กำรคำนวณควำมลกึ ปรำกฏ เม่ือแสงสะท้อนจากวัตถุเดินทางผ่านตัวกลางท่ี 1 ไปยังตัวกลางท่ี 2 เข้าสู่ตาผู้สังเกต โดย ดรรชนีหักเหของตัวกลางที่ 1 (n1) มีค่ามากกว่าดรรชนีหักเหของตัวกลางท่ี 2 (n2) ทาให้มองเห็นวัตถุ ตื้นกว่าความเป็นจริง ดังภาพที่ 2.12 ผูส้ งั เกต C B ������2 ตวั กลางท่ี 2 ตัวกลางท่ี 1 ������2 ������1 D ภาพ ������1 วัตถุ A ภาพที่ 2.12 ความลกึ จรงิ และความลึกปรากฏ (ทม่ี า: วาดโดยนางสาววันทนา เก้าเอย้ี น) จากภาพท่ี 2.12 AC คือ ความลกึ จรงิ แทนดว้ ย s CD คอื ความลกึ ปรากฏ แทนดว้ ย s' n1 คือ ดรรชนหี กั เหของตวั กลางที่วตั ถอุ ยู่ แทนดว้ ย nวตั ถุ n2 n2 คือ ดรรชนีหักเหของตัวกลางที่ผู้สงั เกต (ตา) อยู่ แทนดว้ ย nตา n1 sin จากสมการ = sin θ1 จะได้ θ2 BC ดังน้ัน nตา = = BD ∵ BD = CD และ AB = AC จะได้ nวตั ถุ BACB cos θ2 cos θ1 BD AB nตา CD nวัตถุ coAsCθ2 CD cos = cos θ1 = AC ⋅ cos θ1 θ2 nตา = CD ⋅ cos θ1 = ความลึกปรากฏ ⋅ cos θ1 = s' cos θ1 nวตั ถุ AC cos θ2 ความลึกจริง cos θ2 s⋅ cos θ2 ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เร่ือง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 45 ชุดท่ี 2 การหกั เหของแสง
สรปุ สูตรควำมลึกปรำกฏ สาหรับกรณีมองเอียง nตา = ความลกึ ปรากฏ ⋅ cos θ1 = s' ⋅ cos θ1 nวัตถุ ความลกึ จริง s cos θ2 cos θ2 สาหรบั กรณมี องตรง (θ1 = θ2 = 0o และ cos 0o = 1) nตา = ความลึกปรากฏ = s' nวัตถุ ความลึกจริง s ตัวอย่ำงกำรคำนวณเก่ยี วกับควำมลกึ ปรำกฏ สามารถศึกษาได้จากตัวอย่างตอ่ ไปน้ี ตวั อยำ่ งที่ 1 เด็กคนหนึง่ ยนื อย่บู นสะพาน เมอื่ ก้มมองตรงลงไปใตส้ ะพานเห็นปลาตวั หนึ่งอยู่ลกึ 1 เมตร จากผวิ นา้ ถา้ เขาต้องการจะหยอ่ นเบ็ดใหถ้ ึงตวั ปลาพอดี เขาจะตอ้ งใชด้ ้ายสายเบด็ ยาวเท่าใด จากผวิ นา้ ถา้ ดรรชนีหักเหของน้าเท่ากับ 1.33 วธิ ที ำ ขัน้ ท่ี 1 ทำควำมเขำ้ ใจโจทย์ปญั หำ 1.1 สถำนกำรณ์ใหอ้ ะไรมำ s' = 1 m nวตั ถุ = 1.33 nตา = 1 1.2 สถำนกำรณใ์ หห้ ำอะไร s ข้นั ที่ 2 วำงแผนแก้ปัญหำ 2.1 เลอื กสมกำรทีส่ มั พันธ์กับสถำนกำรณ์ nตา s' nวตั ถุ s = ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 46 ชุดที่ 2 การหกั เหของแสง
2.2 นกั เรยี นต้องหำตวั แปรใดเพม่ิ จำกที่โจทย์กำหนดหรือไม่ เพือ่ ใหเ้ พยี งพอในกำรหำคำตอบ - ไมม่ ี - ขน้ั ที่ 3 ดำเนนิ กำรแก้ปญั หำ 3.1 แทนค่ำสมกำร 1 1 1.33 s = 3.2 แก้สมกำรตำมท่ีวำงแผนไว้โดยใชข้ ้นั ตอนและหลกั กำรทำงคณิตศำสตร์ s = 1.33 m ขนั้ ท่ี 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบไดจ้ ำก nตา s' nวัตถุ s = 11 = 1.33 s 11 = 1.33 1.33 0.75 = 0.75 สมกำรเป็นจรงิ ∴ เขำจะต้องใช้ด้ำยสำยเบด็ ยำว 1.33 เมตรจำกผิวน้ำ ตวั อย่ำงท่ี 2 ปลาตวั หน่งึ อย่ลู กึ จากผิวน้า 3 เมตร นกตัวหนึ่งบนิ อย่เู หนือผิวน้า จะมองเหน็ ปลาอย่ลู กึ จากผวิ น้าเท่าใด และปลาอยู่ตน้ื กวา่ ความเป็นจริงเทา่ ใด ถ้าดรรชนีหักเหของน้าเท่ากบั 1.33 วธิ ีทำ ขนั้ ที่ 1 ทำควำมเข้ำใจโจทย์ปญั หำ 1.1 สถำนกำรณ์ให้อะไรมำ s=3m nวัตถุ = 1.33 nตา = 1 1.2 สถำนกำรณ์ให้หำอะไร s' ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 47 ชดุ ที่ 2 การหกั เหของแสง
ขั้นที่ 2 วำงแผนแก้ปัญหำ 2.1 เลอื กสมกำรท่สี ัมพนั ธก์ ับสถำนกำรณ์ nตา = s' nวตั ถุ s 2.2 นักเรียนต้องหำตวั แปรใดเพิ่มจำกท่ีโจทย์กำหนดหรือไม่ เพื่อให้เพียงพอในกำรหำคำตอบ - ไม่มี - ขนั้ ที่ 3 ดำเนินกำรแก้ปญั หำ 3.1 แทนคำ่ สมกำร 1 s' 1.33 3 = 3.2 แก้สมกำรตำมที่วำงแผนไวโ้ ดยใชข้ ั้นตอนและหลักกำรทำงคณติ ศำสตร์ s' = 2.26 m ข้นั ที่ 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบได้จำก nตา s' nวัตถุ s = 1 = s' 1.133 = 23.26 1.33 3 0.75 = 0.75 สมกำรเป็นจริง ∴ นกจะมองเห็นปลำอย่ลู กึ จำกผวิ นำ้ 2.26 เมตร และปลำอย่ตู ้นื กว่ำควำมเป็นจรงิ เท่ำกบั 3 - 2.26 = 0.74 เมตร ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 48 ชุดที่ 2 การหกั เหของแสง
ใบงำนท่ี 2.3 ควำมลกึ จรงิ ควำมลกึ ปรำกฏ จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. อธบิ ายดรรชนีหกั เห กฎของสเนลล์ และใชก้ ฎของสเนลล์อธิบายการสะท้อนกลบั หมด ของแสง ความลึกจริงและความลกึ ปรากฏได้ 2. คานวณเกย่ี วกบั การหกั เหของแสงได้ คำชแี้ จง ใหน้ กั เรียนแสดงวิธีทาแกโ้ จทย์ปญั หาตอ่ ไปนี้ 1. จงเขียนรังสีของแสงท่เี กิดจากการมองเหรยี ญที่อยู่ในแทง่ พลาสติกดังรูป แทง่ พลาสตกิ 2. นกั ดาน้ามองเห็นนกอยูเ่ หนอื ผิวน้า 2 เมตร อยากทราบว่านกบนิ อยู่สูงจากผิวน้าเทา่ ใด กาหนดให้ น้ามีคา่ ดรรชนหี กั เหเทา่ กบั 1.33 วิธที ำ ข้ันท่ี 1 ทาความเขา้ ใจโจทยป์ ญั หา 1.1 สถานการณ์ใหอ้ ะไรมา 1.2 สถานการณ์ให้หาอะไร ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 49 ชดุ ที่ 2 การหกั เหของแสง
ขั้นที่ 2 วางแผนแก้ปัญหา 2.1 เลอื กสมการที่สัมพนั ธก์ ับสถานการณ์ 2.2 นกั เรียนตอ้ งหาตวั แปรใดเพมิ่ จากที่โจทย์กาหนดหรือไม่ เพ่ือให้เพียงพอในการหาคาตอบ ขั้นที่ 3 ดาเนินการแกป้ ัญหา 3.1 แทนคา่ สมการ 3.2 แก้สมการตามที่วางแผนไว้โดยใช้ขนั้ ตอนและหลักการทางคณิตศาสตร์ ขนั้ ที่ 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบได้จาก 3. ลกู แก้วฝงั อยูใ่ นพลาสตกิ ลึกจากผวิ ลงไป 10 เซนตเิ มตร จงหาว่าคนจะมองเหน็ ลกู แกว้ ลกึ ลงไปจาก ผวิ พลาสตกิ เท่าใด กาหนดให้พลาสตกิ มีค่าดรรชนหี กั เหเท่ากบั 1.5 วธิ ที ำ ขั้นท่ี 1 ทาความเข้าใจโจทยป์ ัญหา 1.1 สถานการณ์ใหอ้ ะไรมา 1.2 สถานการณ์ให้หาอะไร ขั้นที่ 2 วางแผนแกป้ ญั หา 2.1 เลอื กสมการทีส่ ัมพนั ธ์กบั สถานการณ์ 2.2 นกั เรยี นต้องหาตวั แปรใดเพ่ิมจากทีโ่ จทยก์ าหนดหรือไม่ เพอ่ื ให้เพยี งพอในการหาคาตอบ ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรื่อง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 50 ชดุ ท่ี 2 การหกั เหของแสง
ขน้ั ท่ี 3 ดาเนนิ การแก้ปัญหา 3.1 แทนค่าสมการ 3.2 แก้สมการตามที่วางแผนไว้โดยใชข้ น้ั ตอนและหลกั การทางคณิตศาสตร์ ขั้นที่ 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบได้จาก 4. ปลาอยู่ในนา้ ลกึ 2 เมตร มองเห็นนกบินอยหู่ ่างออกไป 10 เมตร อยากทราบวา่ นกบนิ สูงจากผวิ นา้ เท่าใด กาหนดให้นา้ มีค่าดรรชนีหกั เหเท่ากบั 1.33 วิธที ำ ขัน้ ท่ี 1 ทาความเข้าใจโจทยป์ ัญหา 1.1 สถานการณ์ให้อะไรมา 1.2 สถานการณ์ให้หาอะไร ขั้นท่ี 2 วางแผนแก้ปญั หา 2.1 เลอื กสมการทสี่ ัมพันธก์ ับสถานการณ์ 2.2 นกั เรยี นต้องหาตวั แปรใดเพ่มิ จากที่โจทย์กาหนดหรือไม่ เพ่อื ใหเ้ พียงพอในการหาคาตอบ ขน้ั ท่ี 3 ดาเนินการแก้ปัญหา 3.1 แทนคา่ สมการ 3.2 แกส้ มการตามท่วี างแผนไวโ้ ดยใช้ข้นั ตอนและหลกั การทางคณิตศาสตร์ ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 51 ชุดที่ 2 การหกั เหของแสง
ขั้นท่ี 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบได้จาก 5. คนยืนอยบู่ นสะพานสงู 3 เมตร มองเห็นปลาอยลู่ กึ จากผิวนา้ ลงไป 1 เมตร อยากทราบว่าคนและ ปลาอยูห่ า่ งกันเทา่ ใด กาหนดให้น้ามีค่าดรรชนีหกั เหเท่ากบั 1.33 วิธีทำ ขน้ั ที่ 1 ทาความเข้าใจโจทย์ปญั หา 1.1 สถานการณ์ให้อะไรมา 1.2 สถานการณ์ให้หาอะไร ข้นั ท่ี 2 วางแผนแกป้ ัญหา 2.1 เลือกสมการทสี่ ัมพนั ธ์กบั สถานการณ์ 2.2 นักเรยี นตอ้ งหาตวั แปรใดเพม่ิ จากทโ่ี จทย์กาหนดหรือไม่ เพอื่ ใหเ้ พยี งพอในการหาคาตอบ ขน้ั ท่ี 3 ดาเนนิ การแกป้ ัญหา 3.1 แทนคา่ สมการ 3.2 แก้สมการตามทว่ี างแผนไวโ้ ดยใชข้ ั้นตอนและหลกั การทางคณิตศาสตร์ ข้นั ที่ 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบได้จาก ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 52 ชุดท่ี 2 การหกั เหของแสง
ใบกิจกรรมท่ี 2.4 กำรหกั เหของแสงผำ่ นเลนส์นนู จุดประสงค์กำรเรียนรู้ ทดลองความสัมพันธ์ระหวา่ งระยะวัตถุ ระยะภาพและความยาวโฟกสั ได้ วัสดุอุปกรณ์กำรทดลอง (ต่อกลุ่ม) จานวน 1 ชุด ชดุ อุปกรณ์มา้ แสง วธิ กี ำรทดลอง ตอนที่ 1 การหาความยาวโฟกัสของเลนสน์ นู 1. ติดตัง้ อปุ กรณต์ ามคู่มือการใช้ โดยนาเลนส์นูนและฉากรับภาพใส่ในรางเล่ือน ดังภาพท่ี 2.13 ภาพที่ 2.13 การจัดอปุ กรณท์ ดลองเร่อื งการหาความยาวโฟกัสของเลนส์นนู (ท่มี า : ถ่ายโดยนางสาววนั ทนา เกา้ เอย้ี น) 2. เลื่อนเลนส์นูนไปยังตาแหน่งปลายสดุ ของราง 3. จัดเลนส์นนู ใหร้ บั แสงจากหลอดไฟทเ่ี พดานห้อง โดยจัดให้หลอดไฟ เลนส์และฉาก รับภาพอยู่ในระนาบเดียวกนั 4. เลอ่ื นฉากจนไดภ้ าพหลอดไฟคมชัดที่สดุ บนฉากเพ่ือวดั ความยาวโฟกัส โดยวดั ระยะทาง จากฉากจนถึงศนู ย์กลางของเลนสน์ นู ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 53 ชุดท่ี 2 การหกั เหของแสง
ตอนท่ี 2 การหาความสัมพนั ธร์ ะหว่างระยะวตั ถุ ระยะภาพและความยาวโฟกสั 1. ตดิ ตงั้ หลอดไฟไว้ทส่ี ดุ ปลายราง โดยนาเลนส์นนู และฉากรบั ภาพใส่ในรางเลอื่ น ดงั ภาพที่ 2.14 ภาพที่ 2.14 การจัดอุปกรณเ์ ร่ืองการหาความสัมพันธร์ ะหวา่ งระยะวตั ถุระยะภาพและระยะโฟกัส (ทีม่ า : ถา่ ยโดยนางสาววันทนา เก้าเอี้ยน) 2. เล่อื นเลนส์นนู ให้หา่ งจากไสห้ ลอดไฟโดยให้ไกลกวา่ ความยาวโฟกสั เล็กน้อย 3. เล่อื นฉากไปมาจนได้ภาพของไสห้ ลอดไฟบนฉากที่คมชัดท่สี ุด 4. วัดระยะวตั ถุ (s) โดยวัดระยะทางจากไสห้ ลอดไฟจนถึงศนู ยก์ ลางของเลนส์นูน และระยะภาพ (s') โดยวัดระยะทางจากศูนย์กลางของเลนสน์ นู จนถงึ ฉาก บนั ทกึ คา่ ท่ีได้ในตาราง 5. เลื่อนเลนสใ์ ห้ห่างจากหลอดไฟเปน็ ระยะตา่ งๆ อีก 4 ระยะทาการทดลองซ้าข้อ 2 – 4 จะได้คา่ s และ s' อยา่ งละ 5 ค่า 1 1 s' 6. คานวณคา่ ของ s และ พร้อมบันทึกคา่ ลงในตาราง จากน้ันเขียนกราฟความสัมพนั ธ์ ระหวา่ ง 1 กับ 1 โดยให้ 1 อยู่บนแกนยืนและ 1 อยู่บนแกนนอน s s' s s' มาเริม่ ทาการทดลองกนั เลยค่ะ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 54 ชดุ ที่ 2 การหกั เหของแสง
ใบบนั ทกึ กจิ กรรมท่ี 2.4 กำรหกั เหของแสงผำ่ นเลนส์นูน จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ ทดลองและสรปุ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งระยะวตั ถุ ระยะภาพและความยาวโฟกสั ได้ กลมุ่ ท.ี่ ......................................................... รำยชอ่ื สมำชกิ ในกลุ่ม 1..............................................................เลขท่ี................หนา้ ท่.ี ...................................... 2..............................................................เลขที.่ ...............หนา้ ท.่ี ...................................... 3..............................................................เลขท.่ี ...............หนา้ ท.ี่ ...................................... 4..............................................................เลขที.่ ...............หนา้ ท.่ี ...................................... 5..............................................................เลขที่................หนา้ ท่.ี ...................................... จดุ ประสงค์กำรทดลอง ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ วสั ดุอุปกรณ์กำรทดลอง ............................................................................................................................. ................................... ....................................................................................................................................... ......................... ......................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. ................................... วธิ กี ำรทดลอง ........................................................................................................................................................ ........ ........................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 55 ชุดท่ี 2 การหกั เหของแสง
ผลกำรทดลอง ตอนที่ 1 การหาความยาวโฟกสั ของเลนส์นนู ความยาวโฟกัสของเลนส์นูน = ............................เซนตเิ มตร ตอนที่ 2 การหาความสมั พนั ธ์ระหว่างระยะวัตถุ ระยะภาพและความยาวโฟกัส 1 1 ครัง้ ที่ s (cm) s' (cm) s (m-1) s' (m-1) 1 2 3 4 5 คำถำมหลังกำรทดลอง 1. กราฟท่ีไดม้ ลี กั ษณะอย่างไร ถา้ ตอ่ เสน้ กราฟใหต้ ัดแกนทั้งสอง จดุ ตดั บนแกนทัง้ สองมีคา่ เทา่ กนั หรือไม่ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... 2. ความชนั ของกราฟมีค่าเท่าใด ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 56 ชดุ ท่ี 2 การหกั เหของแสง
3. จดุ ตัดบนแกนต้ังมีคา่ เท่ากับ 1 หรอื ไม่ f ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ 4. จากกราฟน้สี รปุ เป็นความสัมพันธ์ระหวา่ ง s, s' และ f ได้อยา่ งไร .................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ สรุปผลกำรทดลอง ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... อภิปรำยผลกำรทดลอง ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ...................................................................................................................................... ......................... ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 57 ชุดท่ี 2 การหกั เหของแสง
ใบควำมรู้ท่ี 2.4 กำรเขยี นภำพหำตำแหน่งและชนดิ ของภำพทเ่ี กดิ จำกเลนสบ์ ำง จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ เขยี นภาพหาตาแหน่งและชนิดของภาพท่ีเกดิ จากเลนสบ์ างได้ เลนส์บำง เลนส์บาง เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สาหรับศึกษาการหักเหของแสงและการเกิดภาพ ซึ่งเป็น ตัวกลางโปร่งใส ทาด้วยแก้วหรือพลาสติก มีลักษณะผิวเป็นผิวโค้ง โดยผิวโค้งของเลนส์อาจจะได้มา จากส่วนหน่ึงของพ้ืนผิวโค้งทรงกลม ทรงกระบอก หรือพาราโบลาก็ได้ และส่วนท่ีมีความหนาที่สุด ของเลนสจ์ ะมีค่านอ้ ยเมอ่ื เทียบกับระยะวัตถุ ระยะภาพ และรัศมีความโค้งของทรงกลม ในที่นีจ้ ะศกึ ษาเลนสบ์ างที่มผี ิวโค้งทรงกลม โดยผวิ แตล่ ะดา้ นของเลนส์ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งมีรัศมี ความโค้งเท่ากัน เลนส์บางแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ เลนส์นูน (Convex lens) และเลนส์เว้า (Concave lens) ดงั ภาพท่ี 2.15 (ก) และ (ข) ตามลาดับ R1 R2 R1 R2 C1 O C2 C1 O C2 (ก) เลนส์นูน (ข) เลนส์เว้า ภาพท่ี 2.15 ผิวเลนสเ์ ป็นผิวทรงกลม (ท่ีมา: วาดโดยนางสาววันทนา เกา้ เอี้ยน) จากภาพท่ี 2.15 กาหนดให้ C1 และC2 เปน็ จุดศนู ย์กลางความโคง้ R1 และ R2 เปน็ รศั มคี วามโคง้ ของทรงกลม O เป็นจดุ ศูนย์กลางเลนส์ ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 58 ชดุ ท่ี 2 การหกั เหของแสง
ชนิดของเลนส์บำง เลนสบ์ างแบง่ ออกเปน็ 2 ชนิด ได้แก่ 1. เลนส์นูน (Convex lens) คือ เลนส์ที่มีตรงกลางหนากว่าขอบเลนส์เสมอ เมื่อให้ ลาแสงขนานผ่านเลนส์นนู จะเกิดการหักเหโดยลู่เขา้ หากัน และไปตดั กันจรงิ ทจี่ ุดโฟกสั ดงั น้นั เลนส์นนู จึงมีสมบตั ใิ นการรวมแสง ดงั ภาพที่ 2.16 OFC ภาพที่ 2.16 เลนส์นูน (ทม่ี า: วาดโดยนางสาววันทนา เกา้ เอ้ยี น) 2. เลนส์เว้ำ (Concave lens) คือ เลนส์ที่มีบริเวณตรงกลางบางกว่าบริเวณขอบเลนส์ เมอ่ื มีลาแสงขนานเคล่ือนที่เข้าหาเลนส์จะเกดิ การหักเหโดยลู่ออกจากกัน ทาใหร้ งั สไี ม่ตัดกัน แต่ถ้าต่อ แนวรังสีออกไปทางด้านหน้าของเลนส์ จะพบวา่ รังสจี ะไปตดั กันท่ีจุดโฟกสั เสมอื น ดังภาพท่ี 2.17 FO C ภาพท่ี 2.17 เลนสเ์ ว้า (ที่มา: วาดโดยนางสาววันทนา เกา้ เอ้ียน) ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 59 ชดุ ท่ี 2 การหกั เหของแสง
สว่ นประกอบที่สำคญั ของเลนส์ เลนสม์ ีสว่ นประกอบท่สี าคญั ดังภาพท่ี 2.18 ดงั น้ี A C1 O F C2 B A C1 F O C2 B ff (ก) เลนส์นนู (ข) เลนสเ์ ว้า ภาพท่ี 2.18 สว่ นประกอบของเลนส์ (ท่มี า: วาดโดยนางสาววนั ทนา เกา้ เอีย้ น) 1. จุด O คือ จุดศูนย์กลางเลนส์ ในกรณีของเลนส์นูนจะอยู่ตรงกึ่งกลางของส่วนที่หนา ทีส่ ดุ และจะอยูต่ รงกง่ึ กลางของส่วนท่บี างท่ีสุดของเลนสเ์ วา้ เมื่อมีรังสผี า่ นจุดนจี้ ะไมเ่ กดิ การหกั เห 2. จุด F คือ จุดโฟกัส ในกรณีจุดโฟกัสของเลนส์นูนเป็นจุดโฟกัสจริงอยู่หลังเลนส์ เกิดจากรังสีหักเหตัดกันจริง ส่วนจุดโฟกัสของเลนส์เว้าเป็นจุดโฟกัสเสมือน จะอยู่หน้าเลนส์เกิดจาก แนวเส้นประทล่ี ากตอ่ รงั สหี กั เหมาตดั กันดา้ นหน้าของเลนส์ 3. เส้นตรง AB คือ เสน้ ตรงท่ีลากผา่ นจุด C1 และ C2 เรียกวา่ เส้นแกนมขุ สาคัญ 4. ระยะ OF คอื ระยะจากจุดก่ึงกลางเลนส์ถึงจุดโฟกัส เรยี กวา่ ความยาวโฟกัส แทนด้วย R สัญลกั ษณ์ f โดยท่ี f = 2 ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 60 ชดุ ท่ี 2 การหกั เหของแสง
กำรหำตำแหน่ง ขนำดและลักษณะของภำพทเ่ี กดิ จำกเลนสบ์ ำง การหาตาแหน่ง ขนาดและลักษณะของภาพที่เกิดจากเลนส์บาง สามารถทาได้ 2 วิธี ดังน้ี วธิ แี รก ทาได้โดยการเขยี นแผนภาพทางเดินของแสง วธิ ีทีส่ อง คือ การใชส้ ตู รคานวณ วิธีท่ี 1 กำรเขียนทำงเดนิ ของแสงเพอ่ื หำตำแหนง่ ภำพ 1. เลนส์นนู มีขัน้ ตอนดังนี้ ข้นั ที่ 1 ลากรงั สีตกกระทบจากปลายของวัตถุท่ีจดุ Q ขนานกับเส้นแกนมขุ สาคัญ ไปจนถึงแกนกลางของเลนส์ที่จุด A หลังจากนั้นลากรังสีหักเหให้ตัดเส้นแกนมุขสาคัญท่ีจุดโฟกัส (F) ทางด้านหลังเลนส์ ดังภาพที่ 2.19 Q A วัตถุ FO F เสน้ แกนมุขสาคญั C C ภาพท่ี 2.19 การเขียนทางเดินของแสงเพื่อหาตาแหน่งภาพของเลนสน์ ูน ข้นั ที่ 1 (ท่มี า: วาดโดยนางสาววันทนา เกา้ เอย้ี น) ข้ันที่ 2 เขียนรังสีตกกระทบจากปลายของวัตถุท่ีจุด Q ผ่านจุด O ซึ่งรังสีท่ีผ่าน จุดน้ีจะไมเ่ กิดการหักเห ดังน้นั ให้ตอ่ รงั สจี นกระท่งั ตัดกับรงั สีหกั เหในขั้นท่ี 1 ดงั ภาพที่ 2.20 Q รงั สีตกกระทบ 1 A OF วัตถุ F เสน้ แกนมขุ สาคญั C C ภาพท่ี 2.20 การเขยี นทางเดินของแสงเพ่ือหาตาแหน่งภาพของเลนสน์ ูน ขน้ั ท่ี 2 (ท่ีมา: วาดโดยนางสาววนั ทนา เกา้ เอ้ียน) ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 61 ชุดท่ี 2 การหกั เหของแสง
ข้ันท่ี 3 เขียนรังสีตกกระทบจากปลายของวัตถุท่ีจุด Q ผ่านจุด F ที่ตาแหน่ง ด้านหน้าเลนส์ไปตกกระทบแกนกลางของเลนส์ท่ีจุด B แล้วลากรังสีหักเหขนานกับเส้นแกนมุขสาคัญ ตาแหน่งทร่ี งั สที ้ังสามตัดกนั ทีจ่ ุด Q' คือ ตาแหน่งเกิดภาพ ดังภาพท่ี 2.21 Q รังสตี กกระทบ 1 A วตั ถุ F O F ภาพ C เสน้ แกนมุขสาคญั B รังสหี ักเห 3 Q' แนวตอ่ รงั สตี กกระทบ 2 C ภาพท่ี 2.21 การเขยี นทางเดินของแสงเพ่ือหาตาแหน่งภาพของเลนสน์ นู ข้นั ท่ี 3 (ที่มา: วาดโดยนางสาววันทนา เก้าเอย้ี น) ข้อสังเกต...เราสามารถหาตาแหนง่ เกิดภาพ โดยการเขียนรังสีเพยี งข้นั ตอนที่ 1 และ 2 เราก็จะไดจ้ ุดตดั ที่เปน็ ตาแหน่งเกิดภาพแลว้ คะ่ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 62 ชุดที่ 2 การหกั เหของแสง
2. เลนส์เว้ำ ใช้หลักการเดียวกับการเขียนทางเดินแสงเพ่ือหาการเกิดภาพจากเลนส์นูน แตต่ อ้ งตอ่ รังสหี ักเหโดยการเขียนเปน็ เสน้ ประไปดา้ นหนา้ เลนส์ มขี ัน้ ตอนดงั นี้ ข้ันท่ี 1 ลากรังสีตกกระทบจากปลายของวัตถุที่จุด Q ขนานกับเส้นแกนมุขสาคัญ ไปจนถงึ ผิวกระจกทจ่ี ุด A หลงั จากนน้ั ลากรงั สีหักเหไปทางด้านหลงั เลนส์ดว้ ยเส้นทึบ เพราะเปน็ รังสีจริง และต่อแนวรังสหี ักเหดว้ ยเสน้ ประไปหน้าเลนสต์ ัดเส้นแกนมุขสาคัญทจี่ ุดโฟกสั (F) ดงั ภาพท่ี 2.22 Q รงั สตี กกระทบ 1 A วัตถุ FOF เสน้ แกนมุขสาคัญ C C ภาพที่ 2.22 การเขียนทางเดินของแสงเพื่อหาตาแหน่งภาพของเลนส์เวา้ ขนั้ ที่ 1 (ทมี่ า: วาดโดยนางสาววันทนา เก้าเอยี้ น) ข้ันท่ี 2 เขียนรังสีตกกระทบจากปลายของวัตถุท่ีจุด Q ผ่านจุด O ซ่ึงรังสีท่ีผ่าน จุดนจ้ี ะไมเ่ กิดการหักเห ดังน้ันสามารถตอ่ รังสีตามแนวเดิมไปหลังเลนส์ได้ ซึง่ ในขนั้ ตอนนีเ้ ราจะเห็นได้ วา่ เกดิ จุดตัดของรงั สที ตี่ าแหน่ง Q' ซงึ่ เปน็ ตาแหน่งเกดิ ภาพ ดงั ภาพท่ี 2.23 Q รังสตี กกระทบ 1 A วตั ถุ Q' เสน้ แกนมขุ สาคญั C FO FC แนวตอ่ รงั สีตกกระทบ 2 ภาพที่ 2.23 การเขยี นทางเดินของแสงเพื่อหาตาแหน่งภาพของเลนส์เว้า ข้นั ที่ 2 (ทม่ี า: วาดโดยนางสาววนั ทนา เก้าเอี้ยน) ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 63 ชุดที่ 2 การหกั เหของแสง
ข้ันท่ี 3 เขียนรังสีตกกระทบจากปลายของวัตถุที่จุด Q ไปตกกระทบแกนกลาง ของเลนส์ท่ีจุด B ซ่ึงอยู่ในแนวเส้นตรงผ่านจุด F ด้านหลังเลนส์ แล้วลากรังสีหักเหขนาน กับเส้นแกนมุขสาคัญ หลังจากน้ันลากเส้นประต่อแนวรังสีหักเหไปด้านหน้าเลนส์ ตาแหน่งที่แนวรังสี ทัง้ สามตดั กนั ที่จดุ Q' คือ ตาแหนง่ เกดิ ภาพ ดงั ภาพที่ 2.24 Q รังสีตกกระทบ 1 A วตั ถุ B รงั สหี ักเห 3 เส้นแกนมุขสาคญั F Q' ภาพ O C F C แนวต่อรังสตี กกระทบ 2 ภาพท่ี 2.24 การเขยี นทางเดินของแสงเพ่ือหาตาแหน่งภาพของเลนสเ์ ว้า ขัน้ ที่ 3 (ทม่ี า: วาดโดยนางสาววันทนา เก้าเอ้ยี น) ชนดิ ของภำพทเ่ี กิดจำกเลนส์ มี 2 ชนิด คือ 1. ภำพจริง มีลกั ษณะดังนี้ 1.1 เกดิ จากรังสขี องแสงไปตัดกันจรงิ บริเวณด้านหลังเลนส์ 1.2 เกดิ ภาพบนฉาก หรือใช้ฉากรบั ภาพได้ 1.3 ภาพหวั กลับกับวตั ถุ 2. ภำพเสมือน มีลกั ษณะดงั นี้ 2.1 เกดิ จากการตอ่ แนวรังสขี องแสงไปตัดกนั บรเิ วณด้านหนา้ เลนส์ 2.2 มองเหน็ ไดโ้ ดยไม่ต้องใช้ฉากรับ หรือใชฉ้ ากรับไมไ่ ด้ 2.3 ภาพตัวต้ังเหมอื นวตั ถุ เอ๊ะ! ถ้าชนิดของเลนส์ และระยะวตั ถุแตกตา่ งกนั เราเหน็ จะภาพต่างกนั ไหมคะ? ไปศกึ ษากันต่อเลยค่ะ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 64 ชุดที่ 2 การหกั เหของแสง
ลกั ษณะ ขนำด และตำแหน่งของภำพท่เี กิดจำกเลนสน์ ูน ระยะวตั ถุ รปู แสดงกำรเขยี นรงั สขี องแสง ชนดิ ขนำดภำพ ตำแหนง่ ภำพ ของภำพ s' = f s=∞ จริง เปน็ จุด 2f < s < ∞ จริง เลก็ กว่า หลงั เลนส์ s = 2f หัวกลับ วัตถุ f < s' < 2f f < s < 2f จริง เท่าวตั ถุ หลังเลนส์ s=f หวั กลบั s' = 2f จรงิ ใหญก่ ว่า หลงั เลนส์ หัวกลับ วตั ถุ 2f < s' < ∞ - - s' = ∞ 0<s<f เสมือน ใหญ่กว่า หนา้ เลนส์ หวั ตง้ั วัตถุ เกินระยะ วัตถุ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 65 ชุดที่ 2 การหกั เหของแสง
ลกั ษณะ ขนำด และตำแหนง่ ของภำพทเ่ี กิดจำกเลนสเ์ ว้ำ ระยะวัตถุ รปู แสดงกำรเขียนรังสีของแสง ชนิด ขนำดภำพ ตำแหนง่ ภำพ ของภำพ s=∞ เปน็ จุด หนา้ เลนส์ เสมอื น s' = f ทุกตาแหนง่ เสมือน เลก็ กวา่ หนา้ เลนส์ หวั ต้ัง วัตถุ 0 < s' < f ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 66 ชดุ ท่ี 2 การหกั เหของแสง
ใบงำนที่ 2.4 กำรเขยี นภำพหำตำแหน่งและชนิดของภำพทีเ่ กดิ จำกเลนส์บำง จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ เขียนภาพหาตาแหนง่ และชนิดของภาพทีเ่ กิดจากเลนส์บางได้ คำชแี้ จง ใหน้ กั เรียนเขียนรังสีของแสงเพ่ือหาตาแหน่งของภาพ พร้อมทั้งบอกชนดิ ขนาดและตาแหน่ง ของภาพที่เกิดขึน้ จากรปู ทกี่ าหนดให้ 1. FC ชนิดของภาพ.....................................ขนาดของภาพ.................................................................... ....... ตาแหน่งของภาพ................................................................................................................ ..................... 2. FC ชนิดของภาพ.....................................ขนาดของภาพ................................... ........................................ ตาแหนง่ ของภาพ..................................................................................................................................... ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 67 ชุดท่ี 2 การหกั เหของแสง
3. CF ชนิดของภาพ.....................................ขนาดของภาพ.................................................................... ....... ตาแหนง่ ของภาพ..................................................................................................................................... 4. วตั ถหุ นงึ่ สงู 5 เซนตเิ มตร วางไวห้ นา้ เลนส์นนู ซง่ึ มีรัศมีความโค้ง 30 เซนติเมตร ห่างจากกระจก 25 เซนตเิ มตร จงหาตาแหน่ง ขนาด และชนดิ ของภาพทเี่ กิดขึ้นได้ โดยวิธีการเขยี นทางเดินของแสง (กาหนดให้ มาตราสว่ น 1 cm : 10 cm ในการวาดภาพ) ชนิดของภาพ.....................................ขนาดของภาพ..................................................................... ...... ตาแหน่งของภาพ............................................................................................................... ...................... 5. วัตถหุ น่ึงสงู 10 เซนตเิ มตร วางไวเ้ ลนส์เว้าซง่ึ มคี วามยาวโฟกัส 20 เซนตเิ มตร ห่างจากกระจก 30 เซนตเิ มตร จงหาตาแหน่ง ขนาด และชนดิ ของภาพท่เี กิดข้ึนได้ โดยวิธีการเขียนทางเดนิ ของแสง (กาหนดให้ มาตราสว่ น 1 cm : 10 cm ในการวาดภาพ) ชนดิ ของภาพ.....................................ขนาดของภาพ........................................................................... ตาแหนง่ ของภาพ..................................................................................................................................... ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 68 ชดุ ท่ี 2 การหกั เหของแสง
6. จงเขยี นรังสขี องแสงแสดงการเกดิ ภาพของวตั ถุท่ีอยู่หน้าเลนส์ท่ีระยะต่าง ๆ ระยะวัตถุ รูปแสดงกำรเขียนรังสขี องแสง s=∞ CF FC 2f < s < ∞ CF FC s = 2f CF FC f < s < 2f CF FC s=f CF FC 0<s<f CF FC ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 69 ชุดท่ี 2 การหกั เหของแสง
ระยะวตั ถุ รปู แสดงกำรเขยี นรงั สขี องแสง s=∞ CF ทุกตาแหนง่ CF ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่อื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 70 ชดุ ที่ 2 การหกั เหของแสง
ใบควำมรู้ที่ 2.5 กำรคำนวณหำตำแหนง่ และชนิดของภำพทีเ่ กดิ จำกเลนสบ์ ำง จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ คานวณหาตาแหน่งและชนิดของภาพทเ่ี กดิ จากเลนสบ์ างได้ กำรคำนวณหำตำแหนง่ ขนำดและชนิดของภำพทเ่ี กดิ จำกเลนส์ การหาตาแหน่ง ขนาดและชนิดของภาพท่เี กิดจากเลนสโ์ ดยใชก้ ารคานวณสามารถหาได้ จากสมการดังตอ่ ไปน้ี 1. สมกำรกำรหำควำมยำวโฟกัส 1 = 1 + 1 f s s' 2. สมกำรกำรหำขนำดของภำพ (ควำมสูง) y' = s' y s 3. สมกำรกำรหำกำลังขยำย m = y' = s' f s' - f y s= s- f= f โดยท่ี f = ความยาวโฟกัส m = กาลงั ขยาย s = ระยะวัตถุ y = ความสูงของวัตถุ s' = ระยะภาพ y' = ความสูงของภาพ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 71 ชดุ ที่ 2 การหกั เหของแสง
การแทนค่าตัวแปรต่างๆ ในการคานวณ ต้องมีการกาหนดเคร่อื งหมาย ดงั นี้ ความยาวโฟกัส (f) เลนส์นนู เป็น + เลนส์เว้าเป็น – ระยะวตั ถุ (s) วัตถอุ ยู่หน้าเลนส์เปน็ + วัตถอุ ยู่หลงั เลนสเ์ ป็น – ระยะภาพ (s') ภาพจริงอยหู่ ลังเลนสเ์ ป็น + ภาพเสมือนอยู่หน้าเลนส์เปน็ – กาลังขยาย (m) ภาพจรงิ เปน็ + ภาพเสมือนเปน็ – ตัวอยำ่ งกำรคำนวณเก่ียวกับเลนส์ สามารถศึกษาไดจ้ ากตัวอยา่ งต่อไปนี้ ตวั อยำ่ งที่ 1 วัตถุสงู 2 เซนติเมตร วางไวห้ น้าเลนส์นูน ซงึ่ มีความยาวโฟกัส 15 เซนติเมตร ห่างจาก เลนส์ 20 เซนตเิ มตร จงหาตาแหน่ง ขนาดและชนดิ ของภาพที่เกิดข้ึน y = 2 cm FO F f = 15 cm s = 20 cm วิธีทำ ขน้ั ท่ี 1 ทำควำมเขำ้ ใจโจทย์ปญั หำ 1.1 สถำนกำรณ์ใหอ้ ะไรมำ f = +15 cm s = +20 cm y = +2 cm 1.2 สถำนกำรณใ์ หห้ ำอะไร s', y' และชนิดของภาพ ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 72 ชดุ ท่ี 2 การหกั เหของแสง
ขัน้ ที่ 2 วำงแผนแกป้ ญั หำ 2.1 เลอื กสมกำรที่สมั พนั ธก์ ับสถำนกำรณ์ 1 = 1 + 1 และ y' = s' y s f s s' 2.2 นกั เรียนต้องหำตัวแปรใดเพ่มิ จำกที่โจทย์กำหนดหรือไม่ เพอื่ ให้เพยี งพอในกำรหำคำตอบ - ไมม่ ี - ขน้ั ที่ 3 ดำเนนิ กำรแก้ปญั หำ 3.1 แทนคำ่ สมกำร 60 20 1 = 1 + 1 และ y' = 15 20 s' 2 3.2 แกส้ มกำรตำมท่ีวำงแผนไว้โดยใชข้ ั้นตอนและหลักกำรทำงคณิตศำสตร์ s' = 60 cm และ y' = 6 cm ข้ันที่ 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบได้จำก 1 = 1 + 1 และ y' = s' y s f s s' 6 60 1 1 1 2 20 = + และ = 15 20 60 0.07 = 0.07 และ 3 = 3 สมกำรเปน็ จรงิ เมอ่ื พจิ ารณาจากเคร่ืองหมายของ s' มเี ครื่องหมายเปน็ บวก แสดงวา่ เปน็ ภาพจรงิ ∴ ภำพท่ีเกดิ ข้ึนเป็นภำพจริงอยู่หลังเลนส์หำ่ งจำกเลนส์ 60 เซนตเิ มตร มีขนำด 6 เซนตเิ มตร ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 73 ชดุ ที่ 2 การหกั เหของแสง
ตัวอยำ่ งท่ี 2 วตั ถุสูง 9 เซนตเิ มตร วางไวห้ น้าเลนส์เว้าทมี่ ีรัศมคี วามโคง้ 36 เซนตเิ มตร ห่างจากเลนส์ 27 เซนติเมตร จงหาตาแหนง่ ขนาดและลกั ษณะของภาพที่เกิดขน้ึ y = 9 cm FO f = 18 cm วธิ ีทำ s = 27 cm ขนั้ ที่ 1 ทำควำมเข้ำใจโจทย์ปัญหำ 1.1 สถำนกำรณ์ใหอ้ ะไรมำ R = - 36 cm s = +27 cm y = +9 cm 1.2 สถำนกำรณ์ใหห้ ำอะไร s', y' และลักษณะของภาพ ขน้ั ท่ี 2 วำงแผนแกป้ ัญหำ 2.1 เลอื กสมกำรทสี่ ัมพนั ธ์กบั สถำนกำรณ์ 1 = 1 + 1 และ y' = s' y s f s s' 2.2 นักเรยี นตอ้ งหำตวั แปรใดเพ่มิ จำกทโ่ี จทย์กำหนดหรือไม่ เพื่อให้เพยี งพอในกำรหำคำตอบ R f = 2 = - 18 cm ขัน้ ท่ี 3 ดำเนินกำรแก้ปัญหำ 3.1 แทนคำ่ สมกำร 10.8 27 1 = 1 + 1 และ y' = - 18 27 s' 9 ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 74 ชดุ ที่ 2 การหกั เหของแสง
3.2 แกส้ มกำรตำมที่วำงแผนไวโ้ ดยใชข้ ้นั ตอนและหลกั กำรทำงคณิตศำสตร์ s' = - 10.8 cm และ y' = 3.6 cm ข้ันท่ี 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบได้จำก 1 = 1 + 1 และ y' = s' y s f s s' 3.6 10.8 1 1 1 9 27 = + และ = - 18 27 -10.8 - 0.05 = - 0.05 และ 0.4 = 0.4 สมกำรเปน็ จรงิ พจิ ารณาจากเคร่ืองหมายของ s' มีเครอ่ื งหมายเป็นลบ แสดงว่าเป็นภาพเสมือนหวั ตง้ั ∴ ภำพท่ีเกิดข้นึ เป็นภำพเสมือนหัวตง้ั อยู่หนำ้ เลนสห์ ่ำงจำกเลนส์ 10.8 เซนตเิ มตร มีขนำด 3.6 เซนติเมตร ตวั อยำ่ งท่ี 3 เลนสบ์ างอันหนึง่ มีความยาวโฟกสั 20 เซนติเมตร เม่ือวางวัตถไุ วห้ น้าเลนสอ์ นั นจ้ี ะเกดิ ภาพ บนฉากมีขนาดเป็นสองเทา่ ของวตั ถุ จงหาระยะวตั ถแุ ละชนิดของเลนส์ วิธีทำ ข้นั ที่ 1 ทำควำมเขำ้ ใจโจทย์ปัญหำ 1.1 สถำนกำรณ์ให้อะไรมำ เนอ่ื งจากภาพท่ีเกดิ ขึน้ บนฉาก แสดงว่าเปน็ ภาพจรงิ และภาพมขี นาดใหญ่กว่าวัตถสุ อง เท่าแสดงว่าเปน็ เลนสน์ ูน f = + 20 cm m = +2 1.2 สถำนกำรณ์ให้หำอะไร s ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 75 ชดุ ท่ี 2 การหกั เหของแสง
ขนั้ ท่ี 2 วำงแผนแก้ปญั หำ 2.1 เลือกสมกำรทีส่ มั พนั ธก์ บั สถำนกำรณ์ f s-f m = 2.2 นกั เรียนต้องหำตวั แปรใดเพิ่มจำกท่ีโจทย์กำหนดหรือไม่ เพอ่ื ใหเ้ พียงพอในกำรหำคำตอบ - ไม่มี - ข้ันที่ 3 ดำเนินกำรแก้ปญั หำ 3.1 แทนค่ำสมกำร 20 s - 20 2 = 3.2 แก้สมกำรตำมท่ีวำงแผนไว้โดยใชข้ นั้ ตอนและหลกั กำรทำงคณติ ศำสตร์ s = 30 cm ขั้นท่ี 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบไดจ้ ำก f s -20f m= 10 - 20 2= 2 = 2 สมกำรเปน็ จริง ∴ ระยะวตั ถุเท่ำกับ 30 เซนตเิ มตร และเป็นเลนสน์ นู ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 76 ชดุ ที่ 2 การหกั เหของแสง
ตวั อยำ่ งท่ี 4 เลนสน์ ูนสองอันความยาวโฟกัส 8 และ 24 เซนตเิ มตร ตามลาดบั วางห่างกนั 50 เซนติเมตร มวี ตั ถสุ งู 4 เซนตเิ มตร อย่หู า่ ง 10 เซนตเิ มตรจากเลนส์อนั แรกโดยไม่ไดอ้ ยรู่ ะหวา่ งเลนส์ ทัง้ สอง จงหาตาแหน่ง ขนาด และลกั ษณะของภาพสุดท้ายที่เกดิ จากเลนส์ทง้ั สอง วิธีทำ L2 L1 F1 O F2 f1 = 8 cm f2 = 24 cm s1 = 10 cm 50 cm ในการหาตาแหน่ง ขนาด และลกั ษณะของภาพสดุ ทา้ ยท่เี กิดจากเลนสท์ ง้ั สอง ใหพ้ ิจารณา การเกิดภาพจากเลนส์อันทหี่ นง่ึ กอ่ น โดยภาพท่เี กิดจากเลนส์นีจ้ ะเป็นวตั ถุของเลนส์อันทส่ี อง หลงั จาก น้นั จงึ พจิ ารณาภาพท่เี กิดขึน้ จากเลนส์อนั ทสี่ องกจ็ ะได้ภาพสุดท้ายท่ีเกิดขน้ึ พิจำรณำภำพทเี่ กดิ จำกเลนส์อนั ทหี่ นง่ึ ขน้ั ท่ี 1 ทำควำมเขำ้ ใจโจทย์ปัญหำ 1.1 สถำนกำรณใ์ ห้อะไรมำ f1 = +8 cm s1 = +10 cm y 1= +4 cm 1.2 สถำนกำรณใ์ หห้ ำอะไร s'1 และ y'1 ข้ันท่ี 2 วำงแผนแก้ปัญหำ 2.1 เลือกสมกำรท่สี มั พนั ธ์กบั สถำนกำรณ์ 1 = 1 + 1 และ y'1 = s'1 y1 s1 f1 s1 s'1 2.2 นักเรียนต้องหำตวั แปรใดเพม่ิ จำกทโ่ี จทย์กำหนดหรือไม่ เพ่อื ให้เพียงพอในกำรหำคำตอบ - ไม่มี - ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 77 ชุดที่ 2 การหกั เหของแสง
ขัน้ ที่ 3 ดำเนินกำรแกป้ ัญหำ 3.1 แทนคำ่ สมกำร 40 10 1 = 1 + 1 และ y'1 = 8 10 s'1 4 3.2 แก้สมกำรตำมที่วำงแผนไว้โดยใช้ขน้ั ตอนและหลักกำรทำงคณิตศำสตร์ s'1 = 40 cm และ y'1 = 16 cm ข้นั ท่ี 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบไดจ้ ำก 1 = 1 + 1 และ y'1 = s'1 y1 s1 f1 s1 s'1 16 40 4 10 1 = 1 + 1 และ = 8 10 40 0.13 = 0.13 และ 4 = 4 สมกำรเปน็ จริง กำรหำลกั ษณะของภำพจำกเลนสอ์ ันที่หนงึ่ พจิ ารณาจากเครื่องหมายของ y'1 มีเครอ่ื งหมายเปน็ บวก แสดงว่าเป็นภาพจรงิ อยหู่ ลัง เลนส์ L2 L1 y 1= 4 cm F1 F2 O f2 = 24 cm 50 cm y'1= 16 cm f1 = 8 cm s1 = 10 cm s'1 = 40 cm ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 78 ชุดท่ี 2 การหกั เหของแสง
พจิ ำรณำภำพท่เี กดิ จำกเลนสอ์ ันทสี่ อง (ภำพสุดท้ำย) L2 L1 y 1= 4 cm F1 F2 O f1 = 8 cm f2 = 24 cm s1 = 10 cm 50 cm y2= y'1= 16 cm s'1 = 40 cm s2 = 10 cm ขั้นท่ี 1 ทำควำมเขำ้ ใจโจทย์ปัญหำ 1.1 สถำนกำรณใ์ ห้อะไรมำ f2 = +24 cm s2 = +10 cm y2= y'1 = +16 cm 1.2 สถำนกำรณใ์ ห้หำอะไร s'2 และ y'2 ขน้ั ที่ 2 วำงแผนแกป้ ัญหำ 2.1 เลอื กสมกำรท่สี ัมพันธก์ ับสถำนกำรณ์ 1 = 1 + 1 และ y'2 = s'2 y2 s2 f2 s2 s'2 2.2 นักเรียนต้องหำตวั แปรใดเพมิ่ จำกทีโ่ จทย์กำหนดหรือไม่ เพือ่ ให้เพียงพอในกำรหำคำตอบ - ไมม่ ี - ขนั้ ที่ 3 ดำเนินกำรแก้ปัญหำ 3.1 แทนคำ่ สมกำร 1 = 1 + 1 และ y'2 = - 17.14 16 10 24 10 s'2 3.2 แก้สมกำรตำมท่ีวำงแผนไว้โดยใชข้ ัน้ ตอนและหลักกำรทำงคณิตศำสตร์ s'2 = - 17.14 cm และ y'2 = - 27.42 cm ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 79 ชดุ ที่ 2 การหกั เหของแสง
ข้ันที่ 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบได้จำก 1 = 1 + 1 และ y'2 = s'2 y2 s2 f2 s2 s'2 -27.42 - 17.14 1 = 1 + 1 และ 16 = 10 24 10 -17.14 0.04 = 0.04 และ -1.71 = -1.71 สมกำรเปน็ จริง กำรหำลกั ษณะของภำพสดุ ท้ำย พิจารณาจากเครื่องหมายของ y'2 มีเคร่ืองหมายเป็นลบ แสดงวา่ เป็นภาพเสมือน อยหู่ น้า เลนส์ L2 f2 = 24 cm F2 O y'2= 27.42 cm y2= y'1= 16 cm s2 = 10 cm s'2 = 17.14 cm ∴ ภาพสดุ ท้ายท่ีเกิดจากเลนส์ท้งั สองเป็นภาพเสมือน มีขนาด 27.42 เซนตเิ มตร อยู่หนา้ เลนสอ์ นั ท่ี สองหา่ งจากเลนส์ 17.14 เซนติเมตร ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 80 ชุดที่ 2 การหกั เหของแสง
ใบงำนที่ 2.5 กำรคำนวณหำตำแหน่งและชนดิ ของภำพทเี่ กดิ จำกเลนส์บำง จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ คานวณหาตาแหน่งและชนิดของภาพทเี่ กิดจากเลนส์บางได้ คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนแสดงวิธีทาแก้โจทย์ปัญหาต่อไปนี้ 1. เลนส์นูนมีความยาวโฟกัส 30 เซนติเมตร เมื่อวางวัตถุสูง 5 เซนติเมตรห่างจากเลนส์เป็นระยะ 40 เซนติเมตร จงหาตาแหนง่ ขนาด และชนิดของภาพ วิธีทำ ขั้นที่ 1 ทาความเขา้ ใจโจทยป์ ัญหา 1.1 สถานการณ์ใหอ้ ะไรมา 1.2 สถานการณ์ใหห้ าอะไร ขั้นท่ี 2 วางแผนแก้ปัญหา 2.1 เลือกสมการที่สมั พนั ธก์ บั สถานการณ์ 2.2 นกั เรยี นตอ้ งหาตัวแปรใดเพิม่ จากทีโ่ จทยก์ าหนดหรือไม่ เพือ่ ให้เพียงพอในการหาคาตอบ ขนั้ ท่ี 3 ดาเนนิ การแก้ปัญหา 3.1 แทนคา่ สมการ 3.2 แกส้ มการตามทว่ี างแผนไวโ้ ดยใชข้ ้ันตอนและหลกั การทางคณิตศาสตร์ ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 81 ชดุ ท่ี 2 การหกั เหของแสง
ขั้นท่ี 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบไดจ้ าก 2. วัตถุวางห่างจากเลนส์เป็นระยะ 20 เซนติเมตร ถ้าเกิดภาพด้านหลังวัตถุ ห่างจากวัตถุเป็นระยะ 40 เซนตเิ มตร เลนสท์ ี่ใชเ้ ป็นเลนส์ชนิดใด และมีความยาวโฟกสั เท่าใด วธิ ที ำ ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจโจทยป์ ัญหา 1.1 สถานการณ์ใหอ้ ะไรมา 1.2 สถานการณ์ใหห้ าอะไร ขั้นท่ี 2 วางแผนแกป้ ัญหา 2.1 เลอื กสมการท่ีสมั พนั ธ์กบั สถานการณ์ 2.2 นักเรียนต้องหาตวั แปรใดเพิม่ จากท่โี จทยก์ าหนดหรือไม่ เพอ่ื ให้เพียงพอในการหาคาตอบ ขั้นที่ 3 ดาเนนิ การแก้ปัญหา 3.1 แทนค่าสมการ 3.2 แก้สมการตามทวี่ างแผนไวโ้ ดยใชข้ ้นั ตอนและหลักการทางคณิตศาสตร์ ขน้ั ที่ 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบได้จาก ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เร่ือง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 82 ชดุ ที่ 2 การหกั เหของแสง
3. วัตถุสูง 10 เซนติเมตร วางไว้หน้าเลนส์เว้าท่ีมีความยาวโฟกัส 40 เซนติเมตร ท่ีระยะห่าง 15 เซนติเมตรจากเลนส์ จงหาชนดิ ตาแหนง่ และความสูงของภาพที่เกดิ ขึ้น วิธีทำ ข้ันที่ 1 ทาความเข้าใจโจทย์ปญั หา 1.1 สถานการณ์ใหอ้ ะไรมา 1.2 สถานการณ์ใหห้ าอะไร ขน้ั ท่ี 2 วางแผนแก้ปัญหา 2.1 เลอื กสมการท่สี มั พันธก์ ับสถานการณ์ 2.2 นักเรยี นต้องหาตวั แปรใดเพมิ่ จากท่ีโจทยก์ าหนดหรือไม่ เพอ่ื ให้เพยี งพอในการหาคาตอบ ขน้ั ท่ี 3 ดาเนนิ การแก้ปัญหา 3.1 แทนคา่ สมการ 3.2 แก้สมการตามท่วี างแผนไว้โดยใชข้ ัน้ ตอนและหลักการทางคณิตศาสตร์ ข้ันท่ี 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบได้จาก ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรื่อง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 83 ชุดท่ี 2 การหกั เหของแสง
4. เลนสน์ ูนสองอันมีความยาวโฟกัส 5 เซนตเิ มตร วางอย่หู ่างกนั 15 เซนติเมตร โดยอยู่บนแกนมุข สาคัญเดยี วกนั วัตถุสูง 4 เซนตเิ มตร วางอยู่หน้าเลนส์ทง้ั สอง ซ่ึงอยหู่ ่างจากเลนสอ์ นั ใกล้เปน็ ระยะ 8 เซนติเมตร จงหาชนิดของภาพและระยะภาพทเ่ี กิดจากเลนส์ทง้ั สอง วิธีทำ ขน้ั ที่ 1 ทาความเขา้ ใจโจทย์ปญั หา 1.1 สถานการณ์ให้อะไรมา 1.2 สถานการณ์ให้หาอะไร ขน้ั ท่ี 2 วางแผนแก้ปัญหา 2.1 เลอื กสมการทีส่ ัมพนั ธก์ บั สถานการณ์ 2.2 นักเรยี นตอ้ งหาตัวแปรใดเพ่ิมจากท่โี จทยก์ าหนดหรือไม่ เพื่อให้เพียงพอในการหาคาตอบ ข้นั ท่ี 3 ดาเนินการแก้ปัญหา 3.1 แทนค่าสมการ 3.2 แกส้ มการตามท่ีวางแผนไวโ้ ดยใช้ขั้นตอนและหลักการทางคณิตศาสตร์ ขั้นท่ี 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบไดจ้ าก ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เร่ือง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 84 ชดุ ท่ี 2 การหกั เหของแสง
5. เลนสเ์ วา้ มีความยาวโฟกัส 15 เซนตเิ มตร อยูท่ างซ้ายของเลนสน์ ูนที่มคี วามยาวโฟกัส 20 เซนติเมตร โดยวางห่างกนั 30 เซนตเิ มตร หากวัตถสุ ูง 2 เซนตเิ มตร อยู่ทางซ้ายของเลนส์เว้าและหา่ ง จากเลนสเ์ วา้ 10 เซนตเิ มตร จงหาระยะภาพสุดท้ายเทยี บกับเลนสน์ นู วิธที ำ ขัน้ ที่ 1 ทาความเข้าใจโจทยป์ ัญหา 1.1 สถานการณ์ใหอ้ ะไรมา 1.2 สถานการณ์ให้หาอะไร ขนั้ ท่ี 2 วางแผนแกป้ ญั หา 2.1 เลอื กสมการท่ีสัมพนั ธ์กบั สถานการณ์ 2.2 นักเรยี นตอ้ งหาตัวแปรใดเพม่ิ จากทโ่ี จทยก์ าหนดหรือไม่ เพอื่ ใหเ้ พยี งพอในการหาคาตอบ ขนั้ ที่ 3 ดาเนินการแก้ปัญหา 3.1 แทนคา่ สมการ 3.2 แกส้ มการตามที่วางแผนไว้โดยใช้ขัน้ ตอนและหลกั การทางคณิตศาสตร์ ขั้นท่ี 4 ตรวจสอบผล ตรวจสอบได้จาก ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 85 ชดุ ท่ี 2 การหกั เหของแสง
บนั ทึกกำรเรยี นรู้ คำส่ัง : ให้นกั เรียนบันทึกการเรยี นรู้ จากสงิ่ ที่ไดเ้ รยี นรู้และทากิจกรรม ตามประเด็นที่กาหนดให้ ส่ิงได้เรียนรู้และเขำ้ ใจ ส่งิ ท่ียังไมร่ ้/ู ไม่เข้ำใจ ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... ............................................................... สง่ิ ที่ต้องกำรเรียนรู้เพ่มิ เตมิ ................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................... ................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................... ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เร่ือง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 86 ชุดท่ี 2 การหกั เหของแสง
แบบบนั ทกึ คะแนน ท่ี กิจกรรม คะแนนเต็ม เกณฑก์ ำรผำ่ น คะแนนท่ีได้ 1 ทดสอบก่อนเรียน 10 - 2 ใบบนั ทกึ กิจกรรมที่ 2.1 3 ใบงานท่ี 2.1 10 รอ้ ยละ 70 (......คะแนน) 4 ใบบนั ทึกกจิ กรรมที่ 2.2 ร้อยละ 70 (......คะแนน) 5 ใบงานที่ 2.2 รอ้ ยละ 70 (......คะแนน) 6 ใบบันทกึ กิจกรรมท่ี 2.3 รอ้ ยละ 70 (......คะแนน) 7 ใบงานท่ี 2.3 ร้อยละ 70 (......คะแนน) 8 ใบบนั ทึกกิจกรรมท่ี 2.4 ร้อยละ 70 (......คะแนน) 9 ใบงานที่ 2.4 รอ้ ยละ 70 (......คะแนน) 10 ใบงานที่ 2.5 รอ้ ยละ 70 (......คะแนน) ร้อยละ 70 (......คะแนน) รวมคะแนนระหวำ่ งเรียน ร้อยละ 70 (......คะแนน) 11 ทดสอบหลงั เรียน ร้อยละ 50 (5 คะแนน) สรุปผลกำรประเมนิ จำกชดุ กิจกรรมกำรเรียนรู้ คะแนนระหวำ่ งเรียนทไ่ี ด้ เท่ำกับ สรุปผลกำรประเมนิ จำกชดุ กิจกรรมกำรเรยี นรู้ คะแนนแบบทดสอบหลังเรียนทไี่ ด้ เท่ำกับ ผ่ำน ไม่ผ่ำน ลงช่อื ..........................................................ผู้ประเมิน (นางสาววันทนา เกา้ เอ้ียน) ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เร่อื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 87 ชุดท่ี 2 การหกั เหของแสง
แบบทดสอบหลงั เรียน ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ ชดุ ท่ี 2 กำรหกั เหของแสง คำช้ีแจง : แบบทดสอบหลงั เรยี นเปน็ แบบทดสอบแบบเลอื กตอบ 4 ตวั เลอื ก จานวน 10 ขอ้ ใชเ้ วลา 15 นาที คำสง่ั : จงเลอื กคาตอบทถี่ ูกต้องทีส่ ุดเพียงคาตอบเดียว แลว้ ทาเคร่อื งหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคาตอบ 1. ข้อใดกลา่ วผดิ เก่ยี วกบั การหักเหของแสง ก. รังสีหักเหอยใู่ นระนาบเดียวกับรงั สีตกกระทบและเส้นแนวฉาก ข. สาหรบั ตวั กลางคหู่ นง่ึ ๆ อัตราสว่ นระหวา่ งไซนข์ องมุมตกกระทบในตวั กลางหนึ่ง กับไซน์ของมุมหักเหในอีกตวั กลางหน่งึ ยอ่ มมีค่าคงตวั ค. เมื่อแสงเกดิ การหักเห รังสีหกั เหจะเบนออกจากเส้นแนวฉากเสมอ ง. ข้อ ก และ ข 2. เมอ่ื แสงเกิดการหักเหปริมาณใดทเ่ี ปล่ียนแปลง ก. ความเร็ว ข. ความถี่ ค. ความยาวคล่ืน ง. ถูกทงั้ ก และ ค 3. ถา้ แสงเดนิ ทางจากตวั กลางท่ีมคี า่ ดัชนีหกั เหนอ้ ยไปยงั ตัวกลางทม่ี ีค่าดชั นหี ักเหมากกว่า โดยตกกระทบไม่ตั้งฉากกับผวิ รอยตอ่ ของตัวกลางทงั้ สอง รงั สีหกั เหจะเปน็ อย่างไร ก. เบนเขา้ หาเสน้ แนวฉาก ข. เบนออกจากเสน้ แนวฉาก ค. เคลื่อนที่ไปตามเสน้ แนวฉาก ง. แสงจะไมห่ ักเห ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 88 ชุดที่ 2 การหกั เหของแสง
4. แสงเคลอ่ื นท่ีจากน้าผา่ นแกว้ ไปสูอ่ ากาศ โดยรอยต่อของตวั กลางซง่ึ ขนานกัน ข้อใดเขียนรูป การหกั เหของแสงได้ถกู ต้อง ถ้ากาหนดให้ (1) = นา้ (2) = แกว้ (3) = อากาศ ก. (3) ข. (3) (2) (2) (1) ค. (1) (3) ง. (3) (2) (2) (1) (1) 5. ข้อใดกล่าวถึงมมุ วิกฤตไดถ้ ูกต้อง ก. มมุ ตกกระทบท่ีพอดีทาให้มุมหกั เหมีค่า 90 องศา ข. มุมหกั เหท่ีพอดที าให้มมุ ตกกระทบมคี ่า 90 องศา ค. มมุ ตกกระทบทพ่ี อดีทาให้แสงสะท้อนกลบั หมด ง. มมุ ตกกระทบท่ีทาให้รงั สหี ักเหทามุม 90 องศากบั รังสสี ะท้อน 6. คนมองปลาในสระนา้ ในทิศทามุม 15 องศากบั แนวดิ่ง ขอ้ ความใดต่อไปน้ีถูกตอ้ ง ก. คนเห็นปลาตามตาแหน่งที่เป็นจรงิ ข. คนเห็นปลากลบั จากซา้ ยเป็นขวา ค. คนเห็นปลาต้ืนกว่าที่เป็นจรงิ ง. คนเห็นปลาลึกกวา่ ทเี่ ปน็ จริง 7. นกั ดานา้ มองตรงขน้ึ ไปจากใตน้ ้า เหน็ นกตัวหนึ่งอยสู่ งู กว่าผวิ นา้ 8 เมตร จงหาว่าจรงิ ๆ แล้วนกอยู่ 4 สงู จากผวิ น้าเท่าใด กาหนดให้ค่าดรรชนหี กั เหของอากาศและนา้ เท่ากบั 1 และ 3 ตามลาดับ ก. 6 เมตร ข. 9 เมตร ค. 15 เมตร ง. 18 เมตร ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 89 ชดุ ท่ี 2 การหกั เหของแสง
8. จากรูป เลนส์ A B C และ D ควรเป็นเลนส์ชนิดใด ตามลาดบั A B วตั ถุ ภาพ ภาพ วัตถุ C วัตถุ ภาพ D วัตถุ ภาพ ก. เลนส์นูน เลนส์เว้า เลนส์นนู เลนส์เวา้ ข. เลนส์เว้า เลนส์นูน เลนส์เวา้ เลนส์นูน ค. เลนส์เว้า เลนส์เว้า เลนส์เวา้ เลนส์นูน ง. เลนส์นนู เลนส์นูน เลนส์นนู เลนส์เวา้ 9. เลนส์บางอนั หน่ึงมคี วามยาวโฟกสั 10 เซนตเิ มตร เมื่อวางวตั ถไุ วห้ นา้ เลนส์อนั นี้จะเกดิ ภาพบนฉาก มขี นาดเปน็ เท่ากบั ของวัตถุ จงหาระยะวัตถุและชนดิ ของเลนส์ ก. 40 เซนติเมตร, เลนส์เวา้ ข. 20 เซนตเิ มตร, เลนส์เว้า ค. 40 เซนติเมตร, เลนส์นูน ง. 20 เซนติเมตร, เลนส์นนู 10. เลนสเ์ ว้าอนั หนึ่งมคี วามยาวโฟกัส 12 เซนตเิ มตร ให้ภาพขนาด 1 ใน 4 เทา่ ของวัตถุ ภาพทเี่ กิด อยูห่ า่ งจากเลนส์เทา่ ใด ก. 9.0 เซนติเมตร ข. 12.0 เซนตเิ มตร ค. 15.0 เซนตเิ มตร ง. 18.0 เซนติเมตร ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 90 ชดุ ที่ 2 การหกั เหของแสง
กระดำษคำตอบก่อนเรียน ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ชุดที่ 2 กำรหกั เหของแสง ชื่อ – สกลุ .................................................................................ชั้น....................เลขท.ี่ .................... คำส่ัง : จงเลือกคาตอบทถ่ี ูกต้องท่ีสดุ เพียงคาตอบเดียว แล้วทาเครือ่ งหมายกากบาท (X) ลงใน กระดาษคาตอบ ข้อ ก ข ค ง คะแนนทไี่ ด้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ทาแบบทดสอบเสรจ็ แล้ว อยา่ ลมื ! ตรวจคาตอบดว้ ยนะคะ ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 91 ชุดที่ 2 การหกั เหของแสง
บรรณำนกุ รม กำรเกิดภำพจำกกระจกและเลนส์. (ม.ป.ป.). [Online]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.atom.rmutphysics.com/charud/oldnews/231/Light2.htm [2558, มนี าคม 18] คมสันต์ ธรุ ี. (2558). แสงผำ่ นเลนส์ [Online]. เข้าถึงได้จาก : https://mgronline.com/science/detail/9580000133384 [2558, ธนั วาคม 20] เฉลิมชัย มอญสขุ า. (2557). แนวข้อสอบฟสิ ิกส์ ม.ปลำย. กรุงเทพฯ: เดอะบุคส์. ณรงค์ สังวาระนที. (ม.ป.ป.). หนงั สอื เรียนรำยวชิ ำเพ่ิมเติม ฟิสกิ ส์ ช้ัน ม. 4-6 เลม่ 3. กรุงเทพฯ: อกั ษรเจริญทัศน์. ปรยี า อนุพงษ์องอาจ. (ม.ป.ป.). กำรหักเหของแสง [Online]. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.rmutphysics.com/physics/oldfront/62/light1/ligh_6.htm [2558, มีนาคม 20] พงษ์ศักดิ์ ชินนาบุญ. (ม.ป.ป.). ฟสิ กิ ส์ เล่ม 3 ม. 4-6. กรงุ เทพฯ: ออฟเซ็ทพลัส. เลนส์นูน. (ม.ป.ป.). [Online]. เขา้ ถึงได้จาก : https://th.wikipedia.org/wiki/เลนส์นูน [2558, มีนาคม 18] เลนสเ์ ว้ำ. (ม.ป.ป.). [Online]. เข้าถึงไดจ้ าก : https://th.wikipedia.org/wiki/เลนส์เว้า [2558, มีนาคม 18] ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี,สถาบัน. (2555). หนงั สอื เรียนรำยวิชำเพิ่มเตมิ ฟิสิกส์ เล่ม 3 ช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 4-6. (พมิ พค์ รงั้ ที่ 4). กรุงเทพฯ: สกสค. ลาดพรา้ ว. สมพงษ์ ใจด.ี (2544). ฟสิ กิ ส์ มหำวิทยำลัย 4. (พมิ พ์ครง้ั ที่ 2). กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. สรลั ชนา ชว่ ยสาราญ. (ม.ป.ป.). แสงและทศั นอปุ กรณ์ [Online]. เขา้ ถึงได้จาก : http://lightgroup123.blogspot.com/p/blog-page_10.html [2558, มีนาคม 20] สรุ ศกั ด์ิ เชียงกา. (2557). ทัศนศำสตรเ์ บอ้ื งต้น. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. อรพรรณ ไวแพน. (ม.ป.ป.). เลนสบ์ ำงและปรำกฏกำรณ์ของแสง [Online]. เขา้ ถึงได้จาก : https://orapanwaipan.wordpress.com/เกีย่ วกับ/เสยี ง/แสงและทัศนอุปกรณ์/ เลนส์บาง-และปรากฏการณ์ข/ [2558, มีนาคม 20] Michael W. Davidson. (2015). Willebrord Snell [Online]. Available : https://micro.magnet.fsu.edu/optics/timeline/people/snell.html [2016, March 18] ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 92 ชดุ ที่ 2 การหกั เหของแสง
ภำคผนวก ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง แสงและทศั นอปุ กรณ์ 93 ชุดที่ 2 การหกั เหของแสง
เฉลยใบบันทกึ กจิ กรรมท่ี 2.1 กำรหกั เหของแสง จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ ทดลองการหักเหของแสงเพื่อสรุปเปน็ กฎของสเนลลไ์ ด้ กลมุ่ ท.่ี ......................................................... รำยชอ่ื สมำชกิ ในกลุ่ม 1..............................................................เลขท.ี่ ...............หนา้ ที่....................................... 2..............................................................เลขท.ี่ ...............หนา้ ท.่ี ...................................... 3..............................................................เลขที.่ ...............หนา้ ท่.ี ...................................... 4..............................................................เลขท.่ี ...............หนา้ ที่....................................... 5..............................................................เลขท่ี................หนา้ ที่....................................... จดุ ประสงค์กำรทดลอง เพ่ือศึกษาการหักเหของแสง วัสดุอุปกรณ์กำรทดลอง จานวน 1 อนั 1. เลเซอรไ์ ดโอด จานวน 1 ชนิ้ 2. แท่งพลาสตกิ สีเ่ หลีย่ มผนื ผ้า จานวน 1 แผ่น 3. กระดาษขาว A4 จานวน 1 แทง่ 4. ดนิ สอ จานวน 1 อัน 5. ไมบ้ รรทดั จานวน 1 อนั 6. ไม้โปรแทรกเตอร์ วิธกี ำรทดลอง 1. วางแทง่ พลาสตกิ สีเ่ หล่ียมผืนผ้าโดยให้ดา้ นขุ่นทาบกับกระดาษขาว ฉายแสงเลเซอรจ์ าก เลเซอร์ไดโอดโดยให้ลาแสงทามมุ ตกกระทบคา่ หน่ึงท่ผี วิ ดา้ นขา้ งของแทง่ พลาสติก ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง แสงและทัศนอปุ กรณ์ 94 ชุดท่ี 2 การหกั เหของแสง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145