Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงสร้างและหน้าที่ของราก Roots

โครงสร้างและหน้าที่ของราก Roots

Published by Nurse Suwannalai, 2020-06-13 14:41:58

Description: อวัยวะและหน้าที่ของอวัยวะของพืช
โครงสร้างและหน้าที่ของราก Roots

Search

Read the Text Version

อวัยวะและหนา้ ทขี่ องอวยั วะของพชื  โครงสรา้ งและหน้าทข่ี องราก หนว่ ยที่ 1 โครงสร้างและหน้าทขี่ องพืชดอก รายวิชาชวี วทิ ยา3 รหสั วิชา ว32241 ผู้สอน นางสาวจิตตพิ ร สวุ รรณาลัย ครูชำนาญการ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรยี นวีรวฒั น์โยธนิ อำเภอเมือง จังหวดั สรุ นิ ทร์ สำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 33

โครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ องราก ราก (Root) อวัยวะของพืชทีเ่ จริญมาจากรากแรกเกดิ (radical) ของเอม็ บริโอภายในเมลด็ ปกติ เจริญลงไปในดนิ ตามทิศทางแรงดึงดดู ของโลก รากไมม่ ขี ้อและปลอ้ ง ชนิดของราก ถ้าพิจารณาตามการเกดิ ของราก แบ่งรากไดเ้ ปน็ ชนิดใหญ่ๆ ได้ 3 ชนิด ตามจดุ กำเนิด ของราก ดงั นี้ 1. รากแกว้ (Primary root หรือ Tap root) 2. รากแขนง (Secondary root หรือ Lateral root) 3. รากพิเศษ (Adventitious root) ก. ข. ภาพท่ี 1-1 แสดง (ก.) รากแก้วและรากแขนง และ (ข.) รากฝอย



รากที่เปลย่ี นแปลงไปทำหน้าทีพ่ ิเศษชนดิ ตา่ งๆ 1. รากคำ้ (Prop Root) รากทีง่ อกออกจากบรเิ วณส่วนโคนของลำตน้ เหนือดินและเจรญิ ทแยงลงสดู่ ิน ทำหนา้ ทีค่ ้ำจนุ ลำต้นเพื่อเพม่ิ ความแข็งแรงใหแ้ กล่ ำต้น เช่น รากขา้ วโพด เตย โกงกาง ภาพท่ี 1-2 แสดงรากค้ำ (Prop Root)

2. รากหายใจ (Pneumatophore Root) รากที่เกดิ จากรากทอ่ี ยใู่ ต้ดินงอกและตั้งตรงขึ้นมาเหนือดนิ เพื่อชว่ ยในการหายใจ พบในพืชชายน้ำหรือปา่ ชายเลน เชน่ ลำพู โกงกาง แสม ภาพท่ี 1-3 แสดงรากหายใจ (Pneumatophore Root)

3. รากยึดเกาะ (Climbing Root) รากทีแ่ ตกตามข้อหรือลำต้น รากทำหน้าทีย่ ดึ เกาะ พบในพืชทีท่ อดเลื้อยสูงขึ้น เชน่ รากพลูด่าง พริกไทย ตีนตุ๊กแก ภาพท่ี 1-4 แสดงรากยึดเกาะ (Climbing Root)

4. รากสะสมอาหาร ( Storage Root) รากที่เก็บสะสมอาหารในรปู เมล็ดแป้ง อาจสะสมอาหารไวท้ ี่รากแก้ว รากแขนง หรือรากพเิ ศษ เชน่ รากแครอท หวั ไชเท้า มนั เทศ มันสำปะหลัง เป็นตน้ บางครั้งราก สะสมอาหารแตกออกบริเวณโคนต้นเป็นกระจกุ และแต่ละรากมขี นาดใกล้เคียงกัน เชน่ รากกระชาย เรยี กว่ารากกลมุ่ หรือรากพวง (fascicled root) ภาพท่ี 1-5 แสดงรากสะสมอาหาร ( Storage Root)

5. รากสงั เคราะหแ์ สง (Photosynthetic Root) รากที่เจริญอยเู่ หนือผวิ ดิน มกั อยใู่ นอากาศ เปน็ รากที่มคี ลอโรฟลิ ล์ จึงทำหน้าที่ สงั เคราะหแ์ สงได้ เช่น รากกล้วยไม้ รากไทร เป็นต้น ภาพท่ี 1-6 แสดงรากสงั เคราะห์แสง (Photosynthetic Root)

นอกจากนี้ ยงั มรี ากทีเ่ ปล่ยี นแปลงไปทำหน้าท่พี ิเศษชนิดตา่ งๆ อกี หลายชนิด เชน่ ราก ที่แทงลงไปบนพืชที่ถกู เบียน (host) เพือ่ ดดู สารอาหารจากพืชน้ัน เชน่ รากกาฝากมะม่วง กระโถนฤาษี และรากเป็นถงุ เลก็ (vesicle) เป็นรากมีลกั ษณะเปน็ กระเปาะเล็ก ชว่ ยพยงุ ให้พืช ลอยน้ำ เชน่ รากแพงพวยน้ำ เป็นต้น ภาพท่ี 1-7 แสดงรากกาฝาก ภาพท่ี 1-8 แสดงรากหนามของต้นโกงกาง

การแบ่งบรเิ วณของราก  บริเวณหมวกราก (Root cap)  บริเวณเซลล์แบ่งตวั (Region of cell division)  บริเวณเซลล์ยืดตัวตามยาว (Region of cell elongation)  บริเวณเซลลเ์ จริญเติบโตเตม็ ที่ (Region of maturation)  บรเิ วณหมวกราก (Root cap) • ปกคลมุ เนื้อเยื่อเจรญิ ที่ปลายรากไว้ • เป็นบริเวณทีม่ ีการฉีกขาดอยเู่ สมอ เพราะส่วนนจี้ ะยาวออกไปและชอนไชลึกลงไปในดนิ • เป็นโครงสร้างที่สำคญั ในการเบิกนำส่วนอนื่ ๆ ของรากลงไปในดนิ  บรเิ วณเซลล์แบง่ ตัว (Region of cell division) • ประกอบดว้ ยเซลล์ของเนื้อเยือ่ เจรญิ บริเวณปลายราก (Apical meristem) • เซลล์มีขนาดเล็ก มีผนงั เซลล์บาง • เปน็ บริเวณที่มีการแบง่ เซลล์แบบไมโทซิส (Mitosis) • บางเซลล์ทแ่ี บง่ ไดจ้ ะทำหน้าที่แทนเซลล์หมวกรากทีต่ ายไปกอ่ น

 บรเิ วณเซลลย์ ืดตัวตามยาว (Region of cell elongation) • ประกอบดว้ ยเซลลท์ ีม่ ีรูปรา่ งยาว • เกิดมาจากเซลล์ของเนื้อเยือ่ เจรญิ ที่แบง่ ตัวแล้วอยใู่ นบริเวณที่สงู กว่าบรเิ วณเนื้อเยื่อ เจริญ • การทีเ่ ซลลข์ ยายตวั ตามยาวทำให้รากยาวเพิม่ ข้นึ  บรเิ วณเซลลเ์ จรญิ เตบิ โตเต็มที่ (Region of maturation) • เปน็ เซลล์ทีอ่ ยสู่ งู ถัดจากบริเวณเซลลย์ ืดตัวขึ้นมา • เซลลใ์ นบริเวณนเี้ จรญิ เติบโตเตม็ ที่แล้วมกี ารเปลีย่ นแปลงไปเป็นเนื้อเยือ่ ถาวรชนิด ต่างๆ • มเี ซลล์ขนราก (Root hair cell) เปน็ เซลลเ์ ดย่ี วทีม่ ีขนรากเปน็ สว่ นหนึง่ ของผนงั เซลล์ ยืน่ ออกไปเพื่อเพ่มิ พื้นท่ผี ิวในการดดู ซมึ น้ำและแรธ่ าตุ

ภาพท่ี 1-9 แสดงบรเิ วณตา่ งๆ ของปลายรากพืชใบเล้ียงเด่ยี วตัดตามยาว

โครงสรา้ งภายในของราก เนื้อเยื่อของรากพืชใบเล้ยี งคูแ่ ละใบเล้ียงเด่ยี ว เมือ่ ตัดตามขวางแลว้ นำไปสอ่ งดูด้วย กล้องจุลทรรศน์ พบวา่ มกี ารเรียงตวั ของเนอื้ เยือ่ เปน็ ชน้ั ๆ เรียงจากด้านนอกเข้าสู่ด้านใน ดังนี้ ✓ เอพเิ ดอรม์ ิส (Epidermis) ✓ คอรเ์ ทกซ์ (Cortex) ✓ เอนโดเดอร์มิส (Endodermis) ✓ สตีล (Stele) ภาพท่ี 1-10 แสดงรากตัดตามขวางแสดงการเจริญเตบิ โตขนั้ แรก โดยภาพ ก. รากพชื ใบเลี้ยงคู่ (ถ่ัวเขียว) ข. รากพืชใบเลีย้ งเดี่ยว (ขา้ วโพด) ค. รากพชื ใบเลีย้ งคขู่ ยาย (ถัว่ เขียว) ง. รากพชื ใบเลยี้ งเดี่ยวขยาย (ขา้ วโพด)

ภาพท่ี 1-11 แสดงขนรากเป็นเซลล์ทเ่ี ปลย่ี นมาจากเอพเิ ดอร์มิส ภาพท่ี 1-12 แสดงแคสพาเรียนสตริป (Casparian strip) ท่เี ซลลข์ องเอนโดเดอรม์ ิส

ภาพท่ี 1-13 แสดงสตีล (Stele) และ เพริไซเคิล (Pericycle) ภาพท่ี 1-14 แสดงมดั ทอ่ ลำเลยี งหรือวาสคิวลาร์บนั เดลิ (Vascular bundle) ของรากพืช

ภาพท่ี 1-15 แสดง Pith ในรากพืชใบเล้ียงเด่ยี ว

อวยั วะและหน้าทีข่ องอวัยวะของพชื  โครงสร้างและหน้าที่ของราก หนว่ ยที่ 1 โครงสร้างและหนา้ ทขี่ องพืชดอก รายวิชาชวี วทิ ยา3 รหสั วิชา ว32241 จดั ทำโดย นางสาวจิตตพิ ร สวุ รรณาลัย กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นวีรวฒั น์โยธนิ อำเภอเมือง จังหวดั สรุ นิ ทร์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook