หนว่ ยที่ 1 การตลาดและความสาคัญของการตลาด สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของการตลาด 2. การตลาดกบั การสร้างอรรถประโยชนต์ ่อ ผ้บู รโิ ภค 3. ความสาคญั ของการตลาด 4. สว่ นประสมทางการตลาด 5. การตลาดกับการขาย 6. ข้อแตกตา่ งระหว่าการตลาดกับการขาย
สมรรถนะการเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมายของการตลาดได้ 2. อธิบายการตลาดกับการสร้าง อรรถประโยชนต์ อ่ ผ้บู ริโภค 3. อธิบายความสาคัญของการตลาดตอ่ องคก์ ร ต่าง ๆ ได้ 4. บอกสว่ นประสมทางการตลาดได้ 5. อธบิ ายความหมายของการตลาดกบั การ ขายได้ 6. อธบิ ายความแตกตา่ งระหวา่ งการตลาดกับ การขายได้
แผนผงั ความความคิด การตลาดและความสาคัญของการตลาด ความหมายของการตลาด การตลาดกบั การสร้างอรรถประโยชน์ต่อผูบ้ ริโภค ความสาคญั ของการตลาด ส่วนประสมทางการตลาด การตลาดกับการขาย ขอ้ แตกต่างระหว่าการตลาดกับการขาย
1.1 ความหมายของการตลาด สาระสาคญั คาว่าการตลาด (Marketing) มีผู้ให้คานิยาม ความหมายตา่ ง ๆ ดังนี้ ในยุคท่ีการดาเนินธุรกิจการค้าในโลก สมาคมการตลาดแห่งสหรัฐอเมริกา (The ปัจจุบันมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง โลก America Marketing Association : AMA) แห่งธุรกิจมีความแคบเข้ามาทุกที การ ได้นิยามความหมายการตลาด ไว้ดังน้ี “การตลาด ดาเนินการค้าและการลงทุนมีเสรีและเปิด หมายถึง กระบวนการวางแผนและบริหารในด้าน กว้างมากขึน้ ประกอบกบั กระแสโลกาภิวัตน์ แนวคิดการกาหนดราคาการส่งเสริมการตลาด การเข้ามา มีบทบาทขอ งเทคโนโล ยี การจัดจาหน่ายสินค้าหรือบริการเพื่อให้เกิดการ สารสนเทศและคอมพวิ เตอร์ระบบเครื่อขา่ ย แลกเปล่ียนสินค้าและบริการซ่ึงทาให้ผู้บริโภค อิ น เ ท อ ร์ เ น็ ต ท า ใ ห้ ผู้ ป ร ะ ก อ บ ก า ร ต้ อ ง ได้รับความพึงพอใจและบรรลุวัตถุประสงค์ของ พัฒนาการค้าให้ทันกับการเปล่ียนแปลงที่ องคก์ ร” เกิดข้ึนตลอดเวลา โดยพยายามดาเนิน กิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ ให้สอดคล้อง ฟิลิป คอตเลอร์ (Philip Kotler) ได้ให้คา กับความต้องการของผู้บริโภคให้มากท่ีสุด จากัดความของการตลาดว่า “การตลาด คือ บทบาทของการตลาดจึงมีความสาคัญ กระบวนการทางสังคมและการบริหาร ท่ีทาให้ สาหรับธุรกิจหรือผู้ประกอบการมากย่ิงข้ึน บุคคลหรือกลุ่มบุคคลได้รับการตอบสนองในสิ่งที่ เน่ืองจากการตลาดเป็นตัวเชื่อมการใช้ จาเป็นและต้องการต่าง ๆ โดยอาศัยการ ทรัพยากรต่าง ๆ ขององค์กรให้เกิด สร้างสรรค์การนาเสนอและการแลกเปลี่ยนสินค้า ประสิทธิภาพสูงสุด ท่ีจะก่อให้เกิดการ และบรกิ ารท่ีมีคุณคา่ กบั บุคคลอ่ืน” ต อ บ ส น อ ง ค ว า ม พึ ง พ อ ใ จ สู ง สุ ด ใ ห้ กั บ ผบู้ รโิ ภคนัน่ เอง จากความหมายของการตลาด ฟิลิป คอต เลอร์ สรุปได้ว่า การตลาดเป็นกระบวนการทาง สังคมและการบริหาร ทเ่ี ริม่ จาก 1. การวิเคราะห์หาความจาเป็นความ ต้องการและความต้องการซ้ือสินค้าของมนุษย์ (Human Needs Wants and Demands) ความ จาเป็นของมนุษย์ ประกอบด้วยความจาเป็น ท า ง ด้ า น ร่ า ง ก า ย ไ ด้ แ ก่ ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ปัจจัย 4 ประกอบด้วย อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรคและเคร่ืองนุ่งห่ม ความจาเป็น ทางดา้ นสงั คม ได้แก่ การยอมรับให้เป็นพวกพ้อง
ความจาเป็น เป็นตวั กระตนุ้ ใหเ้ กดิ ความต้องการ เชน่ ตอ้ งการสิง่ ของมา ตอบสนองความพอใจของตนเอง ความตอ้ งการของมนุษยม์ ีมากมายไมม่ ที ี่ สิ้นสุด ขน้ึ อย่กู ับสังคม วฒั นธรรม และบคุ ลิกภาพส่วนบุคคล 2. มกี ารสรา้ งสรรค์ผลิตภณั ฑ์หรอื สงิ่ ที่มคี ุณคา่ ขนึ้ มา เพือ่ ตอบสนอง ความตอ้ งการของมนษุ ยใ์ หไ้ ด้รับความพอใจ ผลิตภัณฑใ์ นท่นี ้ี หมายถึง สินค้าหรอื บริการ สถานท่ี องคก์ ร กิจกรรมหรือความคดิ ก็ได้ 3. มกี ารแลกเปล่ยี น เป็นกจิ กรรมที่ไดร้ บั ผลติ ภัณฑจ์ ากบคุ คลหนึง่ โดยการเสนอสงิ่ ทม่ี คี ณุ คา่ เป็นการตอบแทน ลกั ษณะของการแลกเปลยี่ น ประกอบด้วย 1. บคุ คลหรอื กลุม่ บคุ คลตัง้ แตส่ องฝ่ายขนึ้ ไป 2. แต่ละฝ่าย มีบางสิง่ ที่มีคุณค่าสาหรับอกี ฝา่ ยหน่ึง 3. แตล่ ะฝ่ายมคี วามสามารถในการตดิ ต่อสอ่ื สาร และ การสง่ มอบ 4. แตล่ ะฝา่ ยมีอิสระที่จะยอมรบั หรือปฎิเสธในสงิ่ ทีอ่ ีก ฝ่ายหนงึ่ เสนอ 5. แตล่ ะฝา่ ยเชอื่ ว่าเป็นการเหมาะสม หรอื พอใจที่จะ ติดตอ่ ส่ือสารกับอกี ฝ่ายหนง่ึ ซ่ึงสรุปได้ว่า การแลกเปล่ยี นระหวา่ งนกั การ ตลาดและผูท้ ่คี าดวา่ จะเปน็ ลกู คา้ กล่าวคอื นกั การตลาดจะตอ้ งเสนอ เครอื่ งมอื การตลาด (ผลติ ภณั ฑ์ ราคา ช่องทางการจดั จาหนา่ ย การสง่ เสริม การตลาด) ทเี่ หมาะสม เพ่ือสนองความต้องการของลกู คา้ หรอื ผทู้ ่ีคาดว่า จะเป็นลูกคา้ ใหเ้ กิดความพึงพอใจและในขณะเดียวกนั เขาก็ต้องการขาย ผลิตภัณฑ์ไดใ้ นราคาทีเ่ หมาะสม การชาระเงนิ ตรงเวลาและการเจราขาย ไดผ้ ล
4. การซอื้ ขาย ในการแลกเปลยี่ นหากทัง้ สองฝา่ ยนาสนิ ค้ามาแลกกบั สินคา้ เราเรียกวา่ “Barter Transaction” แตห่ ากฝ่ายใดฝ่ายหนง่ึ นาส่งิ ของมา แลกกับเงนิ ตรา เราเรยี กว่า “Monetary Transaction” 5. ตลาด การซอ้ื ขายก่อให้เกิดการหมนุ เวยี นของเงินตราและ ผลติ ภัณฑข์ ึน้ ในระบบเศรษฐกิจ มีผเู้ ข้ามาเก่ียวขอ้ งคอื ผูซ้ ือ้ กบั ผู้ขาย ผูซ้ ื้อในทน่ี ี้ กค็ ือ ตลาด (Markets) ถา้ ผู้ซอ้ื มีเปน็ จานวนมาก เรยี กวา่ ตลาดผู้บริโภค ผูบ้ ริโภคนาเงนิ ไปซ้อื ผลิตภณั ฑ์จากผ้ขู าย ผู้ขายตอ่ จานวนมาก เรียกวา่ ตลาดคน กลาง เม่อื คนกลางนาเงินไปซือ้ ผลติ ภัณฑ์จากผ้ผู ลติ เพ่ือนามาขายต่อ ผูผ้ ลิต จานวนมาก เรยี กว่า ตลาดผ้ผู ลิต ทาใหเ้ กดิ เงินตราและผลติ ภณั ฑ์หมุนเวยี น เป็นวัฏจกั รในระบบเศรษฐกิจ ดังน้นั “ตลาด” จะมลี ักษณะ ดงั น้ี 5.1 มีความตอ้ งการในผลติ ภัณฑท์ ่ีเสนอขาย 5.2 มเี งินหรือสงิ่ ของมคี ่ามาแลกเปล่ียน 5.3 มีความเตม็ ใจทจ่ี ะจ่ายเงินซอ้ื เพื่อให้ไดผ้ ลิตภัณฑน์ ้ันมา 6. การตลาด คือ การดาเนินงานเพื่อตอบสนองความต้องการของ ตลาดใหไ้ ด้รับความพอใจ ดั้งนั้น ความหมายของการตลาด ก็คือ การออกแบบส่วนประสมทาง การตลาด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ (Product) การกาหนดราคา (Price) ช่องทางการ จัดจาหน่าย (Place) และการส่งเสริมการตลาด (Promotion) เพื่อตอบสนอง ความตอ้ งการของลูกค้าน่นั เอง
ศาสตร์การทาการตลาดน้ันถ้าหากสังเกตดูดี ๆ แล้วจะพบว่ามี ความใกล้ชิดและใกล้เคียงกับรูปแบบการใช้ชีวิตและกิจกรรม ประจาวันอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับเพื่อนฝูงท่ีต้องการ อาศยั ทกั ษะการเล่าเรื่องเพื่อให้ผู้ฟงั เกิดความรู้สึกเชื่อและยอมรับ เรา กจิ กรรมที่เราเห็นในชีวิตประจาวันเหล่าน้ีแท้จริงก็คือ การทา การตลาดเพ่ือให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเราเกิดความรู้สึกพึง พอใจและเลือกส่ิงท่ีเรานาเสนอในที่สดุ
1.2 การตลาดกบั การสรา้ งอรรถประโยชน์ต่อผบู้ ริโภค จากความหมายของการตลาด จะเห็นได้ว่า การตลาดเป็นการดาเนินกิจกรรมเพ่ือ ตอบสนองความ ต้องการของผู้บริโภคให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด การตอบสนองความต้องการ ของผูบ้ รโิ ภคได้มากที่สุด ทาได้ โดยวธิ ีการสรา้ งอรรถประโยชนด์ า้ นตา่ ง ๆ อย่าง ครบถว้ น อรรถประโยชน์ (Utility) หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ท่ี สามารถตอบสนองความต้องการหรือ ความจําเป็นของ มนษุ ย์ได้ การตลาดสามารถสร้างอรรถประโยชน์ให้กบั ผ้บู ริโภคได้ 5 ด้าน คือ อรรถประโยชน์ด้านรูปแบบ ด้านราคา ด้านเวลา ด้านสถานท่ี และด้านความเป็น เจ้าของ 1.2.1 อรรถประโยชนด์ า้ นรปู แบบ (Form Utility) คือ การผลิตผลิตภัณฑ์ให้มีรูปร่าง รูปแบบต่าง ๆ ตาม ท่ีผู้ซื้อต้องการ โดยฝ่ายการตลาดจะเป็นหน่วยงาน ที่ค้นหาความต้องการ ของลูกค้า ว่ามีความต้องการ ผลิตภัณฑ์รูปร่างอย่างไร นาข้อมูลเสนอต่อฝ่ายผลิตเพื่อ ผลิตผลิตภณั ฑ์ตามรูปแบบท่ีลกู ค้าต้องการ เสนอต่อลกู ค้าโดยอาศยั การตลาดเข้ามาช่วย เสริม กระทัง่ ลกู ค้าทราบและแลกเปล่ียนซือ้ ขายในที่สดุ เช่น การผลิตเสือ้ ผ้ าหลากหลาย รูปแบบจําหน่าย 1.2.2 อรรถประโยชน์ด้านราคา (Price Utility) การตลาดทาให้ลูกค้าสามารถเลือก หาซ้อื ผลติ ภณั ฑ์ตาม ราคาทต่ี ้องการ โดยมีการผลิตผลิตภัณฑ์หลายระดับ ราคา เพือ่ ตอบสนอง ความต้องการของผู้ซื้อ ตามความ สามารถในการซ้ือของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม คือ มที ัง้ ระดับราคาสูง ราคาปานกลาง หรอื ราคาตา่ เปน็ ต้น 1.2.3 อรรถประโยชน์ดา้ นเวลา (Time Utility) การตลาดทาให้ลูกค้าสามารถหาซื้อ สินคา้ ได้ทุกเวลา ตามที่ต้องการ เช่น ร้านค้าสะดวกซื้อเปิดบริการตลอด 24 ช่ัวโมง หรือลูกค้า สามารถซื้อเส้ือกันหนาวนอก ฤดูกาลได้ หรือการมีลาไย เงาะ ทุเรียน ให้สามารถ ซ้ือได้ตลอด ทั้งปี
ภาพท่ี 1.1 รา้ นสะดวกซื้อเปดิ บรกิ าร 24 ชวั่ โมง 1.2.4 อรรถประโยชน์ด้านสถานที่ (Place Utility) การตลาดทาให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้า ได้ในสถานท่ีท่ีต้องการ เช่น ผู้บริโภคไม่จาเป็นต้องเดินทาง 4 ไปซื้อลาไยถึงแหล่งผลิตที่ จังหวัดลาพูน แต่คนกลาง 4 จะนาไปจาหน่ายยังสถานท่ีต่าง ๆ ทั่วไปทุกภาคของประเทศ หรือ อาจนาไปเรข่ ายถงึ บา้ นพกั อาศยั ของผู้ซอ้ื 1.2.5 อรรถประโยชน์ด้านความเป็ นเจ้าของ (Possession Utility) การตลาด ทําให้ลกู ค้าสามารถเป็นเจ้าของผลติ ภณั ฑ์ตามท่ีต้องการได้ทนั ทีเป็นเจ้าของผลติ ภณั ฑ์ตามท่ี ต้องการได้ทนั ทีเม่อื เกิด มน่ั คง ความต้องการ โดยลกู ค้าใช้เงินหรือสง่ิ มีค่าอื่นแลกเปลยี่ น กบั การมีกรรมสทิ ธิ์เป็นเจ้าของผลติ ภณั ฑ์นนั ้ ได้ 1.3 ความสาคญั ของการตลาด ในการดาเนินธุรกิจ การตลาดถอื เป็นเครื่องมือ สาคัญท่ีทาให้ธุรกิจดาเนินอยู่รอดในตลาดได้ และยัง สร้างการเจริญเติบโตให้ธุรกิจอย่างมหาศาล ในระบบ เศรษฐกิจของประเทศชาติ การตลาดช่วยพฒั นาสงั คม เศรษฐกิจของประเทศชาตใิ ห้เจริญก้าวหน้าทัดเทียม อารยประเทศได้ ในด้านผู้บริโภค การตลาดช่วยให้เรา มีชีวิตความเป็นอยู่ท่ีดีข้ึนมีมาตรฐานการดารงชีวิตที่ดี ความสาคัญของการตลาด แบง่ ได้ดังนี้
1.3.1 ความสาคัญของการตลาดต่อระบบ เศรษฐกจิ ของประเทศชาติ 1) การตลาดช่วยกระตุ้นให้ประชาชน เกิดความต้องการซ้ือสินค้าและบริการ ทาให้เกิด การบริโภคภายในระบบเศรษฐกิจ ประชาชนพยายาม สร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นเพ่ือนา รายได้มาจับจ่ายใช้สอยซ้ือ สินค้าหรือบริการตอบสนองความต้องการของตนเอง ทาให้ระบบ เศรษฐกจิ ของประเทศชาติเกดิ การหมนุ เวียนผลิตภณั ฑ์มวลรวมของประเทศดีข้ึนแสดงให้เห็นถึง ความมีเสถียรภาพทางดา้ นเศรษฐกจิ ของประเทศ 2) การตลาดก่อให้เกิดการจ้างงานมากข้ึน จากการที่การตลาดช่วยสร้างความ ต้องการซื้อสินค้าหรือบริการ ทาให้ธุรกิจต้องเพ่ิมปริมาณการ ภา ผลิตเพ่ือให้เพียงพอกับความ ต้องการของผู้บรโิ ภค ต้องขยายกาลงั การผลิต การลงทุนและการจ้างงาน เพิ่มสูงข้ึน ประเทศใด ก็ตามท่ีองค์กรธุรกิจมีการผลิต สินค้าอย่างสม่าเสมอ ประชาชนของประเทศนั้นจะมีงานทา มีรายได้เพ่ิมมากข้ึน สามารถมีเงินเพ่ือการดารงชีพเพิ่มมากข้ึน ทาให้เกิดการหมุนเวียนข้ึน ภายในระบบเศรษฐกจิ ทาให้เศรษฐกจิ ของประเทศชาติมคี วาม ม่นั คง 3) การตลาดช่วยยกระดับมาตรฐานการดารงชีวิตของประชาชนให้สูงข้ึน การตลาดทาให้ธุรกจิ ตอ้ งแขง่ ขันกันเพอ่ื ผลิตสินคา้ หรอื บริการที่ดีที่สดุ ตรงกับความต้องการของ กลมุ่ เปา้ หมายมากท่ีสุด สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ได้อย่างแท้จริง ธุรกิจจึง ต้องเร่งพัฒนาการผลิตสินค้า หรือบริการของตนให้มีคุณภาพตามท่ีลูกค้าต้องการ ทาให้ประชาชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสามารถเลือกซื้อ ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตรงตาม ความต้องการของตนมากท่ีสุด ทาให้ผลิตภัณฑ์ท่ีไม่ได้มาตรฐานหรือคุณภาพต่าไม่สามารถ ดารงอยใู่ นทอ้ งตลาดได้ ทาให้คุณภาพชวี ิตของประชาชนโดยรวมสงู ขึ้น ภาพท่ี 12 การตลาดทาใหบ้ าตรฐานการดารงชวี ิตของประชาชนดีข้นึ
4) การตลาดก่อให้เกิดการค้าระหว่างประเทศ เม่ือธุรกิจต่างพยายามพัฒนาสินค้า หรือ บริการของตนให้มีคุณภาพดี ได้มาตรฐานออกจาหน่าย ภายในประเทศ จนประสบ ผลสาเร็จแลว้ อาจขยายตลาดไปยงั ตา่ งประเทศชว่ ยสร้างรายได้ใหก้ บั ประเทศ ปัจจุบันรัฐบาลก็ ให้การสนับสนุนและส่งเสริมเอกชนในด้านต่าง ๆ ในการขยายการค้าไปยังตลาดต่างประเทศ เพ่ิมมากขึ้น เพราะการส่งออกเป็นวิธีการสร้างรายได้นาเงินตราต่างประเทศให้ประเทศชาติ ที่ดที ่ีสดุ และนา่ ภาคภูมิใจมากทส่ี ดุ 5) การตลาดช่วยยกระดับการผลิตทาให้การผลิตสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้นทนุ การผลิต ใจ ตอ่ หน่วยลดต่าลง ทาให้เกิดการใช้ทรัพยากรทุกด้านของประเทศโดยรวมให้ เกิดประโยชน์สูงสดุ 1.3.2 ความสาคญั ของการตลาดตอ่ องคก์ รธรุ กจิ 1) การตลาดเป็นเครื่องมือสาคัญที่สร้างรายได้และผลกาไรให้ธุรกิจ องค์กรธุรกิจ ใดที่พัฒนา กิจกรรมทางการตลาดตลอดเวลา จะทาให้องค์กร น้ันประสบความสาเร็จ สินค้าหรือบริการได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าอย่างสม่าเสมอ จะมีผลทาให้องค์กรนั้น เปน็ ผนู้ าของธรุ กิจ ทาใหธ้ รุ กิจน้นั สามารถเกบ็ เก่ียวผลตอบแทนสูงสุดในระยะยาว ภาพท่ี 1.3 การตลาดสร้างความสาเร็จใหอ้ งค์กร 2) การตลาดทาให้องค์กรธุรกิจต้อง พัฒนาแนวความคิดแปลก ๆ ใหม่ ๆ ตลอดเวลา เพื่อสามารถผลิตสินค้าหรือบริการที่สามารถตอบสนอง ความต้องการของลูกค้า ทาให้ธุรกิจดารงอย่รู อดและเจรญิ เตบิ โตไม่หยดุ ยง้ั
3) การตลาดช่วยสร้างอรรถประโยชน์ ด้านต่าง ๆ ให้กับลูกค้า เป็นการสร้างมูลค่า ของสนิ ค้า เพ่ิมสงู ขึ้น ทาใหผ้ ลตอบแทนของธุรกิจเพิม่ ข้ึน 4) การตลาดเป็นกิจกรรมหลักท่ีกระตุ้น ให้ลูกค้าเกิดความต้องการสินค้าหรือ บรกิ ารเพิ่มมากข้ึน ทาใหอ้ งคก์ รธรุ กจิ ขยายกาลงั การผลิตมากขน้ึ ทาให้ประสิทธิภาพในการผลิต สูงขึ้น ต้นทุนการผลิต ต่อหน่วยลดลง เพราะเกิดการประหยัดจากการผลิต จานวนมาก (Economy of Scales) กาไรต่อหน่วย ของสินค้าเพ่ิมสงู ข้ึน ทาให้รายได้ของกิจการเพม่ิ ขึ้น 1.3.3 ความสาคัญของการตลาดต่อผบู้ รโิ ภค 1) การตลาดทาให้ผู้บริโภคสามารถเลือก ชื่อสินค้าหรือบริการตามคุณภาพ มาตรฐาน ราคา รูปแบบท่ีตอ้ งการ เน่ืองจากสภาวะการแข่งขันในการดาเนินธุรกิจ ทาให้ผู้ผลิต ต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนให้มีคุณภาพมาตรฐานรูปแบบตามท่ีผู้บริโภคต้องการ จึงจะได้รับ การยอมรับ ซ่ึงผลก็คือ ธุรกิจอยู่รอดดาเนินต่อไปในตลาดได้ และผู้บริโภคได้รับ ความพอใจจากการมีสนิ ค้าหรอื บรกิ ารให้เลือกหลากหลายตามทต่ี ้องการ 2) การตลาดทาให้ผู้บริโภคมีมาตรฐาน การดารงชีวิตที่ดี มีคุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้น เนื่องจาก การพัฒนาผลิตภณั ฑ์ของผู้ผลิตและการแขง่ ขนั ทางธรุ กิจ ทาใหผ้ บู้ ริโภคไดใ้ ช้ผลิตภัณฑ์ ท่ีมคี ุณภาพดี ทาให้ มาตรฐานการดารงชวี ิตดขี ้ึนไปด้วย 3) การตลาดทาให้ผู้บริโภคสามารถหาซื้อสินค้าหรือบริการได้ในราคาท่ีถูกลง จากการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้นของผู้ผลิต มีการดาเนินกิจกรรมทางการตลาดอย่างมี ประสิทธิภาพ ทาให้สามารถกระจายสินค้าหรือบริการสู่ตลาดได้กว้างขวางข้ึน ผู้บริโภคยอมรับ ในสินค้าหรือบริการมากขึ้น ทาให้องค์กรบริหารกระบวนการผลิตยกระดับการผลิตเพ่ิมมากข้ึน ทาให้ตน้ ทนุ การผลติ ลดตาลงอันเนอื่ งมาจาก เกดิ ความคุ้มคา่ ในการผลติ ผ้ผู ลิตบางรายท่ตี ้องการ ให้ผลิตภัณฑ์ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคแข่งขันกับคู่แข่งได้ กิจการอยู่รอดในท้องตลาดได้ จะใชว้ ธิ กี ารปรับราคาสินคา้ หรือบรกิ ารมาอยู่ในระดบั ราคาทเ่ี หมาะสม ทาใหผ้ ู้บริโภคสามารถซ้ือ สินคา้ ในราคาทถ่ี ูกลง ภาพที่ 1.4 การตลาดทาใหผ้ บู้ รโิ ภคซ้อื สินค้า/บริการในราคาที่ถูกลง
4) การตลาดช่วยสร้างอาชีพต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กับการดาเนินกิจกรรมทาง การตลาดของธุรกิจ ไม่เฉพาะอาชีพท่ีเกิดจากองค์กรการผลิตสินค้าเพื่อขายเท่านั้น การตลาดยังสรา้ งอาชีพดา้ นอ่ืน ๆ ทชี่ ่วยให้ผู้บริโภคได้รับทราบข่าวสารเก่ียวกับสินค้าหรือ บริการ เช่น การโฆษณา การขนสง่ การวิจัยตลาด การประกันภยั การบรรจุหีบหอ่ 1.3.4 ความสาคัญของการตลาดต่อหน่วยงาน ภาครัฐบาล และองค์กรท่ีไม่ แสวงหากาไร หน่วยงานของรัฐ ได้แก่ กระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรท่ีไม่ แสวงหา กาไร ได้แก่ สถาบันการศึกษา มูลนิธิ สมาคม ตลอด จนองค์กรสาธารณกุศล สภากาชาด ปัจจุบันการ กาหนดนโยบายหรือมาตรการต่าง ๆ ของรัฐ มีการนา การตลาด มาช่วยในการบริหารและจัดการภายใน หน่วยงานมากย่ิงขึ้น รัฐบาลไทยยุคหลัง ๆ มีการ นา การตลาดมากาหนดแนวทางการบริหารประเทศอย่าง ชัดเจนมากขึ้น เช่น ในรัฐบาล บางยุค กาหนดให้ คณะทูตท่ีประจาต่างประเทศ ต้องทาหน้าท่ีเป็นทั้ง นักการตลาด นกั การขาย หาข้อมูลทางการตลาดตา่ ง ๆ ในตา่ งประเทศ เพ่ือนามาเป็นแนวทางในการหา ตลาด การค้ากบั ต่างประเทศ นอกเหนอื จากการทาหน้าที่สร้าง ความสัมพันธ์อันดีทางการ ทูต การแต่งต้ังผู้ว่าราชการ จังหวัดให้มีการบริหารจัดการแบบ ซีอีโอ (CEO: Chief Executive Officer) มีการถ่ายทอดสดการ ประชุมคณะรัฐมนตรีผ่านสื่อวิทยุและ โทรทัศน์หรือการ ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จะเห็นได้ว่า ภาครัฐเริ่ม นาการตลาดมาใช้ ในการบริหารประเทศเพิ่มมากข้ึน กอปรกับโลกปัจจุบันแคบลงทุกที รัฐบาลทุกประเทศ จาเป็นต้องแข่งขันกับนานาประเทศ เพ่ือไม่ให้ประเทศ ของตนเองล้าหลังหรือด้อยพัฒนา โดยพยายามส่ง เสริมการส่งออกสินค้าและบริการไปตลาดต่างประเทศ มากขึ้น ประเทศ ไทยนาสินค้าหนึ่งตาบลหน่ึงผลิตภัณฑ์ (โอทอป : OTOP) ระดับ 5 ดาว ไปเปิดตลาด ต่างประเทศ การจัดแสดงสินค้าในต่างประเทศ หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พยายามใช้การตลาดทุกรูปแบบ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยท่องเที่ยวท่ัวไทย หรือชักชวนชาว ต่างประเทศมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทาให้เศรษฐกิจของท่ีประเทศไทยดีข้ึน จะเห็นได้วา่ ภาครฐั ให้ความสาคัญด้านการตลาดมากาหนดตา่ ง ๆ มากขนึ้ เรือ่ ย ๆ
องค์กรสาธารณกุศลหรือองค์กรที่ไม่แสวงหากาไร (NonProfit Organization) ใช้การตลาดเป็น เครื่องมือในการสนับสนุนการดาเนินงานของหน่วยงาน ให้บรรลุ เป้าหมายที่กาหนด เช่น การหาทุนหรือความ ร่วมมือด้านต่าง ๆ ชักจงโน้มน้าว กลุ่มเป้าหมายให้เข้าร่วมกิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ ที่ต้องการ นอกจากน้ันแล้ว องค์กรสาธารณกุศลยังใช้การตลาดเป็นเครื่องมือ ในการสร้างภาพลักษณ์ท่ีดีให้แก่ องค์กร ทาให้องค์กรเป็นที่ยอมรับจากประชาชนทั่วไป ใช้การตลาดเป็นเครื่องมือในการ เผยแพร่บทบาทหนา้ ทขี่ ององค์กรไปยงั กลมุ่ เป้าหมาย เชน่ การสง่ ข้อมูลขา่ วสาร (Direct ดู Mail) ไปยังกลุ่มเป้าหมาย เพื่อรับบริจาคหรือเพ่ือเชิญชวนให้เข้าร่วมกิจกรรม นับวัน องค์กรสาธารณกุศล ๆ ต่าง ๆ จะมีแนวทางการดาเนินงานเช่นเดียวกับองค์กร ด ทาง ธรุ กิจมากขนึ้ เนื่องจากใช้การตลาดเป็นเครือ่ งมอื ให้การดาเนนิ งานบรรลุเปา้ หมายตามที่ องค์กรกาหนด เช่นเดียวกัน ในประเทศไทยองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกาไรดาเนินกิจการ เก่ียวกับศาสนามากที่สุด รองลงมาเป็นการบริการสังคมสงเคราะห์ ฌาปนกิจ สงเคราะห์ แหล่งที่มาของรายรับส่วนใหญ่ได้มาจากการบริจาค 2 หรือเงินสนับสนุน เป็นอันดบั 1 รองลงมาเป็นเงนิ 2 สงเคราะห์ การจาหน่ายสินคา้ และบรกิ ารขององค์กร 1.3.5 ความสาคัญของการตลาดต่อองค์กรทางการเมือง องค์กรทางการเมืองใน ท่ีน้ี คือ พรรคการเมือง และกลุ่มองค์กรต่าง ๆ ท่ีก่อต้ังขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ เคล่ือนไหวทางการเมือง องค์กรทางการเมืองปัจจุบันมีการใช้การตลาด ในการบริหารจัดการมากขึ้น โดยการใช้ การตลาดในการสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กรของตนเอง เช่น ก็พรรคการเมืองท่ีมี ภาพลักษณ์การคิดใหม่ ทาใหม่ พรรคการเมืองที่มีภาพลักษณ์ของการเป็นนักการเมือง มืออาชีพ ซ่ือสัตย์สุจริต นอกจากนั้นแล้ว องค์กร ทางการเมืองยังใช้การตลาดกาหนด ตาแหน่งทางการ เมอื งท่เี หมาะสม และใช้การตลาดเผยแพร่บทบาท หน้าท่ีหรือกิจกรรม ต่าง ๆ ขององค์กรในแต่ละช่วงเวลา เช่น ในช่วงการเลือกตั้ง พรรคการเมืองต่าง ๆ ใช้ การตลาดช่วยเผยแพร่นโยบายพรรค กิจกรรมต่าง ๆ ของพรรคในการช่วยเหลือ ประเทศชาติ ใช้การโฆษณา ผ่านส่ือต่าง ๆ ช่วงรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละครั้ง มีการใช้เงินในการ โฆษณาหาเสียงจานวนมหาศาล จะเหน็ ได้วา่ การตลาดมีความสาคัญต่อองคก์ รทางการเมอื งเพิ่มมากขน้ึ
สาระน่ารู้ การตลาดในโลกธุรกิจยุคปัจจุบันมีความสาคัญยิ่ง ธุรกิจหรือ องค์กรทุกแห่ต้องมีฝ่ายการตลาดหรือฝ่ายขาย ซ่ึงจะทาหน้าท่ีในการ วิเคราะห์หาโอกาสทางการตลาด วางแผนและปฏิบัติการหรือ ดาเนินงานด้านการตลาด เพื่อเสนอสินค้าและบริการแก่ลูกค้าและ ตลาดเป้าหมายของตนเองโดยใช้เคร่ืองมือและทรัพยากรต่าง ๆ ของ องคก์ รให้ เกดิ ประสิทธิภาพ้มากทสี่ ดุ 1.4 สว่ นประสมทาการตลาด ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing) คือ ชุดของเครื่องมือทางการตลาดท่ี องค์กรธุรกิจ นามาใช้ในการดาเนินงานเพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ในตลาดเป้าหมาย (Kotler. 2003 : 15) ชุดของเครื่องมือทางการตลาดแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม ซ่ึงอาจ เรียกว่า 4P’s ก็ได้ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ (Product) ราคา (Price) การจัดจาหน่าย และการกระจายสินคา้ (Place) และการส่งเสรมิ การตลาด (Promotion) 1.4.1 ผลิตภัณฑ์ (Product) คือ สิ่งท่ีเสนอให้แก่ตลาดที่สามารถตอบสนอง ความจาเป็นหรือความต้องการของลูกค้าให้ได้รับความพอใจ ผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย สินค้าที่มีตัวตน จับต้องได้ สัมผัสคุณได้ (Tangible Goods) หรือเป็นสิ่งท่ีไม่มี ตัวตน จับต้องไม่ได้ สัมผัสไม่ได้ (Intangible Goods) ได้แก่ บริการ ต่าง ๆ ความคิด ลักษณะของผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย รูปแบบ รูปทรง รูปร่าง ประโยชน์ ตราสินค้า ป้ายฉลาก สญั ลกั ษณ์ สีสนั บรรจุภัณฑ์ ขนาด ปริมาณ บริการ การรับประกัน ฯลฯ ใน การออกแบบและพัฒนา ผลิตภัณฑ์ต้องให้ตรงกับ ความต้องการของตลาดหรือลูกค้า มากท่ีสุด เพราะผลิตภัณฑ์เป็นส่ิงท่ีลูกค้าให้ความสนใจมากที่สุดในบรรดาส่วนประสม ทางการตลาดทงั้ หมด
ผลติ ภัณฑ์ (Product) ราคา (Price) • รปู แบบ • เงอื่ นไขการขาย การชาระเงิน • รปู ทรง • การใหเ้ ครดติ • คุณภาพ • การใหส้ ่วนลด • ตราสินค้า • การใหส้ ่วนท่ียอมให้ • ปา้ ยฉลาก • การคนื เงนิ • สญั ลักษณ์ • การรับประกนั และการ • สีสนั • บรรจภุ ณั ฑ์ ให้บรกิ าร • ขนาด ปรมิ าณ ฯลฯ • บริการ • การรบั ประกัน สว่ นประสม • ประโยชน์ ทางการตลาด ฯลฯ ตลาดเปา้ หมาย (Target Market) การจดั จาหน่าย (Place) การส่งเสริมการตลาด (Promotion) ชอ่ งทาง (Channels) • การโฆษณา • การขายโดยใชพ้ นักงาน • การเลือกคนกลาง • การสง่ เสริมการขาย • จานวนคนกลาง การกระจาย • การประชาสัมพันธ์ สินคา้ (Distribution) • การตลาดทางตรง • การเกบ็ รักษาสนิ คา้ • การบรหิ ารสนิ ค้าคงคลงั • การคลงั สินคา้ • การขนสง่ ฯลฯ ภาพท่ี 1.5 แสดงส่วนประสมทางการตลาดกบั ตลาดเปา้ หมาย
1.4.2 ราคา (Price) คอื มลู ค่าของผลิตภณั ฑ์ ระหวา่ งผู้ซอ้ื กบั ผขู้ ายซงึ่ แสดงออกมาใน รปู ตัวเงนิ หรือ ตัวผลิตภัณฑ์หรือทั้งตัวเงินและผลิตภัณฑ์รวมกัน การ กาหนดราคาต้องทาให้ ถูกต้องเหมาะสม เพราะราคา เป็นหัวใจของส่วนประสมทางการตลาดท้ังหมดท่ีจะดึงดูดใจ ลูกค้าให้หันมาสนใจผลิตภัณฑ์ได้ ในการกาหนดราคาต้องพิจารณาถึงต้นทุนการแข่งขัน ปฏกิ ริ ยิ า วธิ กี ารทีเ่ กยี่ วข้องกับการกาหนดราคา เง่ือนไขการขาย การชาระเงิน การให้เครดิต การให้สว่ นลด การให้ส่วนที่ยอมให้ การคนื เงิน การรับประกันและการให้บริการ เหล่าน้ีมีผล ตอ่ การกาหนดราคาผลิตภณั ฑใ์ ห้ถูกตอ้ งเหมาะสมท้ังสนิ้ 1.4.3 การจัดจาหน่าย (Place) คือ กระบวนการในการเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์จาก ผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคคนสุดท้ายหรือผู้ใช้อุตสาหกรรม ในกระบวนการ เคล่ือนย้ายผลิตภัณฑ์ เพื่อใหถ้ ึงผูซ้ อ้ื ในเวลา สถานท่ที ีถ่ ูกต้อง จะข้ึนอยู่กบั ช่องทางการจัดจาหน่าย ซึ่งประกอบด้วย สถาบนั ท่ีทาหน้าที่ค้าขายและคนกลาง ซึ่งช่องทางการจัดจาหน่ายผลิตภัณฑ์อาจส้ันมาก คือ เป็นการขายจากผู้ผลิตไปถึงผู้บริโภคเลย แต่ส่วนใหญ่ แล้วช่องทางการจาหน่ายมักจะยาว คือ มีจานวน คนกลางเข้ามาเก่ียวข้องกับการขายจานวนมากเพ่ือ การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย อย่างท่ัวถึง นอกจากสถาบัน คนกลางแล้ว ในกระบวนการเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์ยัง ต้อง อาศัยกิจกรรมที่ช่วยในการกระจายผลิตภัณฑ์ ซ่ึงประกอบด้วย การขนส่ง การเก็บรักษา สินค้า การคลงั สินค้า และการบรหิ ารสนิ คา้ คงคลงั เปน็ ต้น 1.4.4 การส่งเสริมการตลาด (Promotion) คือ กระบวนการในการแจ้งข้อมูล ข่าวสารเก่ียวกับสินค้า หรือบริการให้ลูกค้าได้รู้และเข้าใจถึงคุณค่าหรือลักษณะของตัว ผลิตภัณฑ์ เคร่ืองมือที่ใช้ในการส่งเสริมการตลาด ได้แก่ การโฆษณา เป็นการแจ้งข่าวสาร ผลิตภัณฑ์ให้ผู้บริโภคได้ทราบโดยผ่านสื่อโฆษณาท่ี ต้องเสียเงินและมีการระบุผู้อุปถัมภ์ ร า ย ก า ร ( Sponsor) ก า ร โ ฆ ษ ณ า ถื อ เ ป็ น วิ ธี ก า ร ข า ย จ า น ว น ม า ก ( Mass Selling) การประชาสัมพันธ์ เป็นการเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการหรือ องคก์ ร หรอื นโยบายของกิจการผ่านส่อื โดยไม่ต้องเสยี เงนิ การประชาสัมพันธ์เป็นกิจกรรมท่ี ช่วยสนับสนุนส่งเสริมหรือ ช่วยสร้างภาพลักษณ์ท่ีดีให้กับองค์กร การขายโดยใช้ พนักงาน ขายเป็นการเสนอขายสินค้าหรือบริการโดย การให้พนักงานขายเสนอขายให้ลูกค้าโดยตรง เป็นการ ติดต่อสื่อสารแบบตัวต่อตัวระหว่างลูกค้ากับผู้ขาย ถือ เป็นวิธีการขายท่ีมี ประสิทธิภาพสูง โอกาสการขายมี มาก เพราะพนักงานขายสามารถชักจูงโน้มน้าวจิตใจ ลกู ค้าให้เกิดความสนใจและตดั สินใจซ้อื สินค้าในท่ีสดุ แตต่ ้นทนุ การขายกส็ ูงตามไปด้วย
และเข้าถึงลูกค้า จานวนไม่มากนัก การส่งเสริมการขายเป็นเคร่ืองมือท่ีใช้กระตุ้นลูกค้าให้ ตัดสนิ ใจซ้ือสินค้าเร็วขนึ้ ใช้เปน็ เคร่อื งมอื สนับสนนุ การขายโดยใช้พนักงานขาย การโฆษณาและ การตลาดทางตรง ส่วนประสมทางการตลาดทั้ง 4 ประการ มีความ เก่ียวข้องกันจะแยกดาเนิน กิจกรรมข้อใดข้อหน่ึงไม่ได้ เพราะส่วนประสมทางการตลาดทั้งหมดมีความสาคัญ พอ ๆ กัน การตัดสินใจจัดส่วนประสมทางการตลาด จึงต้อง ดาเนินการทุกส่วนไปพร้อม ๆ กัน จึงจะได้สว่ น ประสมทางการตลาดตามทตี่ ้องการ 1.5 การตลาดกับการขาย โดยท่ัวไปผู้คนมักเข้าใจว่า การตลาดก็คือการขาย การขายก็คือการตลาด ซ่ึงเป็นความ เข้าใจท่ีผิด ทั้งนี้ เน่ืองจากการขายเป็นเพียงกิจกรรมหนึ่งของการตลาด หากพิจารณา ความหมายของการตลาดซ่ึงประกอบด้วยเคร่ืองมือทางการตลาด 4 ประการ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ ราคา ช่องทางการจัดจาหน่าย และการส่งเสริมการ ตลาด การขายเป็นองค์ประกอบหน่ึงของ การส่งเสริม การตลาด ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณา การประชาสัมพันธ์ ซ่ึงถือเป็นการขายทั่วไป การส่งเสริมการขาย และการ ขายโดยใชพ้ นกั งานขาย ดงั ภาพที่ 1.6 สว่ นประสมทางการตลาด Product Price Promotion Place Selling ภาพท่ี 16 แสดงสว่ นประสมทางการตลาด (4P’s)
ในการดาเนนิ กจิ กรรมทางการตลาด จะเร่ิมต้นการมุ่งความสาคัญกับลูกค้าเป็นหลัก แล้ว จึงทาการค้นหาความต้องการของลูกค้า พัฒนาผลิตภัณฑ์ตามท่ีลูกค้าต้องการมาเสนอขาย กาหนดราคาใหเ้ หมาะสมกบั กลุ่มตลาดเป้าหมาย สามารถแขง่ ขนั กบั คูแ่ ขง่ ขนั ได้ และมกี าไรเพ่อื อยู่รอดในท้องตลาดต่อไปได้ พิจารณาวิธีการจัดจาหน่ายเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ถึงมือผู้ซ้ือในสถานที่ และเวลาท่ีต้องการ ใช้การส่งเสริมการตลาดต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความต้องการซื้อ และตัดสินใจซื้อในที่สุด นอกจากน้ัน การตลาดยังมีกิจกรรมท่ีสร้างความพึงพอใจหลังการซ้ือ สินค้าให้กับลูกค้า เช่น บริการหลังการขาย การรับคืนสินค้า การให้การรับ ประกันสินค้า การดแู ลรักษาสนิ ค้า การขายเป็นกิจกรรมในการแลกเปล่ียนสินค้า หรือบริการระหว่างผู้ผลิตกับผู้ซ้ือ ผู้ผลิต ต้องผลติ สนิ ค้าก่อนแล้วจึงหาทางขายสินค้านนั้ ๆ โดยการ เสาะแสวงหาผ้ซู อื้ ภายหลงั จงึ ทาให้ ผูผ้ ลติ ต้องใหค้ วาม สาคัญกับผู้ขายเพื่อให้ขายสนิ คา้ ให้ได้จานวนมาก ๆ 1.6 ขอ้ แตกต่างระหว่างการตลาดกบั การขาย การตลาด 1. ให้ความสาคัญกับลูกค้าเป็นหลัก การตลาดถือว่า ลูกค้าคือพระราชา (Consumer is the King) การดาเนินกิจกรรมทางการตลาดท้ังหมด ของกิจการ จะพยายามมุ่งสร้างความ พงึ พอใจให้กับลกู ค้า 2. ค้นหาความต้องการของลูกค้า เพ่ือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของ ลูกค้าให้มากท่ีสุด ก่อนผลิตสินค้าออกสู่ท้องตลาด กิจการท่ีมุ่งการตลาด จะ ทาการวิจัย การตลาดเพื่อศึกษาความต้องการของ ลูกค้าก่อนผลิตสินค้า เพื่อให้ได้สินค้าที่ตรงกับความ ตอ้ งการของลกู คา้ มากทีส่ ุด 3. มุ่งผลกาไรจากการสร้างความพอใจให้กับลูกค้า เม่ือกิจการผลิตสินค้าตรงตาม ความต้องการของลูกค้า เกิดการซ้ือการขาย ลูกค้าเต็มใจซ้ือสินค้า สร้างยอดขายให้กิจการ ลูกค้าได้รับความพอใจจากการได้รับ สินค้าตามท่ีต้องการ กิจการได้รับผลกาไรตอบแทนจาก การลงทุน
4. การบริหารกิจกรรมต่าง ๆ ทุกกิจกรรมมุ่งทาการตลาดเป็นหลัก การดาเนิน กิจกรรมต่าง ๆ ของกิจการ เช่น ฝ่ายผลิต ฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย ฝ่ายส่งเสริม การตลาด ฝา่ ยบญั ชี ฝ่ายการเงิน ฝ่ายออกแบบ และพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ ทกุ กจิ กรรมจะมุง่ ทก่ี ารตลาด คือ ให้ความสาคัญกับลูกคา้ เปน็ สาคญั 5. เพื่อให้ได้กาไรในระยะยาว การดาเนิน กิจกรรมทางการตลาด จะมุ่งสร้าง ความ พึงพอใจให้ กับลูกค้าให้มากท่ีสุด นั่นหมายถึง การสร้างผลกาไร ให้กับกิจการ ในระยะยาวนนั่ เอง การขาย 1. มุ่งความสาคัญที่การผลิตและการขายเป็นหลัก กิจการท่ีมุ่งการผลิตเป็นหลัก จะผลิตสินค้าท่ีคิดว่าดีที่สุดสามารถขายได้ แล้วก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยน โดยใช้ความ พยายามในการขายทกุ รูปแบบ เพ่อื ให้ขายสินคา้ ไดป้ รมิ าณมาก ๆ 2. ทาการผลิตผลิตภัณฑ์ก่อนแล้วจึงพยายามขายให้ได้ เกิจการจะทาการ พัฒนาผลิตภัณฑ์ตาม แนวคิดของกิจการ โดยไม่ได้ศึกษาความต้องการของ ผู้บริโภค แล้วจึงใหฝ้ า่ ยขายใช้ความพยายามขายผลติ ภัณฑ์น้นั ใหไ้ ด้ 3. มุ่งผลกาไรจากปริมาณการขาย กิจการท่ีให้ความสาคัญกับการขายมักมีฝ่าย ขายท่ีมีประสบการณ์การขายสูง สามารถสร้างยอดขายเป็นจานวนมาก และสร้างผล กาไรจากปรมิ าณการขายทมี่ ากน้ัน 4. ให้ความสาคัญกับผู้ขาย กิจการท่ีให้ความสาคัญกับการขายก็จะให้ ความสาคญั กบั ผู้ขายด้วย ทง้ั น้ี เพราะฝ่ายขายคือผทู้ ่สี รา้ งรายได้ใหก้ บั กจิ การนัน่ เอง 5. เพื่อให้ได้กาไรในระยะสั้น กิจการท่ีให้ความสาคัญกับการขายจะใช้ความ พยายามทกุ วถิ ที างเพอื่ ให้ไดม้ าซ่งึ ยอดขายและผลกาไรสูง แม้จะเป็นระยะสั้นก็ตามจาก ข้อแตกต่างดังกล่าว จะเห็นได้ว่า การตลาดมี กิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ กว้างขวาง กว่าการขาย เช่น การมีบรกิ ารทง้ั ก่อนและหลังการขาย การแลกเปลี่ยน ดังน้ัน การขาย จึงเป็นเพียงกิจกรรมหนึ่งของการตลาด การขายจึงไม่ใช่การตลาดและการตลาดก็ไม่ใช่ การขาย
สาระนา่ รู้ หลายคนยังสับสนว่าแผนการตลาดกับแผนการขาย ต่างกันอย่างไร ต้องมาทาความเข้าใจตรงน้ีก่อนว่า การตลาด และการขายเป็น คนละเร่ืองกัน แต่…เป็นเร่ืองที่ต่อเนื่องกัน การขาย คือ การนาสินค้าไปนาเสนอ…แต่การตลาด คือ การ เร่ิม ตั้งแต่ดูว่า คนกลุ่มไหนอยากซื้อสินค้าของเราเพ่ือให้สินค้า เราสามารถตอบสนอง Need หรือแก้ปัญหาของเค้าได้ แล้ว สร้างสินค้าของเราให้ตรงใจกลุ่มลูกค้าเหล่านั้นมากข้ึน จากการ กาหนดลูกค้าเป้าหมาย และการวานตาแหน่งของสินค้า (Positioning) ของเราให้สอดคลอ้ งกนั
สรปุ ท้ายหน่วย สมาคมการตลาดแห่งสหรัฐอเมริกา (The American Marketing Association : AMA) ได้นิยามความหมายการตลาด ไว้ดังนี้ “การตลาด หมายถึง กระบวนการวางแผนและดาเนินการ ตามแนวความคิด การกาหนดราคา การส่งเสริมการตลาด และการจาหน่ายความคิด สินค้าและ บริการ เพื่อสร้างสรรค์ให้เกิดการแลกเปล่ียน และสร้างความพึงพอใจกับวัตถุประสงค์ของบุคคล และององคก์ ร” การตลาด คือ การออกแบบส่วนประสมทางการตลาด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ (Product) การ กาหนดราคา (Price) ช่องทางการจัดจาหน่าย (Place) และการส่งเสริมการตลาด (Promotion) เพอ่ื ตอบสนองความต้องการของลูกค้า การตลาดสร้างอรรถประโยชน์ให้กับบริโภค ได้แก่ อรรถประโยชน์ด้านรูปแบบ อรรถประโยชน์ด้านราคา อรรถประโยชน์ด้านเวลา อรรถประโยชน์ด้านสถานที่ และ อรรถประโยชน์ด้านความเปน็ เจ้าของ การตลาดมีความสาคัญต่อองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ ความสาคัญของการตลาดต่อ ระบบเศรษฐกิจ ของประเทศชาติ ความสาคัญของการตลาดต่อองค์กรธุรกิจ ความสาคัญของ การตลาดต่อผู้บริโภค ความสาคัญ ของการตลาดต่อหน่วยงานภาครัฐและองค์กรที่ไม่แสวงหาw ลกาไร ตลอดจนความสาคญั ของการตลาดตอ่ องค์กร ทางการเมือง ส่วนประสมทางการตลาด ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ การกาหนดราคา ช่องทางการจัด จาหนา่ ยและการสง่ เสริมการตลาด การตลาดกบั การขาย การขายเปน็ กิจกรรมหน่ึงในการส่งเสริมการตลาด ดังน้ัน การตลาดจึง ไมใ่ ช่การขาย การขายก็ไมใ่ ช่การตลาด แต่การขายเป็นเพียงส่วนหน่ึงของการตลาดเทา่ น้ัน ข้อแตกต่านระหว่างการตลาดกับการขาย การตลาดให้ความสาคัญกับลูกค้าเป็นหลัก การตลาดจะค้นหาความ ต้องการของลูกค้า การตลาดมุ่งพลกาไรจากการสร้างความพอใจให้กับ ลูกค้า การบริหารกิจกรรมต่าง ๆ ทุกกิจกรรมมุ่งที่การตลาดเป็นหลัก และการตลาดมุ่งให้ได้กาไร ในระยะยาว ส่วนการขายจะมงุ่ ความสาคัญที่การผลิตและ การขายเป็นหลัก การมุ่งการขายจะทา การผลิตผลิตภัณฑ์ก่อนแล้วจึงพยายามขายให้ได้ การขายจะมุ่งผลกาไรจาก ปริมาณการขาย การขายให้ความสาคญั กับผู้ขาย และการขายเพ่ือใหไ้ ดก้ าไรในระยะส้ัน
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: