Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุป 5 บทผู้สูงอายุ

สรุป 5 บทผู้สูงอายุ

Published by นฤมล เอมเปีย, 2020-05-17 01:07:13

Description: สรุป 5 บทผู้สูงอายุ

Search

Read the Text Version

สรุปผลการจัดกิจกรรม โครงการเสรมิ สร้างคุณภาพชวี ิตสาหรบั ผสู้ งู อายุ ณ วัดบา้ นชา้ ง หมู่ 1 ตาบลกุฎโงง้ อาเภอพนัสนคิ ม จงั หวดั ชลบุรี กศน.ตำบลกุฎโง้ง ศนู ยก์ ำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศัยอำเภอพนสั นคิ ม สำนกั งำนส่งเสริมกำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศยั จงั หวัดชลบรุ ี

คำนำ กศน.ตำบลกฎุ โง้ง สงั กัด ศนู ยก์ ำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศัยอำเภอพนสั นคิ ม ไดจ้ ดั ทำโครงกำร เสรมิ สร้ำงคุณภำพชวี ติ สำหรับผ้สู ูงอำยุ โดยมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ให้ผู้สูงอำยุในตำบลกฎุ โงง้ รวู้ ธิ ีกำรดูแลสุขภำพและแกป้ ัญหำ ด้ำนสขุ ภำพด้วยตนเอง สำมำรถนำมำปรบั ใชใ้ ห้เขำ้ กบั ชวี ิตประจำวนั ของคนในครอบครวั และเปน็ กำรกระตนุ้ เตอื นให้สังคม ตระหนกั ในคุณค่ำควำมสำคญั ของผสู้ ูงอำยุ ซ่ึงมีกำรสรุปผลกำรจัดกจิ กรรมโครงกำรดงั กล่ำวเพอ่ื ต้องกำรทรำบว่ำกำรดำเนิน โครงกำรบรรลุตำมวัตถุประสงค์ทก่ี ำหนดไว้หรอื ไม่ บรรลุในระดบั ใดและได้จัดทำเอกสำรสรุปผลกำรจดั กิจกรรมโครงกำร เสริมสร้ำงคณุ ภำพชวี ิตสำหรับผู้สงู อำยุ เสนอต่อผบู้ ริหำร ผู้เกยี่ วขอ้ งเพอื่ นำข้อมูลไปใช้ในกำรปรับปรุงและพฒั นำกำรดำเนิน โครงกำรให้ดยี ่ิงข้ึน คณะผจู้ ัดทำ ขอขอบคุณผอู้ ำนวยกำรศนู ย์กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศัยอำเภอพนัสนิคม ทีใ่ หค้ ำแนะนำ คำปรึกษำ ในกำรจัดทำสรปุ ผลกำรจดั กจิ กรรมโครงกำรเสริมสรำ้ งคณุ ภำพชวี ติ สำหรบั ผู้สูงอำยุ ในครง้ั นี้ หวงั เป็นอย่ำงยง่ิ วำ่ เอกสำรสรุปผลกำรจัดกิจกรรมโครงกำรเสริมสรำ้ งคุณภำพชีวติ สำหรบั ผสู้ ูงอำยุ ฉบบั นี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผ้ปู ฏบิ ตั งิ ำนโครงกำรและหนว่ ยงำนที่เกี่ยวข้องในกำรนำไปใช้ในกำรจัดกิจกรรมกำรศึกษำนอกระบบและ กำรศึกษำตำมอัธยำศยั ตอ่ ไป ธีรพงศ์ เขียวหวำน ครู กศน.ตำบล มิถนุ ำยน

สำรบญั หนำ้ ก หัวเรอื่ ง ข คำนำ ค สำรบญั สำรบัญตำรำง 1 บทท่ี 1 บทนำ 1 1 - หลกั กำรและเหตผุ ล 1 - วตั ถุประสงค์ 1 - เปำ้ หมำยกำรดำเนินงำน - ผลลัพธ์ 2 - ตัวช้ีวัดผลสำเรจ็ ของโครงกำร 12 15 บทท่ี 2 เอกสำรกำรศึกษำและงำนวิจยั ท่เี กีย่ วข้อง 20 - เอกสำร/งำนที่เกี่ยวข้อง บทที่ 3 วธิ ดี ำเนินงำน บทท่ี 4 ผลกำรวเิ ครำะห์ข้อมลู บทท่ี 5 อภิปรำยผลและข้อเสนอแนะ บรรณำนุกรม ภำคผนวก - โครงกำรเสริมสร้ำงคุณภำพชีวติ สำหรบั ผู้สงู อำยุ - รำยงำนผลกำรจดั กจิ กรรม - แบบประเมินผรู้ บั บรกิ ำร คณะผ้จู ัดทำ

สำรบัญตำรำง หนำ้ ตำรำงท่ี 15 15 1. ผเู้ ขำ้ รว่ มโครงกำรที่ตอบแบบสอบถำมไดน้ ำมำจำแนกตำมเพศ 16 2. ผเู้ ข้ำรว่ มโครงกำรทีต่ อบแบบสอบถำมได้นำมำจำแนกตำมอำยุ 16 3. ผเู้ ข้ำรว่ มโครงกำรท่ตี อบแบบสอบถำมไดน้ ำมำจำแนกตำมอำชพี 16 4. ผเู้ ข้ำรว่ มโครงกำรที่ตอบแบบสอบถำมได้นำมำจำแนกตำมระดับกำรศึกษำ 17 5. แสดงคำ่ รอ้ ยละเฉลี่ยควำมสำเร็จของตวั ช้วี ัด ผลผลติ ประชำชนท่ัวไป 17 6. ค่ำเฉลีย่ และส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำนควำมพงึ พอใจฯ โครงกำร ในภำพรวม 18 7. ค่ำเฉลยี่ และส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำนควำมพงึ พอใจฯ โครงกำร ด้ำนบริหำรจดั กำร 18 8. คำ่ เฉล่ยี และสว่ นเบย่ี งเบนมำตรฐำนควำมพึงพอใจฯ โครงกำร ด้ำนกำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 9. ค่ำเฉลี่ยและสว่ นเบ่ียงเบนมำตรฐำนควำมพึงพอใจฯ โครงกำร ด้ำนประโยชนท์ ่ีได้รับ

1 บทท่ี 1 บทนำ หลักกำรและเหตผุ ล จำกสถำนกำรณ์ในปัจจุบันปัญหำเรอ่ื งสุขภำพถือได้วำ่ เปน็ ปัญหำใหญร่ ะดับชำติ ท่ีรัฐบำลต้องเสียคำ่ ใช้จำ่ ย งบประมำณจำนวนมำกในกำรดแู ลสุขภำพอนำมยั ของคนในตำบล อกี ทง้ั กำรพฒั นำเช้ือโรคทม่ี ีวิวัฒนำกำรอย่ำงต่อเนื่อง ส่งผลใหเ้ กิดโรคต่ำง ๆ อำจส่งผลกระทบต่อปัญหำสุขภำพทั้งทำงร่ำงกำยและจิตใจตลอดจนกำรสญู เสยี ทรัพย์สนิ ในกำรดูแล รกั ษำ คนชรำหรือผู้สูงอำยนุ ้ัน โดยทว่ั ไปเป็นคำท่ีใช้เรียกบคุ คลที่มีอำยุมำก ผมขำว หนำ้ ตำเห่ียวยน่ กำรเคลื่อนไหวเชอื่ งชำ้ ถงึ แม้ผสู้ งู อำยจุ ะก่อใหเ้ กดิ ภำระหน้ำทีข่ องสังคมในกำรที่จะตอ้ งดแู ลรักษำสุขภำพ แต่ผู้สงู อำยกุ ็มีคุณคำ่ และควำมสำคัญตอ่ สังคมมใิ ชน่ ้อย เพรำะนอกจำกจะเป็นท่ีพง่ึ ทำงใจของบุตรหลำน และเป็นท่ีเคำรพนับถือของบุคคล ในวงศำคณำญำติแลว้ ผู้สูงอำยุยงั จะไดร้ ับกำรยกย่องจำกสงั คมในฐำนะเป็นผู้ที่มีประสบกำรณ์ มคี วำมคดิ อำ่ นสุขุมรอบคอบ และเคยทำ คุณประโยชนใ์ หแ้ ก่สังคมมำแลว้ เม่อื ตอนที่อยูใ่ นวยั ทำงำน กศน.ตำบลกุฎโง้ง เลง็ เห็นควำมสำคญั ดังกลำ่ ว จงึ ได้จัดโครงกำรเสรมิ สรำ้ งคุณภำพชีวติ สำหรับผ้สู งู อำยุ ปงี บประมำณ พ.ศ. 2560 ขน้ึ เพือ่ ให้ผ้สู ูงอำยุในตำบลกุฎโงง้ ร้วู ิธีกำรดูแลสขุ ภำพและแก้ปญั หำดำ้ นสุขภำพด้วยตนเอง สำมำรถนำมำปรับ ใชใ้ ห้เข้ำกบั ชวี ติ ประจำวนั ของคนในครอบครวั และเปน็ กำรกระต้นุ เตือนใหส้ ังคมตระหนักในคุณค่ำควำมสำคัญของผูส้ ูงอำยุ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ ให้ผ้สู ูงอำยุภำวะ “ตดิ สังคม” มคี วำมรคู้ วำมเขำ้ ใจและมีทักษะในเร่ืองกำรดูแลสุขภำพเบื้องต้น 2. เพ่อื ใหผ้ สู้ ูงอำยสุ ำมำรถนำควำมร้ไู ปใช้ในชวี ิตประจำวนั 3. เพอ่ื ใหผ้ ู้สงู อำยุเกิดกำรแลกเปลีย่ นเรียนรรู้ ว่ มกัน เป้ำหมำย (Outputs) เชงิ ปรมิ ำณ ผูส้ งู อำยุตำบลกุฎโง้ง จำนวน 20 คน เชิงคณุ ภำพ ผูส้ ูงอำยุตำบลกฎุ โงง้ มคี วำมรู้ ควำมเข้ำใจ เก่ียวกบั กำรดแู ลสขุ ภำพเบื้องตน้ และสำมำรถนำไปประยุกต์ใช้ ในกำรดำเนินชีวติ ประจำวนั จนกระบวนกำรแลกเปลยี่ นเรียนรู้รว่ มกัน ผลลัพธ์ - เพ่อื ให้ผู้สงู อำยุในตำบลกฎุ โงง้ รู้วธิ กี ำรดูแลสุขภำพและแกป้ ญั หำด้ำนสขุ ภำพด้วยตนเอง สำมำรถนำมำปรับใชใ้ ห้ เขำ้ กบั ชีวติ ประจำวนั ของคนในครอบครวั และเปน็ กำรกระตุน้ เตอื นให้สงั คมตระหนกั ในคณุ คำ่ ควำมสำคญั ของผ้สู ูงอำยุ ดัชนชี ี้วดั ผลสำเรจ็ ของโครงกำร ตัวชี้วัดผลผลิต - รอ้ ยและ 80 ของผเู้ ข้ำรว่ มกิจกรรม มคี วำมรู้ ควำมเข้ำใจ เกยี่ วกบั กำรดูแลสุขภำพเบื้องต้น ตวั ช้วี ัดผลลัพธ์ - รอ้ ยและ 80 ของผ้รู ่วมกิจกรรม นำควำมรู้ทไี่ ดร้ ับมำปรบั ใชใ้ นชีวิตประจำวนั

