Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore nine

nine

Published by mam2166779, 2021-09-08 13:04:33

Description: nine

Search

Read the Text Version

โครงงานคณุ ธรรม เปลีย่ นชวี ติ คณุ ดว้ ยตัวคณุ เอง ผรู้ บั ผิดชอบโครงงาน กลุ่มวัยใส หัวใจคุณธรรม เดก็ ชายกิตตพิ งษ์ หงษล์ ดั เด็กหญิงชนัญดา พชวงษ์ เดก็ หญิงรัชกร สพุ รรณคง เด็กหญิงปารฉิ ตั ร พ่งึ ลอ้ ม เด็กหญงิ พัสกร รอดปฐม ครทู ีป่ รกึ ษา นางนิลวรรณ โพธ์ศิ รี นางสรุ ีย์ รักษี พระสงฆ์ทป่ี รึกษา พระครวู โิ รจนส์ วุ รรณคุณ เจ้าอาวาสวัดสามทอง โรงเรยี นตลง่ิ ชันวิทยา อาเภอเมอื งสพุ รรณบรุ ี จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 9



1 บทที่ ๑ บทนา ทม่ี าและความสาคัญ ผลจากการใชแ้ นวทางการพฒั นาประเทศไปสู่ความทันสมยั ได้กอ่ ให้เกิดการเปล่ยี นแปลงแก่สงั คมไทย อยา่ งมากในทกุ ด้าน ไมว่ า่ จะเปน็ ด้านเศรษฐกจิ การเมอื ง วฒั นธรรม สังคมและสงิ่ แวดล้อม อีกท้งั กระบวนการ ของความเปลย่ี นแปลงมคี วามสลับซับซอ้ นจนยากท่ีจะอธบิ ายในเชงิ สาเหตุและผลลพั ธ์ได้ เพราะการ เปลี่ยนแปลงทงั้ หมดต่างเป็นปจั จยั เช่ือมโยงซงึ่ กันและกัน สาหรบั ผลของการพัฒนาในดา้ นบวกน้ัน ไดแ้ ก่ การเพม่ิ ข้นึ ของอัตราการเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจ ความเจรญิ ทางวัตถุ และสาธารณปู โภคตา่ งๆ ระบบสอื่ สารทท่ี นั สมยั หรอื การขยายปรมิ าณและกระจาย การศกึ ษาอยา่ งทว่ั ถึงมากขึน้ แต่ผลดา้ นบวกเหลา่ นส้ี ่วนใหญก่ ระจายไปถึงคนในชนบท หรือผดู้ อ้ ยโอกาสใน สังคมน้อย แตว่ า่ กระบวนการเปล่ยี นแปลงของสังคมได้เกิดผลลบตดิ ตามมาด้วย เชน่ การขยายตัวของรฐั เข้า ไปในชนบท ได้สง่ ผลใหช้ นบทเกิดความอ่อนแอในหลายดา้ น ทั้งการต้องพึง่ พงิ ตลาดและพ่อค้าคนกลางในการ สง่ั สินค้าทุน ความเส่อื มโทรมของทรพั ยากรธรรมชาติ ระบบความสัมพันธ์แบบเครอื ญาติ และการรวมกลุ่มกัน ตามประเพณเี พือ่ การจดั การทรัพยากรที่เคยมอี ยู่แต่เดิมแตกสลายลง ภมู ิความรูท้ ่เี คยใชแ้ กป้ ัญหาและส่งั ปรบั เปลี่ยนกันมาถูกลมื เลือนและเร่ิมสูญหายไป สิง่ สาคัญ กค็ อื ความพอเพียงในการดารงชีวติ ซ่งึ เปน็ เงือ่ นไข พืน้ ฐานท่ที าใหค้ นไทยสามารถพ่ึงตนเอง และดาเนินชวี ิตของตนเอง และดาเนนิ ชวี ิตไปได้อย่างมีศกั ดศ์ิ รภี ายใต้ อานาจและความมีอสิ ระในการกาหนดชะตาชวี ิตของตนเอง ความสามารถในการควบคุมและจดั การเพ่ือให้ ตนเองได้รบั การสนองตอบตอ่ ความต้องการตา่ งๆ รวมทงั้ ความสามารถในการจดั การแกป้ ัญหาตา่ งๆ ได้ด้วย ตนเอง ซึ่งทง้ั หมดน้ีถอื ว่าเปน็ ศกั ยภาพพื้นฐานทีค่ นไทยและสงั คมไทยเคยมอี ยแู่ ตเ่ ดิม ต้องถกู กระทบกระเทอื น ซง่ึ วกิ ฤตเศรษฐกจิ จากปัญหาหาฟองสบแู่ ละปัญหาความออ่ นแอของชนบท รวมทั้งปัญหาอ่นื ๆ ท่เี กิดขึน้ ลว้ น แตเ่ ปน็ ข้อพิสูจนแ์ ละยนื ยนั ปรากฏการณ์นี้ไดเ้ ป็นอยา่ งดี โรงเรยี นตลงิ่ ชนั วิทยา ไดต้ ระหนักถึงความสาคญั ในการปลูกฝงั นิสัยพ้นื ฐาน ๓ ประการ ทีส่ อดคล้อง กบั คุณธรรมพ้ืนฐาน ๘ ประการท่ีกระทรวงศึกษาธกิ ารได้กาหนดใหป้ ลูกฝงั ให้กบั เยาวชนทกุ คน ในเรอ่ื ง ขยนั ประหยดั ซ่ือสตั ย์ มวี ินยั สะอาด สุภาพ สามัคคี และมีนา้ ใจ จึงได้กาหนดใหม้ กี ิจกรรม โครงการ โครงงาน และ ภาระงานผ่านกจิ กรรมต่างๆ เพ่ือใช้เปน็ รูปแบบในการพัฒนานักเรยี นใหม้ นี ิสัย มวี นิ ยั มีความเคารพและ อดทนซึ่งจะเปน็ ภูมคิ ้มุ กนั ท่ีดี รจู้ ักและเห็นคุณคา่ ของตนเองและผู้อืน่ ไมห่ ลงผิดในค่านยิ มทฟ่ี ุ่มเฟอื ย มีเหตผุ ล ในการใชจ้ ่ายและมภี ูมิคมุ้ กนั ท่ดี ีจากผูป้ กครอง ครูและพระสงฆท์ ีม่ าใหค้ วามรู้อบรมสั่งสอน ทง้ั น้ี นักเรยี นกจ็ ะ ได้ชือ่ ว่าเปน็ ผมู้ คี วามรู้ และคณุ ธรรมควบคกู่ ันไปภายใต้ เงอ่ื นไขของหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง วตั ถุประสงค์ ๑. นกั เรียนท่เี ข้ารว่ มโครงการสามารถบันทกึ กิจกรรมโครงงาน Chang Your Life By Yourself ๒. นกั เรียนท่ีเข้ารว่ มโครงการสามารถดารงชีวติ ประจาวนั ได้อยา่ งมีความสขุ

2 ๓. นักเรยี นทเ่ี ข้าร่วมโครงการสามารถปฏิบัติกิจกรรมปลกู ฝังนสิ ัยพ้ืนฐาน วนิ ยั เคารพ อดทนไดอ้ ยา่ ง เหมาะสมและไดผ้ ลจริง ขอบเขตของการศกึ ษา ๑. โครงงานคณุ ธรรม เรอ่ื ง Chang Your Life By Yourself ๒. เป้าหมาย ๒.๑ นักเรยี นตวั แทนระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ จานาน ๑๓๐ คน ๒.๒ สถานที่ โรงเรยี นตล่ิงชันวทิ ยาอาเภอเมืองสุพรรณบุรี จงั หวัดสุพรรณบุรี ๓. ระยะเวลาดาเนินการภาคเรียนท่ี ๒/๒๕๖๑ และดาเนินการต่อเนอ่ื งตลอดไป

3 บทท่ี ๒ การดาเนินการโครงงาน ในการจัดทาโครงงานคณุ ธรรม เรอ่ื ง “ Chang Your Life By Yourself” มวี ิธีการดาเดนิ งาน ดงั นี้ ๑.ประชาสมั พันธโ์ ครงงาน รบั สมคั รสมาชิกเพ่ือเข้าร่วมโครงงาน ช้ีแจงวตั ถปุ ระสงค์ ๒.ประชุมแผนการดาเนนิ งาน กลมุ่ วัยใส หวั ใจคุณธรรม กาหนดกจิ กรรม ดังนี้ ๒.๑ บนั ทกึ ความดีของผอู้ นื่ ๒.๒ รน่ื รมย์การอ่าน ๒.๓ แบ่งเบางานบ้าน ๒.๔ สบื สานความพอเพียง ๒.๕. ไม่เกย่ี งจิตอาสา ๓.แตง่ ตงั้ คณะกรรมการดาเนนิ งาน ๔.ดาเนนิ การตามแผนงานทไี่ ด้กาหนดไว้ ๕.สรปุ ผลการดาเนินงานเมือ่ สิน้ ภาคเรยี น ๖.รายงานโครงงาน งบประมาณและแหล่งทีม่ าของงบประมาณ ลาดบั ที่ รายจา่ ย จานวน/หน่วย รวม(บาท) ๑ ค่ากระดาษจดั ทาสมดุ บนั ทึก ๔รมี ๔๖๐ ความดี ๒ วสั ดุตกแตง่ ปา้ ยนิเทศ ๔ช้ิน ๖๐ ๓ กระดาษจัดทาเกียรติบตั ร ๑รมี ๘๐ ๔ คา่ อุปกรณท์ าความสะอาด ๑,๐๐๐ รวมทง้ั สนิ้ ๑,๕๙๐ ทีม่ าของงบประมาณ งบสนับสนุนการจัดทากิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ชั่วโมงเรียนลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้ จากกลุ่มบริหารวชิ าการ

4 บทท่ี๓ ผลการดาเนนิ การ ในการจดั ทาโครงงานคณุ ธรรม เรือ่ ง “ Chang Your Life By Yourself ” มีการจัดกิจกรรม ๕ กจิ กรรมด้วยกนั โดยมีมีวิธกี ารดาเนนิ การ ดงั น้ี 1. การดาเนนิ การกจิ กรรมบนั ทกึ ความดขี องผ้อู ืน่ กิจกรรม บันทกึ ความดีของผอู้ ่นื เปน็ กจิ กรรมทใ่ี ห้สมาชิกโครงงานเลือกมองข้อดีของคนที่อยูร่ อบขา้ งตัว เรา ทาใหเ้ ห็นคุณธรรม ความดขี องคนรอบขา้ ง ทาใหเ้ กิดความปรารถนาดตี ่อคนรอบข้างลดความ กระทบกระทั่ง ทาใหเ้ ปน็ ที่รกั ของคนอนื่ ดาเนนิ ชีวติ ดว้ ยความสุขใจ โดยให้ครูที่ปรึกษาลงนามรับรอง สปั ดาหล์ ะ ๑ ครง้ั 2. การดาเนนิ การกจิ กรรมรื่นรมยก์ ารอา่ น กิจกรรม รน่ื รมย์การอา่ น เปน็ กิจกรรมทีใ่ ห้สมาชิกโครงงานบันทึกการอ่านในเรือ่ งท่มี สี าระ หรอื มี ประโยชน์ โดยสามารถสง่ สมุดบนั ทกึ การอ่านให้กบั คุณครทู ี่ปรึกษา และคุณครูบรรณารักษข์ องโรงเรียน สัปดาห์ละ ๑ คร้งั จากนน้ั กลุ่มวยั ใส หัวใจคุณธรรม จะเก็บสถิติขอ้ มลู การอ่านเพ่อื มอบรางวัล ยอดนกั อา่ น ต่อไป ๓.การดาเนนิ การกิจกรรมแบ่งเบางานบา้ น กิจกรรมแบ่งเบางานบา้ นเป็นกจิ กรรมท่กี ลุ่มกลุม่ วัยใส หวั ใจคณุ ธรรม ไดจ้ ดั ทาให้สมาชกิ โครงงานได้ บันทกึ การช่วยเหลืองานบา้ น เป็นการฝึกนิสยั ใหเ้ ปน็ ผ้รู ับผิดชอบต่อหน้าท่ีท่ไี ด้รบั มอบหมาย มีทกั ษะในการ ทางานต่างๆไม่วา่ จะเปน็ การเตรยี มการ การปฏิบัติ และการเก็บงานให้เป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย เป็นการฝึกใหม้ ี ความรับผดิ ชอบในการทาหนา้ ที่ ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์ 4. การดาเนินการกิจกรรมสบื สานความพอเพยี ง กิจกรรมสบื สานความพอเพียง เป็นกิจกรรมทใ่ี ห้สมาชกิ โครงงานจดั ทาบญั ชีรายรับ-รายจ่ายของ ตนเอง ฝึกนสิ ัยในการบริหารจดั การทรัพย์สินท่ีดี ทาให้เปน็ คนมีวินยั ในการใชเ้ งิน รู้คณุ ค่าของเงนิ ไมฟ่ ูงุ เฟูอ ฟุมเฟือยใชเ้ งนิ ทมี่ อี ยู่ให้เกดิ ประโยชน์สูงสดุ นาเงินส่วนหนึ่งเปน็ เงนิ ออม นาไปฝากให้ครูผู้รับผิดชอบการออม เงนิ ทกุ วันศกุ ร์ เพื่อนาฝากธนาคารออมสนิ ต่อไป ๕. การดาเนนิ การกิจกรรมไม่เก่ยี งจิตอาสา สมาชกิ โครงงานประชมุ วางแผนเพ่อื กาหนดกิจกรรมจิตอาสา ผลสรปุ คือกจิ กรรมทาความสะอาด ห้องน้าวัดสามทอง โดยไปทากจิ กรรมทกุ วนั เสารส์ นิ้ เดือน เป็นกิจกรรมท่ที ุกคนทาได้ง่ายๆ อยา่ งสนกุ สนาน ผลการดาเนินการ โครงงาน“Chang Your Life By Yourself” มผี ลการดาเนินงาน ดังนี้

5 ตารางท่ี ๑ แสดงจานวนสมาชกิ ท่เี ขา้ รว่ มโครงการ ระดับชั้น จานวน(คน) ม.๑/๑ ๓๒ ม.๑/๒ ๓๓ ม.๑/๓ ๓๑ ม.๑/๔ ๓๔ รวม ๑๓๐ จากตารางที่ ๑ พบวา่ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ทุกห้องเรียน มจี านวนนักเรียนท่เี ขา้ รว่ มโครงการ จานวน ๑๓๐ คน ๓๕ จานวน(คน) ม.๑/๑ ๓๔ ม.๑/๒ ๓๔ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๓ ๓๓ ม.๑/๔ ๓๓ ๓๒ ๓๒ ๓๑ ๓๑ ๓๐ ๓๐ ม.๑/๑

6 ตารางที่ ๒ แสดงรายการบันทึกความดีของผู้อ่ืนแยกตามประเภทความดี รายการบันทกึ ความดีของผอู้ ่นื พฤศจิกายน ธนั วาคม มกราคม กุมภาพนั ธ์ จานวน จานวน จานวน รวม ร้อยละ ๑.ประเภทบรกิ ารวชิ าการ (คน) (คน) จานวน (คน) วทิ ยากร เอกสาร (คน) ๒.ประเภทมอบ/ใหย้ มื วสั ดุ ๑๕๗ ๑๖๔ สงิ่ ของอุปกรณก์ ารเรียน ๑๗๐ ๑๗๓ 664 25.43 ๓. การบรจิ าคเงิน ๑๖๕ ๑๗๐ ๔.ความมีนา้ ใจ ๑๓๕ ๑๒๐ ๑๗๔ ๑๗๖ 685 26.25 ๑๗๗ ๑๘๐ ๑๓๘ ๑๕๒ 545 20.87 ๑๘๐ ๑๘๐ 717 27.45 จากตารางที่ ๒ พบวา่ รายการ บนั ทกึ ความดี ของผู้อืน่ ประเภท ความมนี ้าใจ มากทีส่ ุด รองลงมา ประเภทมอบ/ใหย้ ืม วสั ดุ สิ่งของอปุ กรณก์ ารเรยี น และ ประเภทบริการวิชาการ วทิ ยากร เอกสาร รายการ บนั ทึกความดีของผู้อ่ืนทมี่ กี ารบนั ทกึ น้อยท่สี ุด คอื การบรจิ าคเงนิ ๒๐๐ ๑.ประเภทบริการวชิ าการ ๑๘๐ วทิ ยากร เอกสาร ๑๖๐ ๑๔๐ ๒.ประเภทมอบ/ใหย้ ืมวัสดุ ๑๒๐ ส่งิ ของ อุปกรณ์การเรียน ๑๐๐ ๘๐ ๓. การบรจิ าคเงิน ๖๐ ๔๐ ๔.ความมีนา้ ใจ ๒๐ ธันวาคม มกราคม กมุ ภาพันธ์ ๐ พฤศจกิ ายน

7 ตารางที่ ๓ แสดงรายการกิจกรรมร่ืนรมยก์ ารอา่ น ชน้ั จานวนเร่ืองที่บันทกึ พฤศจกิ ายน ธันวาคม มกราคม กมุ ภาพนั ธ์ ม.1/1 325 340 355 342 ม.1/2 298 301 311 316 ม.1/3 321 311 320 336 ม.1/4 315 326 324 330 รวม 1259 1278 1310 1324 จากตารางท๓่ี พบวา่ ในเดอื นกมุ ภาพนั ธ์มีจานวนเร่ืองท่บี ันทกึ การอา่ นมากท่ีสดุ จานวน 1324 เรือ่ ง รองลงมาคือ เดือนมกราคม และ ธันวาคม จานวน 1310 และ 1278 เรอื ง เดือนที่มกี ารบนั ทึกเรอ่ื งทอ่ี ่าน น้อยที่สดุ คือเดอื น พฤศจกิ ายน จานวน 1259 เร่อื ง . 360 350 340 330 ม.1/1 320 310 ม.1/2 300 ม.1/3 290 280 ม.1/4 270 260 พฤศจิกายน ธนั วาคม มกราคม กุมภาพนั ธ์

8 ตารางท่ี ๔ แสดงกจิ กรรมบ่งเบางานบา้ น ชน้ั จานวนสมาชกิ ท่ีชว่ ยเหลอื งานบา้ น ร้อยละ พฤศจิกายน ธนั วาคม มกราคม กุมภาพันธ์ ม.1/1 ๓๐ 30 31 32 96.09 ม.1/2 ๓๐ 31 31 33 94.07 ม.1/3 ๓๐ 31 ๓๐ ๓๑ 98.39 ม.1/4 ๓๑ 3๑ 34 34 95.59 จากตารางที่ ๔ พบวา่ ค่าเฉล่ยี จานวนนกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1/๓ ช่วยเหลืองานบ้านมากท่สี ุด คดิ เปน็ รอ้ ยละ 98.39 รองลงมาคอื นักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1/1 คดิ เป็นร้อยละ 96.09 นักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1/2 มคี า่ เฉลี่ยการช่วยเหลอื งานบา้ นน้อยท่สี ดุ คิดเป็นรอ้ ยละ 94.07 99 ม.1/1 98 ม.1/2 97 ม.1/3 96 ม.1/4 95 94 93 92 91 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ตารางที่ 5 แสดงกิจกรรมสบื สานความพอเพียง ชน้ั จานวนสมาชกิ ทฝี่ ากเงิน (คน) รอ้ ยละ พฤศจกิ ายน ธนั วาคม มกราคม กุมภาพันธ์ ม.1/1 ๓๐ 30 31 32 96.09 ม.1/2 ๓๑ 30 31 33 94.70 ม.1/3 ๓๐ 31 28 29 95.16 ม.1/4 ๓๑ 30 34 34 94.85 จากตารางที่ 5 พบวา่ คา่ เฉลี่ยจานวนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1/1 ฝากเงนิ มากทส่ี ุด คดิ เปน็ รอ้ ยละ 96.09 รองลงมาคือ นกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1/3 คดิ เป็นรอ้ ยละ 95.16 นกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1/2 มีค่าเฉล่ียการฝากเงนิ น้อยที่สดุ คิดเป็นรอ้ ยละ 94.07

9 ๔๐ ม.1/1 ๓๐ ม.1/2 ๒๐ ม.1/3 ๑๐ ม.1/4 ๐ ธนั วาคม มกราคม กมุ ภาพันธ์ พฤศจิกายน ตารางที่ 6 การดาเนินการกจิ กรรมไมเ่ ก่ยี งจิตอาสา ชัน้ จานวนการเขา้ ร่วมกจิ กรรม (คร้ัง) ร้อยละ พฤศจิกายน ธันวาคม มกราคม กมุ ภาพันธ์ ม.1/1 ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๐๐ ม.1/2 ๒ ๒ ๓ ๓ ๘๓.๓๓ ม.1/3 ๓ ๒ ๓ ๓ ๙๑.๖๗ ม.1/4 ๓ ๓ ๓ ๓ 100 จากตารางท่ี ๖ พบวา่ นักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑/๑ และ ๑/๒ เข้าร่วมกจิ กรรมไมเ่ กย่ี งจติ อาสา คดิ เป็นร้อยละ ๑๐๐ รองลงมาคือนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑/๓ นักเรียนที่เขา้ ร่วมกิจกรรมไม่เกย่ี งจิต อาสาน้อยทส่ี ดุ คือนกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑/๒ คิดเปน็ ร้อยละ ๘๓.๓๓ ๔ ม.1/1 ๓ ม.1/2 ๓ ม.1/3 ๒ ม.1/4 ๒ ๑ ธันวาคม มกราคม กมุ ภาพันธ์ ๑ ๐ พฤศจิกายน

10 ตารางที่ 7 นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ปกี ารศึกษา 2561 จานวน 130 คน ก่อนและหลัง เริม่ ทากิจกรรมตามโครงงาน Change Your Life By Yourself ไดร้ บั ผลดงั นี้ พฤติกรรมช้วี ดั ไมเ่ คย นานๆครัง้ ปานกลาง บ่อยครัง้ ทาเปน็ คณุ ธรรม ทาเลย (1-2ครง้ั /สปั ดาห์) (3-4 คร้งั /สัปดาห)์ (5-6ครัง้ /สปั ดาห์) ประจาทกุ วัน ก่อน หลัง กอ่ น หลัง กอ่ น หลงั ก่อน หลัง กอ่ น หลัง วนิ ยั 3.33 1.11 18.89 08.89 41.11 24.44 27.78 34.45 8.89 31.11 (ออมทรัพย์) เคารพ (บนั ทกึ ความดีของ 3.75 0.00 18.75 10.00 32.50 21.11 33.75 30.00 17.50 38.89 ผู้อ่ืน) อดทน (แบ่งเบางาน บา้ น) 5.00 0.00 17.50 07.14 45.00 27.14 21.25 44.29 11.25 21.43 (บนั ทกึ การอา่ น) (จติ อาสา) จากตารางขอ้ มลู ไดม้ าจากการทาแบบสอบถามและการสมั ภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวขอ้ ง ได้แก่ คณุ ครู ตัวนกั เรียนเอง พบว่าเกดิ ปรากฎการณ์สร้างนสิ ัยใหม่ทไี่ ดร้ ับการช้แี นะจากคุณครู พ่อแม่ ท้ังดา้ นวินัย เคารพ และอดทน นกั เรยี นทเี่ ข้ารว่ มโครงงานมกี ารพฒั นาเปล่ยี นแปลงตามลาดับ ในระยะเวลาทีเ่ ข้าร่วมกจิ กรรม ตลอดระยะเวลา 1 ภาคเรยี น แต่ยังไม่ถงึ ข้นั พฒั นาเป็นนิสัยติดตวั ไปตลอดชวี ิตครบทั้ง 3 ดา้ น เนอ่ื งจาก สมาชิกสว่ นใหญ่ไมส่ ามารถทากจิ กรรมท่กี าหนดไดไ้ มค่ รบทุกวัน ทกุ กิจกรรม

11 บทที่ ๔ การศึกษาวเิ คราะห์ ปัญหาและสาเหตุ ปญั หา นกั เรียนส่วนใหญใ่ ช้เงินฟมุ เฟือย ขาดการคดิ อยา่ งรอบคอบในการใช้จา่ ย ไม่รจู้ ักความพอเพียงในการ ดาเนนิ ชวี ติ หลงผิดในคา่ นยิ มทีฟ่ ุมเฟือย ไม่มีเหตุผลในการใช้จ่ายขาดภูมคิ ุ้มกนั ที่ดีทาใหค้ ณุ ภาพชวี ิตของ นักเรยี นไม่ดเี ท่าทค่ี วร สาเหตุ สังคมมีก่ ารเปล่ียนแปลงไปอยา่ งรวดเร็ว การใช้เทคโนโลยีในการส่อื มากมีมากมายหลากหลาย รูปแบบ ทาให้เกดิ ผลกระทบต่อการดารงชวี ติ ของนกั เรียนท้งั ด้านเศรษฐกิจและความมีคุณธรรมในสงั คม เป้าหมายและทางแก้ เปา้ หมาย ๑. เชิงปริมาณ - มโี ครงงานคณุ ธรรม เรอื่ ง Chang Your Life By Yourself จานวน ๑ โครงงาน - มีกลุม่ นักเรยี นแกนนาในแตล่ ะหอ้ งเรียนสมัครเปน็ สมาชิกรว่ มโครงงาน ไมน่ อ้ ยกวา่ 30 คน - นักเรียนมคี วามพึงพอใจกบั กิจกรรมโครงงาน Chang Your Life By Yourselfรอ้ ยละ ๘๐ ๒. เชงิ คุณภาพ - นกั เรียนมีลกั ษณะนิสยั สอดคลอ้ งกบั คุณธรรมพน้ื ฐาน ๘ ประการที่กระทรวงศกึ ษาธกิ ารกาหนด - นกั เรียนสามารถนาแนวทางตามหลกั อรยิ มรรคมอี งค์ 8 และหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ไปใชใ้ นการเดนิ ชีวิตไดอ้ ย่างมคี วามสขุ โดยมีความรูแ้ ละคณุ ธรรมควบคู่กนั ไป ทางแก้ โครงงานคุณธรรม เร่ือง Chang Your Life By Yourselfมีกจิ กรรม ดงั น้ี ๑. การดาเนินการกจิ กรรมบนั ทกึ ความดขี องผู้อ่ืน กิจกรรม บันทกึ ความดีของผ้อู ืน่ เปน็ กิจกรรมทใี่ ห้สมาชกิ โครงงานเลอื กมองข้อดีของคนทีอ่ ยูร่ อบข้างตัว เรา ทาใหเ้ หน็ คณุ ธรรม ความดีของคนรอบข้าง ทาให้เกิดความปรารถนาดตี อ่ คนรอบข้างลดความ กระทบกระทัง่ ทาให้เป็นท่รี ักของคนอ่ืน ดาเนนิ ชวี ติ ด้วยความสุขใจ โดยใหค้ รทู ี่ปรึกษาลงนามรับรอง สัปดาหล์ ะ ๑ ครั้ง ๒. การดาเนินการกิจกรรมรนื่ รมย์การอ่าน กิจกรรม รื่นรมย์การอา่ น เป็นกิจกรรมท่ใี หส้ มาชิกโครงงานบนั ทึกการอา่ นในเรื่องท่มี ีสาระ หรอื มี ประโยชน์ โดยสามารถสง่ สมดุ บนั ทึกการอ่านให้กับคุณครทู ป่ี รกึ ษา และคณุ ครูบรรณารกั ษ์ของโรงเรยี น สัปดาหล์ ะ ๑ ครงั้ จากนนั้ กลุ่มวยั ใส หวั ใจคณุ ธรรม จะเก็บสถติ ิขอ้ มลู การอ่านเพ่ือมอบรางวัล ยอดนกั อา่ น ต่อไป ๓. การดาเนินการกจิ กรรมแบง่ เบางานบา้ น กจิ กรรมแบง่ เบางานบ้านเปน็ กจิ กรรมท่ีกลุ่มกลุ่มวยั ใส หัวใจคุณธรรม ไดจ้ ดั ทาใหส้ มาชกิ โครงงานได้ บันทึกการชว่ ยเหลืองานบ้าน เปน็ การฝึกนสิ ัยให้เป็นผ้รู บั ผิดชอบตอ่ หนา้ ทท่ี ไี่ ด้รบั มอบหมาย มีทกั ษะในการ ทางานต่างๆไมว่ า่ จะเปน็ การเตรียมการ การปฏบิ ตั ิ และการเกบ็ งานให้เปน็ ระเบียบเรยี บร้อย เป็นการฝกึ ใหม้ ี ความรบั ผดิ ชอบในการทาหน้าท่ี ใชเ้ วลาว่างให้เกดิ ประโยชน์

12 4. การดาเนนิ การกิจกรรมสบื สานความพอเพยี ง กิจกรรมสืบสานความพอเพียง เปน็ กิจกรรมทใี่ ห้สมาชิกโครงงานจัดทาบัญชีรายรับ-รายจา่ ยของ ตนเอง ฝกึ นสิ ัยในการบริหารจดั การทรพั ย์สนิ ทด่ี ี ทาให้เปน็ คนมวี นิ ัยในการใช้เงิน ร้คู ณุ ค่าของเงิน ไมฟ่ ุงู เฟูอ ฟมุ เฟือยใชเ้ งินท่มี ีอยูใ่ ห้เกดิ ประโยชน์สงู สดุ นาเงินสว่ นหน่ึงเปน็ เงินออม นาไปฝากใหค้ รูผรู้ ับผิดชอบการออม เงนิ ทกุ วันศกุ ร์ เพ่อื นาฝากธนาคารออมสนิ ต่อไป ๕. การดาเนินการกิจกรรมไมเ่ กย่ี งจติ อาสา สมาชกิ โครงงานประชมุ วางแผนเพื่อกาหนดกจิ กรรมจติ อาสา ผลสรุปคอื กิจกรรมทาความสะอาด ห้องนา้ วดั สามทอง โดยไปทากิจกรรมทกุ วันเสาร์สิ้นเดอื น เปน็ กิจกรรมท่ที ุกคนทาไดง้ า่ ยๆ อยา่ งสนกุ สนาน หลกั การและหลกั ธรรมทนี่ ามาใช้ ๑. หลกั มชั ฌมิ าปฏปิ ทา ( การปฏิบัติตนในทางสายกลาง ) มชั ฌิมาปฏปิ ทาในทางพทุ ธศาสนา หมายถงึ ทางสายกลาง แนวคิดและความหมายของมัชฌิมาปฏิปทาคือข้อปฏิบตั ิทเ่ี ป็นกลางๆ เพือ่ ให้ถงึ ความดบั ทกุ ข์ ด้วยปัญญา คอื การดาเนนิ ชีวิตทดี เี พื่อกาหนดรทู้ ุกข์และปญั หาแห่งทกุ ข์ พระพทุ ธเจ้าไดท้ รงกาหนดหลักทาง สายกลางนีไ้ วอ้ ยา่ งชัดเจน คอื อรยิ มรรคมีองค์ ๘ มอี งคป์ ระกอบดังน้ี ๑. สัมมาทฏิ ฐิ คอื ปัญญาเห็นชอบ หมายถึง การปฏิบัตอิ ยา่ งเหมาะสมตามความเปน็ จรงิ ดว้ ยปัญญา ๒. สัมมาสงั กปั ปะ คอื ดาริชอบ หมายถงึ การใชส้ มองความคิดพจิ ารณาแตใ่ นทางกุศล ๓. สัมมาวาจา คอื เจรจาชอบ หมายถึง การพูดตอ้ งสภุ าพ แต่ในสงิ่ ทสี่ ร้างสรรค์ดงี าม ๔. สมั มากมั มันตะ คอื การประพฤตดิ งี าม ทางกายหรือกจิ กรรมทางกายท้งั ปวง ๕. สมั มาอาชวี ะ คือ การทามาหากนิ อยา่ งสจุ ริตชน ไมค่ ดโกง เอาเปรยี บคนอน่ื ๆ มากเกินไป ๖. สัมมาวายามะ คอื ความอตุ สาหพยายาม ประกอบความเพยี รในการกุศลกรรม ๗. สมั มาสติ คอื การไม่ปลอ่ ยให้เกดิ ความพลงั้ เผลอ จิตเลอ่ื นลอย ดารงอยู่ด้วยความรตู้ ัวอยเู่ ปน็ ปกติ ๘. สัมมาสมาธิ คือ การฝกึ จติ ให้ตง้ั มัน่ สงบ สงดั จากกเิ ลส นวิ รณอ์ ย่เู ปน็ ปกติ คุณคา่ ของหลักมัชฌมิ าปฏปิ ทา หลักมัชฌมิ าปฏิปทาเปน็ หลกั คาสอนทีเ่ ป็นลักษณะเด่นอยา่ งหน่ึงของพระพุทธศาสนาเปน็ หลกั คาสอน ที่มีคุณคา่ ในตัวเองอย่างลกึ ซงึ้ เป็นการประมวลคาสอนภาคปฏิบัติ คือ ระบบจริยธรรมทง้ั หมดของ พระพทุ ธศาสนา ทเ่ี ป็นไปเพ่อื ความพน้ ทุกขอ์ ันเป็นเปูาหมายของพทุ ธศาสนานนั่ เอง คณุ คา่ และความสาคญั ของหลกั มชั ฌมิ าปฏิปทา ๑. เปน็ ทางแหง่ ความพอดีทใี่ หค้ วามสุขต้ังแตใ่ นปจั จบุ นั ๒. เป็นลกั ษณะเดน่ ของพระพทุ ธศาสนา ๓. เปน็ แนวทางปฏิบัติ หรือ หลกั พุทธจรยิ ธรรมของคฤหสั ถ์และบรรพชติ ในพระพุทธศาสนา ๔. เปน็ หนทางทเี่ ป็นไปเพือ่ ความส้ินสุดแหง่ ทกุ ข์ ๕. เปน็ หลักทส่ี ามารถนาไปปรับใช้กับชีวติ และสถานการณต์ า่ งๆได้ทุกอยา่ ง มชั ฌมิ าปฏปิ ทากบั การแกท้ ุกข์ในชวี ติ ประจาวนั การดาเนินชีวิตในทางสายกลางทีม่ าตึง หรอื ไม่หย่อนเกินไป เปน็ การดาเนินชีวิตแบบผ้รู ้เู ท่าทันกตกิ า ของชีวิต เข้าใจธรรมชาตขิ องชวี ิต และร้จู ักการปลอ่ ยวาง การดาเนนิ ชวี ิตอยูใ่ นหลกั ของมรรค ๘ ย่อมไม่เกดิ การเบียดเบยี นตนเองหรอื ผ้อู น่ื กจ็ ะลดปญั หาต่างๆท่ีจะตามมาได้นอกจากนน้ั หากเกิดปญั หาข้นึ แลว้ การ แก้ปญั หาด้วยหลกั ทางสายกลาง หรือมรรค ๘ ก็จะทาใหบ้ คุ คล ไม่แกป้ ัญหาความโลภ หรอื ความโกรธ จนเกินไป ก็ยอ่ มนามาซงึ่ ชวี ติ ทสี่ งบสุข คณุ ค่าของหลักมัชฌิมาปฏปิ ทาตอ่ สงั คม

13 เนือ่ งจากหลักมัชฌมิ าปฏิปทา หรือมรรคมีองค์ ๘ น้ี เป็นแนวทางการดาเนนิ ชีวติ ทคี่ รอบคลุมทัง้ ศลี สมาธิ และปญั ญา จึงเปน็ แนวทางท่ีย่อมไมเ่ บียดเบยี นทงั้ ตนเองและผอู้ น่ื หากผู้คนในสังคมดาเนนิ ชีวติ ตาม หลกั มชั ฌิมาปฏปิ ทาน้ี กย็ อ่ มไม่มีผู้เบียดเบียนซ่งึ กนั และกนั มแี ต่คนประกอบอาชีพสจุ รติ ไมม่ ีอบายมขุ พดู จา กนั ดว้ ยสัมมาวาจาไมม่ กี ารโกหกคดโกงกนั ในความเป็นจริงแลว้ คงเปน็ เร่อื งยากท่ีทุกคนในสงั คมจะดาเนินชวี ติ ไปในแนวทางเดยี วกนั แต่อย่างน้อย เราก็สามารถเรม่ิ ท่ตี นเองและครอบครวั ได้ หากสงั คมประกอบด้วย ครอบครัวหลายๆครอบครวั ทดี่ าเนินชีวติ ตามหลักมรรคมอี งค์ ๘ นี้ สงั คมกย็ อ่ มสงบสขุ และน่าอยเู่ ปน็ อย่างยิ่ง คณุ คา่ ของหลกั มชั ฌมิ าปฏิปทาต่อเศรษฐกิจ นโยบายการบริหารประเทศมีผลอยา่ งมากตอ่ ทิศทางในการเตบิ โต และชีวิตความเป็นอยู่ของคนใน ประเทศนน้ั ๆ ขอยกตวั อยา่ งการวางนโยบายการบริหารของประเทศสหรฐั อเมรกิ า ซึง่ ไม่ได้ใช้หลกั ทางสาย กลาง แตม่ ุ้งเน้นในการหาผลประโยชน์ แม้จะต้องเบียดเบยี นผู้อ่นื ก็ตามและไมไ่ ด้เน้นการพฒั นาด้านจริยธรรม ควบค่ไู ปกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ส่งผลใหป้ ัจจบุ นั นี้ประเทศสหรัฐอเมริกากาลังประสบปญั หาด้าน เศรษฐกจิ อยา่ งหนัก จากปญั หาท่สี ะสมมานานพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั รชั ปัจจุบัน ได้ทรงเลง็ เห็นปญั หา น้มี านาน จงึ ไดท้ รงพัฒนาหลักแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพียง ซึ่งมีรากฐานมาจากหลกั มัชฌมิ าปฏปิ ทามาใหค้ นไทย ได้ปรับใชก้ ับชวี ติ กัน เพือ่ ปูองกันปญั หาเศรษฐกิจลม้ ละลายเหมือนประเทศอ่นื ๆหลายประเทศ หลักเศรษฐกิจพอเพียง ก็คือ การดาเนินชีวิตตามทางสายกลางไม่ดิน้ รนหาส่ิงทีเ่ กินจาเป็นมากเกินไป ใช้ จา่ ยอยา่ งพอเพยี งพอประมาณและมเี หตผุ ล ไมส่ ร้างหน้ีสิน หากประเทศกย็ ่อมดาเนนิ ไปอย่างผาสุก โดยทมี่ ี รากฐานทแ่ี ขง็ แกร่ง เป็นการพฒั นาที่ยงั ยืนอย่างแทจ้ ริง ๒. อตตฺ า หิอตตฺ โน นาโถ ( ตนเปน็ ท่พี ง่ึ แห่งตน ) หลักอตตฺ า หิอตฺตโน นาโถ เป็นคาสอนใหบ้ ุคคลพึง่ ตนเอง ซงึ่ แนวทางของระบบเศรษฐกิจพอเพยี งก็ได้ มุ้งเนน้ ให้พง่ึ ตนเองในการทามาหาเลี้ยงชีพ ในการสรา้ งฐานะ และการเก็บรักษาทรัพย์ที่หามาได้เพื่อจบั จ่ายใช้ สอยในยามจาเปน็ นอกจากเป็นท่ีพ่ึงแหง่ ตนแล้วจะต้องเป็นท่ีพง่ึ ของบคุ คลอน่ื ดว้ ย นอกจากในระดบั บุคคล แล้ว ยังม่งุ เนน้ ใหก้ ารพัฒนาประเทศชาตใิ ห้พึง่ ตนเองในลักษณะ “เศรษฐกจิ พอเพยี ง”นัน่ คือการพัฒนาท่ีมาองิ เศรษฐกจิ โลกจนเกินไป แนวความคิดทัง้ หมดไดม้ ีการนามาปฏิบตั ใิ ห้เกิดผลจริงตามพระราชดาริในพระบาทสมเด็จพระ เจา้ อย่หู ัว ท่รี จู้ กั กนั โดยทั่วไปว่า “เกษตรทฤษฎีใหม”่ ซ่งึ เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการพงึ่ ตนเองในหลาย กรณีจะเปน็ การลดความเสยี่ งจากปจั จยั ภายนอกทีไ่ มส่ ามารถควบคุมได้ และชว่ ยเพมิ่ ความม่ันคงทางเศรษฐกจิ ให้แก่ผ้ทู ่ีมีความสมารถในการพึง่ ตัวเองไดอ้ ีกทางหน่งึ ความสอดคล้องของหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งกับหลกั ธรรมในพทุ ธศาสนา ๑. เนน้ ความเปน็ เศรษฐกิจแบบองคร์ วม กล่าวคอื เปน็ ระบบการพัฒนาชวี ติ ของปัจเจกบคุ คลควบคู่กัน ไปกับการพฒั นาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดลอ้ ม โดยมจี รยิ ธรรมคือ ความเมตตาความเกือ้ กูลสงเคราะห์ ความ สามคั คี ความไมเ่ ห็นแกตวั ดงั หลักของระบบเศรษฐกจิ พอเพียงทก่ี ล่าวไวว้ า่ มนุษย์อย่ดู ี ชมุ ชนอย่ไู ด้ ธรรมชาติ ยัง่ ยนื ๒. เป็นระบบเศรษฐกจิ แบบมชั ฌมิ าปฏปิ ทาทีม่ ีสัมมาอาชวี ะเป็นหัวใจสาคญั ซ่ึงสามารถโยงไปสกู่ ารท่ี พระพุทธศาสนามที า่ ปฏเิ สธความสดุ โต่ง ๒ ด้าน คอื การหมกมุ่นในกามสุขอยา่ งเดียว และการทรมานตนเอง ในรปู แบบตา่ งๆ ๓. เป็นระบบเศรษฐกจิ ทม่ี ุ่งพฒั นาท้ังคนและท้ังกระบวนการทางเศรษฐกิจ ซึ่งถ้าคนไทยปฏบิ ตั ติ าม ระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียงก็สง่ ผลใหเ้ กิดภาวะ “เศรษฐกิจกง็ อกงาม ธรรมก็งอกเงย คนก็มีความสุข” ๔. เป็นระบบเศรษฐกิจที่ไมเ่ บียดเบยี นใครให้เดือดร้อน ไมม่ งุ้ ทาลายทรัพยากรธรรมชาติจนกลายเปน็ การทารา้ ยธรรมชาติ

14 ๕. เป็นระบบเศรษฐกิจท่ีฝึกให้มนษุ ย์ตระหนักร้ถู ึงศกั ยภาพในด้านการสามารถพึง่ ตนเองไดข้ องมนุษย์ ความร้เู รื่องเศรษฐกจิ พอเพยี ง ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดที ีไ่ ม่น้อยเกินไปและไม่มากเกิน โดยไม่เบยี ดเบียนตนเองและผูอ้ ืน่ เชน่ การผลิตและการบริโภคท่อี ยูใ่ นระดบั พอประมาณ ความมีเหตผุ ล หมายถึง การตัดสินใจเกีย่ วกับระดบั ของความพอเพียงนัน้ จะตอ้ งเปน็ ไปอยา่ งมีเหตผุ ล โดยพจิ ารณาจากปัจจยั ทีเ่ ก่ียวข้อง ตลอกจนคานงึ ถึงผลที่คาดวา่ จะเกดิ ขน้ึ จากการกระทานั้นๆอย่างรอบคอบ การมีภูมิคุม้ กันทีด่ ใี นตัว หมายถึง การเตรยี มตวั ใหพ้ ร้อมรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลงดา้ นตา่ งๆ ที่ คาดว่าจะเกดิ ขน้ึ ในอนาคตทั้งใกล้ไกล เงื่อนไข การตัดสินใจและการดาเนินกิจกรรมตา่ งๆ ให้อยู่ในระดบั พอเพียง ต้องอาศัย ทัง้ ความรลู้ ะคุณธรรมเป็น พน้ื ฐาน เงอ่ื นไขความรู้ ประกอบด้วย ความรู้เกีย่ วกับวชิ าการต่างๆท่ีเกย่ี วอยา่ งรอบด้าน ความรอบคอบที่จะ นาความรูเ้ หลา่ นั้นมาพจิ ารณา ให้เชอื่ มโยงกัน เพ่อื ประกอบการวางแผนและความระมดั ระวงั ในขนั้ ปฏิบตั ิ เงอ่ื นไขคณุ ธรรม ท่ีจะต้องเสริมสรา้ ง ประกอบด้วยมคี วามตระหนกั ในคณุ ธรรม มคี วามซ่อื สัตยส์ จุ ริต และมี ความอดทน มีความเพียร ใชส้ ติปญั ญาในการ ดาเนนิ ชวี ิต เศรษฐกิจพอเพยี งเริม่ ตน้ จากตวั เรา การนาหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้น้ัน ขัน้ แรก ตอ้ งยึดหลัก “พ่งึ ตนเอง” คอื พยายามพงึ่ ตนเองใหไ้ ด้ ก่อน ในแต่ละครอบครัวมกี ารบรหิ ารจดั การอย่างพอดี ประหยัดไมฟ่ มุ เฟือย สมาชิกในครอบครัวแตล่ ะคนต้อง รู้จักตนเอง เชน่ ขอ้ มูล รายรับ -รายจ่าย ในครอบครวั ของตนเอง สามารถรักษาระดบั การใช้จา่ ยของตน ไม่ให้ เปน็ หนี้ และรู้จักดงึ ศกั ยภาพในตนเองในเรื่องของปจั จัย๔ให้ได้ในระดบั หนึง่ การพัฒนาตนเองให้สามารถ”อยู่ไดเอยา่ งพอเพยี ง” คอื ดาเนนิ ชีวิตโดยยึดหลกั ทางสายกลางใหอ้ ยู่ได้ อย่างสมดลุ คอื มีความสุขท่ีแท้ ไม่ให้รสู้ ึกขาดแคลน จนต้องเบยี ดเบยี นตนเอง หรือ ดาเนนิ ชีวิตอยา่ งเกินพอดี จนตอ้ งเบียดเบียนผู้อนื่ หรอื เบียดเบียนสิง่ แวดล้อม ศาสตราจารย์นายแพทย์ ประเวศ วะสี ไดเ้ สนอวิธีการเรยี นรทู้ ีป่ รบั มาจากแนวคดิ ทา งพระพุทธศาสนา เกีย่ วกับปญั ญา 3 อันได้แก่ สุตมยปัญญา ( ปญั ญาท่ีไดจ้ ากการรับรู้รบั ฟงั ) จินตมยปัญญา (ปัญญาอันเกดิ จาก ความคิด ) และ ภาวนามยปญั ญา ( ปญั ญาอนั เกิดจากการภาวนา ) มาไว้เป็นข้อๆ ดงั นี้ ๑. ฝึกสงั เกต สังเกตในส่งิ ทเ่ี ราเห็น หรอื สิ่งแวดลอ้ ม การสงั เกตจะทาให้เกดิ ปญั ญามากโลกทรรศ์ และวธิ ีคิด สติ สมาธิ จะเข้าไปมีผลตอ่ การสงั เกตและส่ิงทีส่ งั เกต 2.ฝกึ บันทกึ เม่อื สังเกตอะไรแลว้ ควรฝกึ บนั ทกึ โดยจะวาดรูปหรือบันทกึ ข้อความ ถา่ ยภาพ ถ่ายวีดีโอ การบันทึกเป็นการพัฒนาปญั ญา 3. ฝกึ การนาเสนอต่อที่ประชมุ กลุม่ เมือ่ มกี ารทางานกลุม่ เราไปเรยี นรูอ้ ะไรมา บันทึกอะไรมา จะ นาเสนอให้เพื่อนๆรเู้ รอ่ื งได้อยา่ งไร ก็ตอ้ งฝกึ การนาเสนอ การนาเสนอได้ดีจงึ เป็นการพัฒนาปัญญา ทง้ั ของผู้ นาเสนอและของกลุ่ม 4. ฝึกการฟัง ถา้ รู้จกั ฟังคนอื่น จะทาให้ฉลาดขึน้ คนโบราณเรียกวา่ เป็น\"พหสู ตู ร\" บางคนไม่ไดย้ นิ คน อนื่ พดู เพราะหมกมนุ่ อยู่ในความคดิ ของตวั เอง ฉันทะ สติ สมาธิ จะช่วยให้ฟงั ไดด้ ีขนึ้ 5. ฝกึ ปุจฉา-วิสชั นา ฝึกถาม-ตอบเป็นการฝกึ การใชเ้ หตุผล วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ทาให้เกิดความแจม่ แจ้งในเรือ่ งน้นั ๆ

15 6. ฝกึ ตงั้ สมมุติฐานและตง้ั คาถาม..เมื่อเรยี นรู้อะไรไปแลว้ เราตอ้ งสามารถตั้งคาถามได้ว่า สิ่งนัน้ คอื อะไรเกดิ จากอะไร อะไรมีประโยชน์ ทาอยา่ งไรจะสาเรจ็ ประโยชน์ และช่วยกนั คิดคาถามทม่ี คี ุณคา่ มี ความสาคัญกจ็ ะอยากไดค้ าตอบ 7. ฝึกการค้นหาคาตอบเมื่อมคี าถาม กค็ วรไปค้นหาคาตอบจากหนงั สือ จากตารา จากอินเตอร์เน็ต หรือไปคุยกับคนเฒา่ คนแก่ การค้นหาคาตอบต่อคาถามที่สาคญั จะสนกุ และทาใหไ้ ดค้ วามร้มู ากแต่ถ้าทาทกุ วถิ ที างแล้ว แต่คาถามยังมรอยแู่ ละมีความสาคญั ตอ้ งหาคาตอบตอ่ ไปด้วยการวจิ ยั 8.ฝกึ การวิจัยการวิจยั เพอ่ื หาคาตอบเปน็ สว่ นหนงึ่ ของกระบวนการเรียนรู้ทุกระดบั การวจิ ัยจะทาให้ ค้นพบความรู้ใหม่ ซึ่งจะทาใหเ้ กิดความภูมใิ จ สนุก และมีประโยชนม์ าก 9.ฝึกเชอื่ มโยงบูรณาการใหเ้ ห็นความเป็นไปทง้ั หมดและเห็นตวั เองธรรมขาตขิ องสรรพสิง่ ล้วน เชอื่ มโยง เมื่อเรียนร้อู ะไรมาอย่าใหค้ วามรูน้ ัน้ แยกเปน็ ส่วนๆ 10. ฝึกการเขยี นเรียบเรียงทางวิชาการถึงกระบวนการเรียนรู้ และความรใู้ หมท่ ่ไี ด้มา..เป็นการเรียบ เรียงความคิดให้ประณีตขึน้ ทาให้ค้นคว้าหาหลักฐาน ทีม่ า ท่อี า้ งองิ ของความรใู้ หถ้ ี่ถว้ นแมน่ ยาข้นึ เป็นการ พฒั นาปัญญาของตัวเองอย่างสาคญั และเป็นประโยชนใ์ นการเรียนรูข้ องผอู้ ื่นในวงกวา้ งออกไป

16 บทที่ ๕ บทสรปุ และข้อเสนอแนะ สรปุ ผลการดาเนนิ การโครงงาน ผลการดาเนินงาน นกั เรยี นไดบ้ นั ทึกความดี ของคนอืน่ รู้จกั เลือกอา่ นหนงั สอื ที่ดี มสี าระประโยชน์ ประหยดั อดออม มีความกตญั ญูชว่ ยเหลอื แบ่งเบาภาระงานบา้ น และมจี ิตอาสา สามารถนาหลักธรรมตาม แนวกระแสพระราชดารสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ตามแนวหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไป ปฏบิ ตั ิในชีวติ ประจาวัน เกิดปรากฎการณส์ รา้ งนิสัยใหม่ท่ไี ด้รับการชี้แนะจากคณุ ครู พ่อแม่ ทั้งดา้ นวินยั เคารพ และอดทน นกั เรยี นทเี่ ข้าร่วมโครงงานมกี ารพฒั นาเปลี่ยนแปลงตามลาดบั ในระยะเวลาท่ีเขา้ รว่ มกิจกรรม ตลอดระยะเวลา 1 ภาคเรยี น แตย่ ังไมถ่ ึงขัน้ พฒั นาเป็นนิสยั ตดิ ตวั ไปตลอดชวี ิตครบทั้ง 3 ดา้ น เนอ่ื งจาก สมาชกิ สว่ นใหญไ่ ม่สามารถทากจิ กรรมทีก่ าหนดได้ครบทกุ วัน ทุกกจิ กรรม แผนการดาเนินการในอนาคตและขอ้ เสนอแนะ มีแผนการดาเนินโครงงานอยา่ งตอ่ เนือ่ ง เชิญชวนสมาชกิ ในโรงเรียนระดบั ชน้ั อน่ื ๆเข้าร่วมโครงการ จัด กจิ กรรมเชิดชูเกยี รตสิ มาชกิ ทรี่ ว่ มโครงงาน สามารถปรบั เปล่ียนพฤตกิ รรมจนเปน็ นสิ ัยพ้นื ฐานนข้ี องตนเอง ใน วนั ประชมุ ผู้ปกครองทุกภาคเรยี น ปญั หาและอปุ สรรค ๑. ในชว่ งสัปดาห์แรกๆของโครงงาน สมาชิกมคี วามเขา้ ใจในกจิ กรรมไม่ชดั เจนนกั ตอ้ งประชาสัมพันธ์ มากข้ึนโดยให้มกี ารประชาสมั พนั ธ์ ในชว่ งเชา้ กอ่ นเข้าแถวเคารพธงชาตแิ ละชว่ งพกั กลางวนั แต่งต้ังแกนนา ระดับหอ้ งเรียนเปน็ ผู้ประสานงานระหว่างสมาชิกกับ ครูท่ีปรกึ ษา และแกนนากลุม่ วัยใส หวั ใจคุณธรรม ๒. สมาชกิ เขยี นสะกดคาในสมุดบันทึกการอา่ นผดิ จานวนมาก (กจิ กรรมรื่นรมยก์ ารอ่าน) เช่น ต้องให้ คาแนะนาและชแ้ี จงใหส้ มาชิกพยายามตรวจสอบการสะกดคาก่อนสง่ สมุดบนั ทึกให้ครูทีป่ รึกษาตรวจ 3. นักเรียนส่วนใหญ่ไม่สามารถทากจิ กรรมท่ีกาหนดได้ครบทุกวัน ทุกกจิ กรรม ข้อเสนอแนะ ตอ้ งรณรงค์ให้นักเรยี นทุกคนเปน็ สมาชิกร่วมโครงงาน ตระหนกั ถึงความสาคัญและความจาเป็นในการ ปลูกฝงั นสิ ัยพ้นื ฐาน นอ้ มนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาใช้ในการดารงชีวติ นกั เรียนบางคนมีความรู้ ความเขา้ ใจในหลกั คดิ ของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง แต่ไม่ปฏบิ ตั ติ นตามแนวทางปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง เปน็ คนสุรุย่ สรุ ่าย ไม่รอบคอบ สับสน ขาดการฝึกฝนอบรมขาดแรงจงู ใจ เป็นตน้ ซงึ่ มีผลผลักดันให้เด็กแสดง พฤติกรรมตามแบบอยา่ งท่พี บเหน็ ในสังคม เช่นการบริโภคนิยม การเที่ยวเตร่ การหนเี รยี น การใช้จา่ ยฟุมเฟือย เป็นตน้ ดงั น้นั การแก้ไขปัญหาดงั กลา่ วควรเรมิ่ จากการสร้าง ความตระหนักใหเ้ กดิ ข้นึ ในจติ ใจของนกั เรยี น และ ควรไดร้ ับความรว่ มมือจากทุกฝุาย ทง้ั เพ่ือน โรงเรยี น ครอบครวั ชุมชนและสงั คม จึงควรมีการศึกษาเพอ่ื หา แนวทางในการแกไ้ ขปญั หาใหไ้ ด้ผลตอ่ ไป

17 เอกสารอา้ งอิง คณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาติ ,สานักงาน.(2542).พระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542.กรุงเทพฯ:พริกหวานการพมิ พ์. ถิ่นไทย จันทร.(2550).การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงสู่การเรยี นรู้ โรงเรียนบ้านเหลา่ ตามา อาเภอบรบือ จงั หวดั มหาสารคาม.คน้ เม่ือวันท่ี 24 มนี าคม2551จาก http://www.mkarea2.com/modules.php?name=news&file=article&sid=235 นภาพร จนั ทรป์ อ็ ก.(2550).รายงานการวิจยั เรอื่ ง รายงานผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้แบบรว่ มมือของ นักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี1 วชิ าคณติ ศาสตร์ เร่ืองพหุนาม.โรงเรยี นบุญ วาทย์วิทยาลยั อาเภอเมือง สานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาลาปาง เขต 1. ปรยี านชุ พิบลู สราวุธ.(2549).การจัดการเรยี นรตู้ ามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี ง.เอกสารประกอบการ บรรยาย ทางวิชาการ วนั ที่ 6กนั ยายน 2549 มหาวิทยาลัยราชภฎั นคร สมัคร สงพัด.(2550) รายงานการวจิ ัย เรอ่ื ง การพัฒนาแผนการจดั การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรกู้ ารงาน อาชพี และเทคโนโลยี งานเกษตร ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 โรงเรียนโนนชาด จังหวดั ขอนแกน่ .งานวจิ ัยของโรงเรยี นโนชาดหนองช้างน้า อาเภอหนองสอง สานกั งานเขตพน้ื ที่ การศึกษาขอนแกน่ เขต 3. เสนีย์ พงษ์สบาย.(2549).การพัฒนากิจกรรมการเรยี นการสอนท่ีเน้นผ้เู รียนเป็นสาคัญ โดยใชร้ ูปแบบการ สอนแบบโครงงาน กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรยี นโคกโพธ์ไิ ชยศึกษา. กิง่ อาเภอโคกโพธ์ไิ ชยสานักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาขอนแกน่ เขต 2.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook