Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประโยชน์จากทรัพยากรหิน

ประโยชน์จากทรัพยากรหิน

Published by E-book_nkpsci, 2021-09-16 07:03:09

Description: ประโยชน์จากทรัพยากรหิน

Search

Read the Text Version

จดั ทำโดย นำยสหภำพ เขียวมำก นักวชิ ำกำรวทิ ยำศำสตร์ศกึ ษำ

หนิ (Rocks) หิน คอื มวลของแข็งทป่ี ระกอบไปดว้ ยแร่ชนิดเดียวกนั หรือหลายชนดิ รวมตวั กันอยู่ ตามธรรมชาติ เน่ืองจากองค์ประกอบของเปลอื กโลกสว่ นใหญเ่ ปน็ สารประกอบ ซลิ กิ อนไดออกไซด์ (SiO2) ดงั น้ันเปลือกโลก สว่ นใหญม่ ักเปน็ แร่ตระกลู ซิลเิ กต นอกจากนั้น ยังมีแร่ตระกูลคาร์บอเนต เน่อื งจากบรรยากาศโลกในอดตี สว่ นใหญเ่ ป็นคาร์บอนไดออกไซด์ น้าฝนไดล้ ะลายคารบ์ อนไดออกไซด์บนบรรยากาศลงมาสะสมบนพ้ืนดนิ และมหาสมทุ ร สงิ่ มชี วี ติ อาศัยคารบ์ อนสรา้ งธาตอุ าหารและร่างกาย แพลงตอนบางชนิดอาศยั ซลิ ิกาสรา้ ง เปลอื ก เมื่อตายลงทบั ถมกนั เปน็ ตะกอน

ประเภทของหนิ นกั ธรณวี ิทยา แบง่ ประเภทของหินตามลักษณะการเกิดออกเปน็ 3 ประเภท คอื หนิ อัคนี หนิ ชน้ั หรอื หินตะกอน และหนิ แปร

หินอัคนี ( Igneus Rock) บางทีเรียกวา่ หินภูเขาไฟเป็นหินทเ่ี กดิ จากการเยน็ ตัวของลาวา (lava) หรือหินหนดื (Magma) ที่ปะทจุ ากเปลอื กโลกหรือภเู ขาไฟ หนิ อคั นมี อี ยู่ 2% ของหนิ บนเปลอื กโลก ตัวอย่างของหินอคั นี ได้แก่ หนิ แกรนติ หนิ บะซอลต์ หินออบซเิ ดียน หินไดโอไรต์ หิน ไรโอไลต์ และหนิ แอนดไี ซต์

หินชนั้ หรือหินตะกอน (Sedimentary Rock) คือ หินท่ีเกิดจากการผุพงั ของหนิ อัคนี หรอื หินแปร ท่แี ตกตัวเปน็ เศษหินขนาดเลก็ หรอื เกดิ จากการผุพังของซากพชื และซากสัตว์หรือทราย ดิน โคลนและแรธ่ าตตุ ่างๆ แลว้ ถกู ลมและ นา้ พัดพามาตกตะกอนทับถมและอัดตัวเปน็ เวลานาน หินชน้ั มอี ยู่ 75% ของหินบนเปลอื ก โลก ตัวอย่างเช่น หินทรายหินปูน หินดนิ ดาน หนิ กรวด หินศลิ าแลง และถ่านหนิ เป็นต้น

หินแปร (Metamorphic Rock) คือ หนิ ทเ่ี กิดจาการแปรสภาพของหินอคั นี และหินชน้ั ซงึ่ ได้รับความรอ้ น แรงดัน และปฏกิ ิรยิ าเคมี แตย่ งั ไมถ่ ึงจุด หลอมเหลวจนท้าใหร้ ปู รา่ ง โครงสรา้ ง และส่วนประกอบเปล่ียนไป หินแปรบางชนดิ ยังแสดงเคา้ เดมิ บางชนิดผดิ ไป จากเดิมมากจนต้องอาศยั ดูรายละเอียดของเน้อื ใน หรือสภาพสง่ิ แวดลอ้ มจึงจะทราบทม่ี า อย่างไรก็ตามหนิ แปรชนดิ หนึ่งๆ จะมอี งคป์ ระกอบเดียวกันกับหนิ ต้นกา้ เนิด แตอ่ าจจะมีการตกผลกึ ของแรใ่ หม่ ทา้ ใหไ้ ด้แร่หรือหนิ ชนดิ ใหม่ หนิ แปร มีอยู่ 23% ของหินเปลอื กโลก ตวั อยา่ งหินแปร ได้แก่ หนิ อ่อนแปรมาจากหินปนู หนิ ชนวนแปรมาจาก หินดนิ ดาน หินควอตซไ์ ซด์ หินเซลต์ และหนิ ไนส์ เป็นต้น หนิ แปรสว่ นใหญ่เกิดขนึ้ ในระดับลกึ ใต้เปลอื กโลกหลาย กโิ ลเมตร ท่ีซึง่ มคี วามดนั สงู และอยใู่ กล้กลับหินหนืดรอ้ นในช้นั แอสทโี นสเฟียร์ แตก่ ารแปรสภาพในบริเวณใกล้ พื้นผวิ โลกเน่อื งจากสง่ิ แวดลอ้ มโดยรอบกค็ งมี

นักธรณวี ทิ ยาแบ่งการแปรสภาพออกเป็น 2 ประเภท คือ 1) การแปรสภาพสัมผัส ( Contact metamorphism) เป็นการแปรสภาพเพราะความรอ้ น เกดิ ขนึ้ ณ บรเิ วณท่ี หินหนืดหรือลาวาแทรกดนั ข้ึนมาสมั ผัสกับหนิ ท้องที่ ความร้อนและสารจากหนิ หนืดหรอื ลาวาทา้ ให้หนิ ท้องทใ่ี นบริเวณน้ัน แปรเปลย่ี นสภาพผิดไปจากเดมิ 2) การแปรสภาพบริเวณไพศาล ( Regional metamophic) เป็นการแปรสภาพของหินซง่ึ เกดิ เป็นบรเิ วณกวา้ ง ใหญ่ไพศาลเน่อื งจากอณุ หภมู ิและความกดดัน โดยปกตกิ ารเปรสภาพแบบนจ้ี ะไม่มีความเกีย่ วพนั กับมวลหินอัคนี และ มักจะมี “ ร้วิ ขนาน” (Foliation) จนแลดเู ป็นแถบลายสลับสี บดิ ยว้ ยแบบลูกคล่นื ซึง่ พบในหินชีสต์ หนิ ไนส์ ทงั้ น้เี ปน็ ผล มาจากการการตกผลกึ ใหมข่ องแร่ในหนิ ท้ังนีร้ ว้ิ ขนานอาจจะแยกออกได้เป็นแผน่ ๆ และมีผิวหน้าเรยี บเนยี น เชน่ หินชนวน

1. หินแปรจาแนกได้ก่ีแบบ มีอะไรบา้ ง 2 แบบ ไดแ้ ก่ การแปรสภาพ 2. การแปรสภาพแบบสัมผัส เปน็ การแปร แบบสมั ผสั และการแปรสภาพ สภาพจากการกระทาของอะไรเปน็ หลัก บรเิ วณไพศาล เปน็ การแปรสภาพจากความร้อนเปน็ หลกั เกดิ จากแมกมาแทรกดนั ขนึ้ มา สัมผสั กบั หินเดิม ทาใหแ้ รห่ นิ เฉพาะ บรเิ วณทส่ี มั ผัสกบั แมกมาเกดิ การ เปลี่ยนแปลงเนือ่ งจากความรอ้ น

3. หินแปรทีเ่ กดิ จากกระบวนการสมั ผัสกบั หนิ แปรแบบไม่มรี ้วิ ขนาน ความรอ้ นของแมกมา เรยี กว่ากระบวนการ เปน็ การแปรสภาพจากความร้อน อะไร และความดันเป็นหลัก เกิดเปน็ 4. การแปรสภาพบริเวณไพศาลเป็นการ บริเวณกว้าง และเกิดจากการ สภาพจากการกระทาของอะไรเป็นหลัก เคลื่อนทีเ่ ขา้ หากนั ของแผ่นธรณี 5. หินแปรทีเ่ กิดจากกระบวนการสมั ผัสกับ ความร้อนและความดัน และมกี ารเคลอ่ื นทเี่ ข้ หนิ แปรแบบมรี ว้ิ ขนาน หากันของแผ่นธรณี เรยี กว่ากระบวนการอะไร

การใช้ประโยชน์จากทรพั ยากรหนิ

การใช้ประโยชน์จากหนิ อัคนี หินอัคนีเป็นหินที่เนื้อหินประกอบด้วยผลึกแร่หลายสีหลายขนาดยึด เกาะกันแน่นท้าให้มีความแข็งแรง หินอัคนีแต่ละชนิดมีประโยชน์ต่างกัน ดังตัวอยา่ ง

หินแกรนิต เนอ้ื หนิ มีความแขง็ ทนต่อการกรอ่ น มหี ลายสี นิยมนาไปใช้ เมอ่ื นามาขัดจะมีความสวยงาม ปผู นงั หินประดับ หินแกะสลัก ทาครก ตัวอยา่ งการใชป้ ระโยชน์ (2) ครกหิน จากหินแกรนติ (1) แผน่ หนิ ปพู นื้

หนิ พัมมซิ เนอื้ หนิ มคี วามพรุนมากคล้ายฟองนา้ นา้ หนักเบา นิยมนาไปใช้ ลอยน้าได้ สว่ นมากมีสีออ่ น ใสใ่ นระบบกรองนา้ ของตู้ปลา ครีมขดั ผวิ หนิ พมั มซิ ในระบบกรองน้า

การใช้ประโยชนจ์ ากหินตะกอน หินตะกอนมีเน้ือหินเป็นเม็ดตะกอน หรือตะกอนของสารละลาย ท่ีแข็งตัวเป็นหิน เน้ือหินมีความละเอียดถึงหยาบ ส่วนมากประกอบด้วย แร่ควอตซ์และแคลไซต์

หินตะกอน เนอ้ื หนิ ประกอบดว้ ยเม็ดทรายขนาดละเอยี ดถงึ นิยมนาไปใช้ หยาบ ส่วนมากประกอบด้วยแรค่ วอตซ์ มหี ลายสี สร้างปราสาท ส่งิ ก่อสร้างและนามาทาหินลับมดี ตวั อยา่ งการใช้ประโยชน์ จากหินตะกอน (1) ปราสาทหิน (2) ครกหิน

หินปนู เนอ้ื หินแน่นละเอียด สว่ นมากประกอบด้วยแคลไซต์ นิยมนาไปใช้ มีหลายสี อตุ สาหกรรมปนู ซเี มนต์ อตุ สาหกรรมก่อสร้าง หนิ ประดบั ตวั อย่างการใชป้ ระโยชน์ จากหินปนู (1) ปนู ซเี มนต์ (2) หินปูนทใี่ ชใ้ น การกอ่ สรา้ ง

การใชป้ ระโยชน์จากหินแปร หนิ แปรท่นี ยิ มนา้ มาใชป้ ระโยชน์เปน็ ทม่ี ีความแข็ง และมีความสวยงาม

หนิ อ่อน เปน็ หนิ ทแี่ ปรสภาพมาจากหนิ ปนู ประกอบด้วยแคลไซต์ นยิ มนาไปใช้ เนื้อหินละเอยี ดถงึ หยาบ ปพู นื้ แกะสลกั หนิ ประดับ และใช้ในการก่อสรา้ ง ตัวอยา่ งการใช้ประโยชน์ จากหนิ อ่อน (1) แผ่นหินอ่อน (2) หินประดบั

หนิ ชนวน เป็นหนิ ท่แี ปรสภาพมาจากหนิ ดินดาน เนอ้ื หินละเอยี ด นยิ มนาไปใช้ แข็ง ผวิ มนั กระเทาะเป็นแผน่ บางได้ ปทู างเดนิ ทาผนงั มุงหลังคา และกระดานชนวน ตัวอย่างการใช้ประโยชน์ (2) กระดานชนวน จากหินชนวน (1) แผ่นบางของหินชนวน ทีใ่ ชต้ กแตง่ ผนงั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook