4. พระมหากษตั ริยท์ รงไว้ซง่ึ พระราชอานาจทจี่ ะสถาปนา ฐานนั ดรศักดิ์ และพระราชทานเคร่อื งราชอิสริยาภรณ์ 5. พระมหากษัตริย์ทรงเลอื กและทรงแต่งตั้งผู้ทรงคณุ วุฒิเปน็ ประธานองคมนตรี และองคมนตรีอื่นอีกไม่เกิน 18 คน เป็นองคมนตรี 6. การแต่งต้ังและให้ขา้ ราชการในพระองคพ์ ้นจากตาแหน่ง 7. พระมหากษัตรยิ ์ทรงไวซ้ ึง่ พระราชอานาจในการแตง่ ต้งั ผู้ใดผู้หนึ่งเปน็ ผูส้ าเรจ็ ราชการแทนพระองค์ 8. พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซ่งึ พระราชอานาจในการแก้ไขเพ่ิมเติม กฎมนเทยี รบาลวา่ ดว้ ยการสืบราชสันตติวงศ์ พทุ ธศักราช 2467
- บทท่ี 5 - สิทธิและหนา้ ท่ีของพลเมอื งดี ตามระบอบประชาธปิ ไตย สาระการเรยี นรู้ สิทธิของพลเมอื ง เสรีภาพของพลเมือง บทบาท หนา้ ทข่ี องเยาวชนในฐานะ พลเมืองของประเทศ
1 สทิ ธพิ ลเมอื ง สิทธิ หมายถึง ส่งิ ที่กฎหมาย รับรอง และคุ้มครองให้ ในฐานะที่เป็นพลเมือง เราจาเป็นต้องศึกษาบทบัญญัติของ กฎหมายที่มกี ารกาหนดหรือรับรองสทิ ธิของพลเมืองไว้ ตั้งแต่กฎหมาย ภายในและกฎหมายระหว่างประเทศ
สทิ ธิพลเมืองสาคญั 1. สทิ ธิในครอบครัวและความเปน็ อยู่สว่ นตัว ได้รับความคุม้ ครองเกียรติยศ ช่อื เสียง ความเป็นอยู่ 2. สทิ ธอิ นุรกั ษ์ฟ้ืนฟจู ารีตประเพณี ชว่ ยกันอนุรักษฟ์ ้ืนฟูประเพณี วัฒนธรรม ภูมปิ ญั ญา 3. สทิ ธิในทรัพย์สิน ได้รบั การคมุ้ ครองสทิ ธิ การครอบครองทรัพยส์ นิ และสบื ทอดมรดก 4. สิทธิในการรบั การศกึ ษาอบรม ไดร้ บั การศึกษาขั้นพนื้ ฐานอยา่ งมคี ุณภาพ ไมเ่ สียคา่ ใช้จ่าย
สิทธิพลเมืองสาคัญ 5. สิทธใิ นการรับบรกิ ารด้านสาธารณสุข 6. สิทธิที่จะไดร้ บั การคมุ้ ครองโดยภาครฐั เชน่ บุคคลทไี่ ด้รับการปฏบิ ัตริ ุนแรงและไม่เปน็ ธรรม 7. สิทธทิ ีจ่ ะได้รับการช่วยเหลอื จากรัฐ เชน่ รัฐชว่ ยเหลอื บุคคลอายุเกิน 60 ปีทีร่ ายไดไ้ ม่เพียงพอ 8. สทิ ธิท่จี ะไดร้ ับสิ่งอานวยความสะดวกอนั เป็นสาธารณะ 9. สทิ ธขิ องบุคคลท่จี ะมสี ว่ นรว่ มกับรัฐและชมุ ชน ในการบารุงรกั ษาและไดร้ บั ประโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติ
สทิ ธพิ ลเมอื งสาคญั 10. สิทธิที่จะได้รับทราบข้อมลู ข่าวสารจากหน่วยงานของรัฐ เวน้ แตข่ ้อมลู มผี ลตอ่ ความมน่ั คงปลอดภยั 11. สิทธิเสนอเร่ืองราวร้องทกุ ข์ โดยได้รบั แจง้ ผลการพจิ ารณาในเวลาอนั ควรตามกฎหมาย 12. สทิ ธทิ ่บี ุคคลสามารถฟอ้ งร้องหน่วยงานราชการ 13. สทิ ธิพิทกั ษร์ ฐั ธรรมนญู เพ่ือคมุ้ ครองการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ
2 เสรภี าพของพลเมอื ง 1. เสรีภาพในรา่ งกาย “ เสรีภาพเป็นการใช้สิทธิอย่างใด ทีจ่ ะไม่ถกู ฆา่ ทรมาน ทารุณกรรม หรือลงโทษ อย่างหน่ึงได้อย่างอิสระ แต่ต้องไม่กระทบต่อ 2. เสรภี าพในเคหสถาน สิทธิผอู้ น่ื อาศยั และครอบครองโดยปกติสุข 3. เสรภี าพในการเดินทาง และการเลือกถนิ่ ที่อยู่ หา้ มเนรเทศ/ห้ามคนสัญชาติไทยเขา้ ประเทศ 4. เสรีภาพในการแสดงความคิดเหน็ ผ่านการพูด การเขียน การพมิ พ์ การโฆษณา 5. เสรีภาพในการส่อื สารโดยชอบทางกฎหมาย โดยทางทีช่ อบด้วยกฎหมาย
2 เสรภี าพ 8. เสรภี าพในการรวมตวั เปน็ สมาคม ของพลเมอื ง สหกรณ์ องค์กร ฯลฯ 9. เสรภี าพในการรวมตวั จัดตั้ง พรรคการเมอื ง 6. เสรีภาพในการนบั ถือศาสนาและ 10. เสรีภาพในการประกอบอาชพี ประกอบพธิ กี รรม และการแขง่ ขนั โดยเสรีอย่างเปน็ ธรรม 7. เสรภี าพในการชุมนุม โดยสงบและปราศจากอาวธุ
แนวทางการคุ้มครองสิทธขิ องพลเมอื ง 1. ปลกู ฝงั ใหเ้ กดิ ความรู้ และตระหนกั 2. เคารพและใหเ้ กยี รติ ยอมรับความ 3. ชว่ ยกันสอดสอ่ ง ในสทิ ธิ แตกตา่ งระหว่างบคุ คล โดยปราศจาก ดแู ลป้องกันไม่ให้ มีการละเมิดสทิ ธิ ของตน เคารพสิทธผิ อู้ ื่น เงือ่ นไขทางเพศ วยั ความรู้
3 บทบาท หน้าท่ขี องเยาวชนในฐานะพลเมอื งของประเทศ “ เยาวชน หมายถึง บุคคลอายุเกิน 15 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่ถึง 18 ปี บริบูรณ์ เป็นวัยท่ีอยู่ในช่วงพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถประกอบอาชีพ และเปน็ พลเมืองท่ดี ี บทบาท = การกระทาตามหนา้ ทที่ ี่กาหนดไว้ บบททบบาาททแแลละะหหนน้าา้ ททเี่ เี่ปป็น็นสส่งิ ิ่งคคกู่ ู่กันนั เชน่ บิดามารดามี หนา้ ที่ = กิจทีค่ วรทาหรอื ตอ้ งทา หน้าทีด่ ูแลเลยี้ งดูบุตร จึงตอ้ งมีบทบาททเี่ หมาะสม เช่น ประกอบอาชีพเพอ่ื เลยี้ งดูบตุ รหลาน
คณุ ลกั ษณะของพลเมอื งดี ตามวิถีประชาธิปไตย 1 เคารพและปฏิบตั ติ ามกฎของสังคม 2 เคารพสิทธิและเสรีภาพของบคุ คล ปฏบิ ตั ติ ามหลกั สทิ ธเิ สรภี าพ 3 ใช้เหตผุ ล คิดก่อนทาและแกป้ ัญหา ยึดเสียงข้างมาก ไม่ละเมิดเสยี งสว่ นนอ้ ย 4 รบั ผิดชอบต่อหนา้ ทข่ี องตนเอง 5 มีนา้ ใจ เสยี สละ เห็นแก่ประโยชน์สว่ นรวม 6 ยึดมั่นในวัฒนธรรมประเพณี 7 ปฏบิ ัตติ ามคาสอนของศาสนาทต่ี นนบั ถอื อย่างเหมาะสม
ประโยชนข์ องการเปน็ พลเมอื งดี ตนเองและครอบครวั สถานศกึ ษา ชุมชนและประเทศชาติ ห า ก ป ฏิ บั ติ ถู ก ต้ อ ง ต า ม หากผู้เรียนรู้จักบทบาทหน้าท่ี ห า ก ค น ส่ ว น ใ ห ญ่ รู้ จั ก บ ท บ า ท กฎเกณฑ์ระดับครอบครัว และ ปฏิบัติตามกฎระเบียบ รักษาสา หนา้ ที่ ทางานด้วยความสุจริต ช่วยกัน สังคม มีคุณธรรม ธารณสมบัติ และตั้งใจเรียน สรา้ งสงั คมให้พฒั นา เห็นแก่ประโยชน์ จริยธรรม เออื้ อาทรซง่ึ กนั และกัน สว่ นรวม ความสขุ สันตสิ ขุ
วธิ ีปฏบิ ตั ติ นในการเคารพสทิ ธิเสรีภาพของตนเองและผ้อู ื่น 1. เป็นสมาชกิ ท1ดี่ .ขี เปอ็นงคสรมอาบชคิกรทัวีด่ ขี องครอบครวั 2. เปน็ สมาชกิ ที่ด1ีข. อเปงโน็ รสงมเรายี ชนิกทดี่ ีของครอบครวั พ่อแม่เล้ียงลูกอย่างดี ลูกเคารพเชื่อฟัง เคารพเชอ่ื ฟัง ปฏิบตั ิตาม ช่วยเหลืองาน ปฏิบัติตามบทบาทหน้าท่ี ไม่สร้างความ กฎระเบยี บ รักษาชอ่ื เสยี งโรงเรียน รักษาสา เดือดร้อน ธารณสมบัติ 3. เปน็ สมาชกิ ท1ด่ี .ีขเปองน็ ทส้อมงาถช่ินกิ หทร่ดี ือีขชอมุ งชคนรอบครัว 4. เปน็ สมาชกิ ทีด่1.ขี เอปง็นปสรมะเาทชศิกชทา่ดี ตีขิ องครอบครัว พั ฒ น า ชุ ม ช น ใ ห้ ปฏิบัติตามกฎหมาย ประหยัดพลังงาน เจริญก้าวหน้า ปฏิบัติตนให้เกิด อนรุ ักษ์ศลิ ปะวฒั นธรรม ปฏิบตั ิตามวัฒนธรรมประเพณี ประโยชน์แกท่ ้องถิ่น รกั ษาการปกครองระบอบประชาธิปไตย
การส่งเสรมิ ใหผ้ ้อู ่นื ปฏิบัติ ระดบั ครอบครัว ตนเป็นพลเมืองดี เปน็ ระดับท่ีทาไดง้ า่ ยทส่ี ุด ควรรูจ้ กั บทบาทหนา้ ที่ตนเอง รกั ใคร่ปรองดองกนั ใหค้ วามเคารพตามลาดบั อาวุโส แก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวธิ ี ร่วมกจิ กรรมของบ้านสมา่ เสมอ ไมส่ รา้ งความเดอื ดร้อน ใหค้ วามสาคัญกบั คนในครอบครัว สง่ เสรมิ ประชาธปิ ไตยที่ถูกตอ้ ง
ระดบั โรงเรียนและสถานศึกษา ระดบั ทอ้ งถ่นิ หรอื ชมุ ชน ผูม้ บี ทบาทสาคญั คือ ผู้นาชมุ ชน ปฏิบัติตนตามวิถีประชาธิปไตย เช่น ใช้กระบวนการ ปฏิบัติตนเปน็ แบบอยา่ งโดยปฏิบตั ติ ามกฎกติกา กล่มุ เคารพเสียงข้างมาก ชุมชน ร่วมพัฒนาชมุ ชน สง่ เสริมให้ผู้อ่นื รบั ผดิ ชอบและปฏบิ ตั ิกจิ กรรมทางสงั คม ร่วมรณรงคร์ ักษาสภาพแวดลอ้ ม เช่น รักษาสาธารณสมบัติ รักษาขนบธรรมเนียมประเพณี ช่วยเหลอื คนด้อยโอกาส บารงุ ศาสนสถาน ร่วมรักษาความสะอาด และพัฒนาชุมชนในโอกาส สาคญั
ระดรบั ะดปบั รปะรเะทเทศศชชาาติ ปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย รกั ษาสาธารณสมบตั ิของชาติ ร่วมกจิ กรรมเสริมสรา้ งความสามคั คี ระดบั ประขเอทงศคชนาในตชิ าติ รว่ มปฏบิ ตั สิ ิ่งทีส่ รา้ งผลดตี อ่ ประเทศ รว่ มกนั อนุรกั ษ์พลงั งาน ร่วมกันอนุรกั ษ์ศลิ ปวัฒนธรรม ใช้ชีวิตตามหลักปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพยี ง
๖หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี พลเมืองดีตามหลักปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพยี ง สาระการเรียนรู้ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง พลเมืองดีตามหลกั ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง
หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวพระราชดาริของ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ภูมิพลอดุลยเดชฯ “...การพฒั นาประเทศ จาเปน็ ตอ้ งทาตามลาดบั ข้นั ตอ้ ง สร้างพื้นฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญเ่ ป็นเบ้อื งตน้ ก่อน...” พ.ศ. ๒๕๑๗
หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง หลกั อดุ มการณ์ หลกั ปฏบิ ตั กิ าร ตั้งเป็นเป้าหมายให้ ลงมอื ทา(ไม่สุดโตง่ ) ชีวติ ดาเนินไปได้ เช่น ใชจ้ า่ ยไม่เกิน พง่ึ พาตนเองได้ ความจาเปน็
ระดับเศรษฐกจิ พอเพียง เศรษฐกจิ พอเพียงระดบั จุลภาค เศรษฐกจิ แบบมหาภาค
พลเมอื งดีตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เงอื่ นไข พอประมาณ มีเหตุผล ความรู้ คณุ ธรรม คุณธรรม มีภูมิค้มุ กัน ความรู้
ร้จู ักหนา้ ท่ตี น • แเดบนิ ง่ ทเวาลงาสเารยียกนอซลดอ่ืเาลงทส่นัตนไมยพ์ส่ ปักดุสผัญโุจอ่ตญรน่งิตา รจู้ กั เลอื ก • พอประมาณ • เลือกซอื้ หรอื ตัดสเพนิ ยี ใจรทมีไ่ มสี ่ ติ เดือดร้อนตนเอง • ประหยเดั ง่อื ไมน่ฟไขมุ่ เฟอื ย คานงึ ถงึ ประโยชน์ • คไรมักว่ใษชาาท้ มสรมัพรดยู้ ลุ าขกอรงเกธนิรรคคมวุณชาามธตจิราเรปม็น มีเหตุผล คานงึ ถึงสว่ นรวม • เตรยี มรับอนาคต จ••ิตปอใอรจระรกใะหกอกรม้แอาบอัดขลบคบร็งังออะแรกาู้รบาวชงยังพี เสสรุจิมรติสร้างรา่ งกาย มภี มู ิค้มุ กนั • แบ่งเงินเกบ็ ไว้ใชย้ ามฉกุ เฉนิ
ศาสนา บทท่ี 7 กบั การดาเนนิ ชีวิต
ศาสนา ทาให้มนษุ ยส์ ามารถอยู่ไดต้ ามลาพัง โดยปราศจากความกลัว คาสอนในศาสนาต่าง ๆ มคี วามสาคญั อยา่ งย่ิงในการพัฒนาบุคคล ใหม้ ีทัศนคติทีด่ ีงาม มีคุณธรรม ประจาตน และแนวทางปฏบิ ตั ิอันถกู ตอ้ ง ศาสนา จะชว่ ยพัฒนาปรับปรุงความคดิ และการกระทาตา่ ง ๆ ของบุคคลให้ มีคุณภาพ มากยิง่ ขนึ้ รวมถงึ การแก้ปัญหาและขอ้ บกพรอ่ ง ของตนเองได้ จนสามารถบรรลคุ วามสาเรจ็ ในชีวติ และพ้นจากความทกุ ข์
ความหมาย คาสัง่ ของศาสนา คอื วนิ ยั ท่เี ป็นกฎ บทบัญญัติ ศาสนา คือ ลัทธิความเชอ่ื ถอื ของมนุษย์ สาหรับบังคับใหค้ นอยู่ในระเบียบอนั ดีงาม และใหเ้ วน้ ขอ้ ที่ห้าม ทาตาม อนั มีหลกั คือ แสดงกาเนดิ และความส้ินสุด ขอ้ ทอ่ี นญุ าต อันเปน็ ทางนาความ ของโลก เป็นตน้ อนั เปน็ ไปในฝ่ายศีลธรรม ประการหนึ่งแสดงหลกั ธรรมเกี่ยวกบั บญุ บาป ประพฤตใิ ห้สมา่ เสมอกันกด็ ี อันเป็นไปในฝ่ายศีลธรรมประการหนง่ึ พรอ้ ม ทง้ั ลัทธิพิธีทก่ี ระทาตามความเหน็ หรือตาม คาสอน คาส่งั สอนในความเช่ือถอื นน้ั คอื ธรรมทีเ่ ปน็ หลกั ให้คนประพฤติ ไดด้ ้วยความร้สู กึ ตวั เองวา่ นี่ควรละ พจนานกุรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ นี่ควรประพฤติ และเปน็ ทางนา ความประพฤตทิ ัง้ อธั ยาศัยให้ประณีต ข้นึ กด็ ที ้งั (สอง) นีเ้ รยี กว่า “ศาสนา” สมเด็จพระมหาวรี วงศ์ (อว้ น ติสโฺ ส)
ลกั ษณะ ลทั ธิศาสนาที่มีต้งั แตโ่ บราณกาล มีลักษณะความเชอ่ื และการนบั ถอื ของศาสนา แตกตา่ งกนั ทา่ นพุทธทาสภกิ ขุได้สรุปไว้ 4 ประการ ได้แก่ 1 2 34 ลกั ษณะที่ ลกั ษณะที่ ลกั ษณะท่ี ลักษณะท่ีนยิ มการรู้ ถือธรรมชาติ ถือเทวดา หรอื ถอื การประพฤติศีล หลกั ปรัชญา พระเปน็ เจ้า และวัตร เป็นหลักการพ้นทกุ ข์ เป็นเปา้ หมาย
องค์ประกอบ สาคญั 2. 6. มีศาสนธรรม มีศาสนพิธี 1. 3. 5. 7. มคี วาม มีศาสนา มีศรัทธา มีสถาบนั ศักด์ิสทิ ธ์ิ 4. 8. มีศาสนบุคคล มีศาสนสถาน โดยศาสตราจารย์ ดร.จานงค์ อดิวัฒนสทิ ธิ์
1. ประเภทเทวนยิ ม ประเภทของศาสนา (Theism) 2. ประเภทอเทวนยิ ม เป็นศาสนาทีน่ ับถอื ศรทั ธาว่า (Atheism) มพี ระเป็นเจ้าสงู สดุ ศาสนาซ่งึ มีความเชอ่ื วา่ เป็นผสู้ รา้ งสรรค์โลก และสรรพสิ่ง ศาสนาในกลุ่ม ไม่มีพระเป็นเจา้ เชือ่ ในกฎธรรมชาติ เทวนยิ มนแ้ี บง่ ออกเปน็ หรอื กฎแหง่ การกระทา ของมนุษย์ (Law of 1.1 เอกเทวนิยม (Monotheism) Kamma) ศาสนาซึ่งมีความเชอ่ื ว่า มพี ระเป็นเจา้ (God) สูงสุด ได้แก่ ศาสนาเชน อยูเ่ พียงพระองคเ์ ดียว พระองคท์ รงเป็นผูส้ รา้ ง พระพุ ทธศาสนา และทรงควบคมุ สรรพส่งิ ในจกั รวาล ไดแ้ ก่ ศาสนายิว หรอื ยูดาย ศาสนาครสิ ต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนาสขิ ศาสนาโซโรอัสเตอร์ 1.2 พหเุ ทวนิยม (Polytheism) ศาสนาซ่งึ มคี วามเชอื่ ศาสนาว่า มเี ทพเจ้าหลายองค์ และสงิ สถติ อยใู่ นสรรพสงิ่ ไดแ้ ก่ ศาสนาชินโต ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู
บทที่ 8 พุทธประวตั ิ วนั สำคัญ เรื่องน่ำรจู้ ำกพระไตรปิฎก พุทธประวตั ิจำกพระพทุ ธศำสนำ
พระรำชโอรสของพระเจ้ำ 16 พรรษำ ทรงอภเิ ษกสมรส สุทโธทนะ กบั พระนำงสิริมหำ กับพระนำงพิมพำ มพี ระโอรส มำยำ พระนำมว่ำ รำหุล พระพุทธประวัติ พระนำมเดิม 7 พรรษำ ทรงร่ำเรียน 29 พรรษำ “ศิลปศำสตร์ 18 ประกำร” เสด็จออกผนวช “สิทธัตถะ” ณ รมิ ฝ่ังแมน่ ำอโนมำ ณ สำนกั ครวู ิศวำมติ ร จนแตกฉำน
ก่อนจะตรัสรู้ ทรงพบอุปสรรคมำกมำย หรอื ทรงตรสั รู้ “อรยิ สจั 4” เรียกวำ่ “ผจญมำร” ในวนั ขึน 15 คำ่ เดอื น 6 1. กเิ ลสมำร = โลภ โกรธ หลง 4. เทวปตุ ตมำร = บุคคลทคี่ อยชกั นำไมใ่ ห้ทำควำมดี และยยุ ง ใหท้ ำชัว่ 2. ขันธมำร = รปู เวทนำ สญั ญำ สังขำร และ 5. มจั จมุ ำร = ควำมตำย หรือควำมไม่แน่นอนของชีวติ วญิ ญำณ คือสภำพปัจจยั ปรุงแตง่ 5 ประกำรนีล้วนขดั ขวำงกำรทำดี 3. อภสิ งั ขำรมำร = เจตนำของบคุ คลท่ีเป็น ตวั กระตุ้นเรำไปกระทำกรรม (บญุ บำป ทำใหเ้ รำตอ้ งเวียนวำ่ ยตำยเกดิ )
ทรงแสดงปฐมเทศนำ “ธัมมจักกัปปวตั ตนสูตร” โปรดปัญจวัคคีย์ ใน วันขึน 15 ค่ำ เดือน 8 เร่ืองที่สอน คือแนวทำงไม่ควรประพฤติปฏบิ ตั ิ และแนวทำงควรปฏบิ ตั ิ สมั มำทิฏฐิ เหน็ ชอบ แนวทำงไม่ควรประพฤติปฏบิ ัติ เพรำะทำให้เสียเวลำและพลำดโอกำส สำเร็จ คือ “ทำงสดุ โตง่ ” ได้แก่ สัมมำสังกปั ปะ ดำรชิ อบ 1. กำมสุขลั ลิกำนโุ ยค สัมมำวำจำ เจรจำชอบ 2. อัตตกลิ มถำนุโยค แนวทำงประพฤติปฏบิ ตั ิตนที่ถกู ตอ้ ง นำไปสู่ควำมสำเรจ็ เรยี กวำ่ สัมมำกมั มันตะ กำรงำนชอบ “มชั ฌิมำปฏิปทำ” หรือ “ทำงสำยกลำง “ สมั มำอำชวี ะ อำชีพชอบ สัมมำวำยำมะ พยำยำมชอบ สัมมำสติ สตชิ อบ สัมมำสมำธิ สมำธชิ อบ
หลงั จำกทรงแสดงธรรมจบ โกณฑญั ญะได้กรำบทลู ขอบวช พระพุทธองคท์ รงประทำนกำรบวชด้วยวธิ ี “เอหภิ กิ ขุอปุ สัมปทำ” ทำให้เกดิ พระสงฆร์ ปู แรกของโลก ทรงแสดง “โอวำทปำฏิโมกข”์ ในวันขนึ 15 คำ่ เดอื น 3 เนือ่ งจำก o เกิดเหตุกำรณ์ “จำตุรงคสันนิบำต” 1. เปน็ วนั พระจนั ทรเ์ ตม็ ดวง 2. พระสงฆ์ 1,250 องค์ มำประชมุ โดยมไิ ด้นดั หมำย 3. พระสงฆ์ทังหมดเปน็ เอหิภกิ ขุอุปสมั ปทำ 4. พระสงฆ์ทังหมดเป็นพระอรหนั ต์ o โอวำทปำฏโิ มกข์ 1. ไม่ทำควำมชัว่ ทงั ปวง 2. ทำควำมดีให้ถึงพร้อม 3. ทำจติ ใจใหบ้ ริสุทธ์ิ ปรินพิ พำน ในวันขึน 15 ค่ำ เดอื น 6 ณ สำลวโนทยำน นอกกรุงกสุ นิ ำรำ แควน้ มลั ละ
วนั สำคญั ทำงพระพุทธศำสนำ 1. วันมำฆบชู ำ 2. วันวิสำขำบูชำ (ขึน 15 ค่ำ เดือน 3) (ขนึ 15 คำ่ เดือน 6) แสดงโอวำทปำฏิโมกข์ วันประสูติ ตรสั รู้ ปรินพิ พำน ภกิ ษุ 1,250 องค์ มำประชมุ โดยมิไดน้ ดั หมำย สหประชำชำติประกำศเปน็ วันสำคัญสำกล เกิดเหตุกำรณ์จำตุรงคสันนบิ ำต 4. วันอำสำฬหบูชำ 3. วนั อฏั ฐมบี ชู ำ (ขนึ 15 คำ่ เดือน 8) (แรม 8 ค่ำ เดอื น 6) แสดงปฐมเทศนำ ธัมมจักกปั ปวตั ตนสูตร วนั ถวำยพระเพลิงพระพุทธเจ้ำ เกิดพระสงฆ์รปู แรก พระรัตนตรัยครบองค์ 3
5. วนั เข้ำพรรษำ เชน่ 7. ตักบำตรเทโว (แรม 1 ค่ำ เดือน 8) (แรม 1 คำ่ เดือน 11) ภิกษตุ อ้ งพักประจำอย่กู ับที่ตลกอดำฤรดปูฝฏนิบตั ิตนในวันสำคญั 1. อำมิสบูชำ คือ บชู ำดว้ ยสิง่ ของ ระลึกถึงวนั ทพี่ ระพทุ ธเจ้ำเสดจ็ กลบั จำกกำร เชำ้ ตกั บำตรในต(โอวปนนัรดพพทุ รธะเจพำ้ ทุ เปธมดิ ำโลรดกำ) 2. ปฏบิ ัตบิ ชู ำ คือ บชู ำด้วยกำรปฏิบตั ธิ รรม เชน่ ฟงั เทศน์ รักษำศีล 5 6. วันออกพรรษำ (ขึน 15 คำ่ เดอื น 11) ภกิ ษุทำ “พิธมี หำปวำรณำ” คือว่ำกล่ำว ตกั เตอื นโดยไม่โกรธเคอื งกนั วนั สำคัญทำงพระพุทธศำสนำ
ศึกษาพทุ ธประวตั ิจากพระพทุ ธรปู ปางต่าง ๆ พระพทุ ธรปู คอื ปูชนียวัตถทุ ชี่ ำวพุทธสร้ำงเพ่อื เปน็ สัญลกั ษณ์ไวเ้ คำรพกรำบไหว้ ปางมารวชิ ยั เหตุการณ์ : ผจญมาร “วสวตั ดมี าร” ปางลลี า เหตุการณ์ : เสดจ็ ลงมาจากสวรรคช์ นั้ ดาวดงึ สใ์ นวนั ออกพรรษา หลงั จากแสดงธรรมโปรดพทุ ธมารดา ปางแสดงธรรมเทศนา เหตุการณ์ : แสดงปฐมเทศนาแก่ปัญจวคั คยี ์
พระพทุ ธรปู ปางประจา้ วนั เกิด วันอาทติ ย์ ปางถวายเนตร เหตุการณ์ : ทอดพระเนตรต้นศรมี หาโพธโ์ิ ดยไมก่ ระพริบตา เปน็ เวลา 7 วัน วันจนั ทร์ ปางหา้ มญาติ เหตุการณ์ : เสดจ็ ไปห้ามพระญาติฝา่ ยบดิ าและมารดาทีท่ ะเลาะกนั เรอ่ื งน้าในการ เพาะปลกู วนั อังคาร ปางไสยาสน์ เหตุการณ์ : ทรงนิมติ รา่ งกายให้ใหญโ่ ตกว่าอสุรินทราหู เพอ่ื เรียกสติ และมีความออ่ นนอ้ ม ศรทั ธาในพระพุทธองค์
พระพทุ ธรปู ปางประจาวนั เกดิ วนั พธุ (กลางวนั ) ปางอุม้ บาตร เหตุการณ์ : เสดจ็ ออกบณิ ฑบาตในเมอื งกบลิ พสั ดุ์ ครงั้ เสดจ็ โปรดบดิ าและญาติ วนั พธุ (กลางคนื ) ปางปาลไิ ลยก์ หรอื ป่าเลไลย์ เหตกุ ารณ์ : ทรงหา้ มพระสาวกทท่ี ะเลาะกนั ไมส่ าเรจ็ จงึ หลกี ไปประทบั ในป่า โดยมพี ญาชา้ ง ปาลไิ ลยกะและลงิ คอยรบั ใช้ วนั พฤหสั บดี ปางสมาธิ หรอื ปางตรสั รู้ เหตกุ ารณ์ : ตรสั รเู้ ป็นพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้
พระพุทธรปู ปางประจาวนั เกดิ วนั ศุกร์ ปางราพงึ เหตกุ ารณ์ : ทรงใครค่ รวญวา่ ธรรมทพ่ี ระองคบ์ รรลุ ยากทค่ี นทวั่ ไปจะ เขา้ ใจ แต่ดว้ ยพระมหากรณุ าจงึ เสดจ็ เผยแผค่ าสอน วนั เสาร์ ปางนาคปรก เหตุการณ์ : พญานาคมจุ จลนิ ทไ์ ดว้ งขนดเป็นฐานใหพ้ ระองคน์ งั่ และบงั แดดบงั ฝนใหพ้ ระองค์
หลกั ธรรม บทที่ 9 และหลักปฏิบัติทางพระพุ ทธศาสนา หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา ทกุ ข์ สมุทัย นโิ รธ มรรค หลกั ปฏิบตั ทิ างพระพุทธศาสนา
หลักธรรม ปั ญหำ อริยสจั 4 เหตุแห่งปั ญหำ ทปี่ รำคกำฏสหอนลกัขอฐำงนพใรนะพพุทระธไเตจร้ำปิฎก ทกุ ข์ สมุทัย นโิ รธ มรรค ภำวะปั ญหำหมด วธิ ีแกป้ ั ญหำ
สมุทัยเหมือน มรรคเหมือน วำงนขิโอรงธหเหนมกั ือลนงได้ แบกของหนักไว้ วธิ วี ำงของหนกั ลงได้ ทุกข์ อรยิ สัจ 4
ควำมไมส่ บำยกำย ไมส่ บำยใจ สำเหตุทีท่ ำให้เกดิ ปั ญหำ ทกุ ข์ สมทุ ยั ธรรมทคี่ วรร้เู ทำ่ ทนั ธรรมทคี่ วรละ ขนั ธ์ 5 อบำยมุข 6 นโิ รธ มรรค ธรรมทีค่ วรบรรลุ ธรรมทคี่ วรเจรญิ เบญจศีล-เบญจธรรม กุศลกรรมบถ 10 สภำวะทตี่ อ้ งทำหรือกำจัดให้หมดไป ขอ้ ปฏบิ ัติให้ถงึ ควำมดับทุกข์
เวท2น. ำ ขนั ธ์ 5 องคป์ ระกอบของชีวิตมนษุ ย์ 1. สัง5ข.ำร สัญ3ญ. ำ กำรรบั รเมู้ ร่อื ้แู เขจ้า้งใอจำแรลมะรณู้เทท์ ่าำทงันปขรนั ะธส์ 5ำททัง้ 5 ร่ำงกำยแจตะลสาะามพมสฤา่งิ รตทถกิ เี่ มปรอ็นรงมเเทรหา็นงั้ จหสะไิง่มมทด่ย้ังขดึ หอตลงิดารย่ำงกำย รปู ควำมกำหนกจ็ดะไไมด่เ้ กจดิำอทำุกรขม์ ณน์ ัน้ ได้ วญิ ญ4. ำณ ควำมรก้สู ำึกเปรทป็นเี่ กรทุงดิ ีม่ แจำตำข่งกอจปงติ กรใะำหสร้ดำกทหีระสรทอืัมำชผวั่สั ทัง้ 5
ขนั ธ์ 5 ปรำกฏกำรณธ์ รรมชำติ “ฝนตก” มผี ลตอ่ คนต่ำงกนั ตำมขนั ธ์ 5
ติดสรุ าและของมนึ เมา อบำยมุข 6 ชอบเทย่ี วกลางคืน ชอบเท่ยี วดกู ารละเลน่ ติดการพนัน ช่องทำงของควำมเส่อื ม คบคนช่วั เป็นมติ ร เกยี จคร้านทาการงาน
เบญจศีล เบญจธรรม ขอ้ ห้ำมไมใ่ ห้ทำควำมชัว่ ขอ้ ปฏิบตั ิให้ทำควำมดี 1 เมตตำ กรณุ ำ 1 ปำณำตปิ ำตำ เวรมณี 2 อทนิ ฺนำทำนำ เวรมณี 2 สมั มำอำชีวะ 3 กำเมสมุ จิ ฉำจำรำ เวรมณี 3 กำมสงั วร 4 มสุ ำวำทำ เวรมณี 4 สัจจะ 5 สุรำเมรยมชฺชปมำทฏฐฺ ำนำ เวรมณี 5 สตสิ ัมปชัญญะ
กศุ ลกรรมบถ ควำมหมำย ทำงแห่งกรรมดี ทำงทำดี กรรมดี อันนำไปสู่สุคติ กรรมดี 10 ประกำร กำยกรรม 3 วจกี รรม 4 มโนกรรม 3 1. เวน้ จำกกำรทำลำยชีวติ 1. เวน้ จำกกำรพดู เท็จ 1. ไมอ่ ยำกไดข้ องเขำ 2. เวน้ จำกกำรลักทรพั ย์ 2. เวน้ จำกกำรพดู ส่อเสยี ด 2. ไมค่ ดิ รำ้ ยเบียดเบยี น 3. เวน้ จำกกำร 3. เวน้ จำกกำรพูดคำหยำบ 3. เหน็ ชอบตำมคลอง ประพฤตผิ ิดในกำม 4. เวน้ จำกกำรพดู เพอ้ เจ้อ ธรรม
เป้ ำหมำยสงู สุดคอื หลกั ปฏบิ ัตทิ ำงพระพทุ ธศำสนำ กำรหลดุ พน้ กำรบรหิ ำรจติ กำรสวดมนต์ กำรแผเ่ มตตำ
กำรบรหิ ำรจิต คอื กำรฝึกจติ ให้มีสมำธิ ไมว่ อกแวกหวัน่ ไหว เป็นภำวะทีจ่ ติ แนบแนน่ อยูก่ บั สิง่ ใดสิง่ หน่งึ นำนๆ เป็นจติ ทเี่ หมำะแกก่ ำรใช้งำน สมำธิ วิธกี ำรบริหำรจติ ตงั้ มัน่ อยำ่ งสม่ำเสมอ เหมอื นนำลูกโคหนมุ่ ทเี่ จ้ำของยังไมเ่ คยฝึกมำใช้งำน สมำธิทีม่ ีโดยธรรมชำติ ระยะแรกตอ้ งใช้เชือกผกู ให้มนั่ สมำธิทตี่ ้องพฒั นำ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111