บทที่ 2 2 เอกสำรกำรศึกษำและงำนวจิ ัยทเี่ กี่ยวขอ้ ง ในกำรจัดทำสรปุ ผลโครงกำรเสริมสรำ้ งคุณภำพชวี ิตสำหรับผ้สู งู อำยุ คร้ังนี้ คณะผ้จู ดั ทำโครงกำรไดท้ ำกำรค้นควำ้ เนื้อหำเอกสำรกำรศกึ ษำและงำนวิจัยทเี่ กี่ยวข้อง ดังน้ี เอกสำร/งำนวิจยั ท่ีเกีย่ วข้อง ควำมหมำยของโภชนำกำร อำหำร และสำรอำหำร โภชนำกำร (nutrition) หมำยถึง อำหำร (food) ท่ีเขำ้ ส่รู ่ำงกำยคนแล้ว รำ่ งกำยสำมำรถนำไปใช้เป็นประโยชนใ์ น ดำ้ นกำรเจรญิ เติบโต กำรค้ำจุนและกำรซ่อมแซมสว่ นตำ่ งๆของรำ่ งกำย โภชนำกำรมีควำมหมำยกว้ำงกว่ำและต่ำงจำกคำวำ่ อำหำร เพรำะอำหำรทกี่ ินกนั อยู่ทกุ วันน้ีมีดเี ลวต่ำงกนั อำหำรหลำยชนิดท่ีกินแลว้ รสู้ ึกอม่ิ แตไ่ มม่ ีประโยชน์ หรือก่อโทษตอ่ รำ่ งกำยได้ถ้ำนำเอำอำหำรตำ่ งๆมำวิเครำะห์ จะพบวำ่ มีสำรประกอบอยู่มำกมำยหลำยชนิด โดยอำศยั หลักคุณค่ำทำง โภชนำกำรทำใหม้ ีกำรจัดสำรประกอบต่ำงๆ ในอำหำรออกเปน็ 6 ประเภท คือ โปรตนี (protein) คำร์โบไฮเดรต (carbohydrate) ไขมัน (fat) วิตำมิน (vitamin) เกลอื แร่ (mineral) และนำ้ สำรประกอบทงั้ 6 กลุ่มนเี่ องทีเ่ รยี กวำ่ \"สำรอำหำร\" (nutrient) รำ่ งกำยประกอบดว้ ยสำรอำหำรเหลำ่ นี้ และกำรทำงำนของร่ำงกำยจะเป็นปกติอยไู่ ด้กต็ ่อเมอื่ ได้ สำรอำหำรท้งั 6 ประเภทครบถ้วน โปรตนี โปรตนี เป็นสำรอำหำรชนิดหน่งึ ที่รำ่ งกำยขำดไม่ได้ ถ้ำนำเอำโปรตีนมำวเิ ครำะหท์ ำงเคมี จะพบว่ำประกอบด้วย สำรเคมจี ำพวกหนึ่งเรยี กวำ่ กรดอะมโิ น (amino acid) ซงึ่ แบ่งไดเ้ ป็น 2 พวก คือ 1. กรดอะมิโนจำเปน็ เป็นกรดอะมิโนทีร่ ำ่ งกำยสร้ำงไม่ได้ ต้องไดจ้ ำกอำหำรที่กนิ เขำ้ ไปเท่ำน้นั กรดอะมโิ นท่ีอย่ใู น กลมุ่ นีม้ ีอยู่ 9 ตวั คือ ฮสิ ตดิ นี (histidine) ไอโซลิวซนี (isoleucine) ลิวซนี (leucine) ไลซนี (lysine) เมไทโอนีน (methionine) เฟนลิ อะลำนีน (phenylalanine) ทรีโอนีน (threonine) ทรปิ โตเฟน (tryptophan) และวำลีน (valine) 2. กรดอะมโิ นไม่จำเปน็ เป็นกรดอะมิโนท่นี อกจำกไดจ้ ำกอำหำรแล้ว รำ่ งกำยยงั สำมำรถสรำ้ งได้ เชน่ อะลำนีน (alanine) อำร์จนิ ีน (arginine) ซสี เตอีน (cysteine) โปรลนี (proline) และไทโรซีน (tyrosine) เป็นต้นเม่อื โปรตนี เข้ำสู่ ลำไส้ นำ้ ย่อยจำกตับอ่อนและลำไสจ้ ะยอ่ ยโปรตีนจนเป็นกรดอะมิโนซ่ึงดดู ซึมเข้ำสรู่ ่ำงกำย รำ่ งกำยนำเอำกรดอะมโิ นเหลำ่ นี้ ไปสรำ้ งเปน็ โปรตนี มำกมำยหลำยชนิด โปรตนี แตล่ ะชนดิ มสี ว่ นประกอบและกำรเรยี งตัวของกรดอะมโิ นแตกตำ่ งกนั ไป หนำ้ ท่ีของโปรตีน โปรตีนมีบทบำทสำคัญตอ่ ร่ำงกำยอยู่ ๖ ประกำร คือ 1. เปน็ สำรอำหำรทจ่ี ำเป็นต่อกำรเจรญิ เตบิ โตไขมนั และคำร์โบไฮเดรตไม่สำมำรถทดแทนโปรตีนได้เพรำะไมม่ ี ไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ 2. เม่อื เตบิ โตขน้ึ รำ่ งกำยยงั ต้องกำรโปรตีนเพ่อื นำไปซ่อมแซมเน้ือเย่ือต่ำงๆทส่ี กึ หรอไปทุกวัน 3. ช่วยรักษำดลุ น้ำ โปรตนี ทม่ี อี ยู่ในเซลลแ์ ละหลอดเลอื ด ชว่ ยรักษำปริมำณน้ำในเซลล์ และหลอดเลอื ดให้อยู่ใน เกณฑ์ทพี่ อเหมำะ ถ้ำรำ่ งกำยขำดโปรตนี น้ำจะเลด็ ลอดออกจำกเซลลแ์ ละหลอดเลือดเกิดอำกำรบวม 4. กรดอะมิโนส่วนหนึง่ ถูกนำไปสรำ้ งเปน็ ฮอร์โมน เอนไซม์ สำรภมู คิ ุ้มกนั และโปรตนี ชนิดต่ำงๆ ซ่ึงแต่ละตวั มีหนำ้ ท่ี แตกตำ่ งกนั ไป และมสี ่วนทำใหป้ ฏิกิรยิ ำตำ่ งๆ ในร่ำงกำยดำเนนิ ตอ่ ไปได้ตำมปกติ

3 5. รกั ษำดุลกรด-ด่ำงของรำ่ งกำย เน่อื งจำกกรดอะมโิ นมีหน่วยคำร์บอกซลี (carboxyl) ซ่ึงมฤี ทธ์เิ ปน็ กรด และ หน่วยอะมิโนมีฤทธเิ์ ปน็ ดำ่ ง โปรตีนจึงมีสมบตั ริ กั ษำดลุ กรด-ด่ำง ซง่ึ มคี วำมสำคัญต่อปฏิกิริยำต่ำงๆภำยในรำ่ งกำย 6. ให้กำลังงำน โปรตนี 1 กรัมให้กำลงั งำน 4 กโิ ลแคลอรี อยำ่ งไรกต็ ำม ถำ้ ร่ำงกำยได้กำลังงำนจำกคำร์โบไฮเดรต และไขมันเพยี งพอ จะสงวนโปรตนี ไว้ใช้ในหนำ้ ท่ีอ่นื อำหำรท่ีใหโ้ ปรตีน อำจแบง่ โปรตีนตำมแหล่งอำหำรที่ให้โปรตีนออกเป็น 2 พวก คอื โปรตีนจำกสตั ว์และโปรตนี จำกพืช เม่ือพิจำรณำถึง คณุ คำ่ ทำงโภชนำกำรของอำหำรทีใ่ ห้โปรตีน ตอ้ งคำนงึ ถึงทง้ั ปริมำณและคณุ ภำพ คอื ดูวำ่ อำหำรนั้นมโี ปรตีนมำกนอ้ ยเพยี งใด และมีกรดอะมโิ นจำเป็นครบถ้วนหรือไม่ อำหำรทใี่ ห้โปรตีน นำ้ หนักสว่ นหนง่ึ เทำ่ นน้ั ทีเ่ ปน็ โปรตนี และจำกตำรำงจะเหน็ ว่ำ อำหำรแต่ละชนิดมีโปรตนี ไม่เท่ำกัน โปรตีนจำกนมและไขถ่ ือวำ่ มคี ุณคำ่ ทำงโภชนำกำรยอดเยย่ี ม เพรำะมกี รดอะมโิ นจำเปน็ ครบถ้วน สว่ นโปรตนี จำกธัญพืชนอกจำกมีปริมำณต่ำกวำ่ ในเนื้อสัตว์และไขแ่ ลว้ ยงั มคี วำมบกพร่องในกรดอะมโิ นจำเปน็ บำง ชนิด เชน่ ข้ำวขำดไลซนี และทรโี อนนี ขำ้ วสำลขี ำดไลซีน ข้ำวโพดขำดไลซีนและทรปิ โตเฟน ส่วนถว่ั เมล็ดแหง้ แม้ว่ำจะมี ปริมำณโปรตีนสงู แตม่ รี ะดบั เมไทโอนนี ตำ่ อย่ำงใดกต็ ำมโปรตีนจำกพชื ยงั มีควำมสำคัญ เพรำะรำคำถูกกว่ำโปรตนี จำกสัตว์ และเปน็ อำหำรหลักของประชำชนในประเทศทีก่ ำลงั พัฒนำ เพียงแต่วำ่ ต้องทำใหป้ ระชำชนไดโ้ ปรตีนจำกสัตวเ์ พ่ิมขึน้ เพรำะ จะทำให้เพมิ่ ท้ังปรมิ ำณและคุณภำพของโปรตนี ท่ีรบั ประทำนในแต่ละวัน ควำมตอ้ งกำรโปรตีน คนเรำต้องกำรโปรตีนในแต่ละวันมำกน้อยเพียงใด ข้นึ กบั ปัจจัย 2 ประกำร คือ อำหำรที่กนิ มีปรมิ ำณและคณุ ภำพ ของโปรตีนอยำ่ งไร และตัวผู้กินอำยุเท่ำไร ตง้ั ครรภ์หรอื ให้นมบตุ รอยหู่ รือเปล่ำ ตลอดจนมีอำกำรเจบ็ ปว่ ยอยู่หรือไม่ ควำม ตอ้ งกำรของโปรตนี ลดลงตำมอำยุ เมื่อแรกเกดิ เด็กตอ้ งกำรโปรตนี วันละประมำณ 2.2 กรมั ตอ่ น้ำหนักตวั หนึง่ กิโลกรัม ควำม ต้องกำรดงั กลำ่ วน้ลี ดลงเรอื่ ยๆ จนกระทัง่ ตง้ั แต่อำยุ 19 ปีขน้ึ ไป ต้องกำรโปรตีนเพียง 0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กโิ ลกรัมตอ่ วนั ท่ีเปน็ เช่นนเี้ พรำะเด็กต้องกำรโปรตีนไปสรำ้ งเนื้อเยอ่ื ต่ำงๆในกำรเจริญเตบิ โต สว่ นผใู้ หญแ่ มว้ ่ำกำรเจรญิ เติบโตหยุดแล้ว แต่ยงั ต้องกำรโปรตีนไวซ้ ่อมแซมส่วนตำ่ งๆ ท่สี กึ หรอไป ส่วนหญงิ ตัง้ ครรภ์ต้องกำรโปรตีนเพม่ิ ข้ึนอกี วนั ละ 30 กรัม เพ่ือ นำไปใช้สำหรบั แมแ่ ละลกู ในครรภ์ แมท่ ่ใี ห้นมลกู ต้องกินโปรตนี เพ่มิ อกี วนั ละ 20 กรัม เพรำะกำรสร้ำงนำ้ นมต้องอำศยั โปรตนี จำกอำหำร คำรโ์ บไฮเดรต คำร์โบไฮเดรต จัดเป็นสำรอำหำรชนิดหนึ่ง ประกอบดว้ ยธำตุคำรบ์ อน ไฮโดรเจน และออกซิเจน ในแต่ละโมเลกลุ ของคำรโ์ บไฮเดรตมีไฮโดรเจนและออกซเิ จนอยใู่ นอัตรำส่วนสองตอ่ หนง่ึ สตู รทวั่ ไปของคำรโ์ บไฮเดรตคือCn H2n On คำรโ์ บไฮเดรตแบง่ ออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. โมโนแซก็ คำไรด์ (monosaccharide) เปน็ คำร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลเล็กท่สี ดุ เมอื่ กนิ แลว้ จะดูดซมึ จำกลำไสไ้ ดเ้ ลย ไม่ต้องผำ่ นกำรย่อย ตัวอยำ่ งของนำ้ ตำลประเภทน้ีได้แก่ กลูโคส (glucose) และฟรักโทส (fructose) ท้งั กลโู คสและฟรกั โทส เป็นน้ำตำลที่พบได้ในผัก ผลไม้ และน้ำผึ้ง นำ้ ตำลส่วนใหญ่ท่พี บในเลือด คือ กลูโคส ซ่งึ เปน็ ตัวใหก้ ำลงั งำนท่สี ำคญั 2. ไดแซก็ คำไรด์ (disaccharide) เป็นคำร์โบไฮเดรตทีป่ ระกอบดว้ ยโมโนแซก็ คำไรด์ 2 ตัวมำรวมกนั อยู่ เม่ือกนิ ไดแซ็กคำไรดเ์ ขำ้ ไป น้ำย่อยในลำไสเ้ ล็กจะย่อยออกเป็นโมโนแซ็กคำไรด์ก่อน รำ่ งกำยจงึ สำมำรถนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้ ไดแซ็กคำไรด์ทสี่ ำคัญทำงด้ำนอำหำร คือ แลก็ โทส (lactose) และซูโครส (sucrose) แลก็ โทสเปน็ นำ้ ตำลท่ีพบในน้ำนม แต่ ละโมเลกุลประกอบดว้ ยกลโู คส และกำแลก็ โทส (galactose) ส่วนนำ้ ตำลทรำยหรือซโู ครสน้นั พบอย่ใู นออ้ ยและหวั บีต แต่ ละโมเลกลุ ประกอบด้วย กลโู คสและฟรักโทส

4 3. พอลีแซ็กคำไรด์ (polysaccharide) เป็นคำร์โบไฮเดรตที่มีขนำดโมเลกลุ ใหญ่ และมีสูตรโครงสร้ำงซบั ซ้อน ประกอบด้วยโมโนแซ็กคำไรด์จำนวนมำกมำรวมตัวกนั อยู่ พอลีแซ็กคำไรด์ที่สำคัญทำงอำหำร ได้แก่ ไกลโคเจน (glycogen) แปง้ (starch) และเซลลูโลส (cellulose) ไกลโคเจนพบในอำหำรพวกเน้อื สัตว์และเครื่องในสตั ว์ ส่วนแปง้ และเซลลโู ลสพบใน พืช แมว้ ำ่ ไกลโคเจน แป้ง และเซลลูโลสประกอบด้วยกลโู คสเหมือนกัน แตล่ ักษณะกำรเรียงตัวของกลูโคสต่ำงกันทำให้ ลักษณะสตู รโครงสร้ำงต่ำงกันไป เฉพำะไกลโคเจนและแป้งเท่ำนนั้ ทีน่ ำ้ ย่อยในลำไส้สำมำรถยอ่ ยได้ น้ำตำลประเภทโมโนแซก็ คำไรดแ์ ละไดแซ็กคำไรด์เปน็ น้ำตำลท่มี ีรสหวำน แตม่ ีรสหวำนไม่เท่ำกนั นำ้ ตำลฟรักโทส กลโู คส และแลก็ โทสมีควำมหวำนเป็นรอ้ ยละ 110/61 และ 16 ของนำ้ ตำลทรำยตำมลำดับ หน้ำทข่ี องคำร์โบไฮเดรต คำร์โบไฮเดรตมบี ทบำทสำคญั ต่อรำ่ งกำยดงั น้ี 1. ใหก้ ำลังงำน 1 กรมั ของคำรโ์ บไฮเดรตให้ 4 กโิ ลแคลอรี คำรโ์ บไฮเดรตเป็นสำรอำหำรท่ีให้กำลงั งำนไม่ต่ำกว่ำรอ้ ย ละ 50 ของแคลอรีทัง้ หมดท่ีไดร้ บั ในแตล่ ะวนั ชำวไทยในชนบทบำงแหง่ ได้กำลงั งำนจำกคำร์โบไฮเดรตถึงร้อยละ 80 2. สงวนคณุ ค่ำของโปรตีนไว้ไมใ่ ห้เผำผลำญเปน็ กำลังงำน ถ้ำไดก้ ำลังงำนจำกคำรโ์ บไฮเดรตเพียงพอ 3. จำเปน็ ต่อกำรเผำผลำญไขมนั ในรำ่ งกำยให้เปน็ ไปตำมปกติ ถำ้ หำกร่ำงกำยได้คำรโ์ บไฮเดรตไม่พอจะเผำผลำญ ไขมันเปน็ กำลังงำนมำกข้ึน เกิดสำรประเภทคีโทน (ketone bodies) คง่ั ซึ่งก่อให้เกดิ อันตรำยตอ่ ร่ำงกำยได้ 4. กรดกลูคโู รนิก (glucuronic acid) ซึง่ เป็นสำรอนพุ นั ธุ์ของกลโู คส ทำหนำ้ ท่เี ปลี่ยนสำรพิษที่เข้ำสู่รำ่ งกำยเม่ือผ่ำน ไปทต่ี บั ให้มีพิษลดลง และอยู่ในสภำพท่ีขับถำ่ ยออกได้ 5. กำรทำงำนของสมองต้องพ่ึงกลูโคสเป็นตัวใหก้ ำลงั งำนที่สำคัญ 6. อำหำรคำรโ์ บไฮเดรตพวกธญั พืช เป็นแหล่งใหโ้ ปรตีน วติ ำมนิ และเกลือแร่ดว้ ย อำหำรทใี่ ห้คำรโ์ บไฮเดรตและควำมตอ้ งกำรคำร์โบไฮเดรต อำหำรท่ีให้คำรโ์ บไฮเดรตมีอยู่ 5 ประเภท คอื ธญั พืช ผลไม้ ผกั นม ขนมหวำนและน้ำหวำนชนดิ ต่ำงๆ แมว้ ่ำโปรตนี และ ไขมันใหก้ ำลงั งำนได้เช่นเดยี วกับคำรโ์ บไฮเดรตกจ็ รงิ แต่อย่ำงนอ้ ยทส่ี ดุ ผูใ้ หญ่แต่ละคนควรกนิ คำร์โบไฮเดรตไม่ตำ่ กว่ำ 50- 100 กรมั เพื่อหลีกเลยี่ งผลร้ำยจำกกำรเผำผลำญโปรตีนและไขมัน ถ้ำจะให้ดรี ้อยละ 50 ของกำลังงำนที่ได้รบั ในแต่ละวันควร ได้มำจำกคำร์โบไฮเดรต ไขมัน ไขมนั หมำยถงึ สำรอนิ ทรยี ์กลุ่มหนึ่งทไ่ี มส่ ำมำรถละลำยได้ในนำ้ แตล่ ะลำยได้ดใี นน้ำมันและไขมันดว้ ยกนั ตัวอย่ำง ของไขมันทเ่ี กี่ยวข้องกับสขุ ภำพของคน คือ ไตรกลเี ซอไรด์ (triglyceride) และคอเลสเทอรอล ส่วนใหญข่ องไขมนั ทีอ่ ยู่ใน อำหำร คือ ไตรกลเี ซอไรด์ ดงั น้ัน เมอ่ื พูดถึงไขมันเฉยๆ จงึ หมำยถงึ ไตรกลีเซอไรด์ แตล่ ะโมเลกลุ ของไตรกลเี ซอไรด์ ประกอบดว้ ย กลเี ซอรอล (glycerol) และกรดไขมัน (fatty acid) โดยกลีเซอรอลทำหน้ำทเ่ี ปน็ แกนใหก้ รดไขมนั 3 ตวั มำ เกำะอยู่ กรดไขมันท้ัง 3 ชนิดอำจเป็นชนิดเดียวกันหรือตำ่ งชนดิ กไ็ ด้ ไตร-กลเี ซอไรด์ทส่ี กัดจำกสตั ว์มีลักษณะแข็งเม่อื ท้ิงไวท้ ่ี อุณหภูมิหอ้ ง สว่ นไตรกลีเซอไรดท์ สี่ กดั จำกเมล็ดพืชผลไม้เปลอื กแขง็ และปลำมีลกั ษณะเป็นน้ำมนั กรดไขมัน เป็นสำรท่ีประกอบด้วยธำตุคำร์บอน ไฮโดรเจนและออกซเิ จน กรดไขมนั แบ่งเปน็ 2 ประเภท คอื 1. กรดไขมนั ไมจ่ ำเปน็ เปน็ กรดไขมนั ท่ีนอกจำกได้จำกอำหำรแลว้ ร่ำงกำยยังสำมำรถสังเครำะห์ไดด้ ้วย เช่น กรดส เตียรกิ (stearic acid) กรดโอเลอิก (oleic acid) 2. กรดไขมนั จำเปน็ เปน็ กรดไขมนั ที่รำ่ งกำยสงั เครำะห์เองไม่ได้ ต้องไดจ้ ำกอำหำรท่ีกนิ เข้ำไป มีอยู่ ๓ ตวั คือ กรดไล โนเลอิก (linoleic acid) กรดไลโนเลนกิ (linolenic acid) และกรดอะแรคิโดนิก (arachidonic acid) กรดไลโนเลอิกเปน็

5 กรดไขมันจำเปน็ ท่ีพบมำกที่สุดในอำหำร ส่วนกรดอะแรคิโดนกิ นอกจำกไดจ้ ำกอำหำรแลว้ รำ่ งกำยยงั สร้ำงได้จำกกรดไลโนเล อกิ หน้ำท่ขี องไขมนั ไขมันมีควำมสำคัญในด้ำนโภชนำกำรหลำยประกำร นับต้ังแตเ่ ปน็ ตัวใหก้ ำลังงำน ไขมนั 1 กรมั ให้กำลังงำน 9 กิโล แคลอรี ใหก้ รดไขมนั จำเปน็ ช่วยในกำรดดู ซึมของวติ ำมนิ เอ ดี อี และเค รสชำติของอำหำรจะถูกปำกต้องมีไขมนั ในขนำด พอเหมำะและช่วยทำให้อมิ่ ท้องอยนู่ ำน นอกจำกนีร้ ำ่ งกำยยังเก็บสะสมไขมนั ไวส้ ำหรบั ให้กำลงั งำนเม่ือมีควำมต้องกำร อำหำรทใี่ ห้ไขมนั ไขมัน นอกจำกไดจ้ ำกนำ้ มนั ท่ีใช้ในกำรปรงุ อำหำร เช่น มนั หมู มนั ววั น้ำมนั พืชชนดิ ตำ่ งๆ อำหำรอีกหลำยชนิดกม็ ี ไขมันอยดู่ ว้ ย เนื้อสตั ว์ต่ำงๆ แม้มองไม่เหน็ ไขมันด้วยตำเปล่ำกม็ ีไขมันแทรกอยู่ เชน่ เนือ้ หมู เน้อื ววั และ เนอื้ แกะ มไี ขมนั ประมำณร้อยละ 15 - 30 เน้อื ไก่มปี ระมำณร้อยละ 6 - 15 สำหรับเน้ือปลำบำงชนิดมนี ้อยกวำ่ ร้อยละ 1 บำงชนดิ มีมำกกวำ่ รอ้ ยละ 12 ปลำบำงชนิดมไี ขมนั นอ้ ยในส่วนของเน้ือแต่ไปมีมำกท่ตี บั สำมำรถนำมำสกัดเปน็ นำ้ มันตบั ปลำได้ ในผกั และผลไม้ มไี ขมันน้อยกวำ่ ร้อยละ 1 ยกเว้นผล อะโวกำโด และโอลฟี ซ่งึ มไี ขมนั อย่ถู ึงร้อยละ 16 และ 30 ตำมลำดับ ในเมล็ดพชื และ ผลไมเ้ ปลอื กแขง็ บำงชนดิ มีนำ้ มันมำก สำมำรถใชค้ วำมดนั สูงบีบเอำมำใช้ปรงุ อำหำรได้ บทบำทของกรดไลโนเลอกิ ต่อสขุ ภำพ ถ้ำได้กรดไลโนเลอิกไมเ่ พยี งพอเป็นระยะเวลำนำน จะปรำกฏอำกำรแสดงต่อไปนี้ คือ กำรอกั เสบของผวิ หนงั เกล็ด เลือดลดต่ำลง ไขมันคั่งในตบั กำรเจริญเตบิ โตชะงักงัน เสน้ ผมหยำบ ตดิ เชือ้ ได้ง่ำย และถ้ำมบี ำดแผลอยู่จะหำยช้ำ กำรขำด กรดไลโนเลอิกนี้มักพบในผูป้ ว่ ยทีก่ ินอำหำรทำงปำกไมไ่ ด้ และไดส้ ำรอำหำรต่ำงๆ ยกเวน้ ไขมนั ผำ่ นทำงหลอดเลือดดำ ร่ำงกำยต้องกำรกรดไลโนเลอิกในขนำดร้อยละ 2 ของแคลอรที ี่ควรได้รบั เพื่อปอ้ งกนั กำรขำดกรดไลโนเลอิกกำรศกึ ษำใน ระยะหลังไดพ้ บวำ่ ถ้ำกินกรดไลโนเลอิกในขนำดร้อยละ 12 ของแคลอรที ่ีควรได้รบั จะทำใหร้ ะดับคอเลสเทอรอล และไตรกลี เซอไรด์ในลือดลดลง กำรจับตัวของเกลด็ เลือดท่ีจะเกิดเป็นก้อนเลือดอดุ ตันตำมหลอดเลือดต่ำงๆ เป็นไปไดน้ อ้ ยลง และชว่ ย ลดควำมดันโลหิต ปริมำณของกรดไลโนเลอิกในนำ้ มนั ที่ใชป้ รุงอำหำร น้ำมันทใี่ ชป้ รุงอำหำร ถำ้ มำจำกสตั วม์ ีกรดไลโนเลอิกน้อย น้ำมนั พชื บำงชนดิ เท่ำนัน้ มกี รดไลโนเลอิกมำก ในทำง ปฏิบัตคิ วรเลือกกนิ น้ำมันพืชท่มี ีกรดไลโนเลอิกในเกณฑร์ ้อยละ 46 ข้นึ ไป เพรำะในผู้ปว่ ยท่ีได้รับกำลังงำนวนั ละ 2,000 กิโล แคลอรี จะต้องกินน้ำมนั พืชประเภททมี่ ีไลโนเลอิกร้อยละ 46 ถงึ วนั ละ 15 ช้อนชำ จงึ ได้กำลงั งำนรอ้ ยละ 12 ทมี่ ำจำกกรดไล โนเลอิก ถ้ำใช้น้ำมนั พชื ทีม่ ปี ริมำณกรดไลโนเลอิกต่ำกวำ่ น้ีจะต้องใช้ปริมำณน้ำมันมำกขน้ึ ในกำรปรงุ อำหำรซ่งึ ในทำงปฏบิ ัติ เปน็ ไปได้ยำก ควำมตอ้ งกำรไขมนั ปรมิ ำณไขมนั ท่ีกนิ แต่ละวันควรอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 25-35 ของแคลอรีท้งั หมดทีไ่ ดร้ บั และร้อยละ๑๒ ของแคลอรี ทัง้ หมดควรมำจำกกรดไลโนเลอกิ วติ ำมิน วติ ำมิน เปน็ กลุม่ ของสำรอนิ ทรยี ์ ซึง่ รำ่ งกำยต้องกำรจำนวนนอ้ ย เพื่อทำใหป้ ฏิกริ ยิ ำตำ่ งๆ ในรำ่ งกำย เปน็ ไปตำมปกติ ร่ำงกำยไม่สำมำรถสร้ำงวติ ำมนิ ได้ หรือสรำ้ งไดก้ ็ไมเ่ พียงพอแกค่ วำมตอ้ งกำร โดยอำศัยสมบัติกำรละลำยตวั ของวติ ำมนิ ทำใหม้ ีกำรแบ่งวิตำมนิ เปน็ 2พวก คือ วติ ำมนิ ท่ีละลำยในไขมนั และวติ ำมนิ ทล่ี ะลำยในน้ำ

6 วติ ำมนิ ทลี่ ะลำยตัวในไขมัน วิตำมินในกลมุ่ น้ีมี 4 ตัว คือ เอ ดี อี และเคกำรดูดซมึ ของวิตำมนิ กลุ่มน้ตี ้องอำศัยไขมันในอำหำร มี หนำ้ ทที่ ำงชวี เคมเี กี่ยวข้องกับกำรสังเครำะหโ์ ปรตีนบำงชนดิ ในรำ่ งกำย วติ ามนิ เอ มีชื่อทำงเคมวี ่ำ เรทินอล (retinol) มีหน้ำทีเ่ ก่ยี วกับกำรมองเห็น โดยเฉพำะในท่ีทีมีแสงสว่ำงน้อย กำร เจริญเตบิ โต และสบื พนั ธุ์ อำหำรทีใ่ ห้เรทนิ อลมำกเป็นผลิตผลจำกสัตว์ ได้แก่ นำ้ นม ไข่แดง ตบั นำ้ มันตบั ปลำ พชื ไม่มีเรตนิ อล แตม่ ีแคโรทีน (carotene) ซงึ่ เปลย่ี นเป็นเรตนิ อลในร่ำงกำยได้ กำรกินผลไม้ ผักใบเขียว และผักเหลืองท่ีใหแ้ คโรทนี มำก เช่น มะละกอสุก มะม่วงสกุ ผกั บุ้ง ตำลึง ในขนำดพอเหมำะ จึงมีประโยชน์และป้องกันกำรขำดวติ ำมินเอได้ วติ ามินดี มมี ำกในน้ำมนั ตับปลำ ในผวิ หนงั คนมสี ำรท่เี รยี กวำ่ 7-ดไี ฮโดรคอเลสเทอรอล ซึง่ เมอ่ื ถูกแสง อัลตรำไวโอเลตจะเปลย่ี นเปน็ วิตำมนิ ดีได้ เมือ่ วติ ำมินดเี ขำ้ สู่ร่ำงกำยแลว้ จะถกู เปลี่ยนแปลงทตี่ บั และไต เป็นสำรที่มีฤทธ์ิช่วย ในกำรดูดซึมแคลเซียมจำกลำไส้ และกำรใชแ้ คลเซยี มในกำรสรำ้ งกระดูก กำรขำดวติ ำมนิ ดีจะทำให้เกดิ โรคกระดูกอ่อน วิตามินอี มหี น้ำท่ีเก่ยี วกบั กำรต่อตำ้ นออกซิไดซส์ ำรพวกกรดไขมันไม่อิ่มตัว วติ ำมนิ เอ วิตำมินซีและแคโรทีน วิตำมนิ อมี ีมำกในถัว่ เปลือกแขง็ ถวั่ เปลือกอ่อน และน้ำมันพชื เช่น นำ้ มนั รำ นำ้ มันทำนตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย ในเด็กคลอดก่อน กำหนดกำรขำดวิตำมนิ อที ำให้ซีดได้ วติ ามนิ เค มหี นำ้ ท่สี ร้ำงโปรตีนหลำยชนิดท่ีเกยี่ วข้องกับกำรแขง็ ตัวของเลอื ด กำรขำดวิตำมินเค ทำใหเ้ กิดภำวะ เลือดออกได้งำ่ ย วิตำมินเคมีมำกในตบั ววั และผักใบเขียว เชน่ ผักกำดหอม กะหล่ำปลี นอกจำกน้บี คั เตรในลำไส้ใหญ่ของคน สำมำรถสงั เครำะหว์ ติ ำมนิ เค ซง่ึ ร่ำงกำยนำไปใช้ได้ วติ ำมนิ ท่ลี ะลำยตัวในน้ำ วิตำมินในกล่มุ นี้มีอยู่ 9 ตวั คือ วิตำมนิ ซี บี1 บ2ี บี6 ไนอำซิน กรดแพนโทเทนกิ (pantothenic acid) ไบโอติน (biotin) โฟ ลำซิน (folacin) และบ1ี 2 สำหรับวติ ำมนิ 8 ตัวหลงั มกั รวมเรียกวำ่ วติ ำมินบีรวมหน้ำทีท่ ำงชีวเคมขี องวิตำมินท่ีละลำยตวั ใน นำ้ คือ เป็นตัวเรง่ ปฏิกริ ิยำหรือทำใหป้ ฏกิ ริ ยิ ำของร่ำงกำยดำเนินไปได้ วติ ำมินพวกน้ตี ้องถกู เปลีย่ นแปลงจำกสตู รโครงสรำ้ ง เดิมเลก็ นอ้ ยก่อนทำหน้ำที่ดงั กล่ำวได้ วติ ามินซี มีหน้ำทเ่ี ก่ียวกับกำรสรำ้ งสำร ซึ่งยึดเซลล์ในเนือ้ เยือ่ ชนดิ เดยี วกนั ทสี่ ำคัญไดแ้ ก่ เน้อื เย่ือหลอดเลือดฝอย กระดูก ฟนั และพงั ผดื กำรขำดวิตำมินซี ทำให้มอี ำกำรเลือดออกตำมไรฟัน ที่เรียกวำ่ โรคลกั ปดิ ลกั เปิด และอำจมเี ลือดออก ในทต่ี ำ่ งๆของร่ำงกำย อำหำรทมี่ วี ติ ำมนิ ซีมำกคอื ผลไมท้ ี่มีรสเปร้ยี ว เชน่ สม้ มะนำว และผกั สดทัว่ ไป วิตามนิ บี1 ทำหน้ำทเ่ี กีย่ วกบั ปฏิกริ ยิ ำกำรเปลีย่ นแปลงของคำรโ์ บไฮเดรตในรำ่ งกำย ถ้ำขำดจะเปน็ โรคเหน็บชำ อำหำรทม่ี วี ิตำมนิ บี1 มำก คือเนอ้ื หมูและถ่วั สว่ นข้ำวท่สี ีแลว้ มีวิตำมินบี1 นอ้ ย วิตามนิ บี2 มีหนำ้ ท่ีในขบวนกำรทำใหเ้ กิดกำลงั งำนแก่ร่ำงกำยอำหำรที่มีวติ ำมินน้ีมำก คือ ตบั หัวใจ ไข่ นม และผกั ใบเขียว วติ ามนิ บี6 มหี น้ำทเี่ กีย่ วกับกำรเผำผลำญโปรตีนภำยในรำ่ งกำย ถ้ำได้วิตำมนิ บี6 ไม่พอ จะเกิดอำกำรชำและซดี ได้ อำหำรท่ใี ห้วติ ำมินบี6 ได้แก่ เนื้อสตั ว์ เครอ่ื งในสตั ว์ ถั่ว กลว้ ย และผักใบเขียว ไนอาซิน มหี น้ำทเี่ กย่ี วกบั ปฏิกิรยิ ำกำรเผำผลำญสำรอำหำรเพ่อื ใหเ้ กดิ กำลงั งำน กำรหำยใจของเน้ือเยื่อและกำร สรำ้ งไขมันในรำ่ งกำย กำรขำดไนอำซนิ จะทำให้มีอำกำรผวิ หนังอกั เสบบรเิ วณทถ่ี ูกแสงแดด ทอ้ งเดนิ และประสำทเสือ่ ม ควำมจำเลอะเลือน อำหำรที่มีวิตำมินนม้ี ำก ได้แก่ เครอื่ งในสตั วแ์ ละเน้อื สตั ว์ ร่ำงกำยสำมำรถสรำ้ งไนอำซนิ ได้จำกกรดอะมิ โนทรปิ โตเฟน กรดแพนโทเทนกิ มหี น้ำทเ่ี กี่ยวกับกำรเผำผลำญสำรอำหำรเพอ่ื ใหเ้ กดิ กำลงั งำน อำหำรที่ให้วติ ำมินตัวนี้ ได้แก่ ตับ ไต ไข่แดง และผักสด โอกำสทีค่ นจะขำดวติ ำมินตวั น้มี ีน้อย

7 ไบโอติน มบี ทบำทสำคัญในปฏกิ ริ ยิ ำของกรดไขมันและกรดอะมิโน โอกำสท่คี นจะขำดวิตำมนิ ตัวนีม้ ีน้อย เพรำะ อำหำรท่ใี หว้ ิตำมินตัวนีม้ ีหลำยชนดิ เช่น ตับ ไต ถัว่ และดอกกะหลำ่ โฟลาซิน มีหนำ้ ท่ีเกย่ี วกบั กำรสงั เครำะหก์ รดนิวคลอิ ิกและโปรตีน ถำ้ ขำดวิตำมนิ ตัวน้จี ะเกดิ อำกำรซดี ชนดิ เมด็ เลอื ดแดงโต อำหำรทใี่ หโ้ ฟลำซนิ มำก คือ ผักใบเขียวสด นำ้ ส้ม ตบั และไต วิตามนิ บี12 มีสว่ นสำคัญตอ่ กำรทำงำนของเซลลใ์ นร่ำงกำย โดยเฉพำะอยำ่ งยิ่งต่อไขกระดูก ระบบประสำท และ ทำงเดินอำหำร มีส่วนสมั พนั ธ์กับหน้ำท่ีบำงอยำ่ งของโฟลำซินดว้ ย กำรขำดวิตำมนิ บี12 จะมีอำกำรซีดชนิดเมด็ เลอื ดแดงโต และมคี วำมผิดปกติทำงระบบประสำท วิตำมินบี12 พบมำกในอำหำรจำกสตั ว์ เชน่ ตับ ไต น้ำปลำที่ได้มำตรฐำนปลำรำ้ แต่ ไม่พบในพชื จะเหน็ ได้วำ่ วิตำมนิ บำงชนิดมีอยู่เฉพำะในพชื หรือสตั ว์ บำงชนิดมีท้งั ในพชื และสัตว์ กำรกนิ ขำ้ วมำกโดยไม่ได้อำหำรพวก เนือ้ สตั ว์ ถ่ัว พชื ผัก ไขมนั และผลไม้ที่เพยี งพอ ย่อมทำให้ขำดวติ ำมนิ ได้งำ่ ยขึน้ เพรำะข้ำวทข่ี ัดสี แล้วมีระดบั วติ ำมนิ เอ บ1ี และบี12 ตำ่ มำก เกลือแร่ เกลอื แร่ เป็นกล่มุ ของสำรอนินทรยี ท์ ีร่ ่ำงกำยขำดไม่ได้ มกี ำรแบง่ เกลอื แรท่ ่ีคนตอ้ งกำรออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. เกลอื แร่ท่ีคนตอ้ งกำรในขนำดมำกกวำ่ วนั ละ 100 มลิ ลกิ รัม ไดแ้ ก่ แคลเซยี ม ฟอสฟอรัส โซเดียม โพแทสเซยี ม คลอรนี แมกนเี ซียม และกำมะถนั 2. เกลอื แร่ท่ีคนต้องกำรในขนำดวันละ 2-3 มิลลกิ รมั ได้แก่ เหลก็ ทองแดง โคบอลต์ สังกะสี แมงกำนสี ไอโอดนี โมลิบดนี ัม ซลี ีเนยี ม ฟลอู อรนี และโครเมยี ม หน้ำทขี่ องเกลอื แร่ ร่ำงกำยมีเกลือแร่เป็นส่วนประกอบอยู่ประมำณร้อยละ 4 ของน้ำหนักตัว เกลอื แร่แตล่ ะชนดิ มหี นำ้ ท่ีเฉพำะของตวั เอง อยำ่ งไรกต็ ำม หนำ้ ทโี่ ดยทวั่ ไปของเกลือแร่มอี ยู่ 5 ประกำร คือ 1. เป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อ เชน่ แคลเซยี ม ฟอสฟอรัส และแมกนเี ซยี ม เปน็ ส่วนประกอบที่สำคัญของกระดูก และฟนั ทำใหก้ ระดูกและฟนั มลี ักษณะแข็ง 2. เปน็ ส่วนประกอบของโปรตีน ฮอร์โมนและเอนไซม์ เช่น เหลก็ เปน็ ส่วนประกอบของโปรตนี ชนิดหนึง่ เรียกวำ่ เฮโมโกลบิน (hemoglobin) ซ่ึงจำเปน็ ต่อกำรขนถำ่ ยออกซิเจนแกเ่ นอ้ื เยื่อต่ำงๆ ทองแดงเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ ซ่งึ จำเป็นตอ่ กำรหำยใจของเซลล์ไอโอดนี เปน็ ส่วนประกอบของฮอรโ์ มนไทรอกซนี ซง่ึ จำเป็นตอ่ กำรทำงำนของร่ำงกำย ถ้ำหำก ร่ำงกำยขำดเกลือแรเ่ หลำ่ นี้ จะมผี ลกระทบต่อกำรทำงำนของโปรตนี ฮอรโ์ มน และเอนไซม์ท่มี ีเกลือแร่เป็นองคป์ ระกอบ 3. ควบคมุ ควำมเป็นกรด-ด่ำงของร่ำงกำย โซเดยี ม โพแทสเซยี ม คลอรีน และฟอสฟอรสั ทำหนำ้ ทีส่ ำคัญในกำร ควบคุมควำมเปน็ กรด-ดำ่ งของร่ำงกำย เพอ่ื ให้มีชีวิตอยู่ได้ 4. ควบคมุ ดุลนำ้ โซเดียม และโพแทสเซียมมสี ่วนช่วยในกำรควบคมุ ควำมสมดุลของนำ้ ภำยในและภำยนอกเซลล์ 5. เรง่ ปฏกิ ริ ิยำ ปฏกิ ริ ยิ ำหลำยชนิดในรำ่ งกำยจะดำเนนิ ไปได้ ต้องมีเกลือแรเ่ ปน็ ตัวเรง่ เชน่ แมกนเี ซียม เป็นตวั เรง่ ปฏิกริ ิยำทเ่ี กย่ี วกับกำรเผำผลำญกลูโคสให้เกิดกำลังงำน อำหำรทใ่ี ห้เกลือแร่ ต้นตอสำคญั ของเกลือแรช่ นดิ ต่ำงๆ นั้น มอี ยใู่ นอำหำรที่ใหโ้ ปรตนี เช่น เนอื้ สตั ว์ นม ถั่วเมลด็ แห้งผักและผลไม้กใ็ ห้ เกลอื แรบ่ ำงชนิดด้วย เช่น โพแทสเซียม แมกนเี ซียม สว่ นโซเดยี มและคลอรนี น้ันรำ่ งกำยได้จำกเกลอื ที่ใช้ปรุงอำหำร

8 น้ำ นำ้ เป็นสำรอำหำรอีกชนดิ หน่ึง ท่คี นขำดไม่ไดร้ ่ำงกำยไดน้ ำ้ จำกนำ้ ดม่ื และกำรเผำผลำญโปรตีน คำร์โบไฮเดรต และ ไขมัน ร่ำงกำยขับถ่ำยน้ำออกมำกบั ปัสสำวะและอจุ จำระ และโดยกำรระเหยทำงผิวหนังและทำงระบบทำงเดินหำยใจ ร่ำงกำยมีกลไกควบคุมรักษำดุลนำ้ ให้อยูใ่ นเกณฑ์พอเหมำะ กำรขำดนำ้ เช่น ไม่มนี ้ำดื่มเป็นเวลำ 2-3 วัน หรอื เกิดทอ้ งเดิน อยำ่ งรุนแรงไม่ได้รบั กำรรักษำ สำมำรถทำใหเ้ สยี ชีวิตได้ ในทำงตรงกันขำ้ มถำ้ ร่ำงกำยมนี ้ำมำกไป เชน่ เปน็ โรคไตขบั ถ่ำย ปัสสำวะไม่ได้ จะเกิดอำกำรบวม ซึ่งทำให้ตำยไดเ้ ช่นกนั ใยอำหำร ใยอำหำร (dietary fiber) หมำยถึง สำรจำกพชื ท่ีคนกนิ แลว้ นำ้ ย่อยไม่สำมำรถย่อยได้ ได้แก่ เซลลโู ลส (cellulose) เฮมเิ ซลลโู ลส (hemicellulose) เพกทนิ (pectin) และลิกนิน (lignin) แมว้ ่ำรำ่ งกำยไมส่ ำมำรถย่อยใยอำหำร แตก่ ำรไม่กินใย อำหำรมผี ลรำ้ ยต่อสขุ ภำพได้ กำรศกึ ษำพบว่ำ ใยอำหำรมีบทบำทสำคญั ตอ่ กำรขับถ่ำยอุจจำระให้ดำเนินไปตำมปกติ ซึง่ มสี ว่ น สำคัญต่อกำรป้องกันไม่ให้เกิดโรคถงุ ตนั ท่ีลำไส้ใหญ่ โรคมะเร็งของลำไสใ้ หญ่ และลดระดับคอเลสเทอรอลในเลือด อำหำร หมำยถึง สำรซง่ึ อำจเป็นของแข็งหรือของเหลวทร่ี ับประทำนเขำ้ ไปแล้วไม่เป็นพิษหรอื โทษต่อรำ่ งกำย แตม่ ี ประโยชน์ตอ่ ร่ำงกำย โภชนำกำร หมำยถึง วทิ ยำศำสตรส์ ำขำหนงึ่ ท่ีศึกษำเก่ยี วกับกำรเปล่ียนแปลงของอำหำรที่เข้ำไปในรำ่ งกำย กำร พฒั นำของร่ำงกำยจำกกำรได้รับสำรอำหำรรวมท้งั กำรปรงุ แตง่ อำหำรใหเ้ หมำะสมกับควำมต้องกำรตำมสภำพและวยั ปัญหำเก่ยี วกบั กำรรับประทำนอำหำร 1. กำรงดรบั ประทำนอำหำรบำงมื้อ ทำให้ร่ำงกำยอ่อนเพลยี ขำดสำรอำหำรทจ่ี ำเป็นบำงอย่ำง พลังงำนไม่เพียงพอต่อ กำรทำกจิ กรรมตำ่ งๆ 2. กำรดื่มนำ้ อัดลมและกำแฟ 3. กำรนยิ มอำหำรฟำสต์ฟดู้ ทำให้รำ่ งกำยได้รบั สำรอำหำรไม่ครบถว้ น และยงั เป็นกำรสนิ้ เปลอื งเงินทองอีกด้วย 4. ควำมเชอ่ื ที่ผิดเกี่ยวกับกำรบรโิ ภคอำหำร สำรอำหำร หมำยถงึ สำรเคมีที่ประกอบอยูใ่ นอำหำร เช่น โปรตีน ไขมัน คำรโ์ บไฮเดรต ซ่ึงจะใหค้ ุณประโยชน์ต่อ ร่ำงกำยอำหำรต่ำงๆทเ่ี รำรบั ประทำนเข้ำไปนั้น ถ้ำแยกคุณสมบัตทิ ำงเคมแี ลว้ จะไดส้ ำรอำหำร 6 ประเภทด้วยกัน คือ 1. โปรตนี ไดแ้ ก่ เนื้อสตั ว์ นม ไข่ และโปรตีนในพืช ไดแ้ ก่ ถ่ัวชนดิ ตำ่ งๆ เปน็ ต้น 2. คำรโ์ บไฮเดรต ได้แก่ ขำ้ วชนิดตำ่ งๆ แป้ง นำ้ ตำล เผือก มัน เป็นตน้ 3. ไขมนั ได้แก่ ไขมันจำกสตั ว์ และน้ำมันจำกพืช 4. วิตำมนิ ได้แก่ วิตำมนิ ทล่ี ะลำยไดใ้ นไขมัน และวติ ำมินท่ีละลำยในน้ำ 5. เกลือแร่ ได้แก่ ผลไม้ชนิดต่ำงๆ พืชผัก นม ไข่ เคร่ืองในสัตว์ อำหำรทะเล เปน็ ต้น อำหำรหลัก 5 หมู่ หมู่ท่ี 1 โปรตนี เนื้อสัตวต์ ่ำงๆ ไข่ นม ถ่ัวเมล็ดแห้ง หมทู่ ี่ 2 ข้ำว แป้ง นำ้ ตำล เผือก มนั ขนมปงั หมู่ท่ี 3 ผักใบเขยี ว และผกั ชนิดต่ำงๆ หมู่ท่ี 4 ผลไม้ชนิดต่ำงๆ เชน่ สม้ องุน่ หมู่ที่ 5 ไขมนั จำกสตั ว์ และพืช

9 โรคขำดสำรอำหำร หมำยถงึ โรคท่ีเกดิ ขนึ้ จำกกำรขำดสำรอำหำรที่ควรได้รับอย่ำงพอเพียงในภำวะหนึง่ ๆ ซงึ่ มสี ำเหตุ ตำ่ งกัน ดงั น้ี 1. ได้รับปริมำณน้อยเกินไปจำกกำรขำดควำมรู้ที่จะเลือกรบั ประทำนอำหำรที่มคี ุณค่ำหรอื จำกภำวะทำงเศรษฐกจิ 2. ร่ำงกำยมคี วำมต้องกำรมำกขึ้น เชน่ ในภำวะเจบ็ ปว่ ย ฟ้นื ไข้ 3. ควำมอยำกอำหำรน้อย กำรย่อยอำหำรไม่ดี 4. มกี ำรทำลำยแหลง่ สร้ำงอำหำรในร่ำงกำย 5. ยำหรือสำรบำงชนิดท่ีมผี ลตอ่ ระบบย่อยอำหำรของรำ่ งกำย โรคขำดสำรอำหำรทพ่ี บมำก ได้แก่ 1. โรคขำดโปรตนี 2. โรคโลหติ จำงจำกกำรขำดธำตุเหลก็ 3. โรคเหนบ็ ชำ 4. โรคกระดกู ออ่ น 5.โรคคอพอก 6. โรคตำฟำง 7. โรคลกั ปดิ ลกั เปดิ อำหำรเปน็ ปัจจัยสำคัญหน่ึงในกำรดำรงชีวิต ในวนั หน่งึ ๆ คนเรำตอ้ งกนิ อำหำรถึง 3 ม้ือ กำรเลือกซ้ืออำหำรจึงมีควำม จำเป็นทีผ่ ู้ซื้อจะตอ้ งมีหลักในกำรซอื้ เพ่ือชว่ ยในกำรตัดสินใจ จะทำใหไ้ ด้อำหำรท่ีมคี ุณภำพดี มปี ระโยชน์ต่อร่ำงกำย กำรเลือกซือ้ อำหำรประเภทตำ่ ง ๆ ควรมีหลกั ดังนี้ กำรเลอื กซื้ออำหำรประเภทเนื้อสัตว์ 1. เน้ือหมู เลือกทีม่ สี ีชมพูออ่ น มันสีขำว เนอื้ แนน่ เวลำกดเนื้อจะไมบ่ ุ๋ม 2. เนอื้ วัว เลือกทีม่ สี แี ดงสด มนั สีเหลือง เนือ้ สันในจะเปน็ เน้อื ที่เปื่อยทส่ี ุด ถ้ำเน้อื ไม่สดจะมสี เี ขยี วดำๆ 3. เนอ้ื ควำย มลี กั ษณะเหนียว เสน้ หยำบ สคี ลำ้ กว่ำเนื้อววั มมี นั สีขำว 4. ไก่ ตอ้ งมีหนังบำง สไี ม่ซดี ไมม่ ีกล่ินเหม็น 5. ปลำ ควรเลือกปลำสด ผวิ เป็นมัน มเี มือกใสๆ บำงๆ หุ้มทั่วตัว เกลด็ แนบกบั หนัง ไสไ้ ม่ทะลกั ออกมำตำสดใสฝังในเบ้ำ เหงือกสีแดง ไม่มกี ล่ิน เนอ้ื แน่น 6. ก้งุ ควรเลือกกุง้ สด หวั ติดแน่น ตำใส ตัวมสี เี ขียวปนนำ้ เงนิ ใส เนอ้ื แข็ง เปลอื กสดใส ตัวโต 7. หอย ควรเลือกปำกหบุ แนน่ เม่อื วำงทิ้งไวป้ ำกจะอ้ำออก และหบุ ไวแ้ น่นสนทิ ก็แสดงวำ่ ยังมชี ีวิตอยู่ ถ้ำเปน็ หอยท่ีแกะ เอำเปลือกออกแลว้ ต้องมสี สี ดใส 8. ปู ถำ้ เลือกซื้อปทู ะเลจะมีสเี ขยี วเข้ม หนกั ตำใส กลำงหนำ้ อกแข็งกดไมล่ ง ไมย่ ุบง่ำย ถำ้ ตอ้ งกำรปูไขเ่ ลอื กตวั เมีย ถ้ำ ต้องกำรปเู นอื้ เลือกตวั ผู้ ปูตวั เมียฝำปิดหนำ้ อกจะใหญ่ ปตู วั ผู้ฝำปดิ หน้ำอกเรียวเล็ก 9. ไข่ กำรใชไ้ ข่ประกอบอำหำรและขนม มีท้ังไขเ่ ปด็ และไขไ่ ก่ควรเลือกไขส่ ดถ้ำไข่สดผิวนอกของเปลือกไข่จะมลี ักษณะ เปน็ สีนวล เมอื่ ตอ่ ยออกใสภ่ ำชนะจะเหน็ ไข่แดงนนู ตรงกลำง

10 กำรเลือกซอ้ื ผกั ผักทใ่ี ช้เป็นอำหำร ไดม้ ำจำกส่วนตำ่ งๆ ของพชื ไดแ้ ก่ ใบผัก รำก ผล เมล็ด ดอก ควรเลือกผกั ดังนี้ 1. เลือกซื้อตำมฤดูกำล จะไดผ้ ักท่ีมีคณุ ภำพดี รำคำถูก 2. เลือกซือ้ จำกสี ขนำด รปู รำ่ ง ควำมอ่อนแก่ สด ไม่ช้ำ 3. เลอื กซอื้ ตำมชนดิ ของผกั เชน่ ผักที่เป็นหวั ควรเลือกซื้อที่มนี ้ำหนกั เนอ้ื แน่น ไม่มีตำหนิ ผกั ท่เี ป็นฝกั ควรเลอื กฝักออ่ นๆ เชน่ ถัว่ ฝกั ยำว ตอ้ งสเี ขียว แนน่ ไม่พอง อ้วน ผักทเี่ ป็นใบ ควรเลอื กสเี ขยี วสด ไม่เหยี่ ว ไม่มีรอยช้ำ ไม่มหี นอน ตน้ ใหญ่ อวบ ใบแน่นติดกับโคน ผักทีเ่ ปน็ ผล ควรเลอื กสเี ขยี วสด ไมเ่ หยี่ ว ไมเ่ สยี กำรเลือกซอ้ื ผลไม้ 1. ต้องดผู วิ สดใหม่ 2. ขวั้ หรอื กำ้ นยังเขียวและแข็ง 3. เปลอื กไมช่ ำ้ ดำ 4. ขนำดของผลสมำ่ เสมอ กำรเลอื กซอื้ อำหำรกระป๋อง 1. ซ้อื จำกแหล่งผลิตท่ีไวใ้ จได้วำ่ ผลติ อำหำรได้มำตรฐำน มี คณุ ภำพ 2. ดลู กั ษณะกระป๋องควรใหม่ ไมบ่ ุบ บวม รัว่ มสี นมิ ชำรดุ 3. อ่ำนฉลำกดูส่วนประกอบ ปริมำณนำ้ หนกั รำคำ เวลำที่ผลิต ชอ่ื ผูผ้ ลติ กำรเลือกซ้ืออำหำรสำเรจ็ รูป 1. ไม่ควรมีกำรปลอม ปน สำรทเ่ี ปน็ พิษตอ่ ร่ำงกำย หรือเน่ำเสยี ท่ไี ม่เหมำะสมต่อกำรรับประทำน 2. เลือกซื้อจำกผทู้ ่ีไวใ้ จไดว้ ่ำอำหำรนัน้ สะอำดปลอดภยั 3. เลือกอำหำรที่บรรจุในภำชนะท่ีห่อเรยี บร้อยสะดวกในกำรขนส่ง นำตดิ ตวั และงำ่ ยในกำรรบั ประทำน 4. เม่ือเปิดกระป๋องแลว้ อำหำรนั้นมีกลนิ่ รสไมผ่ ิดจำกทค่ี วรจะเป็น ไมเ่ ป็นฟอง เน่ำเสยี หรอื เกดิ กำรเปลี่ยนแปลงที่อนั ตรำยตอ่ กำรบริโภค

11 กำรเลอื กซ้อื อำหำรแชแ่ ขง็ 1. อำหำรทีน่ ำมำแช่แข็ง ควรเป็นของทม่ี คี ุณภำพดี ไม่เน่ำ อยู่ในสภำพทเ่ี หมำะสมและสะอำด 2. หอ่ ต้องอยู่ในสภำพดี ปำ้ ยไม่ขำด ไมม่ รี อยเปื้อนและดำ่ งดำ 3. ควรบอกวิธใี ช้อำหำรน้นั เพื่อเปน็ แนวทำงแก่ผบู้ ริโภค 4. ไม่ควรนำอำหำรมำต้งั ท้ิงให้ละลำยแล้วนำกลบั เข้ำแช่แข็งอกี เพรำะจะทำใหอ้ ำหำรน้นั เสยี ลกั ษณะท่ีดี สูญเสียคุณคำ่ ทำง อำหำรไปกบั นำ้ ที่ละลำยออกมำ ถ้ำจะใช้ควรแบ่งจำกสว่ นใหญ่ตำมจำนวนท่ีต้องกำร

12 บทที่ 3 วิธดี ำเนนิ งำน กำรดำเนินโครงกำรเสรมิ สร้ำงคุณภำพชวี ิตสำหรบั ผสู้ งู อำยุ ได้ดำเนินกำรตำมขนั้ ตอนต่ำงๆ ดังน้ี 1. ข้ันเตรยี มกำร  กำรศกึ ษำเอกสำรที่เกี่ยวข้องกับโครงกำรเสรมิ สร้ำงคุณภำพชีวติ สำหรับผู้สูงอำยุ ผูร้ บั ผิดชอบโครงกำรได้ศกึ ษำค้นควำ้ เอกสำรทเ่ี กีย่ วขอ้ งเพ่ือเป็นข้อมูลและแนวทำงในกำรดำเนินกำรโครงกำร เสรมิ สรำ้ งคณุ ภำพชวี ติ สำหรับผู้สงู อำยุ ดงั นี้ 1. ศกึ ษำเอกสำร / คมู่ ือ ข้อมูลจำกหนงั สือ เกี่ยวกับควำมรู้กฎหมำยในชีวติ ประจำวัน เพื่อเปน็ แนวทำงเกยี่ วกับกำร จดั โครงกำรเสรมิ สรำ้ งคุณภำพชีวติ สำหรบั ผสู้ ูงอำยุ 2. ศึกษำขน้ั ตอนกำรดำเนินโครงกำรเสริมสร้ำงคุณภำพชวี ิตสำหรบั ผู้สูงอำยุ เพื่อเปน็ แนวทำงในกำรจดั เตรียมงำน วสั ดุอปุ กรณ์ และบคุ ลำกรใหเ้ หมำะสม  กำรสำรวจควำมตอ้ งกำรของประชำชนในพ้นื ท่ี (ตำมนโยบำยของรัฐบำล) กลมุ่ ภำรกจิ กำรจัดกำรศึกษำนอกระบบ มอบหมำยให้ ครู กศน.ตำบล สำรวจควำมตอ้ งกำรของ กลมุ่ เปำ้ หมำยเพ่ือทรำบควำมตอ้ งกำรทแี่ ทจ้ ริงของประชำชนในตำบล และมีข้อมลู ในกำรจดั กจิ กรรมท่ีตรงกบั ควำมต้องกำร ของชุมชน  กำรประสำนงำนผนู้ ำชมุ ชน / ประชำชน /วทิ ยำกร 1. ครู กศน.ตำบล ได้ประสำนงำนกบั หัวหนำ้ /ผนู้ ำชมุ ชนและประชำชนในตำบลเพ่อื ร่วมกันปรกึ ษำหำรือใน กลุ่มเกี่ยวกบั กำรดำเนินกำรจัดโครงกำรให้ตรงกับควำมต้องกำรของชุมชน 2. ครู กศน.ตำบล ได้ประสำนงำนกับหนว่ ยงำนทีเ่ กยี่ วข้องเพือ่ จัดหำวทิ ยำกร  กำรประชำสัมพนั ธ์โครงกำรฯ ครู กศน.ตำบล ได้ดำเนนิ กำรประชำสัมพันธก์ ำรจดั โครงกำรเสริมสร้ำงคุณภำพชวี ติ สำหรับผสู้ งู อำยุ เพ่ือให้ ประชำชนทรำบข้อมลู กำรจดั กิจกรรมดังกลำ่ วผ่ำนผ้นู ำชุมชน  ประชมุ เตรยี มกำร / วำงแผน 1) ประชุมปรกึ ษำหำรือผู้ทเี่ ก่ียวข้อง 2) เขียนโครงกำร วำงแผนมอบหมำยงำนใหฝ้ ำ่ ยต่ำงๆ เตรียมดำเนินกำร 3) มอบหมำยหนำ้ ที่ แตง่ ตง้ั คณะทำงำน  กำรรับสมคั รผู้เข้ำร่วมโครงกำรฯ ครู กศน.ตำบล ได้รบั สมัครผู้เขำ้ ร่วมโครงกำรเสริมสรำ้ งคุณภำพชีวิตสำหรับผสู้ งู อำยุ โดยให้ประชำชนทั่วไป ทอี่ ำศัยอยู่ในพ้นื ทีต่ ำบลกุฏโง้ง เข้ำร่วม เป้ำหมำยจำนวน 20 คน  กำรกำหนดสถำนท่ีและระยะเวลำดำเนินกำร ครู กศน.ตำบล ได้กำหนดสถำนทใี่ นกำรจัดอบรมคือ วดั บำ้ นชำ้ ง หมู่ 1 ตำบลกุฎโง้ง อำเภอพนัสนคิ ม จังหวัดชลบรุ ี ในวนั ท่ี 8 มิถุนำยน พ.ศ. 2560 จำนวน 1 วัน เวลำ 08.30-15.00 น.

13 2. ขั้นดำเนินงำน  กลุ่มเป้ำหมำย กลุ่มเปำ้ หมำยของโครงกำรเสริมสร้ำงคณุ ภำพชวี ติ สำหรับผู้สงู อำยุ -ประชำชนตำบลกุฎโงง้ จำนวน 20 คน  สถำนที่ดำเนินงำน ครู กศน.ตำบลกุฎโง้ง จัดกิจกรรมโครงกำรเสรมิ สร้ำงคณุ ภำพชีวติ สำหรับผู้สูงอำยุ โดยจัดกจิ กรรมอบรมให้ควำมรู้ ในวนั ท่ี 8 มถิ ุนำยน พ.ศ. 2560 เวลำ 08.30-12.30 น. ณ วดั บ้ำนช้ำง หมู่ 1 ตำบลกฎุ โง้ง อำเภอพนัสนคิ ม จังหวดั ชลบุรี  กำรขออนุมตั ิแผนกำรจัดกจิ กรรมกำรศกึ ษำเพอื่ พัฒนำทักษะชีวิต กศน.ตำบลกฎุ โงง้ ไดด้ ำเนนิ กำรขออนมุ ตั ิแผนกำรจัดกจิ กรรม โครงกำรเสริมสรำ้ งคุณภำพชวี ติ สำหรับ ผสู้ งู อำยุ ตอ่ สำนักงำน กศน.จังหวัดชลบรุ ี เพ่ือใหต้ ้นสังกดั อนุมัตแิ ผนกำรจดั กจิ กรรมโครงกำรเสรมิ สรำ้ งคุณภำพชวี ติ สำหรับ ผู้สงู อำยุ  กำรจัดทำเครื่องมือกำรวัดควำมพงึ พอใจของผ้รู ่วมกิจกรรม เคร่อื งมือท่ีใชใ้ นกำรติดตำมประเมินผลโครงกำร ไดแ้ ก่ แบบประเมนิ ควำมพึงพอใจ  ข้นั ดำเนนิ กำร / ปฏิบัติ 1. เสนอโครงกำรเพื่อขอควำมเหน็ ชอบ/อนมุ ตั จิ ำกต้นสังกดั 2. วำงแผนกำรจดั กิจกรรมในโครงกำรเสริมสรำ้ งคุณภำพชีวิตสำหรบั ผูส้ ูงอำยุ โดยกำหนดตำรำงกิจกรรมที่กำหนดกำร 3. มอบหมำยงำนใหแ้ กผ่ รู้ บั ผิดชอบฝำ่ ยต่ำงๆ 4. แต่งตงั้ คณะกรมกำรดำเนนิ งำน 5. ประชำสมั พันธ์โครงกำรเสริมสร้ำงคณุ ภำพชีวิตสำหรับผู้สูงอำยุ 6. จดั กจิ กรรมโครงกำรเสรมิ สรำ้ งคุณภำพชีวิตสำหรับผูส้ ูงอำยุ ตำมตำรำงกจิ กรรมทกี่ ำหนดกำร 7. ตดิ ตำมและประเมินผลโครงกำรเสริมสร้ำงคุณภำพชวี ิตสำหรบั ผู้สงู อำยุ 3. กำรประเมินผล  วเิ ครำะห์ข้อมลู 1. บนั ทึกผลกำรสังเกตจำกผเู้ ข้ำรว่ มกิจกรรม 2. วเิ ครำะหผ์ ลจำกกำรประเมินในแบบประเมนิ ควำมพึงพอใจ 3. รำยงำนผลกำรปฏบิ ัติงำนรวบรวมสรุปผลกำรปฏบิ ตั งิ ำนของโครงกำรนำเสนอตอ่ ผบู้ ริหำรนำปัญหำ ขอ้ บกพร่องไปแก้ไขครั้งตอ่ ไป

14  คำ่ สถติ ิทีใ่ ช้ กำรวิเครำะห์ข้อมูล ใช้ค่ำสถิติร้อยละในกำรประมวลผลข้อมูลส่วนตัวและตัวช้ีวัดควำมสำเร็จของโครงกำร ตำมแบบสอบถำมคิดเป็นรำยข้อ โดยแปลควำมหมำยค่ำสถิตริ ้อยละออกมำไดด้ ังน้ี คำ่ สถิติรอ้ ยละ 90 ขน้ึ ไป ดมี ำก ค่ำสถติ ิร้อยละ 75 – 89.99 ดี ค่ำสถติ ริ ้อยละ 60 – 74.99 พอใช้ คำ่ สถิติร้อยละ 50 – 59.99 ปรบั ปรุง ค่ำสถติ ิรอ้ ยละ 0 – 49.99 ปรับปรุงเรง่ ด่วน ส่วนกำรวิเครำะห์ข้อมูลจำกแบบสอบถำมควำมคิดเห็นรำยข้อซึ่งมีลักษณะเป็นค่ำน้ำหนักคะแนน และ นำมำเปรียบเทียบ ไดร้ ะดับคณุ ภำพตำมเกณฑก์ ำรประเมิน ดังน้ี เกณฑก์ ำรประเมิน (X) คำ่ น้ำหนกั คะแนน 4.50 – 5.00 ระดบั คุณภำพ คือ ดมี ำก ค่ำน้ำหนักคะแนน 3.75 – 4.49 ระดับคณุ ภำพ คอื ดี คำ่ นำ้ หนักคะแนน 3.00 – 3.74 ระดบั คุณภำพ คือ พอใช้ ค่ำน้ำหนกั คะแนน 2.50 – 2.99 ระดบั คณุ ภำพ คอื ต้องปรบั ปรงุ คำ่ นำ้ หนักคะแนน 0.00 – 2.49 ระดับคุณภำพ คอื ต้องปรบั ปรงุ เรง่ ดว่ น

15 บทท่ี 4 ผลกำรดำเนินงำนและกำรวิเครำะห์ขอ้ มลู ตอนท่ี 1 รำยงำนผลกำรจัดกจิ กรรมโครงกำรเสรมิ สร้ำงคณุ ภำพชีวิตสำหรบั ผสู้ ูงอำยุ กำรจดั กจิ กรรมโครงกำรเสริมสร้ำงคุณภำพชีวติ สำหรบั ผู้สงู อำยุ สรุปรำยงำนผลกำรจดั กจิ กรรมไดด้ ังน้ี ในกำรจัดกจิ กรรมอบรมให้ควำมร้ตู ำมโครงกำรเสรมิ สรำ้ งคุณภำพชีวิตสำหรบั ผสู้ ูงอำยุ เปน็ กำรอบรมให้ ควำมรู้ โดยมี นำงสำวจุฑำรตั น์ มุ่งหมำย เป็นวิทยำกรในกำรบรรยำยใหค้ วำมรู้ เรื่อง กำรดแู ลสขุ ภำพเบื้องต้น/กำรแกไ้ ข ปัญหำสุขภำพเบื้องตน้ สำหรับผูส้ ูงอำยุ ควรรู้หลังจำกเสรจ็ สนิ้ กจิ กรรมดงั กลำ่ วแลว้ ผ้เู ขำ้ รว่ มกจิ กรรม มีควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ เกีย่ วกบั กำรดูแลสขุ ภำพเบื้องตน้ และสำมำรถนำไปประยุกตใ์ ชใ้ นกำรดำเนินชีวิตประจำวนั จนกระบวนกำรแลกเปลี่ยน เรยี นรรู้ ว่ มกัน ตอนที่ 2 รำยงำนผลควำมพึงพอใจของโครงกำรเสรมิ สร้ำงคุณภำพชวี ิตสำหรับผ้สู ูงอำยุ กำรจดั กจิ กรรมโครงกำรเสริมสร้ำงคุณภำพชวี ติ สำหรับผู้สงู อำยุ ซง่ึ สรุปรำยงำนผลจำกแบบสอบถำมควำมคิดเห็น ขอ้ มลู ท่ีได้สำมำรถวิเครำะห์และแสดงคำ่ สถิติ ดังน้ี ตำรำงท่ี 1 ผู้เข้ำรว่ มโครงกำรทต่ี อบแบบสอบถำมได้นำมำจำแนกตำมเพศ รำยละเอยี ด เพศ หญงิ ชำย 16 66.67 จำนวน (คน) 8 ร้อยละ 33.33 จำกตำรำงท่ี 1 พบวำ่ ผ้ตู อบแบบสอบถำมทเ่ี ข้ำรว่ มกิจกรรมกำรศึกษำเพื่อพฒั นำทักษะชวี ติ โครงกำรเสริมสร้ำงคุณภำพชีวติ สำหรบั ผู้สงู อำยุ เป็นชำย 8 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 33.33 และเปน็ หญิง จำนวน 16 คน คดิ เป็นร้อยละ 67.67 ตำรำงท่ี 2 ผูเ้ ขำ้ รว่ มโครงกำรที่ตอบแบบสอบถำมได้นำมำจำแนกตำมอำยุ รำยละเอียด อำยุ (ปี) อำยุ 15-29 30 - 39 40 - 49 50-59 60 ขนึ้ ไป - 24 จำนวน (คน) - - - - 100.00 ร้อยละ - - - จำกตำรำงที่ 2 พบว่ำผตู้ อบแบบสอบถำมท่เี ขำ้ รว่ มกิจกรรมกำรศึกษำเพ่ือพัฒนำทักษะชีวติ โครงกำรเสริมสรำ้ งคุณภำพชีวติ สำหรับผ้สู ูงอำยุ มอี ำยุ 60 ปีข้นึ ไป จำนวน 24 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 100.00

16 ตำรำงที่ 3 ผูเ้ ข้ำร่วมโครงกำรทต่ี อบแบบสอบถำมไดน้ ำมำจำแนกตำมอำชีพ รำยละเอยี ด เกษตรกรรม รบั จำ้ ง อำชพี คำ้ ขำย อืน่ ๆ รบั รำชกำร/รัฐวสิ ำหกจิ - 3 - 12.50 จำนวน (คน) 4 17 - รอ้ ยละ 16.67 70.83 - จำกตำรำงท่ี 3 พบวำ่ ผู้ตอบแบบสอบถำมทีเ่ ข้ำร่วมกิจกรรมกำรศึกษำเพ่ือพัฒนำทักษะชีวติ โครงกำรเสรมิ สร้ำงคุณภำพชีวติ สำหรบั ผูส้ ูงอำยุ มีอำชีพเกษตรกรรม จำนวน 4 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 16.67 มีอำชีพรับจำ้ ง จำนวน 17 คน คดิ เป็นร้อยละ 70.83 และอำชีพอน่ื ๆ จำนวน 3 คน คิดเปน็ ร้อยละ 12.50 ตำรำงท่ี 4 ผเู้ ข้ำรว่ มโครงกำรทต่ี อบแบบสอบถำมไดน้ ำมำจำแนกตำมระดบั กำรศึกษำ รำยละเอียด ระดับกำรศกึ ษำ กำรศกึ ษำ ประถม ม.ตน้ ม.ปลำย/ปวช. ปวส./ป.ตรีขน้ึ ไป 8 จำนวน (คน) 2 5 9 33.33 ร้อยละ 8.33 20.83 37.51 จำกตำรำงท่ี 4 พบวำ่ ผู้ตอบแบบสอบถำมที่เข้ำรว่ มกิจกรรมกำรศึกษำเพ่ือพฒั นำทกั ษะชีวติ โครงกำรเสรมิ สร้ำงคุณภำพชีวิตสำหรับผู้สูงอำยุ มรี ะดับประถม จำนวน 2 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 8.33 มรี ะดับมธั ยมศึกษำ ตอนต้น จำนวน 5 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 20.83 มีระดับมัธยมศึกษำตอนปลำย จำนวน 9 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 37.51 และมี ระดบั ปวส./ป.ตรี ขน้ึ ไป จำนวน 8 คน คดิ เป็นร้อยละ 33.33 ตำรำงท่ี 5 แสดงค่ำรอ้ ยละเฉล่ยี ควำมสำเรจ็ ของตัวชี้วัด ผลผลติ ประชำชนทว่ั ไป เขำ้ รว่ มโครงกำรจำนวน 24 คน ผลสำเรจ็ ของโครงกำร เปำ้ หมำย(คน) ผ้เู ขำ้ ร่วมโครงกำร(คน) คดิ เปน็ รอ้ ยละ 20 24 100 จำกตำรำงที่ 5 พบวำ่ ผลสำเรจ็ ของตัวช้ีวัดผลผลติ กิจกรรมกำรศึกษำเพ่ือพฒั นำทักษะชวี ิต โครงกำรเสรมิ สร้ำงคุณภำพชีวิตสำหรับผู้สูงอำยุ มีผ้เู ข้ำรว่ มโครงกำร จำนวน 24 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 ซ่ึงบรรลเุ ปำ้ หมำย ด้ำนตัวช้วี ัด ผลผลิต

17 ตำรำงที่ 6 ค่ำเฉลยี่ และส่วนเบีย่ งเบนมำตรฐำนควำมพงึ พอใจของผเู้ ขำ้ รว่ มกิจกรรมที่มีควำมพงึ พอใจต่อโครงกำรเสริมสรำ้ ง คณุ ภำพชีวติ สำหรับผู้สูงอำยุ ในภำพรวม รำยกำร ค่ำเฉลีย่ ส่วนเบย่ี งเบนมำตรฐำน ระดับ ควำมพงึ พอใจ ดำ้ นบริหำรจัดกำร () () ดำ้ นกำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 4.50 0.63 ดมี ำก ด้ำนประโยชนท์ ี่ได้รบั 4.51 0.53 ดีมำก รวมทุกด้ำน 4.66 0.48 ดมี ำก 4.56 0.55 ดมี ำก จำกตำรำงที่ 6 พบวำ่ ผู้ตอบแบบสอบถำมทม่ี ีควำมพึงพอใจต่อโครงกำรเสริมสรำ้ งคุณภำพชีวติ สำหรบั ผูส้ ูงอำยุ ในภำพรวมอยใู่ นระดบั ดีมำก (=4.50) เมอ่ื พจิ ำรณำเปน็ รำยด้ำน พบวำ่ ดำ้ นประโยชน์ท่ีไดร้ บั อยู่ในระดบั มำกทส่ี ุด มคี ่ำเฉลย่ี (= 4.66) รองลงมำคือ ด้ำนกำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ มอี ย่ใู นระดบั ดมี ำก มีคำ่ เฉลยี่ (= 4.51) และ ด้ำนบริหำรจดั กำร อยู่ในระดับดมี ำก มีค่ำเฉลี่ย (= 4.50) ตำมลำดับ โดยมสี ว่ นเบี่ยงเบนมำตรฐำน () อยูร่ ะหว่ำง 0.50 - 0.59 แสดงว่ำ ผู้เขำ้ รว่ มกจิ กรรมมีควำมพึงพอใจสอดคล้องกนั ตำรำงที่ 7 ค่ำเฉล่ยี และส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำนควำมพึงพอใจของผู้เข้ำร่วมกิจกรรมที่มีควำมพึงพอใจต่อโครงกำรเสริมสร้ำง คณุ ภำพชีวติ สำหรบั ผูส้ งู อำยุ ด้ำนบริหำรจัดกำร รำยกำร คำ่ เฉล่ยี ส่วนเบยี่ งเบน ระดบั ควำมพึงพอใจ 1. อำคำรสถำนท่ี () มำตรฐำน () 2. สงิ่ อำนวยควำมสะดวก 4.77 0.42 ดมี ำก 3. กำหนดกำรและระยะเวลำในกำรดำเนินโครงกำร 4.45 0.58 ดี 4. เอกสำรกำรอบรม 4.27 0.45 ดี 5. วทิ ยำกรผูใ้ ห้กำรอบรม 4.59 0.72 4.41 0.78 ดมี ำก รวม 4.50 0.59 ดี ดมี ำก จำกตำรำงที่ 7 พบวำ่ ผู้ตอบแบบสอบถำมท่มี คี วำมพงึ พอใจต่อโครงกำรเสริมสร้ำงคุณภำพชีวิตสำหรับผู้สูงอำยุ ด้ำนบริหำรจัดกำร ในภำพรวมอยู่ในระดับดีมำก มีค่ำเฉล่ีย (= 4.50) เม่ือพิจำรณำเป็นรำยข้อ พบว่ำ อำคำรสถำนท่ี มี ค่ำเฉล่ีย (= 4.77) รองลงมำ คือ เอกสำรกำรอบรม มีค่ำเฉลี่ย (= 4.59) สิ่งอำนวยควำมสะดวก มีค่ำเฉลี่ย (= 4.45) วิทยำกรผู้ให้กำรอบรม มีค่ำเฉลี่ย (= 4.41) กำหนดกำรและระยะเวลำในกำรดำเนินโครงกำร มีค่ำเฉล่ีย (= 4.27) ตำมลำดับ โดยมีส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำน () อยู่ระหว่ำง 0.42 - 0.78 แสดงว่ำ ผู้ตอบแบบสอบถำมมีควำมคิดเห็นไปใน ทศิ ทำงเดียวกนั

18 ตำรำงที่ 8 คำ่ เฉลยี่ และส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำนควำมพงึ พอใจของผเู้ ขำ้ รว่ มกจิ กรรมท่ีมีควำมพึงพอใจต่อโครงกำร เสรมิ สรำ้ งคณุ ภำพชีวิตสำหรับผูส้ ูงอำยุ ด้ำนกำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ รำยกำร ค่ำเฉล่ีย สว่ นเบี่ยงเบน ระดบั () มำตรฐำน () ควำมพึงพอใจ 6. กำรจัดกจิ กรรมโครงกำรเสริมสรำ้ งคณุ ภำพชีวติ สำหรบั ผู้สงู อำยุ 4.41 0.49 ดี 7. กำรใหค้ วำมรู้เรื่องกำรดูแลสขุ ภำพเบอื้ งต้น/กำร แก้ไขปัญหำสขุ ภำพเบ้อื งตน้ สำหรบั ผสู้ งู อำยุ 4.50 0.50 ดีมำก 8. กำรตอบข้อซักถำมของวทิ ยำกร 4.86 0.34 ดีมำก 9. กำรแลกเปลยี่ นเรยี นร้ขู องผู้เข้ำรับกำรอบรม 10. กำรสรปุ องค์ควำมรูร้ ่วมกัน 4.32 0.47 ดี 11. กำรวดั ผล ประเมินผล กำรฝึกอบรม 4.55 0.66 ดีมำก 4.41 0.49 รวม 4.51 0.49 ดี ดมี ำก จำกตำรำงที่ 8 พบว่ำ ผู้ตอบแบบสอบถำมมีควำมพึงพอใจต่อโครงกำรเสริมสร้ำงคุณภำพชีวิตสำหรับผู้สูงอำยุ ด้ำนกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ ในภำพรวมอยู่ในระดับดีมำก มีค่ำเฉล่ีย (= 4.51) เมื่อพิจำรณำเป็นรำยข้อ พบว่ำ กำร ตอบข้อซักถำมของวิทยำกร มีค่ำเฉลี่ย (= 4.86) รองลงมำคือ กำรสรุปองค์ควำมรู้ร่วมกัน มีค่ำเฉล่ีย (= 4.55 ) กำรให้ ควำมร้เู ร่อื งกำรดูแลสุขภำพเบ้ืองตน้ /กำรแก้ไขปัญหำสุขภำพเบือ้ งต้นสำหรับผู้สูงอำยุ มีค่ำเฉล่ีย (= 4.50 ) กำรจัดกิจกรรม โครงกำรเสริมสร้ำงคณุ ภำพชีวติ สำหรบั ผสู้ งู อำยุ มคี ำ่ เฉลี่ย (=4.41) กำรวัดผล ประเมินผล กำรฝึกอบรม มคี ่ำเฉลยี่ (= 4.41) และกำรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของผู้เข้ำรับกำรอบรม ( = 4.32) ตำมลำดับ โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน () อยู่ระหว่ำง 0.34 - 0.66 แสดงวำ่ ผตู้ อบแบบสอบถำมมีควำมคดิ เหน็ สอดคล้องกนั ตำรำงท่ี 9 ค่ำเฉลี่ยและสว่ นเบ่ียงเบนมำตรฐำนควำมพึงพอใจของผู้เข้ำร่วมกจิ กรรมท่ีมีควำมพงึ พอใจต่อโครงกำรเสริมสรำ้ ง คณุ ภำพชีวิตสำหรบั ผ้สู งู อำยุ ดำ้ นประโยชน์ท่ไี ด้รับ รำยกำร คำ่ เฉล่ีย สว่ นเบย่ี งเบน ระดับควำม () มำตรฐำน () พงึ พอใจ 12. ได้เรยี นรแู้ ละฝึกตนเอง เก่ยี วกับกำรดูแลสุขภำพ ดมี ำก เบ้ืองต้น/กำรแก้ไขปัญหำสขุ ภำพเบื้องตน้ สำหรบั 4.73 0.45 ผสู้ ูงอำยุ ดีมำก 13. นำควำมร้ทู ่ไี ดร้ บั มำปรบั ใช้ในชวี ิตประจำวนั 4.59 0.49 ดีมำก 4.66 0.47 รวม

19 จำกตำรำงท่ี 9 พบว่ำ ผู้ตอบแบบสอบถำมมีควำมพึงพอใจต่อโครงกำรเสริมสร้ำงคุณภำพชีวิตสำหรับผู้สูงอำยุ ดำ้ นประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั ในภำพรวมอยูใ่ นระดับดีมำก มีค่ำเฉล่ีย (= 4.66) เมื่อพิจำรณำเป็นรำยข้อ พบว่ำ ได้เรียนรู้และฝึก ตนเอง เกี่ยวกับกฎหมำยในชีวิตประจำวัน มีค่ำเฉลี่ย (= 4.73) รองลงมำ นำควำมรู้ท่ีได้รับมำปรับใช้ในชีวิตประจำวัน มีค่ำเฉล่ีย (= 4.59) โดยมีส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำน () อยู่ระหว่ำง 0.45 - 0.49 แสดงว่ำผู้ตอบแบบสอบถำมมีควำม คดิ เหน็ ไปในทิศทำงเดียวกัน สรปุ ในภำพรวมของกจิ กรรมคดิ เปน็ ร้อยละ 90.56 มีคำ่ นำ้ หนักคะแนน 4.53 ถอื ว่ำผู้รับบรกิ ำร มีควำมพงึ พอใจทำงด้ำนต่ำงๆ อยใู่ นระดับดีมำก โดยเรียงลำดับดงั นี้  อันดับแรก ดำ้ นดำ้ นประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับ คดิ เป็นรอ้ ยละ 93.18 มคี ำ่ นำ้ หนักคะแนน 4.66 อย่ใู นระดบั คุณภำพ ดมี ำก  อันดบั สอง ดำ้ นกำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ คิดเป็นร้อยละ 90.15 มคี ่ำนำ้ หนักคะแนน 4.51 อยูใ่ นระดับ คณุ ภำพดี  อนั ดับสำม ด้ำนบรหิ ำรจดั กำร คิดเป็นร้อยละ 90.00 มีคำ่ นำ้ หนักคะแนน 4.50 อย่ใู นระดับคณุ ภำพดี

บทที่ 5 20 อภปิ รำยและข้อเสนอแนะ ผลกำรจดั กจิ กรรมโครงกำรเสรมิ สร้ำงคุณภำพชีวิตสำหรับผู้สงู อำยุ ได้ผลสรุปดังนี้ วตั ถุประสงค์ 1. เพอื่ ใหผ้ ูเ้ ข้ำรว่ มกจิ กรรม มคี วำมรู้ ควำมเข้ำใจ เกี่ยวกับกำรดแู ลสขุ ภำพเบือ้ งตน้ 2. เพอ่ื ใหผ้ ู้ร่วมกจิ กรรม สำมำรถนำไปประยกุ ต์ใช้ในกำรดำเนินชีวิตประจำวัน จนกระบวนกำรแลกเปลย่ี นเรียนรู้ ร่วมกัน เป้ำหมำย (Outputs) เปำ้ หมำยเชิงปรมิ ำณ - ประชำชนตำบลกุฎโง้ง จำนวน 24 คน เป้ำหมำยเชิงคณุ ภำพ - ผ้สู ูงอำยุตำบลกุฎโงง้ มคี วำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ เกี่ยวกบั กำรดูแลสขุ ภำพเบ้ืองต้น และสำมำรถนำไป ประยกุ ต์ใช้ในกำรดำเนนิ ชวี ิตประจำวัน จนกระบวนกำรแลกเปล่ียนเรียนร้รู ่วมกัน เคร่อื งมือทีใ่ ช้ในกำรเก็บรวบรวมข้อมูล เครอื่ งมือท่ีใช้ในกำรเก็บรวบรวมขอ้ มูลในครง้ั น้ี คือ แบบประเมนิ ควำมพึงพอใจ กำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู ในกำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล ได้มอบหมำยให้ ครู กศน.ตำบลกุฎโงง้ ทรี่ บั ผดิ ชอบกิจกรรมแจกแบบสอบถำมควำมพึง พอใจใหก้ บั ผู้รว่ มกิจกรรม โดยให้ผเู้ ขำ้ รว่ มกิจกรรมประเมินผลกำรจัดกิจกรรมต่ำงๆ ตำมโครงกำรเสริมสร้ำงคณุ ภำพชีวติ สำหรับผสู้ ูงอำยุ สรุปผลกำรดำเนนิ งำน กศน.ตำบลกุฎโง้ง ได้ดำเนนิ กำรจัดกิจกรรมตำม โครงกำรเสริมสรำ้ งคุณภำพชวี ิตสำหรับผู้สงู อำยุ โดยดำเนินกำร เสร็จส้นิ ลงแล้วและสรปุ รำยงำนผลกำรดำเนินงำนได้ดงั นี้ 1. ผู้รว่ มกิจกรรมจำนวน 24 คน มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจกฎหมำยท่เี กย่ี วข้องในชีวิตประจำวัน และนำควำมรู้ท่ีไดร้ ับ มำปรบั ใช้ในชีวิตประจำวัน 2. ผูร้ ว่ มกจิ กรรมรอ้ ยละ 93.18 นำควำมรู้ท่ีไดร้ บั มำปรบั ใชใ้ นชวี ิตประจำวัน 3. จำกกำรดำเนนิ กจิ กรรมตำมโครงกำรดังกลำ่ ว สรปุ โดยภำพรวมพบวำ่ ผเู้ ขำ้ รว่ มกจิ กรรมสว่ นใหญม่ ีควำมพึงพอใจ ต่อโครงกำร อยู่ในระดบั “ดมี ำก ” และบรรลุควำมสำเรจ็ ตำมเปำ้ หมำยตัวช้ีวดั ผลลัพธท์ ีต่ ้งั ไว้ โดยมีคำ่ เฉล่ยี ร้อยละภำพรวม ของกิจกรรม 90.56 และคำ่ กำรบรรลุเปำ้ หมำยคำ่ เฉลย่ี 4.53 ข้อเสนอแนะ - อยำกให้มีกำรจัดกจิ กรรมอีก จะไดน้ ำควำมรู้ไปใชใ้ นกำรดำเนินชีวติ ต่อไป

บรรณำนกุ รม ที่มำ กรมกำรศกึ ษำนอกโรงเรยี น (2546) บุญชม ศรีสะอำด และ บุญส่ง นิลแกว้ (2535 หน้ำ 22-25) กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร . (2543). http://singkle.blogspot.com/p/blog-page_6535.html

ภำคผนวก









รำยงำนผลกำรจัดกจิ กรรม โครงกำรเสริมสร้ำงคุณภำพชีวติ สำหรับผสู้ ูงอำยุ จำนวน 1 วัน ในวันที่ 8 มิถุนำยน พ.ศ. 2560 ณ วัดบำ้ นช้ำง หมู่ท่ี 1 ตำบลกุฎโงง้ อำเภอพนัสนิคม จงั หวดั ชลบุรี วทิ ยำกรคือ นำงสำวจฑุ ำรัตน์ มุ่งหมำย ผเู้ ขำ้ ร่วมกิจกรรมจำนวน 24 คน

แบบสอบถำมควำมพงึ พอใจ โครงกำรเสรมิ สร้ำงคุณภำพชวี ิตสำหรับผ้สู งู อำยุ กศน.ตำบลกุฎโงง้ อำเภอพนัสนคิ ม จังหวัดชลบุรี คำชแ้ี จง 1. แบบสอบถำมฉบบั น้ีมีวัตถุประสงค์ เพ่ือใชใ้ นกำรสอบถำมควำมพงึ พอใจตอ่ โครงกำรเสรมิ สร้ำงคณุ ภำพชวี ิตสำหรับผู้สงู อำยุ 2. แบบสอบถำมมี 3 ตอนดงั นี้ ตอนที่ 1 ถำมขอ้ มูลเก่ยี วกบั ผตู้ อบแบบสอบถำมจำนวน 4 ขอ้ ใหท้ ำเครอ่ื งหมำย  ลงในช่องให้ตรงกบั สภำพจรงิ ตอนที่ 2 ควำมพงึ พอใจต่อโครงกำรเสรมิ สร้ำงคณุ ภำพชวี ติ สำหรับผสู้ งู อำยุ จำนวน 13 ข้อ ซ่ึงมีระดับควำมพึงพอใจ 5 ระดับ ดังนี้ 5 มำกที่สุด หมำยถงึ มคี วำมพงึ พอใจมำกทส่ี ดุ 4 มำก หมำยถงึ มคี วำมพงึ พอใจมำก 3 ปำนกลำงหมำยถงึ มคี วำมพงึ พอใจปำนกลำง 2 นอ้ ย หมำยถึง มีควำมพึงพอใจนอ้ ย 1 นอ้ ยท่ีสดุ หมำยถงึ มคี วำมพงึ พอใจนอ้ ยทส่ี ดุ ตอนท่ี 3 ข้อคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะตอ่ โครงกำรเสริมสรำ้ งคณุ ภำพชีวิตสำหรบั ผสู้ งู อำยุ ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผตู้ อบแบบสอบถำม หญงิ 40 ปี – 49 ปี เพศ 30 ปี – 39 ปี ชำย 60 ปขี นึ้ ไป อำยุ 15 ปี – 29 ปี 50 ปี – 59 ปี กำรศึกษำ ตำ่ กว่ำ ป.4 ป.4 ประถม ม.ตน้ ม.ปลำย ประกอบอำชีพ อนปุ ริญญำ ปริญญำตรี สงู กวำ่ ปริญญำตรี รบั จำ้ ง ค้ำขำย เกษตรกร ลูกจำ้ ง/ข้ำรำชกำรหนว่ ยงำนภำครฐั หรือเอกชน อ่นื ๆ ………………………………….

ตอนที่ 2 ควำมพึงพอใจเก่ยี วกบั โครงกำรเสรมิ สร้ำงคุณภำพชวี ิตสำหรบั ผู้สงู อำยุ ขอ้ ที่ รำยกำร ระดับควำมคิดเห็น 1 5 432 ด้ำนบริหำรจัดกำร 1. อำคำรและสถำนที่ 2. สิง่ อำนวยควำมสะดวก 3. กำหนดกำรและระยะเวลำในกำรดำเนินโครงกำร 4. เอกสำรกำรอบรม 5. วิทยำกรผใู้ หก้ ำรอบรม ด้ำนกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 6. กำรจัดกิจกรรมโครงกำรเสริมสร้ำงคณุ ภำพชีวิตสำหรบั ผสู้ ูงอำยุ 7. กำรให้ควำมรู้เร่ืองกฎหมำยในชีวติ ประจำวนั 8. กำรตอบขอ้ ซักถำมของวทิ ยำกร 9. กำรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของผู้เข้ำรบั กำรอบรม 10. กำรสรปุ องคค์ วำมรรู้ ่วมกนั 11. กำรวัดผล ประเมินผล กำรฝกึ อบรม ด้ำนประโยชนท์ ี่ได้รบั 12 ไดเ้ รยี นร้แู ละฝึกตนเอง เกยี่ วกบั กฎหมำยในชวี ิตประจำวนั 13 นำควำมรทู้ ไี่ ด้รับมำปรบั ใชใ้ นชีวติ ประจำวัน ตอนที่ 3 ข้อคดิ เห็นและข้อเสนอแนะ ข้อคดิ เห็น .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................................ ขอบขอบคุณทีใ่ ห้ควำมร่วมมือ กศน. อำเภอพนสั นคิ ม จงั หวดั ชลบุรี

คณะผู้จดั ทำ ที่ปรึกษำ หม่นื สำ ผอู้ ำนวยกำร กศน.อำเภอพนัสนิคม กำรงำนดี ครู 1. นำงณัชธกัญ ศรีเทพ บรรณำรกั ษป์ ฏบิ ตั ิกำร 2. นำงสำวมุทกิ ำ คลังสินธ์ ครู อำสำสมคั ร กศน. 3. นำงปลืม้ จิตร 4. นำงสำวเฟ่ืองฟำ้ เขยี วหวำน ครู กศน.ตำบลกฎุ โง้ง คณะทำงำน เขียวหวำน ครู กศน.ตำบลกุฎโงง้ - นำยธีรพงศ์ บรรณำธิกำร - นำยธรี พงศ์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook