Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รรินทิพย์ บ้านนบ

รรินทิพย์ บ้านนบ

Published by jasmin284524, 2022-07-06 02:50:34

Description: คู่มือครูกัมมันตรังสี

Search

Read the Text Version

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั บทเรียนเร่อื ง สมบตั ิของธาตแุ ละสารประกอบ ตอน สมบตั ิของธาตกุ มั มนั ตรงั สี ค่มู อื การใช้ส่อื การสอนวชิ าเคมี จดั ทาขน้ึ เพ่อื เป็นแนวทางสาหรบั ครูในการใชส้ ่อื ประกอบการ สอนวชิ าเคมใี นระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ตามหนงั สอื เรยี น รายวชิ าเพม่ิ เตมิ เคมี เล่ม 1 (พมิ พค์ รงั้ ท่ี 1 พ.ศ. 2553) โดยคมู่ อื ประกอบส่อื การสอนของตอนเรยี นน้ีเป็นส่วนหน่ึงในบทเรยี นเรอ่ื งสมบตั ขิ องธาตุ และสารประกอบ ตอนสมบตั ขิ องธาตุกมั มนั ตรงั สี เน้ือหาประกอบดว้ ย ชนิดของธาตุกมั มนั ตรงั สแี ละ ตาแหน่งในตารางธาตุ ประวตั กิ ารคน้ พบธาตุกมั มนั ตรงั สี การเกดิ กมั มนั ตภาพรงั สี ชนิดและสมบตั ขิ อง รงั สแี อลฟา บตี า และแกมมา การสลายตวั ของธาตุกมั มนั ตรงั สี ไดแ้ ก่การแผ่รงั สแี อลฟา การแผ่รงั สบี ตี า และการแผ่รงั สแี กมมา ครง่ึ ชวี ติ ของธาตุกมั มนั ตรงั สี และการคานวณหาปรมิ าณของธาตุกมั มนั ตรงั สใี น ระยะเวลาต่างๆ รปู แบบของส่อื การสอนชุดน้ีประกอบดว้ ยแบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบหลงั เรยี น เพ่อื วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจของนักเรยี นทงั้ ก่อนและหลงั การใชส้ ่อื การสอนชุดน้ี นอกจากน้ี ยงั มแี บบฝึ กหดั และ แนวทางการทาโครงงานและบทความอ่านเสรมิ ในเร่อื งท่เี ก่ยี วข้องกบั สมบตั ขิ องธาตุกมั มนั ตรงั สี เพ่อื เสรมิ ความรคู้ วามเขา้ ใจของนกั เรยี นดว้ ย อน่ึง นอกจากแนวคดิ และคาอธบิ ายเน้ือหา คู่มอื ฉบบั น้ียงั ได้เฉลยแบบทดสอบและแบบฝึกหดั เพ่อื ใหค้ รผู ูส้ อนใชใ้ นการเสรมิ ความเขา้ ใจเน้ือหาแก่นักเรยี นดว้ ย ผู้เรยี บเรยี งหวงั เป็นอย่างยง่ิ ว่า คู่มอื การใช้ส่ือการสอน ตอนสมบัติของธาตุกัมมนั ตรงั สีน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอน นักเรยี น และ ผู้เก่ยี วขอ้ งอย่างยง่ิ อนั จะช่วยให้การเรยี นการสอนมปี ระสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล และบรรลุผลการ เรยี นรตู้ ามเป้าหมายของวชิ าเคมใี นหลกั สตู รระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ผเู้ รยี บเรยี งสอ่ื และค่มู อื สอ่ื ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อภชิ าติ อม่ิ ยม้ิ นายนครา ภวะเวส ภาควชิ าเคมี คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั หน้า 1

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง หน้า สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 3 4 สารบญั 5 6 1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 12 2. ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 35 3. โครงสรา้ งสอ่ื การสอน-เมนูหลกั 40 4. แบบทดสอบก่อนเรยี นพรอ้ มเฉลย 43 5. คาอธบิ ายของเน้อื หาบทเรยี น 45 6. แบบทดสอบหลงั เรยี นพรอ้ มเฉลย 46 7. แบบฝึกหดั พรอ้ มเฉลย 8. แนวทางการทาโครงงาน หรอื บทความอ่านเสรมิ 9. เอกสารอา้ งองิ หรอื แหล่งขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ 10. ภาคผนวก รายช่อื ส่อื การสอนวชิ าเคมจี านวนทงั้ หมด 92 ตอน หน้า 2

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกชนดิ ของธาตุกมั มนั ตรงั สแี ละตาแหน่งในตารางธาตุ 2. อธบิ ายประวตั กิ ารคน้ พบธาตุกมั มนั ตรงั สี 3. อธบิ ายการเกดิ กมั มนั ตภาพรงั สี 4. เขยี นสมการการสลายตวั ของธาตุกมั มนั ตรงั สี 5. บอกความหมายของครง่ึ ชวี ติ ของธาตุกมั มนั ตรงั สี 6. คานวณหาปรมิ าณของธาตุกมั มนั ตรงั สใี นระยะเวลาต่าง ๆ หน้า 3

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 2. ผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวงั 1. บอกชนดิ ของธาตุกมั มนั ตรงั สแี ละตาแหน่งในตารางธาตุ  ธาตุทจ่ี ดั ว่าเป็นธาตุกมั มนั ตรงั สี ไดแ้ ก่ ธาตุทมี เี ลขอะตอมตงั้ แต่ 84 ขน้ึ ไป 2. บอกประวตั กิ ารคน้ พบธาตุกมั มนั ตรงั สี  การคน้ พบธาตุกมั มนั ตรงั สี โดย อองตวน อองรี เบค็ เคอเรล 3. อธบิ ายการเกดิ กมั มนั ตภาพรงั สี ชนิดและสมบตั ขิ องรงั สแี อลฟา บตี า และแกมมา  เมอ่ื ธาตุกมั มนั ตรงั สเี กดิ การแผ่รงั สแี ลว้ ธาตุนนั้ กจ็ ะเปลย่ี นเป็นธาตุใหม่ อาจเปลง่ รงั สี แอลฟา บตี า หรอื แกมมา  รงั สมี อี ยู่ 3 ชนิด คอื รงั สแี อลฟา เป็นรงั สที เ่ี บนเขา้ หาขวั้ ลบ รงั สบี ตี าเป็นรงั สที เ่ี บนเขา้ หาขวั้ บวก และรงั สแี กมมาเป็นรงั สซี ง่ึ ไมเ่ บนเขา้ หา ขวั้ ใดเลย 4. บอกความหมายของครง่ึ ชวี ติ ของธาตุกมั มนั ตรงั สี  ครง่ึ ชวี ติ หมายถงึ ระยะเวลาทน่ี ิวเคลยี สของสารกมั มนั ตรงั สสี ลายตวั จนเหลอื ครง่ึ หน่งึ ของปรมิ าณเดมิ 5. คานวณหาปรมิ าณของธาตุกมั มนั ตรงั สที ร่ี ะยะเวลาต่างๆ หน้า 4

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 3. โครงสรา้ งส่ือการสอน-เมนูหลกั การเปิดสอ่ื การสอนตอนน้ี ตอ้ งใชโ้ ปรมแกรม Flash Player อาทิ Adobe Flash Player ซง่ึ สามารถดาวน์โหลดไดฟ้ รจี ากอนิ เทอรเ์ น็ต เมอ่ื เปิดสอ่ื การสอน จะปรากฏหน้าเมนูหลกั ดงั น้ี ส่อื การสอนตอนสมบตั ขิ องธาตุกมั มนั ตรงั สนี ้ปี ระกอบดว้ ย แบบทดสอบก่อนเรยี น จดุ ประสงค์ การเรยี นรู้ เน้อื หาบทเรยี น แบบทดสอบหลงั เรยี น แบบฝึกหดั และแนวทางการทาโครงงานหรอื บทความอ่านเสรมิ รปู แบบของเน้อื หาบทเรยี นเป็นการสอ่ื ใหผ้ ใู้ ชส้ อ่ื การสอนชุดน้เี ขา้ ใจโดยการเล่าเรอ่ื งประกอบ แนวคดิ และคาอธบิ าย โดยมคี ณุ ครู 2 คน และนกั เรยี นอกี 2 คนเป็นผดู้ าเนินเรอ่ื ง ผเู้ รยี น สามารถเลอื กคลกิ ทเ่ี มนูยอ่ ยต่างๆ ได้ เมอ่ื ตอ้ งการทาแบบฝึกหดั หรอื ศกึ ษาเน้อื หาใน แต่ละหวั ขอ้ ยอ่ ย หน้า 5

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 4. แบบทดสอบก่อนเรียนพรอ้ มเฉลย แบบทดสอบก่อนเรยี นในเร่อื งสมบตั ขิ องธาตุกมั มนั ตรงั สเี ป็นชนดิ ปรนยั 4 ตวั เลอื กมี 5 ขอ้ ซง่ึ ทาการเปลย่ี นลาดบั ทงั้ โจทยแ์ ละตวั เลอื กทุกครงั้ ทเ่ี ปิดใชส้ อ่ื นกั เรยี นอาจไดล้ าดบั โจทยแ์ ละตวั เลอื กไม่ เหมอื นกนั การทาแบบทดสอบนนั้ นกั เรยี นตอ้ งตอบแบบทดสอบใหถ้ ูกตอ้ งในแต่ละขอ้ ก่อน จงึ จะ เปลย่ี นเป็นโจทยข์ อ้ ถดั ไป โดยหลกั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแต่ละขอ้ ดงั น้ี ตอบถกู ในครงั้ แรก ได้ 4 คะแนน ตอบถกู ในครงั้ ทส่ี อง ได้ 2 คะแนน ตอบถกู ในครงั้ ทส่ี าม ได้ 1 คะแนน ตอบถูกในครงั้ ทส่ี ่ี ได้ 0 คะแนน คะแนนรวมเตม็ เป็น 20 คะแนน และหลงั จากทาแบบทดสอบก่อนเรยี นครบ 5 ขอ้ จะมกี รอบ ขอ้ ความแสดงผลคะแนนรวมทไ่ี ดจ้ าก และผลการประเมนิ ระดบั ศกั ยภาพของนกั เรยี นก่อนเรยี น ดงั น้ี ถา้ นกั เรยี นได้ 17-20 คะแนน จดั อยใู่ นระดบั ดมี าก ได้ 15-17 คะแนน จดั อยใู่ นระดบั ดี ได้ 11-14 คะแนน จดั อยใู่ นระดบั พอใช้ ได้ 0-10 คะแนน จดั อยใู่ นระดบั ปรบั ปรงุ แบบทดสอบก่อนเรยี น 5 ขอ้ มคี าถามและเฉลยคาตอบดงั น้ี (ลาดบั โจทยแ์ ละตวั เลอื กในสอ่ื อาจต่างจาก น้)ี หน้า 6

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คาถาม : ธาตุในขอ้ ใดต่อไปน้เี ป็นไอโซโทปกนั ตวั เลอื กทห่ี น่งึ : และ ตวั เลอื กทส่ี อง : และ ตวั เลอื กทส่ี าม : และ ตวั เลอื กทส่ี ่ี : และ คาตอบ : และ แนวคิดและคาอธิบาย : ธาตุทเ่ี ป็นไอโซโทปกนั คอื ธาตุชนิดเดยี วกนั มจี านวนโปรตอนและอเิ ลค็ ตรอน เท่ากนั แต่มจี านวนนิวตรอนไม่เท่ากนั หรอื เป็นธาตุชนิดเดยี วกนั ทม่ี เี ลขอะตอมเท่ากนั แต่มเี ลขมวล ต่างกนั ดงั นนั้ ธาตุทเ่ี ป็นไอโซโทปกนั คอื และ (ตวั เลขดา้ นล่างเท่ากนั ตวั เลขดา้ นบนต่างกนั ) หน้า 7

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ธาตใุ ดต่อไปนี้เป็นธาตกุ มั มนั ตรงั สี คาถาม : ธาตุใดต่อไปน้เี ป็นธาตุกมั มนั ตรงั สี ตวั เลอื กทห่ี น่งึ : บสิ มทั (Bi) ตวั เลอื กทส่ี อง : พอโลเนียม (Po) ตวั เลอื กทส่ี าม : ตะกวั่ (Pb) ตวั เลอื กทส่ี ่ี : สงั กะสี (Zn) คาตอบ : พอโลเนียม (Po) แนวคิดและคาอธิบาย : ธาตุทม่ี เี ลขอะตอมมากกว่า 83 เป็นธาตุกมั มนั ตรงั สี นักเรยี นต้องเปิดตาราง ธาตุเพ่อื ดวู ่าธาตุใดมเี ลขอะตอมมากกว่า 83 คาตอบคอื พอโลเนยี ม (Po) ซง่ึ มเี ลขอะตอมเทา่ กบั 84 เลขอะตอม (Atomic number) เลขมวล (Mass number) หน้า 8

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คาถาม : เม่อื นักเรยี นนาธาตุไอโอดนี -131 ซง่ึ มคี รง่ึ ชวี ติ 8 วนั ปรมิ าณ 10 กรมั มาใส่ไวใ้ นภาชนะฝา ปิด เวลาผ่านไป 1 เดอื น ไอโอดนี -131 จะเหลอื อยปู่ ระมาณเทา่ ใด ตวั เลอื กทห่ี น่งึ : 0.6 กรมั ตวั เลอื กทส่ี อง : 10 กรมั ตวั เลอื กทส่ี าม : 1.2 กรมั ตวั เลอื กทส่ี ่ี : 5 กรมั คาตอบ : 0.6 กรมั แนวคิดและคาอธิบาย : ปรมิ าณธาตุไอโอดนี -131 เรม่ิ ตน้ = 10 กรมั เมอ่ื เวลาผา่ นไป 8 วนั จะเหลอื 5 กรมั (ครง่ึ ชวี ติ 8 วนั ปรมิ าณธาตุไอโอดนี -131 จะเหลอื ครง่ึ หน่งึ ) เมอ่ื เวลาผา่ นไปอกี 8 วนั รวมเป็น 16 วนั จะเหลอื 2.5 กรมั เมอ่ื เวลาผ่านไปอกี 8 วนั รวมเป็น 24 วนั จะเหลอื 1.25 กรมั เมอ่ื เวลาผา่ นไปอกี 8 วนั รวมเป็น 32 วนั จะเหลอื 0.625 กรมั ดงั นนั้ ปรมิ าณธาตุไอโอดนี -131 เมอ่ื เวลาผา่ นไป 1 เดอื น (เทา่ กบั 30-31 วนั ) จะเหลอื ประมาณ 0.6 กรมั หน้า 9

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ขอ้ ใดระบุสญั ลกั ษณ์ของรงั สีถกู ต้อง คาถาม : ขอ้ ใดระบสุ ญั ลกั ษณ์ของรงั สถี กู ตอ้ ง ตวั เลอื กทห่ี น่งึ :    ตวั เลอื กทส่ี อง :    ตวั เลอื กทส่ี าม :    ตวั เลอื กทส่ี ่ี :    คาตอบ :    แนวคิดและคาอธิบาย : สญั ลกั ษณ์ของรงั สแี อลฟา คอื  รงั สบี ตี า คอื  รงั สแี กมมา คอื  หน้า 10

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คาถาม : ใครเป็นผ้คู ้นพบธาตกุ มั มนั ตรังสีเป็นคนแรก ตวั เลอื กทห่ี น่งึ : อองตวน อองรี เบค็ เคอเรล (Antoine Henri Becquerel) ตวั เลอื กทส่ี อง : มาดามมารี ครู ี (Marie Curie) ตวั เลอื กทส่ี าม : เอริ น์ เนสท์ รทั เทอรฟ์ อรด์ (Ernest Rutherford) ตวั เลอื กทส่ี ่ี : จอหน์ ดาลตนั (John Dalton) คาตอบ : อองตวน อองรี เบค็ เคอเรล (Antoine Henri Becquerel) แนวคิดและคาอธิบาย : การคน้ พบธาตุกมั มนั ตรงั สี เป็นเหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยบงั เอญิ ในปี ค.ศ. 1896 จากการทดลองของนกั วทิ ยาศาสตร์ ชาวฝรงั่ เศส ช่อื อองตวน อองรี เบค็ เคอเรล หน้า 11

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 5. คาอธิบายของเนื้อหาบทเรียน คณุ คร:ู นกั เรยี นไดร้ จู้ กั ธาตุต่าง ๆ ในตารางธาตุกนั มาบา้ งแลว้ แลว้ นกั เรยี นทราบหรอื ไมค่ รบั ว่าใน ตารางธาตุน้มี ี “ธาตุกมั มนั ตรงั ส”ี อยดู่ ว้ ย นกั เรยี น: ทราบครบั / ค่ะคุณครู คุณคร:ู ดมี ากครบั นกั เรยี น ถา้ เชน่ นนั้ นกั เรยี นเคยอ่านเจอบทความ เกย่ี วขอ้ งกบั อุกกาบาตบา้ ง หรอื ไมค่ รบั เมอ่ื สบื คน้ ถงึ อายขุ องลกู อุกกาบาตโดย การตรวจสารกมั มนั ตรงั สพี บวา่ ลกู อุกกาบาตมอี ายเุ ก่าแก่พอ ๆ กบั อายขุ องโลก โอว้ ว กล่ี า้ นปีแลว้ ละ่ น่ี แลว้ สารกมั มนั ตรงั สคี อื อะไร ถา้ นกั เรยี นอยากรวู้ ่าธาตุกมั มนั ตรงั สคี อื อะไร ใชห้ าอายสุ งิ่ ของไดอ้ ยา่ งไร ขอใหต้ งั้ ใจ เรยี นบทเรยี นน้กี นั นะครบั หน้า 12

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ประวตั ิการค้นพบธาตกุ มั มนั ตรงั สี คุณคร:ู การคน้ พบธาตุกมั มนั ตรงั สี เป็นเหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยบงั เอญิ ในปี ค.ศ. 1896 จากการ ทดลองของนกั วทิ ยาศาสตร์ ชาวฝรงั่ เศส ชอ่ื อองตวน อองรี เบค็ เคอเรล คุณคร:ู เบค็ เคอเรลไดท้ าการศกึ ษาเกย่ี วกบั การเรอื งแสงของสารประกอบยเู รเนียม โดยนาเกลอื ซลั เฟต ของยเู รเนียมมาวางบนแผ่นฟิลม์ เพ่อื ตรวจสอบการเรอื งแสง แลว้ พบว่ายเู รเนียม ซลั เฟตนนั้ เปลง่ รงั สบี างอยา่ ง ออกมาไดเ้ อง และ สามารถทาใหเ้ กดิ รอยดาบนแผ่นฟิลม์ ไดแ้ ม้ ทาการทดลองในทม่ี ดื หน้า 13

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั กมั มนั ตภาพรงั สี (radioactivity) ธาตกุ มั มนั ตรงั สี (radioactive) คุณคร:ู ปรากฏการณ์ทธ่ี าตุแผร่ งั สซี ง่ึ มอี านาจทะลุทะลวงสง่ิ ต่าง ๆ ไดน้ ้เี รยี กว่า “กมั มนั ตภาพรงั ส”ี ซง่ึ มาดาม มารี ครู ี เป็นคนแรกทใ่ี ชค้ าน้ี และเรยี กธาตุทม่ี สี มบตั เิ ช่นน้วี ่า “ธาตุกมั มนั ตรงั ส”ี นอกจากน้ปี ิแอร์ และมารี ครู ี ยงั ไดท้ าการทดลองวดั รงั สจี ากธาตุอ่นื ๆ กพ็ บวา่ ธาตุ พอโลเนียม เรเดยี ม และทอเรยี ม กส็ ามารถแผร่ งั สไี ดเ้ ช่นเดยี วกนั หน้า 14

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ตาแหน่งของธาตุกมั มนั ตรงั สีในตารางธาตุ คณุ คร:ู ธาตุทจ่ี ดั วา่ เป็นธาตุกมั มนั ตรงั สนี นั้ ไดแ้ ก่ ธาตุทมี เี ลขอะตอมตงั้ แต่ 84 ขน้ึ ไป ดงั นนั้ บสิ มทั ซง่ึ มเี ลขอะตอมเท่ากบั 83 จงึ เป็นธาตุสุดทา้ ยในตารางธาตุทเ่ี สถยี ร ในธรรมชาติ และตงั้ แต่ ธาตุพอโลเนียม ซง่ึ มเี ลขอะตอมเทา่ กบั 84 เป็นตน้ ไป จดั เป็นธาตุกมั มนั ตรงั สี หน้า 15

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คณุ คร:ู นอกจากน้ยี งั พบวา่ ไอโซโทปของธาตุ บางชนิดเป็นธาตุกมั มนั ตรงั สดี ว้ ย เช่น คารบ์ อน-สบิ ส่ี และ ออกซเิ จน-สบิ แปด เป็นตน้ การทานายว่าไอโซโทปใดเป็นธาตุกมั มนั ตรงั สหี รอื ไม่ จะดไู ดจ้ ากอตั ราสว่ นจานวนนวิ ตรอน ต่อจานวนโปรตอน หากไอโซโทปใดมคี ่าอตั ราส่วนนิวตรอนต่อโปรตอนไมอ่ ยใู่ นแนว เสถยี รภาพ (belt of stability) แสดงวา่ ไอโซโทปนนั้ เป็นธาตุกมั มนั ตรงั สี ซง่ึ นกั เรยี นจะได้ ศกึ ษาในระดบั สงู ต่อไป หน้า 16

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั การเกิดกมั มนั ตภาพรงั สี คณุ คร:ู การเกดิ กมั มนั ตภาพรงั สนี ้ี เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาตขิ องสาร ธาตุกมั มนั ตรงั สี เช่น นกั เรยี น ยเู รเนียม พอโลเนยี ม เรเดยี ม ธาตุเหล่าน้สี ามารถแผ่รงั สไี ดเ้ องตลอดเวลาโดยทไ่ี ม่มปี จั จยั ภายนอกอ่นื ใดมากระทา การทธ่ี าตุกมั มนั ตรงั สแี ผ่รงั สอี อกมาไดน้ นั้ เน่อื งจากนิวเคลยี ส ภายในอะตอมของธาตุนนั้ มพี ลงั งานสงู มาก และไมเ่ สถยี ร จงึ ปล่อยพลงั งานออกมาในรปู ของ อนุภาคหรอื รงั สบี างชนดิ ผมเคยอ่านเจอในหนงั สอื ว่า เมอ่ื ธาตุกมั มนั ตรงั สแี ผร่ งั สแี ลว้ ธาตุนนั้ กจ็ ะเปลย่ี นเป็นธาตุใหม่ จรงิ หรอื ไมค่ รบั คณุ ครู หน้า 17

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คณุ คร:ู จรงิ ครบั นกั เรยี น รทั เทอรฟ์ อรด์ และซอดดี ไดอ้ ธบิ ายไวว้ า่ เมอ่ื ธาตุกมั มนั ตรงั สเี กดิ การแผร่ งั สแี ลว้ ธาตุนนั้ ก็ จะเปลย่ี นเป็นธาตุใหม่ ซง่ึ แนวคดิ เช่นน้ถี อื ไดว้ ่าแปลกใหมม่ ากในสมยั นนั้ เพราะยงั ไมม่ ี ความรเู้ รอ่ื งนิวเคลยี ส และอนุภาคภายในอะตอม หน้า 18

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คณุ คร:ู ต่อมารทั เทอรฟ์ อรด์ ไดศ้ กึ ษา ทศิ ทาง การเบนของรงั สใี นสนามไฟฟ้า ซง่ึ พบวา่ มรี งั สอี ยู่ 3 ชนดิ ดว้ ยกนั คอื รงั สที เ่ี บนเขา้ หาขวั้ ลบ ใหช้ อ่ื วา่ รงั สแี อลฟา คุณคร:ู รงั สที เ่ี บนเขา้ หาขวั้ บวก ใหช้ ่อื วา่ รงั สบี ตี า หน้า 19

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คณุ คร:ู และมรี งั สอี กี ชนดิ หน่งึ ซง่ึ ไมเ่ บนเขา้ หา ขวั้ ใดเลย เรยี กว่า รงั สแี กมมา หน้า 20

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ชนิดของรงั สี คณุ คร:ู ตารางทน่ี กั เรยี นเหน็ อยนู่ ้ี คอื ตารางชนดิ ของรงั สี ครจู ะอธบิ ายใหน้ กั เรยี นฟงั นะครบั ตงั้ ใจ ฟงั กนั ใหด้ ี ๆ ละ่ รงั สแี อลฟาหรอื อนุภาคแอลฟา เป็นอนุภาคทป่ี ระกอบดว้ ย 2 โปรตอน 2 นวิ ตรอน เหมอื น นิวเคลยี สของอะตอมฮเี ลยี ม มปี ระจไุ ฟฟ้าบวกสอง และมเี ลขมวลส่ี มอี านาจทะลทุ ะลวงต่า มาก ไมส่ ามารถผ่านแผ่นกระดาษหรอื แผน่ โลหะบาง ๆ ได้ รงั สบี ตี าหรอื อนุภาคบตี า เป็นอนุภาค มสี มบตั เิ หมอื นอเิ ลก็ ตรอน มปี ระจไุ ฟฟ้าลบหน่งึ มอี านาจทะลทุ ะลวงสงู กว่ารงั สแี อลฟาถงึ 100 เท่า สามารถผ่านแผ่น ตะกวั่ หนา 1 มลิ ลเิ มตร หรอื แผน่ อะลมู เิ นียม 5 มลิ ลเิ มตรได้ รงั สแี กมมา เป็นคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าทม่ี คี วามยาวคลน่ื สนั้ มาก คอื มพี ลงั งานสงู มาก มอี านาจ ทะลทุ ะลวงสงู มาก สามารถทะลผุ า่ นแผ่นตะกวั่ หนา 8 มลิ ลเิ มตร หรอื ผา่ นแผ่นคอนกรตี หนา ๆ ได้ พอจะเขา้ ใจไหมครบั นกั เรยี น นกั เรยี น: เขา้ ใจครบั เขา้ ใจคะ่ คณุ ครู หน้า 21

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คณุ คร:ู เมอ่ื เปรยี บเทยี บอานาจทะลุทะลวงของ รงั สี จะเหน็ ไดว้ ่าเราสามารถใชแ้ ค่มอื ในการหยดุ รงั สี แอลฟา แต่ตอ้ งใชแ้ ผน่ อะลมู เิ นียมในการหยดุ รงั สเี บตา และตอ้ งใชแ้ ผ่นตะกวั่ หนาจงึ จะ สามารถหยุดรงั สแี กมมาไวไ้ ด้ คณุ คร:ู นอกจากรงั สที งั้ สามชนิดน้แี ลว้ ยงั มอี นุภาครงั สชี นดิ อ่นื ๆ อกี เชน่ นวิ ตรอน โปรตอน ดวิ เทอรอน คอื โปรตอนทม่ี นี ิวตรอน 1 นิวตรอน ทรทิ อน คอื โปรตอนทม่ี นี วิ ตรอน 2 นิวตรอน หน้า 22

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั การสลายตวั ของธาตกุ มั มนั ตรงั สี การแผร่ งั สีแอลฟา คุณคร:ู ธาตุทม่ี เี ลขอะตอมมากกว่า 83 ลว้ นแลว้ แต่ใหร้ งั สแี อลฟา ธาตุเหลา่ น้ีมนี ิวเคลยี สขนาดใหญ่ และมจี านวนนิวตรอนต่อโปรตอนไมเ่ หมาะสม จงึ เกดิ แรงผลกั ระหวา่ งโปรตอนในนิวเคลยี ส มาก เมอ่ื ถงึ จดุ ๆ หน่งึ ซง่ึ แรงดงึ ดดู ไมส่ ามารถ ยดึ เหน่ยี วองคป์ ระกอบต่างๆ ในนิวเคลยี สไว้ ได้ นวิ เคลยี สสว่ นหน่งึ จงึ แตกออก ไดเ้ ป็นอนุภาคแอลฟาซง่ึ มขี นาดเท่ากบั นวิ เคลยี สของ อะตอมฮเี ลยี ม ส่วนนวิ เคลยี สของธาตุเดมิ กเ็ ปลย่ี นเป็นธาตุใหมซ่ ง่ึ เสถยี รกว่า คณุ คร:ู ตวั อยา่ งเช่น ตะกวั่ -สองศูนยส์ ่ี สลายตวั ใหร้ งั สแี อลฟา แลว้ เปลย่ี นเป็นปรอท หน้า 23

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คณุ คร:ู หรอื อกี ตวั อยา่ งหน่งึ เมอ่ื เรเดยี ม-สองสองหก สลายตวั ใหร้ งั สแี อลฟา แลว้ เปลย่ี นเป็นเรดอน การแผ่รงั สีบตี า คณุ คร:ู การแผ่รงั สบี ตี า เกดิ จากนวิ เคลยี สมอี ตั ราส่วนระหวา่ งนิวตรอนและโปรตอนไมเ่ หมาะสม นิวเคลยี สจงึ ตอ้ งปรบั ตวั โดยการ แผ่รงั สเี บตาเพอ่ื ใหเ้ สถยี รขน้ึ ซง่ึ จะไดน้ วิ เคลยี สใหมท่ ม่ี เี ลข มวลคงเดมิ แต่เลขอะตอมเปลย่ี นไป หน้า 24

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คุณคร:ู การแผ่รงั สบี ตี าแบง่ ออกเป็น 2 ชนดิ คอื รงั สบี ตี าลบ และรงั สบี ตี าบวกหรอื โพซติ รอน ใน กรณที ไ่ี มไ่ ดร้ ะบุคาวา่ บวกหรอื ลบ ใหถ้ อื ว่าเป็นรงั สบี ตี า ลบ คณุ คร:ู การปล่อยรงั สบี ตี าลบ จะทาใหไ้ ดอ้ ะตอมของธาตุใหมท่ ม่ี เี ลขอะตอมเพม่ิ ขน้ึ 1 เช่น อะลมู เิ นียม-28 จะเปลย่ี นเป็นซลิ กิ อน หน้า 25

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คุณคร:ู การปลอ่ ยรงั สบี ตี าบวก หรอื อนุภาคโพซติ รอน จะไดธ้ าตุใหมท่ เ่ี ลขอะตอมลดลง 1 เช่น อะลมู เิ นียม-26 จะเปลย่ี นเป็นแมกนีเซยี ม-ยส่ี บิ หก การแผ่รงั สีแกมมา คุณคร:ู การแผ่รงั สแี กมมา เกดิ กบั ไอโซโทปกมั มนั ตรงั สที ม่ี พี ลงั งานสงู มาก หรอื ไอโซโทปทส่ี ลายตวั ใหร้ งั สแี อลฟาหรอื บตี าแลว้ ไดน้ ิวเคลยี สใหมท่ ย่ี งั อยใู่ นสถานะกระตุน้ ซง่ึ มพี ลงั งานสงู และไม่ เสถยี ร นวิ เคลยี สเหล่าน้ีจงึ ตอ้ งปลอ่ ยพลงั งานออกมาในรปู รงั สแี กมมา โดยไอโซโทปทม่ี ี พลงั งานสงู เรามกั เขยี นกากบั ไวด้ ว้ ยเครอ่ื งหมาย ดอกจนั หน้า 26

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั อตั ราการสลายตวั ของธาตกุ มั มนั ตรงั สี หน้า 27

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คณุ คร:ู การสลายตวั ของธาตุกมั มนั ตรงั สนี นั้ เป็นปฏกิ ริ ยิ าอนั ดบั หน่งึ ซง่ึ มอี ตั ราการสลายขน้ึ อยกู่ บั ความเขม้ ขน้ หรอื ปรมิ าณของสารทส่ี ลายตวั เพยี งอย่างเดยี ว ถา้ ให้ N แทนจานวนอะตอมของ ธาตุกมั มนั ตรงั สี อตั ราการสลายตวั ของธาตุกมั มนั ตรงั สที ่ี ณ เวลา t ใดๆ มคี า่ ดงั แสดงใน สมการท่ี 1 λ คอื คา่ คงตวั การสลาย เป็นคา่ เฉพาะของไอโซโทปกมั มนั ตรงั สแี ต่ละชนิด คา่ λ ยง่ิ สงู ยงิ่ แสดงถงึ อตั ราการสลายตวั ทม่ี าก โดยธรรมชาตแิ ลว้ ธาตุกมั มนั ตรงั สนี นั้ จะสลายตวั อยู่ ตลอดเวลาทาใหอ้ ตั ราการสลายตวั ลดลงเมอ่ื เวลาผา่ นไป เน่อื งจากปรมิ าณของอะตอม กมั มนั ตรงั สมี คี า่ ลดลง เราสามารถหาปรมิ าณอะตอมกมั มนั ตรงั สี ณ เวลาใดๆ ได้ เมอ่ื ทราบ คา่ λ โดยสมมตใิ หจ้ านวนอะตอมของธาตุกมั มนั ตรงั สเี รม่ิ ตน้ มคี า่ เท่ากบั N0 ณ เวลา t = 0 จะพบว่าจานวนอะตอม N เมอ่ื เวลาผา่ นไป t หน่วยมคี ่าดงั สมการท่ี 2 ซง่ึ คา่ λ อาจหาได้ จากการทดลองหรอื คานวณจากความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งค่าครง่ึ ชวี ติ กบั λ ดงั สมการท่ี 3 ในทางปฏบิ ตั นิ ยิ มวดั อตั ราการสลายหรอื คา่ กมั มนั ตภาพ (A) แทนการวดั ปรมิ าณอะตอมของ ธาตุกมั มนั ตรงั สนี นั้ ๆ ออกมาโดยตรง ค่ากมั มนั ตภาพ คอื ปรมิ าณอะตอมของธาตุ กมั มนั ตรงั สที ส่ี ลายตวั ต่อหน่งึ หน่วยเวลา มหี น่วยเป็น ครู ี (Ci) โดย 1 ครู ี มคี า่ เท่ากบั การ สลายตวั ของอะตอมกมั มนั ตรงั สี 3.70 x 1010 อะตอมต่อวนิ าที ซง่ึ นิยามมาจากอตั ราการ สลายตวั ของธาตุเรเดยี มปรมิ าณ 1 กรมั หน้า 28

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คณุ คร:ู ธาตุกมั มนั ตรงั สสี ลายตวั ใหร้ งั สแี ละอะตอมของธาตุใหม่ตลอดเวลา ในขณะทอ่ี ะตอมของธาตุ เดมิ จะลดน้อย ลงเรอ่ื ยๆ การสลายตวั ของธาตุกมั มนั ตรงั สี แต่ละชนิดมอี ตั ราไมเ่ ท่ากนั ขน้ึ กบั ชนดิ ของอะตอม การสลายตวั ของธาตุกมั มนั ตรงั สเี ป็นปฏกิ ริ ยิ าอนั ดบั หน่ึง นนั่ คอื อตั ราการสลายขน้ึ กบั ปรมิ าณสารตงั้ ตน้ เพยี งอยา่ งเดยี ว ขณะทส่ี ลายไป จานวนอะตอมของธาตุนนั้ จะลดลง และ ทาใหอ้ ตั ราการสลายชา้ ลงตามดว้ ย คณุ คร:ู กราฟทแ่ี สดงปรมิ าณของธาตุกมั มนั ตรงั สี กบั เวลา แสดงไดใ้ นรปู เสน้ โคง้ และเน่อื งจากอตั ราการสลายตวั ของธาตุกมั มนั ตรงั สแี ต่ละชนดิ แตกต่างกนั ดงั นนั้ จงึ ควรมคี า่ คงตวั ค่าหน่งึ ทใ่ี ช้ เปรยี บเทยี บอตั ราการสลาย คา่ คงตวั ดงั กลา่ วเรยี กวา่ “ครง่ึ ชวี ติ ” ใช้ สญั ลกั ษณ์ ท-ี ฮาลฟ์ ( t½ ) หน้า 29

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คณุ คร:ู ครง่ึ ชวี ติ หมายถงึ ระยะเวลาทน่ี ิวเคลยี สของสารกมั มนั ตรงั สสี ลายตวั จนเหลอื ครง่ึ หน่งึ ของ ปรมิ าณเดมิ ไอโซโทปกมั มนั ตรงั สขี องธาตุหน่งึ ๆ จะมคี รง่ึ ชวี ติ คงเดมิ ไมว่ า่ จะอยใู่ นรปู ธาตุหรอื สารประกอบ หน้า 30

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คุณคร:ู ครขู อยกตวั อยา่ ง เชน่ ไอโอดนี -หน่งึ สามหน่งึ มคี รง่ึ ชวี ติ 8 วนั หมายความว่า ถา้ เรมิ่ ตน้ มี ไอโอดนี -หน่งึ สามหน่งึ 10 กรมั นิวเคลยี สน้ีจะสลายตวั ใหร้ งั สเี บตาออกมา จนกระทงั่ เวลา ผ่านไปครบ 8 วนั จะมไี อโอดนี -หน่งึ สามหน่งึ เหลอื อยู่ 5 กรมั และมซี นี อน-หน่งึ สามหน่งึ เกดิ ขน้ึ 5 กรมั และเมอ่ื เวลาผ่านไปอกี 8 วนั (หรอื รวมเป็น 16 วนั ) จะมไี อโอดนี -หน่งึ สาม หน่งึ เหลอื อยเู่ พยี ง 2.5 กรมั และมซี นี อน-หน่งึ สามหน่ึง เกดิ ขน้ึ 7.5 กรมั นนั่ คอื ทุกๆ 8 วนั ไอโอดนี -หน่งึ สามหน่งึ จะสลายตวั ไป เหลอื เพยี งครง่ึ หน่งึ ของปรมิ าณ เดมิ หน้า 31

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คณุ คร:ู จากทค่ี รบู รรยายมา นกั เรยี นพอจะเขา้ ใจไหมครบั นกั เรยี น: งงจงั เลยค่ะคณุ ครู คุณคร:ู ค่อย ๆ ทาความเขา้ ใจไปนะครบั ครเู ช่อื วา่ ไมย่ ากเกนิ ความสามารถหรอก ถา้ อยา่ งนนั้ ครจู ะ ขอยกตวั อยา่ ง การคานวณเกย่ี วกบั ปรมิ าณ ธาตุกมั มนั ตรงั สเี พอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจใหก้ บั นกั เรยี นมากยง่ิ ขน้ึ นะครบั หน้า 32

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั การคานวณเก่ียวกบั ปริมาณธาตกุ มั มนั ตรงั สีในเวลาต่างๆ คุณคร:ู ตวั อยา่ งท่ี 1 จงหาปรมิ าณของ เทคนเี ทยี ม-99 ทเ่ี หลอื เมอ่ื วาง เทคนีเทยี ม-99 จานวน 100 มลิ ลกิ รมั ไวน้ าน 24 ชวั่ โมง และ เทคนเี ทยี ม-99 มคี รง่ึ ชวี ติ 6 ชวั่ โมง วธิ คี ดิ 24 ชวั่ โมงของ เทคนีเทยี ม-99 คดิ เป็น 4 ครง่ึ ชวี ติ ดงั นนั้ เมอ่ื เวลาผา่ นไป 24 ชวั่ โมง หรอื ผา่ นไป 4 ครง่ึ ชวี ติ จะมี เทคนเี ทยี ม-99 เหลอื อยู่ 6.25 มลิ ลกิ รมั หน้า 33

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คุณคร:ู ตวั อยา่ งท่ี 2 จงหาปรมิ าณฟอสฟอรสั -32 เรมิ่ ตน้ เมอ่ื นาฟอสฟอรสั -32 จานวนหน่งึ มาวางไว้ เป็นเวลา 140 วนั แลว้ ปรากฏว่ามมี วลเหลอื อยู่ 0.8 กรมั กาหนดใหค้ รง่ึ ชวี ติ ของฟอสฟอรสั - 32 เท่ากบั 28 วนั วธิ คี ดิ สมมตใิ หฟ้ อสฟอรสั -32 เรมิ่ ตน้ มี x กรมั เมอ่ื วางไว้ 140 วนั คดิ เป็น 5 ครง่ึ ชวี ติ เมอ่ื ผา่ นไป 5 ครง่ึ ชวี ติ ฟอสฟอรสั -32 ทเ่ี หลอื มมี วล 0.8 กรมั คดิ เป็นฟอสฟอรสั -32 เท่ากบั x/32 ของมวลเรม่ิ ตน้ เราจงึ สามารถหาค่า x ได้ ซง่ึ มคี ่าเท่ากบั 25.6 ดงั นนั้ ปรมิ าณฟอสฟอรสั -32 เรม่ิ ตน้ มมี วล 25.6 กรมั หน้า 34

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 6. แบบทดสอบหลงั เรียนพรอ้ มเฉลย แบบทดสอบหลงั เรยี นเรอ่ื ง เป็นชนิดปรนยั 4 ตวั เลอื ก มี 5 ขอ้ ซง่ึ ทาการเปลย่ี นลาดบั ทงั้ โจทย์ และตวั เลอื กทกุ ครงั้ ทเ่ี ปิดใชส้ อ่ื เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนและผลการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เหมอื นกบั แบบทดสอบก่อนเรยี น คาถามและเฉลยคาตอบของแบบทดสอบทา้ ยบทมดี งั น้ี คาถาม : ในการยงิ อนุภาคแอลฟาไปยงั นิวเคลยี สของ U240 พบว่าไดอ้ ะตอมของ 243 Pu และอนุภาค X 92 94 ก่อนท่ี 243 Pu จะสลายตวั ใหร้ งั สบี ตี า และไอโซโทป Y อยากทราบวา่ X และ Y คอื ขอ้ ใดตามลาดบั 94 ตวั เลอื กทห่ี น่งึ : นิวตรอน และ อเมรเิ ซยี ม ( 243 Am ) 95 ตวั เลอื กทส่ี อง : บตี า และ เนปทเู นยี ม ( 243 Np ) 93 ตวั เลอื กทส่ี าม : นวิ ตรอน และ เนปทเู นยี ม ( 244 Np ) 93 ตวั เลอื กทส่ี ่ี : บตี า และ อเมรเิ ซยี ม ( 244 Am ) 95 คาตอบ : นวิ ตรอน และ อเมรเิ ซยี ม ( 243 Am ) 95 แนวคิดและคาอธิบาย : การยงิ อนุภาคแอลฟาไปยงั นวิ เคลยี สของ U240 เขยี นสมการไดด้ งั น้ี 92 + + เลขมวล : 240 + 4 = 243 + b b = 240 + 4 – 243 = 1 เลขอะตอม : 92 + 2 = 94 + a a = 92 + 2 – 94 = 0 X คอื หรอื นวิ ตรอน หน้า 35

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั + เลขมวล : 243 = 0 + d d = 243 เลขอะตอม : 94 = – 1 + c c = 95 Y คอื 243 Am (ดจู ากตารางธาตุ ธาตุทม่ี เี ลขอะตอมเท่ากบั 95 คอื ธาตุอเมรเิ ซยี ม) 95 คาถาม : ธาตุในขอ้ ใดต่อไปน้ีไม่จดั เป็นธาตุกมั มนั ตรงั สี ตวั เลอื กทห่ี น่งึ : Na-23 ตวั เลอื กทส่ี อง : U-235 ตวั เลอื กทส่ี าม : C-14 ตวั เลอื กทส่ี ่ี : Cs-137 คาตอบ : Na-23 แนวคิดและคาอธิบาย : Na-23 เป็นไอโซโทปทเ่ี สถยี รในธรรมชาติ จงึ ไม่จดั เป็นธาตุกมั มนั ตรงั สี ส่วน ธาตุอ่นื ๆ เป็นไอโซโทปทไ่ี มเ่ สถยี ร จงึ จดั เป็นธาตุกมั มนั ตรงั สี (นกั เรยี นตอ้ งใชค้ วามจา) หน้า 36

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คาถาม : จากปฏกิ ริ ยิ า  + X X ควรเป็นรงั สใี ด + ตวั เลอื กทห่ี น่งึ : บตี า ตวั เลอื กทส่ี อง : แกมมา ตวั เลอื กทส่ี าม : แอลฟา ตวั เลอื กทส่ี ่ี : โพซติ รอน คาตอบ : โพซติ รอน แนวคิดและคาอธิบาย : จากสมการ  เลขมวล : 226 = 226 + b b = 226 – 226 = 0 เลขอะตอม : 89 = 88 + a a = 89 – 88 = +1 X คอื หรอื โพซติ รอน ดสู ญั ลกั ษณ์จากตาราง หน้า 37

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คาถาม : Na-24 ใชใ้ นการศกึ ษาอตั ราการไหลของเลอื ด ในระบบหมุนเวยี นในรา่ งกาย มคี รง่ึ ชวี ติ 15 ชวั่ โมง เมอ่ื เวลาผ่านไป 2.5 วนั จะพบ Na-24 เหลอื อยกู่ เ่ี ปอรเ์ ซน็ ต์ ตวั เลอื กทห่ี น่งึ : 3.175 % ตวั เลอื กทส่ี อง : 6.25 % ตวั เลอื กทส่ี าม : 25 % ตวั เลอื กทส่ี ่ี : 12.5 % คาตอบ : 6.25 % แนวคิดและคาอธิบาย : เมอ่ื เวลาผ่านไป 2.5 วนั คดิ เป็น 2.5 x 24 ชวั่ โมง หรอื เทา่ กบั 60 ชวั่ โมง ครง่ึ ชวี ติ ของ Na-24 เท่ากบั 15 ชวั่ โมง เมอ่ื เวลาผ่านไป 60 ชวั่ โมง คดิ เป็น 60 เท่ากบั 4 ครง่ึ ชวี ติ 15 1 ครง่ึ ชวี ติ จะเหลอื Na-24 อยู่ 50 % 2 ครง่ึ ชวี ติ จะเหลอื Na-24 อยู่ 25 % 3 ครง่ึ ชวี ติ จะเหลอื Na-24 อยู่ 12.5 % 4 ครง่ึ ชวี ติ จะเหลอื Na-24 อยู่ 6.25 % เพราะฉะนนั้ จะพบ Na-24 เหลอื อยู่ 6.25 % หน้า 38

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั คาถาม : จงหาครง่ึ ชวี ติ ของ I-131 เมอ่ื เรมิ่ ตน้ นา I-131 มา 4 กรมั หลงั จากผ่านไป 40 วนั แลว้ พบว่ามี มวลเหลอื 0.125 กรมั ตวั เลอื กทห่ี น่งึ : 8 วนั ตวั เลอื กทส่ี อง : 16 วนั ตวั เลอื กทส่ี าม : 2 วนั ตวั เลอื กทส่ี ่ี : 4 วนั คาตอบ : 8 วนั แนวคิดและคาอธิบาย : ครง่ึ ชวี ติ ท่ี 12 3 4 5 6 เปอรเ์ ซนตท์ เ่ี หลอื 50 25 12.5 6.25 3.125 1.5625 เหลอื I-131 0.125 กรมั จากเรมิ่ ตน้ 4 กรมั คดิ เป็นเปอรเ์ ซนตท์ เ่ี หลอื 0.125 100 = 3.125 % 4 จากตาราง 3.125 % เทา่ กบั ครง่ึ ชวี ติ ท่ี 5 เพราะฉะนนั้ เวลาผ่านไป 5 ครง่ึ ชวี ติ คดิ เป็น 40 วนั ถา้ เวลาผ่านไป 1 ครง่ึ ชวี ติ คดิ เป็น 40 วนั หรอื 8 วนั 5 หน้า 39

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 7. แบบฝึ กหดั พร้อมเฉลย เมนูแบบฝึกหดั เป็นดงั น้ี หากตอ้ งการดเู ฉลยสามารถคลกิ ท่ี เฉลย ดา้ นล่าง และเลอื กหมายเลขขอ้ ท่ี ตอ้ งการดเู ฉลย หน้า 40

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั หน้า 41

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั หน้า 42

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 8. แนวทางการทาโครงงาน หรือบทความอ่านเสริม ธาตุคารบ์ อนในธรรมชาติ ประกอบดว้ ย 3 ไอโซโทป คอื คารบ์ อน-12 คารบ์ อน-13 และคารบ์ อน-14 คารบ์ อน-14 เป็นไอโซโทปกมั มนั ตรงั สี สามารถรวมตวั กบั ออกซเิ จนในบรรยากาศ กลายเป็นแก๊ส คารบ์ อนไดออกไซด์ แลว้ กแ็ พรก่ ระจายลงมายงั บรรยากาศชนั้ ลา่ ง เขา้ สสู่ งิ่ มชี วี ติ โดยกระบวนการ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสง แพรก่ ระจายลงส่ทู ะเลและมหาสมทุ ร และอยใู่ นรปู ของสารประกอบไบคารบ์ อเนต และคารบ์ อเนต หน้า 43

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั เมอ่ื สง่ิ มชี วี ติ ทงั้ หลายตายไป การแลกเปลย่ี นคารบ์ อน-14 ระหว่างสง่ิ มชี วี ติ กบั ชนั้ บรรยากาศจะสน้ิ สดุ ลง ทาใหป้ รมิ าณ คารบ์ อน-14 ทม่ี อี ยเู่ ดมิ ลดจานวนลงไปเรอ่ื ย ๆ อนั เป็นผลสบื เน่อื งมาจากการสลาย กมั มนั ตรงั สี ของธาตุกมั มนั ตรงั สี จากกฎการสลายกมั มนั ตรงั สขี องธาตุกมั มนั ตรงั สี สามารถคานวณหาเวลาตงั้ แต่สงิ่ มชี วี ติ นนั้ ตายไป จนกระทงั่ ถงึ ปีปจั จบุ นั โดยทวั่ ไปการหาอายโุ ดยวธิ นี ้ี สามารถหาอายไุ ดใ้ นชว่ ง 200 ถงึ 50,000 ปี ซง่ึ ตวั อยา่ งทส่ี ามารถนามาหาอายโุ ดยวธิ นี ้ตี อ้ งมคี ารบ์ อน เป็นองคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ ไม้ ถ่าน เปลอื กหอย และกระดกู เป็นตน้ จะเหน็ ว่าตวั อยา่ งทก่ี ล่าวมานนั้ มาจากสง่ิ มชี วี ติ ทงั้ สน้ิ สาหรบั ตวั อยา่ ง หนิ แกว้ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผา ไมส่ ามารถนามาหาอายุโดยวธิ นี ้ไี ด้ การหาอายดุ ว้ ยวธิ คี ารบ์ อน-สบิ ส่ี จาเป็นตอ้ งวดั กมั มนั ตภาพรงั สขี องคารบ์ อน-สบิ ส่ี ในตวั อยา่ ง เปรยี บเทยี บกบั กมั มนั ตภาพรงั สขี องสาร มาตรฐาน หน้า 44

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 9. เอกสารอ้างอิง หรือ แหล่งข้อมลู เพิ่มเติม 1. หนงั สอื เรยี นสาระการเรยี นรพู้ น้ื ฐานและเพม่ิ เตมิ เคมี เล่ม 3. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 1,สถาบนั ส่งเสรมิ การ สอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2553,. 2. ค่มู อื ครสู าระการเรยี นรพู้ น้ื ฐานและเพม่ิ เตมิ เคมี เลม่ 1. ,สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2551. 3. Raymond Chang, Chemistry, 10th edition, McGraw-Hill Company Inc., New York 2009. 4. Masterton W.L. and Hurley C.N., Chemistry Principles and Reactions, 5th edition, Tomson Learning Inc., Canada, 2004. แหล่งข้อมลู เพิ่มเติม 1. การสลายตวั ของสารกมั มนั ตรงั สี http://th.wikipedia.org (12 พ.ค. 54) 2. Uranium http://en.wikipedia.org/wiki/Uranium (12 พ.ค. 54) 3. Radium http://en.wikipedia.org/wiki/Radium (12 พ.ค. 54) 4. เก่าแคไ่ หน? http://www.material.chula.ac.th/RADIO44/november/radio11-3.htm (12 พ.ค. 54) หน้า 45

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ชื่อบทเรียน 10. ภาคผนวก บทท่ี 1 รายชื่อสื่อการสอนวิชาเคมีจานวนทงั้ หมด 92 ตอน อะตอมและตารางธาตุ ตอนท่ี ช่ือตอน บทท่ี 2 1 แบบจาลองและววิ ฒั นาการของแบบจาลองอะตอม 1 พนั ธะเคมี 2 แบบจาลองและววิ ฒั นาการของแบบจาลองอะตอม 2 3 อนุภาคมลู ฐานของอะตอม บทท่ี 3 4 เลขอะตอม เลขมวล และไอโซโทป สมบตั ขิ องธาตุ 5 คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า และสเปกตรมั และสารประกอบ 6 สเปกตรมั ของธาตุและการแปลความหมาย 7 พนั ธะโคเวเลนต:์ การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ บทท่ี 4 8 สญั ลกั ษณ์แบบจุดของลวิ อสิ ปรมิ าณสมั พนั ธ์ 9 การเขยี นสตู รและการเรยี กชอ่ื สารโคเวเลนต์ 10 ความยาวพนั ธะและพลงั งานพนั ธะ 11 แนวคดิ เกย่ี วกบั เรโซแนนซ์ 12 รปู รา่ งของโมเลกุล 13 ขวั้ ของพนั ธะและสภาพขวั้ ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ 14 สมบตั ขิ องสารประกอบตามคาบในตารางธาตุ 15 ปฏกิ ริ ยิ าของธาตุหมู่ IA และ IIA 16 ปฏกิ ริ ยิ าของธาตหุ มู่ VIIA 17 สมบตั ขิ องธาตุกมั มนั ตรงั สี 18 ปฏกิ ริ ยิ านิวเคลยี ร์ 19 การตรวจสอบและเทคโนโลยกี ารใชส้ ารกมั มนั ตรงั สี 20 มวลอะตอมและมวลอะตอมเฉลย่ี 21 มวลโมเลกุล 22 โมลและจานวนโมลกบั จานวนอนุภาค 23 จานวนโมลกบั มวล 24 จานวนโมลกบั ปรมิ าตรของแก๊ส 25 สตู รโมเลกุลและมวลเป็นรอ้ ยละของธาตุองคป์ ระกอบ หน้า 46

ค่มู อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ช่ือบทเรียน ตอนท่ี ชื่อตอน บทท่ี 5 26 สตู รเอมไพรคิ ลั และสตู รโมเลกุล ของแขง็ ของเหลวและแกส๊ 27 อนุภาคสมั พนั ธใ์ นปฏกิ ริ ยิ าเคมี 28 สตู รโมเลกุลและมวลเป็นรอ้ ยละของธาตุองคป์ ระกอบ บทท่ี 6 29 สถานะของสสาร อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 30 ความตงึ ผวิ 31 การระเหย บทท่ี 7 32 กฎของบอยล์ สมดลุ เคมี 33 กฎของชารล์ 34 รปู ของของแขง็ บทท่ี 8 35 ความดนั ไอกบั จุดเดอื ดของของเหลว กรด-เบส 36 แนวคดิ เกย่ี วกบั การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 37 ผลของความเขม้ ขน้ ของสารต่ออตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า 38 ผลของพน้ื ทผ่ี วิ ของสารต่ออตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 39 ตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 40 การเปลย่ี นแปลงทผ่ี นั กลบั ได้ 41 การเปลย่ี นแปลงทท่ี าใหเ้ กดิ ภาวะสมดุล 42 สมดลุ ในปฏกิ ริ ยิ าเคมี 1 43 สมดลุ ในปฏกิ ริ ยิ าเคมี 2 44 หลกั ของเลอชาเตอลเิ อ 45 การใชห้ ลกั ของเลอชาเตอลเิ อในอุตสาหกรรม 46 ทฤษฎกี รด-เบส: นิยามของอารเ์ รเนียส เบรนิ สเตด- ลาวรี และลวิ อสิ 47 การแตกตวั เป็นไอออนของน้าและ pH ของสารละลาย 48 การแตกตวั ของกรดและเบส: กรดแก่และเบสแก่ 49 การแตกตวั ของกรดและเบส: กรดออ่ น 50 การแตกตวั ของกรดและเบส: เบสอ่อน 51 อนิ ดเิ คเตอรส์ าหรบั กรด-เบส 52 ปฏกิ ริ ยิ าของกรด-เบส: ปฏกิ ริ ยิ าสะเทนิ 53 ปฏกิ ริ ยิ าของกรด-เบส: ปฏกิ ริ ยิ าไฮโดรลซิ สิ ของเกลอื หน้า 47

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความร่วมมอื ระหวา่ ง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ชื่อบทเรียน ตอนท่ี ช่ือตอน บทท่ี 9 ไฟฟ้าเคมี 54 ปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์ 55 การทดลองเรอ่ื งปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งโลหะกบั สารละลายของโลหะไอออน บทท่ี 10 ธาตุและสารประกอบ 56 การดุลสมการรดี อกซโ์ ดยใชเ้ ลขออกซเิ ดชนั อุตสาหกรรม 57 การดุลสมการรดี อกซโ์ ดยใชค้ รง่ึ ปฏกิ ริ ยิ า 58 เซลลไ์ ฟฟ้าเคม:ี เซลลก์ ลั วานิก ตอนท่ี 1 บทท่ี 11 เคมอี นิ ทรยี ์ 59 เซลลก์ ลั วานิก ตอนท่ี 2:การทดลองแสดงการถ่ายโอนอเิ ลก็ ตรอน ในเซลลก์ ลั วานกิ 60 เซลลค์ วามเขม้ ขน้ 61 ศกั ยไ์ ฟฟ้าของเซลลแ์ ละศกั ยไ์ ฟฟ้ามาตรฐานของครง่ึ เซลล์ 62 การใชป้ ระโยชน์จาก Eo ตอนท่ี 1 63 การใชป้ ระโยชน์จาก Eo ตอนท่ี 2 64 อตุ สาหกรรมเซรามกิ ส์ 65 ผลติ ภณั ฑเ์ ซรามกิ ส์ แกว้ 66 ปนู ซเี มนต์ 67 อตุ สาหกรรมป๋ยุ ป๋ ยุ ไนโตรเจน 68 ป๋ ยุ ฟอสเฟต 69 ป๋ ุยโพแทช ป๋ ยุ ผสม 70 แร่รตั นชาติ 1 71 การเขยี นสตู รโครงสรา้ งของสารประกอบอนิ ทรยี ์ 72 ไอโซเมอรซิ มึ 73 หม่ฟู งั กช์ นั 74 สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนและสมบตั บิ างประการ 75 สารประกอบแอลเคนและไซโคลแอลเคน 76 สารประกอบแอลคนี 77 สารประกอบแอลไคน์ หน้า 48

คมู่ อื สอ่ื การสอนวชิ าเคมี โดยความรว่ มมอื ระหว่าง สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ช่ือบทเรียน ตอนท่ี ช่ือตอน บทท่ี 12 78 ผลติ ภณั ฑจ์ ากซากดกึ ดาบรรพ์ เชอ้ื เพลงิ ซากดกึ ดาบรรพ์ และผลติ ภณั ฑป์ ิโตรเคมี 79 ถ่านหนิ บทท่ี 13 80 หนิ น้ามนั สารชวี โมเลกลุ 81 ปิโตรเลยี ม 82 พลาสตกิ 83 ปฏกิ ริ ยิ าการเตรยี มเสน้ ใยเรยอน 84 ยาง 85 ความหมายและความสาคญั ของสารชวี โมเลกลุ 86 โปรตนี 87 กรดอะมโิ น และ/หรอื พนั ธะเพปไทด์ 88 โครงสรา้ งปฐมภมู ขิ องโปรตนี และ/หรอื โครงสรา้ งทตุ ยิ ภมู ขิ องโปรตนี และ/หรอื โครงสรา้ งตตยิ ภมู ิ และ/หรอื จตุรภมู ขิ องโปรตนี 89 การจดั จาแนกและหน้าทข่ี องโปรตนี 90 เอนไซม์ 91 การแปลงสภาพของโปรตนี และการทดสอบโปรตนี 92 คารโ์ บไฮเดรต หน้า 49


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook