Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E book

E book

Published by Nirut Chuenwong, 2020-03-20 01:37:03

Description: E book

Search

Read the Text Version

E - Book AR จงั หวดั อตุ รดติ ถ์ การจดั การความรู้ กลุม่ งานสารสนเทศการพฒั นาชมุ ชน สานกั งานพฒั นาชุมชนจงั หวดั อตุ รดติ ถ์ 055-411686

แบบบันทึกองค์ความรู้รายบุคคล 1. ชอ่ื องคค์ วามรู้ เทคนคิ การทางานในภาวะจากดั ด้านบุคลากรใหป้ ระสบความสาเร็จ 2. ชอ่ื เจ้าของความรู้ นางดวงชวี ัน คาแปง นกั วิชาการพฒั นาชุมชนปฏิบตั กิ าร สานักงานพัฒนาชมุ ชนอาเภอลบั แล 3. หมวดองค์ความร้ทู บ่ี ่งชี้ หมวดเทคนิคการเสรมิ สร้างองคก์ รให้มขี ดี สมรรถนะสูง 4. ทม่ี าและเป้าหมายของการจัดการความรู้ ในภาวการณ์ปัจจุบัน สานักงานพัฒนาชุมชนอาเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มีบุคลากรจากัด ซึ่งประกอบไป ด้วยนักวิชาการพัฒนาชุมชน จานวน 2 ท่าน และ อาสาพัฒนา จานวน 1 ท่าน โดยอาเภอลับแลมีพ้ืนท่ีรับผิดชอบ จานวนทั้งส้ิน 8 ตาบล ข้าพเจ้ารับผิดชอบงานในฐานะพัฒนากรประจาตาบลจานวนทั้งสิ้น 3 ตาบล ได้แก่ ตาบล ด่านแม่คามัน ตาบลนานกกก ตาบลชัยจุมพล และงานในพ้ืนที่รับผิดชอบร่วมกันอีก 1 เทศบาล คือ เทศบาลตาบล ศรีพนมมาศ ทาให้มีปริมาณงานในความรับผิดชอบจานวนมาก เช่น การบริหารการจัดเก็บและบันทึกข้อมูล จปฐ. งานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี งานสัมมาชีพชุมชน งานศูนย์จัดการกองทุนชุมชน ศูนย์เรียนรู้ และศูนย์สาธิต การตลาด งานที่เก่ียวข้องกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจพอเพียง งานสตรี เด็กและเยาวชน งานธุรการและงานการ เจา้ หน้าที่ ฯลฯ ดังนนั้ จงึ จาเป็นตอ้ งมีเทคนิคการทางานในภาวะจากัดด้านบุคลากรให้ประสบความสาเร็จ เพื่อให้งาน ที่อยู่ในความรับผิดชอบไม่เกิดความเสียหายสามารถบรรลุเป้าหมายเกิดผลสัมฤทธิ์ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อ ประชาชน 5. วธิ ีการ/ข้ันตอนการจัดการความรู้ การทางานในภาวะจากดั ด้านบุคลากรให้ประสบความสาเร็จน้ัน อาจสรุปเปน็ ขนั้ ตอนตา่ งๆ จากประสบการณ์ในการทางานของข้าพเจา้ ไดด้ งั น้ี 1.ตั้งเปา้ หมายและวางแผนการทางานไว้ล่วงหน้า ซงึ่ จะชว่ ยทาใหก้ ารปฏบิ ตั งิ านมีทิศทาง และเกิด ขอ้ ผิดพลาดนอ้ ยทสี่ ดุ 2.บริหารเวลาในการปฏบิ ตั ิงาน คือ วางแผนว่าจะปฏบิ ตั งิ านอะไรก่อน หลัง ในระยะเวลาเท่าใด จดบนั ทึก ตารางเวลาการปฏบิ ตั งิ านในแตล่ ะวันว่ามีกิจกรรมอะไรบ้างทีจ่ ะต้องลงมือปฏิบตั ิในแต่ละวัน เพื่อให้สามารถวางแผน ในการเดินทาง การตดิ ต่อประสานงาน และการลงมือปฏิบตั ิงานให้เกดิ ความคุ้มคา่ มากท่สี ุด 3.จดั ลาดบั ความสาคญั ของงานกอ่ น / หลงั โดยการวิเคราะหว์ ่า งานใดสาคญั และเร่งด่วนควรดาเนนิ การ ก่อน งานใดเปน็ งานไมส่ าคัญไมเ่ ร่งด่วน เป็นงานเล็กน้อยควรให้ความสาคญั อันดบั หลัง 4.ใช้เทคโนโลยีในการทางาน ประสานงานและ ติดตามงาน เชน่ การใชโ้ ทรศัพท์ LINE Skype ทั้งนเี้ พ่ือจะ ไดป้ ฏิบัตงิ านด้วยความรวดเร็ว และประหยดั เวลาในการเดินทาง 5.ให้ความสาคญั ต่อการทางานเป็นทมี เพราะทีมงานเปน็ กุญแจสาคัญแหง่ ความสาเรจ็ ในการทางาน ทีมงาน ท่ีมีประสิทธภิ าพจะต้อง มีการยอมรับซึง่ กนั และกัน มคี วามไว้วางใจกนั มีความรักใครใ่ นทมี งาน รว่ มมือร่วมใจในการ ทางานอย่างจริงจงั จรงิ ใจ ลดความขดั แย้งระหวา่ งบุคคลในทีมงาน มีการตดิ ต่อประสานงานทด่ี ีระหว่างกนั และการ สรา้ งบรรยากาศท่ีดีในการทางานร่วมกนั และทีมงานทด่ี คี วรตอ้ งปฏบิ ตั ิงานแทนกนั ได้เมื่อมีความจาเป็น 6.สร้างผ้นู า และองค์กรภาคเี ครอื ขา่ ยในพนื้ ท่ี เช่น ผู้นาอาสาพฒั นาชมุ ชน คณะกรรมการพฒั นาสตรี ผู้นา ชุมชน คณะกรรมการกลุ่มต่างๆ ใหม้ ีความเข็มแข็ง และมีความสามารถ เพ่ือให้สามารถเป็นผชู้ ว่ ยในการปฏบิ ตั ิงานใน พ้นื ทีแ่ ทนได้ ยกตวั อย่างเช่น การพัฒนาศกั ยภาพผ้นู าอาสาพฒั นาชุมชนตาบลด่านแม่คามัน ให้มีขดี สมรรถนะในการ

เป็นนกั พฒั นาทดี่ ี ด้วยการฝกึ ใหเ้ ปน็ วิทยากรกระบวนการ ฝกึ เทคนิคการประสานงานกับบคุ คล และฝึกศิลปะการพดู ในท่ชี ุมชน จน นางพานิชย์ สุขแสง ผูน้ าอาสาพัฒนาชมุ ชนตาบลด่านแมค่ ามันสามารถเป็นวิทยากรกระบวนการตาม โครงการไทยนิยม ย่ังยืน แทนข้าพเจา้ ได้ เนื่องจากข้าพเจา้ รับผดิ ชอบพน้ื ท่จี านวนท้ังส้ิน 3 ตาบล ไมส่ ามารถลงพน้ื ท่ี ตามโครงการไทยนิยมย่ังยืนได้ท้ังหมด 6. ผลลัพธ์ทไ่ี ดจ้ ากการจัดการความรู้ 6.1 เทคนคิ และแนวทางในการทางาน 1.วางแผนการทางานและมีเปา้ หมายท่ชี ัดเจนในการปฏบิ ัตงิ าน 2.บรหิ ารเวลาให้เกิดความคมุ้ ค่ามากทส่ี ุด 3.จัดลาดบั ความสาคญั ของงานให้ได้ 4.ใช้เทคโนโลยที ีเ่ หมาะสมในการปฏิบตั ิงาน 5.ทีมงานทดี่ ี คือหัวใจหลกั ของการทางานให้ประสบความสาเร็จ 6.สร้างผนู้ า และภาคเี ครอื ข่ายท่มี ีประสิทธภิ าพเพ่ือให้มีบุคลากรในการปฏิบัตงิ านในพน้ื ทเี่ พิม่ มากขนึ้ 6.2 ข้อพงึ ระวงั 1.การใช้เทคโนโลยีตา่ งๆในการติดตอ่ ประสานงานน้ันควรใชใ้ นโอกาสทีเ่ หมาะสมและถูกกาลเทศะและใช้ เท่าท่จี าเปน็ เพื่อไมใ่ หเ้ กดิ ชอ่ งวา่ งระหวา่ งพฒั นากรกบั ผู้นาชมุ ชน และประชาชน 6.3 ปจั จัยแหง่ ความสาเรจ็ 1.การทางานเปน็ ทีม 2.การสรา้ งผ้นู าและภาคเี ครือข่ายทเ่ี ข้มแข็ง 6.4 ปัญหาและวิธีการแกไ้ ข ความเคล่อื นของแผนงานทว่ี างไว้ ดว้ ยขอ้ จากัดของระยะเวลา หรือความพร้อมของพนื้ ท่ีในการปฏบิ ัติงาน อาจส่งผลให้เกิดความคาดเคล่อื นของแผนงานทว่ี างไวไ้ ดเ้ สมอ ดังนน้ั เพื่อไมเ่ กิดความเสียหายต่องานในหน้าทจี่ งึ จาเปน็ จะต้องบรหิ ารเวลา บรหิ ารบุคคลและบริหารพ้นื ทดี่ ว้ ยการตอ่ รองเจรจาให้แผนการดาเนินงานที่วางไวเ้ กิดความ คลาดเคลื่อนน้อยท่ีสดุ 6.5 ผลลพั ธจ์ ากการแกป้ ัญหาและการพฒั นาเรื่องนัน้ สามารถปฏิบตั ิงานไดส้ าเร็จตามระยะเวลาทก่ี าหนด และบรรลเุ ปา้ หมาย

แบบบันทกึ องคค์ วามรู้รายบุคคล 1. ชื่อองค์ความรู้ เทคนิคการทางานในภาวะจากดั ด้านบคุ ลากร ใหป้ ระสบความสาเรจ็ 2. ชอื่ เจ้าของความรู้ นางสาวรัตนา อ่อนกลัน่ 3. หมวดองค์ความรู้ทบี่ ่งช้ี หมวดเทคนิคการเสริมสร้างองค์กรให้มขี ดี สมรรถนะสงู 4. ทีม่ าและเป้าหมายของการจดั การความรู้ สานักงานพัฒนาชุมชนอาเภอตรอน เป็นหน่วยงานสังกัดกรมการพัฒนาชุมชน มีภารกิจหลักใน การสง่ เสริมกระบวนการเรียนรู้ สรา้ งการมีสว่ นร่วมของประชาชน ที่ปฏิบัติงานในพ้ืนท่ี มีเจ้าหน้าท่ีพัฒนาชุมชน ได้แก่ พฒั นากร รับผดิ ชอบกิจกรรมงานพฒั นาชมุ ชนในแตล่ ะตาบล รบั ผดิ ชอบต้ังแต่ 1 ตาบลข้นึ ไป แต่ละอาเภอ มีจานวนบุคลากรไม่เท่ากัน ตามขนาดของอาเภอ และมีพัฒนาการอาเภอเป็นผู้บังคับบัญชาในระดับอาเภอ ประกอบกับปัจจุบันปริมาณงานตามภารกิจและงานท่ีได้รับมอบหมายพิเศษมีจานวนมากข้ึน แต่ถูกจากัดด้วย จานวนบุคลากร ดังนั้น ผลสาเร็จในงานพัฒนาชุมชน จึงขึ้นอยู่กับการบริหารงาน การบริหารคน สร้างขวัญ กาลังใจให้บุคลากร เน้นการทางานเป็นทีม การสร้างความสัมพันธ์ภายในและภายนอกองค์กร ตลอดจนการหา รูปแบบการทางานที่เหมาะสมและประยุกต์ใช้ตามสภาพพ้ืน สามารถขับเคล่ือนการทางานให้ราบรื่น เกิดประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ลสูงสุด 5. วิธกี าร/ขัน้ ตอนการจัดการความรู้ (อธิบายพอสังเขป) การขับเคลื่อนงานพฒั นาชุมชนในภาวะจากดั ด้านบุคลากร จึงจาเปน็ ตอ้ งมีการปรบั เปลยี่ นกระบวนการ ทางาน การปรบั ทัศนคตเิ ชงิ บวก การบริหารจดั การ การมสี ่วนรว่ ม การทางานเปน็ ทีม และการบรู ณาการ การทางานรว่ มกนั เพ่ือให้การทางานพฒั นาชุมชนอาเภอ ประสบความสาเรจ็ และมปี ระสิทธิภาพ ดงั นี้ 5.1 ทีมงานภายในหนว่ ยงาน ทีมงานภายในหนว่ ยงาน มีความสาคัญอย่างยงิ่ ในการรับนโยบายจากกรมการพฒั นาชุมชน นาไปสู่ การปฏิบตั ิ จึงดาเนินการพฒั นาทีมงานภายในหน่วยงาน ดังนี้ 5.1.1 สรา้ งทัศนคติเชิงบวกในการทางาน การยอมรับนับถือ ชื่นชม ยกย่อง สร้างขวญั กาลงั ใจ แรงจูงใจในการทางาน สรา้ งความรักความผูกพัน ความสามัคคใี นหนว่ ยงาน 5.1.2 สรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจแก่ทีมงานก่อนการทางาน โดยมีวัตถปุ ระสงค์และเปา้ หมายท่ี ชัดเจน มีการแบ่งหน้าท่ีความรับผิดชอบโดยออกคาสั่งแต่งตง้ั มอบหมายงาน 5.1.3 จดั ให้มกี ารปรับเปลย่ี นรปู แบบการทางานเป็นทีมในบางกรณี เช่น งานเรง่ ดว่ น ปรมิ าณ งานมาก โดยให้ความสาคญั กับการมีส่วนร่วมของทมี งาน ร่วมคดิ รว่ มทา รว่ มวางแผนปฏบิ ตั กิ าร รว่ มดาเนินการ และร่วมรบั ผิดชอบ เนน้ ให้พัฒนากรสามารถทางานแทนกันได้ 5.2 ทมี งานภายนอกหนว่ ยงาน การขบั เคลือ่ นงานพัฒนาชุมชน จาเปน็ ตอ้ งมีภาคกี ารพัฒนา หน่วยงานขา้ งเคยี ง ผ้นู าชมุ ชน กลมุ่ องค์กร เครือขา่ ยองคก์ รชมุ ชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ช่วยในการขับเคลื่อนงานจงึ จะบรรลตุ าม วตั ถุประสงค์ ดังนี้ 5.2.1 บรู ณาการการทางานระหวา่ งหน่วยงาน 5.2.2 ใหค้ วามสาคญั และรว่ มมือกับทีมงานสว่ นราชการ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ กรณี ประสานความรว่ มมือ เช่น เชญิ เปน็ วิทยากร เขา้ รับการอบรม เข้าร่วมประชมุ ร่วมกจิ กรรมของหนว่ ยงานอ่นื

5.2.3 ให้ความสาคัญในการขบั เคล่อื นการดาเนนิ งานของ กลุ่ม องค์กร เครอื ขา่ ยองคก์ รชุมชน อยา่ งต่อเนอื่ ง โดยจดั ประชมุ อยา่ งสมา่ เสมอและกาหนดแผนการดาเนินงาน การติดตาม ประเมินผลรว่ มกัน 6. ผลลัพธ์ทไี่ ดจ้ ากการจัดการความรู้ 6.1 เทคนิคแนวทางในการดาเนนิ งาน 6.1.1 การทางานเป็นทีม 6.1.2 การสร้างภาคเี ครอื ข่าย 6.1.3 ให้ความสาคัญกับค่านิยมหลกั ขององค์การ ABC DEF S&P มาใช้พฒั นาบุคลากร เชน่ การยอมรบั นับถือ ชนื่ ชม ยกย่อง สรา้ งขวัญ กาลังใจ แรงจูงใจในการทางาน สรา้ งความรักความผกู พัน ความ สามัคคใี นหนว่ ยงาน 6.2 ข้อพงึ ระวงั (ถา้ มี) อุปสรรคบางประการทอ่ี าจทาใหก้ ารสรา้ งทีมงานไมม่ ปี ระสทิ ธภิ าพ เชน่ ผู้นาหรอื ผูบ้ รหิ าร กาหนดเปา้ หมายของงานไม่ชัดเจน สมาชิกของทีมงานไม่เข้าใจบทบาทหนา้ ท่แี ละความรับผิดชอบของตน 6.3 ปจั จยั แหง่ ความสาเร็จ 6.3.1 การทางานเปน็ ทีม 6.3.2 การสร้างภาคเี ครอื ข่าย 6.3.3 การสร้างขวญั และกาลังใจใหก้ ับบุคลากรในหน่วยงาน 6.3.4 การมที ศั นะคติที่ดีต่อกัน 6.4 ปัญหาและวธิ ีการแก้ไข จากปริมาณการทางานพฒั นาชมุ ชนและงานที่ไดร้ ับมอบหมายเพิม่ ขึ้น แต่ถูกจากัดด้วยจานวน บุคลากร และบุคลากรก็มที ักษะ ทัศนะคติทีแ่ ตกต่างกัน ทาให้เกดิ ปญั หาการทางาน ทางานไม่ทันตอ่ เวลา บางครงั้ ผิดพลาดเพราะขาดความรู้ ความเข้าใจ การส่อื สารที่ไมต่ รงกนั ปรมิ าณงานและความรบั ผดิ ชอบมาก นอ้ ยแตกต่างกนั ไป ส่งผลตอ่ การประเมนิ และความสาเรจ็ ของงานที่มงุ่ เนน้ แค่ตวั ช้ีวัดท่ีประสบความสาเรจ็ เทา่ นนั้ ทาให้ขาดขวญั และกาลังใจในการทางาน ส่ิงเหล่านย้ี อ่ มส่งผลกระทบต่อการทางานใหม้ ีประสิทธิภาพ แนวทางแก้ไข การแบ่งหนา้ ท่ีความรบั ผิดชอบงานใหเ้ หมาะสมสอดคล้องกบั ปริมาณงาน การสร้างกระบวนการมสี ว่ นร่วมในงานทมี โดยบุคลากรในหน่วยงานต้องเปิดใจปรบั ทัศนะคตทิ ี่ดตี ่อกนั เพื่อ สร้างความสัมพนั ธ์ ความรักความสามัคคชี ่วยเหลือกนั ในองคก์ ร มีการจดั ประชุมสร้างความรู้ ความเขา้ ใจ มี เป้าหมายการดาเนนิ งานทีช่ ดั เจนกอ่ นดาเนนิ การ และหลังการดาเนินงานจะต้องมีการติดตามสรุปผลการ ดาเนินงานเพ่ือรบั ทราบปัญหา อุปสรรค และหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน นอกจากน้ีจาเปน็ อยา่ งยิ่งท่ี จะต้องสรา้ งภาคเี ครือขา่ ยในการทางาน เพอ่ื บูรณาการทางานร่วมกนั และแบ่งเบาภาระหนา้ ท่ี ลดข้นั ตอน กระบวนการทางาน เช่น การส่งหนังสอื ในพน้ื ท่ี การทากจิ กรรมร่วมกัน เพื่อพฒั นางานชุมชนให้มีคุณภาพ และประสิทธิภาพเกิดประโยชนส์ ูงสุดตอ่ ประชาชน 6.5 ผลลพั ธจ์ ากการแก้ปญั หาและการพัฒนาเร่ืองนัน้ บคุ ลากร ถือเปน็ กลไกสาคัญในการขบั เคลื่อนการทางาน ดังนนั้ การจะทางานให้ประสบ ความสาเร็จจึงต้องมีการพฒั นาบุคลากร ใหม้ ีคุณภาพและมีคณุ ธรรม บริหารจดั การงานให้เหมาะสมกบั บุคลากรท่มี ีอยู่อยา่ งจากัด จะทาให้งานมีคณุ ภาพและเกดิ ประสทิ ธิผลสงู สุด

การบันทกึ องค์ความรู้ 1.ชื่อความรู้ เทคนคิ การทางานในภาวะจากัดดา้ นบุคลากรใหป้ ระสบความสำเรจ็ 2.ชอ่ื เจ้าของความรู้ นางบุณฑรกิ า ยอดไพบลู ย์ ตาแหน่ง พัฒนาการอาเภอฟากทา่ สถานท่ีติดตอ่ สานักงานพัฒนาชมุ ชนอาเภอฟากท่า จงั หวดั อุตรดิตถ์ 3.สว่ นนา กรมการพัฒนาชมุ ชน เป็นกรมทม่ี ภี ารกจิ งานด้านการพฒั นาเศรษฐกิจฐานราก และเสรมิ สร้าง ความเขม้ แข็งของชุมชนให้พึง่ ตนเองได้ แตย่ ุคสมัยของการทางานในสถานการณ์ทีเ่ ปล่ยี นผา่ นรอยต่อระหว่าง สงั คมเมืองกับสังคมชนบท ท่ีผ้คู นตอ้ งใชช้ วี ิตท่ามกลางการต่อสู้ดน้ิ รนเพ่ือเอาตัวรอด ทา่ มกลางความขดั แย้ง ทางความคดิ และตา่ งแสวงหาผลประโยชนเ์ พ่ือตนเอง งานพฒั นาชมุ ชนทเ่ี น้นสรา้ งการมีสว่ นรว่ ม ยึดหลักการ พง่ึ ตนเอง จึงมีความทา้ ทายใหน้ ักพฒั นาได้พิสจู นฝ์ ีมือการทางานพฒั นาชุมชนใหป้ ระสบความสาเรจ็ ใน ขณะเดียวกันกระบวนการคัดสรรคนเข้ารับราชการใชก้ ระบวนการสอบแข่งขัน คดั เลือก บางครง้ั บคุ ลากรอาจ ไม่มีทักษะในการทางาน ประจวบกับยุคการปฏริ ูประบบราชการ ท่ีการทางานมีคนน้อยงานเยอะคนคนเดียว ต้องสามารถทางานได้หลายอย่าง แม้บางครัง้ งานที่ทาไมต่ รงกับความรู้ทีม่ ี ส่ิงเหล่านล้ี ว้ นเปน็ ขอ้ จากัดการ ทางานพัฒนาชุมชนในยคุ ปจั จุบนั การสร้างภาคเี ครอื ข่ายในการทางานจงึ เปน็ เรื่องสาคัญทีค่ นกรมการพฒั นาชุมชนต้องนามาเปน็ กลยุทธ์การทางาน เพราะงานพัฒนาชมุ ชนเป็นเร่ืองทีต่ ้องมีเพือ่ นมพี วกพอ้ งมารว่ มคิด รว่ มวางแผน ร่วม ดาเนินการ รว่ มรบั ผดิ ชอบ และรว่ มรบั ผลประโยชนท์ เ่ี กิดขึ้นตามหลักการมสี ่วนรว่ ม แต่ทาอย่างไรถงึ จะทาให้ เกดิ การมีสว่ นรว่ มทีม่ าจากจิตสานึกของทุกคน น่คี ือส่งิ ทนี่ ่าค้นหาในการทางานพฒั นาชุมชนในยคุ ปจั จบุ ัน 4.ส่วนขยาย จากประสบการณ์การทางาน 24 ปกี ว่าได้ค้นพบว่า การทีจ่ ะสรา้ งความตระหนักใหท้ ุกภาคส่วน รว่ มทางาน โดยปราศจากความหวาดระแวงคลางแคลงใจ นั้น นักพฒั นาจะตอ้ งใชก้ ลยุทธ์ทีเ่ รยี กว่า “ผกู ใจให้ เป็นหน่งึ ด้วยพลังศรทั ธานักพัฒนาคนเดินดนิ ” ซึ่งมีขน้ั ตอนการดาเนนิ งานดงั น้ี ๑. แสวงหาภาคีการทางานทมี่ าจากทุกภาคสว่ นท้งั ภาคประชาชน ภาคประชาสงั คม ภาครฐั ภาคเอกชน รวมถึง กลมุ่ องค์กรภาคเี ครือขา่ ยต่างๆทงั้ ในพ้ืนท่ีและนอกพ้นื ท่ี โดยการผูกมิตร ใช้หลัก 5 ให้ คือ 1.ใหค้ วามจริงใจ 2.ให้ความนับถือ 3.ใหเ้ กยี รติ 4.ใหค้ วามไว้วางใจ และ ให้ความสาคัญกับทุกภาคสว่ น ซง่ึ เปน็ บันไดของการก่อใหเ้ กิดการยอมรบั ในตวั ของนักพัฒนา ๒. ทาตวั เป็นผมู้ ีจติ อาสาเพ่ือชว่ ยเหลอื งานของทุกภาคสว่ น/พรอ้ มเสนอตวั ทางานของทุกภาคส่วน จะทาให้เกดิ ความรูส้ ึกแบ่งทกุ ขแ์ บ่งสุขต่อกนั มีความเป็นเพื่อนทีด่ ตี ่อกนั ไม่เอาเปรยี บผ้อู ื่น ไม่เอาดใี ส่ตัวเอาชั่ว ให้คนอน่ื ที่สาคญั จะตอ้ งเปน็ ผ้ทู ี่เสนอความคดิ /แนวคิดเชงิ บวก(Postsitive Thinking) ๓. บรู ณาการงานกับส่วนท่ีเกย่ี วข้อง ด้วยการใช้เวทีแสดงความคิดเห็น รว่ มกนั กาหนดรูปแบบการ ทางานโดยยึดเปา้ หมายที่ชุมชน/ประชาชน ไม่แสดงให้ทกุ ส่วนเห็นว่างานทท่ี าเป็นงานของพัฒนาชมุ ชนหากแต่ ตอ้ งทาให้ทกุ ฝ่ายเหน็ ตรงกนั ว่า งานที่ทาประชาชนไดร้ ับประโยชน์ /4.แสดงศักยภาพ...

-2- ๔.แสดงศกั ยภาพให้ทกุ ส่วนได้เหน็ เพ่ือใหเ้ กิดพลังศรัทธา ซึง่ ก็จะเปน็ บนั ไดสู่ความไวว้ างใจและ ยอมรับในตัวนักพฒั นา นักพัฒนาจะตอ้ งมรี ะบบคดิ มีกระบวนการ มวี ิสัยทัศน์ ๕.เป็นนักกระตุ้นให้เกิดความคดิ โดยการตัง้ คาถามแล้วให้ภาคีรว่ มกนั ค้นหาคาตอบ และนาคาตอบ มาวิพากยเ์ พื่อกาหนดเปน็ แนวทางการทางานซ่ึงแสดงถึงการให้โอกาสผูอ้ ืน่ 6.ปฏิบัตติ นให้ตรงไปตรงมา ไม่ลึกลับซบั ซ้อน จะทาให้ทาฝ่ายเกดิ ความไวว้ างใจ และพร้อมรว่ มงาน ดว้ ยความเตม็ ใจ ๗. สร้างคนทีม่ ีศักยภาพให้มโี อกาสแสดงความสามารถเพือ่ เปิดโอกาสให้ภาคีไดม้ ีบทบาทสาคญั ใน การทางาน นักพัฒนาทาหน้าทีเ่ ป็นผูส้ ่งเสรมิ สนับสนนุ (ผู้ปดิ ทองหลงั พระ) ท้งั 7 ประการจะนาไปสู่การมี ทมี งานมาช่วยทางาน ไม่โดดเด่ียว หากแต่จะมภี าคีร่วมขับเคลือ่ นงานให้บรรลุเปา้ หมาย 5.บทสรปุ ปจั จยั แหง่ ความสาเรจ็ 1. การสร้างทมี งานใหเ้ กิดความรักและศรัทธาในงานพัฒนาชุมชน เพ่ือหนุนเสรมิ ให้เกิดพลังศรัทธา 2. การรจู้ กั เปน็ ผู้ให้และมคี วามสุขกับการให้ จะทาใหเ้ กดิ ความรกั และศรัทธาในตวั นักพัฒนา 3. ประสานให้ผูบ้ งั คับบัญชาลงมาเป็นแกนหลักในการกระตนุ้ ให้ทกุ ภาคส่วนเขา้ มามสี ่วนร่วม หากนักพฒั นาใช้กระบวนการดังกลา่ วในการทางาน เราจะสามารถทางานในภาวะจากัดดา้ นบุคลากรให้ ประสบความสาเร็จไดอ้ ยา่ งมีความสุข มเี พ่อื นร่วมอดุ มการณช์ ่วยกนั สรรสร้างสงั คมให้ เศรษฐกจิ ฐานรากม่ันคง และประชาชนพ่ึงตนเองได้ “ผูกใจเป็นหน่งึ ด้วยรกั และศรัทธา งานมากคนน้อยพาสเู่ ป้าหมายด้วยใจให้ใจ”

การบันทกึ องค์ความรู้ 1.ชื่อความรู้ เทคนคิ การทางานในภาวะจากัดดา้ นบุคลากรใหป้ ระสบความสำเรจ็ 2.ชอ่ื เจ้าของความรู้ นางบุณฑรกิ า ยอดไพบลู ย์ ตาแหน่ง พัฒนาการอาเภอฟากทา่ สถานท่ีติดตอ่ สานักงานพัฒนาชมุ ชนอาเภอฟากท่า จงั หวดั อุตรดิตถ์ 3.สว่ นนา กรมการพัฒนาชมุ ชน เป็นกรมทม่ี ภี ารกจิ งานด้านการพฒั นาเศรษฐกิจฐานราก และเสรมิ สร้าง ความเขม้ แข็งของชุมชนให้พึง่ ตนเองได้ แตย่ ุคสมัยของการทางานในสถานการณ์ทีเ่ ปล่ยี นผา่ นรอยต่อระหว่าง สงั คมเมืองกับสังคมชนบท ท่ีผ้คู นตอ้ งใชช้ วี ิตท่ามกลางการต่อสู้ดน้ิ รนเพ่ือเอาตัวรอด ทา่ มกลางความขดั แย้ง ทางความคดิ และตา่ งแสวงหาผลประโยชนเ์ พ่ือตนเอง งานพฒั นาชมุ ชนทเ่ี น้นสรา้ งการมีสว่ นรว่ ม ยึดหลักการ พง่ึ ตนเอง จึงมีความทา้ ทายใหน้ ักพฒั นาได้พิสจู นฝ์ ีมือการทางานพฒั นาชุมชนใหป้ ระสบความสาเรจ็ ใน ขณะเดียวกันกระบวนการคัดสรรคนเข้ารับราชการใชก้ ระบวนการสอบแข่งขัน คดั เลือก บางครง้ั บคุ ลากรอาจ ไม่มีทักษะในการทางาน ประจวบกับยุคการปฏริ ูประบบราชการ ท่ีการทางานมีคนน้อยงานเยอะคนคนเดียว ต้องสามารถทางานได้หลายอย่าง แม้บางครัง้ งานที่ทาไมต่ รงกับความรู้ทีม่ ี ส่ิงเหล่านล้ี ว้ นเปน็ ขอ้ จากัดการ ทางานพัฒนาชุมชนในยคุ ปจั จุบนั การสร้างภาคเี ครอื ข่ายในการทางานจงึ เปน็ เรื่องสาคัญทีค่ นกรมการพฒั นาชุมชนต้องนามาเปน็ กลยุทธ์การทางาน เพราะงานพัฒนาชมุ ชนเป็นเร่ืองทีต่ ้องมีเพือ่ นมพี วกพอ้ งมารว่ มคิด รว่ มวางแผน ร่วม ดาเนินการ รว่ มรบั ผดิ ชอบ และรว่ มรบั ผลประโยชนท์ เ่ี กิดขึ้นตามหลักการมสี ่วนรว่ ม แต่ทาอย่างไรถงึ จะทาให้ เกดิ การมีสว่ นรว่ มทีม่ าจากจิตสานึกของทุกคน น่คี ือส่งิ ทนี่ ่าค้นหาในการทางานพฒั นาชุมชนในยคุ ปจั จบุ ัน 4.ส่วนขยาย จากประสบการณ์การทางาน 24 ปกี ว่าได้ค้นพบว่า การทีจ่ ะสรา้ งความตระหนักใหท้ ุกภาคส่วน รว่ มทางาน โดยปราศจากความหวาดระแวงคลางแคลงใจ นั้น นักพฒั นาจะตอ้ งใชก้ ลยุทธ์ทีเ่ รยี กว่า “ผกู ใจให้ เป็นหน่งึ ด้วยพลังศรทั ธานักพัฒนาคนเดินดนิ ” ซึ่งมีขน้ั ตอนการดาเนนิ งานดงั น้ี ๑. แสวงหาภาคีการทางานทมี่ าจากทุกภาคสว่ นท้งั ภาคประชาชน ภาคประชาสงั คม ภาครฐั ภาคเอกชน รวมถึง กลมุ่ องค์กรภาคเี ครือขา่ ยต่างๆทงั้ ในพ้ืนท่ีและนอกพ้นื ท่ี โดยการผูกมิตร ใช้หลัก 5 ให้ คือ 1.ใหค้ วามจริงใจ 2.ให้ความนับถือ 3.ใหเ้ กยี รติ 4.ใหค้ วามไว้วางใจ และ ให้ความสาคัญกับทุกภาคสว่ น ซง่ึ เปน็ บันไดของการก่อใหเ้ กิดการยอมรบั ในตวั ของนักพัฒนา ๒. ทาตวั เป็นผมู้ ีจติ อาสาเพ่ือชว่ ยเหลอื งานของทุกภาคสว่ น/พรอ้ มเสนอตวั ทางานของทุกภาคส่วน จะทาให้เกดิ ความรูส้ ึกแบ่งทกุ ขแ์ บ่งสุขต่อกนั มีความเป็นเพื่อนทีด่ ตี ่อกนั ไม่เอาเปรยี บผ้อู ื่น ไม่เอาดใี ส่ตัวเอาชั่ว ให้คนอน่ื ที่สาคญั จะตอ้ งเปน็ ผ้ทู ี่เสนอความคดิ /แนวคิดเชงิ บวก(Postsitive Thinking) ๓. บรู ณาการงานกับส่วนท่ีเกย่ี วข้อง ด้วยการใช้เวทีแสดงความคิดเห็น รว่ มกนั กาหนดรูปแบบการ ทางานโดยยึดเปา้ หมายที่ชุมชน/ประชาชน ไม่แสดงให้ทกุ ส่วนเห็นว่างานทท่ี าเป็นงานของพัฒนาชมุ ชนหากแต่ ตอ้ งทาให้ทกุ ฝ่ายเหน็ ตรงกนั ว่า งานที่ทาประชาชนไดร้ ับประโยชน์ /4.แสดงศักยภาพ...

-2- ๔.แสดงศกั ยภาพให้ทกุ ส่วนได้เหน็ เพ่ือใหเ้ กิดพลังศรัทธา ซึง่ ก็จะเปน็ บนั ไดสู่ความไวว้ างใจและ ยอมรับในตัวนักพฒั นา นักพัฒนาจะตอ้ งมรี ะบบคดิ มีกระบวนการ มวี ิสัยทัศน์ ๕.เป็นนักกระตุ้นให้เกิดความคดิ โดยการตัง้ คาถามแล้วให้ภาคีรว่ มกนั ค้นหาคาตอบ และนาคาตอบ มาวิพากยเ์ พื่อกาหนดเปน็ แนวทางการทางานซ่ึงแสดงถึงการให้โอกาสผูอ้ ืน่ 6.ปฏิบัตติ นให้ตรงไปตรงมา ไม่ลึกลับซบั ซ้อน จะทาให้ทาฝ่ายเกดิ ความไวว้ างใจ และพร้อมรว่ มงาน ดว้ ยความเตม็ ใจ ๗. สร้างคนทีม่ ีศักยภาพให้มโี อกาสแสดงความสามารถเพือ่ เปิดโอกาสให้ภาคีไดม้ ีบทบาทสาคญั ใน การทางาน นักพัฒนาทาหน้าทีเ่ ป็นผูส้ ่งเสรมิ สนับสนนุ (ผู้ปดิ ทองหลงั พระ) ท้งั 7 ประการจะนาไปสู่การมี ทมี งานมาช่วยทางาน ไม่โดดเด่ียว หากแต่จะมภี าคีร่วมขับเคลือ่ นงานให้บรรลุเปา้ หมาย 5.บทสรปุ ปจั จยั แหง่ ความสาเรจ็ 1. การสร้างทมี งานใหเ้ กิดความรักและศรัทธาในงานพัฒนาชุมชน เพ่ือหนุนเสรมิ ให้เกิดพลังศรัทธา 2. การรจู้ กั เปน็ ผู้ให้และมคี วามสุขกับการให้ จะทาใหเ้ กดิ ความรกั และศรัทธาในตวั นักพัฒนา 3. ประสานให้ผูบ้ งั คับบัญชาลงมาเป็นแกนหลักในการกระตนุ้ ให้ทกุ ภาคส่วนเขา้ มามสี ่วนร่วม หากนักพฒั นาใช้กระบวนการดังกลา่ วในการทางาน เราจะสามารถทางานในภาวะจากัดดา้ นบุคลากรให้ ประสบความสาเร็จไดอ้ ยา่ งมีความสุข มเี พ่อื นร่วมอดุ มการณช์ ่วยกนั สรรสร้างสงั คมให้ เศรษฐกจิ ฐานรากม่ันคง และประชาชนพ่ึงตนเองได้ “ผูกใจเป็นหน่งึ ด้วยรกั และศรัทธา งานมากคนน้อยพาสเู่ ป้าหมายด้วยใจให้ใจ”

แบบบันทึกองคค์ วามรู้ ความรู้เรอื่ ง เทคนิคการทางานพัฒนาชุมชนให้มีประสิทธภิ าพ เจ้าของความรู้ นางสาววรณิ ราไพ ศักลอ ตาแหนง่ นกั วิชาการพฒั นาชมุ ชนชานาญการ สถานทีต่ ิดตอ่ สานกั งานพัฒนาชุมชนอาเภอทองแสนขัน จงั หวัดอุตรดิตถ์ โทร.๐-๕๕๔1-8063 ความเปน็ มา การทางานของสานักงานพัฒนาชุมชนอาเภอทองแสนขัน ซ่ึงมีบุคลากร จานวน 3 คน ได้แก่ พัฒนาการอาเภอ และนักวิชาการพัฒนาชุมชน จานวน 2 คน รับผิดชอบตาบล คนละ 2 ตาบล ซ่ึงมีภารกิจ มากมาย ท้ังภารกิจของหน่วยงานเอง และภารกิจอื่นๆ ท่ีได้รับมอบหมาย ภายใต้การมีบุคลากรจากัด และทางาน แข่งขันกบั เวลา ดงั น้ัน การทางานพฒั นาชมุ ชนให้บรรลผุ ลสาเร็จและมีประสิทธิภาพ จึงเป็นเรื่องที่จาเป็นต้องมีการ วางแผนงาน ระบบการทางาน การเข้าใจเป้าหมาย ขั้นตอนและวิธีการอย่างชัดเจน ใช้การทางานเป็นทีมและสร้าง เครือข่ายการทางาน รวมถึงการนาเทคโนโลยีมาใช้ในการส่ือสารทั้งภายในและภายนอก โดยได้นาแนวการ ดาเนนิ งาน 3D (Dream, Define, Drive) มาขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชน จึงได้นาเทคนิคการทางานพัฒนาชุมชนให้ บรรลุผลสาเร็จและมีประสิทธิภาพ เพ่ือให้สามารถทางานตามวิสัยทัศน์กรมการพัฒนาชุมชน ที่ต้องการให้ “เศรษฐกจิ ฐานรากมั่นคงและชุมชนพึ่งตนเองได้ ภายในปี 2564” และเป้าหมายสูงสุดของภาครัฐ คือ ประชาชน และประเทศชาติ มี “ความมง่ั คง มัง่ ค่งั และยงั่ ยืน ” วธิ กี ารดาเนนิ งาน 1. การประชุมวางแผนกาหนดเป้าหมายในการทางาน เพ่ือทาความเข้าใจวัตถุประสงค์และ เป้าหมายท่จี ะดาเนนิ การ รวมทั้งวิธกี ารดาเนนิ การใหช้ ัดเจน และรว่ มกันคิด ร่วมกันทางาน 2. กระบวนการทางาน โดยระบบการทางานเป็นทีมและการนาเครือข่าย เช่น ผู้นา อช. หรือ ผู้แทนสตร/ี ผ้แู ทน OTOP/ผู้นาสมั มาชีพชมุ ชน มาร่วมในการดาเนินงานพัฒนาชุมชน หรือแบ่งทีมงาน เพื่อให้ทันต่อ ระยะเวลา 3. นาเทคโนโลยีการส่ือสาร เช่น ไลน์ มาใช้ในการติดต่อสื่อสารและกระตุ้นการดาเนินงานต่างๆ และเพอ่ื ตรวจสอบผลการดาเนนิ งาน 4. การบูรณาการงานตา่ งๆ เพื่อลดภาระการทางาน และสรา้ งคณุ คา่ การทางานใหเ้ พิ่มขึ้น กระบวนการดาเนินงาน (๑) กาหนดเปา้ หมายและการวางแผนการดาเนนิ งานทุกระยะ (๒) กระบวนการทางานทเ่ี ปน็ ระบบ และสรา้ งทีมทางานทดี่ ี ใหเ้ ป็นกลไกทางานทุกระดบั (3) การส่ือสารทาความเขา้ ใจอย่างต่อเนอ่ื งเปน็ ประจา (4) นาเทคโนโลยมี าใช้ในการทางานและการตดิ ตาม (5) บูรณาการทางานรว่ มกนั

เทคนิคการดาเนนิ งาน (1) เน้นการพูดคยุ สรา้ งความเขา้ ใจ ให้ทุกคนเห็นเป้าหมาย กระบวนการ/วธิ กี าร ขั้นตอนการ ทางานที่ชดั เจน (2) การมสี ว่ นร่วมและบูรณาการทางานร่วมกนั เพ่อื ลดการภาระการทางาน สรา้ งคุณคา่ ของงาน ให้เกิดประโยชนส์ งู สุด ปจั จัยแห่งความสาเรจ็ หัวใจสาคญั ของเทคนิคการทางานพัฒนาชุมชนให้มปี ระสิทธิภาพ คอื ๑. มีข้อมูลทที่ ันสมยั เป็นปัจจุบัน เพ่อื ใช้ประกอบการตัดสนิ ใจในการกาหนดเปา้ หมายและการ วางแผนการดาเนนิ งาน ๒. มกี ารกาหนดเปา้ หมายและแผนงานหลกั และแผนงานย่อย ๓. มกี ารจดั ระบบบริหารจดั การที่ดี ลดข้ันตอนการทางาน มีกระบวนการตดิ ตามและประเมินผล ๔. มีการบรู ณาการ การทางานเป็นทีม

แบบบันทึกองคค์ วามรู้ ความรู้เรอื่ ง เทคนิคการทางานพัฒนาชุมชนให้มีประสิทธภิ าพ เจ้าของความรู้ นางสาววรณิ ราไพ ศักลอ ตาแหนง่ นกั วิชาการพฒั นาชมุ ชนชานาญการ สถานทีต่ ิดตอ่ สานกั งานพัฒนาชุมชนอาเภอทองแสนขัน จงั หวัดอุตรดิตถ์ โทร.๐-๕๕๔1-8063 ความเปน็ มา การทางานของสานักงานพัฒนาชุมชนอาเภอทองแสนขัน ซ่ึงมีบุคลากร จานวน 3 คน ได้แก่ พัฒนาการอาเภอ และนักวิชาการพัฒนาชุมชน จานวน 2 คน รับผิดชอบตาบล คนละ 2 ตาบล ซ่ึงมีภารกิจ มากมาย ท้ังภารกิจของหน่วยงานเอง และภารกิจอื่นๆ ท่ีได้รับมอบหมาย ภายใต้การมีบุคลากรจากัด และทางาน แข่งขันกบั เวลา ดงั น้ัน การทางานพฒั นาชมุ ชนให้บรรลผุ ลสาเร็จและมีประสิทธิภาพ จึงเป็นเรื่องที่จาเป็นต้องมีการ วางแผนงาน ระบบการทางาน การเข้าใจเป้าหมาย ขั้นตอนและวิธีการอย่างชัดเจน ใช้การทางานเป็นทีมและสร้าง เครือข่ายการทางาน รวมถึงการนาเทคโนโลยีมาใช้ในการส่ือสารทั้งภายในและภายนอก โดยได้นาแนวการ ดาเนนิ งาน 3D (Dream, Define, Drive) มาขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชน จึงได้นาเทคนิคการทางานพัฒนาชุมชนให้ บรรลุผลสาเร็จและมีประสิทธิภาพ เพ่ือให้สามารถทางานตามวิสัยทัศน์กรมการพัฒนาชุมชน ที่ต้องการให้ “เศรษฐกจิ ฐานรากมั่นคงและชุมชนพึ่งตนเองได้ ภายในปี 2564” และเป้าหมายสูงสุดของภาครัฐ คือ ประชาชน และประเทศชาติ มี “ความมง่ั คง มัง่ ค่งั และยงั่ ยืน ” วธิ กี ารดาเนนิ งาน 1. การประชุมวางแผนกาหนดเป้าหมายในการทางาน เพ่ือทาความเข้าใจวัตถุประสงค์และ เป้าหมายท่จี ะดาเนนิ การ รวมทั้งวิธกี ารดาเนนิ การใหช้ ัดเจน และรว่ มกันคิด ร่วมกันทางาน 2. กระบวนการทางาน โดยระบบการทางานเป็นทีมและการนาเครือข่าย เช่น ผู้นา อช. หรือ ผู้แทนสตร/ี ผ้แู ทน OTOP/ผู้นาสมั มาชีพชมุ ชน มาร่วมในการดาเนินงานพัฒนาชุมชน หรือแบ่งทีมงาน เพื่อให้ทันต่อ ระยะเวลา 3. นาเทคโนโลยีการส่ือสาร เช่น ไลน์ มาใช้ในการติดต่อสื่อสารและกระตุ้นการดาเนินงานต่างๆ และเพอ่ื ตรวจสอบผลการดาเนนิ งาน 4. การบูรณาการงานตา่ งๆ เพื่อลดภาระการทางาน และสรา้ งคณุ คา่ การทางานใหเ้ พิ่มขึ้น กระบวนการดาเนินงาน (๑) กาหนดเปา้ หมายและการวางแผนการดาเนนิ งานทุกระยะ (๒) กระบวนการทางานทเ่ี ปน็ ระบบ และสรา้ งทีมทางานทดี่ ี ใหเ้ ป็นกลไกทางานทุกระดบั (3) การส่ือสารทาความเขา้ ใจอย่างต่อเนอ่ื งเปน็ ประจา (4) นาเทคโนโลยมี าใช้ในการทางานและการตดิ ตาม (5) บูรณาการทางานรว่ มกนั

เทคนิคการดาเนนิ งาน (1) เน้นการพูดคยุ สรา้ งความเขา้ ใจ ให้ทุกคนเห็นเป้าหมาย กระบวนการ/วธิ กี าร ขั้นตอนการ ทางานที่ชดั เจน (2) การมสี ว่ นร่วมและบูรณาการทางานร่วมกนั เพ่อื ลดการภาระการทางาน สรา้ งคุณคา่ ของงาน ให้เกิดประโยชนส์ งู สุด ปจั จัยแห่งความสาเรจ็ หัวใจสาคญั ของเทคนิคการทางานพัฒนาชุมชนให้มปี ระสิทธิภาพ คอื ๑. มีข้อมูลทที่ ันสมยั เป็นปัจจุบัน เพ่อื ใช้ประกอบการตัดสนิ ใจในการกาหนดเปา้ หมายและการ วางแผนการดาเนนิ งาน ๒. มกี ารกาหนดเปา้ หมายและแผนงานหลกั และแผนงานย่อย ๓. มกี ารจดั ระบบบริหารจดั การที่ดี ลดข้ันตอนการทางาน มีกระบวนการตดิ ตามและประเมินผล ๔. มีการบรู ณาการ การทางานเป็นทีม

แบบบันทึกองคค์ วามร้รู ายบุคคล 1. ชอื่ องค์ความรู้ เทคนคิ การสรา้ งบรรยากาศและสภาพแวดลอ้ มการทางานที่ดี 2. ชอ่ื เจา้ ของความรู้ นายสนั ติ กองทอง อาสาพฒั นา สานักงานพฒั นาชุมชนอาเภอลบั แล 3. หมวดองค์ความรทู้ บ่ี ง่ ชี้ หมวดเทคนิคการเสรมิ สรา้ งองค์กรให้มีขีดสมรรถนะสูง 4. ทม่ี าและเปา้ หมายของการจัดการความรู้ เนื่องจากสภาวะในการทางานปจั จุบันมีการแข่งขนั กันสูง ที่เนน้ ไปถึงเรื่องการสร้างผลงานใหก้ ับตนเองของในแตล่ ะบุคคล จึงก่อใหเ้ กดิ สภาวะความตงึ เครียด ฉะนั้นกระผมจงึ อยากจะสร้างบรรยากาศกระบวนการทางานทเี่ ต็มไปด้วยความสุขและสรา้ งมิตร สัมพนั ธ์ไมตรีที่ดตี ่อกนั ในหนว่ ยงานองคก์ ร 5. วธิ กี าร/ขน้ั ตอนการจดั ความรู้ (อธบิ ายพอสังเขป) 1. สรา้ งทท่ี างานใหน้ ่าอยู่ เช่น ปลูกตน้ ไม้ให้รม่ รนื่ ในท่ีทางาน หาภาพสวยๆ เช่น ทะเล นา้ ตก ภเู ขา เปน็ ต้น 2. สร้างมนุษย์สัมพันธท์ ่ดี ตี ่อกันในหนว่ ยงาน/องค์กร เช่น ส่งเสรมิ การทางานเปน็ ทมี ให้เป็นหน่งึ เดียว ใครมีปญั หาคอยชว่ ยเหลือกนั ไม่ให้รู้สึกโดดเดย่ี ว เป็นตน้ 3. สรา้ งทัศนคติการทางานไปในทางบวก เชน่ ไมใ่ หเ้ ครียดในการทางานมากเกนิ ไป สรา้ งบรรยากาศ ใหส้ นกุ สนาน มคี วามสขุ ให้กาลังใจกนั ในยามท่ีเกิดปัญหา เปน็ ตน้ 6. ผลลพั ธท์ ่ไี ดจ้ ากการจดั การความรู้ 6.1 เทคนคิ /แนวทางในการทางาน สร้างความผาสกุ ในองคก์ ร เพอื่ ให้องคก์ รมีขีดสมรรถนะสูง 6.2 ขอ้ พงึ ระวงั (ถ้ามี) - 6.3 ปจั จยั แหง่ ความสาเรจ็ สร้างบรรยากาศการทางานให้เปน็ กันเอง มคี วามชว่ ยเหลือเกอ้ื กลู กนั แลกเปลยี่ นความรกู้ ัน ทางานอย่างจริงใจ 6.4 ปัญหาและวธิ กี ารแก้ไข บุคลากรในหน่วยงานมีความตงึ เครียดจากการทางาน วธิ ีการแก้ไขคือสรา้ งความผาสุก และความสามัคคใี นองค์กร เช่น แขง่ กฬี า รบั ประทานอาหาร ร่วมกนั ในโอกาสสาคญั เปน็ ต้น 6.5 ผลลพั ธจ์ ากการแกป้ ญั หาและการพฒั นาเร่ืองนัน้ ทาให้องค์กรมีความเขม็ แขง็ และนา่ อยแู่ ละสามารถแกไ้ ขปญั หาได้ทุกอย่างเพราะบุคลากรใน องค์กรมคี วามรัก ความสามัคคีกนั

ชื่อ-นามสกลุ นางทิพยว์ รรณ กาละดี ตาแหนง่ นักวิชาการพฒั นาชมุ ชนชานาญการ เบอร์โทรศัพทท์ ี่ติดต่อไดส้ ะดวก ๐๙๓-๒๑๖๘๘๘๒ หมวดองคค์ วามรทู้ บี่ ง่ ชี้ การเสริมสร้างองคก์ รใหม้ ขี ดี สมรรถนะสูง ชื่อเร่อื ง การเสรมิ สรา้ งคณุ ธรรมและจริยธรรมแก่บคุ ลากรในองคก์ ร ท่มี าและเป้าหมายการจัดการความรู้ ตามที่กรมการพฒั นาชุมชน ประกาศเจตจานงการบรหิ ารงานด้วยความสุจริต เรือ่ ง นโยบายคุณธรรม และความโปร่งใส เพ่อื ใชเ้ ปน็ แนวทางการปฏบิ ัติราชการของกรมฯ สอดคล้องกับยทุ ธศาสตร์ชาตวิ า่ ด้วย การ ป้องกันและปราบปรามการทุจรติ ระยะท่ี ๓ (พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๔) และยุทธศาสตร์ของกรมฯ พ.ศ.๒๕๖๐- ๒๕๖๔) ยุทธศาสตร์ที่ ๔ เสรมิ สร้างองค์กรให้มีขีดสมรรถนะสูง เป้าหมายเพ่อื ให้บุคลากรในหนว่ ยงานยึดถอื ปฎบิ ัติ วิธกี าร/ขั้นตอนการจัดการความรู้ ๑.กรมการพฒั นาชุมชน จัดทาประกาศ เรื่อง นโยบายคุณธรรมและความโปร่งใส ๒. กาหนดแนวทางใหส้ ว่ นราชการในสังกดั ถือปฎิบัติ และดาเนินการ ดงั น้ี  บริหารงานและปฏบิ ัติงานตามหลกั ธรรมาภิบาล โดยมุ่งตอบสนองความต้องการของ ประชาชน ด้วยการบริการทรี่ วดเร็ว ถกู ต้อง เสมอภาค โปรง่ ใส และเป็นธรรม  ปลูกฝงั ค่านยิ มและทัศนคตใิ ห้บุคลากรในสังกัด มีความรู้ความเข้าใจ ยดึ หลักคุณธรรม จรยิ ธรรม นอ้ มนาหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นการปฏิบตั ิงานและการดาเนนิ ชีวติ  ดาเนนิ การจดั ซื้อ จดั จา้ ง โปร่งใสทุกขั้นตอน เปิดโอกาสให้ภาคเอกชน ภาคประชา สงั คม และภาคประชาชนเข้าร่วมตรวจสอบ เปิดเผยขา่ วสารขอ้ มูลทุกรปู แบบ  ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนแจง้ ข้อมูลข่าวสาร เบาะแสการทุจรติ รอ้ งเรียน ร้องทุกข์ ผ่านศนู ย์ดารงธรรม และช่องทางการร้องเรียนอ่ืน ๆ  กรณีพบการทจุ ริตจะดาเนินการสอบสวนและลงโทษขนั้ สงู กบั ผู้ทท่ี ุจริตอยา่ งจริงจงั ๓.ใหข้ ้าราชการลงนามในการรบั ทราบประกาศ เทคนิคแนวทางในการทางาน -การประชาสัมพันธ์ เพ่ือเผยแพร่ประกาศแก่บุคลากร และการสร้างความรู้ความเข้าใจ ในแนวทางและนโยบายของกรม -การใหข้ ้าราชการในสงั กัดลงนามรับทราบเจตจานงของประกาศ ขอ้ พึงระวัง การละเลย การปฏบิ ัติงานดว้ ยความประมาท เลนิ เลอ่ ความโลภ ปัจจยั แห่งความสาเรจ็ ขา้ ราชการในสังกดั ยดึ ถือและนาไปปฏิบตั ิ ปัญหาและการแกไ้ ข เป็นวัถจกั ร วงจรความเสอื่ มทเี่ กดิ ขน้ึ ทั่วโลก ต้องกระตนุ้ ใหเ้ กิดความตะหนักและ ปฏบิ ตั ิตามแนวทางเพอ่ื ลดปัญหาที่จะเกิดข้นึ ผลลัพท์จากการแก้ปัญหาและการพฒั นาเรื่องน้ี ให้ขา้ ราชการมสี ่วนนาไปปฏบิ ตั ิให้เกิดความเคยชินและ ไดบ้ ังเกิดความพงึ พอใจกบั ประชาชน สง่ ผลใหป้ ระเทศชาติเจรญิ

ชื่อ-นามสกลุ นางทิพยว์ รรณ กาละดี ตาแหนง่ นักวิชาการพฒั นาชมุ ชนชานาญการ เบอร์โทรศัพทท์ ี่ติดต่อไดส้ ะดวก ๐๙๓-๒๑๖๘๘๘๒ หมวดองคค์ วามรทู้ บี่ ง่ ชี้ การเสริมสร้างองคก์ รใหม้ ขี ดี สมรรถนะสูง ชื่อเร่อื ง การเสรมิ สรา้ งคณุ ธรรมและจริยธรรมแก่บคุ ลากรในองคก์ ร ท่มี าและเป้าหมายการจัดการความรู้ ตามที่กรมการพฒั นาชุมชน ประกาศเจตจานงการบรหิ ารงานด้วยความสุจริต เรือ่ ง นโยบายคุณธรรม และความโปร่งใส เพ่อื ใชเ้ ปน็ แนวทางการปฏบิ ัติราชการของกรมฯ สอดคล้องกับยทุ ธศาสตร์ชาตวิ า่ ด้วย การ ป้องกันและปราบปรามการทุจรติ ระยะท่ี ๓ (พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๔) และยุทธศาสตร์ของกรมฯ พ.ศ.๒๕๖๐- ๒๕๖๔) ยุทธศาสตร์ที่ ๔ เสรมิ สร้างองค์กรให้มีขีดสมรรถนะสูง เป้าหมายเพ่อื ให้บุคลากรในหนว่ ยงานยึดถอื ปฎบิ ัติ วิธกี าร/ขั้นตอนการจัดการความรู้ ๑.กรมการพฒั นาชุมชน จัดทาประกาศ เรื่อง นโยบายคุณธรรมและความโปร่งใส ๒. กาหนดแนวทางใหส้ ว่ นราชการในสังกดั ถือปฎิบัติ และดาเนินการ ดงั น้ี  บริหารงานและปฏบิ ัติงานตามหลกั ธรรมาภิบาล โดยมุ่งตอบสนองความต้องการของ ประชาชน ด้วยการบริการทรี่ วดเร็ว ถกู ต้อง เสมอภาค โปรง่ ใส และเป็นธรรม  ปลูกฝงั ค่านยิ มและทัศนคตใิ ห้บุคลากรในสังกัด มีความรู้ความเข้าใจ ยดึ หลักคุณธรรม จรยิ ธรรม นอ้ มนาหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นการปฏิบตั ิงานและการดาเนนิ ชีวติ  ดาเนนิ การจดั ซื้อ จดั จา้ ง โปร่งใสทุกขั้นตอน เปิดโอกาสให้ภาคเอกชน ภาคประชา สงั คม และภาคประชาชนเข้าร่วมตรวจสอบ เปิดเผยขา่ วสารขอ้ มูลทุกรปู แบบ  ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนแจง้ ข้อมูลข่าวสาร เบาะแสการทุจรติ รอ้ งเรียน ร้องทุกข์ ผ่านศนู ย์ดารงธรรม และช่องทางการร้องเรียนอ่ืน ๆ  กรณีพบการทจุ ริตจะดาเนินการสอบสวนและลงโทษขนั้ สงู กบั ผู้ทท่ี ุจริตอยา่ งจริงจงั ๓.ใหข้ ้าราชการลงนามในการรบั ทราบประกาศ เทคนิคแนวทางในการทางาน -การประชาสัมพันธ์ เพ่ือเผยแพร่ประกาศแก่บุคลากร และการสร้างความรู้ความเข้าใจ ในแนวทางและนโยบายของกรม -การใหข้ ้าราชการในสงั กัดลงนามรับทราบเจตจานงของประกาศ ขอ้ พึงระวัง การละเลย การปฏบิ ัติงานดว้ ยความประมาท เลนิ เลอ่ ความโลภ ปัจจยั แห่งความสาเรจ็ ขา้ ราชการในสังกดั ยดึ ถือและนาไปปฏิบตั ิ ปัญหาและการแกไ้ ข เป็นวัถจกั ร วงจรความเสอื่ มทเี่ กดิ ขน้ึ ทั่วโลก ต้องกระตนุ้ ใหเ้ กิดความตะหนักและ ปฏบิ ตั ิตามแนวทางเพอ่ื ลดปัญหาที่จะเกิดข้นึ ผลลัพท์จากการแก้ปัญหาและการพฒั นาเรื่องน้ี ให้ขา้ ราชการมสี ่วนนาไปปฏบิ ตั ิให้เกิดความเคยชินและ ไดบ้ ังเกิดความพงึ พอใจกบั ประชาชน สง่ ผลใหป้ ระเทศชาติเจรญิ

แบบบันทึกองคค์ วามรู้ รายบคุ คล 1. ชือ่ องคค์ วามรู้ การเสรมิ สร้างสมรรถนะองคก์ รใหม้ สี มรรถนะสงู ด้วยคา่ นิยมองค์กร 2. ช่อื เจา้ ขององคค์ วามรู้ นางสาววลิ าสนิ ี วัชราพันธ์ นักวิชาการพฒั นาชมุ ชนชานาญการ 3. หมวดองค์ความร้ทู บ่ี ่งช้ี หมวดเทคนิคการเสริมสร้างองค์กรให้มขี ดี สมรรถนะสงู 4. ที่มาและเปา้ หมายของการจัดการความรู้ ปัจจบุ ันการทางานพัฒนาชุมชน มภี ารกิจท่หี ลากหลาย ต้องขับเคลื่อนการทางานต้ังแต่ระดับ ฐานรากสกู่ ารเช่อื มโยงกับภาคธุรกิจตามนโยบายประชารัฐของรัฐบาล แต่บุคลากรของสานักงานพัฒนาชุมชน จังหวัดอุตรดิตถ์มีจานวนน้อยไม่สอดคล้องกับปริมาณงานท่ีต้องรับทั้งงานของกรมการพัฒนาชุมชน และงาน ตามยุทธศาสตร์ของจังหวัด จึงทาให้ทีมผู้บริหารของสานักงานพัฒนาชุมชนมีแนวคิดในการสร้างทีมงานและ บริหารงานแบบ Cross Functions จงึ ทาให้เจ้าหนา้ ท่ีพฒั นาชมุ ชนจังหวัด ต้องปรับตัวกับการทางานแบบข้าม กลุ่มฝ่าย ไม่รู้เฉพาะแต่งานท่ีตัวเองรับผิดชอบ ต้องศึกษางานต่าง ๆ เพ่ือรองรับภารกิจตามกิจกรรมโครงการ ตา่ ง ๆ 5. วิธีการ/ขั้นตอนการจดั การความรู้ จากการบริหารงานแนวใหม่ของผู้บริหาร ทาให้ข้าพเจ้าคิดว่าการนาค่านิยมขององค์กร ABCDEF S&P ซง่ึ ข้าพเจ้าคดิ วา่ เปน็ คา่ นยิ มท่ีฝงั อยู่ในบคุ ลากรของกรมการพัฒนาชุมชนอยู่แล้ว มายึดเป็นหลัก ในการทางาน สามารถทาให้การทางานพัฒนาชุมชนในภาวะที่งานเยอะ บุคลากรน้อย เป็นไปได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพมากขึ้น เชน่ A = Appreciation การชื่นชม เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัดอุตรดิตถ์ มีวัฒนธรรมองค์กร ในการทักทาย สวัสดีกันทั้งไปและกลับในแต่ละวัน อีกทั้งช่วงวันพิเศษของบุคลากรทุกคน ทีมผู้บริหาร และ เจา้ หนา้ ทท่ี ุกคนแสดงความชน่ื ชมยินดี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นการสร้างขวัญ กาลังใจ ให้กับบุคลากรเพื่อ เพ่มิ พลังในการทางานแตล่ ะวนั B = Bravery กล้าหาญ จากการบริหารงานแนวใหม่ของทีมผู้บริหารของจังหวัดทาให้การ ทางานต้องปรับตัว เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนทุกคนพร้อมรับการทางานในทุกสถานการณ์ เพ่ือให้งานประสบ ผลสาเร็จอย่างมีประสทิ ธิภาพ C = Creativity สรา้ งสรรค์ D = Discovery ใฝร่ ู้ จากการทางานแบบ Cross Functions ทาให้ทุกคนมีพลัง ในการเรียนรู้ และคิดสร้างสรรค์ ค้นหาองค์ความรู้ และแนวความคิดใหม่ ๆ จากส่ือต่าง ๆ จากผู้มีประสบการณ์ในแต่ละด้าน ฯลฯ ซ่ึงแตกต่าง จากสิ่งที่เคยทามาในอดีต เพื่อให้งานที่ตัวเองได้รับผิดชอบตามกิจกรรมโครงการ ประสบผลสาเร็จ สร้างการ ยอมรบั จากหน่วยงานอ่นื ๆ และประกาศศกั ด์ศิ รขี องความเป็นคนพฒั นาชมุ ชนได้เป็นอยา่ งดี E = Empathy เข้าใจ Facilitation = เอ้อื อานวย จากความเชือ่ ม่ันว่าคนพัฒนาชุมชน เป็นผู้ท่ีมีความเอ้ืออารี และชอบช่วยเหลือผู้อื่นเป็นท่ีต้ัง ปฏิบัติต่อผู้อื่นแบบเครือญาติ ทาให้การทางานใช้ความเข้าใจในชีวิต ความรู้สึกของผู้ร่วมงานด้วย ทั้งเพื่อน รว่ มงาน หรือประชาชนทีเ่ ข้ามาขอรับการบริการ

S = Simplify ทาใหง้ า่ ยขนึ้ P = Practical ปฏบิ ัตไิ ดเ้ หมาะสม มปี ระโยชนต์ ามความเปน็ จรงิ การทางานพัฒนาชุมชนส่วนใหญ่เราทางานในระดับฐานราก ผู้ท่ีเป็นลูกค้าส่วนใหญ่เป็น พ่ีน้องประชาชนที่อยู่ในหมู่บ้าน ทาให้การทางานต่าง ๆ ต้องใช้แปลงจากนโยบาย ข้อสั่งการ เป็นการปฏิบัติ ที่เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และเหมาะสมกับพ้ืนที่แต่ละพ้ืนที่ เพ่ือให้เกิดประโยชน์สูงสุดในหมู่บ้านชุมชน ทาให้บริบทของบุคลากรกรมการพฒั นาชุมชน ไดย้ ึดเป็นแนวทางในการดาเนนิ งานในทุกระดบั ข้อพึงระวงั จากการใช้ค่านิยมองค์กรมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน ทาให้เกิดความเป็นเครือญาติ มิตรสหาย จึงต้องใช้ความระมัดระวัง ต้องยึดระเบียบ กฎหมาย และแนวทางต่าง ๆ เพ่ือป้องกันเหตุการณ์ ต่าง ๆ ทจ่ี ะเกิดขึน้ ท้ังในตัวเจ้าหนา้ ท่ี และประชาชนทเี่ ข้ามาขอรับบริการ ปจั จยั แห่งความสาเร็จ จากการจัดการความรู้การทางานพัฒนาชุมชน โดยมีเป้าประสงค์ให้องค์กรมีสมรรถนะสูง ในการบริหารการพัฒนาชมุ ชน โดยยึดค่านยิ มองค์กรไปใช้ในการทางาน ปัจจัยแห่งความสาเร็จคือ การเช่ือม่ัน วา่ คา่ นยิ มองค์กรท่ีกรมการพัฒนาชุมชนใช้ยึดเป็นแนวทางในการทางานสามารถทาให้งานประสบความสาเร็จ แบบยั่งยืน อีกทั้งยังสามารถสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในการทางานให้กับผู้คนรอบข้างได้เป็นอย่างดี ด้วยบุคลิกแบบเครือญาติ เป็นมิตร ปรารถนาดี เอื้ออารีย์ ต่อผู้อื่นอย่างจริงใจ สม่าเสมอ ทาให้การทางาน พฒั นาชมุ ชนในทุกระดบั ประสบความสาเรจ็ เปน็ ทย่ี อมรบั จากประชาชนในพื้นท่ี และหน่วยงานภาคีต่าง ๆ ซึ่ง ถือเป็นการประกาศศักดิศ์ รขี องคนพัฒนาชุมชน วา่ เป็น “ศรทั ธาทีเ่ ดินได้อย่างแทจ้ ริง” ******************************************


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook