Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุป 5 บททักษะชีวิต ไตรมาส2 ปี63

สรุป 5 บททักษะชีวิต ไตรมาส2 ปี63

Published by นฤมล เอมเปีย, 2020-05-09 02:06:46

Description: สรุป 5 บททักษะชีวิต ไตรมาส2 ปี63

Search

Read the Text Version

สรุปผลการจดั กิจกรรมการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาทักษะชวี ิต ปีงบประมาณ 2563 (ไตรมาส1-2) โครงการอบรมใหค้ วามรกู้ ฎหมายในชวี ิตประจาวนั ในวันท่ี 30 มกราคม 2563 ณ กศน.ตาบลกุฎโงง้ หมทู่ ่ี6 ตาบลกฎุ โงง้ อาเภอพนัสนิคม จงั หวดั ชลบรุ ี กศน.ตำบลกุฎโงง้ ศนู ยก์ ำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศัยอำเภอพนสั นิคม สำนักงำนส่งเสริมกำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศยั จงั หวัดชลบรุ ี สรปุ ผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาทักษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

คำนำ กศน.ตาบลกุฎโง้ง สังกัด ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอพนัสนิคม ได้จัดทา โครงการอบรมให้ความรู้กฎหมายในชีวติ ประจาวัน โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความรู้ ความเข้าใจกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจาวัน และนาความรู้ท่ีได้รับมาปรับใช้ในชีวิตประจาวัน ซึ่งมีการสรุปผลการจัดกิจกรรมโครงการ ดังกล่าวเพ่ือต้องการทราบว่าการดาเนินโครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ท่ีกาหนดไว้หรือไม่ บรรลุในระดับใดและได้จัดทา เอกสารสรุปผลการจัดกิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิตเสนอต่อผู้บริหาร ผู้เก่ียวข้องเพื่อนาข้อมูลไปใช้ในการ ปรบั ปรงุ และพัฒนาการดาเนินโครงการใหด้ ียง่ิ ข้นึ คณะผจู้ ดั ทา ขอขอบคุณผอู้ านวยการศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอพนัสนิคม ที่ให้คาแนะนา คาปรกึ ษา ในการจดั ทาสรุปผลการจดั กจิ กรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทกั ษะชีวติ ในครัง้ นี้ หวังเป็นอย่างย่ิงว่าเอกสารสรุปผลการจัดกิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิตฉบับน้ี จะเป็นประโยชน์ต่อ ผู้ปฏิบัติงานโครงการและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในการนาไปใช้ในการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัย ต่อไป ธีรพงศ์ เขยี วหวาน ครู กศน.ตาบล มกราคม 2563 สรปุ ผลการจัดกจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาทกั ษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

สำรบญั หน้ำ ก หัวเรือ่ ง ข คานา ค สารบญั สารบญั ตาราง 1 บทท่ี 1 บทนา 1 - หลักการและเหตผุ ล 1 1 - วตั ถปุ ระสงค์ 1 - เปา้ หมายการดาเนินงาน - ผลลพั ธ์ 2 - ตัวชี้วดั ผลสาเรจ็ ของโครงการ 2 บทท่ี 2 เอกสารการศึกษาและงานวิจยั ท่เี ก่ยี วข้อง 7 - กรอบการจดั กิจกรรมการศึกษาเพือ่ พัฒนาทักษะชวี ิต 10 - เอกสาร/งานที่เกีย่ วข้อง 15 บทท่ี 3 วธิ ีดาเนนิ งาน บทท่ี 4 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล บทที่ 5 อภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก - แผนการจัดกจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาทกั ษะชีวิต - โครงการอบรมให้ความรกู้ ฎหมายในชวี ติ ประจาวนั - หนังสือขออนเุ คราะหว์ ทิ ยากร - รายงานผลการจดั กจิ กรรม - แบบประเมนิ ผรู้ ับบริการ คณะผูจ้ ดั ทา สรปุ ผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาทกั ษะชวี ติ งบประมาณปี 2563

สำรบญั ตำรำง หน้ำ ตำรำงที่ 10 10 1. ผู้เขา้ รว่ มโครงการที่ตอบแบบสอบถามไดน้ ามาจาแนกตามเพศ 11 2. ผูเ้ ข้าร่วมโครงการที่ตอบแบบสอบถามได้นามาจาแนกตามอายุ 11 3. ผเู้ ข้ารว่ มโครงการทต่ี อบแบบสอบถามได้นามาจาแนกตามอาชพี 11 4. ผู้เขา้ รว่ มโครงการท่ตี อบแบบสอบถามไดน้ ามาจาแนกตามระดับการศึกษา 12 5. แสดงค่ารอ้ ยละเฉลย่ี ความสาเร็จของตัวชี้วัด ผลผลิต ประชาชนท่วั ไป 12 6. ค่าเฉลีย่ และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐานความพึงพอใจฯ โครงการ ในภาพรวม 13 7. คา่ เฉลย่ี และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานความพงึ พอใจฯ โครงการ ด้านบริหารจัดการ 13 8. คา่ เฉล่ียและสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานความพงึ พอใจฯ โครงการ ด้านการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 9. ค่าเฉลย่ี และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานความพึงพอใจฯ โครงการ ด้านประโยชนท์ ่ีได้รับ สรปุ ผลการจัดกจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาทักษะชวี ติ งบประมาณปี 2563

1 บทท่ี 1 บทนำ หลกั กำรและเหตผุ ล ปัจจบุ นั หลักการใชช้ ีวติ ของประชาชนทุกคนต้องเกย่ี วข้องกับกฎหมาย เนือ่ งจาก กฎหมายเปน็ ตัวช่วยให้สงั คมอยกู่ นั ดว้ ยความสงบเรียบรอ้ ย และความเปน็ ระบบระเบียบในสงั คม แตม่ ปี ระชาชนบางส่วนที่ยงั ไม่มีความรู้ทางดา้ นกฎหมาย จึง พบปญั หาเกี่ยวกับการกระทาความผิดและถกู ดาเนินคดีเป็นจานวนมาก จากความไม่รู้กฎหมาย และประชาชนทุกคนควรมี โอกาสในการไดร้ ับขอ้ มูลขา่ วสารเกยี่ วกับการดาเนนิ การตา่ งๆของรัฐ เพอื่ ที่ประชาชนจะสามารถแสดงความคดิ เหน็ และใช้ สิทธิเสรีภาพได้โดยถูกต้องกบั ความจรงิ ป้องกันมิให้ประชาชนกระทาความผิด จากความไมร่ กู้ ฎหมาย และเพื่อสทิ ธใิ นการได้ รู้เกยี่ วกับข้อมูลขา่ วสารของรัฐ ทาให้เกดิ การแสวงหาผลประโยชน์ เอารัดเอาเปรยี บโดยใช้ชอ่ งทางทางกฎหมาย จนมี ผลกระทบไปถงึ รา่ งกาย จติ ใจ สิทธิเสรีภาพ ของผูน้ น้ั ประกอบกบั ประชาชนในพ้นื ที่ตาบลกฎุ โง้ง บางคนยงั ไม่มคี วามรทู้ าง กฎหมายในชวี ิตประจาวนั จงึ ถกู เอารดั เอาเปรยี บโดยใชช้ ่องทางทางกฎหมาย เสยี ทรัพย์สิน ครอบครบั แตกแยกจนเป็น ปัญหาสงั คม เพือ่ เปน็ การแกไ้ ขปัญหาดังกลา่ วทจี่ ะทาให้ ประชาชนในพ้นื ท่ตี ระหนกั เขา้ ใจในกฎหมายท่เี กี่ยวข้องใน ชีวิตประจาวันและนาความรู้ทไี่ ด้รบั มาปรับใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั จากเหตผุ ลดังกลา่ ว กศน.ตาบลกฎุ โงง้ สังกดั ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอพนสั นคิ ม จงึ ไดจ้ ดั ทาโครงการอบรมให้ความรู้กฎหมายในชวี ิตประจาวัน ขึน้ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่อื ให้ผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรม มีความรู้ ความเขา้ ใจกฎหมายทเี่ กยี่ วข้องในชวี ติ ประจาวัน 2. เพอ่ื ให้ผู้ร่วมกิจกรรม นาความรู้ท่ีได้รับมาปรับใชใ้ นชีวิตประจาวัน เปำ้ หมำย (Outputs) เป้ำหมำยเชิงปริมำณ - ประชาชนตาบลกุฎโงง้ จานวน 20 คน เปำ้ หมำยเชิงคุณภำพ 1. ผูเ้ ข้ารว่ มกิจกรรม มีความรู้ ความเข้าใจกฎหมายที่เกยี่ วข้องในชวี ติ ประจาวัน 2. ผ้รู ่วมกิจกรรม นาความรู้ที่ได้รบั มาปรับใช้ในชวี ติ ประจาวัน ผลลัพธ์ - ผู้เขา้ รว่ มกิจกรรม มีความรู้ ความเขา้ ใจกฎหมายท่ีเกยี่ วข้องในชวี ิตประจาวัน และนาความรทู้ ไ่ี ดร้ ับมาปรับใช้ใน ชีวติ ประจาวนั ดัชนีช้วี ัดผลสำเรจ็ ของโครงกำร ตัวชว้ี ัดผลผลติ - ร้อยและ 80 ของผู้เข้ารว่ มกิจกรรม มคี วามรู้ ความเขา้ ใจกฎหมายที่เกี่ยวข้องในชีวติ ประจาวนั ตัวชี้วดั ผลลัพธ์ - รอ้ ยและ 80 ของผู้ร่วมกจิ กรรม นาความร้ทู ไี่ ด้รบั มาปรับใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั สรปุ ผลการจดั กจิ กรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชวี ติ งบประมาณปี 2563

บทท่ี 2 2 เอกสำรกำรศึกษำและงำนวจิ ัยทเี่ กย่ี วขอ้ ง ในการจดั ทาสรุปผลโครงการอบรมให้ความร้กู ฎหมายในชีวิตประจาวัน ครัง้ น้ี คณะผู้จดั ทาโครงการไดท้ าการคน้ ควา้ เนื้อหาเอกสารการศกึ ษาและงานวิจัยที่เก่ียวข้อง ดังน้ี 1. กรอบการจัดกิจกรรมการศึกษาเพอื่ พัฒนาทักษะชีวิต 2. เอกสาร/งานวิจยั ทเ่ี กี่ยวข้อง 1. กรอบกำรจัดกิจกรรมกำรศกึ ษำเพ่อื พัฒนำทักษะชีวิต ภำรกิจตอ่ เนอื่ ง 1. ดำ้ นกำรจัดกำรศึกษำและกำรเรยี นรู้ 1.3 กำรศึกษำตอ่ เนอื่ ง 2) จดั การศึกษาเพ่ือพฒั นาทกั ษะชีวิตให้กับทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะคนพิการ ผู้สูงอายุ ท่ี สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการจาเป็นของแตล่ ะบุคคล และม่งุ เนน้ ใหท้ กุ กลุ่มเปา้ หมายมที ักษะการดารงชีวิต ตลอดจนสามารถ ประกอบอาชีพพ่ึงพาตนเองได้ มคี วามรคู้ วามสามารถในการบรหิ ารจดั การชวี ิตของตนเอง ให้อย่ใู นสังคมได้อย่างมคี วามสุข สามารถเผชิญสถานการณต์ า่ ง ๆ ท่ีเกิดขนึ้ ในชีวติ ประจาวนั ได้อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ และเตรยี มพร้อมสาหรับการปรบั ตัวให้ ทันตอ่ การเปลีย่ นแปลงของข่าวสารขอ้ มลู และเทคโนโลยี สมยั ใหมใ่ นอนาคต โดยจดั กจิ กรรมทีม่ เี น้ือหาสาคัญต่างๆ เช่น สขุ ภาพกายและจิต การป้องกันภัยยาเสพตดิ เพศศกึ ษา คุณธรรมและค่านิยมทีพ่ ึงประสงค์ ความปลอดภัยในชีวติ และ ทรัพย์สนิ ผ่านการศึกษารปู แบบต่าง ๆ อาทิ คา่ ยพัฒนาทกั ษะชีวติ การจัดตั้งชมรม/ชมุ นุม การส่งเสรมิ ความสามารถพิเศษ ตา่ ง ๆ 2. เอกสำร/งำนวิจัยที่เกีย่ วข้อง 1. กฎหมำยทเ่ี ก่ยี วข้องกับชีวิตประจำวัน บตั รประจาตวั ประชาชน กฎหมายกาหนดว่า ผู้ท่ีจะมบี ตั รประจาตวั ประชาชนไดต้ ้องมีคุณสมบัติ ดงั นี้ 1) เป็นบคุ คลท่มี สี ญั ชาตไิ ทย 2) มีอายุ 15 ปี บรบิ รู ณ์ขึ้นไป จนถึงอายุ 70 ปี บรบิ รู ณ์ 3) มีภูมลิ าเนาหรือชื่อในทะเบียนบา้ นในท้องทีท่ ี่ไปยน่ื คาร้องขอมบี ตั ร 2. กฎหมำยเก่ียวกบั กำรศกึ ษำ ตามพระราชบัญญัติการ ศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 กาหนดวา่ 1) บุคคลมสี ิทธแิ ละโอกาสเสมอกัน ในการได้รับการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐานไมน่ ้อยกว่า 12 ปี ทร่ี ัฐตอ้ งจัดให้อยา่ งทว่ั ถงึ และ มคี ุณภาพ โดยไม่เกบ็ คา่ ใชจ้ ่าย 2) บคุ คลซึ่งมีความบกพร่องทางดา้ นรา่ งกาย จติ ใจ สติปัญญา สงั คมการสอ่ื สารและการเรยี นรู้ หรือร่างกายพกิ าร ทุพพลภาพ หรอื บุคคลไม่สามารถพงึ่ ตนเองได้ หรอื ไม่มีผดู้ ูแล หรอื ผดู้ ้อยโอกาส จะมสี ิทธิและมีโอกาสได้รบั การศึกษาข้ัน พ้ืนฐานเป็นพเิ ศษ โดยไม่เสยี คา่ ใช้จา่ ย และมสี ิทธไิ ด้รับส่งิ อานวยความสะดวกและความชว่ ยเหลือทางการศึกษาตามกฎหมาย 3. กฎหมำยทะเบียนรำษฎร์ 1) การแจง้ เกิด เจ้าบ้านจะตอ้ งแจ้งต่อนายทะเบียนท้องท่ีท่ีมีคนเกิดภายใน 15 วนั นับแตว่ นั เกดิ เมอื่ นายทะเบียนรบั แจง้ การเกิดไวแ้ ลว้ กจ็ ะออก ใบแจ้งการเกดิ หรอื สตู ิบตั ร ให้แก่ผู้แจง้ ไว้เป็นหลักฐาน สรปุ ผลการจัดกิจกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทกั ษะชวี ติ งบประมาณปี 2563

3 2) การแจง้ ตาย เจ้าบ้านจะต้องแจง้ แกน่ ายทะเบียนทอ้ งถน่ิ ภายใน 24 ชวั่ โมง หรอื 1 วนั นบั แต่เวลาตาย 4. กฎหมำยจรำจรทำงบก เป็นกฎหมาย ทค่ี วบคุมการใช้รถ ใชถ้ นน ใหเ้ ปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ย 1) การปฏบิ ตั ติ ามกฎจราจรของผู้ขับข่รี ถจักรยาน (1) ขบั ขีร่ ถจักรยานในทางท่ีจดั ทาไวส้ าหรับรถจกั รยาน (2) รถจกั รยานท่ีใช้ขับข่ีต้องมีกระดิ่งให้สญั ญาณ เครอ่ื งห้ามลอ้ โคมไฟติดหน้ารถ (3) ผู้ขับขีร่ ถจกั รยานต้องขับให้ชิดขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถหรือไหล่ทาง (4) ไมข่ ับขีร่ ถจักรยานโดยประมาทเป็นท่ีหวาดเสยี ว หรือขับขีโ่ ดยไมจ่ บั คันบังคบั 2) การปฏบิ ัตติ ามกฎจราจรของคนเดนิ เทา้ (1) ให้คนเดินเทา้ บนทางเท้าหรือไหลท่ างท่มี ี (2) หา้ มไมใ่ ห้คนเดินเทา้ ขา้ มถนนนอกทางม้าลาย ภายในระยะไมเ่ กิน ๑๐๐ เมตร (3) ให้คนเดินเท้าท่ตี ้องการขา้ มถนนปฏิบตั ติ ามไฟสญั ญาณจราจร (4) ห้ามไมใ่ ห้ผูใ้ ดเดนิ แถวหรือเดนิ เป็นขบวนแห่ในลักษณะกีดขวางจราจร ยกเว้นแตจ่ ะไดร้ ับอนุญาตจากเจ้า พนักงานจราจร กฎหมำยทะเบยี นรำษฎร ทะเบยี นราษฎร หมายถงึ ทะเบยี นคนเกดิ ทะเบยี นคนตาย และทะเบียนบา้ น เหตุที่ต้องมีทะเบยี นเหลา่ นกี้ ็เพ่ือให้ ทราบวา่ ในบา้ นหลังหนงึ่ ในท้องท่หี น่ึงมปี ระชากรกคี่ น เปน็ เพศอะไรบา้ ง แตล่ ะคนมีความสัมพันธก์ นั อย่างไร มีการศกึ ษาชน้ั ไหน มีการโยกยา้ ยออกไปหรือเขา้ มาในท้องท่นี น้ั อย่างไร และมีจานวนเพมิ่ หรือลดเน่ืองจากการเกดิ หรือตายแล้วแต่กรณี เทา่ ใด ซึ่งความรู้เหล่าน้นี อกจากในแงเ่ พ่ือความเปน็ ระเบยี บแลว้ ฝ่ายปกครองยังนาไปใชใ้ นแงก่ ารควบคุมอื่นๆ เช่น การ สาธารณสขุ เม่อื มีการแจง้ การตายด้วยโรคระบาด ฝา่ ยปกครองตอ้ งเร่งรัดให้มีการฉดี วัคซีนป้องกนั โรคนน้ั ใหแ้ ก่คนในท้องท่ี นน้ั โดยเรว็ เพ่ือป้องกนั โรคระบาดเป็นตน้ และเพอ่ื ใหก้ ารจัดทาทะเบยี นต่างๆบรรลุถงึ เป้าหมาย ครบถว้ นสมบูรณ์ กฎหมาย ทะเบียนราษฎรได้แก่ พรบ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2499 ซ่งึ ไดส้ าระสาคัญดังตอ่ ไปนี้ เจา้ หนา้ ที่ที่เก่ยี วข้อง 1. ให้ผูอ้ านวยการทะเบียน มอี านาจออกระเบียบกาหนดแบบพิมพ์ หลกั เกณฑ์และวิธีปฏบิ ตั ิเพ่ือปฏบิ ัติตาม พรบ.น้ี โดย 2. ในสว่ นภูมิภาค มนี ายทะเบียนจงั หวดั นายทะเบียนอาเภอ นายทะเบยี นท้องถิ่น และนายทะเบยี นตาบล บคุ คล เหลา่ น้ีเป็นผู้ปฏบิ ตั ิตามระเบยี บทผี่ ู้อานวยการทะเบยี นวางไว้ ก) คนตาย คนเกิด และลกู ตายในทอ้ ง (1) คนเกดิ เม่ือมคี นเกิดในบ้านไมว่ า่ บา้ นนนั้ เปน็ ของผใู้ ด เจ้าบา้ นตอ้ งแจง้ ตอ่ นายทะเบียนทอ้ งทีภ่ ายใน 15 วนั นับต้ังแตว่ ันท่ีเดก็ เกิด (2) คนตาย เมอ่ื มคี นตายในบ้านผู้ใดตอ้ งแจ้งภายใน 24 ชัว่ โมง นบั แตเ่ วลาตาย หรอื นบั ตั้งแตเ่ วลาพบศพ (3) ลูกตายในทอ้ ง หมายความถึง ทารกในครรภม์ ารดาทมี่ ีอายุเกินกว่า 28 สปั ดาห์และคลอดออกมาโดยไม่ มีชีวติ ต้องแจง้ นายทะเบยี นท้องที่ที่ลูกตายในทอ้ งคลอดออกมาภายใน 24 ชวั่ โมง นบั แตเ่ วลาคลอด สรปุ ผลการจัดกิจกรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาทักษะชวี ติ งบประมาณปี 2563

4 กฎหมำยกำรเกณฑ์ทหำร ชายทม่ี สี ัญชาตไิ ทยตามกฎหมาย มหี นา้ ท่ีเข้ารับราชการทหารทุกคนตามพระราชบญั ญัติรบั ราชการทหาร พทุ ธศกั ราช 2479 โดยการรบั ราชการทหารของชายไทยมีดังนี้ ทหารกองเกิน หมายความวา่ ผู้ท่ซี ง่ึ มีอายตุ ้ังแตส่ บิ แปดปีบริบรู ณ์ และยังไม่ถงึ สามสิบปีบรบิ ูรณ์ ทหารกองประจาการ หมายความวา่ ผู้ ซ่งึ ขนึ้ ทะเบยี นทหารกองประจาการ และได้เขา้ รับ ราชการในกอง ประจาการจนกว่าจะได้ปลด ทหารกองหนุน หมายความว่า ทหารทป่ี ลดจากกองประจาการ โดยรับราชการในกองประจา การจนครบกาหนด แล้ว หรอื ข้ึนทะเบยี นกองประจาการแล้ว ปลดเป็นกองหนุน (โดยปกติจะพ้นราชการทหารกองหนนุ เม่อื อายคุ รบ 40 ปี บรบิ ูรณ์ ยกเว้นผทู้ ผี ่านการฝึกวชิ าทหารตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร) 1. ชายสญั ชาตไิ ทยเมอื่ อายุ ย่างเขา้ 18 ปี ในพทุ ธ ศักราชใดก็ต้องแสดงตนเพ่ือลงบัญชีกองเกนิ ท่ีอาเภอท้องท่ีซึง่ เป็นภมู ิลาเนา ของตนภายในเดือนพฤศจิกายนของปีนนั้ ๆผู้ทไี่ มส่ ามารถ ไป ลงทะเบียนด้วยตนเองได้ ต้องใหผ้ ทู้ บี่ รรลุนติ ิ ภาวะ และพอเชือ่ ถอื ได้ไปแจ้งแทน 2. ผ้ทู ยี่ ังมไิ ด้ลงทะเบียน ทหารกองเกินพร้อมกบั คนชนั้ เดยี วกนั เพราะเหตใุ ดก็ ตามถา้ อายยุ งั ไม่ถึง 46 ปบี รบิ ูรณ์ ตอ้ งปฎบิ ตั ิทานองเดียวกับบคุ คลในข้อที่ หนง่ึ ภายในสามสิบวันนบั แต่วนั ทส่ี ามารถปฎิบัตไิ ด้ แตต่ ้องแจ้งแทนไม่ได้ 3. ผู้ซึ่งไดร้ ับยกเวน้ ไม่ตอ้ งลงบญั ชที หารกองเกนิ ได้แก่ บุคคลซง่ึ ไมม่ วี ฒุ ทิ จี่ ะเป็นทหารได้เฉพาะบาง ท้องทต่ี าม กาหนดในกฎกระทรวง พระภิกษุท่มี ีสมณศักดิ์ หรือทเ่ี ปน็ เปรียญและนักบวชในพระพทุ ธศาสนาแหง่ นกิ ายจีน หรอื ญวนทมี่ ี สมณศกั ดิ์ 4. ผู้ซึง่ ไม่ไปแสดงตนเพือ่ ลงบัญชีทหารกองเกิน ได้แก่ สามเณรเปรยี ญ และผู้ซึ่ง อย่ใู นที่คุมขังของเจา้ พนักงาน กฎหมำยกำรศึกษำ กฎหมายเก่ียวกับการศึกษาในปจั จุบนั ได้แก่ พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งมสี าระสาคญั ที่ควรรู้ และทาความเข้าใจ ดังนี้ 1. จดุ มุ่งหมายและหลักการ เนือ่ งจากมนุษยเ์ ปน็ ทรัพยากรทสี่ าคัญท่ีจะสว่ นพัฒนา สังคมและประเทศชาติให้เจริญกา้ วหนา้ ดงั น้นั การศกึ ษาจึงมีส่วน สาคญั ย่งิ ทจ่ี ะช่วยใหค้ นในชาตมิ คี วามรู้ เพื่อนาไปพฒั นาประเทศต่อไป รฐั จึงตอ้ งลงทุนดา้ นการศึกษา เพือ่ พฒั นาเด็กและ เยาวชนของชาตขิ ึน้ มาทดแทนผ้ใู หญ่ที่จะออ่ นกาลังลงในอนาคต ประเทศชาติจงึ ต้องทุ่มเทงบประมาณจานวนมหาศาลเพ่ือ พฒั นาการศึกษา สาหรบั การจัดการศึกษาของทกุ ประเทศรวมทั้งประเทศไทยมงุ่ เน้นให้คนในสงั คมมี ความสมบูรณ์ทั้งดา้ น รา่ งกาย จติ ใจ สตปิ ัญญา มีความรู้ค่คู ณุ ธรรม และดารงไว้ซงึ่ วฒั นธรรมประเพณีของชาติ 2. หน้าท่ขี องรฐั ในการจัดการศึกษา รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 กาหนดใหร้ ัฐจะตอ้ งดาเนนิ การทางดา้ นการศึกษาใหแ้ ก่เดก็ และเยาวชน ดังน้ี 1) รฐั ต้องจัดการศึกษาขึ้นพืน้ ฐานไม่นอ้ ยกวา่ 12 ปี โดยใหเ้ ด็กและเยาวชนในชาตมิ สี ิทธแิ ละโอกาสเสมอกนั ในการเข้ารับการศึกษาอยา่ ง ทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บคา่ ใชจ้ า่ ย 2) รฐั ตอ้ งจัดการศึกษาขนั้ พ้ืนฐานเป็นพิเศษ สาหรบั บุคคลทมี่ คี วามบกพร่องทางร่างกาย จติ ใจ สตปิ ัญญา อารมณ์ สังคมต้องจดั ให้มีการสอื่ สารและการเรียนรู้ สาหรบั ผ้ทู ี่มีรา่ งกายพิการ ทุพพลภาพ บคุ คลท่ีไมส่ ามารถพ่ึงพาตนเองได้ บคุ คลท่ีไม่มีผดู้ แู ล หรือด้อยโอกาส สรุปผลการจัดกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวติ งบประมาณปี 2563

5 3. สทิ ธแิ ละหนา้ ที่ของบดิ ามารดาหรือผู้ปกครอง บิดามารดา หรือผ้ปู กครองมหี น้าที่จดั ให้บตุ รหรือบุคคลซ่ึงอย่ใู นความดูแลได้รับการ ศึกษาภาคบงั คับ จานวน 9 ปี โดยให้เดก็ ที่มอี ายุย่างเข้าปที ี่เจ็ดเข้าเรียนในสถานศกึ ษาขน้ึ พ้นื ฐานจน อายุสบิ หก เวน้ แตส่ อบได้ชน้ั ปีท่ีเก้าของ การศกึ ษาภาคบงั คบั ตลอดจนให้ไดร้ บั การศกึ ษานอกเหนือจากการศึกษาภาคบังคับ ตลอดจนให้ไดร้ ับการศึกษาภาคบังคับ ตามความพรอ้ มของครอบครัว 4. รปู แบบการจัดการศกึ ษา 1) การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาท่กี าหนดจดุ มงุ่ หมาย วธิ ีการศกึ ษา หลกั สตู ร ระยะเวลาการศึกษา การ วดั และการประเมนิ ผลอนั เป็นเงอ่ื นไขของการสาเร็จการศึกษาท่ีแน่นอน ไดแ้ ก่ การเรียนการสอนในโรงเรียน วทิ ยาลัย หรอื มหาวิทยาลยั ต่าง ๆทั้งของรฐั และเอกชน 2) การศึกษานอกระบบ เป็นการศกึ ษาที่มีความยืดหยุน่ ในการกาหนดจดุ มุ่งหมาย รูปแบบ วธิ กี ารจัดการ ศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวดั และประเมินผลซ่งึ เป็นเง่ือนไขสาคญั ของการสาเรจ็ การศกึ ษา โดยเน้ือหาและหลักสตู ร จะต้องมีความเหมาะสมกบั สภาพปัญหา และความต้องการของบุคคลแตล่ ะกลุ่ม เชน่ การศึกษาผู้ใหญ่ การศึกษาทางไกล ผ่านดาวเทียม เปน็ ตน้ 3) การศึกษาตามอัธยาศยั เป็นการศึกษาทีเ่ ปิดโอกาสให้ผ้เู รยี นได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ศกั ยภาพ ความพร้อมและโอกาส โดยอาศยั จากบุคคล ประสบการณ์ สังคม สภาแวดลอ้ ม สือ่ หรอื แหล่งเรียนรู้ เช่น การ ฝึกอบรมวชิ าชีพของสถาบนั แรงงานตา่ ง ๆ การอบรมวชิ าชีพในสถาบนั พัฒนาฝีมือแรงงาน การอบรมภาษาองั กฤษ คอมพวิ เตอรต์ ามสถาบันต่าง ๆ เป็นต้น 5. แนวทางการจดั การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน การจัดการศกึ ษาทกุ รปู แบบจะเน้นใหผ้ ้เู รียนมีความรู้ ความสามารถ แบะพัฒนาตนเองได้ โดยยึดหลักผู้เรียนสาคัญท่สี ดุ ดว้ ย เหตุน้ี กระบวนการจดั การเรียนรู้จึงตอ้ งส่งเสริมใหผ้ ูเ้ รียนสามารถพฒั นาตนเองได้ตาม ธรรมชาตแิ ละเต็มศกั ยภาพ 1.สถานีโทรทศั น์หรือสถานวี ทิ ยุ เชญิ พรรคการเมอื งมาให้สัมภาษณต์ อ้ งเชิญอย่างเทา่ เทยี มกนั และรายงาน ขา่ วและ วเิ คราะห์ขา่ วตามขอ้ เท็จจรงิ หา้ มเอนเอยี งหรือเข้าข้างฝา่ ยใดฝา่ ยหน่งึ ต้องเปน็ กลาง หากฝา่ ฝนื มีโทษตามมาตรา 59, 60 โทษจาคุก 6 เดอื น หากผู้สมคั รหรอื ผู้มีสิทธิเลือกต้ังมขี ้อสงสัยเก่ยี วกบั กตกิ ามารยาท ทาหนังสอื มาได้ที่ กกต. 2. พาหนะในการหาเสียง -ใช้รถยนตห์ าเสียงได้ -แผ่นป้ายหาเสยี งตดิ ข้างรถต้องไม่เกิน 2 ป้าย ขนาด 130×245 ซม. -หา้ มดัดแปลงรถหาเสียงเปน็ เวทปี ราศรัย -ใชเ้ ครื่องขยายเสียงในการหาเสยี งได้ -หาเสียงผา่ นเว็บไซท์และสื่อสิ่งพมิ พ์ เชน่ หนังสือพิมพ์ หรอื ซื้อสื่อโฆษณาทางหนงั สือพิมพไ์ ด้ -การซื้อเวลาสถานีโทรทัศน์หรือวทิ ยเุ พื่อโฆษณาหาเสียง ไม่สามารถทาได้ -กกต.เป็น ผูก้ าหนดชว่ งเวลาและเง่ือนไขในการออกอากาศทางสถานวี ทิ ยุและโทรทัศนไ์ ด้เทา่ น้ัน 3. พรรคทีข่ น้ึ คตั เอาทห์ รือป้ายโฆษณา หรอื ปิดปา้ ยหาเสยี งตามท้องถนน หรือตามบิลบอรด์ หรือสแ่ี ยกริม ทางด่วนยา่ นชุมชน ต้องปลดป้ายลง หากฝา่ ฝนื มคี วามผิด 4. หา้ มจัดเวทปี ราศรัยเอง ปราศรยั ไดเ้ ฉพาะจดุ ท่ี กกต.จดั ไว้ให้เท่าน้ัน - การแถลงข่าวเปดิ ตวั ผู้สมัคร ส.ส.ต้องใช้ความระมัดระวงั มฉิ ะน้นั อาจเข้าข่ายจดั เวทีปราศรยั หา เสยี ง นอกจุดท่ี กกต.กาหนด สรุปผลการจดั กจิ กรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทกั ษะชีวิต งบประมาณปี 2563

6 - ผู้สมคั ร สส.เดินทางไปพบปะประชาชนเพื่อแจกเอกสารแนะนาตัวและนาเสนอนโยบายของ พรรคการ เมืองสามารถทาได้ 5. การแหก่ ลองยาวหรอื ขบวนแหใ่ นวันสมคั ร ส.ส. ไมส่ ามารถทาได้ -ห้ามแจก เอกสารของผู้สมัคร สส. ควบไปกับหนังสอื พิมพ์ หรือ วารสาร หรือวาง หรอื โปรยในที่ สาธารณะ 6. พ.ต.ท.ทกั ษณิ ชินวัตร อดีตหวั หนา้ พรรคไทยรกั ไทย ซง่ึ ถูกเพิกถอนสิทธิตามคาวนิ ิจฉัยของตุลาการ รฐั ธรรมนญู เปน็ เวลา 5 ปี สามารถเปน็ ประธานพรรค พปช. - มาตรา 97 ไมไ่ ดห้ า้ มไว้ ห้ามเพยี งหา้ มจดแจ้ง แจ้งจัดตง้ั พรรคการเมืองข้ึนมาใหม่ -หา้ มเปน็ กรรมการบรหิ ารพรรค - หา้ มมสี ว่ นรว่ มในการจดแจง้ จัดตง้ั พรรคการเมืองข้ึนมาใหม่ 7. อานาจของ กกต.ในการออกประกาศหรือระเบียบเกีย่ วกับการเลอื กตง้ั -เป็นไปตามรัฐธรรมนญู มาตรา 231(1) - พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลอื กต้ัง มาตรา 5, 10(2), 10(3), 10(5) - พรบ. ประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยการเลือกต้ัง ส.ส. และการได้ซง่ึ สว.- มติ กกต. คร้ังที่ 28 / 2550 8. ระเบียบ กกต. ว่าด้วยการหาเสียงฉบบั ลงวันที่ 24 ต.ค. 2550 มคี วามสาคญั เนื่องจากมกี ารกาหนดกรอบ เกยี่ วกับข้อควรปฏบิ ตั ิ , ขอ้ ห้าม ของพรรคการเมือง ,ผู้สมคั ร ส.ส. ผมู้ ี สิทธิเลอื กตง้ั ดงั นน้ั ประชาชนควรศกึ ษาไว้ เพ่ือ ประกอบในการตดั สนิ ใจเลือกผแู้ ทน กฎหมำยพรรคกำรเมือง มาตรา 1 พระราชบัญญตั ินเี้ รียกวา่ \"พระราชบญั ญตั ิ พรรคการเมือง พ.ศ. 2524\" มาตรา 2 พระราชบัญญตั นิ ้ใี ห้ใชบ้ ังคบั ตงั้ แตว่ ันถัดจากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เปน็ ต้นไป มาตรา 3 ใหย้ กเลิกคาสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดนิ ฉบับที่ 6 ลงวนั ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 บรรดาบทกฎหมาย กฎและข้อบงั คบั อ่นื ในสว่ นท่ีมบี ัญญตั ิไว้แล้ว ในพระราชบญั ญัตนิ ้ี หรอื ซ่งึ ขัดหรือแยง้ กบั บท แหง่ พระราชบัญญัตนิ ้ี ใหใ้ ชพ้ ระราชบัญญัตินี้แทน มาตรา 4 ในพระราชบญั ญัติน้ี \"สมาชกิ \" หมายความวา่ สมาชกิ พรรคการเมือง \"ทอี่ ยู่\" หมายความว่า ที่อยตู่ ามกฎหมาย วา่ ด้วยการทะเบยี นราษฎร \"นายทะเบียน\" หมายความวา่ นายทะเบียนพรรคการเมือง \"รฐั มนตรี\" หมายความวา่ รฐั มนตรีผรู้ กั ษาการ ตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา 5 ใหร้ ฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี และให้ มีอานาจออกกฎกระทรวง เพ่อื ปฏบิ ตั ิการตามพระราชบญั ญตั ินี้ กฎกระทรวงนัน้ เมือ่ ไดป้ ระกาศในราชกจิ จานุเบกษาแลว้ ใหใ้ ช้บังคับได้ มาตรา 6 ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเปน็ นายทะเบียนมีอานาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัตนิ ี้ สรุปผลการจัดกิจกรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาทกั ษะชวี ติ งบประมาณปี 2563

7 มาตรา 7 ผู้มสี ญั ชาติไทยโดยการเกดิ มีอายุไมต่ ่ากวา่ ยสี่ ิบปีบรบิ รู ณแ์ ละไม่เปน็ ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนกั บวช มี จานวนตั้งแตส่ บิ ห้าคนขึน้ ไป อาจรวมกันเปน็ คณะผู้เรม่ิ จดั ตง้ั พรรคการเมือง ซง่ึ มีแนวนโยบายในลกั ษณะท่ีไมก่ ่อให้เกิด ความรู้สึกแตกแยกในเรอื่ งเชื้อชาติ หรือศาสนาระหวา่ งชนในชาติ ไม่เป็นภัยตอ่ ความมัน่ คงของรัฐ หรือไม่ขัดต่อกฎหมายหรือ ความสงบเรียบรอ้ ย หรือศลี ธรรมอันดีของประชาชนหรอื การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมี พระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ ประมขุ ตามรฐั ธรรมนญู เพือ่ ดาเนนิ การออกหนงั สอื เชิญชวนผูอ้ ่นื ใหส้ มัครเขา้ เป็นสมาชกิ เมอ่ื มีจานวนผูส้ มคั รเข้าเป็นสมาชกิ รวมกนั จานวนผู้เรมิ่ จัดตัง้ พรรคการเมือง แลว้ ไม่ นอ้ ยกวา่ หา้ พันคน ยอ่ มตั้งพรรคการเมืองได้ โดยจดทะเบียนต่อนายทะเบยี นที่ กระทรวงมหาดไทย สมาชิกจานวนห้าพนั คน ดงั กล่าวในวรรคหนงึ่ อย่างน้อยต้องประกอบด้วยสมาชิกซ่ึงมีที่อยู่ ในแต่ละภาคไมน่ ้อยกวา่ ภาคละหา้ จังหวัด ตามบญั ชรี ายชอ่ื ภาคและจังหวดั ท้ายพระราชบัญญตั นิ ี้ และมีจานวนสมาชกิ จงั หวดั ละไมน่ อ้ ยกวา่ หา้ สิบคน ผทู้ ี่จะสมคั รเข้าเป็น สมาชกิ ได้ ตอ้ งเปน็ ผมู้ สี ัญชาติไทยโดยการเกิดมีอายุไม่ต่ากวา่ ยี่สิบปีบรบิ รู ณ์ และไม่เปน็ ภิกษุ สามเณร นักพรต หรอื นักบวช มาตรา 8 ก่อนดาเนินการโฆษณาเชญิ ชวนผู้อืน่ เขา้ เปน็ สมาชกิ ให้คณะผูเ้ รมิ่ จดั ต้ัง พรรคการเมืองทาหนังสือแจง้ ตอ่ นายทะเบียน ตามแบบท่ีนายทะเบยี นกาหนดพร้อมกับหนังสือ เชิญชวนสามฉบบั ซึ่งคณะผูเ้ ริม่ จัดตงั้ พรรคการเมืองได้ลง ลายมอื ชือ่ กากบั ไวด้ ว้ ยทุกฉบับ หนงั สือเชญิ ชวนนน้ั อย่างนอ้ ยต้องมรี ายการดงั ต่อไปนี้ (1) ชอื่ พรรคการเมอื ง (2) ภาพเคร่อื งหมายพรรคการเมอื ง (3) แนวนโยบายพรรคการเมือง (4) ชื่อ อาชีพ และท่ีอยู่ของผู้ซึ่งเป็นคณะผเู้ ร่มิ จดั ตั้งพรรคการเมอื ง มาตรา 9 เมอ่ื นายทะเบียนได้รบั แจ้งตาม มาตรา 8 แล้วเหน็ ว่าหนังสือเชิญชวนมีรายการครบถว้ น โดยมีชอื่ ภาพ เครือ่ งหมายหรือแนวนโยบายของพรรคการเมืองในลกั ษณะท่ไี ม่กอ่ ให้เกิดความ แตกแยกในเรอ่ื งเชอื้ ชาติ หรือศาสนาระหว่าง ชนในชาติ ไม่เปน็ ภยั ต่อความมั่นคงของรฐั ไม่ขดั ต่อกฎหมาย ไมข่ ดั ต่อความสงบเรยี บรอ้ ยหรือศลี ธรรมอันดีของประชาชน หรอื การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขตามรฐั ธรรมนูญ และคณะผ้เู รมิ่ จัดตั้งพรรคการเมอื ง เป็นผูม้ คี ณุ สมบัติและไมม่ ีลักษณะต้อง ห้ามตาม มาตรา 7 และ ชอ่ื พรรคการเมอื งหรือภาพเคร่ืองหมายพรรคการเมืองไม่ซ้า หรอื พ้องหรือมีลักษณะคล้ายคลึงกับ ช่อื พรรคการเมืองหรือสภาพเครื่องหมายพรรคการเมอื งของคณะผูเ้ รมิ่ จดั ตั้งพรรค การเมืองอ่นื ที่ ได้แจ้งไว้ตาม มาตรา 8 หรอื ของพรรคการเมืองอน่ื ท่ีไดจ้ ดทะเบียนตาม มาตรา 23 ไว้กอ่ นแล้ว ใหน้ าย ทะเบยี นออกหนงั สอื รบั รองการแจง้ ใหค้ ณะผ้เู รม่ิ จดั ตั้งพรรคการเมืองภาย ในสิบหา้ วัน นบั แตว่ นั ที่ไดร้ บั แจ้ง เมื่อไดร้ ับหนังสือ รับรองการแจง้ แล้ว ให้คณะผู้เรม่ิ จัดต้งั พรรคการเมืองมสี ิทธิโฆษณา เชิญชวนผูอ้ ่ืนเขา้ เป็นสมาชกิ และดาเนินการก่อตงั้ พรรคการเมืองได้ หนังสือรบั รองการแจ้งนนั้ ให้ใชไ้ ดห้ น่ึงปีนับแตว่ ันที่ออก มาตรา 10 ในกรณที ี่นายทะเบยี นเหน็ ว่า หนังสอื เชญิ ชวนมชี อ่ื ภาพเครื่องหมายหรอื แนว นโยบายของพรรคการเมือง ในลักษณะที่ก่อใหเ้ กดิ ความรู้สกึ แตกแยกในเร่ืองเชื้อ ชาติหรือศาสนา ระหวา่ งชนในชาติเปน็ ภัยต่อความมน่ั คงของรัฐ ขัดต่อ กฎหมาย ขดั ต่อความสงบเรียบร้อยหรอื ศลี ธรรมอนั ดีของประชาชน หรอื การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมี พระมหากษัตรยิ ์เปน็ ประมุขตามรัฐธรรมนูญ หรอื ผู้เร่ิมจดั ตัง้ พรรคการเมืองผู้ใดขาดคุณสมบตั หิ รอื มลี กั ษณะต้องหา้ ม ตาม มาตรา 7 และผเู้ ริ่มจดั ตัง้ พรรคการเมืองท่ีเหลือมจี านวนไม่ถึงสิบหา้ คน หรอื ชื่อพรรคการเมอื ง หรอื ภาพเคร่ืองหมายพรรค การเมืองของพรรคการเมืองซ้าหรอื พ้องกับช่อื หรอื ภาพ เครื่องหมายพรรคการเมืองอื่นที่ไดแ้ จ้งตอ่ นายทะเบยี นหรอื จด สรปุ ผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาทกั ษะชวี ติ งบประมาณปี 2563

8 ทะเบียนพรรคการ เมอื งไวก้ ่อน แลว้ ให้นายทะเบียนส่ังไม่รับแจ้งและบอกกลา่ วเป็นหนังสอื พร้อมทงั้ เหตุผลท่ีสั่ง ไมร่ ับแจง้ ไป ยงั คณะผู้เริ่มจดั ตง้ั พรรคการเมอื งภายในสบิ ห้าวันนบั แต่วนั ท่ีไดร้ ับแจ้ง มาตรา 11 ในกรณที ีน่ ายทะเบียนเหน็ วา่ หนังสือเชิญชวนมีรายการไม่ครบตาม มาตรา 8 หรือมขี ้อความไมช่ ดั เจน หรือบกพร่องใหน้ ายทะเบยี นบอกกล่าวเป็นหนงั สอื ไปยัง คณะผูเ้ ริ่ม จดั ตัง้ พรรคการเมืองภายในเจด็ วันนับแต่วันทไ่ี ดร้ ับแจง้ เพื่อใหด้ าเนินการแก้ไขภายในเจด็ วัน นบั แตว่ นั ที่ได้รับหนังสือบอกกลา่ ว เม่ือคณะผ้เู ร่ิมจัดตั้งพรรคการเมืองไดแ้ ก้ไขภายใน กาหนด เวลาดงั กลา่ วเปน็ การถูกต้องแลว้ ใหน้ ายทะเบียนออกหนังสือรับรองการแจ้งใหแ้ ก่ คณะผู้เรมิ่ จดั ตั้งพรรคการเมือง ภายในสบิ ห้าวนั นับแต่วนั ทไ่ี ด้แกไ้ ข ถา้ ไม่แกไ้ ขหรือแก้ไขแล้วยงั ไม่ถูกตอ้ ง ภายในกาหนดเวลาดงั กลา่ ว ให้สง่ั ไม่รับแจง้ ทันที และบอกกล่าวเปน็ หนังสือพร้อมท้งั เหตผุ ลไป ยังคณะผเู้ ริม่ จดั ตั้งพรรคการเมืองภายในสิบหา้ วนั นับแต่วันที่ส่ังไม่รับ แจ้ง มาตรา 12 ในกรณที ่นี ายทะเบียนเห็นว่าชื่อพรรคการเมืองหรือภาพเครื่องหมาย พรรคการเมอื งคณะผู้เรมิ่ จัดตั้ง พรรคการเมืองตามทป่ี รากฏในหนงั สือเชญิ ชวนซา้ หรอื พ้องหรือมี ลกั ษณะคล้ายคลึงกับชอื่ พรรคการเมืองหรอื ภาพ เคร่ืองหมายพรรคการเมืองของคณะ ผู้เริ่มจดั ต้งั ของพรรคการเมืองอื่นทีไ่ ด้แจง้ ไวใ้ นวันเดยี วกัน ใหน้ ายทะเบยี นดาเนินการ ตอ่ ไปน้ี (1) มหี นงั สือบอกกลา่ วไปยังคณะผ้เู ร่ิมจดั ต้ังพรรค การเมืองทเ่ี กี่ยวข้องทุกฝา่ ยเพื่อใหท้ าความตกลงกันวา่ คณะผ้เู ริ่ม จัดตง้ั พรรคการเมืองคณะใดจะเป็นผ้มู สี ทิ ธิใช้ช่อื พรรคการเมอื ง หรือภาพเคร่ืองหมายพรรคการเมืองนน้ั เม่ือได้ตกลงกันเปน็ ประการใดแลว้ ใหน้ ายทะเบยี นรบั แจง้ ตามท่ีไดต้ กลงกัน การตกลงกันดงั กลา่ วให้กระทาใหเ้ สร็จส้ินภายในสบิ หา้ วนั นับแต่ วนั ท่ีได้รับ หนงั สือบอกกล่าว (2) ในกรณีท่ีคณะผูเ้ รมิ่ จดั ตั้ง พรรคการเมืองทเ่ี ก่ียวขอ้ งยืนยันไม่ยอมตกลงกันหรอื เมอ่ื พ้นกาหนดเวลาดงั กลา่ วใน (1) แล้วยงั ตกลงกนั ไม่ได้ ใหน้ ายทะเบียน พจิ ารณารบั แจ้งจาก คณะผูเ้ รมิ่ จัดตงั้ พรรคการเมอื งที่เห็นวา่ มสี ทิ ธทิ จี่ ะใชช้ ื่อหรอื ภาพ เครื่องหมายพรรคการเมืองนนั้ ดี กว่าโดยพิจารณาตามหลักเกณฑ์ดงั น้ี (ก) คณะผเู้ ร่มิ จัดต้งั พรรคการเมืองคณะ ใดมีจานวนผเู้ ริ่มจัดต้งั พรรคการเมืองซ่ึงเคย ได้รับเลือกตงั้ เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรของการเลือกต้ังทว่ั ไปครง้ั หลงั สดุ ในนามของ พรรคการเมืองหรือกลมุ่ การเมืองตามหลักฐานใบ สมัครรบั เลอื กต้งั เป็นสมาชกิ สภา ผแู้ ทนราษฎรที่ เคยใช้ชอ่ื หรอื ใช้ภาพเครื่องหมายพรรคการเมืองนั้นมากกวา่ คณะผเู้ ร่มิ จดั ต้ังพรรคการเมือง คณะน้นั ย่อมมีสทิ ธดิ ีกว่า (ข) ในกรณที ่จี านวนผเู้ ริ่มจัดต้ังพรรคการเมืองตาม (ก) มีจานวนเท่ากนั คณะผูเ้ ริม่ จดั ตง้ั พรรคการเมืองคณะใดมี จานวนผเู้ รม่ิ จดั ต้ังพรรคการเมืองซ่ึงเคยสมัคร รับเลอื กตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของการเลอื กต้งั ทวั่ ไปครั้งหลงั สดุ ใน นามของพรรคการ เมืองหรือกล่มุ การเมืองตามหลกั ฐานใบสมัครรบั เลอื กตัง้ เป็นสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรทเ่ี คยใช้ ชือ่ หรือใช้ ภาพ เครือ่ งหมายพรรคการเมืองนัน้ มากกวา่ คณะผเู้ รม่ิ จัดตั้งพรรคการเมืองคณะน้นั ย่อมมีสทิ ธดิ ีกวา่ (ค) ในกรณที ่ีจานวนผเู้ ร่มิ จดั ตั้งพรรคการเมืองตาม (ข) มจี านวนเทา่ กัน ให้ นายทะเบยี นดาเนนิ การจบั สลากเพอื่ ให้ ไดผ้ ้มู ีสทิ ธิใช้ชอ่ื พรรคการเมอื งหรือ ภาพเคร่ืองหมาย พรรคการเมืองโดยเปดิ เผย ใหน้ ายทะเบยี นบอกกลา่ ว การรบั แจง้ ตาม (2) เป็นหนงั สอื ไปยังคณะผเู้ รม่ิ จดั ตง้ั พรรคการเมืองที่เกย่ี วข้องภายใน เจ็ดวนั นับแตว่ ันทรี่ บั แจง้ มาตรา 13 คณะผู้เร่มิ จัดต้งั พรรคการเมืองคณะใดไมเ่ ห็นด้วยกับคาวินิจฉยั ของ นายทะเบยี นตาม มาตรา 12 มีสทิ ธิ ย่นื คารอ้ งเพ่ือให้ศาลฎีกาวินจิ ฉยั ช้ีขาด โดยยืน่ ตอ่ ศาลแพ่ง ภายในสามสบิ วันนบั แต่วันท่ีได้รบั หนงั สอื บอกกลา่ ว เมอื่ ศาลแพง่ ไดร้ ับคา ร้องดังกล่าว ใหด้ าเนนิ การพิจารณาโดยไมช่ ักชา้ แล้วให้รีบสง่ สานวนและความเห็นไปยังศาล ฎกี าเพื่อวินิจฉยั ชขี้ าด เม่ือศาลฎกี าได้วนิ ิจฉยั เป็นประการใดแลว้ ให้ นายทะเบยี นปฏบิ ตั ิไปตามน้ันโดยไม่ชักช้า สรปุ ผลการจดั กจิ กรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต งบประมาณปี 2563

9 ในการพิจารณาของศาล ให้พิจารณาหลกั เกณฑต์ าม มาตรา 12 (2) ประกอบดว้ ย การดาเนนิ คดีตามมาตรา น้ี ให้นา ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความแพ่ง มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม และให้ไดร้ ับการ ยกเวน้ การเสียคา่ ฤชาธรรมเนียม มาตรา 14 ในกรณีท่ีนายทะเบยี นสงั่ ไม่รบั แจง้ ตาม มาตรา 10 หรอื มาตรา 11 คณะผู้ เริ่มจดั ต้ังพรรคการเมืองมี สิทธิยื่นคารอ้ งขอให้ศาลฎกี าวินิจฉัย โดยยื่นต่อศาลแพง่ ภายในสามสิบ วันนบั แต่วันที่ได้รับหนงั สือบอกกลา่ ว และให้นา มาตรา 13 วรรคสองและวรรคส่ีมาใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม มาตรา 15 เม่อื คณะผู้เร่มิ จดั ต้ังพรรคการเมืองที่ไดร้ ับหนงั สือรับรองการแจง้ จาก นายทะเบยี นเชิญชวนผู้อื่น ให้ สมัครเข้าเป็นสมาชิกได้ครบห้าพนั คนซึ่งมผี ้ลู งชือ่ เข้าเปน็ สมาชิก ซงึ่ มที ี่อยใู่ นแตล่ ะภาคไม่น้อยกว่าภาคละห้าจังหวดั และมี จานวนสมาชิกจังหวัดละไม่น้อยกวา่ ห้าสิบคนแล้ว ใหค้ ณะผู้เรมิ่ จดั ตงั้ พรรคการเมืองนดั ประชมุ ผู้ลงชอื่ เขา้ เปน็ สมาชิกการ ประชมุ นีใ้ ห้ เรยี กวา่ การประชุมตั้งพรรคการเมือง มาตรา 16 การเรยี กประชมุ ต้ังพรรคการเมืองต้องแจ้งใหบ้ รรดาผ้ลู งชอื่ เขา้ เป็น สมาชิกทราบกอ่ นวันประชุมไม่น้อย กวา่ เจ็ดวันและคณะผูเ้ ร่มิ จัดตั้งพรรคการ เมืองต้องแจง้ ระเบียบ วาระการประชมุ พร้อมทั้งบัญชรี ายช่อื ผู้ลงชอื่ เขา้ เป็นสมาชิก ทั้งหมดให้ผู้ เข้าประชุมทราบดว้ ย มาตรา 17 การประชุมตั้งพรรคการเมือง ต้องมีผลู้ งชือ่ เขา้ เป็นสมาชิกมาประชมุ ไมน่ ้อยกวา่ หนึ่งร้อยคน แตใ่ นจานวน น้ตี ้องมีผูล้ งชือ่ เข้าเปน็ สมาชิกของแตล่ ะภาค ภาคละไม่น้อย กว่าห้าจงั หวัด มาร่วมประชุมดว้ ย จึงจะเป็นองคป์ ระชมุ มาตรา 18 กิจการอันจะพงึ ทาในที่ประชุมตั้งพรรคการเมือง คือ (1) การกาหนดนโยบายของพรรคการเมืองซึ่ง ประกอบด้วยเปา้ หมายและวิธดี าเนินการ (2) การกาหนดข้อบงั คับของพรรคการเมอื ง (3) การเลอื กต้ังคณะกรรมการบริหารของพรรคการเมืองตาม มาตรา 33 มาตรา 19 ให้ทีป่ ระชมุ ต้งั พรรคการเมืองเลือกผลู้ งชอ่ื เขา้ เป็นสมาชิกที่มาประชมุ คนใด คนหน่งึ ทาหน้าที่ประธานของ ที่ประชมุ คาวินจิ ฉัยของที่ ประชมุ ให้เป็นไปตามเสยี งข้างมาก ผลู้ งชือ่ เข้าเปน็ สมาชกิ ที่มาประชุม คนหนึง่ มเี สียงหน่ึงในการ ลงคะแนนถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากนั ใหป้ ระธานในที่ ประชมุ ออกเสียง เพม่ิ ข้ึนอกี เสยี งหน่ึงเปน็ เสียงช้ีขาด มาตรา 20 การลงคะแนนเสยี งในทป่ี ระชมุ ดงั พรรคการเมืองให้ลงคะแนนโดยวธิ ี เปดิ เผย เวน้ แตผ่ ู้ลงชอ่ื เข้าเปน็ สมาชกิ ทม่ี าประชุมเกนิ กว่ากงึ่ หนึง่ ร้อยขอให้ลง คะแนนลับ ก็ให้ ลงคะแนนลับ มาตรา 21 ให้ผู้ที่ไดร้ ับเลือกตั้งเปน็ หัวหน้าพรรคการเมอื งตาม มาตรา 18 (3) ย่ืน คาขอจดทะเบยี นพรรคการเมือง ตามแบบทนี่ ายทะเบียนกาหนดภายในหน่ึงปีนบั แตว่ นั ทีไ่ ด้รบั หนงั สือรับรองการแจ้งพร้อมท้ังส่งร่างนโยบายของพรรค การเมืองและร่างข้อ บังคับของ พรรคการเมืองอย่างละสามฉบับ ทะเบยี นประวตั ิผู้ลงชื่อเขา้ เป็นสมาชิกตามแบบทน่ี าย ทะเบยี น กาหนด และสาเนารายงานการประชุมต้ังพรรคการเมอื ง แบบคาขอจดทะเบยี นพรรค การเมืองนนั้ อย่างน้อยต้องมีรายการดังต่อไปนี้ (1) ชอ่ื พรรคการเมอื ง (2) ภาพเคร่อื งหมายพรรคการเมอื ง (3) ท่ีต้งั สานักงานใหญ่ของพรรคการเมือง (4) ชอ่ื อาชีพ ท่ีอยู่ และลายมือชื่อของคณะกรรมการบริหารของพรรคการเมืองซงึ่ ใน วาระเร่มิ แรกนตี้ ง้ั ข้ึนโดยท่ี ประชุมของผู้ลงชือ่ เข้าเป็นสมาชกิ ตาม มาตรา 18 (3) สรปุ ผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

10 (5) รายละเอยี ดเก่ยี วกับผู้ลงชื่อเขา้ เปน็ สมาชกิ อย่างนอ้ ยต้องมเี ลขหมาย บัตรประจาตวั ประชาชนหรือหลกั ฐานอื่นที่ ทางราชการออกให้ใชเ้ ปน็ หลักฐานเชน่ เดียวกับบัตรประจาตัวประชาชน ชือ่ อาชพี ท่ีอยู่และลายมือช่ือของผลู้ งช่อื เขา้ เป็น สมาชกิ เปน็ รายจังหวัด มาตรา 22 ขอ้ บงั คับของพรรคการเมืองน้ัน อยา่ งน้อยตอ้ งมีรายการดังต่อไปนี้ (1) ช่อื พรรคการเมอื ง (2) ภาพเคร่อื งหมายพรรคการเมอื ง (3) ทีต่ ้ังสานกั งานใหญ่ของพรรคการเมือง (4) การเลือกต้ัง ระยะเวลาการดารงตาแหนง่ การส้นิ สุดและการออกตามวาระของ หัวหนา้ พรรคการเมือง รอง หวั หน้าพรรคการเมอื ง เลขาธิการพรรคการเมือง รองเลขาธิการ พรรคการเมืองและกรรมการบริหารอื่น การกาหนดอานาจ หน้าท่ี ให้คณะกรรมการบรหิ ารและ กรรมการบริหารแตล่ ะคนปฏบิ ัติ (5) การจัดต้งั สาขาพรรคการเมอื ง ผู้ดาเนนิ กจิ การสาขาพรรคการเมืองและอานาจหนา้ ท่ี (6) การประชมุ ใหญ่ของพรรคการเมือง และการประชุมของสาขาพรรคการเมือง (7) สิทธแิ ละหนา้ ท่ขี องสมาชิก (8) ความรับผิดชอบของพรรคการเมืองตอ่ สมาชิก (9) การรับสมาชกิ และการส่ังใหส้ มาชิกออก (10) วนิ ยั และจรรยาบรรณของสมาชิก (11) วธิ ีการเลอื กสมาชกิ เพ่ือสง่ เข้า สมคั รรบั เลือกตัง้ เป็นสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรใน เขตเลอื กต้ังต่าง ๆ (12) การบริหารการคลังและการบัญชีของพรรคการเมือง และสาขาพรรคการเมือง มาตรา 23 เมื่อนายทะเบยี นได้รบั คาขอจดทะเบยี นพรรคการเมืองแล้ว เหน็ วา่ คาขอ จดทะเบยี นพรรคการเมือง ถกู ต้องตาม มาตรา 21 ขอ้ บังคับมรี ายการครบถ้วนตาม มาตรา 22 และผ้ลู งช่ือเข้าเปน็ สมาชิกตามทะเบียนพรรคการเมอื ง นน้ั มคี ณุ สมบตั ิและไม่มีลกั ษณะต้องหา้ ม และจานวนถกู ต้องตาม มาตรา 7 ทง้ั ขอ้ ความในเอกสารดังกลา่ วนน้ั ไมข่ ัดต่อความ มั่นคงของรัฐ หรอื กฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดขี องประชาชน หรอื การปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษัตรยิ เ์ ปน็ ประมุขตามรัฐธรรมนญู ให้นายทะเบยี นจดทะเบียน พรรคการเมอื ง และแจง้ เปน็ หนังสือให้หัวหน้า พรรคการเมอื งทราบภายในสามสิบวันนบั แต่วนั ท่ี ไดร้ ับคาขอจดทะเบยี น มาตรา 24 ในกรณที ีน่ ายทะเบียนไม่รับจดทะเบียนพรรคการเมอื งใหน้ ายทะเบยี นแจง้ เป็นหนงั สือให้ผ้ทู ่ีได้รับ เลือกตงั้ เปน็ หัวหน้าพรรคการเมืองตาม มาตรา 21 ทราบภายในสามสบิ วนั นับแต่วนั ทไี่ ด้รับคาขอจดทะเบยี น ผทู้ ี่ไดร้ ับเลือกตั้ง เปน็ หัวหนา้ พรรคการเมอื งตาม มาตรา 21 มีสิทธิยน่ื คาร้องเพื่อให้ ศาลฎีกาวนิ ิจฉยั ชข้ี าดว่าการไม่ ยอมรับ จดทะเบียนพรรคการเมอื งเป็นไปโดยมชิ อบ และขอใหส้ ั่ง ให้รบั จดทะเบยี น คาร้องตามวรรคสองให้ ยืน่ ต่อศาลแพ่งภายใน กาหนดสามสิบวนั นบั แตว่ ันทไ่ี ด้รบั หนงั สือ แจ้งการไมร่ บั จดทะเบียน และใหน้ า มาตรา 13 วรรคสองและวรรคสี่มาใชบ้ งั คับโดยอนุโลม มาตรา 25 การจดทะเบียนพรรคการเมืองน้นั ใหป้ ระกาศราชกิจจานเุ บกษาโดยระบุที่ พรรคการเมือง ภาพ เครอื่ งหมายพรรคการเมือง ท่ีตัง้ สานักงานใหญข่ องพรรคการเมือง นโยบายของพรรคการเมือง และชอ่ื ของหัวหนา้ พรรค การเมือง รองหัวหนา้ พรรคการเมอื ง เลขาธิการพรรคการเมือง รองเลขาธกิ ารพรรคการเมือง และกรรมการบรหิ ารอนื่ ของ พรรคการเมอื ง สรุปผลการจัดกิจกรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาทกั ษะชีวติ งบประมาณปี 2563

11 มาตรา 26 สมาชิกภาพของสมาชกิ ส้นิ สดุ ลง เมอ่ื (1) ตาย (2) ลาออก (3) พรรคการเมอื งส่งั ใหอ้ อกตามขอ้ บังคับ (4) ศาลมคี าสั่งยุบเลกิ พรรคการเมืองท่ีผ้นู ั้นเป็นสมาชิก การสิ้นสุดของสมาชกิ ภาพของสมาชิกตาม (3) ในกรณีท่ีสมาชิกผนู้ ัน้ ดารงตาแหน่งเป็น สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร ด้วย ต้องมมี ติด้วยคะแนนเสยี ง ไมน่ อ้ ยกว่าสามในส่ีของทป่ี ระชมุ ร่วมของ คณะกรรมการบริหารของพรรคการเมืองและ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรทส่ี งั กดั พรรคการ เมืองน้ัน การลงมตติ ามวรรคนใี้ ห้ลงคะแนนเสยี งโดยวธิ เี ปิดเผยเทา่ น้ัน มาตรา 27 พรรคการเมอื งใดท่ีมจี านวนสมาชกิ ตง้ั แตห่ น่งึ ร้อยคนข้ึนไปในจังหวดั ใด ประสงค์จะต้ังสาขาพรรค การเมืองข้นึ ในจังหวัดนนั้ ให้หวั หน้าพรรคการเมืองมี หนังสอื แจง้ การ จัดตั้งสาขาพรรคการเมืองต่อนายทะเบียนภายในสิบหา้ วันนบั แต่วนั จดั ตงั้ สาขา พรรคการเมือง หนังสอื แจ้งการจดั ต้ังสาขาพรรคการเมือง ให้เปน็ ไปตามแบบทนี่ ายทะเบยี นกาหนด และ อย่างน้อยจะต้องมีรายการ แสดงทตี่ ั้งสาขาพรรคการเมือง รายชือ่ อาชีพ ที่อยขู่ องสมาชิก ผู้ดาเนินการสาขาพรรคการเมอื งน้ัน เม่อื นายทะเบยี นไดร้ ับ แจ้งการจดั ตัง้ สาขาพรรคการเมือง แล้วใหบ้ ันทึกการจดั ตั้งสาขา พรรคการเมืองน้นั ลงใน ทะเบียนการจดั ต้ังสาขาพรรคการเมือง และให้ออกหนังสือรบั รองการ แจ้งการจัดตง้ั สาขาพรรคการเมืองภายในสบิ ห้าวันนบั แตว่ นั รบั แจ้ง มาตรา 28 เมือ่ มีการเปล่ียนแปลงข้อบังคับ นโยบาย หรือรายการตาม มาตรา 21(4) ทย่ี นื่ ไวใ้ นการจดทะเบียน หรือ รายละเอยี ดทแ่ี จง้ ไว้ในแบบตาม มาตรา 27 ใหห้ ัวหน้าพรรคการเมือง แจง้ การเปลีย่ นแปลงนั้นเป็นหนงั สือตอ่ นายทะเบยี น ภายในสามสบิ วันนับแต่วนั ที่ ได้มกี ารเปล่ียนแปลง เพ่ือให้พิจารณาแก้ไขรายละเอยี ดดังกลา่ ว การเปล่ยี นแปลงตามวรรค หนึง่ จะสมบูรณต์ ่อ เมื่อได้รับแจ้งการยอมรับการเปล่ียนแปลง จากนายทะเบยี น และให้ นา มาตรา 23 และ มาตรา 24 มาใช้บังคับแก่การยอมรับ หรือไม่ยอมรับ การเปล่ยี นแปลงของนายทะเบยี นโดยอนุโลม ถา้ หวั หน้าพรรคการ เมอื งไม่แจ้งการเปลยี่ นแปลง ตามวรรคหนงึ่ ภายในระยะเวลาดังกล่าว ใหน้ ายทะเบียนมีอานาจ ส่ังให้หัวหน้าพรรคการเมืองแจง้ การเปล่ยี นแปลงนัน้ ภาย ในระยะเวลาท่ี กาหนด การแก้ไขรายการท่ี เกีย่ วกับที่ได้ประกาศไว้ตาม มาตรา 25 ให้ประกาศใน ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา 29 ในการปฏิบัติหนา้ ท่ขี องนายทะเบยี นตามหมวดนใี้ ห้นายทะเบียนมีอานาจ เรยี กบคุ คลท่ีเกยี่ วข้องมาให้คา ช้ีแจง หรือให้ส่งเอกสารเพ่ือการตรวจสอบได้ มาตรา 30 ให้พรรคการเมืองท่จี ดทะเบยี นแล้วเป็นนิติบคุ คลมวี ัตถปุ ระสงค์ดาเนินกิจการใน ทางการเมอื ง มาตรา 31 การดาเนินกิจการต่อไปน้ีหลงั จากท่จี ดทะเบียนพรรคการเมืองแลว้ ให้ กระทาโดยที่ประชมุ ใหญ่ของ พรรคการเมือง (1) การเปลี่ยนแปลงนโยบายของพรรคการเมือง (2) การเปลีย่ นแปลงข้อบงั คับของพรรคการเมือง (3) การเลือกต้ังหวั หนา้ พรรคการเมือง รองหัวหน้าพรรคการเมอื ง เลขาธกิ าร พรรคการเมือง รองเลขาธกิ ารพรรค การเมืองและกรรมการบรหิ ารอื่น (4) กจิ การอ่ืนตามที่กาหนดในกฎกระทรวง มาตรา 32 ท่ีประชมุ ใหญ่ของพรรคการเมอื งตอ้ งประกอบด้วยสมาชกิ หรือผู้แทนสมาชกิ ทัง้ นี้ให้เปน็ ไปตามข้อบงั คับ ของพรรคการเมืองแต่ถ้าประกอบด้วยผแู้ ทนสมาชกิ ต้องกาหนด หลักเกณฑ์ วธิ กี ารเลือกต้งั และจานวนผู้แทนสมาชกิ ไวด้ ้วย สรปุ ผลการจดั กจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาทักษะชีวิต งบประมาณปี 2563

12 มาตรา 33 ให้พรรคการเมืองมคี ณะกรรมการบรหิ ารคณะหน่ึงประกอบดว้ ยหวั หนา้ พรรคการเมือง รองหัวหน้า พรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง รองเลขาธกิ าร พรรคการเมือง และกรรมการบริหารอ่ืน อีกไมน่ ้อยกว่าเจ็ดคน ซึ่ง เลือกตง้ั ขึน้ จากสมาชิกโดยที่ ประชมุ ใหญต่ ามหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารที่กาหนดในข้อบงั คับ มีหนา้ ทีด่ าเนนิ กจิ การให้เป็นไปตาม นโยบายของพรรคการเมือง ใหห้ วั หนา้ พรรคการ เมอื งเปน็ ผ้แู ทนของพรรคการเมือง ในกจิ การอันเกีย่ วกบั บุคคลภายนอก เพอื่ การนี้หัวหนา้ พรรคการเมืองจะมอบหมายเป็นหนงั สือใหก้ รรมการบริหาร คนหน่ึงหรือหลายคนทาการแทนก็ได้ มาตรา 34 เมือ่ ปรากฏว่าหัวหนา้ พรรคการเมือง คณะกรรมการบรหิ ารหรอื กรรมการบรหิ าร จัดให้พรรคการเมือง กระทาการใด ๆฝา่ ฝนื นโยบายหรอื ขอ้ บังคบั ของพรรคการเมอื งอันอาจเป็นภัย ตอ่ ความม่ันคงของรฐั หรือขดั ต่อความสงบ เรียบร้อย หรอื ศีลธรรมอนั ดีของประชาชนหรอื การปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อันมพี ระมหากษตั ริยเ์ ป็นประมุขตาม รัฐธรรมนูญ แต่ลักษณะการกระทายังไมร่ ุนแรง จนเป็นสาเหตใุ ห้ต้องยบุ เลิกพรรคการเมืองตาม มาตรา 48 ใหน้ ายทะเบียนมี อานาจเตือนเปน็ หนงั สือ ใหห้ ัวหน้าพรรคการเมืองและคณะกรรมการบริหาร และกรรมการบริหารนัน้ ระงบั หรือจดั การแกไ้ ข การกระทานั้นภายในระยะเวลาทน่ี ายทะเบียนกาหนด ในกรณที ่นี ายทะเบียนเตือนเป็นหนังสอื แกบ่ ุคคล ที่ไมใ่ ช่หวั หน้าพรรค การเมือง ตอ้ งสง่ สาเนาหนังสือนน้ั ให้หัวหน้าพรรคการเมืองทราบโดยเร็ว ถา้ หัวหนา้ พรรคการ เมอื ง คณะกรรมการบริหาร หรือกรรมการบริหารไม่ปฏิบตั ิการดังกลา่ ว ในวรรคหนง่ึ ให้นาย ทะเบยี นมีอานาจยืน่ คารอ้ งเพื่อให้ศาลฎีกามคี าสง่ั ให้ระงบั หรอื จดั การ แก้ไข การกระทาดังกล่าวหรือใหห้ วั หนา้ พรรค การเมือง หรือคณะกรรมการบริหารทั้งคณะหรอื บางคน ออกจากตาแหน่งได้ คารอ้ งตามวรรคสองให้ ยื่นต่อศาลแพ่งและใหน้ า มาตรา 13 วรรคสอง และวรรคส่ี มาใช้บังคบั โดยอนโุ ลม ในกรณีที่ศาลฎีกามีคา สั่งให้หัวหนา้ พรรคการเมือง คณะกรรมการบริหารทง้ั คณะหรอื บางคนออกจากตาแหน่งผ้นู ั้น ไม่มีสิทธิเปน็ กรรมการอกี เว้นแตจ่ ะพน้ กาหนดสองปนี บั แต่วนั ท่ี ศาลฎกี ามคี าสัง่ มาตรา 35 หัวหน้าพรรคการเมืองและผดู้ าเนินกจิ การสาขาพรรคการเมอื ง ต้องจัดให้ ทาบัญชีของพรรคการเมือง หรือสาขาพรรคการเมอื งต่อไปน้ใี ห้ถกู ต้องตามที่เปน็ จริง คือ (1) บญั ชีแสดงจานวนเงนิ ท่พี รรคการเมือง ไดร้ ับและไดจ้ ่ายทงั้ รายการอนั เป็นเหตุให้ รบั หรือจา่ ยเงินหรอื หลักฐาน การรบั เงินและจ่ายเงนิ ทุกครัง้ (2) บัญชีแสดงทรพั ยส์ ินและหนสี้ ินของพรรคการเมือง รายไดแ้ ละทรพั ยส์ ินที่ พรรคการเมอื งไดร้ บั มา โดยไม่ขัดต่อพระราชบัญญัตินี้ ใหไ้ ดร้ บั ยกเว้นการที่จะต้องเสียภาษี ตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 36 หวั หน้าพรรคการเมอื งต้องจดั ให้ทาบญั ชีรายรับรายจ่ายและงบดลุ ของ พรรคการเมืองอยา่ งนอ้ ยคร้งั หน่งึ ทกุ รอบสิบสองเดือนงบดุลต้องมีรายการย่อแสดง จานวนทรัพย์สนิ และหนสี้ นิ ของพรรคการเมือง งบดุลน้ันต้องจัดให้มี ผู้สอบบัญชีคนหน่ึง หรอื หลายคนตรวจสอบแลว้ เพือ่ อนุมตั ิในทป่ี ระชุมใหญ่ ภายในหน่งึ ร้อย ยสี่ บิ วนั นบั แต่วนั ท่ีลงในงบดุลน้ัน ให้ส่งสาเนางบดลุ ไปยงั สมาชิกท่มี ีชอ่ื ในทะเบยี นก่อนวันนดั ประชุมใหญ่ลว่ งหน้าไมน่ ้อยกว่า สามวัน และใหม้ สี าเนา งบดุลเปดิ เผยไว้ท่สี านักงานใหญ่ของพรรคการเมืองเพือ่ ให้สมาชิก ตรวจดู ไดด้ ้วย เมื่อทีป่ ระชมุ ใหญ่รบั รองงบดุลแลว้ ใหส้ ง่ งบดลุ นั้นต่อนายทะเบยี นภายในสิบหา้ วนั มาตรา 37 หวั หนา้ พรรคการเมอื ง กรรมการบริหาร ผดู้ าเนินกิจการสาขาพรรคการเมือง สมาชิกหรือบคุ คลใด ๆ ใน พรรคการเมอื งท่ีเก่ียวข้องตอ้ งอานวยความสะดวกแก่ผสู้ อบบัญชตี ามที่จาเป็น สรปุ ผลการจดั กจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาทกั ษะชีวิต งบประมาณปี 2563

13 มาตรา 38 ห้ามมใิ ห้ผู้ใดให้เงิน ทรพั ยส์ ินหรือประโยชน์อื่นใดแก่พรรคการเมืองใดหรือ สมาชกิ ผูใ้ ดเพื่อเปน็ การจูงใจ ใหพ้ รรคการเมืองหรือสมาชกิ ระทาการอันเป็นการ บ่อนทาลาย ความมนั่ คงของราชอาณาจกั ร ราชบลั ลงั ก์ เศรษฐกจิ ของ ประเทศหรือราชการแผน่ ดิน หรอื กระทาการอันเป็นการก่อกวนหรอื คกุ คามความสงบเรียบรอ้ ยหรือศีลธรรมอันดีของ ประชาชน หรือกระทาการอันเปน็ การทาลายทรัพยากรของประเทศหรือเปน็ การบ่ันทอนสขุ ภาพ อนามัยของประชาชน มาตรา 39 ห้ามมิใหพ้ รรคการเมืองใดหรอื สมาชิกผ้ใู ดรับเงินทรัพยส์ นิ หรอื ประโยชน์ อืน่ ใดจากผใู้ ด เพื่อกระทาการ อันเปน็ การบ่อนทาลายความมั่นคงของราชอาณาจักร ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศหรือราชการแผ่นดิน หรือกระทา การอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคาม ความสงบเรยี บร้อยหรือศลี ธรรมอนั ดีของประชาชน หรือกระทาการอันเปน็ การทาลาย ทรัพยากร ของประเทศหรอื เป็นการบ่นั ทอนสขุ ภาพอนามัยของประชาชน มาตรา 40 หา้ มมใิ ห้พรรคการเมืองใด หรอื สมาชิกผูใ้ ดรับเงินทรัพย์สิน หรอื ประโยชน์ อ่ืนใดเพื่อดาเนินกิจการพรรค การเมืองหรอื เพื่อดาเนินกิจการทางการเมืองจาก (1) บคุ คลผู้ไมม่ ีสญั ชาติไทย (2) นติ บิ คุ คลตามกฎหมายต่างประเทศท่ีประกอบธรุ กจิ หรอื กจิ การหรือจดทะเบยี นสาขา อยใู่ นประเทศไทยหรือ นอกประเทศไทย (3) นิตบิ คุ คลทจ่ี ดทะเบยี นในประเทศไทย ซ่งึ มีบคุ คลผู้ไม่มีสัญชาตไิ ทยมที ุนหรือเปน็ ผู้ถือหนุ้ เกินร้อยละย่ีสบิ ห้า (4) องค์การหรอื นิติบุคคลท่ีได้รบั ทนุ จากตา่ งประเทศ ซึง่ มวี ัตถุประสงคด์ าเนนิ กจิ การ เพื่อประโยชน์ของบคุ คลผไู้ ม่มี สัญชาติไทย หรอื มีผู้จัดการ หรอื กรรมการเปน็ บคุ คลผูไ้ ม่มสี ัญชาตไิ ทย (5) บุคคล องค์การ หรอื นิติบุคคลที่ไดร้ ับเงนิ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อน่ื ใด เพ่ือ ดาเนินกจิ การพรรคการเมืองหรอื เพ่อื ดาเนนิ กิจการทางการเมืองจากบุคคล องค์การ หรือ นติ ิบคุ คลตาม (1) (2) (3) หรือ (4) มาตรา 41 ห้ามมิให้พรรคการเมืองใดรบั บคุ คลซ่ึงไมม่ ีสญั ชาติไทยโดยการเกิดเข้าเป็น สมาชกิ หรอื ดารงตาแหน่งใด ๆ ในพรรคการเมืองหรอื ยอมให้กระทาการอยา่ งใดอยา่ งหนึ่งเพอ่ื ประโยชน์ของพรรคการเมอื ง มาตรา 42 ห้ามมใิ ห้บคุ คล องคก์ าร หรือนิตบิ ุคคลตาม มาตรา 40 (1) (2) (3) (4) หรอื (5) ใหเ้ งิน ทรัพยส์ ิน หรือ ประโยชนอ์ น่ื ใดแกพ่ รรคการเมืองใด หรือสมาชิกผูใ้ ดเพื่อ ดาเนินกจิ การพรรคการเมืองหรือเพ่ือดาเนินกจิ การทางการเมือง มาตรา 43 ห้ามมใิ ห้ผไู้ ม่มสี ัญชาตไิ ทยโดยการเกิดเขา้ เป็นสมาชิกหรือดารงตาแหนง่ ใด ๆ ในพรรคการเมือง หรอื ร่วม กระทาการอย่างใดอย่างหนง่ึ ในการดาเนนิ กจิ การของพรรคการเมือง มาตรา 44 ห้ามมใิ ห้ผใู้ ดเปน็ สมาชิกของพรรคการเมืองในขณะเดยี วกันเกินกว่าหนึง่ พรรคการเมือง การลาออกจากสมาชกิ ให้ถือว่า สมบูรณ์ เม่อื ไดย้ ่ืนใบลาออกต่อหวั หนา้ พรรคการเมอื ง มาตรา 45 หา้ มมิให้ผใู้ ดใชช้ ่อื หรอื ถอ้ ยคาในประการทน่ี ่าจะทาใหป้ ระชาชนเข้าใจว่าเป็น พรรคการเมอื ง หรือใชช้ อ่ื ที่ มอี กั ษรไทยประกอบวา่ \"พรรคการเมือง\" หรอื อักษรตา่ งประเทศ ซ่ึง แปลหรืออ่านวา่ \"พรรคการเมือง\" ในดวงตราปา้ ย ชอ่ื จดหมาย ใบแจ้งความหรอื เอกสารอย่างอ่นื โดยมิได้เป็นพรรคการเมือง เวน้ แต่ได้ใช้มาก่อนและขอจัดตั้งหรอื จดทะเบียน พรรคการเมอื ง ภายใน เก้าสิบวนั นับแต่วนั ทพ่ี ระราชบญั ญัตินใี้ ช้บงั คับ มาตรา 46 พรรคการเมอื งย่อมเลกิ ดว้ ยเหตใุ ดเหตหุ นึ่งดังต่อไปน้ี (1) มเี หตตุ ้องเลิกตามขอ้ บงั คับของพรรคการเมือง (2) มจี านวนสมาชิกเหลอื ไม่ถึงหา้ พนั คน หรือมีสมาชกิ ซง่ึ มีทอ่ี ยูใ่ นจังหวดั ตา่ ง ๆ จงั หวัดละห้าสบิ คนไม่ถึงหา้ จงั หวัด ของแตล่ ะภาคท้งั น้ี เปน็ เวลาติดต่อกนั หกเดือน (3) ไม่ส่งหรอื ส่งสมาชิกสมัคร รับเลือกตง้ั เปน็ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรในการเลือกตั้ง ท่ัวไปไม่ถึงก่งึ หน่งึ ของจานวน สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรทจี่ ะพึงมีได้ สรปุ ผลการจดั กจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

14 (4) มีคาสั่งศาลส่ังยุบเลกิ พรรคการเมืองตาม มาตรา 48 (5) ไมด่ าเนินการให้เปน็ ไปตาม มาตรา 31 หรือ มาตรา 32 เมื่อมีกรณีที่พรรคการเมืองใดต้องเลิกตามวรรคหน่ึง นอกจาก (4) ใหผ้ ้ซู ึง่ เปน็ หัวหน้า พรรคการเมืองแจ้งตอ่ นาย ทะเบียนภายในเจด็ วนั นับแตว่ ันทีพ่ รรคการเมืองเลกิ เม่ือนายทะเบียนไดร้ ับ แจง้ ตามวรรคสอง หรอื กรณีปรากฏตอ่ นายทะเบียน ให้ นายทะเบยี นดาเนินการสอบสวน และย่ืนคาร้องเพ่ือใหศ้ าลฎกี ามคี าสงั่ ยุบเลิกพรรค การเมือง ดังกลา่ ว คาร้องตามวรรคสองให้ ย่นื ต่อศาลแพง่ และใหน้ า มาตรา 13 วรรคสองและวรรคสี่มา ใช้บงั คบั โดยอนโุ ลม ในกรณีท่ีศาลฎีกามีคา สัง่ ให้ยุบเลิกพรรคการเมืองใดแลว้ ใหน้ ายทะเบียนประกาศคาส่งั การยบุ เลิกพรรคการเมือง นั้นในราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา 47 เมือ่ พรรคการเมืองกระทาการดังตอ่ ไปนี้ อาจถูกศาลสั่งยุบเลกิ (1) กระทาการอันอาจเป็นปฏิปกั ษต์ ่อ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มี พระมหากษัตรยิ เ์ ปน็ ประมขุ ตาม รฐั ธรรมนูญ (2) กระทาการอันอาจเปน็ ภัยต่อความมน่ั คงของรัฐ ขัดตอ่ กฎหมาย หรือ ความสงบเรยี บรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอันดีของ ประชาชน หรอื (3) การกระทาการฝ่าฝืน มาตรา 39 มาตรา 40 หรือ มาตรา 41 มาตรา 48 เมอื่ ปรากฏต่อนายทะเบยี นวา่ พรรคการเมืองใดกระทาการตาม มาตรา 47 หรอื ไดร้ ับแจ้งจากคณะ กรรมการบรหิ ารของพรรคการเมอื งวา่ พรรคการเมืองใดกระทาการ ตาม มาตรา 47 ใหแ้ จง้ ตอ่ อธบิ ดีกรมอัยการพรอ้ มดว้ ย หลกั ฐานถา้ อธิบดีกรมอัยการเหน็ สมควร กใ็ หย้ ื่นคาร้องเพ่อื ใหศ้ าลฎีกามีคาสั่งยุบเลิกพรรคการเมืองดงั กลา่ ว คาร้องตามวรรคหนึง่ ให้ ย่นื ต่อศาลแพ่งและใหน้ า มาตรา 13 วรรคสอง และวรรคส่ี มา ใชบ้ ังคบั โดยอนุโลม ในกรณีท่ีศาลฎกี ามีคาส่ังให้ยุบเลิกพรรคการเมืองใดแล้ว ใหน้ ายทะเบียนประกาศคาส่งั การยุบเลกิ พรรคการเมอื ง น้ันในราชกจิ จานเุ บกษา หากนายทะเบียนเห็น สมควรจะให้ระงับ การดาเนนิ การของพรรคการเมืองซ่งึ กระทาการ ตาม มาตรา 47 ใหน้ าย ทะเบียนแจง้ ตอ่ อธบิ ดีกรมอยั การขอให้ ศาลฎีกาสัง่ ระงบั การกระทาดงั กลา่ ว ของพรรคการเมอื งไวเ้ ปน็ การช่วั คราวดว้ ยก็ได้ มาตรา 49 ในกรณีที่พรรคการเมืองเลิกตาม มาตรา 46 ใหส้ านักงานตรวจเงินแผน่ ดิน เปน็ ผชู้ าระบญั ชี เมื่อไดห้ กั หนส้ี นิ และคา่ ใช้จา่ ยในการชาระบญั ชแี ล้ว ยังมีทรัพย์ในเหลืออยู่เท่าใด ให้โอนให้แก่องคก์ ารสาธารณกุศลตามท่รี ะบุไวใ้ น ขอ้ บงั คบั ของพรรคการเมือง ถา้ ในข้อบังคับ ไม่ได้ระบุ ก็ให้ทรพั ย์สินทเี่ หลอื นัน้ ตกเป็นของรฐั มาตรา 50 ผูใ้ ดเพื่อประโยชนใ์ นการจัดตั้งพรรคการเมือง แจง้ รายนามสมาชิกตาม มาตรา 21 โดยรูอ้ ยวู่ า่ เป็นความ เทจ็ ประกาศหรอื โฆษณาเชิญชวนผ้ใู ดเข้าเปน็ สมาชกิ โดยไม่มี หนังสอื รับรองการแจง้ หรือประกาศโฆษณาเชิญชวนให้ผิดไป จากรายการในหนังสอื เชญิ ชวนซ่ึง ขอ้ ความในประกาศหรอื ข้อความน้ันเป็นภัยตอ่ ความม่ันคงของรัฐหรอื ขัดตอ่ กฎหมาย หรือ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มี พระมหากษัตริย์เปน็ ประมุข ตามรัฐธรรมนญู ตอ้ งระวางโทษปรับไม่เกินสองหมืน่ บาท มาตรา 51 หัวหน้าพรรคการเมืองผูใ้ ดไมป่ ฏิบตั ติ าม มาตรา 27 วรรคหนึ่ง หรือ มาตรา 28 วรรคหนงึ่ ต้องระวาง โทษปรบั ไมเ่ กนิ หา้ พันบาท มาตรา 52 หวั หน้าพรรคการเมืองผู้ใดไมป่ ฏบิ ัตติ ามคาส่งั ของนายทะเบียนซึ่งสั่งตาม มาตรา 28 วรรคสาม ตอ้ ง ระวางโทษปรับไมเ่ กนิ หนึ่งหมื่นบาท มาตรา 53 ผู้ใดไมป่ ฏบิ ัติตามคาสง่ั ของนายทะเบยี นซ่ึงสั่งตาม มาตรา 29 ตอ้ งระวางโทษ ปรับไม่เกินห้าพนั บาท สรุปผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาทกั ษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

15 มาตรา 54 หวั หน้าพรรคการเมอื งหรือผดู้ าเนนิ กิจการสาขาพรรคการเมอื งผูใ้ ดไม่จดั ให้ ทาบัญชีตาม มาตรา 35 หรอื ไม่จัดให้ทาบัญชีรายรับรายจ่ายและงบดลุ ตาม มาตรา 36 ต้องระวางโทษ ปรบั ไม่เกินสองหมืน่ บาท มาตรา 55 หวั หนา้ พรรคการเมือง กรรมการบริหาร ผ้ดู าเนินกจิ การสาขาพรรคการเมือง สมาชิกหรือบคุ คลใด ไม่ อานวยความสะดวกแก่ผูส้ อบบญั ชตี าม มาตรา 37 ต้องระวางโทษปรับไมเ่ กิน หนึ่งหม่ืนบาท มาตรา 56 ผใู้ ดมหี น้าท่ีในการจัดทาบญั ชขี องพรรคการเมอื งตาม มาตรา 35 ละเวน้ การลงรายการในบญั ชีลง รายการเทจ็ ในบัญชี แกไ้ ขบัญชี หรือซอ่ นเร้น หรือทาหลกั ฐานใน การลงบัญชีอนั จะเป็นผลให้การแสดงที่มาของรายได้และ การใชจ้ า่ ยของพรรคการ เมืองไม่ถูกต้อง ตามท่ีเปน็ จรงิ ต้องระวางโทษปรับไม่เกนิ หนงึ่ แสนบาท มาตรา 57 หวั หนา้ พรรคการเมอื ง หรอื ผดู้ าเนินกจิ การสาขาพรรคการเมืองผู้ใด โดยทจุ ริตไมป่ ฏบิ ัติตาม มาตรา 35 หรอื มาตรา 36 ตอ้ งระวางโทษปรบั ต้งั แตส่ องหมืน่ บาท ถงึ หน่งึ แสนบาท มาตรา 58 ผู้ใดฝา่ ฝนื มาตรา 38 ต้องระวางโทษจาคกุ ตงั้ แต่หน่งึ ปถี งึ ห้าปี หรอื ปรบั ต้งั แต่หนงึ่ แสนบาทถึงห้าแสน บาท หรือทั้งจาท้งั ปรบั มาตรา 59 กรรมการบรหิ ารผู้ดาเนินกจิ การสาขาพรรคการเมืองหรือสมาชิกผ้ใู ดจดั ให้ พรรคการเมืองกระทาการฝา่ ฝืน มาตรา 39 หรอื มาตรา 40 ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแตส่ องปี ถึงสบิ ปี หรือปรับตง้ั แตส่ องแสนบาทถึงหน่งึ ลา้ นบาท หรอื ทัง้ จาทั้งปรบั มาตรา 60 กรรมการบรหิ าร หรือผดู้ าเนนิ กิจการสาขาพรรคการเมืองผู้ใดรู้อย่แู ล้วแต่ จัดให้พรรคการเมืองกระทา การฝ่าฝนื มาตรา 41 ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกนิ สองปี หรือปรับไม่ เกนิ สหี่ มนื่ บาทหรอื ท้งั จาทัง้ ปรับ มาตรา 61 ผูใ้ ดฝ่าฝนื มาตรา 42 ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินสบิ ปี หรอื ปรบั ไม่เกิน หนึง่ ล้านบาท หรือท้งั จาทง้ั ปรับ และถา้ ผู้ฝา่ ฝนื ใดไมม่ สี ญั ชาติไทย ใหร้ ฐั มนตรวี ่าการ กระทรวงมหาดไทยส่ังเนรเทศออกจากประเทศไทยดว้ ย มาตรา 62 ผู้ใดฝา่ ฝืน มาตรา 43 ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินสองปี หรือปรบั ไมเ่ กินสี่ หมื่นบาท หรอื ท้ังจาทงั้ ปรับ และถา้ ผู้ฝ่าฝืนใดไมม่ สี ัญชาติไทยโดยการเกดิ ใหร้ ัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทยสง่ั เพิกถอนสัญชาติไทยและเนรเทศออก จากประเทศไทยด้วย มาตรา 63 ผ้ใู ดฝา่ ฝนื มาตรา 44 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรบั ไม่เกินหน่ึงหม่นื บาท มาตรา 64 ผูใ้ ดฝ่าฝืน มาตรา 45 ตอ้ งระวางโทษปรบั ต้ังแต่หน่งึ หมื่นบาทถึงหน่งึ แสนบาท และปรับอีกวนั ละสองรอ้ ย บาท จนกว่าจะเลกิ ใช้ มาตรา 65 หัวหนา้ พรรคการเมอื งผ้ใู ดไม่ปฏบิ ตั ติ าม มาตรา 46 วรรคสอง ต้องระวางโทษ ปรบั ไมเ่ กินหา้ พนั บาท มาตรา 66 ผู้ใดโดยเจตนาสมคบกนั ตง้ั แตส่ ิบห้าคนข้ึนไปดาเนนิ กจิ การเช่นเดยี วกับ พรรคการเมืองหรอื เขา้ ลักษณะ เปน็ พรรคการเมืองโดยมิไดจ้ ดทะเบียนพรรคการเมือง เว้นแต่ ในกรณดี าเนนิ กจิ การเพื่อขอจดั ต้ังหรือจดทะเบยี นพรรค การเมือง ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน สิบปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ สองแสนบาท สรุปผลการจดั กจิ กรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาทักษะชีวติ งบประมาณปี 2563

16 บทท่ี 3 วธิ ีดำเนนิ งำน การดาเนนิ โครงการอบรมใหค้ วามร้กู ฎหมายในชวี ิตประจาวัน ได้ดาเนนิ การตามขนั้ ตอนต่างๆ ดงั น้ี 1. ขัน้ เตรียมกำร  กำรศกึ ษำเอกสำรทเี่ ก่ียวข้องกับโครงกำรอบรมให้ควำมรกู้ ฎหมำยในชีวิตประจำวัน ผู้รบั ผิดชอบโครงการได้ศกึ ษาคน้ คว้าเอกสารทเ่ี กีย่ วข้องเพ่ือเป็นข้อมลู และแนวทางในการดาเนินการโครงการอบรม ใหค้ วามรู้กฎหมายในชวี ิตประจาวนั ดังนี้ 1. ศกึ ษาเอกสาร / คู่มือ ข้อมูลจากหนงั สอื เกย่ี วกับความรู้กฎหมายในชีวติ ประจาวัน เพ่ือเป็นแนวทางเกยี่ วกบั การ จัดโครงการอบรมใหค้ วามรู้กฎหมายในชีวติ ประจาวัน 2. ศึกษาขัน้ ตอนการดาเนินโครงการอบรมให้ความรู้กฎหมายในชีวิตประจาวนั เพอ่ื เป็นแนวทางในการจดั เตรียมงาน วัสดุอปุ กรณ์ และบุคลากรใหเ้ หมาะสม  กำรสำรวจควำมตอ้ งกำรของประชำชนในพ้นื ที่ (ตำมนโยบำยของรัฐบำล) กลมุ่ ภารกิจ การจัดการศึกษานอกระบบ มอบหมายให้ ครู กศน.ตาบล สารวจความตอ้ งการของ กลุ่มเปา้ หมายเพ่ือทราบความต้องการท่ีแท้จรงิ ของประชาชนในตาบล และมีข้อมลู ในการจดั กจิ กรรมท่ีตรงกับความต้องการ ของชมุ ชน  กำรประสำนงำนผูน้ ำชมุ ชน / ประชำชน /วทิ ยำกร 1. ครู กศน.ตาบล ได้ประสานงานกบั หัวหนา้ /ผูน้ าชมุ ชนและประชาชนในตาบลเพ่ือรว่ มกันปรกึ ษาหารือใน กลุ่มเก่ียวกับการดาเนินการจัดโครงการใหต้ รงกับความตอ้ งการของชมุ ชน 2. ครู กศน.ตาบล ได้ประสานงานกับหนว่ ยงานทเี่ กย่ี วข้องเพอื่ จัดหาวิทยากร  กำรประชำสัมพันธ์โครงกำรฯ ครู กศน.ตาบล ได้ดาเนินการประชาสมั พันธก์ ารจัดโครงการอบรมใหค้ วามรกู้ ฎหมายในชีวติ ประจาวัน เพ่ือใหป้ ระชาชนทราบข้อมลู การจดั กิจกรรมดงั กลา่ วผ่านผนู้ าชุมชน  ประชุมเตรียมกำร / วำงแผน 1) ประชุมปรึกษาหารือผู้ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง 2) เขยี นโครงการ วางแผนมอบหมายงานใหฝ้ ่ายตา่ งๆ เตรียมดาเนินการ 3) มอบหมายหน้าที่ แต่งตงั้ คณะทางาน  กำรรบั สมคั รผเู้ ขำ้ ร่วมโครงกำรฯ ครู กศน.ตาบล ได้รบั สมัครผู้เข้าร่วมโครงการอบรมให้ความรู้กฎหมายในชวี ติ ประจาวนั โดยให้ประชาชน ทัว่ ไปที่อาศยั อยู่ในพน้ื ที่ตาบลกฏุ โง้ง เขา้ รว่ ม เปา้ หมายจานวน 20 คน  กำรกำหนดสถำนท่ีและระยะเวลำดำเนนิ กำร ครู กศน.ตาบล ได้กาหนดสถานที่ในการจดั อบรมคือ กศน.ตาบลกฎุ โง้ง หมู่ท6ี่ ตาบลกุฎโง้ง อาเภอพนัสนคิ ม จงั หวดั ชลบรุ ี ในวนั ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563 จานวน 1 วัน เวลา 08.30-12.00 น. สรุปผลการจัดกิจกรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาทักษะชวี ติ งบประมาณปี 2563

17 2. ข้ันดำเนินงำน  กลุ่มเป้ำหมำย กล่มุ เป้าหมายของโครงการอบรมให้ความรกู้ ฎหมายในชวี ิตประจาวัน -ประชาชนตาบลกฎุ โง้ง จานวน 20 คน  สถำนที่ดำเนินงำน ครู กศน.ตาบลกฎุ โงง้ จดั กจิ กรรมโครงการอบรมให้ความรู้กฎหมายในชวี ติ ประจาวนั โดยจดั กจิ กรรมอบรมให้ความรู้ ในวันท่ี 7 มถิ ุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 08.30-12.30 น. ณ กศน.ตาบลกฎุ โง้ง หมู่ที่6 ตาบลกุฎโงง้ อาเภอพนัสนคิ ม จังหวัดชลบรุ ี  กำรขออนมุ ตั แิ ผนกำรจัดกิจกรรมกำรศึกษำเพ่อื พัฒนำทกั ษะชีวิต กศน.ตาบลกุฎโง้ง ไดด้ าเนนิ การขออนุมัตแิ ผนการจัดกจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาทักษะชีวิต โครงการ อบรมให้ความรู้กฎหมายในชีวติ ประจาวนั ตอ่ สานักงาน กศน.จงั หวัดชลบุรี เพือ่ ให้ตน้ สังกัดอนุมตั ิแผนการจดั กิจกรรม การศกึ ษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวติ  กำรจดั ทำเครื่องมือกำรวัดควำมพงึ พอใจของผรู้ ว่ มกิจกรรม เคร่อื งมอื ที่ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงการ ได้แก่ แบบประเมนิ ความพึงพอใจ  ข้ันดำเนนิ กำร / ปฏิบตั ิ 1. เสนอโครงการเพือ่ ขอความเห็นชอบ/อนุมัตจิ ากต้นสงั กัด 2. วางแผนการจัดกจิ กรรมในโครงการอบรมให้ความรู้กฎหมายในชวี ติ ประจาวนั โดยกาหนดตารางกจิ กรรมที่กาหนดการ 3. มอบหมายงานใหแ้ กผ่ ูร้ ับผิดชอบฝ่ายต่างๆ 4. แตง่ ตง้ั คณะกรมการดาเนนิ งาน 5. ประชาสัมพนั ธ์โครงการอบรมใหค้ วามรูก้ ฎหมายในชีวติ ประจาวัน 6. จดั กจิ กรรมโครงการอบรมให้ความรกู้ ฎหมายในชวี ิตประจาวัน ตามตารางกิจกรรมท่ีกาหนดการ 7. ตดิ ตามและประเมนิ ผลโครงการอบรมใหค้ วามรู้กฎหมายในชวี ิตประจาวัน 3. กำรประเมินผล  วิเครำะห์ข้อมูล 1. บนั ทกึ ผลการสงั เกตจากผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรม 2. วเิ คราะห์ผลจากการประเมินในแบบประเมนิ ความพงึ พอใจ 3. รายงานผลการปฏิบัติงานรวบรวมสรุปผลการปฏิบตั ิงานของโครงการนาเสนอต่อผู้บริหารนาปัญหา ขอ้ บกพร่องไปแก้ไขคร้ังตอ่ ไป สรุปผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาทกั ษะชวี ติ งบประมาณปี 2563

18  คำ่ สถิติทใี่ ช้ การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าสถิติร้อยละในการประมวลผลข้อมูลส่วนตัวและตัวช้ีวัดความสาเร็จของโครงการ ตามแบบสอบถามคดิ เปน็ รายขอ้ โดยแปลความหมายค่าสถติ ริ ้อยละออกมาได้ดงั นี้ ค่าสถติ ริ ้อยละ 90 ขึ้นไป ดมี าก ค่าสถิติรอ้ ยละ 75 – 89.99 ดี ค่าสถิติรอ้ ยละ 60 – 74.99 พอใช้ คา่ สถิตริ อ้ ยละ 50 – 59.99 ปรบั ปรุง คา่ สถิติร้อยละ 0 – 49.99 ปรบั ปรงุ เร่งดว่ น ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นรายข้อซึ่งมีลักษณะเป็นค่าน้าหนักคะแนน และ นามาเปรยี บเทยี บ ได้ระดับคณุ ภาพตามเกณฑ์การประเมนิ ดังนี้ เกณฑ์การประเมนิ (X) ค่าน้าหนกั คะแนน 4.50 – 5.00 ระดบั คณุ ภาพ คือ ดีมาก ค่านา้ หนกั คะแนน 3.75 – 4.49 ระดบั คุณภาพ คือ ดี ค่าน้าหนกั คะแนน 3.00 – 3.74 ระดบั คณุ ภาพ คือ พอใช้ ค่านา้ หนกั คะแนน 2.50 – 2.99 ระดบั คุณภาพ คอื ต้องปรับปรงุ ค่าน้าหนักคะแนน 0.00 – 2.49 ระดับคณุ ภาพ คอื ต้องปรับปรุงเรง่ ดว่ น สรปุ ผลการจดั กจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาทักษะชวี ติ งบประมาณปี 2563

19 บทท่ี 4 ผลกำรดำเนนิ งำนและกำรวิเครำะห์ขอ้ มลู ตอนท่ี 1 รำยงำนผลกำรจดั กิจกรรมโครงกำรอบรมให้ควำมรูก้ ฎหมำยในชีวิตประจำวนั การจัดกจิ กรรมโครงการอบรมให้ความรกู้ ฎหมายในชีวติ ประจาวนั สรปุ รายงานผลการจัดกิจกรรมไดด้ งั นี้ ในการจดั กจิ กรรมอบรมให้ความรู้ตามโครงการอบรมให้ความรกู้ ฎหมายในชวี ติ ประจาวัน เป็นการอบรมให้ ความรู้ โดยมี นายประกาย รตั นมณี เปน็ วทิ ยากรในการบรรยายให้ความรู้ เรือ่ ง กฎหมายในชวี ติ ประจาวันทีป่ ระชาชนควร รู้หลังจากเสร็จส้นิ กิจกรรมดังกล่าวแลว้ ผู้เขา้ รว่ มกิจกรรม มคี วามรู้ ความเข้าใจกฎหมายท่เี กย่ี วข้องในชีวิตประจาวัน และนา ความรทู้ ีไ่ ด้รับมาปรับใช้ในชีวิตประจาวนั ตอนท่ี 2 รำยงำนผลควำมพึงพอใจของโครงกำรอบรมให้ควำมรู้กฎหมำยในชีวิตประจำวัน การจัดกิจกรรมโครงการอบรมให้ความรู้กฎหมายในชวี ติ ประจาวัน ซึ่งสรปุ รายงานผลจากแบบสอบถามความคดิ เหน็ ข้อมูลท่ีไดส้ ามารถวเิ คราะหแ์ ละแสดงค่าสถิติ ดังน้ี ตำรำงท่ี 1 ผูเ้ ข้าร่วมโครงการทีต่ อบแบบสอบถามไดน้ ามาจาแนกตามเพศ รำยละเอียด เพศ หญงิ ชาย 16 72.72 จานวน (คน) 6 ร้อยละ 27.28 จากตารางท่ี 1 พบว่าผตู้ อบแบบสอบถามท่เี ข้าร่วมกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวติ โครงการอบรมให้ความรู้กฎหมายในชีวิตประจาวนั เปน็ ชาย 6 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 27.28 และเป็นหญงิ จานวน 16 คน คดิ เป็นร้อยละ 72.72 ตำรำงที่ 2 ผเู้ ข้าร่วมโครงการที่ตอบแบบสอบถามไดน้ ามาจาแนกตามอายุ รายละเอยี ด อายุ (ปี) อายุ 15-29 30 - 39 40 - 49 50-59 60 ขนึ้ ไป 10 8 จานวน (คน) 1 1 2 45.45 36.36 รอ้ ยละ 4.55 4.55 9.09 จากตารางที่ 2 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามทีเ่ ขา้ ร่วมกจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชวี ติ โครงการอบรมใหค้ วามรู้กฎหมายในชวี ิตประจาวัน มอี ายุ 15-29 ปี จานวน 1 คน คดิ เป็นร้อยละ 4.55 มีอายุ 30 – 39 ปี จานวน 1 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 4.55 มอี ายุ 40 – 49 ปี จานวน 2 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 9.09 มีอายุ 50 – 59 ปี จานวน 10 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 45.45 และมีอายุ 60 ปีขน้ึ ไป จานวน 8 คน คิดเปน็ ร้อยละ 36.36 สรปุ ผลการจัดกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาทกั ษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

20 ตำรำงที่ 3 ผู้เขา้ รว่ มโครงการทต่ี อบแบบสอบถามไดน้ ามาจาแนกตามอาชีพ รำยละเอียด เกษตรกรรม รับจา้ ง อำชพี ค้าขาย อ่ืนๆ รับราชการ/รัฐวสิ าหกิจ - 3 - 13.64 จานวน (คน) 2 17 - รอ้ ยละ 9.09 77.27 - จากตารางท่ี 3 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามทเี่ ขา้ รว่ มกิจกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต โครงการอบรมให้ความรู้กฎหมายในชวี ติ ประจาวัน มอี าชีพเกษตรกรรม จานวน 1 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 9.09 มอี าชพี รับจ้าง จานวน 17 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 77.27 และอาชีพอน่ื ๆ จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 13.64 ตำรำงท่ี 4 ผู้เข้าร่วมโครงการที่ตอบแบบสอบถามได้นามาจาแนกตามระดบั การศึกษา รำยละเอยี ด ระดบั กำรศึกษำ การศึกษา ประถม ม.ตน้ ม.ปลาย/ปวช. ปวส./ป.ตรีขนึ้ ไป 8 จานวน (คน) - 5 9 36.36 ร้อยละ - 22.73 40.91 จากตารางที่ 4 พบวา่ ผ้ตู อบแบบสอบถามทเ่ี ข้าร่วมกิจกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทกั ษะชีวติ โครงการอบรมให้ความรู้กฎหมายในชีวติ ประจาวัน มีระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น จานวน 5 คน คิดเปน็ ร้อยละ 22.73 มีระดับ มธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 9 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 40.91 และมีระดบั ปวส./ป.ตรี ขน้ึ ไป จานวน 8 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 36.36 ตำรำงท่ี 5 แสดงค่าร้อยละเฉล่ียความสาเรจ็ ของตัวช้วี ัด ผลผลติ ประชาชนทั่วไป เขา้ รว่ มโครงการจานวน 22 คน ผลสำเร็จของโครงกำร เป้ำหมำย(คน) ผเู้ ข้ำรว่ มโครงกำร(คน) คิดเปน็ ร้อยละ 20 22 100 จากตารางที่ 5 พบวา่ ผลสาเร็จของตัวช้วี ดั ผลผลติ กิจกรรมการศึกษาเพอื่ พัฒนาทักษะชวี ติ โครงการอบรมใหค้ วามรู้กฎหมายในชีวติ ประจาวัน มผี เู้ ขา้ ร่วมโครงการ จานวน 22 คน คิดเปน็ ร้อยละ 100 ซง่ึ บรรลุ เปา้ หมายด้านตัวช้วี ดั ผลผลิต สรุปผลการจัดกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาทักษะชีวิต งบประมาณปี 2563

21 ตำรำงท่ี 6 ค่าเฉลีย่ และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานความพงึ พอใจของผ้เู ขา้ รว่ มกิจกรรมที่มีความพงึ พอใจต่อโครงการอบรมให้ ความรกู้ ฎหมายในชีวติ ประจาวนั ในภำพรวม รายการ ค่าเฉลย่ี สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน ระดับ ความพึงพอใจ ดา้ นบริหารจดั การ () () ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4.50 0.63 ดีมาก ดา้ นประโยชนท์ ่ไี ด้รบั 4.51 0.53 ดีมาก รวมทกุ ดา้ น 4.66 0.48 ดีมาก 4.56 0.55 ดีมาก จากตารางท่ี 6 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามทม่ี ีความพึงพอใจตอ่ โครงการอบรมให้ความรู้กฎหมายในชีวติ ประจาวนั ในภาพรวมอยู่ในระดบั ดีมาก (=4.50) เมือ่ พิจารณาเป็นรายดา้ น พบว่า ด้านประโยชน์ทไี่ ดร้ บั อยู่ในระดบั มากท่สี ุด มีค่าเฉลีย่ (= 4.66) รองลงมาคอื ด้านการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ มอี ยูใ่ นระดบั ดมี าก มคี ่าเฉล่ีย (= 4.51) และ ด้านบริหารจดั การ อยู่ในระดับดมี าก มีค่าเฉลี่ย (= 4.50) ตามลาดับ โดยมสี ่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน () อยรู่ ะหวา่ ง 0.50 - 0.59 แสดงว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมคี วามพึงพอใจสอดคล้องกนั ตำรำงที่ 7 ค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรมท่ีมีความพึงพอใจต่อโครงการอบรมให้ ความรกู้ ฎหมายในชีวิตประจาวัน ด้ำนบริหำรจดั กำร รายการ คา่ เฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบน ระดับ ความพงึ พอใจ 1. อาคารสถานท่ี () มาตรฐาน () 2. ส่ิงอานวยความสะดวก 4.77 0.42 ดมี าก 3. กาหนดการและระยะเวลาในการดาเนินโครงการ 4.45 0.58 ดี 4. เอกสารการอบรม 4.27 0.45 ดี 5. วิทยากรผู้ให้การอบรม 4.59 0.72 4.41 0.78 ดีมาก รวม 4.50 0.59 ดี ดมี าก จากตารางที่ 7 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีความพึงพอใจต่อโครงการอบรมให้ความรู้กฎหมายใน ชีวิตประจาวัน ด้านบริหารจัดการ ในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ย (= 4.50) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อาคารสถานท่ี มีค่าเฉล่ีย (= 4.77) รองลงมา คือ เอกสารการอบรม มีค่าเฉล่ีย (= 4.59) สิ่งอานวยความสะดวก มี ค่าเฉล่ีย (= 4.45) วิทยากรผู้ให้การอบรม มีค่าเฉลี่ย (= 4.41) กาหนดการและระยะเวลาในการดาเนินโครงการ มี ค่าเฉล่ีย (= 4.27) ตามลาดับ โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน () อยู่ระหว่าง 0.42 - 0.78 แสดงว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมี ความคดิ เหน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั สรปุ ผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาทกั ษะชวี ติ งบประมาณปี 2563

22 ตำรำงท่ี 8 ค่าเฉลย่ี และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมท่ีมคี วามพึงพอใจต่อโครงการอบรมให้ ความรู้กฎหมายในชีวติ ประจาวัน ดำ้ นกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ รายการ คา่ เฉลีย่ สว่ นเบ่ยี งเบน ระดับ () มาตรฐาน () ความพงึ พอใจ 6. การจัดกจิ กรรมโครงการอบรมให้ความร้กู ฎหมายใน ชวี ิตประจาวัน 4.41 0.49 ดี 7. การให้ความร้เู ร่ืองกฎหมายในชวี ติ ประจาวนั 8. การตอบข้อซักถามของวทิ ยากร 4.50 0.50 ดมี าก 4.86 0.34 ดีมาก 9. การแลกเปล่ยี นเรียนรู้ของผเู้ ขา้ รับการอบรม 4.32 0.47 10. การสรปุ องค์ความรรู้ ว่ มกัน 4.55 0.66 ดี 11. การวดั ผล ประเมินผล การฝึกอบรม 4.41 0.49 ดมี าก 4.51 0.49 รวม ดี ดีมาก จากตารางที่ 8 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจต่อโครงการอบรมให้ความรู้กฎหมายใน ชีวิตประจาวัน ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ในภาพรวมอย่ใู นระดับดมี าก มคี ่าเฉลยี่ (= 4.51) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า การตอบขอ้ ซกั ถามของวิทยากร มคี า่ เฉล่ีย (= 4.86) รองลงมาคือ การสรุปองค์ความรรู้ ว่ มกัน มคี ่าเฉลย่ี (= 4.55 ) การให้ความรู้เร่ืองกฎหมายในชีวิตประจาวัน มีค่าเฉล่ีย (= 4.50 ) การจัดกิจกรรมโครงการอบรมให้ความรู้ กฎหมายในชีวิตประจาวัน มีค่าเฉลี่ย (=4.41) การวัดผล ประเมินผล การฝึกอบรม มีค่าเฉล่ีย (= 4.41) และการ แลกเปล่ียนเรียนรู้ของผู้เข้ารับการอบรม ( = 4.32) ตามลาดับ โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน () อยู่ระหว่าง 0.34 - 0.66 แสดงว่า ผูต้ อบแบบสอบถามมีความคดิ เห็นสอดคล้องกัน ตำรำงท่ี 9 คา่ เฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานความพงึ พอใจของผู้เข้าร่วมกจิ กรรมทม่ี ีความพงึ พอใจตอ่ โครงการอบรมให้ ความรูก้ ฎหมายในชวี ติ ประจาวัน ด้ำนประโยชน์ที่ได้รบั รายการ คา่ เฉลย่ี สว่ นเบ่ยี งเบน ระดับความ () มาตรฐาน () พึงพอใจ 12. ไดเ้ รียนรู้และฝึกตนเอง เกยี่ วกบั กฎหมายใน ชีวิตประจาวนั 4.73 0.45 ดมี าก 13. นาความรทู้ ไี่ ดร้ ับมาปรับใช้ในชวี ติ ประจาวนั 4.59 0.49 ดีมาก รวม 4.66 0.47 ดมี าก สรุปผลการจัดกจิ กรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชวี ติ งบประมาณปี 2563

23 จากตารางที่ 9 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจต่อโครงการอบรมให้ความรู้กฎหมายในชีวิตประจาวัน ด้านประโยชน์ทไ่ี ด้รบั ในภาพรวมอยู่ในระดบั ดีมาก มีค่าเฉลี่ย (= 4.66) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ได้เรียนรู้และฝึก ตนเอง เกี่ยวกับกฎหมายในชีวิตประจาวัน มีค่าเฉล่ีย (= 4.73) รองลงมา นาความรู้ท่ีได้รับมาปรับใช้ในชีวิตประจาวัน มีค่าเฉลี่ย (= 4.59) โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน () อยู่ระหว่าง 0.45 - 0.49 แสดงว่าผู้ตอบแบบสอบถามมีความ คิดเห็นไปในทิศทางเดียวกนั สรปุ ในภำพรวมของกจิ กรรมคิดเปน็ ร้อยละ 90.56 มคี ่ำนำ้ หนกั คะแนน 4.53 ถือวำ่ ผู้รบั บรกิ ำร มีควำมพึงพอใจทำงดำ้ นต่ำงๆ อย่ใู นระดับดีมำก โดยเรียงลำดับดังนี้  อันดบั แรก ดา้ นดา้ นประโยชน์ทไี่ ดร้ ับ คดิ เป็นร้อยละ 93.18 มีค่านา้ หนักคะแนน 4.66 อยู่ในระดับคุณภาพ ดีมาก  อันดบั สอง ด้านการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ คดิ เปน็ ร้อยละ 90.15 มีค่าน้าหนักคะแนน 4.51 อยู่ในระดบั คุณภาพดี  อันดับสำม ดา้ นบรหิ ารจดั การ คดิ เป็นร้อยละ 90.00 มคี า่ นา้ หนักคะแนน 4.50 อยู่ในระดับคุณภาพดี สรปุ ผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทกั ษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

บทท่ี 5 24 อภปิ รำยและข้อเสนอแนะ ผลการจัดกิจกรรมโครงการอบรมให้ความรกู้ ฎหมายในชวี ิตประจาวนั ไดผ้ ลสรปุ ดงั นี้ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม มีความรู้ ความเขา้ ใจกฎหมายท่ีเกย่ี วขอ้ งในชีวิตประจาวัน 2. เพื่อให้ผู้รว่ มกจิ กรรม นาความรู้ทีไ่ ด้รับมาปรบั ใช้ในชีวติ ประจาวนั เป้ำหมำย (Outputs) เปำ้ หมำยเชิงปรมิ ำณ - ประชาชนตาบลกุฎโงง้ จานวน 22 คน เป้ำหมำยเชิงคุณภำพ - ประชาชนตาบลกุฎโงง้ มคี วามรู้ ความเข้าใจกฎหมายที่เก่ียวข้องในชวี ติ ประจาวนั และนาความรูท้ ่ีได้รับ มาปรบั ใชใ้ นชีวิตประจาวัน เครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นกำรเก็บรวบรวมข้อมูล เครือ่ งมือท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ในครง้ั นี้ คือ แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ กำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู ในการเก็บรวบรวมข้อมลู ได้มอบหมายให้ ครู กศน.ตาบลกุฎโง้ง ท่ีรบั ผิดชอบกจิ กรรมแจกแบบสอบถามความพึง พอใจให้กบั ผรู้ ่วมกจิ กรรม โดยใหผ้ ูเ้ ข้าร่วมกิจกรรมประเมินผลการจดั กจิ กรรมต่างๆ ตามโครงการอบรมให้ความรกู้ ฎหมายใน ชีวติ ประจาวนั สรุปผลกำรดำเนินงำน กศน.ตาบลกุฎโงง้ ไดด้ าเนนิ การจัดกิจกรรมตาม โครงการอบรมให้ความรกู้ ฎหมายในชวี ติ ประจาวัน โดยดาเนินการ เสรจ็ สิ้นลงแล้วและสรปุ รายงานผลการดาเนนิ งานไดด้ ังน้ี 1. ผรู้ ว่ มกจิ กรรมจานวน 22 คน มคี วามรู้ ความเขา้ ใจกฎหมายทีเ่ กย่ี วข้องในชวี ติ ประจาวัน และนาความรทู้ ี่ไดร้ บั มาปรับใชใ้ นชีวติ ประจาวนั 2. ผูร้ ว่ มกจิ กรรมร้อยละ 93.18 นาความรูท้ ี่ไดร้ บั มาปรับใชใ้ นชีวติ ประจาวัน 3. จากการดาเนินกจิ กรรมตามโครงการดงั กลา่ ว สรุปโดยภาพรวมพบวา่ ผเู้ ข้าร่วมกิจกรรมส่วนใหญม่ ีความพึงพอใจ ต่อโครงการ อย่ใู นระดับ “ดมี ำก ” และบรรลุความสาเร็จตามเป้าหมายตัวชีว้ ัดผลลัพธท์ ต่ี ัง้ ไว้ โดยมีคา่ เฉล่ียรอ้ ยละภาพรวม ของกิจกรรม 90.56 และคา่ การบรรลเุ ปา้ หมายค่าเฉลีย่ 4.53 ข้อเสนอแนะ - อยากให้มีการจัดกิจกรรมอีก จะไดน้ าความรู้ไปใชใ้ นการดาเนินชีวติ ตอ่ ไป สรปุ ผลการจดั กจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาทกั ษะชีวติ งบประมาณปี 2563

บรรณำนุกรม ทีม่ า กรมการศกึ ษานอกโรงเรียน (2546) บุญชม ศรีสะอาด และ บุญส่ง นลิ แกว้ (2535 หนา้ 22-25) กระทรวงศึกษาธิการ . (2543). http://singkle.blogspot.com/p/blog-page_6535.html สรปุ ผลการจดั กจิ กรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวติ งบประมาณปี 2563

ภำคผนวก สรปุ ผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพ่ือพัฒนาทกั ษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

สรปุ ผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาทักษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

สรปุ ผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาทักษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

สรปุ ผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาทักษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

สรปุ ผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาทักษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

สรปุ ผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาทักษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

สรปุ ผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาทักษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

สรปุ ผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาทักษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

รำยงำนผลกำรจัดกิจกรรม โครงการอบรมให้ความรู้กฎหมายในชีวิตประจาวัน จานวน 1 วัน ในวันที่ 30 มกราคม 2563 ณ กศน.ตาบลกุฎโงง้ หมู่ท่ี 6 ตาบลกุฎโง้ง อาเภอพนัสนคิ ม จังหวัดชลบรุ ี วทิ ยากรคือ นายประกาย รัตนมณี ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจานวน 22 คน สรุปผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาทักษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

แบบสอบถำมควำมพงึ พอใจ โครงกำรอบรมให้ควำมรู้กฎหมำยในชวี ิตประจำวัน ปีงบประมำณ พ.ศ. 2563 กศน.ตำบลกฎุ โง้ง อำเภอพนัสนิคม จังหวดั ชลบุรี คำช้แี จง 1. แบบสอบถามฉบบั นม้ี ีวัตถุประสงค์ เพ่ือใช้ในการสอบถามความพงึ พอใจตอ่ โครงการอบรมใหค้ วามรู้กฎหมายในชวี ิตประจาวนั 2. แบบสอบถามมี 3 ตอนดงั นี้ ตอนที่ 1 ถามขอ้ มูลเก่ียวกบั ผตู้ อบแบบสอบถามจานวน 4 ข้อ ให้ทาเคร่ืองหมาย  ลงในชอ่ งใหต้ รงกับสภาพจรงิ ตอนท่ี 2 ความพงึ พอใจตอ่ โครงการอบรมใหค้ วามร้กู ฎหมายในชวี ิตประจาวนั จานวน 13 ขอ้ ซ่ึงมรี ะดับความพึงพอใจ 5 ระดับ ดังน้ี 5 มากท่สี ุด หมายถึง มีความพงึ พอใจมากท่ีสดุ 4 มาก หมายถงึ มีความพึงพอใจมาก 3 ปานกลางหมายถงึ มคี วามพงึ พอใจปานกลาง 2 นอ้ ย หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจนอ้ ย 1 น้อยท่ีสดุ หมายถึง มีความพึงพอใจนอ้ ยทส่ี ดุ ตอนท่ี 3 ขอ้ คดิ เห็นและข้อเสนอแนะต่อโครงการอบรมใหค้ วามรกู้ ฎหมายในชวี ิตประจาวนั ตอนท่ี 1 ข้อมลู ท่ัวไปของผตู้ อบแบบสอบถำม หญงิ 40 ปี – 49 ปี เพศ 30 ปี – 39 ปี ชาย 60 ปีข้นึ ไป อำยุ 15 ปี – 29 ปี 50 ปี – 59 ปี กำรศกึ ษำ ต่ากว่า ป.4 ป.4 ประถม ม.ต้น ม.ปลาย ประกอบอำชพี อนุปริญญา ปริญญาตรี สูงกว่าปรญิ ญาตรี รบั จา้ ง ค้าขาย เกษตรกร ลกู จา้ ง/ข้าราชการหนว่ ยงานภาครฐั หรือเอกชน อืน่ ๆ …………………………………. สรุปผลการจัดกิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาทักษะชวี ติ งบประมาณปี 2563

ตอนที่ 2 ควำมพึงพอใจเกย่ี วกบั โครงกำรอบรมให้ควำมรูก้ ฎหมำยในชวี ติ ประจำวัน ข้อท่ี รำยกำร ระดบั ควำมคิดเหน็ 1 5 432 ดำ้ นบริหำรจัดกำร 1. อาคารและสถานท่ี 2. สงิ่ อานวยความสะดวก 3. กาหนดการและระยะเวลาในการดาเนินโครงการ 4. เอกสารการอบรม 5. วทิ ยากรผ้ใู ห้การอบรม ด้ำนกำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 6. การจัดกิจกรรมโครงการอบรมให้ความรกู้ ฎหมายใน ชีวติ ประจาวัน 7. การใหค้ วามรเู้ รื่องกฎหมายในชีวติ ประจาวัน 8. การตอบข้อซักถามของวทิ ยากร 9. การแลกเปลยี่ นเรียนรขู้ องผเู้ ข้ารับการอบรม 10. การสรปุ องค์ความรรู้ ่วมกนั 11. การวัดผล ประเมินผล การฝกึ อบรม ดำ้ นประโยชนท์ ีไ่ ดร้ บั 12 ได้เรยี นร้แู ละฝึกตนเอง เก่ยี วกับกฎหมายในชีวติ ประจาวนั 13 นาความร้ทู ไี่ ด้รบั มาปรับใช้ในชีวิตประจาวนั ตอนท่ี 3 ข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะ ข้อคิดเหน็ .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................................ ขอบขอบคุณท่ีใหค้ วามร่วมมือ กศน. อาเภอพนัสนคิ ม จงั หวัดชลบุรี สรุปผลการจัดกิจกรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาทักษะชวี ิต งบประมาณปี 2563

คณะผจู้ ัดทำ ท่ปี รึกษำ หมน่ื สา ผู้อานวยการ กศน.อาเภอพนัสนิคม การงานดี ครู 1. นางณชั ธกญั ศรีเทพ บรรณารักษป์ ฏิบตั ิการ 2. นางสาวมทุ ิกา คลังสินธ์ ครู อาสาสมคั ร กศน. 3. นางปลื้มจติ ร 4. นางสาวเฟอ่ื งฟา้ เขียวหวาน ครู กศน.ตาบลกฎุ โงง้ คณะทำงำน เขยี วหวาน ครู กศน.ตาบลกุฎโง้ง - นายธีรพงศ์ บรรณำธกิ ำร - นายธีรพงศ์ สรปุ ผลการจัดกิจกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาทกั ษะชวี ติ งบประมาณปี 2563

สรปุ ผลการจดั กิจกรรมการศึกษาเพื่อพฒั นาทักษะชวี ิต งบประมาณปี 2563


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook