1 หน่วยการเรียนที่ 3 การส่งกาลงั โดยใช้สายพาน 3.สายพาน (Belts) การส่งกาลงั ดว้ ยสายพานเป็นการส่งกาลงั ชนิดแบบอ่อนตวั ไดซ้ ่ึงมีขอ้ ดีขอ้ เสียหลายอยา่ ง เมื่อ เปรียบเทียบระหวา่ งการส่งกาลงั แบบเฟื องและการส่งกาลงั แบบโซ่ ขอ้ ดีคือ มีราคาถูกและใชง้ านงา่ ย รับแรง กระตุกและการสัน่ สะเทือนไดด้ ี ขณะใชง้ านไมม่ ีเสียงดงั เหมาะสาหรับการส่งกาลงั ระหวา่ งเพลาท่ีอยหู่ ่างกนั มากๆ และคา่ ใชจ้ ่ายในการบารุงรักษาค่อนขา้ งต่า อยา่ งไรก็ตามขอ้ เสียของการขบั ดว้ ยสายพานก็มี คือ อตั ราการ ทดท่ีไมแ่ น่นอนนกั เน่ืองจากการสลิป(Slip) และการครีฟ (Creep) ของ สายพานและตอ้ งมีการปรับระยะห่าง ระหวา่ งเพลาหรือปรับแรงดึงในสายพานระหวา่ งการใชง้ าน นอกจากน้นั ยงั ไม่อาจใชง้ านที่มีอตั ราทดสูงมากได้ 3.1 หนา้ ท่ีสายพาน สายพานในปัจจุบนั ใชส้ าหรับส่งกาลงั การเคลื่อนท่ีและส่งถ่ายส่ิงของในรูปแบบตา่ งๆ สายพานถกู ออกแบบให้เหมาะสมกบั สภาพของการทางาน ที่นิยมใชก้ นั มาก ไดแ้ ก่ สายพานวี สามารถส่งกาลงั ไดด้ ีกวา่ สายพานแบบอื่นๆ และมีราคาถกู ส่วนสายพานชนิดอ่ืนก็ข้ึนอยกู่ บั การใชง้ าน 3.2 ชนิดของสายพาน ชนิดของสายพานเราสามารถแบ่งออกได้ 4 ชนิด ดว้ ยกนั คอื สายพานแบน (Flat Belts) มีลกั ษณะดงั รูปท่ี 3.1 สายพานวี (V – Belts) มีลกั ษณะดงั รูปที่ 3.2 สายพานกลม (Ropes Belts) มีลกั ษณะดงั รูปที่ 3.3 สายพานไทมิ่ง (Timing Belts)มีลกั ษณะดงั รูปท่ี 3.4 3.2.1สายพานแบน (Flat Belts) สายพานแบน เป็นอปุ กรณ์อีกชนิดที่นิยมใชก้ นั อยา่ งแพร่หลาย ใชใ้ นการส่งถา่ ยกาลงั จากพูลเลยข์ องเพลาขบั ไป ยงั พลู เลยข์ องเพลาตาม (เป็นอปุ กรณ์หรือเครื่องจกั รที่เราตอ้ งการใหเ้ กิดการทางาน เช่น ปั๊มน้า หรือ พดั ลม เป็น ตน้ ) โดยกาลงั ท่ีส่งถ่ายจะข้นึ อยกู่ บั ตวั แปรต่างๆ ดงั ต่อไปน้ี - ความเร็วของสายพาน - ความตึงของสายพานที่พาดผา่ นชุดพลู เลย์ - มมุ ท่ีสายพานสมั ผสั กบั พลู เลย์ (Arc of Contact) โดยเฉพาะพูลเลยต์ วั ท่ีเลก็ กวา่ - สภาพแวดลอ้ มท่ีสายพานน้นั ถกู ใชง้ าน เช่น มีความช้ืนอยตู่ ลอดเวลา หรือมีไอแอมโมเนีย ซ่ึงจะส่งผลใหอ้ ายุ ของสายพานส้ันลง
2 3.2.1.1 สายพานแบนสามารถจะแบ่งชนิดออกไดเ้ ป็น 3 ชนิดคือ 1. Light Drives เป็นสายพานท่ีใชก้ บั งานเบาๆโดยท่ีความเร็วของสายพานขณะใชง้ านไมเ่ กิน10m/s 2. Medium Drives เป็นสายพานที่ใชก้ บั งานหนกั ปานกลาง โดยที่ความเร็วของสายพานขณะใชง้ านอยรู่ ะหวา่ ง 10-22m/s 3. Heavy Drives เป็นสายพานที่ใชก้ บั งานหนกั โดยท่ีความเร็วของสายพานขณะใชง้ าน สูงกวา่ 22 m/s 3.2.1.2ความหนาและความกวา้ งมาตรฐานของสายพานแบน ความหนามาตรฐานของสายพานแบนกค็ ือ 5, 6.5, 8, 10 และ 12 mm โดยจะมีความกวา้ ง มาตรฐานที่แต่ ละความหนาเป็นไปดงั ต่อไปน้ี - ท่ีความหนา 5 mm จะมีความกวา้ งระหวา่ ง 35–63 mm - ท่ีความหนา 6.5 mm จะมีความกวา้ งระหวา่ ง 50–140 mm - ท่ีความหนา 8 mm จะมีความกวา้ งระหวา่ ง 90–224 mm - ท่ีความหนา 10 mm จะมีความกวา้ งระหวา่ ง125–400 mm - ที่ความหนา 12 mm จะมีความกวา้ งระหวา่ ง 250–600 mm 3.2.1.3 รูปแบบของการใชง้ านสายพานแบน การส่งกาลงั จากพลู เลยต์ วั ขบั ไปยงั พลู เลยต์ วั ตามดว้ ยสายพานแบนมีรูปแบบดงั ต่อไปน้ี 1) Open Belt Drive : เป็นการใชง้ านแบบลกั ษณะที่พลู เลยข์ บั ไปยงั พลู เลยต์ วั ตามหมนุ ไปในทิศทาง เดียวกนั ลกั ษณะการใชง้ านดงั รูปที่ 3.5 2) Crossed or Twist Belt Drive: เป็นการใชง้ านสายพานแบนในลกั ษณะที่พูลเลยต์ วั ขบั และตวั ตาม หมนุ ไปในทิศทางตรงขา้ มกนั ลกั ษณะการใชง้ านเป็นดงั รูปที่ 3.6 3) Quarter Turn Belt Drive: หรื อในบางคร้ังอาจจะเรี ยกว่า Right Angle Belt Drive เป็ นการติดต้ัง สายพานแบนในลกั ษณะท่ีตอ้ งการให้พูลเลยท์ ้งั สองหมุนในทิศทางท่ีทามุมกนั 90 องศา ดงั แสดงในรูปที่ 3.7 และเพ่ือเป็นการป้องกนั ไม่ใหส้ ายพานล่ืนไถลออกจากพูลเลย์ ควรกาหนดใหค้ วามกวา้ งของพูลเลยก์ วา้ งมากกว่า หรือเทา่ กบั 1.4 เทา่ ของความกวา้ งของสายพานแบน 3.1) Belt Drive With Idler Pulley: ปกติแลว้ การติดต้งั สายพานแบนจะกาหนดให้ดา้ นท่ีตึงของสายพาน แบนอยู่ด้านล่าง และให้ด้านหย่อนอยู่ด้านบน เพื่อทาให้มุมโอบของสายพานแบนรอบ พูลเลย์ตัวเล็กมีค่า มากกว่า 120 องศา แต่หากการติดต้งั ของสายพานแบนในลกั ษณะที่ใหส้ ายพานดา้ นหยอ่ นอยูด่ า้ นลา่ งแลว้ จะทา ใหม้ ุมโอบของสายพานรอบพูลเลยต์ วั เล็กจะมีไม่มากพอ หรือนอ้ ยกว่า 120 องศา ทาใหก้ ารส่งกาลงั ทาไดไ้ ม่ดี พอ จึงมีการติดต้งั ชุด Idler Pulley เพื่อปรับความตึงของสายพานแบนให้เหมาะสม แสดงลกั ษณะการใชง้ านได้ ดงั รูปที่ 3.8
3 4)Compound Belt Drive: เป็นลกั ษณะการใชง้ านสายพานแบนที่ต่อกบั ตน้ กาลงั ขบั เพียงชุดเดียว และไปขบั พูล เลยต์ วั ตามหลายๆ ชุดมีลกั ษณะการใชง้ านดงั รูปที่ 3.9 5)Stepped or Cone Pulley Drive: เป็นลกั ษณะการติดต้งั สายพานแบนท่ีตอ้ งการใชง้ านเพอ่ื เพม่ิ หรือลดความเร็ว รอบ ของพูลเลยต์ วั ตามในขณะท่ีพูลเลยต์ วั ขบั ยงั คงทางานอยู่ แสดงลกั ษณะการใชง้ านไดด้ งั รูปท่ี 3.10 3.2.2 สายพานวี (V – Belts) 3.2.2.1หนา้ ที่การใชง้ านสายพานวี สายพานส่วนใหญ่ใชก้ บั เครื่องจกั รกลตามโรงงานต่างๆ สามารถส่งกาลงั ไดใ้ นตาแหน่งต่างๆได้ แตไ่ ม่สามารถ ส่งกาลงั แบบไขวเ้ หมือนกบั สายพานแบน ลกั ษณะการใชง้ านของสายพานวี เช่น สายพานของเคร่ืองกลึง สายพานของรถไถนาเดินตาม เป็นตน้ 3.2.2.2 สายพานวี( V – Belts) สามารถแบง่ ชนิดออกไดอ้ ีกดงั ต่อไปน้ี 1) สายพานวีปกติเป็นสายพานที่ใชง้ านกนั โดยทว่ั ไปกบั เครื่องจกั รกลธรรมดา ที่ใชค้ วามเร็วรอบไม่มาก นกั ทาดว้ ยแผน่ ยางสลบั กบั ผา้ ใบเป็นช้นั ๆ สายพานแบบน้ีมีลกั ษณะดงั รูปที่ 3.11 2) สายพานร่องวีร่วม เป็นสายพานที่สร้างลิ่มหลายลิ่มมารวมกนั ในเส้นเดียว ปัจจุบนั นิยมใชม้ าก สายพานแบบน้ีจะมีแผน่ ปิ ดยางสังเคราะห์ จึงเหมาะสมกบั งานท่ีมีการถา่ ยเทโมเมนตห์ มนุ ท่ีไม่สม่าเสมอ และ ระยะห่างแกนเพลามีค่ามากๆ สายพานแบบน้ีมีลกั ษณะดงั รูปที่ 3.12 3) สายพานวีแหลม เป็นสายพานวีเช่นกนั สามารถกระจายแรงตามแนวรัศมีไปยงั แผน่ ปิ ดดา้ นบน สายพานอยา่ งสม่าเสมอตลอดหนา้ กวา้ ง จึงเหมาะใชก้ บั แกนเพลาท่ีมีระยะห่างมากๆ และรับแรงสูง สายพาน แบบน้ีมีลกั ษณะ ดงั รูปท่ี 3.13 4) สายพานวหี นา้ กวา้ ง เป็นสายพานรูปร่างพิเศษท่ีใชส้ าหรับการส่งกาลงั ที่มีการปรับความเร็วรอบตาม ความตอ้ งการ สายพานชนิดน้ีมีลกั ษณะโครงสร้าง ดงั รูปท่ี 3.14 5) สายพานวีหลายรูปพรรณเป็ นสายพานที่ผิวช้นั บนเป็ นพลาสติกหุ้มอยู่โดยรอบ ทาหนา้ ที่เป็ นผิวรับ แรงดึง ส่วนเน้ือสายพานร่องวีเป็นสายพานท่ีเรียงต่อกนั ไปท่ีสวมสัมผสั ผิวร่องลอ้ พลูเลยไ์ ดแ้ นบสนิทพอดี ซ่ึง ทาให้แรงตามแนวรัศมีถูกถ่ายเทไปยงั ดา้ นบนสายพานเหมาะกบั งานที่มีอตั ราทดสูงมากๆ สายพานชนิดน้ีมี ลกั ษณะโครงสร้างดงั รูปที่ 3.15
4 3.2.3 สายพานกลม (Ropes Belts) สายพานกลมที่มีหนา้ ตดั เป็นรูปวงกลม การส่งกาลงั ดว้ ยสายพานกลมจะใหค้ วามยดื หยนุ่ สูงมาก และสามารถ ปรับต้งั ทิศทางการหมนุ ไดห้ ลายทิศทางตามความตอ้ งการของผใู้ ช้ สายพานกลมทาจากพลาสติกโพลียรู ิเทน จะ ตา้ นทานน้า น้ามนั จาระบี และน้ามนั เบนซิน ขณะการทางานจะไม่เกิดเสียงดงั 3.2.4 สายพานไทม่ิง (Timing Belts) สายพานไทมิ่งมีหนา้ ตดั เป็นรูปส่ีเหลียมคางหมู และจะมีฟันเฟื องตลอดความยาวของสายพาน เป็นสายพานท่ีมี แกนรับแรงดว้ ยลวดเหลก็ กลา้ หรือทาดว้ ยลวดไฟเบอร์ฝังอยใู่ นยางเทียม ฟันของสายพานทาดว้ ยยางเทียม แต่ สูตรประสมพเิ ศษเพื่อใหค้ งรูปพอดีกบั ลอ้ ของพลู เลย์ ซ่ึงจะหุม้ ดว้ ยเส้นใยไนลอนเพ่ือลดการสึกหรอ สายพาน ชนิดน้ีสามารถงอตวั ไดด้ ี ใชก้ บั พูลเลยล์ อ้ เลก็ ๆ ที่มีเส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง 16 มิลลิเมตรได้ เน่ืองจากร่องสายพานจะ มีขนาดเดียวกบั บนร่องพลู เลย์ ทาใหเ้ กิดการขบกนั เหมือนฟันเฟื อง จึงไม่เกิดการล่ืนไถลขณะส่งกาลงั สามารถ ใชเ้ ป็นตวั ส่งกาลงั งานในเคร่ืองยนต์ โดยเป็นตวั ขบั เฟื องเพลาขอ้ เหว่ยี งและเพลาราวลิ้น และจะไม่เสียงดงั ขณะ ทางาน 3.3 วัสดทุ ใี่ ช้เป็ นสายพาน 3.3.1ลกั ษณะของวสั ดุที่นามาใชท้ าสายพาน คุณสมบตั ิของวสั ดุท่ีนามาใชท้ าสายพาน จะตอ้ งมีความเหนียวและยดื หยนุ่ ได้ มีอตั ราการยดื หยนุ่ ตวั ต่าในกรณี การยดื ตวั แบบถาวร ทนต่อการดดั บิดไป-มาได้ ทนตอ่ น้า น้ามนั สารเคมีต่างๆได้ ซ่ึงคณุ สมบตั ิเหลา่ น้ีไมอ่ าจทา ไดจ้ ากวสั ดุชนิด เดียวจึงมีการนาวสั ดุมาประยกุ ตเ์ ขา้ ดว้ ยกนั เช่น เส้นดา้ ย ลวดและยาง หรือพลาสติก เพื่อใหก้ าร ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงข้ึน สายพานที่มาทามาจากหนัง เป็ นสายพานที่มีความฝื ดสูง มี 2 ชนิดคือ สายพานหนงั เคลือบดว้ ยวสั ดุที่ทามาจากพืช และสายพานหนงั เคลือบวสั ดุท่ีทามาจากแร่ การแบ่งประเภทของ สายพานหนงั จะแบ่งตามปริมาณไขมนั ของหนงั คือ ประเภทหนงั ท่ีอ่อนตวั ไดน้ อ้ ย กบั ประเภทหนงั ที่ออ่ นตวั ได้ มาก การใชง้ านจะแบ่งออกตามชนิดของหนังท่ีใชง้ านหมุนชา้ ๆ งานทวั่ ไป (หมุนปานกลาง) และการหมุนที่ ความเร็วสูงสายพานที่ทามาจากผา้ ผสมสารอื่นๆ แบ่งออกเป็นแบบทามาจากฝ้ายผสมใยไม้ ขนสัตว์ ใยไหม ใย ป่ าน ใยลินิน เป็นตน้ •ขอ้ ดีของสายพานท่ีทามาจากผา้ คอื ความสม่าเสมอของโครงสร้างภายในสายพาน ทาใหไ้ มม่ ีรอยต่อได้ วง่ิ เรียบ แต่มีจุดอ่อนคือขาดง่าย •สายพานที่ทาดว้ ยกาว ทามาจากสารที่มีความยดื หยนุ่ ตวั ดี มีความเหนียวมากกวา่ สายพานหนงั ทนฝ่ นุ ละอองไดด้ ี การเลือกใชง้ านตอ้ งระมดั ระวงั ใหม้ าก
5 •สายพานผา้ ที่หุม้ ดว้ ยยางพารา ในลกั ษณะการหล่อ สามารถเติมสารเคมีตา่ งๆลงไปเพ่ือใหท้ นตอ่ อณุ หภมู ิสูง น้ามนั และฝ่นุ ละออง แต่ถา้ มีน้าหนกั ในตวั มากในขณะท่ีหมุนจะเกิดแรงเหวยี งหนีศูนยไ์ ดง้ า่ ย •สายพานที่ทามาจากสารพวกพลาสติก เช่น พวกไนลอน มีการใชง้ านกนั อยนู่ อ้ ยอยใู่ นวงจากดั มีความ เหนียวสูง ไมม่ ีการยดื หยนุ่ ขณะทางาน ใชก้ บั ความเร็วรอบสูงๆไดด้ ี บิดตวั ไดง้ ่าย บางชนิดจะหุม้ ยางเทียมไว้ เพ่ือใหเ้ กิดความฝืด ทนต่อการกดั กร่อนไดด้ ี 3.4 ขอ้ แนะนาในการใชส้ ายพานใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุด - การเลือกซ้ือสายพานควรเลือกขนาดพร้อมกบั รหสั ของบริษทั ผผู้ ลิตที่แยกประเภทของสายพาน ออกไป ตามประเภทของการใชง้ าน - การเกบ็ รักษาควรเก็บไวใ้ ห้เรียบร้อยพร้อมที่จะหยบิ ใชง้ านไดอ้ ยา่ งสะดวก การเกบ็ อยใู่ นสภาพอากาศ ท่ีดีจะไม่ทาใหส้ ายพานเส่ือมสภาพ - การทาความสะอาดจะตอ้ งทาความสะอาดสายพานอยา่ ใหม้ ีฝ่นุ ละอองหรือคราบน้ามนั มาเกาะ สายพาน โดยการใชผ้ า้ สะอาดเช็ด - ควรต้งั ใหเ้ พลาขบั และเพลาตามวางตวั อยใู่ นแนวเดียวกนั - ระยะห่างระหวา่ งจุดศูนยก์ ลางของพลู เลยช์ ุดขบั และชุดตามไม่ควรห่างเกินกนั 10 เมตร และไม่ควร ใกลก้ นั เกินกวา่ 3.5 เท่าของขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของพูลเลยต์ วั เลก็ - ควรต้งั สายพานใหด้ า้ นที่ตึงสายพานอยดู่ า้ นล่าง และใหด้ า้ นท่ีหยอ่ นอยดู่ า้ นบน 3.5 การคานวณแรงดึงช้นั ตน้ ท่ีเกิดข้นึ ในสายพาน 3.5.1 การทาใหเ้ กิดแรงดึงช้นั ตน้ ในสายพาน การทาใหเ้ กิดแรงดึงช้นั ตน้ จะช่วยใหส้ ายพานมีประสิทธิภาพดีและยดื อายกุ ารใชง้ านของสายพานได้ ถา้ ออกแรง ดึงช้นั ตน้ ไม่เพียงพอจะส่งผลใหส้ ่งกาลงั ไดน้ อ้ ยลง ประสิทธิภาพต่า ทาใหส้ ายพานมีอายกุ ารใชง้ านลดลง เนื่องจากการครีพ แตถ่ า้ แรงดึงมากเกินก็จะทาใหส้ ายพานยดื ตวั มากเกินไป ดว้ ยเหตุน้ีจึงตอ้ งออกแรงดึงช้นั นอก ใหเ้ หมาะสมกบั แรงภายนอกที่กระทากบั สายพาน รูปที่ 3.16 สมการแรงดึงในสายพานขณะส่งกาลงั คอื แรงหนีศูนยก์ ลางเน่ืองจากน้าหนกั สายพาน โดยท่ี คอื แรงดึงท่ีทาใหล้ อ้ สายพานหมนุ มีหน่วยเป็น นิวตนั (N) คือ แรงดึงของสายพานดา้ นตึง มีหน่วยเป็นนิวตนั (N) คือ แรงดึงของสายพานดา้ นหย่อน มีหน่วยเป็นนิวตนั (N) คอื แรงเหวี่ยงหนีศูนยก์ ลาง มีหน่วยเป็นนิวตนั (N) คือ กาลงั ท่ีตอ้ งการส่ง มีหน่วยเป็น วตั ต์ (W)
6 คอื ความเร็วของสายพาน มีหน่วยเป็น เมตรต่อวินาที (m/s) คอื ความเร่งเน่ืองจากแรงดึงดูดของโลก มีหน่วยเป็นเป็น เมตรต่อวินาทีกาลงั สอง (m/s2) คือ พ้นื ท่ีหนา้ ตดั สายพาน มีหน่วยเป็น ตารางเมตร ( m2) คอื น้าหนกั ของสายพาน มีหน่วยเป็น (N/m3) สมการแรงดงึ ในสายพานขณะส่งกำลังคือ แรงหนศี ูนย์กลางเนื่องจากน้ำหนกั สายพาน โดยที่ คอื แรงดงึ ท่ีทำใหล้ ้อสายพานหมุน มีหนว่ ยเป็น นิวตัน (N) คอื แรงดึงของสายพานดา้ นตงึ มีหน่วยเปน็ นิวตัน (N) คอื แรงดึงของสายพานดา้ นหยอ่ น มีหนว่ ยเปน็ นวิ ตนั (N) คือ แรงเหวี่ยงหนีศูนยก์ ลาง มีหนว่ ยเปน็ นวิ ตัน (N) คือ กำลงั ท่ตี อ้ งการส่ง มีหนว่ ยเป็น วตั ต์ (W) คือ ความเร็วของสายพาน มหี น่วยเปน็ เมตรต่อวินาที (m/s) คือ ความเร่งเน่ืองจากแรงดงึ ดดู ของโลก มีหนว่ ยเปน็ เปน็ เมตรต่อวนิ าทกี ำลงั สอง (m/s2) คือ พนื้ ท่ีหนา้ ตัดสายพาน มหี น่วยเป็น ตารางเมตร ( m2) คือ น้ำหนักของสายพาน มีหน่วยเปน็ (N/m3) ตัวอยา่ งท่ี 3.1 เคร่ืองเป่าลมต้องการกำลงั ขบั ในการเปา่ ลม 15 kW ความเร็วของสายพาน 10 m/s ขนาดเส้นผา่ น ศูนยก์ ลางของสายพาน 12 cm นำ้ หนักของสายพาน 0.10 N/m3 จงคำนวณหาแรงดงึ ที่เกิดขึ้นในสายพาน และแรงเหวียงหนศี นู ยก์ ลางของสายพาน วิธีทำ จากโจทย์กำหนดให้
7 หาพ้ืนท่หี นา้ ตดั ของสายพาน จาก หาแรงดงึ ท่ีเกิดขึ้นในสายพานได้จาก เมื่อแทนคา่ จะได้ แรงดึงทีเ่ กดิ ขึน้ ในสายพาน = 1,500 N Ans หาแรงเหวยี่ งหนีศนู ยก์ ลางได้จากสมการ เมอ่ื แทนคา่ จะได้ = 0.0115 N Ans
8 รูปที่ 3.1 แสดงลักษณะของสายพานแบน (Flat Belts) รปู ที่ 3.2 แสดงลักษณะของสายพานวี (V-Belts)
9 รปู ท่ี 3.3 แสดงลักษณะของสายพานกลม (Ropes Belts) รปู ที่ 3.4 แสดงลักษณะของสานพานไทม่งิ (Timing Belts)
10 รูปที่ 3.5 แสดงลักษณะการสง่ กำลังแบบ Open Belt Drive รูปที่ 3.6 แสดงลกั ษณะการส่งกำลงั แบบ Crossed or Twist Belt Drive
11 รปู ที่ 3.7 แสดงลักษณะการสง่ กำลงั แบบ Quarter Turn Belt Drive และแบบ Belt Drive With Idler Pulley รูปท่ี 3.8 แสดงลักษณะการสง่ กำลงั แบบ Belt Drive With Idler Pulley
12 รปู ที่ 3.9 แสดงลกั ษณะการส่งกำลงั แบบ Compound Belt Drive รูปท่ี 3.10 แสดงลกั ษณะการส่งกำลงั แบบ Stepped or Cone Pulley Drive
13 รปู ท่ี 3.11 แสดงลกั ษณะของายพานวีปกติ รปู ที่ 3.12 แสดงลักษณะของสายพานร่องวรี ่วม
14 รปู ที่ 3.13 แสดงลักษณะของสายพานวีแหลม รปู ท่ี 3.14 แสดงลักษณะของสายพานวีหนา้ กว้าง
15 รปู ที่ 3.15 แสดงลกั ษณะของสายพานวีหลายรปู พรรณ รูปท่ี 3.16 แสดงลกั ษณะแรงดงึ ของสายพาน F1 กบั F2
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: