Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เรื่อง ประเพณีภาคใต้

เรื่อง ประเพณีภาคใต้

Published by ศรุดา ชูเลื่อน, 2021-10-05 04:35:41

Description: เรื่อง ประเพณีภาคใต้

Search

Read the Text Version

ประเพณีทอ้ งถ่ินภาคใต้ ปณุ ยกร ชเู จรญิ รหสั นกั ศกึ ษา 6427228001589 พีรยทุ ธ อนิ ทรสาร รหสั นกั ศกึ ษา 6427228001600 รวิสทุ ธิ์ ไก่แกว้ รหสั นกั ศกึ ษา 6427008001607 ศรุดา ชเู ล่ือน รหสั นกั ศกึ ษา 6427228001628 ศริ ษิ า จนั ทรจ์ อ๋ ย รหสั นกั ศกึ ษา 6427228001631 อารียา คลองรวั้ รหสั นกั ศกึ ษา 6427228001659 กลมุ่ เรยี น 64026.071 รายงานเลม่ นีเ้ ป็นสว่ นหนง่ึ ของวิชารสนเทศเพ่ือการศกึ ษาคน้ ควา้ ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สรุ าษฎรธ์ านี



ประเพณีทอ้ งถ่ินภาคใต้ นายปุณยกร ชูเจริญ รหสั นกั ศึกษา 6427228001589 นายพีรยทุ ธ อินทรสาร รหสั นกั ศึกษา 6427228001600 นายรวสิ ุทธ์ิ ไก่แกว้ รหสั นกั ศึกษา 6427008001607 นางสาวศรุดา ชูเลื่อน รหสั นกั ศึกษา 6427228001628 นางสาวศิริษา จนั ทร์จ๋อย รหสั นกั ศึกษา 6427228001631 นางสาวอารียา คลองร้ัว รหสั นกั ศึกษา 6427228001659 กลุ่มเรียน 64026.071 รายงานเล่มน้ีเป็ นส่วนหน่ึงของวชิ ารสนเทศเพื่อการศึกษาคน้ ควา้ ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2562 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สุราษฎร์ธานี

ก คานา รายงานเล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ าสาระสนเทศเพอ่ื การสืบคน้ โดยมีวตั ถุประสงค์ เพื่อการศึกษา วฒั นธรรมของภาคใต้ ซ่ึงรายงานน้ีมีเน้ือหาเกี่ยวกบั ประเพณีวฒั นธรรมของภาคใต้ ทางผจู้ ดั ทาทารายงาน โดยรวบเน้ือหาจากแหล่งสารสนเทศต่างๆ ผจู้ ดั ทาจะตอ้ งขอขอบคุณ อาจารย์ สุพฒั น์ สีระพดั สะ ผใู้ หค้ วามรู้ และแนวทาง การศึกษา เพื่อนๆ ทุกคนท่ีใหค้ วามช่วยเหลือมาโดยตลอด ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานฉบบั น้ีจะใหค้ วามรู้ และเป็นประโยชน์แก่ ผอู้ า่ นทุกๆ ท่าน คณะผจู้ ดั ทา 19 กนั ยายน 2564

ข สารบญั เร่ือง หนา้ คานา…………………………………………………………………………………………………… ก สารบญั .................................................................................................................................................... ข สารบญั ภาพ…………………………………………………………………………………………….. ค สารบญั ตาราง…………………………………………………………………………………………….ง วฒั นธรรมของภาคใต.้ ..............................................................................................................................1 ประเพณีลากพระ……………………………………………………………………………………………………1 ประเพณีตกั บาตรธูปเทียน…………………………………………………………………………………………. .2 ประเพณีสารทเดือนสิบ……………………………………………………………………………………………... 3 ประเพณีทานไฟ……………………………………………………………………………………………………...4 ประเพณีอาบน้าคนแก่………………………………………………………………………………………………..5 บรรณานุกรม............................................................................................................................ 6

ค สารบญั ภาพ ภาพท่ี หนา้ 1 ประเพณีลากพระ…………………………………………………………….........7 2 ประเพณีตกั บาตรรูปเทียน…………………………………………………...........7 3 ประเพณีสาทรเดือนสิบ……………………………………………………...........7 4 ประเพณีทานไฟ……………………………………………………………..........7 5 ประเพณีอาบน้าคนแก่…………………………………………………….............8

1 วฒั นธรรมท้องถนิ่ ใต้ ภาคใต้ ดินแดนแห่งความหลากหลายทางประเพณีและวฒั นธรรมที่มีความน่าสนใจไม่นอ้ ยไปกวา่ ภาคอื่นของไทย เพราะเป็ นเมืองท่ีเตม็ ไปดว้ ยเสน่ห์มนตข์ ลงั ชวนใหน้ ่าข้ึนไปสมั ผสั ความงดงามเหล่าน้ียงิ่ นกั ภาคใตม้ ีท้งั สิ้น 14 จงั หวดั ไดแ้ ก่ จงั หวดั กระบ่ี จงั หวดั ชุมพร จงั หวดั ตรัง จงั หวดั นครศรีธรรมราช จงั หวดั นราธิวาส จงั หวดั ปัตตานี จงั หวดั พงั งา จงั หวดั พทั ลุง จงั หวดั ภูเก็ต จงั หวดั ระนอง จงั หวดั สตูล จงั หวดั สงขลา จงั หวดั สุราษฎร์ธานี จงั หวดั ยะลา ประเพณลี ากพระ (ชักพระ) ช่วงเวลา วนั ลากพระ จะทากนั ในวนั ออกพรรษา คือวนั แรม ๑ ค่า เดือน ๑๑ โดยตกลงนดั หมายลากพระไปยงั จุดศูนยร์ วม วนั รุ่งข้ึน แรม ๒ ค่า เดือน ๑๑ จึงลากพระกลบั วดั ความสาคญั เป็นประเพณีทาบุญในวนั ออกพรรษา ปฏิบตั ิตามความเช่ือวา่ เม่ือคร้ังท่ีพระพุทธเจา้ เสดจ็ ไปจา พรรษา ณ สวรรคช์ ้นั ดาวดึงส์เพอื่ โปรดพระมารดา เม่ือครบพรรษาจึงเสด็จกลบั มายงั โลกมนุษย์ พุทธศาสนิกชนไปรับเสดจ็ แลว้ อญั เชิญพระพุทธเจา้ ประทบั บนบุษบกแลว้ แห่แหน พธิ ีกรรม ๑. การแต่งนมพระ นมพระ หมายถึงพนมพระเป็ นพาหนะที่ใชบ้ รรทุกพระลาก นิยมทา ๒ แบบ คือ ลากพระทางบก เรียกวา่ นมพระ ลากพระทางน้า เรียกวา่ \"เรือพระ\" นมพระสร้างเป็นร้านมา้ มีไมส้ องท่อนรองรับขา้ งล่าง ทา เป็นรูปพญานาค มีลอ้ ๔ ลอ้ อยใู่ ตต้ วั พญานาค ร้านมา้ ใชไ้ มไ้ ผส่ านทาฝาผนงั ตกแตง่ ลวดลายระบายสีสวย รอบ ๆ ประดบั ดว้ ยผา้ แพรสี ธงริ้ว ธงสามชาย ธงราว ธงยนื หอ้ ยระยาง ประดบั ตน้ กลว้ ย ตน้ ออ้ ย ทางมะพร้าว ดอกไมส้ ดทาอุบะหอ้ ยระยา้ มีตม้ ห่อดว้ ยใบพอ้ แขวนหนา้ นมพระ ตวั พญานาคประดบั กระจก แวววาวสีสวย ขา้ ง ๆ นมพระแขวนโพน กลอง ระฆงั ฆอ้ ง ดา้ นหลงั นมพระวางเกา้ อ้ี เป็ นท่ีนงั่ ของพระสงฆ์

ยอดนมอยบู่ นสุดของนมพระ ไดร้ ับการแต่งอยา่ งบรรจงดูแลเป็นพเิ ศษ เพราะความสง่าไดส้ ดั ส่วนของนม พระข้ึนอยกู่ บั ยอดนม ๒. การอญั เชิญพระลากข้ึนประดิษฐานบนนมพระ พระลาก คือพระพุทธรูปยนื แต่ที่นิยมคือ พระพทุ ธรูปปางอุม้ บาตร เมื่อถึงวนั ข้ึน ๑๕ ค่า เดือน ๑๑ พทุ ธบริษทั จะสรงน้าพระลากเปล่ียนจีวร แลว้ อญั เชิญข้ึนประดิษฐานบนนมพระ แลว้ พระสงฆจ์ ะเทศนาเรื่องการเสด็จไปดาวดึงส์ของพระพุทธเจา้ ตอน เชา้ มืดในวนั แรม ๑ ค่าเดือน ๑๑ ชาวบา้ นจะมาตกั บาตรหนา้ นมพระ เรียกวา่ ตกั บาตรหนา้ ลอ้ เสร็จแลว้ จึง อญั เชิญพระลากข้ึนประดิษฐานบนนมพระ ในตอนน้ีบางวดั จะทาพิธีทางไสยศาสตร์เพ่ือใหก้ ารลากพระ ราบรื่น ปลอดภยั 2 ประเพณตี ักบาตรธูปเทยี น ช่วงเวลา ระยะเวลาของการประกอบพิธีตกั บาตรธูปเทียนมีข้ึนในวนั แรม ๑ ค่าเดือนแปด เวลาประมาณ ๑๖ นาฬิกา ใชล้ านภายในวดั เป็นสถานท่ีตกั บาตรธูปเทียน ความสาคัญ เป็นการทาบุญดว้ ยธูปเทียนและดอกไม้ เนื่องในเทศกาลเขา้ พรรษาเพื่อใหพ้ ระสงฆท์ ่ีจาพรรษา ได้ นาธูปเทียนใชบ้ ูชาพระรัตนตรัยตลอดพรรษา ๓ เดือน พธิ ีกรรม วนั ประกอบพธิ ีตกั บาตรธูปเทียน เป็นวนั ท่ีพระสงฆเ์ ร่ิมพิธีเขา้ พรรษา พธิ ีการตกั บาตรธูปเทียนจึง เร่ิมในตอนบา่ ย โดยพระภิกษุสงฆแ์ ละสามเณร ต่างพากนั มายนื เรียงแถวในบริเวณลานวดั โดยมียา่ มคลอ้ ง แขนทุกรูป เพ่ือเตรียมบิณฑบาต เม่ือถึงเวลาบ่ายประมาณ ๑๖ นาฬิกา พทุ ธศาสนิกชนจะนาธูปเทียน ไมข้ ีด ไฟ และดอกไม้ มาใส่ยา่ มถวายพระสงฆเ์ ป็นอนั เสร็จพิธี สาระ ความศรัทธาในพระพทุ ธศาสนามีความสาคญั ต่อประเพณีตกั บาตรธูปเทียน เป็นประเพณีที่ควรแก่ การส่งเสริมใหค้ งอยู่ การตกั บาตรธูปเทียนใหส้ าระสาคญั ดงั น้ี

๑. สะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงความยดึ มน่ั และศรัทธาในการนบั ถือพระพทุ ธศาสนา ซ่ึงเป็นส่ิงที่ดีงามควร รักษาประเพณีไวส้ ืบไป ชาวนครศรีธรรมราชจึงเตรียมมดั ธูป ๓ ดอกและเทียน ๑ เล่มไวด้ ว้ ยกนั เพือ่ สะดวก ในการตกั บาตร แต่คนส่วนใหญ่จะใชธ้ ูปและเทียนมดั ใหญ่ เพอ่ื ใหพ้ ระสงฆม์ ีธูปเทียนใชต้ ลอดพรรษา และ สิ่งที่ขาดเสียไม่ไดค้ ือไมข้ ีดไฟ เป็นของเสริม เพ่ือใหพ้ ระสงฆม์ ีอุปกรณ์ครบ รวมท้งั ดอกไมส้ ดชนิดต่าง ๆ ๒. เป็นการอบรมใหล้ ูกหลานท่ีไปร่วมพธิ ีตกั บาตรธูปเทียนไดม้ ีความรู้ความเขา้ ใจ ในประเพณี ทอ้ งถิ่น และใหค้ วามสุขใจจากบุญกศุ ลท่ีไดท้ า 3 ประเพณสี ารทเดือนสิบ ช่วงเวลา ระยะเวลาของการประกอบพิธีสารทเดือนสิบมีข้ึนในวนั แรม ๑ ค่าถึงแรม ๑๕ ค่า เดือนสิบ แตว่ นั ท่ี ชาวนครศรีธรรมราชนิยมทาบุญคือวนั แรม ๑๓-๑๕ ค่า ความสาคัญ เป็นความเช่ือของพทุ ธศาสนิกชนชาวนครศรีธรรมราช ท่ีเชื่อวา่ บรรพบุรุษอนั ไดแ้ ก่ ป่ ูยา่ ตายาย และญาติพนี่ อ้ งท่ีล่วงลบั ไปแลว้ หากทาความชว่ั จะตกนรกกลายเป็นเปรต ตอ้ งทนทุกขท์ รมานในอเวจี ตอ้ ง อาศยั ผลบุญท่ีลูกหลานอุทิศส่วนกุศลใหแ้ ต่ละปี มายงั ชีพ ดงั น้นั ในวนั แรม ๑ ค่าเดือนสิบ คนบาปท้งั หลายท่ี เรียกวา่ เปรตจึงถูกปล่อยตวั กลบั มายงั โลกมนุษยเ์ พอ่ื มาขอ ส่วนบุญจากลูกหลานญาติพี่นอ้ ง และจะกลบั ไป นรกในวนั แรม ๑๕ ค่า เดือนสิบ ในโอกาสน้ีเองลูกหลานและผยู้ งั มีชีวติ อยจู่ ึงนาอาหารไปทาบุญท่ีวดั เพอื่ อุทิศส่วนกศุ ลใหแ้ ก่ผทู้ ี่ล่วงลบั ไป แลว้ เป็นการแสดงความกตญั ญูกตเวที พธิ ีกรรม พธิ ีกรรมของประเพณีสารทเดือนสิบ มีดงั น้ี ๑. การจดั หฺมฺรับ เร่ิมในวนั แรม ๑๓ ค่า ชาวบา้ นจะเตรียมซ้ืออาหารแหง้ พชื ผกั ที่เกบ็ ไวไ้ ดน้ าน ขา้ วของเครื่องใชใ้ น ชีวติ ประจาวนั และขนมท่ีเป็ นสัญลกั ษณ์ของสารทเดือนสิบ จดั เตรียมใส่หฺมฺรับ

การจดั หฺมฺรับ คือ การบรรจุและประดบั ดว้ ยส่ิงของ อาหาร ขนมเดือนสิบลงในภาชนะท่ีเตรียมไว้ เช่น ถาด กาละมงั เขง่ กระเชอ เป็นตน้ ช้นั ล่างสุดบรรจุอาหารแหง้ ช้นั สองเป็นพืชผกั ท่ีเกบ็ ไวน้ าน ช้นั สามเป็นของใช้ ในชีวติ ประจาวนั ข้นั บนสุด ประดบั ขนมสัญลกั ษณ์เดือนสิบ ไดแ้ ก่ ขนมพอง ขนมลา ขนมบา้ ขนมดีซา ขนมแต่ละชนิดมีความหมายดงั น้ี ขนมลา เป็นเสมือนเส้ือผา้ ท่ีใหบ้ รรพบุรุษใชน้ ุ่งห่ม ขนมพอง เป็ นเสมือนแพท่ีให้บรรพบุรุษขา้ มหว้ งมหรรณพ 3 ขนมกง เป็นเสมือนเครื่องประดบั ใชต้ กแตง่ ร่างกาย ขนมบา้ เป็นเสมือนเมล็ดสะบา้ ไวเ้ ล่นในวนั ตรุษสงกรานต์ ขนมดีซา เป็นเสมือนเงินตรา ไวใ้ หใ้ ชส้ อย ๒. การยกสารับ ในวนั แรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่า ชาวบา้ นจะยกหสารับท่ีจดั เตรียมไวไ้ ปวดั และนาภตั ตาหารไปถวาย พระดว้ ย โดยเลือกไปวดั ท่ีอยใู่ กลบ้ า้ นหรือวดั ท่ีบรรพบุรุษของตนนิยมไป ๓. การฉลองหสารับและบงั สุกลุ เม่ือนาสารับไปวดั แลว้ จะมีการฉลองหสารับ และทาบุญเล้ียงพระเสร็จแลว้ จึงมีการบงั สุกลุ การ ทาบุญวนั น้ีเป็นการส่งบรรพบุรุษและญาติพนี่ อ้ งใหก้ ลบั ไปยงั เมืองนรก ๔. การต้งั เปรต เสร็จจากการฉลองสารับและถวายภตั ตาหารแลว้ ชาวบา้ นจะนาขนมอีกส่วนหน่ึงไปวางไวต้ าม บริเวณลานวดั ขา้ งกาแพงวดั โคนไมใ้ หญ่ เรียกวา่ ต้งั เปรต เพื่อแผส่ ่วนกุศลเป็ นทานแก่ผลู้ ่วงลบั ที่ไมม่ ีญาติ หรือญาติไมม่ าร่วมทาบุญให้ การชิงเปรตจะทาตอนต้งั เปรตเสร็จแลว้ เพราะเชื่อวา่ ถา้ หากใครไดก้ ินของ เหลือจากการเซ่นไหวบ้ รรพบุรุษ จะไดร้ ับกุศลเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง บางวดั นิยมสร้างหลาเปรต เพ่อื สะดวกแก่การต้งั เปรต บางวดั สร้างหลาเปรตไวบ้ นเสาสูงเพยี งเสาเดียว เกลา และชะโลมน้ามนั เสาจนล่ืน เมื่อเวลาชิงเปรตผชู้ นะคือผทู้ ่ีสามารถปี นไปถึงหลาเปรตซ่ึงตอ้ งใชค้ วาม พยายามอยา่ งมาก จึงสนุกสนานและต่ืนเตน้ สาระ

ประเพณีสารทเดือนสิบมีสาระสาคญั หลายประการ ดงั น้ี ๑. เป็นการแสดงความกตญั ญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษท่ีล่วงลบั ไปแลว้ ที่ไดอ้ บรมเล้ียงดูลูกหลาน เพื่อ ตอบแทนบุญคุณ ลูกหลานจึงทาบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ๒. เป็นโอกาสไดร้ วมญาติที่อยหู่ ่างไกล ไดพ้ บปะทาบุญร่วมกนั สร้างความรักใคร่สนิทสนมในหมู่ ญาติ 3 ๓. เป็นการทาบุญในโอกาสท่ีไดร้ ับผลผลิตทางการเกษตรท่ีเร่ิมออกผลเพราะเช่ือวา่ เป็ นสิริมงคลแก่ ตนเองและครอบครัว ๔. ฤดูฝนในภาคใตจ้ ะเร่ิมข้ึนในปลายเดือนสิบ พระภิกษุสงฆบ์ ิณฑบาตยากลาบาก ชาวบา้ นจึงจดั เสบียงอาหารนาไปถวายพระในรูปของสารับ ใหท้ างวดั ไดเ้ กบ็ รักษาเป็นเสบียงสาหรับพระภิกษุสงฆใ์ นฤดู ฝน 4 ประเพณใี ห้ทานไฟ ช่วงเวลา การใหท้ านไฟ ส่วนใหญ่จะปฏิบตั ิในช่วงเดือนย่ี เป็ นช่วงเวลาท่ีอากาศหนาวเยน็ ที่สุด โดยชาวบา้ น จะนดั หมายไปพร้อมกนั ในเวลาย่ารุ่ง หรือตอนเชา้ มืดของวนั ไหนกไ็ ด้ ความสาคัญ การใหท้ านไฟ เป็นการทาบุญเพอื่ ใหพ้ ระภิกษุสงฆเ์ กิดความอบอุ่นในตอนเชา้ มืดของคืนที่มี อากาศ หนาวเยน็ โดยใชล้ านวดั เป็นที่ก่อกองไฟแลว้ ทาขนมถวายพระ ประวตั ิความเป็นมาของประเพณีใหท้ านไฟ กล่าวถึงในขนุ ทกนิกายชาดก เรื่อง ความตระหนี่ถ่ีเหนียวของโก ลิยะเศรษฐี ที่อยากกินขนมเบ้ือง แต่เสียดายเงินไมย่ อมซ้ือและไมอ่ ยากใหล้ ูกเมียไดก้ ินดว้ ย ภรรยาจึงทาขนม เบ้ืองท่ีบา้ นช้นั เจด็ ใหเ้ ศรษฐีไดร้ ับประทานโดยไมใ่ หผ้ ใู้ ด เห็น ขณะท่ีสองสามีภรรยากาลงั ปรุงขนมเบ้ือง พระพทุ ธเจา้ ประทบั อยทู่ ่ีเชตวนั มหาวหิ าร ทรงทราบดว้ ยญาณ จึงโปรดใหพ้ ระโมคคลั ลานะไปแกน้ ิสัยของ โกลิยะเศรษฐี พระโมคคคั ลานะตรงไปบนตึกช้นั เจด็ ของคฤหาสน์เศรษฐี เศรษฐีเขา้ ใจวา่ จะมาขอขนม จึง

แสดงอาการรังเกียจและออกวาจาขบั ไล่ แต่พระโมคคคั ลานะพยายามทรมานเศรษฐีอยนู่ านจนยอมละนิสัย ตระหน่ี พระโมคคลั ลานะไดแ้ สดงธรรมเร่ืองประโยชน์ของการให้ จนโกลิยะเศรษฐีและภรรยาเกิดความ เล่ือมใส ไดน้ ิมนตม์ ารับถวายอาหารที่บา้ นตน พระโมคคลั ลานะแจง้ ใหน้ าไปถวายพระพุทธเจา้ และพระ สาวก ๕๐๐ รูป ณ เชตวนั มหาวหิ าร โกลิยะเศรษฐีและภรรบาไดน้ าเขา้ ของเครื่องปรุงไปทาขนมเบ้ืองถวาย พระพุทธเจา้ และพระสาวก แตป่ รุงเทา่ ไหร่แป้งที่เตรียมมาเพยี งเล็กนอ้ ยก็ไม่หมด พระพทุ ธเจา้ จึงโปรด เทศนาสง่ั สอน ท้งั สองคนเกิดความปี ติอ่ิมเอิบในการบริจาคทาน เห็นแจง้ บรรลุธรรมช้นั โสดาบนั พธิ ีกรรม ๑. การก่อกองไฟ ชาวบา้ นจะเตรียมไมฟ้ ื น ถ่าน หรือเตาไฟ สาหรับก่อใหเ้ กิดความร้อนและความ อบอุน่ แก่พระสงฆ์ บางแห่งนิยมใชไ้ มฟ้ ื นหลายอนั มาซอ้ นกนั เป็นเพงิ ก่อไฟ แลว้ นิมนตพ์ ระสงฆม์ านงั่ ผงิ ไฟ เพ่ือใหเ้ กิดความอบอุ่นท้งั พระสงฆแ์ ละชาวบา้ นที่อยใู่ กลเ้ คียง ๒. การทาขนมถวายพระ ขนมที่เตรียมไปปรุงท่ีวดั ในการใหท้ านไฟเป็นขนมอะไรกไ็ ด้ แตส่ ่วน ใหญจ่ ะนิยมขนมที่สามารถปรุงเสร็จในเวลาอนั รวดเร็ว ขนมส่วนมากจะปรุงโดยใชไ้ ฟแรงและเป็นขนม พ้ืนบา้ น เช่น ขนมเบ้ือง ขนมครก ขนมครกขา้ วเหนียว ขา้ วเกรียบปากหมอ้ ขนมโค ขนมพิมพ์ ขนมจาก ชนมจูจ่ ุน เหนียว กวนทอด ในปัจจุบนั มีขนมและอาหารเพมิ่ ข้ึนอีกมากมาย เช่น น้าชา กาแฟ หม่ีผดั ขา้ วตม้ ขา้ ว เหนียวหลาม ขนมปังปิ้ ง ชาวบา้ นจะปรุงขนมตามท่ีเตรียมเครื่องปรุงมา แลว้ นาขนมที่ปรุงข้ึนมาร้อน ๆ ไป ถวายพระสงฆ์ ขณะที่ทาขนมกนั ไป พระสงฆก์ ฉ็ นั ไปพร้อม ๆ กนั จะหยดุ ปรุงขนมก็ต่อเม่ือเคร่ืองปรุงที่ เตรียมมาหมด เมื่อพระสงฆฉ์ นั อ่ิมแลว้ ชาวบา้ นจึงร่วมกนั รับประทานกนั อยา่ งสนุกสนาน หลงั จากพระสงฆ์ ฉนั เสร็จแลว้ กส็ วดใหศ้ ีลใหพ้ รแก่ผทู้ ี่มาทาบุญเป็นอนั เสร็จพธิ ี สาระ ประเพณีใหท้ านไฟมีสาระสาคญั ท่ีมีคุณคา่ แก่ตนเองและสงั คม ดงั น้ี ๑. เป็นโอกาสหน่ึงที่ไดน้ ดั หมายพร้อมกนั ในตอนเชา้ มืด เพอ่ื ร่วมทาบุญเล้ียงพระ รวมท้งั ร่วม รับประทานอาหารกนั เป็ นการสร้างความสามคั คีในหมูค่ ณะไดด้ ียงิ่ ๒. ทาใหม้ ีสุขภาพพลานามยั ดี แขง็ แรง เพราะการตื่นนอนตอนเชา้ ตรู่ ไดร้ ับอากาศบริสุทธ์ิ ทาใหม้ ี ความสดชื่นเบิกบาน

๓. การไดป้ ฏิบตั ิตามประเพณี ยอ่ มทาใหเ้ กิดความสุขใจ เบิกบานใจในผลบุญท่ีตนไดก้ ระทา อีกท้งั ยงั เป็นแบบอยา่ งแก่ลูกหลานของตนดว้ ย 5 ประเพณอี าบนา้ คนแก่ ช่วงเวลา ระหวา่ งวนั ที่ ๑๓-๑๕ เดือนเมษายน (เดือน ๕) ของทุกปี ซ่ึงจะเลือกทาวนั ไหนก็ได้ จะเป็นตอนเชา้ หรือตอนบา่ ยเป็นไปตามการนดั หมายของแตล่ ะครอบครัว แตล่ ะบา้ นโดยนดั หมายสถานที่และวนั เวลาไว้ ล่วงหนา้ เป็นประจาทุกปี ซ่ึงอาจเป็ นที่บา้ นหรือท่ีวดั ก็ไดต้ ามความเหมาะสม ความสาคัญ ประเพณีอาบน้าคนแก่เป็นวธิ ีการแสดงออกซ่ึงความเคารพนบั ถือ แก่บิดามารดา และญาติคนแก่ (ผู้ อาวโุ ส) ของตระกลู รวมท้งั ผูม้ ีพระคุณและบุคคลที่ตนเคารพนบั ถือ พธิ ีกรรม ๑. การขอขมา เมื่อเชิญคนแก่ท้งั หลายนง่ั ในโรงพธิ ีเรียบร้อยแลว้ ลูกหลานและชาวบา้ นท่ีมาร่วมพิธี จะรวมกลุ่มยนื อยดู่ า้ นหนา้ ของคนแก่ท้งั หลาย ผนู้ าในพธิ ีนาดอกไมแ้ ละจุดธูปเทียนพนมมือ แลว้ กล่าวขอขมา ทุกคนวา่ ตามดงั น้ี \"กายกรรมสาม วจีกรรมส่ี มโนกรรมสาม หากขา้ พเจา้ ท้งั หลายเกิดประมาทพลาดพล้งั แก่ทา่ น ดว้ ยกายกด็ ี ดว้ ยวาจาก็ดี ดว้ ยใจก็ดี ตอ่ หนา้ ก็ดี ลบั หลงั กด็ ี ไม่เจตนาก็ดี ขอใหท้ ่านอโหสิกรรมใหแ้ ก่ขา้ พเจา้ ดว้ ยเถิด และ ขอไดโ้ ปรดอานวยพรใหข้ า้ พเจา้ ท้งั หลาย มีความสุขความเจริญตลอดไป และขอต้งั จิตอธิษฐานขอใหท้ ่าน เจริญดว้ ย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ตลอดไป ๒. พธิ ีการอาบน้า

การอาบน้าเป็นการตกั น้ามารดอาบใหค้ นแก่จนเปี ยกโชกท้งั ตวั ปัจจุบนั บางหมูบ่ า้ นไดป้ รับเปล่ียน วธิ ีการในการอาบน้า มารดน้าท่ีมือท้งั สองของคนแก่แทนเพราะคนแก่ที่มีอายมุ าก มีลูกหลานและผทู้ ี่เคารพ นบั ถือมาก พธิ ีการอาบน้าตอ้ งใชเ้ วลานานจึงแลว้ เสร็จ คนแก่เหล่าน้นั อาจรู้สึกหนาวสะทา้ น ซ่ึงเป็นเหตุให้ เจบ็ ป่ วยเป็นไขไ้ ด้ 5 ลูกหลานจะเขา้ แถวตกั น้าที่เตรียมไวใ้ นโอง่ มารดท่ีมือหรือท่ีตวั คนแก่ และมอบเคร่ืองนุ่งห่มเครื่องใชใ้ หค้ น แก่พร้อมกบั ขอพร คนแก่กจ็ ะใหพ้ รลูกหลาน การอาบน้าจะทาไปตามลาดบั จนครบทุกคน เมื่อเสร็จพธิ ี ลูกหลานจะนาเส้ือผา้ ชุดใหม่มาผลดั เปลี่ยนใหค้ นแก่ ทาแป้ง หวผี ม แตง่ ตวั ให้ เป็นอนั เสร็จพิธี การอาบน้า สาระ ประเพณีอาบน้าคนแก่ เป็นภูมิปัญญาในการเชื่อมสายใยของครอบครัวใหส้ าระสาคญั หลายประการคือ ๑. เป็นประเพณีที่มีบทบาทในการควบคุมคนในสงั คมใหว้ างตนใหเ้ หมาะสมตามฐานะของคน คือ เม่ือเป็ นผใู้ หญก่ ็ตอ้ งเป็นผใู้ หญท่ ่ีดีเพื่อใหค้ นเคารพนบั ถือ เมื่อเป็ นผนู้ อ้ ยก็ตอ้ งแสดงความเคารพ และมีความ กตญั ญูต่อผใู้ หญแ่ ละผมู้ ีพระคุณ ๒. เป็นการแสดงถึงความกตญั ญูกตเวทีต่อผมู้ ีพระคุณ ซ่ึงไดแ้ ก่ คนแก่ในตระกูล บิดามารดา ตลอดจนผทู้ ่ีตนเคารพนบั ถือท้งั หลาย ๓. เกิดความผกู พนั ในวงศาคณาญาติ สร้างความสนิทสนมกลมเกลียวรักใคร่กนั ในตระกูลยงิ่ ข้ึน การพบปะกนั ในระหวา่ งญาติพน่ี อ้ ง สร้างความอบอุน่ ปลาบปล้ืมใจใหแ้ ก่คนแก่ของตระกูลท่ีไดเ้ ห็นความ เป็นปึ กแผน่ ของลูกหลาน

บรรณานุกรม

6 บรรณานุกรม ศุภวฒั น์ สาวด.ี (2014). ประเพณวี ฒั นธรรมภาคใต้ สืบค้นจาก https://sites.google.com/site/wathnthrrmphakhti/prapheni-phakh-ti การอ้างองิ แทรกเนื้อหา (ศุภวฒั น์ สาวดี.2014) (เอกสารจากเวป็ ไซต์)

ภาคผนวก 7

ภาพประกอบ ประเพณีลากพระ ประเพณีตกั บาตรรูปเทียน https://clib.psu.ac.th/ https://sites.google.com/ ประเพณีสาทรเดือนสิบ 8 https://www.brighttv.co.th/ ประเพณีทานไฟ https://sites.google.com/



8 ภาพประกอบ ประเพณีอาบน้าคนแก่ https://arit.kpru.ac.th/


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook