักเรียน และเม่ือศึกษา และปฏิบัติกิจกรรมครบทุกกิจกรรมแล้วและได้คะแนนแต่ละกิจกรรมผ่านเกณฑ์ท่ีกาหนด ให้ทาแบบทดสอบหลังเรียน จานวน 10 ข้อ ใช้เวลา 15 นาที เพ่ือเปรียบเทียบความก้าวหน้า ของนักเรยี น ซ่ึงนกั เรียนต้องทาแบบทดสอบหลังเรียนไดไ้ ม่ตา่ กว่าร้อยละ 50 จึงจะผ่านเกณฑ์ 2. นักเรียนจะต้องแบ่งหน้าที่ให้กับสมาชิกภายในกลุ่ม ซึ่งในแต่ละครั้งหน้าท่ีของสมาชิก แตล่ ะคนจะตอ้ งสลบั กนั โดยมีหน้าท่ี 5 ตาแหนง่ ดงั น้ี คณุ อานวย ทาหนา้ ที่ อานวยความสะดวกให้กบั สมาชกิ ในกลุม่ โดยการไปหยบิ อปุ กรณ์ หรือเอกสารตา่ ง ๆ คณุ วางแผน ทาหน้าที่ วางแผนการทางาน คุณจัดการความรู้ ทาหนา้ ที่ รวบรวมองคค์ วามรู้ และผลงานของกลุ่ม คณุ เสนอ ทาหน้าที่ นาเสนอผลงาน หรือความรู้ทไ่ี ด้เรยี นรู้ คุณกิจกรรม ทาหน้าท่ี ทากิจกรรมรว่ มกนั กบั สมาชิกในกล่มุ (ถา้ ม)ี 3. ปฏิบัติกิจกรรมตามข้ันตอนท่ีระบุไว้ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้เม่ือปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วให้ตรวจคาตอบจากเฉลย แล้วบันทึกคะแนนลงในแบบบันทึกคะแนนของนักเรียน นักเรียนจะต้องได้คะแนนทุกกิจกรรมไม่ต่ากว่าร้อยละ 70 จึงจะผ่านเกณฑ์ ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ ใหก้ ลับไปอา่ นทาความเข้าใจเกยี่ วกบั เนอื้ หาอีกครง้ั แลว้ ตอบใหม่ 4. นักเรยี นทุกคนปฏิบตั ิกจิ กรรมดว้ ยความตงั้ ใจ และทากจิ กรรมให้เสรจ็ ทันเวลาทก่ี าหนด 5. เมอ่ื ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแล้ว ต้องช่วยกันเก็บวัสดุ อปุ กรณ์ ส่อื การเรยี นตา่ ง ๆ จัดโต๊ะ และเก้าอี้ ให้อยูใ่ นสภาพ เรยี บร้อย และทาความสะอาดก่อนออกจากห้องเรยี น ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 5 ชดุ ที่ 3 ปรากฏการณท์ ่ีเกี่ยวกบั แสง

ลำดบั ขนั้ ตอนกำรศกึ ษำชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้ 1. ศึกษำคำชี้แจงตำ่ งๆ ในกำรใชช้ ดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 2. ศกึ ษำสำระสำคัญ / สำระกำรเรยี นรู้ /ผลกำรเรียนรู้ / จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 3. ทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน 10 ข้อ 15 นำที 4. ปฏิบัตกิ ิจกรรมกำรเรยี นรู้ตำมขั้นตอน ประกอบดว้ ย ขน้ั ท่ี 1 สร้ำงควำมสนใจ ขัน้ ท่ี 2 สำรวจและค้นหำ ข้ันที่ 3 อธิบำยและลงขอ้ สรปุ ข้นั ที่ 4 ขยำยควำมรู้ ขั้นที่ 5 ประเมนิ ผล 5. ตรวจสอบคำตอบของใบงำนและกจิ กรรมแตล่ ะขัน้ เพือ่ ตรวจสอบควำมเขำ้ ใจ โดยจะตอ้ งผ่ำนเกณฑท์ ่ีกำหนด ถ้ำไม่ผ่ำนเกณฑ์จะต้องกลับไปศกึ ษำเนอื้ หำ ท่ไี ม่ผ่ำนเกณฑอ์ กี คร้ัง จนกวำ่ ผำ่ นเกณฑท์ ี่กำหนด 6. ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น จำนวน 10 ขอ้ 15 นำที 7. ตรวจคำตอบ ผ่ำนเกณฑ์รอ้ ยละ 50 ไมผ่ ่ำนเกณฑ์ ผ่ำนเกณฑ์ ศึกษำชุดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ชุดที่ 4 ต่อไป ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 6 ชุดที่ 3 ปรากฏการณท์ เ่ี ก่ียวกับแสง

แผนผงั กำรจัดช้นั เรยี น จอนำเสนอ โต๊ะครู กลุม่ ท่ี 1 กลมุ่ ท่ี 2 กล่มุ ที่ 3 กลมุ่ ที่ 6 กล่มุ ที่ 5 กลมุ่ ที่ 4 กลมุ่ ท่ี 7 กลมุ่ ที่ 8 กลุ่มท่ี 9 โต๊ะวสั ดุอุปกรณ์ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 7 ชุดท่ี 3 ปรากฏการณท์ เ่ี ก่ียวกบั แสง

ผงั มโนทศั น์กำรเรยี นรู้ ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ เรื่อง แสงและทศั นอุปกรณ์ วชิ ำฟสิ กิ ส์3 สำหรับนกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษำปีท่ี 5 ธรรมชาตแิ ละ แสงและทัศนอปุ กรณ์ เคร่อื งฉายภาพ การสะท้อนของแสง ทัศนอปุ กรณ์ กล้องถ่ายรปู กล้องจุลทรรศน์ อัตราเรว็ ของแสง กลอ้ งโทรทรรศน์ กฎการสะท้อน ปรากฏการณ์ การกระจายแสง รงุ้ กระจกเงาราบ ทเ่ี กยี่ วข้องกับ การทรงกลด กระจกเงาโคง้ และมริ าจ แสง ตาและการมองเห็นสี ความสว่างกับการถนอมสายตา การหักเหของแสง สายตาส้นั กฎการหักเห สายตายาว ดรรชนีหักเห การมองเห็นสี การสะท้อนกลบั หมด แสงสี ความลึกปรากฏ สารสี เลนสบ์ าง เลนส์เว้า เลนส์นูน ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 8 ชุดที่ 3 ปรากฏการณท์ เี่ กี่ยวกบั แสง

แสงทาให้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติหลายอย่าง เชน่ เมือ่ แสงขาว สำระ ผ่านปริซึมสามเหลี่ยม แสงท่ีหักเหออกมาจากปริซึมจะมีสีต่าง ๆ กัน แสงแต่ละสที ี่หกั เหออกมาจากมมุ หักเหต่าง ๆ กนั เรียกว่า การกระจาย สำคญั แสง ปรากฏการณ์ที่เก่ียวกับแสง ได้แก่ การกระจายแสง การสะท้อน กลับหมดของแสง รุง้ การทรงกลด และมริ าจ สำระ ปรากฏการณ์ทีเ่ กย่ี วข้องกบั แสง กำรเรียนรู้ ผล อธบิ ายปรากฏการณก์ ารกระจายของแสง ร้งุ การทรงกลด กำรเรยี นรู้ และมิราจได้ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 9 ชดุ ท่ี 3 ปรากฏการณท์ ีเ่ กีย่ วกับแสง

จุดประสงค์ ดำ้ นควำมรู้ (K) กำรเรยี นรู้ อธบิ ายปรากฏการณ์การกระจายของแสง รงุ้ การทรงกลด และมิราจได้ ดำ้ นทกั ษะกระบวนกำร (P) - ด้ำนคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) 1. มคี วามซ่ือสตั ยส์ จุ รติ 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มีความม่งุ มน่ั ในการทางาน สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่อื สาร สำคญั 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 10 ชดุ ท่ี 3 ปรากฏการณท์ เ่ี กย่ี วกบั แสง

แบบทดสอบก่อนเรียน ชดุ กิจกรรมกำรเรียนรู้ ชุดที่ 3 ปรำกฏกำรณท์ ่เี ก่ียวกบั แสง คำช้ีแจง : แบบทดสอบก่อนเรยี นเปน็ แบบทดสอบแบบเลอื กตอบ 4 ตวั เลอื ก จานวน 10 ขอ้ ใช้เวลา 15 นาที คำสัง่ : จงเลอื กคาตอบท่ีถูกต้องทสี่ ุดเพียงคาตอบเดยี ว แลว้ ทาเครือ่ งหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคาตอบ 1. เมอ่ื แสงขาวส่องผ่านปรซิ มึ ขอ้ ใดไม่ถกู ตอ้ ง ก. แสงขาวท่หี กั เหออกมาจากปริซึมจะกระจายออกเป็น 7 สี ข. แสงขาวท่เี คล่ือนทเี่ ขา้ สู่ปริซึมจะเกดิ การหักเหโดยเบนเข้าหาเส้นแนวฉาก ค. แสงสภี ายในปริซึมจะหกั เหออกส่อู ากาศ โดยรวมกันเป็นแสงขาวเหมือนเดมิ ง. แสงสีภายในปริซมึ จะหกั เหออกสู่อากาศ โดยยังคงแยกเป็นแสงสีตา่ ง ๆ 2. ข้อใดกลา่ วถกู ต้อง เมื่อให้แสงขาวส่องผา่ นปริซึม (1) เกิดสเปกตรมั ของแสงขาวซง่ึ ประกอบด้วยแถบสี 7 สี (2) แสงสีแดงเบ่ียงเบนน้อยที่สุด เพราะความยาวคลน่ื ยาวท่สี ุด (3) แสงสมี ว่ งเบย่ี งเบนมากท่ีสดุ เพราะความยาวคลน่ื สัน้ ท่ีสุด ก. ขอ้ (1) (2) และ (3) ข. ขอ้ (1) และ (2) ค. ข้อ (2) และ (3) ง. ข้อ (1) และ (3) 3. มมุ เบี่ยงเบน หมายถึงข้อใด ก. มมุ ท่ีรังสีตกกระทบปริซมึ ทามุมกบั ผิวแรกของปริซมึ ข. มุมทร่ี งั สีตกกระทบปริซึมทามมุ กบั รังสีตกกระทบทีผ่ ิวทส่ี องของปรซิ ึม ค. มุมทีร่ ังสีหกั เหออกจากปริซึมทามุมกบั รังสตี กกระทบทีผ่ ิวภายในของปรซิ ึม ง. มมุ ท่รี ังสีหกั เหออกจากปริซึมทามุมกบั รงั สตี กกระทบท่ผี ิวแรกของปรซิ มึ 4. ปรากฏการณใ์ ดเก่ียวข้องกับการหักเหของแสง ก. ร้งุ ข. การทรงกลด ค. มิราจ ง. ถูกทั้ง ก ข และ ค 5. การเกิดรงุ้ เปน็ ผลมาจากสมบตั ิข้อใดของแสง ก. การสะท้อนและการหักเห ข. การสะท้อนและการแทรกสอด ค. การแทรกสอดและการเลีย้ วเบน ง. การสะท้อนและการเลี้ยวเบน ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เร่ือง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 11 ชุดท่ี 3 ปรากฏการณท์ ่เี กี่ยวกับแสง

6. รงุ้ มีกีช่ นดิ อะไรบา้ ง ก. 2 ชนิด รุง้ ปฐมภมู แิ ละรงุ้ ทุติยภมู ิ ข. 3 ชนดิ รุ้งปฐมภูมิ รงุ้ ทตุ ิยภมู ิและรงุ้ ตติยภูมิ ค. 2 ชนดิ รุ้งสะทอ้ นและรุง้ หักเห ง. 3 ชนิด ร้งุ สะทอ้ น รุ้งหกั เหและรงุ้ เล้ียวเบน 7. ข้อใดแสดงลาดับข้ันตอนการเกิดรุ้งปฐมภมู ิได้ถูกต้อง ก. หักเห หักเห สะท้อน ข. หักเห สะท้อน หักเห ค. สะทอ้ น หกั เห หักเห ง. หักเห สะท้อน สะทอ้ น 8. การทรงกลดเกิดขึ้นไดอ้ ย่างไร ก. แสงขาวตกกระทบหยดน้าในเมฆทว่ี างตัวเรยี งกันเปน็ วงกลมรอบดวงอาทิตย์ หรือดวงจนั ทร์ แล้วเกดิ การหกั เหและกระจายแสงสอี อกมา ข. แสงขาวตกกระทบหยดน้าในเมฆท่วี างตัวเรียงกนั เป็นวงกลมรอบดวงอาทิตย์ หรือดวงจันทร์ แล้วเกดิ การหักเหและเลยี้ วเบนออกมา ค. แสงขาวตกกระทบผลึกน้าแข็งในเมฆท่วี างตวั เรยี งกนั เป็นวงกลมรอบดวงอาทิตย์ หรอื ดวงจันทร์ แล้วเกิดการหักเหและกระจายแสงสอี อกมา ง. แสงขาวตกกระทบผลึกน้าแข็งในเมฆที่วางตวั เรยี งกนั เป็นวงกลมรอบดวงอาทิตย์ หรือดวงจันทร์ แลว้ เกดิ การหกั เหและเล้ียวเบนออกมา 9. มิราจเกดิ ข้นึ ได้อย่างไร ก. เกิดจากการหกั เหของแสงในบรเิ วณที่อากาศมคี วามหนาแนน่ แตกต่างกันมาก ข. เกิดจากการหกั เหของแสงในบริเวณท่ีอากาศมคี วามหนาแน่นใกล้เคียงกนั มาก ค. เกดิ จากการแทรกสอดของแสงในบริเวณท่ีอากาศมีความหนาแน่นแตกต่างกนั มาก ง. เกิดจากการแทรกสอดของแสงในบรเิ วณที่อากาศมีความหนาแน่นใกลเ้ คยี งกนั มาก 10. บริเวณใดท่มี โี อกาสเกดิ ปรากฏการณม์ ิราจ (1) ทะเลทราย (2) ถนนซึ่งถูกแดดจัด (3) เหนือผิวนา้ แถบขว้ั โลก ก. (1) เท่าน้นั ข. (2) เทา่ นนั้ ค. (1) และ (2) ง. (1) (2) และ (3) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 12 ชุดท่ี 3 ปรากฏการณท์ เี่ ก่ียวกบั แสง

กระดำษคำตอบก่อนเรียน ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ ชุดที่ 3 ปรำกฏกำรณท์ ี่เก่ียวข้องกบั แสง ชื่อ – สกุล.................................................................................ช้นั ....................เลขท.่ี .................... คำส่งั : จงเลือกคาตอบทีถ่ ูกต้องท่ีสดุ เพยี งคาตอบเดียว แลว้ ทาเครอ่ื งหมายกากบาท (X) ลงใน กระดาษคาตอบ ข้อ ก ข ค ง คะแนนทไ่ี ด้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ทาแบบทดสอบเสรจ็ แล้ว อย่าลืม! ตรวจคาตอบด้วยนะคะ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 13 ชุดที่ 3 ปรากฏการณท์ เ่ี ก่ยี วกับแสง

ใบกิจกรรมท่ี 3.1 กำรกระจำยแสง จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ อธิบายปรากฏการณก์ ารกระจายของแสง รุ้ง การทรงกลด และมิราจได้ วัสดุและอุปกรณ์กำรทดลอง (ตอ่ กลมุ่ ) 1. ปริซมึ สามเหลยี่ ม จานวน 1 อัน 2. กระดาษขาว จานวน 1 แผน่ 3. แผน่ ชอ่ งแสงชนิด 1 ช่อง จานวน 1 อนั 4. กล่องแสง จานวน 1 อัน 5. หมอ้ แปลงโวลตต์ ่า จานวน 1 เครอื่ ง วิธกี ำรทดลอง 1. ต่อหมอ้ แปลงโวลต์ต่าเขา้ กับกล่องแสงท่มี แี ผ่นชอ่ งแสงเสียบอยู่ 2. วางปรซิ ึมสามเหลยี่ มบนกระดาษขาว โดยให้ดา้ นขนุ่ ของของปริซึมอยู่ด้านลา่ ง และดา้ นหน่ึงของปริซมึ อยู่ใกลช้ ่องของแผ่นชอ่ งแสง เพ่ือจะได้ลาแสงทีม่ ีความสว่างมากผ่านเขา้ ปรซิ มึ ดงั ภาพท่ี 3.1 ภาพที่ 3.1 การจัดอปุ กรณท์ ดลองเร่อื งการกระจายแสง (ทมี่ า : ถ่ายโดยนางสาววนั ทนา เกา้ เอ้ียน) ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 14 ชุดท่ี 3 ปรากฏการณท์ ่เี กย่ี วกบั แสง

3. สังเกตลาแสงตกที่กระทบปริซึม ลาแสงในปรซิ มึ และลาแสงท่ีออกจากปริซึมส่อู ากาศ โดยสงั เกตบนพน้ื กระดาษขาวหรอื ใช้กระจกเงาช่วยในการสังเกต และบนั ทึกผล มาทาการทดลองกันเลยค่ะ ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 15 ชุดท่ี 3 ปรากฏการณท์ ีเ่ กยี่ วกับแสง

ใบบนั ทกึ กจิ กรรมที่ 3.1 กำรกระจำยแสง จุดประสงค์กำรเรียนรู้ อธบิ ายปรากฏการณก์ ารกระจายของแสง รุ้ง การทรงกลด และมิราจได้ กลุ่มท.ี่ ......................................................... รำยชอื่ สมำชิกในกลุ่ม 1..............................................................เลขท่.ี ...............หนา้ ที.่ ...................................... 2..............................................................เลขที.่ ...............หนา้ ท่ี....................................... 3..............................................................เลขท.ี่ ...............หนา้ ท่ี....................................... 4..............................................................เลขที่................หนา้ ท่ี....................................... 5..............................................................เลขท.ี่ ...............หนา้ ท่.ี ...................................... จดุ ประสงค์กำรทดลอง ...................................................................................... .......................................................................... ............................................................................................................................. ................................... วสั ดอุ ุปกรณท์ ใี่ ชใ้ นกำรทดลอง ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... วธิ กี ำรทดลอง ............................................................................................................................. ................................... .................................................................................... ............................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................ ................ .................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. ................................... ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 16 ชุดที่ 3 ปรากฏการณท์ ่เี ก่ียวกับแสง

ผลกำรทดลอง สรปุ ผลกำรทดลอง ............................................................................................................................................. ................... ................................................................................................................ ................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... อภปิ รำยผลกำรทดลอง ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ........................................................................................................................................ ........................ ........................................................................................................... ..................................................... ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เร่ือง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 17 ชุดที่ 3 ปรากฏการณท์ เี่ กยี่ วกับแสง

ใบควำมรู้ท่ี 3.1 ปรำกฏกำรณ์ท่ีเก่ียวกับแสง จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ อธบิ ายปรากฏการณ์การกระจายของแสง รงุ้ การทรงกลด และมิราจได้ แสง เป็นคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าเพียงชนิดเดียวที่นัยน์ตามนุษย์สามารถมองเห็นได้ แสงในธรรมชาตโิ ดยสว่ นใหญม่ าจากดวงอาทิตย์ ซึง่ มลี ักษณะเป็นแสงขาว (White light) โดยแสงขาว จะประกอบดว้ ยแสงสตี า่ ง ๆ ทัง้ หมด 7 สี ไดแ้ ก่ มว่ ง คราม นา้ เงิน เขยี ว เหลอื ง แสด และแดง เม่อื ให้แสงขาวสอ่ งผา่ นปริซึมสามเหล่ยี มจะเกิดการหักเหขึน้ 2 ครง้ั โดยครัง้ แรก (1) เกดิ ขึน้ ณ ตาแหน่งที่แสงขาวกระทบกับผิวปริซึม และครั้งที่สอง (2) เกิดข้ึนท่ีผิวในปริซึมออกไปยังอากาศ พบว่าแสงท่ีหักเหออกมาจากปริซึมจะแยกเป็นแถบสี 7 สี เรียกปรากฏการณ์น้ีว่า กำรกระจำยแสง (Dispersion of light) และเรียกแถบสีเหล่านี้ว่า สเปกตรัมของแสงขำว (Spectrum of white light) โดยแสงแต่ละสีจะมีมุมหักเหต่างกัน เป็นผลให้ตาแหน่งท่ีปรากฏบนฉากต่างกันไปด้วย ดงั ภาพท่ี 3.2 แสงขาว (1) θR θV แแสดดง เหลือง (2) เขยี ว สเปกตรัมของแสงขาว ฉาก คนราา้ มเงิน ม่วง ภาพท่ี 3.2 การกระจายแสง (ทีม่ า : วาดโดยนางสาววนั ทนา เก้าเอ้ียน) ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 18 ชุดที่ 3 ปรากฏการณท์ ่เี กยี่ วกับแสง

มุมทีร่ ังสหี ักเหออกจากปริซึมทากับรังสีตกกระทบท่ีผวิ แรกของปรซิ ึม เรียกวา่ มมุ เบ่ยี งเบน (Deviation angle, θ) จะเห็นได้ว่า แสงสีแดงจะมีมุมเบ่ียงเบน (θR ) น้อยที่สุด แสงสีอ่ืน ๆ จะมีมุม เบยี่ งเบนเพ่มิ ข้ึนตามลาดับ และแสงสมี ่วงจะมมี ุมเบย่ี งเบน (θV ) มากทสี่ ุด จากภาพที่ 3.2 หากพิจารณามุมหักเหของแสงขาวผ่านปริซึมสามเหลี่ยม จะเห็นได้ว่า แสงแต่ละสีมีมุมหักเหที่รอยตอ่ ระหวา่ งตัวกลางคู่เดียวกันไม่เท่ากัน ตัวอย่างเช่น ในการหักเหครั้งแรก เม่ือแสงเคลื่อนท่ีจากอากาศผ่านเข้าไปในปริซึม พบว่า แสงสีม่วงจะมีมุมหักเหน้อยที่สุด ส่วนแสงสีอื่น ๆ ในสเปกตรัมจะมีมุมหักเหเพ่ิมข้ึนตามลาดับ และแสงสีแดงจะมีมุมหักเหมากท่ีสุด พิจารณาจากสมการหรอื กฎของสเนลล์ n1 sin θ1 = n2 sin θ2 ถ้าตัวกลางท่ี 1 เป็นอากาศและตัวกลางที่ 2 เป็นแก้วชนิดหน่ึงท่ีมีค่าดรรชนีหักเหเป็น n นั่นคือ n1 = 1 และ n2 = n จะได้ว่า sin θ2 = 1 sin θ1 n จากสมการข้างต้น จะเห็นได้ว่า ที่มุมตกกระทบ θ1 ค่าหนึ่ง มุมหักเห θ2 จะมีค่าขึ้นอยู่กับ ค่า n นั่นคือ มุมหักเหจะมีค่าน้อย เมื่อ n มีค่ามาก ดังนั้น เม่ือพิจารณาภาพท่ี 3.2 แสงสีแดง มมี ุมหักเหมากที่สุด แสดงวา่ n ของแสงสีแดงจะมีค่าน้อยทีส่ ุด และ n สาหรับแสงสีอน่ื ๆ จะมคี ่ามาก ขน้ึ ตามลาดับ และมากทสี่ ุดสาหรับแสงสีมว่ ง เม่ือพจิ ารณาความยาวคล่นื พบว่า แสงท่ีมีความยาวคลนื่ สนั้ คา่ ดรรชนีหกั เหของแสงจะมคี ่ามาก ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 19 ชุดท่ี 3 ปรากฏการณท์ ี่เก่ยี วกับแสง

ภาพที่ 3.3 กราฟแสดงดรรชนีหกั เหของแสงสตี า่ ง ๆ เม่ือผ่านตวั กลางต่าง ๆ (ทมี่ า : http://www.chegg.com/homework-help/thin-beam-white-light-directed- flat- sheet-silicate-flint-gla-chapter-33-problem-56p-solution- 9780321973610-exc เขา้ ถึงขอ้ มูลเมอื่ วนั ที่ 5 เดือนเมษายน พ.ศ. 2558) พิจารณาภาพที่ 3.3 กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความยาวคล่ืนแสงในสุญญากาศ กบั คา่ ดรรชนหี ักเหของแสงในตวั กลางต่าง ๆ ไดแ้ ก่ แกว้ ควอทซ์ และฟลอู อไรท์ จะเห็นไดว้ ่า ตวั กลาง ทั้งสามมีสมบัติการหักเหแสงเช่นเดียวกัน น่ันคือ ดรรชนีหักเหของแสงสีต่าง ๆ ในตัวกลาง จะมคี า่ ไม่เท่ากนั ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 20 ชดุ ท่ี 3 ปรากฏการณท์ เ่ี ก่ียวกับแสง

รุ้ง (Rainbow) รุ้ง (Rainbow) เกิดจากการท่ีแสงอาทิตย์ส่องผ่านละอองน้าหรือหยดน้าในอากาศ แล้วเกิดการหักเห การสะท้อนและการกระจายแสง ซ่ึงเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เห็นก่อน หรือหลังฝนตกเล็กน้อย เน่ืองจากเป็นช่วงเวลาที่มีหยดน้ามาก การหักเหของแสงจะต้องเข้าสู่ แนวสายตาในมมุ ท่ีเหมาะสม จงึ จะเหน็ เสน้ โค้งสีรุง้ ปรากฏขนึ้ บนท้องฟา้ ดงั ภาพที่ 3.4 ภาพที่ 3.4 รงุ้ (ทม่ี า: https://steemit.com/rainbow/@ilyachurkin31/types-of-rainbow เขา้ ถงึ ข้อมลู เมื่อวนั ที่ 5 เดือนเมษายน พ.ศ. 2558) รุ้งมี 2 ชนิด ได้แก่ รุ้งปฐมภูมิและรุ้งทุติยภูมิ ในบางครั้งเราสามารถมองเห็นรุ้งท้ังสองชนิด ได้พร้อม ๆ กัน โดยรุ้งปฐมภูมิจะอยู่ด้านล่างและมีสีเข้มกว่า ส่วนรุ้งทุติยภูมิจะอยู่ด้านบน และเรยี งลาดับสีกลบั กนั กับรงุ้ ปฐมภมู ิ 1. รุ้งปฐมภูมิ เกิดจากแสงอาทิตย์ส่องผ่านทางด้านบนของละอองน้าหรือหยดน้าในอากาศ แล้วเกิดการหักเห 2 คร้ัง และสะท้อนกลับหมด 1 ครั้ง โดยการหักเหคร้ังแรก เกิดข้ึนเมื่อแสงอาทิตย์ กระทบกับผิวโค้งของหยดน้า ทาให้เกิดการกระจายแสงภายในหยดน้าและแสงสีม่วงมีมุมหักเหน้อย ท่ีสุด ส่วนสีแดงจะมีมุมหักเหมากที่สุด จากน้ันสเปกตรัมของแสงจะตกกระทบผิวด้านในของหยดน้า แล้วเกิดการสะท้อนกลับหมดไปสู่ผิวของหยดน้าด้านท่ีรับแสงอาทิตย์อีก และเกิดการหักเหคร้ังที่สอง ออกสู่อากาศ โดยจะเห็นสีแดงอยู่บนสุดและมีสีม่วงอยู่ล่างสุด ซ่ึงทามุมประมาณ 42 และ 40 องศา กบั แนวแสงอาทติ ยก์ ่อนกระทบหยดน้า ตามลาดับ ดงั ภาพท่ี 3.5 (ก) ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 21 ชุดที่ 3 ปรากฏการณท์ เี่ กีย่ วกับแสง

2. รุ้งทุตยิ ภมู ิ เกิดจากแสงอาทิตย์ส่องผ่านทางด้านลา่ งของละอองนา้ หรือหยดน้าในอากาศ แล้วเกิดการหักเห 2 ครั้ง และสะท้อนกลับหมด 2 ครั้ง โดยการหักเหครั้งแรก เกิดขึ้นเม่ือแสงอาทิตย์ กระทบกับผิวโค้งของหยดน้า ทาให้เกิดการกระจายแสงภายในหยดน้าและแสงสีม่วงมีมุมหักเหน้อย ท่ีสุด ส่วนสีแดงจะมีมุมหักเหมากที่สุด จากน้ันสเปกตรัมของแสงจะตกกระทบผิวด้านในของหยดน้า แล้วเกิดการสะท้อนกลับหมดสองครั้ง ไปสู่ผิวของหยดน้าด้านท่ีรับแสงอาทิตย์อีก และเกิดการหักเห ครั้งท่ีสองออกสู่อากาศ โดยจะเห็นสีม่วงอยู่บนสุดและมีสีแดงอยู่ล่างสุด ซ่ึงทามุมประมาณ 53๐30' และ 50๐30' กับแนวแสงอาทิตย์กอ่ นกระทบหยดนา้ ตามลาดับ ดงั ภาพที่ 3.5 (ข) หยดน้า แสงอาทิตย์ หยดน้า แสงอาทติ ย์ แดง แสงอาทิตย์ 42๐ 50๐30' แสงอาทติ ย์ 53๐30' แสงอาทิตย์ 40๐ แดง มว่ ง มว่ ง (ก) รงุ้ ปฐมภมู ิ แสงอาทติ ย์ แดง (ข) รงุ้ ทตุ ิยภมู ิ ภาพที่ 3.5 การเกิดรุ้ง (ท่มี า: วาดโดยนางสาววันทนา เก้าเอี้ยน) ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 22 ชดุ ท่ี 3 ปรากฏการณท์ ี่เก่ยี วกบั แสง

กำรทรงกลด กำรทรงกลด (Haloes) เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดแถบแสงสีเป็นวงกลมรอบดวงอาทิตย์ หรือดวงจันทร์ หากเกิดข้ึนรอบดวงอาทิตย์ เรียกว่า อำทิตย์ทรงกลด (Solar haloes) ดังภาพท่ี 3.6 (ก) และถ้าเกิดขึ้นรอบดวงจันทร์ เรียกว่า จันทร์ทรงกลด (Lunar haloes) ดงั ภาพที่ 3.6 (ข) (ก) อาทิตย์ทรงกลด (ข) จันทรท์ รงกลด ภาพท่ี 3.6 การทรงกลด (ทม่ี า: (ก) https://hilight.kapook.com/view/102137 (ข) http://thaiastro.nectec.or.th/gal/439/ เขา้ ถึงข้อมลู เมื่อวนั ท่ี 5 เดอื นเมษายน พ.ศ. 2558) ปรากฏการณ์นี้มักเกิดข้ึนในขณะที่ในขณะที่ท้องฟ้ามีเมฆเซอรัส ซ่ึงมีลักษณะเป็นฝ้าบาง ๆ คล้ายปุยฝ้ายบังดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ เน่ืองจากภายในเมฆประกอบด้วยผลกึ น้าแข็งรูปหกเหล่ียม ทาหนา้ ทเ่ี สมือนแทง่ แก้วปริซึม เม่อื แสงขาวตกกระทบผลึกน้าแข็งที่วางตัวเป็นวงกลมรอบดวงอาทิตย์ หรือดวงจันทร์ จะเกิดการหักเหของลาแสงออกมาทามุม 22° กับแนวแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบผลึก และกระจายแสงสีออกจากผลกึ น้าแขง็ มาเข้าตาผู้สังเกต ดงั ภาพท่ี 3.7 ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เร่อื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 23 ชดุ ที่ 3 ปรากฏการณท์ เ่ี กย่ี วกับแสง

ภาพที่ 3.7 การเกดิ การทรงกลด (ท่ีมา: http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/phenomenon/halo เข้าถงึ ข้อมูลเมอื่ วนั ท่ี 6 เดือนเมษายน พ.ศ. 2558) มริ ำจ มิรำจ (Mirage) หรือภาพลวงตา เป็นปรากฏการณ์ท่ีเกิดจากการเปล่ียนแปลงดรรชนหี ักเห ของแสงในบรรยากาศชน้ั ต่าง ๆ เนือ่ งจากการเปลีย่ นแปลงของอณุ หภมู ิตามระดับความสงู เหนือพื้นดิน ข้ึนไป ส่งผลให้ความหนาแน่นของอากาศช้ันต่าง ๆ ไม่เท่ากัน จึงเสมือนว่าแสงเดินทางผ่านตัวกลาง ที่มีสมบัติต่างกันจึงเกิดการหักเห และเม่ือมุมตกกระทบโตกว่ามุมวิกฤต จึงเกิดการสะท้อนกลับหมด ของแสง ทาให้เรามองเหน็ ภาพในลักษณะท่ีคลาดเคลอ่ื นจากภาพจรงิ ดงั ภาพที่ 3.8 รงั สีแสงเดินทางเปน็ แนวตรงมายังตา อากาศเย็น รังสีแสงหักเหต่อเนื่องเปน็ แนวโค้งขึน้ อากาศรอ้ น ต้นกระบองเพชร ทะเลทราย ภาพต้นกระบองเพชร ภาพท่ี 3.8 มริ าจ (ทีม่ า: วาดโดยนางสาววันทนา เก้าเอยี้ น) ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เร่อื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 24 ชดุ ที่ 3 ปรากฏการณท์ ีเ่ กย่ี วกับแสง

มริ าจแบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. มิรำจแบบภำพอยู่ด้ำนล่ำง (Inferior mirage) เกิดข้ึนเมื่อพื้นผิวได้รับความร้อน จากดวงอาทิตย์ทาให้อากาศเหนือผิวพื้น จะมีอุณหภูมิสูงมาก และลดลงอย่างรวดเร็ว ตามระดับความสูงจากพ้ืนผิว เป็นผลให้อากาศใกล้ผวิ พื้นมีความหนาแนน่ ของอากาศน้อยกว่าอากาศ ท่ีอยู่สงู ขน้ึ ไป หากแสงเดินทางผ่านในสองระดับความสงู นีจ้ งึ เสมือนกับเดินทางผา่ นตัวกลางที่แตกต่าง กัน ทาให้เกิดการหักเหและการเลี้ยวเบนของแสงในแนวราบ จึงมองเห็นวัตถุในแนวราบเกิดภาพ ท่ีคลาดเคล่ือนจากความเป็นจริงในลักษณะหัวกลับ เช่น การมองเห็นต้นไม้หรืออูฐอยู่ใต้พ้ืนทราย ในทะเลทราย หรือขณะที่เราขับรถจะเหน็ เหมือนมนี ้าอยูบ่ นถนนและรถในพืน้ ถนน ดังภาพที่ 3.9 ภาพที่ 3.9 ปรากฏการณ์มริ าจแบบภาพอย่ดู ้านล่าง (ท่ีมา: https://www.quora.com/What-is-a-mirage-1 http://www.nsm.or.th/index.php?option=com_ k2&view=item&id=4844:2015-09-10-04-35-26&Itemid=721 เขา้ ถงึ ข้อมลู เม่ือวันท่ี 30 เดอื นสิงหาคม พ.ศ. 2558) 2. มริ ำจแบบภำพอยูด่ ้ำนบน (Superior mirage) เกิดจากอุณหภูมิของอากาศใกล้พื้นผิว ต่ากว่าอุณหภูมิในระดับท่ีอยู่สูงขึ้นไป ทาให้ความหนาแน่นของอากาศด้านล่างใกล้ผิวพ้ืนมากกว่า ความหนาแน่นของอากาศที่อยู่สูงกว่า ซ่ึงมักเกิดในบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็น เช่น บริเวณขั้วโลก เนื่องจากมีอากาศหนาวเย็นปกคลุมอยู่เหนือพ้ืนที่เป็นเวลานาน เราจึงเห็นภาพได้ ชัดเจน และเป็นระยะเวลานาน เช่น การมองเห็นเรือลอยคว่าในอากาศเหนือท้องทะเล หรือเห็นภูเขาน้าแข็ง ลอยคว่าอย่ใู นอากาศ ดงั ภาพท่ี 3.10 ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 25 ชดุ ที่ 3 ปรากฏการณท์ เ่ี ก่ียวกับแสง

ภาพท่ี 3.10 ปรากฏการณ์มริ าจแบบภาพอยู่ด้านบน (ทม่ี า: http://investigate-nasa.com/2015/11/12/superior-mirages/ เขา้ ถึงข้อมลู เมื่อวนั ที่ 30 เดือนกันยายน พ.ศ. 2558) 3. มิรำจแบบฟำตำมอร์กำนำ (Fata Morgana) เป็นมิราจแบบภาพอยู่ด้านบนชนิดหน่ึง ซ่ึงประกอบด้วยภาพซ้อนแนวต้ังที่ละเอียดผิดปกติ ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเพ่ิมขึ้น ตามความสูง โดยมบี างชว่ งของความสูงทม่ี กี ารเพ่ิมข้ึนอย่างรวดเร็ว ซงึ่ อาจพบได้บรเิ วณท่ีมอี ากาศเย็น เหนือผิวน้าแถบขวั้ โลก ดงั ภาพท่ี 3.11 ภาพท่ี 3.11 ปรากฏการณม์ ิราจแบบฟาตามอร์กานา (ทีม่ า: https://www.pinterest.com/pin/278308451942159665/ เขา้ ถึงข้อมลู เมื่อวนั ที่ 30 เดอื นสิงหาคม พ.ศ. 2558) ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 26 ชุดที่ 3 ปรากฏการณท์ เ่ี กี่ยวกบั แสง

ใบงำนที่ 3.1 ปรำกฏกำรณ์ทเี่ กี่ยวกบั แสง จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ อธบิ ายปรากฏการณ์การกระจายของแสง รุ้ง การทรงกลด และมิราจได้ คำช้แี จง ให้นักเรยี นอธบิ ายการเกดิ ปรากฏการณ์ในภาพต่อไปน้ี ภาพ การเกดิ ปรากฏการณ์ในภาพ (ที่มา: https://steemit.com/rainbow/ @ilyachurkin31/types-of-rainbow เขา้ ถงึ ข้อมูลเม่ือวนั ท่ี 5 เดอื นเมษายน พ.ศ. 2558) (ที่มา: https://hilight.kapook.com/ view/102137 เขา้ ถึงขอ้ มูลเมอื่ วนั ท่ี 5 เดอื นเมษายน พ.ศ. 2558) ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 27 ชุดที่ 3 ปรากฏการณท์ เี่ ก่ยี วกบั แสง

ภาพ กำรเกดิ ปรำกฏกำรณใ์ นภำพ (ท่มี า: https://www.quora.com/ What-is-a-mirage-1 เขา้ ถึงข้อมูลเม่อื วนั ที่ 30 เดือนสงิ หาคม พ.ศ. 2558) ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 28 ชุดท่ี 3 ปรากฏการณท์ เ่ี กีย่ วกับแสง

ใบกจิ กรรมท่ี 3.2 Save money จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ อธบิ ายปรากฏการณ์การกระจายของแสง รุง้ การทรงกลด และมิราจได้ คำชี้แจง ให้นักเรียนทาความเข้าใจกับกติกาการเล่นเกมดงั น้ี 1. ให้คุณอานวยของแต่ละกลุ่มออกมารับซองบรรจุเกม “Save money” กลุ่มละ 1 ซอง ซึ่งมีบัตรแทนเงินสด 50,000 บาท จานวน 20 ใบ ซ่ึงแต่ละกลุ่มจะต้องใช้บัตรเหล่านี้ในการวาง ที่แท่นตัวเลอื ก ก ข ค และ ง เพ่อื ตอบคาถาม โดยในแตล่ ะข้อแต่ละกล่มุ จะต้องวางบตั รเงินสดท้ังหมด ที่แท่นตัวเลือก ซ่ึงสามารถที่จะวางบัตรได้มากกว่า 1 ตัวเลือก หากกลุ่มใดตอบคาถามถูกต้องก็จะได้ เงนิ ของตนเองคืนกลบั ไป แตถ่ า้ ตอบผดิ ก็จะถูกยึดเงนิ ไว้ 2. นักเรียนดคู าถามและตัวเลือกผา่ นจอโปรเจคเตอร์โดยมีคาถามท้งั หมด 10 คาถาม 3. หลังจากเล่นเกมเสร็จแล้ว ให้แต่ละกลุ่มนับบัตรแทนเงินสดที่เหลืออยู่แล้วไปเทียบเป็น คะแนนของกลุ่ม ดังนี้ จำนวนบัตรแทนเงนิ สด (ใบ) คะแนน (คะแนน) ถา้ เขา้ ใจกตกิ าแล้ว ไปเลน่ เกมกันเลยค่ะ 16 - 20 10 11 - 15 9 6 - 10 8 0-5 7 ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 29 ชดุ ที่ 3 ปรากฏการณท์ เ่ี กย่ี วกับแสง

คำถำมเกม save money 1. เม่ือแสงจากดวงอาทติ ยส์ อ่ งผา่ นปรซิ ึมจะแยก 2. การเกิดรุ้งกินน้าใชส้ มบตั ขิ องแสง ออกเป็นแสงสีต่าง ๆ ปรากฏการณ์ท่ีเกิดขึ้นเปน็ เชน่ เดยี วกบั ปรากฏการณ์ใด เพราะเหตใุ ด 1. ภาพหวั ตง้ั ท่เี กิดจากระจกนูน ก. การสะท้อนของแสง 2. สเปกตรมั ของแสงขาวท่ีส่องผ่านแทง่ ข. การหกั เหของแสง พลาสติกรูปสามเหล่ยี ม (ปริซึม) ค. การกระจายของแสง 3. แสงออโรรา (aurora) ที่เกดิ บริเวณ ง. การแทรกสอดของแสง ข้ัวโลกเหนือและขัว้ โลกใต้ ก. ขอ้ 1 และ 2 ข. ข้อ 2 ค. ขอ้ 3 ง. ข้อ 2 และ 3 3. ขอ้ ใดเก่ียวขอ้ งกบั การหกั เหของแสง 4. ปรากฏการณร์ ้งุ กินน้า เกดิ จากข้อใด ก. รุ้งกินน้า ก. การกระจายและการกระเจิงของแสง ข. สอ่ งกระจกเงา ข. การหกั เหและการกระจายของแสง ค. ทนั ตแพทย์ใชเ้ คร่ืองกระจกตรวจฟนั ค. การสะท้อนและการกระเจิงของแสง ง. ตดิ กระจกโ้คง้ นูนบริเวณสามแยก ง. การหักเหและการสะทอ้ นของแสง 5. พิจารณาบทความต่อไปน้ี 6. 1. ภาพต้นไมบ้ นแผน่ ฟลิ ์ม 2. ภาพนา้ ท่วมบนถนนร้อนจดั (ท่ีมา: https://steemit.com/rainbow/ 3. ภาพโอเอซิสลอยได้กลางทะเลทราย @ilyachurkin31/types-of-rainbow มริ าจ คือ ปรากฎการณใ์ นข้อใด เขา้ ถงึ ข้อมูลเมื่อวันท่ี 5 เดอื นเมษายน ก. ขอ้ 1 เท่านนั้ ข. ขอ้ 1, 2 เทา่ นน้ั พ.ศ. 2558) ค. ข้อ 2, 3 เทา่ นนั้ ง. ขอ้ 1, 2, 3 ภาพนี้ คอื ปรากฏการณ์ใด ก. รุง้ ข. การทรงกลด ค. มิราจ ง. ภาพลวงตา ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 30 ชดุ ที่ 3 ปรากฏการณท์ เี่ กยี่ วกับแสง

7. 8.   (ท่มี า: https://steemit.com/rainbow/ (ทีม่ า: http://investigate-nasa.com @ilyachurkin31/types-of-rainbow /2015/11/12/superior-mirages/ เข้าถงึ ข้อมูลเม่ือวนั ที่ 5 เดือนเมษายน เขา้ ถึงข้อมลู เมื่อวันที่ 30 เดือนกันยายน พ.ศ. 2558) พ.ศ. 2558) ปรากฏการณ์น้ี คือ หมายเลขใดในภาพ คือ รงุ้ ปฐมภมู ิ และ ก. การกระจายแสง รุง้ ทตุ ยิ ภูมิ ตามลาดับ ข. ร้งุ ก.  และ  ค. มิราจ ข.  และ  ง. การทรงกลด ค. เป็นรุ้งปฐมภูมิทง้ั  และ  10. ปรากฏการณ์ใดเกดิ จากการท่ีแสงอาทิตย์ ง. เป็นรุ้งทตุ ยิ ภมู ทิ ง้ั  และ  ส่องผา่ นละอองน้าหรอื หยดน้าในอากาศ แล้วเกดิ การหักเห การสะท้อนและการกระจาย 9. ปรากฏการณใ์ ดท่ีเกิดจากแสงอาทติ ย์หักเห แสง ก. การกระจายแสง ผ่านผลกึ นา้ แขง็ หกเหล่ียม ข. รุ้ง ค. มริ าจ ก. การกระจายแสง ง. การทรงกลด ข. รงุ้ ค. มิราจ ง. การทรงกลด ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 31 ชุดท่ี 3 ปรากฏการณท์ ีเ่ กี่ยวกบั แสง

บันทึกกำรเรยี นรู้ คำสง่ั : ใหน้ ักเรียนบนั ทึกการเรยี นรู้ จากสง่ิ ท่ีได้เรยี นรู้และทากิจกรรม ตามประเด็นท่ีกาหนดให้ สง่ิ ได้เรยี นรูแ้ ละเข้ำใจ สิง่ ท่ยี ังไมร่ /ู้ ไมเ่ ข้ำใจ ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ส่งิ ท่ีต้องกำรเรยี นรู้เพิ่มเติม ............................................................................................................................. ................... ................................................................................................................ ................................ ............................................................................................................................. ................... ................................................................................................................................................ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เร่ือง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 32 ชดุ ที่ 3 ปรากฏการณท์ เี่ กีย่ วกบั แสง

แบบบนั ทกึ คะแนน ที่ กจิ กรรม คะแนนเต็ม เกณฑก์ ำรผ่ำน คะแนนท่ีได้ 1 ทดสอบก่อนเรียน 10 - 2 ใบบันทกึ กิจกรรมท่ี 3.1 3 ใบงานที่ 3.1 ร้อยละ 70 (……คะแนน) 4 กจิ กรรมที่ 3.2 ร้อยละ 70 (……คะแนน) รวมคะแนนระหว่ำงเรยี น 5 ทดสอบหลังเรียน รอ้ ยละ 70 (……คะแนน) 10 รอ้ ยละ 50 (5 คะแนน) สรปุ ผลกำรประเมินจำกชุดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ คะแนนระหวำ่ งเรียนที่ได้ เทำ่ กับ สรปุ ผลกำรประเมนิ จำกชดุ กิจกรรมกำรเรยี นรู้ คะแนนแบบทดสอบหลังเรียนทไ่ี ด้ เท่ำกบั  ผำ่ น  ไมผ่ ่ำน ลงชอ่ื ..........................................................ผปู้ ระเมิน (นางสาววนั ทนา เก้าเอย้ี น) ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 33 ชดุ ที่ 3 ปรากฏการณท์ เ่ี กยี่ วกบั แสง

แบบทดสอบหลงั เรียน ชุดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ชดุ ที่ 3 ปรำกฏกำรณ์ทเ่ี กี่ยวกับแสง คำชีแ้ จง : แบบทดสอบหลงั เรยี นเปน็ แบบทดสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จานวน 10 ขอ้ ใชเ้ วลา 15 นาที คำส่ัง : จงเลือกคาตอบท่ถี ูกต้องที่สุดเพยี งคาตอบเดียว แล้วทาเคร่อื งหมายกากบาท (X) ลงใน กระดาษคาตอบ 1. เมอื่ แสงขาวส่องผา่ นปรซิ ึม ขอ้ ใดถกู ต้อง ก. แสงขาวที่หักเหออกมาจากปริซึมจะกระจายออกเปน็ 3 สี ข. แสงขาวที่เคลื่อนทเ่ี ข้าส่ปู ริซมึ จะเกดิ การหักเหโดยเบนเข้าหาเสน้ แนวฉาก ค. แสงสีภายในปริซมึ จะหักเหออกสูอ่ ากาศ โดยรวมกนั เป็นแสงขาวเหมอื นเดิม ง. แสงขาวท่ีเคลื่อนทเ่ี ขา้ สู่ปริซึมจะเกดิ การหักเหโดยออกจากเสน้ แนวฉาก 2. ขอ้ ใดกลา่ วถูกต้อง เม่ือให้แสงขาวส่องผา่ นปริซึม (1) เกิดสเปกตรัมของแสงขาวซึ่งประกอบดว้ ยแถบสี 7 สี (2) แสงสแี ดงเบยี่ งเบนน้อยที่สุด เพราะความยาวคล่นื ยาวที่สดุ (3) แสงสมี ่วงเบีย่ งเบนมากที่สดุ เพราะความยาวคล่ืนส้ันท่ีสดุ ก.ข้อ (1) และ (3) ข. ขอ้ (1) และ (2) ค. ขอ้ (2) และ (3) ง. ขอ้ (1) (2) และ (3) 3. มมุ เบ่ียงเบน หมายถึงข้อใด ก. มุมท่รี ังสีตกกระทบปริซมึ ทามมุ กบั ผวิ แรกของปรซิ มึ ข. มุมท่รี ังสีตกกระทบปรซิ มึ ทามุมกับรงั สตี กกระทบทีผ่ วิ ที่สองของปรซิ ึม ค. มมุ ที่รังสีหกั เหออกจากปริซึมทามุมกับรงั สีตกกระทบท่ผี วิ แรกของปริซมึ ง. มมุ ทร่ี งั สหี กั เหออกจากปริซมึ ทามุมกับรงั สีตกกระทบทีผ่ ิวภายในของปรซิ ึม 4. ปรากฏการณ์ใดเกี่ยวขอ้ งกับการหักเหของแสง (1) รุ้ง (2) การทรงกลด (3) มิราจ ก. (1) เทา่ นน้ั ข. (2) เท่านนั้ ค. (1) (2) และ (3) ง. (3) เท่านัน้ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 34 ชุดที่ 3 ปรากฏการณท์ ี่เก่ียวกับแสง

5. การเกิดร้งุ เป็นผลมาจากสมบัติข้อใดของแสง ก.การสะท้อนและการเลย้ี วเบน ข. การสะท้อนและการแทรกสอด ค. การแทรกสอดและการเลยี้ วเบน ง. การสะท้อนและการหักเห 6. รงุ้ มกี ่ีชนดิ อะไรบา้ ง ก. 2 ชนดิ รุ้งสะท้อนและรงุ้ หักเห ข. 3 ชนดิ รุ้งปฐมภูมิ รงุ้ ทุตยิ ภมู แิ ละรงุ้ ตติยภมู ิ ค. 2 ชนิด รุ้งปฐมภมู ิและร้งุ ทุติยภมู ิ ง. 3 ชนดิ รงุ้ สะทอ้ น รุง้ หักเหและรุ้งเล้ียวเบน 7. ข้อใดแสดงลาดับขั้นตอนการเกดิ รงุ้ ปฐมภูมิได้ถกู ต้อง ก. หกั เห สะท้อน หักเห ข. หกั เห หักเห สะท้อน ค. สะทอ้ น หักเห หักเห ง. หกั เห สะท้อน สะทอ้ น 8. การทรงกลดเกิดขึ้นไดอ้ ย่างไร ก. แสงขาวตกกระทบผลกึ น้าแขง็ ในเมฆที่วางตัวเรียงกนั เป็นวงกลมรอบดวงอาทติ ย์ หรือดวงจนั ทร์ แล้วเกิดการหกั เหและกระจายแสงสีออกมา ข. แสงขาวตกกระทบหยดน้าในเมฆทวี่ างตัวเรียงกนั เป็นวงกลมรอบดวงอาทิตย์ หรอื ดวงจนั ทร์ แลว้ เกิดการหักเหและเลย้ี วเบนออกมา ค. แสงขาวตกกระทบหยดน้าในเมฆทีว่ างตวั เรียงกนั เปน็ วงกลมรอบดวงอาทิตย์ หรอื ดวงจนั ทร์ แลว้ เกดิ การหักเหและกระจายแสงสีออกมา ง. แสงขาวตกกระทบผลกึ น้าแข็งในเมฆที่วางตัวเรียงกันเป็นวงกลมรอบดวงอาทติ ย์ หรอื ดวงจนั ทร์ แล้วเกดิ การหกั เหและเลี้ยวเบนออกมา 9. มริ าจเกิดขน้ึ ไดอ้ ย่างไร ก. เกิดจากการหกั เหของแสงในบริเวณที่อากาศมีความหนาแนน่ ใกล้เคยี งกนั มาก ข. เกดิ จากการหักเหของแสงในบรเิ วณทอ่ี ากาศมีความหนาแนน่ แตกต่างกนั มาก ค. เกดิ จากการแทรกสอดของแสงในบริเวณที่อากาศมีความหนาแนน่ ใกลเ้ คียงกนั มาก ง. เกดิ จากการแทรกสอดของแสงในบรเิ วณท่ีอากาศมีความหนาแนน่ แตกต่างกนั มาก 10. บรเิ วณใดท่มี ีโอกาสเกิดปรากฏการณ์มิราจ (1) ทะเลทราย (2) ถนนซึง่ ถกู แดดจัด (3) เหนือผิวนา้ แถบข้วั โลก ก. (1) เทา่ น้ัน ข. (1) และ (2) ค. (1) (2) และ (3) ง. (3) เทา่ น้ัน ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 35 ชุดท่ี 3 ปรากฏการณท์ ่เี ก่ียวกับแสง

กระดำษคำตอบหลังเรยี น ชดุ กิจกรรมกำรเรยี นรู้ ชุดท่ี 3 ปรำกฏกำรณ์ทเ่ี ก่ียวกบั แสง ช่อื – สกุล.................................................................................ชัน้ ....................เลขท.ี่ .................... คำส่งั : จงเลอื กคาตอบท่ถี ูกต้องท่ีสุดเพยี งคาตอบเดียว แลว้ ทาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงใน กระดาษคาตอบ ข้อ ก ข ค ง คะแนนทีไ่ ด้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ทาแบบทดสอบเสรจ็ แลว้ อยา่ ลมื ! ตรวจคาตอบดว้ ยนะคะ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 36 ชดุ ที่ 3 ปรากฏการณท์ เ่ี กยี่ วกบั แสง

บรรณำนกุ รม จันทร์ทรงกลด. (2553). [online]. เขา้ ถึงได้จาก : http://thaiastro.nectec.or.th/gal/439/ [2558, เมษายน 6] เฉลิมชยั มอญสุขา. (2557). แนวข้อสอบฟสิ ิกส์ ม.ปลำย. กรงุ เทพฯ: เดอะบุคส์. ณรงค์ สังวาระนท.ี (ม.ป.ป.). หนงั สือเรยี นรำยวชิ ำเพ่ิมเติม ฟสิ กิ ส์ ชน้ั ม. 4-6 เลม่ 3. กรงุ เทพฯ: อกั ษรเจริญทศั น์. ดวงอำทิตย์ทรงกลด/ดวงจนั ทร์ทรงกลด. (ม.ป.ป). [online]. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.lesa.biz/earth/atmosphere/phenomenon/halo [2558, เมษายน 6] ปรำกฏกำรณม์ ริ ำจ. (2558). [online]. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.nsm.or.th/index.php?option=com_k2&view=item&id=4844:2015- 09-10-04-35-26&Itemid=721 [2558, สิงหาคม 30] พงษ์ศกั ดิ์ ชนิ นาบุญ. (ม.ป.ป.). ฟสิ กิ ส์ เล่ม 3 ม. 4-6. กรงุ เทพฯ: ออฟเซ็ทพลัส. พระอำทติ ย์ทรงกลด ควำมงำมของธรรมชำติ กับควำมเชอื่ คู่สังคมไทย. (ม.ป.ป). [online]. เขา้ ถึงได้จาก : https://hilight.kapook.com/view/102137 [2558, เมษายน 6] ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี,สถาบัน. (2555). หนงั สอื เรยี นรำยวชิ ำเพ่ิมเติม ฟิสกิ ส์ เลม่ 3 ช้ันมธั ยมศึกษำปีท่ี 4-6. (พมิ พค์ ร้งั ที่ 4). กรุงเทพฯ: สกสค. ลาดพร้าว. Fata Morgana. (N.D.). [online]. Available : https://www.pinterest.com/pin/278308451942159665/ [2015, August 30] Kalaiya, A. (2015). What is a mirage? [Online]. Available : https://www.quora.com/What-is-a-mirage-1 [2015, August 30] Superior mirages. (2015). [Online]. Available : http://investigate-nasa.com /2015/11/12/superior-mirages/) [2015, September 30] Types of rainbow. (N.D.). [Online]. Available : https://steemit.com/rainbow/@ilyachurkin31/types-of-rainbow [2015, April 5] Young, H.D. & Freedman, R.A. (N.D.). University Physics with Modern Physics (14th.ed.) [Online]. Available : http://www.chegg.com/homework-help/thin- beam-white-light-directed-flat-sheet-silicate-flint-gla-chapter-33-problem- 56p-solution-9780321973610-exc. [2015, April 5] ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 37 ชุดที่ 3 ปรากฏการณท์ ี่เก่ียวกับแสง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook